Friday, 29 March 2024
สหรัฐ

‘หญิงชาวเอเชีย’ ถูกคนไร้บ้านผลักให้รถไฟทับที่สถานีรถไฟใต้ดินย่านไทม์สแควร์

ผู้หญิงชาวเอเชียรายหนึ่งเสียชีวิตสุดช็อก ถูกผลักให้ม้าเหล็กชนตายที่สถานีรถไฟฟ้าใต้ดินแห่งหนึ่งในย่านไทม์สแควร์ รัฐนิวยอร์ก สหรัฐฯ เมื่อเช้าวันเสาร์ (15 ม.ค.) ในเหตุการณ์ที่พวกเจ้าหน้าที่ของเมืองระบุว่า เป็นเหตุโจมตีที่เกิดขึ้นโดยปราศจากการยั่วยุใดๆ

เจ้าหน้าที่ควบคุมตัวผู้ต้องสงสัยรายหนึ่ง หลังชายคนดังกล่าวเข้ามอบตัวต่อตำรวจ พร้อมกับอ้างว่า เป็นคนลงมือผลักผู้หญิงเชื้อสายเอเชียชาวนิวยอร์ก ซิตี วัย 40 ปี ตกจากชานชาลา Q/R ใกล้ถนนสาย 42 ตัดกับบอร์ดเวย์ ตกลงไปในรางรถไฟ ในขณะที่รถไฟขบวนหนึ่งกำลังแล่นเข้ามาพอดี

เหยื่อผู้เคราะห์ร้าย มีชื่อว่า มิเชลล์ อลิสซา โก (Michelle Alyssa Go) เป็นชาวอเมริกันเชื้อสายจีน วัย 40 ปี ถูกคนร้ายผลัก ระหว่างยืนรอขบวนรถไฟบนชานชาลา ส่งผลให้ถูกรถไฟที่กำลังแล่นเข้ามาพอดี ชนจนเสียชีวิตคาที่

กลุ่มผู้โดยสารแจ้งเหตุร้ายต่อตำรวจขนส่งหลังจากผู้หญิงรายนี้ตกลงไปในรางตอน 9.39 น. (ตามเวลาท้องถิ่น) และถูกรถไฟชน ขณะที่ผู้ต้องสงสัยไม่ได้ถูกจับกุมที่สถานีรถไฟ แต่ต่อมาได้เข้ามอบตัวต่อตำรวจ "เหตุการณ์นี้เป็นเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นโดยปราศจากการยั่วยุใดๆ และเหยื่อดูเหมือนจะไม่มีความสัมพันธ์ใดๆ กับผู้ต้องสงสัยเลย" คีชานท์ เซเวลล์ ผู้บัญชาการตำรวจนครนิวยอร์กกล่าว

ตำรวจระบุระหว่างแถลงข่าวว่า เบื้องต้นผู้ต้องสงสัยเล็งเป้าเล่นงานผู้หญิงอีกคนบนชานชาลา ก่อนเปลี่ยนใจก่อเหตุใช้ความรุนแรงกับเหยื่อวัย 40 ปี

"เขามุ่งตรงเข้าหาและเข้าไปใกล้เธอ แต่เธอระวังตัวมาก" ตำรวจเผย "เธอพยายามเดินหนีจากเขา แต่เขาก็พยายามเข้ามาใกล้ๆ เธอรู้สึกเหมือนเขากำลังหาทางผลักเธอเข้าใส่รถไฟ เธอจึงตัดสินใจหนีออกมา แต่ตอนที่เธอกำลังเดินออกมานั้น เธอเห็นอาชญากรเต็มตา เขาผลักเหยื่ออีกคนตัดหน้าขบวนรถไฟ"

ต่อมา ตำรวจระบุตัวตนชายผู้ก่อเหตุคือ นายไซมอน มาร์เทียล วัย 61 ปี ซึ่งเวลานี้ถูกตั้งข้อหาฆาตกรรมอันเกี่ยวข้องกับเหตุโจมตีในตอนเช้าวันเสาร์ (15 ม.ค.) ทั้งนี้ เขาเคยมีประวัติทางอาญาต่างๆ และถูกปล่อยออกจากคุกโดยมีทัณฑ์บน

'สหรัฐฯ-ยุโรป' กุมขมับ!! ส่อแตะยุคข้าวยากหมากแพง สารพัดม็อบโผล่ 'ดอลลาร์-ยูโร' แกว่ง แต่รูเบิลรัสเซียแรง

ภายหลังจากยุโรปรับคำสั่งสหรัฐฯ และอังกฤษ ให้แบนรัสเซีย ผลทางจิตวิทยาชั่วคราวระยะสั้นค่าเงินรูเบิลรัสเซียอ่อนค่าลงเป็นราว 140 รูเบิล/ดอลลาร์

แต่ไม่นานนักเมื่อรัสเซีย โต้กลับสหรัฐฯ-ยุโรป โดยเริ่มแบนกลับพลังงานน้ำมัน ก๊าซ ถ่านหิน ปุ๋ย ก็ทำให้โลกความจริงกลับมา สิ่งที่คนยุโรปกลัวที่สุดคือ "หุ้นตก" อัตราเงินเฟ้อเกิน 7.0% การใช้จ่ายถดถอย น้ำมัน ก๊าซ สินค้าอุปโภคบริโภคแพงมาก ปุ๋ยที่เป็นต้นธารอาหาร ขาดแคลน ราคาแพง

สารพัดม็อบในยุโรปหลายชาติ เริ่มโผล่มาปิดถนน ปิดเมืองหลวง รัฐบาลยุโรปเริ่มออกอาการร่อแร่

ทันทีทันใด รัสเซีย ก็รีบหวดซ้ำ โดยแบนอาหาร และประกาศขายพลังงานให้ประเทศที่ขึ้นบัญชีดำว่าไม่เป็นมิตรเป็นเงิน "เปรโตรรูเบิล" เท่านั้น ไม่รับชำระเป็นดอลลาร์, ยูโร หรือปอนด์ 

สิ้นคำประกาศของฝั่งรัสเซีย ตลาดหุ้นในยุโรป ร่วงกราว เงินรูเบิลมี Demand ความต้องการเพิ่มขึ้นอย่างไม่อั้น เพื่อแลกไว้เป็นเงินทุนสำรองซื้อพลังงานราคาถูกจากรัสเซีย 

ประเทศต่างๆ ในยุโรปที่เคยทำสัญญากับรัสเซียว่าจะซื้อขายพลังงานกันเป็นดอลลาร์-ยูโร ถึงกับเหวอ ต้องเร่งเทขายทิ้ง วิ่งไปหาซื้อรูเบิล มาสำรองจ่ายค่าพลังงานราคาถูกจากรัสเซีย ไม่เช่นนั้นจะถูกตัดพลังงาน 

ส่งผลให้ค่าเงินรูเบิลล่าสุดแข็งค่าขึ้นมาเป็น 89.5 รูเบิล/ดอลลาร์ ส่วนค่าเงินดอลลาร์ ยูโร ต่ำลงไปอีก 10% แถมตลาดหุ้นตื่นตระหนกร่วงซ้ำลงไปอีก  

'ผู้นำสิงคโปร์' เตือน!! สหรัฐฯ อย่าโดดเดี่ยวจีนจากปัญหายูเครน ลั่น!! ทุกคนมีสิทธิ์ตัดสินใจเรื่องนี้ตามทางของตน

ดูเหมือนว่าตอนนี้จะมีประเทศในแถบเอเชีย ที่เริ่มกล้าออกมาแสดงจุดยืนที่ห้าวหาญในประเด็นการเมืองโลก โดยล่าสุด Lee Hsien Loong นายกรัฐมนตรีของสิงค์โปร์ ได้ออกคำเตือนไปยังสหรัฐฯ โดยตรงว่า "อย่าพยายาม โดดเดี่ยวจีน จากประเด็นเรื่องยูเครน เพราะทุกวันนี้โลกของเรา "ก็มีปัญหามากพออยู่แล้ว" และยังลั่นอีกด้วยว่าในอนาคต สหรัฐฯ อาจไม่ใช่เบอร์ 1 ของโลกอีกต่อไป 

นายกฯ สิงคโปร์ กล่าวไว้ชัดเจนว่า ถ้าหากสหรัฐฯ ยังหันมาเปิดศึกกับจีน จะยิ่งเป็นการแบ่งแยกระบอบประชาธิปไตยกับเผด็จการอย่างชัดเจน ซึ่งจะทำให้ปัญหา Supply Chain โลกซับซ้อนเข้าไปอีก และแน่นอนว่าถ้าลุกลามถึงขั้นคว่ำบาตรจีน ย่อมส่งผลกระทบต่อเศรษฐกิจโลกสูงกว่าการคว่ำบาตรรัสเซียเป็นอย่างมาก

“คุณต้องระวังให้มากที่จะไม่กำหนดปัญหายูเครนในลักษณะที่จะทำให้จีนเป็นฝ่ายผิดตั้งแต่แรกเริ่มโดยอัตโนมัติ ยกตัวอย่างเช่น การทำให้เกิดการต่อสู้ระหว่างฝ่ายประชาธิปไตยและเผด็จการ”

(You have to be very careful not to define the problem with Ukraine in such a way that automatically, China is already on the wrong side, for example, by making this a battle of democracies against autocracies.)

“เราทุกคนมีปัญหาในยูเครน ผมคิดว่าถ้าเราพูดถึงอธิปไตย ความเป็นอิสระ และบูรณภาพแห่งดินแดน หลายประเทศสามารถเข้าร่วมได้ แม้แต่จีนเองก็ยังไม่คัดค้านและยังมุ่งมั่นที่จะสนับสนุนอย่างแข็งขันเป็นการส่วนตัวด้วย แต่ถ้าคุณ (สหรัฐฯ) บอกว่านี่เป็นเรื่องของประชาธิปไตยกับระบอบเผด็จการของปูติน ผมคิดว่านั่นเป็นเรื่องที่ยากพออยู่แล้ว และถ้าคุณยังบอกอีกว่าประชาธิปไตยต้องสู้กับเผด็จการ นั่นถือเป็นการกำหนดให้ประเทศจีนเป็นฝ่ายที่ผิดตั้งแต่แรก และทำให้สิ่งต่างๆ จะยากขึ้นไปอีก”

(We all have a problem in Ukraine. I think if we talk about sovereignty, independence and territorial integrity, a lot of countries can come along. Even China would not object to that, and would actually privately strongly support that. But if you say it is democracies versus Putin’s autocracy, I think that already is difficult. If you say democracies versus autocracies – plural – that already defines China into the wrong camp, and makes things even more difficult.)

นอกจากนี้ นายกฯ สิงคโปร์ยังสอนมวยสหรัฐฯ อีกว่าในสถานการณ์ปัจจุบันนั้น ทั้ง 2 ฝ่ายมีความไว้วางใจกันน้อยมาก และมันไม่ง่ายเลยที่จะหาระดับที่เหมาะสมในความสัมพันธ์ ขณะที่สิงคโปร์จะเลือกเดินตามทางของตัวเองในการแก้ไขและป้องกันไม่ให้เรื่องทั้งหมดบานปลาย

ดังนั้นสหรัฐฯ ต้องรู้ตัวแล้วว่า ถ้าเศรษฐกิจยังคงต้องพึ่งพากันและกันกับจีน ก็ไม่ควรวาง 80% ของจุดยืนในความสัมพันธ์ระหว่างประเทศไว้ในมุมของการเป็นปรปักษ์หรือศัตรูกัน แล้วมาบอกว่าความสัมพันธ์อันดี 20% ที่เหลือคือการ "Win-Win" ทั้ง 2 ฝ่าย

เขากล่าวชัดเจนว่าแนวคิดนี้ "ควรจะครอบงำรัฐบาลสหรัฐฯ" (กล่าวคือสหรัฐฯ ควรตระหนักเรื่องนี้โดยด่วน) และนอกเหนือจากยูเครนแล้ว สหรัฐฯ ควรรู้ด้วยว่าภูมิภาคเอเชียนี้ ถือเป็นสมรภูมิสำคัญที่สหรัฐฯ ต้องวางจุดยืนของตัวเองให้ดี 

ยิ่งไปกว่านั้น เขายังกล่าวด้วยว่าสหรัฐฯ ควรหันมามองเรื่อง "ความน่าเชื่อถือของตัวเอง" โดยเฉพาะเรื่องที่เกี่ยวกับความมั่นคงและความสม่ำเสมอในการทำธุรกิจ (ซึ่งแน่นอนว่าหมายถึงการคว่ำบาตรด้วย) เพราะเรื่องนี้ทำให้เกิดความไม่แน่นอนสูงมาก และอาจทำให้ประเทศอื่น ๆ ลดความไว้เนื้อเชื่อใจสหรัฐฯ ลงในอนาคต

Lee เสริมว่า ในภายภาคหน้านี้ สหรัฐฯ อาจจะไม่ใช่เบอร์ 1 ของโลกอีกต่อไป แต่จะยังคงเป็น 1 ในแนวหน้าทางด้านการเมืองและเศรษฐกิจที่สำคัญของโลก ซึ่งเขากล่าวว่ามันอาจเป็นเรื่องที่เจ็บปวดที่จะทำใจยอมรับได้สำหรับสหรัฐฯ แต่เขาก็ปลอบใจว่าเมื่อเวลาผ่านไป สหรัฐฯ จะปรับตัวได้เอง

ตีไข่ ใส่สี! ‘กห.’ สยบเฟกนิวส์ ยัน ‘แก๊งยากูซ่าไทย’ ถูกจับที่สหรัฐฯ ไม่ใช่ ‘ลูกชายปธ.องคมนตรี’ ย้ำ! แค่คนชื่อคล้าย

โฆษกกลาโหม ยันผู้ต้องหาคนไทย แก๊งยากูซ่าที่สหรัฐฯจับกุม คือ สุขสันต์ จุลนันท์ ไม่เกี่ยวข้อง "สันต์ จุลานนท์" ลูกชายประธานองคมนตรี แค่ชื่อ-นามสกุลคล้ายกัน พบมีคนบางกลุ่มบิดเบือน ทำเสียหายปล่อยข่าวปลอม ย้ำผู้ต้องหาไม่เคยเป็นทหาร ไม่มียศพลเอก

(16 เม.ย. 65) พลเอก คงชีพ ตันตระวาณิชย์ โฆษกกลาโหม ชี้แจงถึง กรณีมีการบิดเบือนข่าวการจับกุม 3 คนไทย ที่เป็นแก๊งค์ยากูซ่า ที่นิวยอร์ค สหรัฐอเมริกา โดยระบุว่า ผู้ต้องหาชาวไทย คนหนึ่งชื่อ นายสุขสันต์ จุลนันท์ ว่าเป็น นายสันต์ จุลานนท์ ลูกชายพลเอกสุรยุทธ์ จุลานนท์ ประธานองคมนตรี เพราะมีชื่อและนามสกุลคล้ายกันนั้นว่า ยืนยันว่า ผู้ต้องหา คนดังกล่าว ไม่ใช่ นายสันต์ จุลานนท์ และไม่เกี่ยวข้องใดๆกับ ประธานองคมนตรี

“ตอนนี้ มีการปล่อยเฟคนิวส์ ปล่อยข่าวบิดเบือน ไปเชื่อมโยงกับ บุตรชายประธานองคมนตรี เพิ่อหวังให้เกิดความเสียหาย จากการตรวจสอบกับระบบกำลังพลของกองทัพและทางตำรวจ ยืนยันว่า ผู้ต้องหาคนดังกล่าวชื่อนายสุขสันต์ จุลนันท์ ไม่ได้เป็นทหาร และไม่เคยเป็นทหาร และไม่ใช่นายสันต์ จุลานนท์ แต่อย่างใด ขอผู้ไม่หวังดี หยุดบิดเบือนข่าวในทุกช่องทาง" พลเอกคงชีพ ระบุ

พลเอกคงชีพ ระบุว่า นายสุขสันต์ จุลนันท์ เป็นคนไทยอาศัยอยู่ในอเมริกา และถือ 2 สัญชาติคือไทยและอเมริกา เป็นคนละคน กับนายสันต์ จุลานนท์ และยืนยันว่า ที่แชร์กันด้วยว่า เป็น พลเอกสุขสันต์ จุลานนท์ ก็ไม่เป็นความจริง เพราะไม่ได้เป็นทหาร แต่เพียงแต่มีชื่อและนามสกุลคล้ายๆกันเท่านั้น แต่ก็มีการมาเขียนตีไข่ใส่สี สร้างความเสียหาย
 

คณะกรรมาธิการยุโรป กล่าว!! จีนแสดงให้โลกเห็น 'ประชาธิปไตย' ไม่ใช่กุญแจสำหรับการเติบโต

กลายเป็นข่าวเด่นในแวดวงเศรษฐกิจโลกกันขึ้นมาเลยทีเดียว หลังจากล่าสุด 1 ในคณะกรรมาธิการทางด้านเศรษฐกิจของสหภาพยุโรปอย่าง Paolo Gentiloni เริ่มส่อแววแปรพักตร์ไปหาจีน 

โดยเขาได้กล่าวว่าตอนนี้ 'จีน' แสดงให้โลกเห็นแล้วว่า "ประชาธิปไตย" นั้นไม่ใช่กุญแจสำคัญของการเติบโตทางเศรษฐกิจ ?? ซึ่งคำพูดนี้ถือเป็นการหักหน้าสหรัฐฯ อย่างไม่ต้องถามหมอกันเลยทีเดียว !

Paolo Gentiloni กล่าวในงานที่สถาบันปีเตอร์สันในวอชิงตัน ดี.ซี. ว่า...

“การเติบโตของจีนแสดงให้เห็นแล้วว่าประชาธิปไตยนั้นไม่จำเป็นต่อการบรรลุความสำเร็จทางเศรษฐกิจเลย และนั่นคือการเปลี่ยนแปลงวิถีที่เราได้เห็นและมีการหารือกันกับอีกหลายประเทศ ผมคิดว่าภาพลวงตาแห่งการเปลี่ยนผ่านไปสู่ระบอบการปกครองแบบเผด็จการ ผ่านด้านการค้า การแลกเปลี่ยนวัฒนธรรม และความสัมพันธ์ส่วนบุคคล กำลังจางหายไป”

(China’s growth shows that democracy is not necessary to achieve economic success and that is changing the way we see and interact with such countries, I think the illusion of changing an autocratic regime through trade, cultural exchanges, personal relations, is fading,)

ใหญ่คับฟ้า!! สหรัฐฯ เตือนหมู่เกาะโซโลมอน อย่าให้จีนตั้งฐานทัพเด็ดขาด

สำนักข่าวต่างประเทศรายงานจากกรุงวอชิงตัน ประเทศสหรัฐอเมริกา เมื่อวันที่ 23 เม.ย.65 เผยทำเนียบขาวเผยแพร่แถลงการณ์ ว่านายเคิร์ต แคมป์เบลล์ ผู้ประสานงานด้านกิจการอินโด-แปซิฟิก ของสภาความมั่นคงแห่งชาติสหรัฐฯ เข้าพบนายกรัฐมนตรีมานัสเซห์ โซกาวาเร ผู้นำหมู่เกาะโซโลมอน ที่กรุงโฮนีอารา เมื่อวันศุกร์ที่ผ่านมา

แคมป์เบลล์ กล่าวกับ โซกาวาเร อย่างตรงไปตรงมา ว่า การที่รัฐบาลโซโลมอนลงนามในข้อตกลง “ว่าด้วยการยกระดับการเป็นหุ้นส่วนด้านความมั่นคงระดับทวิภาคี” นั้น “มีความหมายและผลกระทบต่อการดำเนินนโยบายความมั่นคง” ของสหรัฐและพันธมิตรในภูมิภาคแห่งนี้ 

รัฐบาลวอชิงตันและพันธมิตร “จะมีความวิตกกังวลเป็นอย่างยิ่ง และเตรียมตอบสนองตามความเหมาะสม” หากทางการโซโลมอนอนุญาตให้จีนตั้งฐานทัพเป็นการถาวร การติดตั้งอุปกรณ์ทางทหาร และสิ่งก่อสร้างใดก็ตามที่บ่งบอกเจตนาแผ่ขยายอิทธิพลทางทหาร

'ไบเดน' ชงสภาคองเกรซ รีดงบ 3 หมื่นล้านดอลลาร์ หนุนยูเครน 'เสริมอาวุธ - กู้ศก. - เยียวยามนุษยธรรม'

โจ ไบเดน ผู้นำสหรัฐฯ กำลังดันเรื่องเข้าสู่สภาคองเกรซเพื่อของบด้านการทหารเพิ่มอีก 3.3 หมื่นล้านเหรียญสหรัฐ (ประมาณ 1.1 ล้านล้านบาท) เพื่อทุ่มลงในสงครามรัสเซีย-ยูเครน

ซึ่งงบประมาณที่ไบเดนจะขอเพิ่มในส่วนนี้จะถูกใช้จัดหาอาวุธ ยุทโธปกรณ์ ส่งให้กับรัฐบาลยูเครนใช้ต่อสู้กับกองทัพรัสเซีย รวมถึงความช่วยเหลือด้านมนุษยธรรม และฟื้นฟูเศรษฐกิจให้กับยูเครน คาดว่าจะครอบคลุมค่าใช้จ่ายในสงครามยูเครนได้ถึงเดือนกันยายนปีนี้

โจ ไบเดน กล่าวว่า "พวกเราต้องการผลักดันกฎหมายสนับสนุนการต่อสู้เพื่อเสรีภาพของยูเครน แม้ค่าใช้จ่ายในสงครามมันไม่ถูก แต่การยอมแพ้นั้นราคาแพงกว่ามาก" 

ส.ส.สหรัฐฯ เสนอให้อำนาจเด็ดขาด 'ไบเดน' ส่งทหารมะกันร่วมรบ ไม่ต้องสนนานาชาติ

อดัม คินซินเกอร์ สมาชิกสภาผู้แทนราษฎรสหรัฐฯ แถลงเมื่อวันอาทิตย์ (1 ..) ว่า จะหาทางยื่นญัตติเรื่องการให้อำนาจการตัดสินใจแต่เพียงผู้เดียวแก่ประธานาธิบดีโจ ไบเดน ในการอนุมัติใช้กำลังทหารหากรัสเซียใช้อาวุธเคมี อาวุธชีวภาพ หรืออาวุธนิวเคลียร์ในยูเครน โดยไม่จำเป็นต้องผ่านการสืบสวนใดๆ จากนานาชาติ

คินซินเกอร์ พยายามมาตลอดสำหรับผลักดันให้สหรัฐฯ มีส่วนเกี่ยวข้องในความขัดแย้งที่กำลังเกิดขึ้น และก่อนหน้านี้เขาสนับสนุนมาตรการต่างๆ ที่ฝ่ายไม่เห็นด้วยและประธานาธิบดีโจ ไบเดน ระบุว่ามันอาจนำมาซึ่ง "สงครามโลกครั้งที่ 3"

ข้อเสนอของ คินซินเกอร์ จะให้อำนาจแก่ประธานาธิบดีสหรัฐฯ สำหรับใช้กองทัพอเมริกาเข้าช่วยเหลือปกป้องและกอบกู้บูรณภาพแห่งดินแดนของยูเครน ตอบโต้กรณีที่รัสเซียใช้อาวุธเคมี อาวุธชีวภาพ หรืออาวุธนิวเคลียร์ บนแผ่นดินของยูเครน

ญัตตินี้จะให้อำนาจเด็ดขาดกับประธานาธิบดีสหรัฐฯ ในการลงความเห็นว่าการรุกรานลักษณะดังกล่าวของรัสเซียเกิดขึ้นจริงแล้วหรือไม่ โดยไม่จำเป็นต้องมีการสืบสวนใดๆ จากนานาชาติ แต่สำนักข่าวอาร์ทีนิวส์ของรัสเซีย ระบุว่ามันอาจก่อแรงจูงใจให้กองกำลังยูเครนจัดฉากการโจมตีด้วยอาวุธเคมีหรืออาวุธชีวภาพ ในความหวังว่าจะลากสหรัฐฯ เข้าสู่ความขัดแย้ง

รายงานข่าวระบุว่า ญัตตินี้จะทำงานเหมือนกับกฎหมาย "การอนุญาตให้ใช้กำลังทหาร หรือ AUMF" ยุคหลังเหตุการณ์ 9/11 ที่ต่ออายุการใช้ทุกปีมาตั้งแต่ปี 2001 โดยการอนุญาตนี้เคยมอบไฟเขียวทางกฎหมายให้ประธานาธิบดีสหรัฐฯ อนุมัติโจมตีมาแล้วหลายสิบประเทศ โดยไม่ต้องประกาศสงครามอย่างเป็นทางการแต่อย่างใด ในนั้นรวมถึงอัฟกานิสถาน อิรัก ซีเรีย โซมาเลีย และเยเมน

"อย่างที่ประธานาธิบดีแห่งสหรัฐฯ เคยพูดว่า ปูตินต้องหยุด" ถ้อยแถลงจากสำนักงานของคินซินเกอร์ระบุ "ดังนั้น ผู้บัญชาการโดยตำแหน่งของกองทัพที่ยิ่งใหญ่ของโลกควรมีอำนาจและหนทางที่จะดำเนินการต่างๆ ที่จำเป็นตามนั้น"

คินซินเกอร์ สมาชิกรีพับลิกันที่มีความเห็นสอดคล้องกับเดโมแครตในประเด็นต่างๆ เกือบทั้งหมด เคยเรียกร้องอย่างเปิดเผยให้สหรัฐฯ เข้าร่วมกับความขัดแย้งนี้ โดยไม่กี่วันหลังจากกองกำลังรัสเซียบุกเข้าไปในยูเครนในช่วงปลายเดือนกุมภาพันธ์ เขาเรียกร้องให้นาโต้บังคับใช้เขตห้ามบินเหนือประเทศแห่งนี้ ความเคลื่อนไหวที่จะเห็นพันธมิตรทหารที่นำโดยสหรัฐฯ ทำหน้าที่สอยเครื่องบินรบรัสเซียและโจมตีระบบป้องกันภัยทางอากาศของรัสเซีย

แม้ประธานาธิบดีโวโลดิมีร์ เซเลนสกี แห่งยูเครน เรียกร้องบังคับใช้เขตห้ามบินเช่นกัน แต่ทาง ไบเดน ปฏิเสธ โดยบอกว่ามันจะจุดชนวนสงครามโลกครั้งที่ 3 กับรัสเซีย นอกจากนี้ คินซินเกอร์ ยังกดดันรัฐบาลไบเดน ให้เป็นผู้ส่งมอบเครื่องบินรบที่บริจาคโดยโปแลนด์แก่ยูเครน ซึ่งทางรัฐบาลก็ปฏิเสธเช่นกัน โดยอ้างถึงความเสี่ยงเผชิญหน้ากับรัสเซีย

‘รัสเซีย’ สั่งกองกำลังนิวเคลียร์ซ้อมรบ หลังสหรัฐฯ ประเคนจรวดล้ำสมัยให้ยูเครน

กองกำลังนิวเคลียร์ของรัสเซียกำลังซ้อมรบในเมืองอิวาโนโว ทางตะวันออกเฉียงเหนือของมอสโก ตามรายงานของสำนักข่าวอินเตอร์แฟ็กซ์ โดยอ้างการเปิดเผยของกระทรวงกลาโหมรัสเซียเมื่อวันพุธ (1มิ.ย.65) ซึ่งเป็นความเคลื่อนไหวที่มีขึ้นแทบจะทันทีหลังจากสหรัฐฯ ระบุว่า จะมอบระบบจรวดล้ำสมัยแก่ยูเครน เพื่อช่วยบีบให้รัสเซียเข้าสู่การเจรจายุติสงคราม

ประธานาธิบดีโจ ไบเดน ระบุว่าสหรัฐฯ จะมอบระบบจรวดที่ล้ำสมัยกว่าเดิมและกระสุนแก่ยูเครน เพื่อที่กองกำลังเคียฟจะสามารถโจมตีเป้าหมายสำคัญต่าง ๆ ในสมรภูมิรบได้แม่นยำกว่าเดิม

ไบเดน ระบุว่า การรุกรานยูเครนของรัสเซียจะจบลงผ่านการเจรจา แต่สหรัฐฯ จำเป็นต้องมอบอาวุธและกระสุนแก่ยูเครน เพื่อคานอำนาจการต่อรองสูงสุดบนโต๊ะเจรจา

"เราได้เคลื่อนไหวอย่างรวดเร็ว ส่งอาวุธและกระสุนแก่ยูเครนจำนวนมาก เพื่อที่พวกเขาสามารถสู้รบในสนามรบและอยู่ในสถานะที่เข้มแข็งที่สุดเท่าที่จะเป็นไปได้บนโต๊ะเจรจา" ไบเดน เขียนในบทความที่เผยแพร่ในหนังสือพิมพ์นิวยอร์กไทม์ส

เจ้าหน้าที่ระดับสูงของรัฐบาลประธานาธิบดีไบเดน ระบุว่า อาวุธที่ส่งมอบนั้น จะรวมไปถึง M142 ระบบจรวดปืนใหญ่เคลื่อนที่สูง (HIMARS) ซึ่งกองทัพยูเครนบอกเมื่อ 1 เดือนก่อน ว่า "มีความสำคัญยิ่ง" สำหรับตอบโต้การโจมตีด้วยขีปนาวุธของรัสเซีย

แม้จะมีความกังวลว่าอาวุธดังกล่าวอาจลากสหรัฐฯ เข้าสู่ความขัดแย้งโดยตรงกับรัสเซีย แต่ในเรื่องนี้ เจ้าหน้าที่ระดับสูงของรัฐบาลอเมริกาบอกว่า ทางยูเครนให้คำรับประกันว่าระบบจรวดนี้จะไม่ถูกใช้ในการโจมตีภายในรัสเซีย

ทว่า ไม่นานหลังจากสหรัฐฯ แถลงเกี่ยวกับการตัดสินใจในครั้งนี้ ทางกระทรวงกลาโหมรัสเซียก็ได้ออกมาเปิดเผยว่า กองกำลังนิวเคลียร์ของรัสเซีย กำลังซ้อมรบในเมืองอิวาโนโว ทางตะวันออกเฉียงเหนือของมอสโก ตามรายงานของสำนักข่าวอินเตอร์แฟ็กซ์

‘มะกัน’ พล่าน!! หวั่นจีนแผ่อิทธิพลผ่านอ่าวไทย หลังสะพัด!! ซุ่มปักธงฐานทัพเรือลับในกัมพูชา

(8 มิ.ย.65) สำนักข่าว Washington Post รายงานว่า จีนเตรียมเปิดฐานทัพเรือของตนในท่าเรือเรียม ประเทศกัมพูชาอย่างลับๆ หลังจากที่ซุ่มวางแผนพัฒนาท่าเรือริมฝั่งอ่าวไทยมานาน และเตรียมจะทำพิธีวางศิลาฤกษ์ภายในสัปดาห์นี้ 

ทั้งนี้สื่อสหรัฐฯ ได้อ้างอิงจากแหล่งข่าววงในของรัฐบาลกัมพูชา ถึงแผนการปักธงยุทธศาสตร์ในทะเลจีนใต้ ที่เลือกใช้ท่าเรือของกัมพูชาในอ่าวไทยตั้งฐานทัพเรือ ภายหลังจากที่ก่อนหน้านี้รัฐบาลจีนได้เซ็นข้อตกลงด้านความมั่นคงกับประเทศหมู่เกาะโซโลมอนไปแล้ว ไว้ว่า ส่วนหนึ่งมาจากความไม่ประสบผลสำเร็จใจการเจรจากับกลุ่มประเทศในแปซิฟิกอีก 10 ชาติ เมื่อปลายเดือนพฤษภาคมที่ผ่านมานั้น

และหากจีนทำได้สำเร็จ ท่าเรือเรียมจะกลายเป็นฐานทัพจีนแห่งแรกในย่านอินโด-แปซิฟิก และเป็นฐานทัพเรือแห่งที่สอง นอกดินแดนของจีนต่อจากฐานทัพที่ประเทศจิบูตี ด้านชายฝั่งแอฟริกาตะวันออก รวมถึงจีนจะขยับสร้างเครือข่ายอิทธิพลด้านการทหารผ่านโครงการฐานทัพเรือลับในอีกหลายประเทศทั่วโลกอีกด้วย

สำหรับโครงการฐานลับเรือลับจีน เคยมีรายงานข่าวมาตั้งแต่ช่วงปี 2019 ที่จีนได้ตกลงกับรัฐบาลกัมพูชาในด้านความร่วมมือทางทหาร โดยแลกกับการให้จีนได้ใช้พื้นที่ในการตั้งฐานทัพเรือได้อย่างลับ ๆ ที่ส่งผลกระทบต่อความสัมพันธ์ระหว่างกัมพูชา และ สหรัฐฯ ไม่น้อย แต่โครงการนี้ก็เงียบไปจนกระทั่งกลายเป็นข่าวขึ้นมาในวันนี้ 

แต่หลังจากที่สื่อสหรัฐฯ รายงานข่าวความคืบหน้าในโครงการฐานทัพเรือลับที่ท่าเรือเรียมไม่นาน นายไพ สีพัน หัวหน้ากองโฆษกรัฐบาลกัมพูชา ก็ออกมาปฏิเสธว่า “ไม่เป็นความจริง” โดยทางรัฐบาลกัมพูชาไม่ได้อนุญาติให้จีนใช้กัมพูชาตั้งฐานทัพ หรือมีพิธีวางศิลาฤกษ์ดังที่มีการกล่าวอ้าง หากแต่เป็นเพียงการเปิดโรงงานซ่อมบำรุงเรือรบ และก่อสร้างทางลาดเท่านั้น 


TRENDING
© Copyright 2021, All rights reserved. THE STATES TIMES
Take Me Top