Monday, 29 April 2024
สหรัฐ

'อดีตบิ๊กข่าวกรอง' วิเคราะห์!! สหรัฐฯ ผงกำลังเข้าตา หลัง 'รัสเซีย-จีน' พร้อมรับรอง 'เท็กซัส' เป็นประเทศ

(31 ม.ค.67) นายนันทิวัฒน์ สามารถ อดีตรองผู้อำนวยการสำนักข่าวกรองแห่งชาติ และอดีตเลขานุการรมว.ต่างประเทศ โพสต์ข้อความในเฟซบุ๊ก เรื่อง ผงเข้าตา มีเนื้อหาดังนี้

สหรัฐเคยแต่สนับสนุนให้แยกประเทศ เวลานี้ ผงกำลังเข้าตาตนเอง รัฐเท็กซัสกำลังเผชิญหน้ารัฐบาลกลาง ไม่รับคำสั่งจากไบเดนให้เปิดพรมแดน อ้าแขนรับผู้อพยพจากเม็กซิโก เท็กซัสอ้างว่าผู้อพยพเข้ามามากไปแล้ว พร้อมเผชิญหน้ากำลังจากรัฐบาลกลาง แถมมีอีกหลายรัฐสนับสนุนเท็กซัส

ซ้ำร้ายทั้งรัสเซียและจีนพร้อมรับรองเท็กซัส ให้เป็นประเทศเกิดใหม่ รัสเซียแซวเมกา ว่า ไบเดนควรให้การยอมรับ การแยกตัวของเท็กซัส เหมือนที่เคยทำกับประเทศอื่น

เรื่องจะจบลงอย่างไรยังไม่ชัดเจน แต่เท็กซัสเคยขู่แยกตัวมาหลายปีแล้ว เท็กซัสมีจีดีพีใหญ่เป็นอันดับสองของเมกา หากเกิดเหตุจริง เมกาถึงทรุด ไบเดนต้องดึงเรื่องให้ผ่านการเลือกตั้ง ไม่เปิดศึกในประเทศขึ้นอีก แค่ศึกยูเครน กาซา และทะเลแดง ชื่อเสียงเงินทองก็หมดไปมากแล้ว หากไบเดนไม่ได้รับเลือกตั้งรอบใหม่ปัญหาจะถาโถมเข้าใส่มากมาย ใครก็ได้ช่วยที

‘สตาร์บัคส์’ พลาดเป้า!! กำไร-รายได้ Q1/67 ต่ำกว่าที่คาด หลังถูกบอยคอตอย่างหนักในสหรัฐฯ-การตัดราคาของจีน

เมื่อวานนี้ (31 ม.ค. 67) สตาร์บัคส์ (Starbucks) ธุรกิจร้านกาแฟยักษ์ใหญ่ของสหรัฐ รายงานผลกำไรและรายได้ในไตรมาส 1/2567 ต่ำกว่าที่ตลาดคาดการณ์ไว้ เนื่องจากทำยอดขายทั้งในสหรัฐและต่างประเทศต่ำกว่าคาด

โดยสตาร์บัคส์ เปิดเผยว่า บริษัทมีกำไรต่อหุ้น 90 เซนต์ในไตรมาส 1/2567 ซึ่งต่ำกว่าที่ตลาดคาดการณ์ไว้ที่ 93 เซนต์ ส่วนรายได้อยู่ที่ 9.43 พันล้านดอลลาร์ ซึ่งต่ำกว่าที่ตลาดคาดการณ์ไว้ที่ 9.59 พันล้านดอลลาร์

นายลักษมัน นรสีหาญ ประธานเจ้าหน้าที่บริหารของสตาร์บัคส์ กล่าวในการประชุมทางโทรศัพท์ว่า กิจการของบริษัทกำลังเผชิญกับ ‘แรงต้าน’ ซึ่งรวมถึงการถูกบอยคอตอย่างหนักในสหรัฐและการตัดราคาโดยบรรดาคู่แข่งในจีน

“ยอดขายในสหรัฐเริ่มชะงักตั้งแต่ช่วงกลางเดือนพ.ย.ปีที่แล้ว เนื่องจากความเข้าใจผิดเกี่ยวกับจุดยืนของบริษัทในสงครามอิสราเอล-ฮามาส อย่างไรก็ตาม ยอดขายที่ลดลงส่วนใหญ่มาจากลูกค้าขาจร” นรสีหาญ กล่าว

สำนักข่าวซีเอ็นบีซีรายงานว่า ปัญหาดังกล่าวเกิดขึ้นเมื่อสหภาพแรงงานสตาร์บัคส์ (Starbucks Workers United) โพสต์ข้อความสนับสนุนชาวปาเลสไตน์ผ่านเอ็กซ์ (X) โดยมีการใช้สัญลักษณ์ของสตาร์บัคส์ ทางบริษัทสตาร์บัคส์จึงฟ้องร้องสหภาพแรงงานฐานละเมิดเครื่องหมายการค้า ซึ่งทำให้คนจำนวนมากรู้สึกว่าสตาร์บัคส์มีจุดยืนฝักใฝ่อิสราเอล

ไทย สหรัฐ เปิดการฝึกคอบร้าโกลด์ 2024

วันนี้ 27 ก.พ.67 พลเอก ทรงวิทย์ หนุนภักดี ผู้บัญชาการทหารสูงสุดนาย โรเบิร์ต เอฟ. โกเดค (Robert F. Godec) เอกอัครราชทูตสหรัฐอเมริกาประจำประเทศไทย และ พลโทชาเวียร์ บรันสัน (Xavier T. Brunson) แม่ทัพน้อยที่ 1 กองทัพบกสหรัฐอมริกา เป็นประธานร่วมในพิธีเปิดการฝึก คอบร้าโกลด์ 2024 ณ สนามบินอู่ตะเภา กองการบินทหารเรือ กองเรือยุทธการ จังหวัดระยอง โดยมี เอกอัครราชทูตสิงคโปร์ประจำประเทศไทย เอกอัครราชทูตอินโดนีเชียประจำประเทศไทย เอกอัครราชทูตเกาหลีใต้ประจำประเทศไทย อัครราชทูตญี่ปุ่นประจำประเทศไทย และอัครราชทูตมาเลเชียประจำประเทศไทยเข้าร่วมพิธีฯ

การฝึกคอบร้าโกลด์ เป็นการฝึกร่วมผสมทางทหารขนาดใหญ่และมีประวัติยาวนานที่สุดการฝึกหนึ่งในภูมิภาคเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ ซึ่งกองทัพไทย และกองกำลังสหรัฐอเมริกา ภาคพื้นอินโดแปซิฟิกร่วมกันเป็นเจ้าภาพจัดการฝึกในประเทศไทยเป็นประจำทุกปี การฝึกร่วม/ผสม คอบร้าโกลด์ 2024ในปีนี้ นับเป็นครั้งที่ 43โดยมีประเทศเข้าร่วมการฝึกหลัก จำนวน ๗ ประเทศ ประกอบด้วย ไทย สหรัฐอเมริกา สิงคโปร์ อินโดนีเซีย ญี่ปุ่นสาธารณรัฐเกาหลี และมาเลเชีย ประเทศที่เข้าร่วมการฝึกเพิ่มเติมในโครงการช่วยเหลือประชาชน จำนวน 2 ประเทศได้แก่ สาธารณรัฐประชาชนจีน อินเดีย 

ประเทศที่เข้าร่วมการฝึกเพิ่มเติมในการฝึกการควบคุมและบังคับบัญชาคือ ออสเตรเลีย สำหรับกลุ่มประเทศที่หมุนเวียนเข้าร่วมกิจกรรม ได้แก่ ประเทศในโครงการเสนาธิการผสมส่วนเพิ่มนานาชาติ หรือ MPAT (Multinational Planning Augmentation Team) จำนวน 10ประเทศ ประกอบด้วยบังกลาเทศ แคนาดา ฝรั่งเศส มองโกเลีย เนปาล นิวซีแลนด์ ฟิลิปปีนส์ พีจิ สหราชอาณาจักร และ บรูไนและประเทศที่เข้าร่วมในโครงการสังเกตการณ์ฝึก (Combined Observer Liaison Team) : COLT) จำนวน 10 ประเทศได้แก่ ก้มพูชา ลาว บราชิล ปากีสถาน เวียดนาม เยอรมนี สวีเดน สาธารณรัฐเฮลเลนิก (กรีซ) คูเวต และศรีลังกา รวมทั้งสิ้น 30ประเทศ ผู้เข้าร่วมการฝึกฯ จำนวน 9590 นาย โดยมีวัตถุประสงค์เพื่อเป็นการพัฒนาความสัมพันธ์ทางทหารที่ดี ระหว่างมิตรประเทศที่เข้าร่วมการฝึกฯ และเป็นการพัฒนาขีดความสามารถในการอำนวยการยุทธ์ร่วมและผสม โดยการประยุกต์ใช้กำลังรบในสถานการณ์วิกฤตต่าง ๆ อีกทั้งเพื่อฝึกการใช้ระเบียบปฏิบัติประจำกองกำลังผสมนานาชาติ โดยกำหนดการฝึกหลัก ระหว่างวันที่ 27 กุมภาพันธ์ ถึง8 มีนาคม 2567

การฝึกร่วมผสม คอบร้าโกลด์ 2024 นอกจากจะเป็นการพัฒนาขีดความสามารถของกำลังพลที่เข้าร่วมการฝึกในส่วนของกองทัพไทย และกองทัพมิตรประเทศ โดยการแลกเปลี่ยนเรียนรู้ทางวิชาการความชำนาญ และเทคโนโลยีทางทหาร รวมทั้งเพิ่มพูนประสบการณ์ให้กับกำลังพลของกองทัพไทย และกองทัพมิตรประเทศในการปฏิบัติการร่วมและผสมแล้ว ยังเป็นการเพิ่มขีดความสามารถในการบริหารจัดการงานด้านการบรรเทาสาธารณภัยในภูมิภาคได้อย่างมีประสิทธิภาพ ก่อให้เกิดความสัมพันธ์อันดีระหว่างทหารไทย และทหารมิตรประเทศกับประชาชนในพื้นที่การฝึกฯ และเป็นการสร้างภาพลักษณ์ที่ดีของประเทศไทยในสายตามิตรประเทศและประชาคมโลกต่อไป

คอบร้าโกลด์ 2024 กองทัพไทย สหรัฐ เกาหลี ร่วมฝึกสะเทินน้ำสะเทินบก ยกพลขึ้นบกยึดหัวหาด

เมื่อวันที่ (1 มี.ค.67) การฝึกคอบร้าโกลด์ 2024 ณ สนามฝึกกองทัพเรือ หมายเลข 15 หาดยาว อำเภอสัตหีบ จังหวัดชลบุรี พลเรือเอก อะดุง พันธุ์เอี่ยม ผู้บัญชาการทหารเรือ พร้อมด้วยพลเรือตรี คริสโตเฟอร์ ดี สโตน ผู้บัญชาการกองเรือจู่โจม  Expeditionary Strike GroupSeven,Task Force 76,Amphibious Force ของกองทัพเรือสหรัฐฯ และพลเรือตรี ChoChoong- Ho ผู้บัญชาการกองเรือทุ่นระเบิด สะเทินน้ำสะเทินบก 5 ของสาธารณรัฐเกาหลี  เยี่ยม ชมสถานที่ฝึกซ้อมสะเทินบกของ Cobr a Gold 2024

ระหว่างการฝึกสะเทินน้ำสะเทินบก เรือเดินสมุทรและหน่วยรบสะเทินน้ำสะเทินบก ได้ยึดหัวชายหาดของกองกำลังฝ่ายตรงข้าม หน่วยใช้ปืนใหญ่ทหารเรือ เพื่อยิงวอลเลย์ในขณะที่เครื่องบินให้การสนับสนุนทางอากาศพร้อม ๆ กันเพื่อลดความสามารถของกองกำลังฝ่ายตรงข้ามในการตอบโต้การยิงหัวหาด หน่วยรบสะเทินน้ำสะเทินบกละเมิดอาณาเขตของกองกำลังฝ่ายตรงข้ามและรักษาความปลอดภัยหัวหาด การมีส่วนร่วมในการฝึกในปีนี้ ได้แก่ กองกำลังไทย สหรัฐฯ และเกาหลี โดยมี USS Somerset ของสหรัฐฯ เครื่องบินรบ F-16 และอุปกรณ์อื่นๆ HTMS Surin และ HTMSMannai ของกองทัพเรือไทย หน่วยรบและยานพาหนะสะเทินน้ำสะเทินบกของนาวิกโยธิน และเครื่องบินลาดตระเวนประเภท 1 (T -337 หรือ Cessna 0 - 2 ) และยานพาหนะสะเทินน้ำสะเทินบก ROKS No Jeok Bong ของสาธารณรัฐเกาหลี (LSTII-689) และ KAW

การฝึกการยุทธ์สะเทินน้ำสะเทินบก ในครั้งนี้ มีวัตถุประสงค์เพื่อเสริมสร้างความพร้อมรบและพัฒนาขีดความสามารถทางทหาร รวมทั้งแสดงแสนยานุภาพทางทหาร ในการปฏิบัติการร่วมกันของกองทัพพันธมิตร เพื่อสร้างความมั่นใจให้กองทัพไทย มีความพร้อมรบทุกมิติ รวมทั้งยังเป็นการเสริมสร้างความสัมพันธ์อันดีระหว่างมิตรประเทศ และความร่วมมือทางทหาร อันเป็นหลักประกันความมั่นคงของชาติตลอดไป

สหรัฐฯ ขีดเส้นตาย 6 เดือนให้ ByteDance หากไม่ขายแอปฯ TikTok ทิ้ง เจอแบนแน่

(7 มี.ค.67) ทางการสหรัฐฯ กำลังกดดันให้ บริษัทเทคฯ จีนอย่าง ByteDance ขายแอปพลิเคชัน TikTok ภายใน 6 เดือนหรือจะพบกับการแบนจากสหรัฐฯ 

สืบเนื่องจากปัจจุบัน ทางการสหรัฐฯ มีความกังวลอย่างมากจากการที่ข้อมูลผู้ใช้ในแอปพลิเคชันอาจตกไปอยู่ในมือของรัฐบาลจีน ทำให้ทั้งสองพรรคในสภาสหรัฐฯ กำลังกดดันทางกฎหมายอย่างหนัก ทำเอาทาง TikTok ไม่พอใจอย่างมากและกล่าวว่านี่คือการแบนโดยสมบูรณ์ และกล่าวว่าการออกกฎหมายนี้จะเป็นการเหยียบย่ำสิทธิของชาวอเมริกันถึง 170 ล้านคน และทำลายธุรกิจเล็ก ๆ กว่า 5 ล้านแห่งบนแพลตฟอร์ม

ในร่างกฎหมายที่ออกโดยสภานิติบัญญัติสหรัฐฯได้กล่าวอ้างว่า TikTok ถูกควบคุมโดยชาติอื่นที่ตั้งตัวเป็นปรปักษ์และสร้างความเสี่ยงอันไม่สามารถยอมรับได้ต่อความมั่นคงของชาติ โดยบริษัทมีเวลา 165 วันในการถอนทุนออกก่อนที่จะถูกบล็อกจาก App Store และแพลตฟอร์มในสหรัฐฯ

ก่อนหน้านี้ก็มีการเคลื่อนไหวจากทางสภาของสหรัฐฯ รวมถึงเคยมีความพยายามที่จะแบบอย่างสมบูรณ์ในสมัยของประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์

‘โดนัลด์ ทรัมป์’ เข้าป้ายแก้มือ ‘โจ ไบเดน’ หลัง ‘เฮลีย์’ ถอย ท่ามกลางอเมริกันชนที่เริ่มเอือมระอากับผู้นำชราหน้าเดิม

(7 มี.ค. 67) เอเอฟพี รายงานว่า การขับเคี่ยวแย่งชิงตัวแทนพรรครีพับลิกันในสนามเลือกตั้งประธานาธิบดีสหรัฐปลายปีนี้สิ้นสุดลงแล้ว หลัง ‘นิกกี เฮลีย์’ ยอมยกธงขาว ทำให้ ‘โดนัลด์ ทรัมป์’ ได้เป็นตัวแทนพรรคฯ ในท้ายที่สุด

หลังพ่ายแพ้อย่างย่อยยับในศึกไพรมารี ‘Super Tuesday’ นิกกี เฮลีย์ ผู้สมัครชิงตำแหน่งตัวแทนพรรครีพับลิกัน ก็ขอถอนตัวจากการแข่งขัน และภายในไม่กี่วินาทีหลังจากนั้น โจ ไบเดน วัย 81 ปี และ โดนัลด์ ทรัมป์ วัย 77 ปี ก็ได้เริ่มแคมเปญหาเสียงกับผู้สนับสนุนของเฮลีย์ทันที ท่ามกลางการแข่งขันระหว่างชายสูงอายุ 2 คน ภายใต้ผู้มีสิทธิ์เลือกตั้งชาวอเมริกันจำนวนมากที่กล่าวว่า “พวกเขาไม่ต้องการเหล่าคนชรา”

ด้าน เฮลีย์ หลังพ่าย ก็ปฏิเสธที่จะสนับสนุนทรัมป์ จากเหตุผลที่ตัวทรัมป์มักจะต้องเผชิญกับความผิดทางอาญาหลายครั้งและเรื่องอื้อฉาวเกี่ยวกับความพยายามโค่นล้มการเลือกตั้งในปี 2020 โดยเธอกล่าวว่า ทรัมป์จะต้องทำงานอย่างหนักหากหวังได้รับการสนับสนุนจากผู้ติดตามของเธอ

“ฉันขอแสดงความยินดีกับเขาและอวยพรให้เขาโชคดี” เฮลีย์ วัย 52 ปี กล่าวถึงทรัมป์ พร้อมเสริมว่า “สหรัฐฯจะต้องเดินหน้าด้วยการหันหลังให้กับความมืดมิด, ความเกลียดชัง และการแบ่งแยก”

ทั้งนี้ หลังจากที่ ทรัมป์ โค่นเฮลีย์ลงได้แล้ว ก็จะเชื้อเชิญผู้สนับสนุนของเธอมาเข้าร่วมการเคลื่อนไหวที่ยิ่งใหญ่ที่สุดในประวัติศาสตร์ของประเทศ

สำหรับชัยชนะของ ทรัมป์ ต่อ เฮลีย์ เป็นการชนะได้ถึง 14 รัฐจาก 15 รัฐ และเฮลีย์ชนะเขาได้ที่รัฐเวอร์มอนต์เพียงแห่งเดียว ซึ่งรวมถึงการพ่ายแพ้ในรัฐเซาท์แคโรไลนาที่เป็นบ้านเกิดของเธอเอง และทำให้ตัดสินใจยอมยกธงขาวในท้ายที่สุดด้วย

ฟาก ไบเดน ยกย่องความกล้าหาญของเธอในการบอก ‘ความจริงเกี่ยวกับทรัมป์’ และกล่าวว่ามีที่ว่างเสมอสำหรับผู้มีสิทธิ์เลือกตั้งที่สนับสนุนเฮลีย์ ในการรณรงค์หาเสียงของเขา

สำหรับการถอนตัวของ เฮลีย์ จะทำให้การเลือกตั้งที่จะเกิดขึ้นในวันที่ 5 พฤศจิกายน นั้น น่าตื่นเต้นขึ้นเป็นพิเศษ เพราะจะถือเป็นการเดิมพันด้วยระเบียบโลกที่นานาชาติจับตา ในขณะที่ชาวอเมริกันเริ่มเอือมระอากับผู้นำชราหน้าเดิม

แม้ ไบเดน จะกวาดชัยชนะจากการเลือกตั้งขั้นต้นของพรรคเดโมแครตได้อย่างง่ายดายในศึก Super Tuesday แต่ตอนนี้ต้องจดจ่อกับการเตรียมพร้อมแถลงนโยบายประจำปีต่อรัฐสภาในวันพฤหัสบดี ซึ่งเป็นช่วงเวลาที่ชายวัย 81 ปีที่ไม่เป็นที่นิยมคนนี้ต้องโน้มน้าวให้ประชาชนลดความกังวลเกี่ยวกับอายุของเขา, สภาพเศรษฐกิจ และสถานการณ์สงครามในฉนวนกาซา

ส่วน โดนัลด์ ทรัมป์ แม้จะอื้อฉาวหนักจากคดีฟ้องร้อง 2 กระทง และถูกตั้งข้อหาอาญา 91 กระทงในการพิจารณาคดี 4 คดี จนทำให้เขามีประวัติไม่เหมือนกับผู้สมัครชิงตำแหน่งประธานาธิบดีสหรัฐฯ คนใดในประวัติศาสตร์ แต่การยืนยันความบริสุทธิ์ของตัวเองต่อชนชั้นแรงงาน, ผู้มีสิทธิเลือกตั้งในชนบท และประชาชนคนขาวในประเด็นต่างๆ เช่น ปัญหาชายแดนและเศรษฐกิจ ได้ผลักดันให้เขาได้รับการเสนอชื่อจากพรรครีพับลิกัน

ศึก Super Tuesday ซึ่งเป็นวันที่ยิ่งใหญ่ที่สุดของการแข่งขันในปี 2024 ได้บทสรุปผู้เข้าชิงชัยรอบสุดท้ายจากทั้งสองพรรคแล้ว และ 8 เดือนต่อจากนี้จะได้เห็นการหาเสียงอย่างดุเดือดของคู่แค้นเดิมจากการเลือกตั้งครั้งก่อน

ผลสำรวจความนิยมล่าสุด ทรัมป์มีคะแนนนำไบเดนอยู่เล็กน้อย ดังนั้นไบเดนจึงหวังใช้การปราศรัยต่อรัฐสภาวาดภาพการเลือกตั้งด้วยทางเลือกที่ชัดเจนระหว่างตัวเขากับภัยคุกคามต่อประเทศอย่างทรัมป์

แม้ไบเดนจะเสียความนิยมไปเยอะจากความชราภาพและการสนับสนุนอิสราเอลในสงครามฉนวนกาซา แต่ทรัมป์เองก็มีบาดแผลเต็มตัวเช่นกัน ทั้งคดีความ, เรื่องอื้อฉาว และพฤติกรรมสร้างความวุ่นวายในการเลือกตั้งรอบที่แล้ว

‘สื่อ UK’ ชี้ รถยนต์ไฟฟ้า ‘จีน’ ยอดขายดีกว่า ‘สหรัฐฯ’ เหตุ ‘ราคาย่อมเยา - ประสิทธิภาพดี’ ถูกใจผู้ซื้อ

เมื่อวานนี้ (7 มี.ค. 67) สำนักข่าวซินหัวรายงานว่า สำนักข่าวไฟแนนเชียลไทม์ส (Financial Times) ของสหราชอาณาจักร อ้างอิงมาเธียส เมเดรช ซีอีโอของยูมิคอร์ (Umicore) ผู้ผลิตวัสดุแบตเตอรี่ระดับโลกซึ่งมีสำนักงานใหญ่อยู่ที่เบลเยียม รายงานว่า รถยนต์ไฟฟ้าของจีนมียอดจำหน่ายดีกว่ารถยนต์ไฟฟ้าที่ ‘ด้อยกว่า’ ของสหรัฐฯ เนื่องจากมีประสิทธิภาพที่ดีกว่าและมีราคาย่อมเยา ทำให้รถจีนเป็น ‘รถยนต์ที่ดีและผู้คนเลือกซื้อ’

ด้าน เมเดรช ซีอีโอของยูมิคอร์ ให้สัมภาษณ์ว่าผู้ผลิตสัญชาติอเมริกันหลายราย ‘พยายามนำยานยนต์ไฟฟ้าที่ดี’ เข้าสู่ตลาด ซึ่งขณะที่ยอดจำหน่ายรถยนต์ไฟฟ้าในจีนกำลังเพิ่มสูง แต่ตลาดในสหรัฐฯ กลับยังมีขนาดเล็ก และผู้ผลิตยานยนต์ของสหรัฐฯ หลายรายยังได้ระงับแผนการขยายโรงงานยานยนต์ไฟฟ้าเนื่องจากอุปสงค์อ่อนตัว

ทั้งนี้ ตลาดยานยนต์พลังงานใหม่มีการขยายตัวอย่างแข็งแกร่งในจีนตลอดหลายปีที่ผ่านมา เนื่องจากการผลักดันการพัฒนาที่เป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อม และการเติบโตของตลาดรถยนต์อย่างรวดเร็วของประเทศ โดยในปี 2023 รถยนต์โดยสารไฟฟ้าคิดเป็นร้อยละ 69 ของยอดจำหน่ายทั้งประเทศ ขณะรถไฟฟ้าปลั๊กอินไฮบริดครองสัดส่วนร้อยละ 31

‘จีน’ ประณาม ‘สหรัฐฯ’ หลังผ่านร่าง กม.แบน ‘TikTok’ พร้อมเตือน!! ท้ายสุดเรื่องนี้จะย้อนกลับมาเล่นงานตัวเอง

(14 มี.ค.67) จากกรณีสภาผู้แทนราษฎรสหรัฐมีมติผ่านร่างกฎหมายดังกล่าวด้วยคะแนนเสียง 352 ต่อ 65 ก่อนที่จะส่งต่อไปยังวุฒิสภาเพื่อพิจารณาต่อไป โดยสมาชิกรัฐสภาสหรัฐที่เห็นด้วยกับร่างกฎหมายดังกล่าวมองว่า TikTok เป็นแอปพลิเคชันที่เป็นภัยต่อความมั่นคง เนื่องจากถูกควบคุมโดยชาติที่เป็นศัตรูของสหรัฐ

ทางด้าน ประธานาธิบดีโจ ไบเดน กล่าวก่อนหน้านี้ว่า เขาพร้อมที่จะลงนามในร่างกฎหมายดังกล่าว หากผ่านการอนุมัติจากสภาคองเกรส

ก่อนที่สภาผู้แทนราษฎรสหรัฐมีมติผ่านร่างกฎหมายดังกล่าว นายหวัง เหวินปิน โฆษกกระทรวงการต่างประเทศจีน ออกมากล่าวหาสหรัฐว่า พยายามปราบปราม TikTok ทั้งที่ไม่เคยพบหลักฐานว่า TikTok เป็นภัยต่อความมั่นคงแห่งชาติ

“พฤติกรรมรังแกกันแบบนี้ เพราะไม่สามารถเอาชนะในการแข่งขันอย่างเป็นธรรมได้ เป็นตัวขัดขวางกิจกรรมทางธุรกิจปกติของบริษัทต่างๆ, สร้างความเสียหายต่อความเชื่อมั่นของนักลงทุนระหว่างประเทศในสภาพแวดล้อมการลงทุน และสร้างความเสียหายต่อเศรษฐกิจระหว่างประเทศและการซื้อขาย ท้ายที่สุดเรื่องนี้จะย้อนกลับมาเล่นงานสหรัฐเอง" นายหวัง กล่าว

ทั้งนี้ ร่างกฎหมายดังกล่าวซึ่งมีชื่ออย่างเป็นทางการว่า ‘กฎหมายปกป้องชาวอเมริกันจากแอปพลิเคชันที่ควบคุมโดยปรปักษ์ต่างชาติ’ (Protecting Americans from Foreign Adversary Controlled Applications Act) ยังจำเป็นต้องผ่านความเห็นชอบจากวุฒิสภาสหรัฐและให้ประธานาธิบดี โจ ไบเดน ลงนาม เพื่อบังคับใช้อย่างเป็นทางการ ซึ่งประธานาธิบดีไบเดนกล่าวก่อนหน้านี้ว่า เขาพร้อมที่จะลงนามในร่างกฎหมายดังกล่าว หากผ่านการอนุมัติจากสภาคองเกรส

โดยสหรัฐแสดงความกังวลมาตลอด ว่า TikTok อาจแบ่งปันข้อมูลผู้ใช้กับรัฐบาลจีน ซึ่งอาจกระทบต่อความมั่นคงของชาติ ขณะที่ ไบต์แดนซ์ ซึ่งเป็นเจ้าของ TikTok ปฏิเสธเรื่องความเสี่ยงใดๆ และยืนยันว่าพวกเขาปรับโครงสร้างบริษัทไปแล้ว เพื่อให้ข้อมูลของชาวอเมริกันอยู่แต่ในสหรัฐเท่านั้น

วิเคราะห์ 'จีน-สหรัฐฯ' วัดพลัง ‘รถยนต์บินได้’ คลื่นลูกใหม่โลกยานยนต์ ลุ้นได้ใช้ปี 2025

แม้จะยังถกเถียงว่ารถยนต์สันดาปจะหมดไป รถยนต์ไฟฟ้าจะมา หรือรถยนต์ไฮโดรเจนจะยั่งยืนกว่า? แต่ยังไม่ทันที่คำถามนี้จะหาข้อสรุปได้ก็ได้เกิดคลื่นลูกใหม่ที่กำลังเริ่มต้นก่อตัวขึ้นกับ ‘รถยนต์บินได้’ เมื่อคำนิยามของการเดินทางบนท้องถนนอาจรวมถึงถนนล่องหนเหนือหัวเราอย่างอากาศเสียแล้ว?

(4 เม.ย. 67) Business Tomorrow รายงานว่า ก่อนหน้านี้ 'อเลฟ แอโรนอติก' (Alef Aeronautic) ซึ่งเป็นสตาร์ทอัปภายใต้ร่มเงาของสเปซเอ็กซ์ (SpaceX) ของเจ้าของบริษัทรถยนต์ดังอย่างเทสล่าอย่างอีลอน มัสก์ เพิ่งมีการเปิดจองรถยนต์บินได้อย่าง อเลฟ โมเดลเอ (Alef Model A) เมื่อต้นมีนาคมที่ผ่านมาไปถึง 2,850 คันแล้ว โดยโมเดลเอจะมีราคาเพียง 300,000 ดอลลาร์ หรือราว 11 ล้านบาท ราคาพอ ๆ กับซุปเปอร์คาร์หนึ่งคันได้เลยในบ้านเรา

แต่ในเวลาไม่นาน คู่แข่งคู่กัดในประเทศจีนอย่าง เสี่ยวเผิง (Xpeng) คู่แข่งสำคัญเทสล่าได้แจ้งบริษัทลูกอย่าง 'แอร็อต' (AeroHT) ได้ออกรายงานว่าบัดนี้ ‘รถยนต์บินได้’ ของพวกเขาได้รับการประตรารับรองจากสำนักงานการบินพลเรือนของจีนตอนกลางและตอนใต้ของจีน นั่นหมายความว่าอีกไม่นาน เสี่ยวเผิงจะผลิตรถยนต์บินได้ออกตามมาติด ๆ กับของฝั่งอเมริกา

และนี่อาจจะไม่ใช่การรอคอยที่เนิ่นนานอะไรมาก ทางฝั่งสหรัฐฯ อย่างอเลฟพร้อมส่งมอบโมเดลเอและพร้อมออกวิ่ง (และบิน) ได้ในปี 2025 หรือภายใน 1 ปีหน้า ส่วนทางเสี่ยวเผิง หากไม่มีข้อติดขัดอะไร จะมีการส่งมอบแอร็อตถึงมือลูกค้าภายในไตรมาสสุดท้ายของปี 2025

ทั้งนี้ หากลองดูสเปคคร่าว ๆ จากเจ้าสองโมเดลจากสองขั้วบนโลกนี้จะพบว่า...

📌 อเลฟ โมเดลเอ (Alef Model A) จาก อเลฟ แอโรนอติก

- ที่นั่ง 4 ที่นั่ง
- ตัวถังหุ้มใบพัดหมุนสำหรับบินด้านในตัวรถและช่วยให้มีลมหมุนเวียนข้างในรถยนต์
- ใช้ใบพัดทั้ง 8 ใบทั้งหน้าและหลังในการบิน
- โหมดรถจะมีความเร็ว 37-54 กิโลเมตรต่อชั่วโมง
- โหมดบินมีความเร็ว 177 กิโลเมตรต่อชั่วโมง

📌 เอ็กซ์ทรีเอฟ (X3-F) จาก แอร็อต

- ที่นั่ง 4 - 5 ที่นั่ง
- แบ่งออกเป็น 2 ส่วน คือโมดูลภาคพื้นดินและทางอากาศ
- เป็นรถยนต์ไฟฟ้า 6 ล้อ ขับเคลื่อนทั้งหกล้อ
- ยังไม่เปิดเผยความเร็วทั้งสองโหมด
- โหมดการบินจะต้องประกอบโมดูลบิน มีใบพัด 6 ใบรวมถึงท่อไอพ่น 2 ท่อ

นอกจากสองฝั่งจากสหรัฐฯ และจีนแล้ว ก็ยังมีอีกหลายประเทศที่มองไปในการพัฒนารถยนต์บินได้อย่าง Joby Aviation จากสหรัฐฯ ซึ่งก็ได้มีการร่วมมือกับทางเกาหลีใต้อย่างยักษ์ใหญ่เทคโนโลยี SK Telecom ที่คาดว่าจะออกบินแท็กซี่นี้ได้ช่วงปี 2025 และ Lilium จากเยอรมันที่กำลังพัฒนาแท็กซี่แบบบินได้ 

เห็นท่าอย่างนี้ ไม่พ้นปีหน้า ก็คงจะได้ยลโฉมรถบนฟ้าแบบที่เคยเห็นในภาพยนตร์แน่นอน

'หมอดื้อ' หวั่น!! สหรัฐฯ กำลังสร้างแล็บค้างคาวติดเชื้อไวรัส วิจัย 'อีโบลา-โควิด-นิปาห์' ตัดแต่งพันธุกรรมให้ก่อโรค

(4 เม.ย. 67) นพ.ธีระวัฒน์ เหมะจุฑา ผู้อำนวยการศูนย์วิทยาศาสตร์สุขภาพโรคอุบัติใหม่ คณะแพทยศาสตร์ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย ได้โพสต์ข้อความผ่านเฟซบุ๊กในหัวข้อ 'สหรัฐฯ กำลังสร้างแล็บค้างคาวติดเชื้อไวรัส อีโบลา โควิด และนิปาห์' ระบุว่า...

สหรัฐฯ กำลังสร้างแล็บค้างคาวติดเชื้อไวรัส ทั้ง อีโบลา โควิด และนิปาห์ ด้วยทุน 12 ล้านเหรียญ อนุมัติโดย นาย แอนโทนี เฟาซี ผ่านไปยัง Colorado state university (CSU) ร่วมกับ EcoHealth alliance โดยมีนาย Peter Daszak ดำเนินการสร้างห้องปฏิบัติการขนาดพื้นที่ 14,000 ตารางฟุต (ใช้เงิน 6.7 ล้านเพรียญ) และร่วมกับนักวิทยาศาสตร์จีน นำเข้าค้างคาวจากเอเชียทดลองเชื้อโควิด, อีโบลา, นิปาห์

โครงการได้เริ่มดำเนินการเดือนตุลาคม 2023 และจะปฏิบัติการได้ในปี 2025

นพ.ธีระวัฒน์ เผยอีกว่า ข้อมูลดังกล่าวได้รับการเปิดเผยจากองค์กรการกุศล White coat waste project จากกฎหมาย ความโปร่งใส ที่สามารถขอให้ หน่วยงาน เปิดเผยข้อมูล และเผยแพร่แล้ว ผ่านทาง X และ dailymail วันที่ 10 พฤศจิกายน 2023

ทั้งนี้ ผู้ให้ทุนและผู้ดำเนินการ อ้างว่าจะเป็นห้องปฏิบัติการหนึ่งเดียวในโลกที่สามารถนำค้างคาวจากเอเชีย (และทั้งโลก) มาเลี้ยงและออกลูก และจะทำการปล่อยเชื้อที่สำคัญคือ อีโบล่า โควิด และเชื้อนิป้าห์ โดยจะทำให้สามารถเข้าใจว่าเชื้อไวรัสร้ายแรงเหล่านี้อยู่ในตัวค้างคาวได้อย่างไร และแพร่เชื้อไปมนุษย์ได้อย่างไร

ห้องปฏิบัติการนี้อยู่ใน Campus ของ CSU ใน Fort Collins ทางเหนือของ Denver ซึ่งอยู่ห่างไม่มากจากที่มีประชาชนอาศัยอยู่ราว 168,000 คน

ในเดือนกันยายน 2023 NIH ได้ประกาศยุติการให้ทุนสำหรับการหาไวรัสจากค้างคาวและสัตว์ป่าที่ให้ในและนอกประเทศ

แต่ขณะเดียวกัน ก็ได้วางแผนในแผ่นดิน สหรัฐฯ เอง ในเรื่องดังกล่าว และกำลังได้รับการต่อต้านจากสมาชิกสภาของสหรัฐฯ

ทั้งนี้ มี ดร.เทรซี่ โกลด์สไตน์ เป็นผู้ขับเคลื่อนสำคัญของโครงการ deep VZN ของ USAID ในการหาไวรัสจากค้างคาว หลังจากที่ได้รับทราบว่าจะมีการยุติโครงการจากการที่มีการเปิดเผยข้อมูลของหนังสือพิมพ์วอชิงตัน Post ได้ลาออกและรับตำแหน่งใหม่เป็นผู้อำนวยการของสถาบันone Health ของ CSU ในเดือน มิถุนายน 2023 และรับผิดชอบงานของห้องปฏิบัติการค้างคาวและเชื่อไวรัสต่อ

ย้อนไปในปี 2018 นายเฟาซี ได้นำไวรัสจาก สถาบันวิจัยไวรัส อู่ฮั่น มาติดเชื้อให้ค้างคาว ที่ได้มาจากสวนสัตว์แมรี่แลนด์ ในห้องปฏิบัติการที่รัฐ Montana ซึ่งเป็นเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นหนึ่งปีก่อนหน้าการเกิดระบาดโควิด และทำรายงานไปว่าไม่เกี่ยวข้องกับการเกิดโควิด แต่นี่เป็นหลักฐานของการเชื่อมโยงการทำงานของสหรัฐฯ กับสถาบันไวรัสอู่ฮั่นของประเทศจีนอีกชิ้นหนึ่ง นอกเหนือจากที่มีการสืบสวนสอบสวนและเปิดเผยในสภาคองเกรส และเอกสารต่อประชาชนทั่วไปในเดือนมกราคม 2023 (มีภาพจาก Dailymail แสดงถึงพื้นที่ของห้องปฏิบัติการและพิมพ์เขียว)

จากการรายงานของหนังสือพิมพ์วอชิงตันโพสต์ในวันที่ 10 เมษายน 2023 สหรัฐฯ ผ่านทางกระทรวงกลาโหม USAID DARPA DTRA NIH และ EcoHealth alliance ส่งเงินทุนให้ประเทศต่าง ๆ ในทุกทวีปของโลกในการเสาะแสวงหาไวรัสใหม่ ๆ ที่ไม่รู้จักชื่อในค้างคาวและสัตว์ป่ารวมทั้งในเอเชียและประเทศไทยเอง ตลอดจนให้มีการส่งไวรัสเหล่านี้เพื่อไปตัดแต่งพันธุกรรมให้เข้ามนุษย์และก่อโรคได้ดียิ่งขึ้น

ข้อมูลใน Dailymail 31 ตุลาคม 2023 อ้างอิงเอกสารจาก องค์กร white coat waste project โดยได้ข้อมูลผ่านกฎหมาย ความโปร่งใส พบว่าในระหว่างปี 2015 ถึง 2023 มีการผันเงินของสหรัฐฯ จากสถาบัน NIH ให้ห้องปฏิบัติการในประเทศจีนเพื่อทดลองในสัตว์ เป็นจำนวน 3,306,061 เหรียญสหรัฐ

1. University of Southern California จากทุนที่ได้รับ 1.9 ล้านเหรียญ ให้ Peking University 576,453 เหรียญในการเจาะสมองหนูและฉีดไวรัสเข้าไปในสมองหลังจากนั้นทำให้ตายและศึกษาสมอง

2. University of South Florida จากทุนที่ได้รับ 28.9 ล้านเหรียญ ให้ China Medical University, Kunming Medical University, and Beijing’s Zhongyu Bioengineering Co. 812,906 เหรียญ ในการสร้างเชื้อมาลาเรียสายพันธุ์ดื้อยาและฉีดเข้าไปในหนูจากนั้นให้ยุงเข้าไปกัดและดื่มเลือด

3. University of California-Irvine ได้ทุน 4.3 ล้านเหรียญ ให้ Wuhan Institute of Virology 216,000 เหรียญ ฉีดเชื้อ ไวรัส เฮอร์ปีส์ เข้าไปในสมองหนู

4. Microsoft co-founder Paul Allen’s Allen Institute ได้ทุน 64.7 ล้านเหรียญ ให้ 993,000 เหรียญ แก่ Huazhong University of Science and Technology ในการตัดชิ้นเนื้อสมองของหนูอายุน้อยน้อยและทำการวิเคราะห์

5. Emory University ได้ทุน 38.6 ล้านเหรียญ ให้ 515,418 เหรียญ แก่ Chinese Academy of Agricultural Sciences Harbin Veterinary Institute ในการ รวบรวมเชื้อไวรัสไข้หวัดนกที่อันตรายจากตลาดสดของประเทศจีนและนำเชื้อเหล่านี้ฉีดเข้าจมูกของหนู mice และ guinea pigs

6. University of Illinois ได้ทุน 1.7 ล้านเหรียญ ให้ 149,832 เหรียญ แก่ Institute Pasteur of Shanghai ในการทำให้หนูติดเชื้อวัณโรคหลังจากนั้นทำให้ตายและทำการศึกษาต่อ

7. Eastern Virginia Medical School ได้ทุน 35.5 ล้านเหรียญ ให้ 42,452 เหรียญ แก่ Zhangliang Digging Machine Business Department ในการศึกษา ใช้ยาตับอักเสบ และยา HIV ในลิง

นพ.ธีระวัฒน์ กล่าวอีกว่า กระบวนการเหล่านี้เกิดขึ้นมานานและในประเทศไทยเองด้วย ผ่านองค์กรต่างประเทศ ที่ฝังตัวในประเทศไทย อย่างน้อย 33 ปี และปัจจุบันอยู่ในสถาบันหลัก มหาวิทยาลัยและโรงเรียนแพทย์ต่าง ๆ ทั้งด้านคนและสัตว์ ทั้งการรวบรวมตัวอย่างเชื้อที่ไม่ใช่เฉพาะ แต่เชื้อไวรัสรวม แบคทีเรียและปรสิต จนกระทั่งมีการตัดต่อตกแต่งพันธุกรรม โดยส่งให้ต่างประเทศในเครือข่าย

นี่เป็นสิ่งที่คนไทย ต้องมีความตระหนักรู้ว่า...ประเทศไทยเข้าไปมีส่วนเกี่ยวพันและเมื่อเกิดความเสียหายในประเทศที่ไม่ใช่แต่ประเทศไทยอย่างเดียว เป็นที่ใดในโลกนี้และสืบค้นความเชื่อมโยง 

ประเทศไทยคงต้องรับผิดชอบ


TRENDING
© Copyright 2021, All rights reserved. THE STATES TIMES
Take Me Top