(6 ต.ค. 67) ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ‘ปราชญ์ สามสี’ ได้ทำการวิเคราะห์ลักษณะนิสัย และแนวทางการใช้ชีวิตของ Gen Z ว่า
Gen Z: The Lost Generation
ในยุคที่โลกหมุนไปอย่างรวดเร็วและเทคโนโลยีเข้ามาเป็นส่วนหนึ่งของชีวิตประจำวัน Gen Z เติบโตขึ้นมาเป็นเจเนอเรชันที่เชื่อมต่อกับโลกดิจิทัลอย่างเต็มรูปแบบ พวกเขาสามารถเข้าถึงข้อมูลทุกอย่างได้เพียงแค่ปลายนิ้วสัมผัส และมีความสามารถในการสร้างตัวตนบนโลกออนไลน์ได้อย่างคล่องแคล่ว แต่ในขณะเดียวกัน สิ่งนี้กลับทำให้พวกเขาหลงทางในโลกแห่งความเป็นจริง
Gen Z มักถูกมองว่าเป็นกลุ่มที่มีความเชื่อมั่นในตนเองสูง แต่บางครั้งความเชื่อมั่นนี้ก็กลายเป็นดาบสองคม พวกเขาเห็นความสามารถของตัวเองเหมือนมองในกระจก มองเห็นความเป็นตัวตนที่สะท้อนกลับมาหาตนเอง แต่ละเลยความจริงที่โลกภายนอกนั้นเต็มไปด้วยความซับซ้อนและอุปสรรค เมื่อพวกเขาต้องเผชิญกับความล้มเหลวที่หลีกเลี่ยงไม่ได้ในโลกที่เปลี่ยนแปลงอย่างรวดเร็ว การขาดการเตรียมพร้อมในการเผชิญหน้ากับความล้มเหลวนี้ทำให้พวกเขาดูเหมือนไม่มีมาตรการรับมืออย่างเพียงพอ
ในบทความนี้ เราจะสำรวจลึกลงไปในพฤติกรรมและลักษณะเฉพาะของ Gen Z เพื่อทำความเข้าใจว่าพวกเขาเป็น "เจนที่ล้มเหลว" จริงหรือเป็นเพียงกลุ่มคนที่ยังต้องการเวลาในการปรับตัวให้เข้ากับโลกใบใหม่นี้ ที่ไม่ได้ง่ายเหมือนที่พวกเขาเคยเชื่อ
>>>ลักษณะเฉพาะของเด็ก Gen Z ที่สะท้อนแนวคิดและวิถีชีวิต
1. ปฏิเสธการวัดผลด้วยเกรด
เด็ก Gen Z ไม่ต้องการระบบการวัดผลด้วยเกรด พวกเขาเชื่อว่าการเรียนรู้ควรเน้นไปที่การพัฒนาทักษะ ความรู้ และความเข้าใจมากกว่าการประเมินผลด้วยตัวเลขหรือการแบ่งแยกด้วยเกรด
แม้จะมีจุดประสงค์เพื่อหลีกเลี่ยงการกดดัน แต่การปฏิเสธการวัดผลอาจทำให้ขาดเกณฑ์มาตรฐานในการประเมินความสามารถ ทำให้ยากต่อการพัฒนาตนเองหรือการเตรียมตัวสำหรับการทำงานในโลกความเป็นจริง ที่ยังคงใช้การประเมินผลงานเป็นตัววัดความสามารถ
2. เรียนเฉพาะสิ่งที่ตนเองสนใจ
พวกเขามักเลือกเรียนเฉพาะสิ่งที่ตรงกับความสนใจของตนเอง และหลีกเลี่ยงการเรียนในวิชาที่ไม่เกี่ยวข้องกับเป้าหมายในชีวิตของพวกเขา การเรียนรู้แบบนี้ทำให้พวกเขาสามารถพัฒนาความรู้ในด้านที่ตนถนัด
อย่างไรก็ตาม การมุ่งเรียนเฉพาะสิ่งที่สนใจอาจจำกัดความรู้รอบด้าน ทำให้ขาดทักษะที่จำเป็นในชีวิตประจำวันหรือในสายงานที่ไม่ได้ตรงกับความชอบทั้งหมด นอกจากนี้ยังทำให้พวกเขาอาจขาดความยืดหยุ่นในการปรับตัวกับสถานการณ์ต่างๆ ที่ต้องการความรู้ที่หลากหลาย
3. ไม่ชอบการแข่งขันและเน้นความเท่าเทียม
Gen Z ไม่ชอบการแข่งขันที่ต้องมีผู้แพ้และผู้ชนะ พวกเขาเน้นให้ทุกคนมีความเท่าเทียมกัน ตัวอย่างเช่น ในการแข่งขันวิ่งมาราธอน พวกเขาต้องการให้ทุกคนได้รับเหรียญรางวัลไม่ว่าจะเข้าเส้นชัยที่อันดับใดก็ตาม
การไม่ชอบการแข่งขันอาจลดทอนแรงจูงใจในการพัฒนาตนเอง เพราะการไม่มีผู้แพ้และผู้ชนะอาจทำให้ผู้คนขาดความทะเยอทะยานและการฝึกความอดทนเมื่อเผชิญกับความล้มเหลว นอกจากนี้ยังอาจนำไปสู่การลดทอนคุณค่าของความสำเร็จที่แท้จริง
4. สนับสนุนความเท่าเทียมทางเพศ
เด็ก Gen Z เชื่อมั่นในความเท่าเทียมทางเพศ และเรียกร้องให้ทุกเพศมีสิทธิ์และเสรีภาพในการตัดสินใจเรื่องต่างๆ ในชีวิตของตนเอง พวกเขาเห็นความสำคัญของการมีห้องน้ำแยกตามเพศทางเลือก เพื่อให้ทุกเพศมีความสะดวกและสบายใจในการใช้ชีวิต
แม้การสนับสนุนความเท่าเทียมเป็นสิ่งที่ดี แต่หากเน้นย้ำมากเกินไปในบางกรณีอาจสร้างความซับซ้อนและปัญหาในการจัดการกับความหลากหลายที่มากเกินความจำเป็นในสังคม เช่นงานเอกสารเกี่ยวกับการเก็บข้อมูลประชากรเกิดความซับซ้อน
5. ทุกคนมีเหตุผลของตัวเองแม้ว่ามันจะไร้สาระแค่ไหนก็ตาม
เด็ก Gen Z มองว่าทุกการกระทำมีเหตุผลเบื้องหลังเสมอ และไม่มีการกระทำใดที่ถือว่าผิดหากสามารถอธิบายเหตุผลได้ แม้ว่าเหตุผลนั้นอาจไม่ตรงกับค่านิยมหลักของสังคมก็ตาม พวกเขาเชื่อในความหลากหลายทางความคิดและให้ความสำคัญกับการเข้าใจมุมมองของผู้อื่นมากกว่าการตัดสินแบบเด็ดขาด
การที่เด็ก Gen Z เชื่อว่าทุกการกระทำมีเหตุผลที่อธิบายได้ อาจทำให้พวกเขาหลุดจากการรับผิดชอบในสิ่งที่ไม่ถูกต้อง พวกเขาอาจใช้เหตุผลเพื่อแก้ตัวหรือหลีกเลี่ยงการถูกวิพากษ์วิจารณ์ ทำให้ขาดการเรียนรู้จากความผิดพลาดและการพัฒนาตนเองให้ดีขึ้น
6.Gen Z มักไม่นิยมการรับฟังความคิดเห็นจากผู้ใหญ่ โดยเชื่อถือในภูมิปัญญาหรือประสบการณ์ของคนรุ่นก่อนเป็นข้อมูลตกสมัย
เนื่องด้วยเด็ก Gen Z เกิดมาในยุคที่เรามีเทคโนโลยีข้อมูลสนับสนุนต่างๆเข้าถึงง่าย และ พวกเขาจึงชื่นชอบการหาข้อมูลด้วยตัวเอง ซึ่งแสดงถึงความเป็นอิสระและความเชื่อมั่นในการตัดสินใจของตนเอง
อย่างไรก็ตามการไม่ยอมรับฟังความคิดเห็นหรือคำแนะนำจากผู้ใหญ่ อาจทำให้พวกเขาพลาดโอกาสเรียนรู้จากประสบการณ์จริงที่ไม่สามารถหาได้จากการค้นคว้าทางอินเทอร์เน็ตเพียงอย่างเดียว เพราะอินเตอร์เน็ตไม่ได้มีข้อมูลที่รอบด้านเท่าประสบการณ์ของผู้ใหญ่
จากการศึกษาพฤติกรรมทั้งด้านข้อดีและข้อเสียของ Gen Z จะเห็นได้ว่ามีลักษณะเฉพาะที่ทำให้พวกเขาอาจไม่สามารถทำงานร่วมกันเป็นหมู่คณะได้อย่างมีประสิทธิภาพ ซึ่งหนึ่งในลักษณะเฉพาะนั้นคือการมองเห็นตัวเองผ่านกระจกเสมือนว่าโลกภายนอกสะท้อนแต่ความสามารถของตนเอง พวกเขามักให้ความสำคัญกับความเชื่อมั่นในตัวเองและข้อมูลที่ตนเองหามาได้ มากกว่าการรับฟังความคิดเห็นหรือคำแนะนำจากผู้อื่น
การมองโลกผ่านมุมมองที่สะท้อนความสำเร็จของตัวเองทำให้พวกเขาอาจมองข้ามความเป็นจริงของโลกที่เต็มไปด้วยความท้าทายและความยากลำบาก เมื่อพวกเขาต้องเผชิญกับความล้มเหลว ซึ่งเป็นสิ่งที่หลีกเลี่ยงไม่ได้ในโลกที่ซับซ้อนและเปลี่ยนแปลงตลอดเวลา พวกเขาอาจขาดการเตรียมตัวหรือมาตรการรองรับการล้มเหลวนั้น เพราะพวกเขาไม่เคยเรียนรู้จากคำเตือนหรือประสบการณ์ของผู้อื่นมาก่อน
ดังนั้น เมื่อถึงเวลาที่พวกเขาเผชิญความจริงของโลก ความล้มเหลวอาจเป็นบทเรียนที่ยากลำบาก และหากพวกเขาไม่มีการเตรียมความพร้อมหรือแผนรองรับความล้มเหลวนี้ อาจทำให้เกิดความสับสนและขาดการปรับตัวในช่วงเวลาสำคัญของชีวิต
>>>สภาพการเรียนรู้ของเด็ก Gen Z และผลกระทบต่อการจ้างงานอย่างไร?
การที่พฤติกรรมของ เด็ก Gen Z ที่มักซึมซับเฉพาะสิ่งที่ตนเองสนใจและละเลยสิ่งที่อยู่นอกเหนือความสนใจ ส่งผลให้พวกเขามีลักษณะการเรียนรู้ที่ขาดๆ เกินๆ ซึ่งสร้างข้อจำกัดต่อความสามารถในการทำงานในโลกแห่งความเป็นจริง แม้ว่าพวกเขาอาจมีความเชี่ยวชาญในบางด้านอย่างลึกซึ้ง แต่กลับขาดความรู้รอบด้าน ทักษะการคิดเชิงวิเคราะห์ และการประยุกต์ใช้ความรู้ที่จำเป็นต่อการทำงานเป็นทีม
นอกจากนี้ การขาดทักษะในการสื่อสารกับกลุ่มที่มีความคิดและความสนใจต่างกัน และการขาดความอดทนต่อการเผชิญกับความท้าทาย ทำให้พวกเขาไม่สามารถปรับตัวเข้ากับสภาพแวดล้อมการทำงานที่ซับซ้อนและเปลี่ยนแปลงได้ตลอดเวลา
ความเป็นจริงแล้วโลกใบนี้มันอยู่ยากกว่าที่คิด เด็ก GenZ จะเอาตัวไม่รอดท่ามกลางการแข่งขันที่สูง จะไม่สามารถทนได้กับความผิดหวัง จะจะอยู่ได้ยากในสภาพสังคมโลกที่เผชิญกับภัยพิบัติต่างๆที่ไม่สามารถคาดคะเนได้
ด้วยเหตุนี้ สภาพการเรียนรู้ที่ไม่สมดุลและขาดการพัฒนาที่ครอบคลุมทุกด้านของ Gen Z จึงเป็นเหตุผลหลักที่ทำให้พวกเขาไม่ได้รับการจ้างงานมากเท่าที่ควรในตลาดแรงงานปัจจุบัน ซึ่งต้องการบุคลากรที่มีความยืดหยุ่น มีทักษะการทำงานร่วมกัน และสามารถเผชิญกับความท้าทายที่หลากหลายได้อย่างมีประสิทธิภาพ
>>>แล้วคน Gen Zจะประสบความสำเร็จได้อย่างไร?
สิ่งที่สำคัญที่สุดสำหรับเด็กในยุคปัจจุบัน โดยเฉพาะในกลุ่ม Gen Z คือการมีความเป็นตัวเองสูง ซึ่งเป็นลักษณะเด่นที่ส่งผลต่อการเลือกอาชีพและการดำเนินชีวิต พวกเขาเน้นไปที่การทำสิ่งที่ตนเองสนใจเป็นหลัก ไม่ว่าจะเป็นสายงานศิลปะ การออกแบบ หรืออาชีพที่ต้องใช้ความคิดสร้างสรรค์เป็นตัวนำ ซึ่งอาชีพที่เหมาะสมสำหรับพวกเขาจึงมักจะเป็นอาชีพที่สามารถเน้นความสนใจเฉพาะตัว เช่น การเป็นผู้ประกอบการ นักออกแบบ หรือทำการตลาดออนไลน์ โดยสร้างแบรนด์ส่วนตัวที่สะท้อนตัวตนของพวกเขาเอง
การที่พวกเขามีอิสระในการตัดสินใจและสร้างสิ่งใหม่ๆ ตามความสนใจของตัวเอง ทำให้ไม่ว่าจะเป็นการเปิดร้านค้าหรือสร้างธุรกิจเล็กๆ ของตัวเอง พวกเขาก็สามารถลงมือทำได้โดยไม่ต้องรอคำแนะนำจากคนอื่น หากล้มก็ล้มด้วยตัวเอง แต่ด้วยความที่ขาดประสบการณ์และการวางแผนในระยะยาว โอกาสที่จะเสี่ยงล้มเหลวก็สูงตามไปด้วย เพราะพวกเขามักไม่ค่อยยอมรับฟังคำแนะนำจากผู้ใหญ่หรือผู้มีประสบการณ์มาก่อน
ดังนั้น แม้ว่าความเป็นตัวเองจะทำให้เด็กในกลุ่มนี้มีความคิดสร้างสรรค์และกล้าลงมือทำ แต่การขาดประสบการณ์และการเตรียมตัวรับมือกับความล้มเหลวอาจทำให้เส้นทางการเติบโตของพวกเขามีความเสี่ยงมากขึ้น การหาจุดสมดุลระหว่างความเป็นตัวเองกับการรับฟังคำแนะนำจากผู้มีประสบการณ์จะเป็นกุญแจสำคัญในการลดความเสี่ยงในอนาคต