Thursday, 13 February 2025
POLITICS

‘เท่าพิภพ’ สนับสนุน!! ‘นายกฯ อิ๊งค์’ แก้กฎหมาย ยกเลิกวันห้ามขาย ‘เหล้า-เบียร์’ อธิบายละเอียด มีมาตรายกเลิก แต่ต้องเหนื่อย!! ตอนคุยกับข้าราชการสายสุขภาพ

(12 ก.พ. 68) นายเท่าพิภพ ลิ้มจิตรกร สส.กทม. พรรคประชาชน โพสต์เฟซบุ๊กส่วนตัว เกี่ยวกับกฎหมายควบคุมการจำหน่ายเเอลกอฮอล์ ภายหลัง น.ส.แพทองธาร ชินวัตร นายกรัฐมนตรี มีคำสั่งให้หน่วยงานที่เกี่ยวข้อง ศึกษาข้อมูลการแก้กฎหมาย เรื่องการห้ามขายเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ต่าง ๆ ในช่วงเวลา 14.00 – 17.00 น. รวมทั้งเรื่องการจำหน่ายเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ในวันพระ
.
นายเท่าพิภพ ระบุว่า สนับสนุนครับ ประเทศเราต้องควบคุมเเอลกอฮอล์ด้วยการเคร่งครัดการบังคับใช้กฎหมายโดยเฉพาะเรื่องเยาวชนครับ แต่กฎหมายเราไปเข้มเรื่องอื่นออกทะเล จนทำให้กฎหมายดูไปเป็นสากลไปซะมาก ต้องแก้เเบบนายกฯ ว่าเเหละครับ
.
การศึกษาผลกระทบท่านก็ลองทำดู แต่เรื่องข้อกฎหมายผมศึกษาให้เเล้ว ไม่มีอะไรมากครับ
.
เรื่องเวลาขาย
.
1. ประกาศของคณะปฏิวัติ ฉบับที่ 253 ลงวันที่ 16 พฤศจิกายน 2515 เรื่องเวลาขายอันนี้ต้องยกเลิก ซึ่งร่าง พ.ร.บ.ควบคุมเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ที่กมธ.พิจารณาเสร็จ มีมาตรายกเลิกครับ
.
2. หลังจากยกเลิกตามข้อ 1 เเล้ว พ.ร.บ.ควบคุมเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ (ฉบับปัจจุบัน) ให้เป็นอำนาจของคณะกรรมการควบคุมเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ ชงให้ รมต.สาธารณสุข เห็นชอบครับ ย้ำว่ารัฐมนตรีไม่มีอำนาจชงเอง คณะกรรมการจะมีข้าราชการสายหมอ สายสุขภาพเยอะหน่อย จะอนุรักษ์นิยมหน่อยครับ
.
3. ร่าง พ.ร.บ.ควบคุมฯ ฉบับใหม่จะตัดอำนาจรัฐมนตรีออก เป็นอำนาจของคณะกรรมการโดยตรง ซึ่งเเม้ รมต.สาธารณสุข จะเป็นประธาน เเต่ก็จะตีโต้คัดค้านไม่เซ็นเห็นชอบได้เเบบเดิม
.
เรื่องวันพระ หรือห้ามขายออนไลน์ เป็นผลงานจากคณะกรรมการดังกล่าวด้วย
.
ข้อเสนอที่สงวนไว้เป็นเสียงข้างน้อยนั้นเห็นว่าควรยกเลิก หรือลดอำนาจการออกกฎประกาศของคณะกรรมการดังกล่าวแล้วเปลี่ยนเป็นการออกกฎกระทวงด้วยอำนาจรัฐมนตรีแทนครับ ยังไงฝากท่านนายกในฐานะหัวหน้ารัฐบาล และพรรคเพื่อไทย ช่วยให้ สส.ฝ่ายรัฐบาลสนับสนุน คำสงวนของผมในฐานะกรรมาธิการเสียงข้างน้อยด้วยครับ
.
สิ่งนี้จะทำให้ท่านนายกได้ทำตามที่อยากทำได้ครับ ไม่งั้นถึงเเม้เป็นนายกก็จะบังคับคณะกรรมการควบคุมให้แก้เเค่เรื่องวันเวลาขายเหล้านี้บอกเลยยากครับ

‘อดีตบิ๊กข่าวกรอง’ เตือน!! ‘สภาฯ ผู้ทรงเกียรติ’ ต้องมีมติส่ง สส.ที่ถูกหมายจับ ชี้!! คดีนี้ ไม่ใช่การกลั่นแกล้งกันทางการเมือง ต้องให้ตำรวจ รีบดำเนินการ

(12 ก.พ. 68) นายนันทิวัฒน์ สามารถ อดีตรองผู้อำนวยการสำนักข่าวกรองแห่งชาติ และเลขานุการรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการต่างประเทศ โพสต์เฟซบุ๊กในหัวข้อ ‘สภาซ่องโจร’ ระบุว่า …

หากสภาฯมีมติไม่ส่งตัว สส.ที่ถูกหมายจับ อยากส่งคำเตือนกับผู้ทรงเกียรติ อย่าให้สภาเป็นที่หลบซ่อนคนทำผิด

ครั้งนี้ไม่ใช่คดีกลั่นแกล้งทางการเมือง ผู้กล่าวหาเป็นนักท่องเที่ยวต่างชาติ มิได้เป็นเครื่องมือทางการเมืองของฝ่ายใด หากต้องการรักษาชื่อเสียงสภาไทย ส่งตัวให้ตำรวจดำเนินคดี ไปลุยไฟพิสูจน์ความจริง อย่าให้สมาชิกสภาทั้งหมดต้องแปดเปื้อน

เมื่อหนึ่งในผลิตผลของ ‘พรรคส้ม’ ล้มสถาบัน!! คือการเป็น สส. หื่นกาม กระทั่งข่มขืนหญิงสาวชาวต่างชาติ

(12 ก.พ. 68) ถ้าเป็นประเทศที่เจริญแล้วจริง ๆ หรือคุณภาพของนักการเมืองอยู่ในมาตรฐานที่สูงมากพอ หากถูกจับได้ว่ามีส่วนพัวพันในเรื่องละเมิดจริยธรรม คุณธรรม ทำให้เกิดเรื่องเสื่อมเสียต่อชื่อเสียงของตนเอง รวมถึงพรรคการเมืองที่สังกัด นักการเมืองผู้นั้นจะต้องขอยุติบทบาท ลาออกจากการทำหน้าที่ทันที ไม่ต้องรอให้ใครมากดดัน หรือขับไล่

แต่เรื่องดี ๆ แบบนี้คงยากจะหาได้จาก ‘นักการเมืองขี้หมา’ ของประเทศไทยเรา 

ด้วยมาตรฐานของนักการเมืองไทย เน้นไปที่ ‘สมาชิกสภาผู้แทนราษฎร’ มีมาตรฐานที่ค่อนข้างต่ำ สมัยยี่สิบปีก่อนก็ไม่ได้มีมาตรฐานสูง แต่สมัยนี้กลับต่ำเตี้ยเรี่ยดิน นับได้ไม่เกิน ‘นิ้วมือรวมนิ้วตีน’ ที่จะเรียกว่าเป็น ‘สส. คุณภาพ’ เข้ามาทำงานเพื่อรับใช้ประชาชนอย่างซื่อสัตย์สุจริต มีอุดมการณ์ มีความรับผิดชอบอันแรงกล้าต่อสังคมส่วนรวม 

ส่วนใหญ่เป็นได้เพียง สส. ผู้หิวกระหายอำนาจ รวมหัวกันโกงบ้านกินเมือง ทำให้ภาพลักษณ์ของนักการเมืองไทยมีแต่ความต่ำทราม เลวร้าย ดูเป็นอาชีพที่ไร้เกียรติ เพราะอุดมไปด้วยกลุ่มคนที่มี DNA ในทางปลิ้นปล้อนเข้ามาอยู่รวมกันในสภาอันทรงเกียรติ 

ที่ชัดสุดคือ สส.จากพรรคการเมืองที่มีเป้าหมายล้มล้างการปกครอง อ้างตนเป็น ‘กลุ่มคนรุ่นใหม่’ ที่หมายจะเข้ามาเปลี่ยนแปลงประเทศชาติ แต่พฤติกรรมแต่ละดอกที่ประชาชนจับได้ไล่ทันช่างเป็นสิ่งที่น่าอเนจอนาถใจ ตั้งแต่การแอบอ้างผลงานของคนอื่นเป็นผลงานของตัวเอง สร้างเรื่องโกหกรายวันให้ตนเองดูดี หนีการเกณฑ์ทหาร และพัวพันคดี 112 อีกไม่น้อย ยังมีคดีละเมิดทางเพศ ข่มขืนสาวชาวต่างชาติ ทำให้ภาพลักษณ์ของนักการเมืองไทยหมดคุณค่าลงสิ้น 

สส. หื่นกาม มีพฤติกรรมชั่ว ทำผิดในเรื่องซ้ำ ๆ รายหนึ่ง เป็นผลผลิตที่น่าภาคภูมิใจของพรรคการเมืองที่เข้ามาเพื่อล้มล้างสถาบัน จึงยากที่จะเห็นนักการเมืองในพรรคนี้ก่นด่าให้เราได้ยิน ต่างพากันเงียบกริบ หันไปสายลมแสงแดดแทน 

คำกล่าวที่ว่า สส. โง่และชั่วในระดับใด ก็ให้ดูพรรคการเมืองที่สร้างจนมีตัวตน รวมถึงกลุ่มคนที่กาเลือกเข้ามา เพราะจะมีคุณสมบัติที่ไม่ต่างกัน

เป็นความเข้าใจที่คลาดเคลื่อน!!

(12 ก.พ. 68) จากการเปิดเวทีปราศรัยใหญ่ของพรรคเพื่อไทย ช่วงการหาเสียงเลือกตั้งปี 2566 ในวันที่ 27 เมษายน ณ สนามหน้าเมือง อ.เมือง จ.นครศรีธรรมราช มีข้อความตอนหนึ่งในคำปราศรัยของผม นายณัฐวุฒิ ใสยเกื้อ กล่าวถึงนายวิทยา แก้วภราดัย ส.ส.นครศรีธรรมราชหลายสมัย ว่าเป็นผู้คัดค้านการก่อสร้างถนนเลียบชายฝั่งทะเลเขาพลายดำ อ.สิชล จ.นครศรีธรรมราช และล่ารายชื่อประชาชนเพื่อขัดขวางโครงการดังกล่าว

ข้อมูลการปราศรัยผมอ้างอิงจากบันทึกรายงานการประชุมคณะกรรมาธิการทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม สภาผู้แทนราษฎร ต่อมาได้ตรวจสอบพบว่ามีความเข้าใจคลาดเคลื่อน นายวิทยาไม่ได้คัดค้าน และล่ารายชื่อประชาชนเพื่อขัดขวางโครงการดังกล่าวแต่อย่างใด 
ผมจึงขออภัยต่อนายวิทยา แก้วภราดัย ในความเข้าใจที่คลาดเคลื่อน และคำปราศรัยที่ทำให้เกิดความเสียหายไว้ ณ ที่นี้

ณัฐวุฒิ ใสยเกื้อ

ผู้ช่วยหาเสียงพรรคเพื่อไทย

‘นิว จตุพร’ ผู้ต้องหาคดี 112 หนีไปนอก ‘ตั้ง อาชีวะ’ รอรับ!! ประเทศปลายทาง

(12 ก.พ. 68) นางสาวจตุพร แซ่อึง หรือ นิว นักกิจกรรมจากจังหวัดบุรีรัมย์วัย 27 ปี ผู้ถูกกล่าวหาตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 112, พ.ร.ก.ฉุกเฉินฯ, พ.ร.บ.การชุมนุมสาธารณะฯ, พ.ร.บ.โรคติดต่อฯ และ พ.ร.บ.ควบคุมการโฆษณาโดยใช้เครื่องขยายเสียงฯ

ได้โพสต์เฟซบุ๊กเช็คอินที่เมืองออกแลนด์ ประเทศนิวซีแลนด์ เป็นรูปนายเอกภพ เหลือราหรือ “ตั้ง อาชีวะ” เป็นผู้มารอรับที่สนามบิน ว่า

“ขอบคุณครับที่มารับถึงสนามบินเลยยยยยย แถวนี้ไม่มีฝุ่นเลยครับ ”

ด้านนายเอกภพ เหลือรา หรือ ตั้ง อาชีวะ ได้แสดงความคิดเห็นด้วยว่า “พี่ช่วยได้เท่าที่ช่วยได้น้องเอ้ย ที่เหลือก็ต้องลุยเองแล้วนะ ขอให้สนุกกับการเริ่มต้นชีวิตใหม่ครับ เพราะ112ทำให้เราได้มาเจอกัน555” “รอดไปถึงฝั่งอีกคนละ ขอให้มีความสุขในการเริ่มต้นใหม่นะ เริ่มต้นชีวิตใหม่ในประเทศที่มอบโอกาสที่มาพร้อมกับความเท่าเทียม และไม่มี112”

ทั้งนี้ คำพิพากษาชั้นอุทธรณ์ ของคดี น.ส.จตุพร นั้น ศาลได้พิพากษาว่า จำเลยมีความผิดฐานร่วมกันดูหมิ่น หมิ่นประมาท และอาฆาตมาดร้าย 

พระมหากษัตริย์ พระราชินีฯ ยืนตามศาลชั้นต้น อุทธรณ์ของจำเลยฟังไม่ขึ้น จำเลยให้การเป็นประโยชน์ต่อการพิจารณา ลดโทษให้ 1 ใน 3 คงจำคุก 2 ปี ในข้อหาตามมาตรา 112 และปรับ 1,000 บาท ในข้อหาตาม พ.ร.บ.การชุมนุมสาธารณะฯ ต่อมาวันที่ 21 ส.ค. 2567 ศาลฎีกาได้มีคำสั่งอนุญาตให้ประกันตัวจตุพร โดยเห็นว่า “พิเคราะห์ข้อหาและพฤติการณ์แห่งคดีแล้ว เห็นว่าโทษตามคำพิพากษาไม่สูงมากนัก จำเลยได้รับการปล่อยชั่วคราวตลอดไม่มีพฤติการณ์หลบหนี จึงอนุญาตให้ปล่อยชั่วคราวระหว่างฎีกา ตีราคาประกัน 200,000 บาท 

โดยกำหนดเงื่อนไขห้ามจำเลยกระทำหรือเข้าร่วมกิจกรรมซึ่งก่อให้เกิดความเสียหายต่อสถาบันพระมหากษัตริย์ ในลักษณะเดียวกับการกระทำที่ถูกฟ้องร้อง และห้ามจำเลยเดินทางออกนอกราชอาณาจักร เว้นแต่ได้รับอนุญาตจากศาลชั้นต้น ให้ศาลชั้นต้นพิจารณาหลักประกัน แจ้งเงื่อนไข แจ้งสำนักงานตรวจคนเข้าเมือง และดำเนินการในส่วนที่เกี่ยวข้องต่อไป

‘ทักษิณ’ ดึง ‘นาโอมิ’ ที่ปรึกษาทีมซอฟต์พาวเวอร์ ขับเคลื่อนอุตฯแฟชั่น - ปั้นนางแบบไทยสู่เวทีโลก

เมื่อวันที่ (9 ก.พ.68) นายทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี เปิดเผยว่า กรณีจดหมายเปิดผนึกกลุ่มเศรษฐศาสตร์เพื่อสังคม คัดค้านนายกิตติรัตน์ ณ ระนอง เป็นประธานคณะกรรมการธนาคารแห่งประเทศไทย (ธปท.) หรือแบงก์ชาติ ว่า ยังไม่เห็นเนื้อหาที่ชัดเจน แต่รู้สึกว่าจะมีการตำหนิผู้นำ เท่าที่ได้สอบถามนายพิชัย ชุณหวชิร รองนายกฯ และรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลัง เรื่องการตั้งประธานบอร์ดแบงก์ชาติ คาดว่าอีก 2 วันคงจะลงตัว ซึ่งเป็นกลไกที่แบงก์ชาติ และกระทรวงการคลังเสนอ และให้คณะกรรมการสรรหาไปเลือก การเป็นประธานต้องมีความสัมพันธ์ที่ดี และมีความรู้ จึงไม่ทราบเหมือนกันว่านายพิชัยเสนอใคร

เมื่อถามว่า มองว่าใครเหมาะสมกับตำแหน่งนี้ นายทักษิณ กล่าวว่า พูดตรงๆ คนจะมาทำงานให้กับประเทศโดยส่วนรวมหายาก เพราะต้องมีความพร้อม และต้องมีความเสียสละ บางคนอาจจะพร้อม แต่ไม่เสียสละ บางคนอยากเสียสละ แต่ไม่พร้อมมาช่วยกันทำงานให้บ้านเมือง หรืออาจเพราะตนแก่ไปแล้ว ไม่รู้จักคน เพราะหายไป 17 ปี แต่ก็ช่วยกันมองอยู่

นายทักษิณ กล่าวกรณีเชิญ นาโอมิ แคมป์เบลล์ นางแบบระดับโลก หารือว่า เมื่อคืนวันที่ 8 กุมภาพันธ์ ได้พูดคุยเรื่องซอฟต์พาวเวอร์ กับ นพ.สุรพงษ์ สืบวงศ์ลี รองที่ปรึกษานโยบายของนายกฯ ในฐานะประธานคณะกรรมการพัฒนาซอฟต์พาวเวอร์แห่งชาติ มี น.ส.จิราพร สินธุไพร รัฐมนตรีประจำสำนักนายกรัฐมนตรี น.ส.ธีรรัตน์ สำเร็จวาณิชย์ รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงมหาดไทย ในฐานะกำกับดูแลเรื่องการพัฒนาชุมชนและกองทุนหมู่บ้าน จะให้เด็กรุ่นใหม่อยู่ในชนบท หรือครอบครัวคนที่ไม่ค่อยมีฐานะในการเปลี่ยนแปลง หรือไปศัลยกรรมได้มีโอกาสเข้ามา เท่าที่คุย นาโอมิเห็นด้วย เพราะเขาเองก็มาจากครอบครัวจาไมก้า และได้พูดคุยกันถึงแนวทางการจะคัดคนให้นางแบบประเทศไทยเทรนก่อน แล้วจะส่งไปเรียนต่างประเทศ เพื่อให้มีโอกาสมากขึ้น

“ส่วนจะเชิญนาโอมิมาเป็นทูตวัฒนธรรม หรือเป็นแค่ที่ปรึกษานั้น ผมเชิญมาเป็นที่ปรึกษาในฐานะที่รู้จัก และเขามีประสบการณ์เยอะ อยู่ในวงการนี้มานาน มีสายสัมพันธ์มาก เลยขอคำปรึกษา คำแนะนำ” นายทักษิณกล่าว

ทั้งนี้ มีรายงานว่า นาโอมิมีกำหนดการเข้าพบหารือนายกฯ เรื่องแนวทางการขับเคลื่อนอุตสาหกรรมแฟชั่น ในโอกาสเยือนประเทศไทยด้วย ที่ห้องสีม่วง ตึกไทยคู่ฟ้า ทำเนียบรัฐบาล วันที่ 10 กุมภาพันธ์ เวลา 15.00 น.

'เลขาสภาฯ' คาด 20 ก.พ. เปิดโหวตส่ง ‘ปูอัด’ ให้ตำรวจ ยืนยันไม่ล่าช้า เหตุสัปดาห์นี้มีประชุมร่วม 2 สภา

‘เลขาธิการสภาผู้แทนราษฎร’ คาดบรรจุวาระโหวตไฟเขียวจับ ‘สส. ปูอัด’ ข้อหาข่มขืนสาวไต้หวัน 20 ก.พ.นี้  ยันไม่ล่าช้า เหตุสัปดาห์นี้มีประชุมร่วม

(10 ก.พ.68) เวลา 09.00 น. ที่รัฐสภา ว่าที่ร้อยตำรวจตรีอาพัทธ์ สุขะนันท์ เลขาธิการสภาผู้แทนราษฎร กล่าวว่า หมายจับของนายไชยามพวาน มั่นเพียรจิตต์ สส.กทม. พรรคไทยก้าวหน้า ข้อหาข่มขืนนักท่องเที่ยวหญิงชาวไต้หวัน ยังมาไม่ถึงสภาฯ เพราะตามขั้นตอนสภ. เชียงใหม่จะส่ง หมายจับของศาลไปยังสำนักงานตำรวจแห่งชาติ และหนังสือเพิ่งถึงสำนักงานตำรวจแห่งชาติเมื่อวันเสาร์ที่ผ่านมา จึงคาดว่ามาถึงสภาฯ ไม่วันที่ 10 ก.พ. ก็ 11 ก.พ. นี้ เพราะต้องผ่านขั้นตอนคือผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ (ผบ.ตร.) หรือรองผบ.ตร. ก็จะทำหนังสือถึงประธานสภาฯ เพื่อขออนุญาต พิจารณาคดีระหว่างสมัยประชุม ตามรัฐธรรมนูญมาตรา 125 วรรค 1 ทั้งนี้เมื่อหนังสือมาถึงทางสำนักประชุมก็จะนำเสนอประธานสภาฯ เพื่อขออนุญาตบรรจุวาระการประชุมในวันที่ 20 ก.พ.เป็นเรื่องด่วน เพราะวันพุธ เป็นวันพิจารณากฎหมาย 

เมื่อถามว่า หากนายไชยามพวานลาออก ไม่ต้องพิจารณาเรื่องนี้ใช่หรือไม่ ว่าที่ร้อยตำรวจตรีอาพัทธ์ กล่าวว่า ถ้าลาออกก็ถือว่าขาดสมาชิกภาพทางสภาฯก็ไม่ต้องพิจารณา การคุ้มกันต่าง ๆ จะหมดลง แต่ตอนนี้อยู่ในระหว่างชั้นการสอบสวนยังถือว่าเป็นผู้บริสุทธิ์ ตราบใดที่ยังไม่ได้ฟ้องศาล แต่ทันทีที่สภาฯอนุมัติให้จับเจ้าหน้าที่ตำรวจสามารถเข้าควบคุมตัวนายไชยามพวาน ได้ทันที

เมื่อถามว่า มองว่าช้าไปหรือไม่ที่บรรจุวาระดังกล่าวในวันที่ 20 ก.พ. กล่าวว่า เป็นขบวนการตามปกติ เนื่องจากสัปดาห์นี้มีประชุมร่วม ยังไงก็บรรจุไม่ได้อยู่แล้ว ต้องรอสัปดาห์หน้า

‘ร.ต.อ.หญิง อัยรดา’ รองโฆษกพรรครวมไทยสร้างชาติ จี้!! ‘ปูอัด’ ลาออก สส. เร่ง!! หน่วยงานตรวจสอบโดยเร็ว ชี้!! ความยุติธรรมที่ล่าช้า ก็คือความไม่ยุติธรรม

(9 ก.พ. 68) ‘ร.ต.อ.หญิง อัยรดา บำรุงรักษ์’ รองโฆษกและผู้ช่วยผู้อำนวยการพรรครวมไทยสร้างชาติ เปิดเผยถึงกรณีศาลเชียงใหม่ออกหมายจับ ‘นายไชยามพวาน มั่นเพียรจิตต์’ ถูกกล่าวหาล่วงละเมิดทางเพศนักท่องเที่ยวต่างชาติ ว่า

ตนในฐานะตัวแทน ‘พรรครวมไทยสร้างชาติ’ ขอเรียกร้องให้ทุกฝ่าย เร่งตรวจสอบข้อเท็จจริง เพราะ ความยุติธรรมที่ล่าช้าก็คือความไม่ยุติธรรม โดยเร่งดำเนินการ ดังนี้

1. นายไชยามพวาน มั่นเพียรจิตต์ ควรแสดงความรับผิดชอบ ด้วยการลาออก ไม่ใช้เอกสิทธิ์ สส. เพื่อเข้าสู่กระบวนการยุติธรรม ในฐานะประชาชนคนหนึ่ง

2. พรรคการเมืองในสังกัดปัจจุบันควรแสดงความรับผิดชอบต่อสังคม ด้วยการออกมาแสดงจุดยืนและขอโทษประชาชน

นอกจากนี้ เหตุการณ์ที่เกิดขึ้น หากยึดตามสโลแกนที่ว่า “พรรคเลือกคน ประชาชนเลือกพรรค” สะท้อนถึงปัญหาระบบการคัดสรรผู้สมัคร สส. ของต้นสังกัดเดิม จะได้เห็นว่า นี่ไม่ใช่ครั้งแรก ที่บุคลากรของพรรคเดิม มีประวัติและการกระทำด่างพร้อย  ดังนั้น ต่อไปนี้อยากฝากพี่น้องประชาชนอย่าเลือกคนลงสมัคร สส.ที่พรรคอย่างเดียวควรพิจารณาถึงผลงาน ประวัติ ความเป็นมาของผู้สมัครเป็นหลัก ดังนั้น คำที่ว่า พรรคเลือกคนประชาชนเลือกพรรค จึงไม่สามารถใช้กับพรรคการเมืองในเมืองไทยได้อีกแล้วเมื่อเกิดเหตุแบบนี้ซ้ำซากกับบุคคลากรของพรรคการเมืองดังกล่าว 

ทั้งนี้ ตนจึงอยากเรียกร้องให้ผู้บริหารอดีตพรรคก้าวไกลที่เป็นคนนำพา สส.คนกล่าวที่ถูกกล่าวหาว่าเป็นผู้ล่วงละเมิดทางเพศนักท่องเที่ยวหญิงต่างชาติเข้าสู่การเมืองและได้รับการเลือกตั้งเป็นสส.เพราะความนิยมของพรรค ได้ออกมาขอโทษพี่น้องประชาชนด้วย เนื่องจาก ผู้บริหารพรรคก้าวไกลในอดีตมักพูดเสมอว่า เป็นเพราะกระแสความนิยมพรรรคจึงได้ สส.มาเป็นจำนวนมาก 

ตนขอชื่นชมในความกล้าหาญของนักท่องเที่ยวชาวไต้หวันที่จะยืดหยัดต่อผู้ถูกกล่าวหาซึ่งมีเป็นผู้ดำรงตำแหน่งทางการเมือง โดยไม่เกรงกลัวกับอำนาจใดๆ และประเด็นที่สังคมควรให้ความสำคัญไม่น้อยไปกว่ากัน คือ มาตรการเยียวยาผู้เสียหายที่ได้รับผลกระทบทางร่างกายและจิตใจ และยิ่งกว่านั้นในสังคมไทยควรจะร่วมมือกันรณรงค์ในการป้องกัน สอดส่องดูแลไม่ให้ผู้ใด โดยเฉพาะเด็กและสตรี ตกเป็นเหยื่อได้อีก #nomorevictims

‘ทักษิณ’ เกาะติดอภิปราย!! หากฝ่ายค้านยื่น ลั่น!! ไม่กังวล พร้อมโต้เอง หากถูกพาดพิง

(9 ก.พ. 68) ที่บ้านราชวิถี ดร.ทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี ให้สัมภาษณ์กรณีที่ฝ่ายค้านเตรียมยื่นอภิปรายไม่ไว้วางใจหากมีการพาดพิงมาถึง จะฟ้องร้องหรือไม่ ว่า ตนเข้าไปในสภาไม่ได้ แต่อาจไปอยู่หลังสภาคอยตอบให้ ถ้าใครสงสัยอะไรมาถามได้ ท่าจะดีเหมือนกัน เมื่อถามย้ำว่า หากถูกอภิปรายพาดพิงจริงจะตั้งโต๊ะแถลงตอบโต้อย่างเป็นทางการหรือไม่ นายทักษิณกล่าวว่า ไม่ทราบ เป็นเรื่องของพรรค หากพาดพิงจริงก็ตอบได้ ให้มาถามก็แล้วกัน ส่วนจะตอบในรูปแบบใด ไม่มีอะไรต้องกังวล

ผู้สื่อข่าวถามว่า จะเกาะติดการอภิปรายโดยตั้งเป็นวอร์รูมหรือไม่ นายทักษิณหัวเราะและกล่าวว่า ไม่มีปัญหา สบายๆ ไม่มีอะไรต้องกังวล เมื่อถามว่า จะต้องติวให้นายกรัฐมนตรีที่ยังไม่เคยผ่านเวทีอภิปรายหรือไม่ นายทักษิณกล่าวว่า วันนี้นายกฯผ่านมาเยอะแล้ว โดนมาเยอะแล้ว สบายๆ และเป็นหน้าที่ของคนเป็นนายกรัฐมนตรีที่ต้องคอยตอบคำถาม ส่วนฝ่ายค้านมีหน้าที่ตั้งคำถาม เรามีหน้าที่ตอบ ไม่มีอะไร เพราะเป็นกติกาประชาธิปไตย

เมื่อถามย้ำว่า ในฐานะคุณพ่อไม่มีความกังวลแทนนายกฯใช่หรือไม่ นายทักษิณกล่าวว่า ไม่กังวล มั่นใจ

ผู้สื่อข่าวถามว่า จะมีการนำเรื่องชั้น 14 โรงพยาบาลตำรวจมาอภิปราย และอาจนำไปสู่การเมืองนอกสภา นายทักษิณกล่าวว่า ไม่มีอะไรให้กังวล

เมื่อถามกรณีที่ พล.ต.อ.เสรีพิศุทธ์ เตมียเวส ได้ยื่นเอกสารลับชั้น 14 ให้กับผู้นำฝ่ายค้าน นายทักษิณกล่าวว่า “ผมเป็นตำรวจเก่า รู้จักแต่ พล.ต.อ.ที่เป็นเป็นผู้ชาย พล.ต.อ.ผู้หญิงผมไม่รู้จัก” ผู้สื่อข่าวจึงถามขึ้นว่า พล.ต.อ.หญิงหมายความว่าอย่างไร นายทักษิณกล่าวว่า พล.ต.อ.หญิงไม่มี เลยไม่จัก รู้จักแต่ พล.ต.อ.ชาย”

ผู้สื่อข่าวถามย้ำว่า ที่ระบุว่า พล.ต.อ.หญิงหมายถึงใคร นายทักษิณกล่าวย้ำว่า ไม่รู้ ในประเทศไทยมีแต่ พล.ต.อ.ชาย เมื่อถามว่า ก่อนหน้านี้ที่ระบุว่ารู้จักแต่ พล.ต.อ.ชาย ไม่รู้จัก พล.ต.อ.หญิง เป็นการเปรียบเปรยใช่หรือไม่ นายทักษิณหัวเราะ และกล่าวว่า พล.ต.อ.หญิงยังไม่มี และประเทศไทยยังไม่เคยมี ใครอยากเป็นคนแรกก็เป็น

ผู้สื่อข่าวถามว่า หมายถึงคนที่ยื่นเอกสารให้กับผู้นำฝ่ายค้านหรือไม่ นายทักษิณกล่าวว่า “ไม่รู้นะ ผมเป็นลูกผู้ชาย” เมื่อถามถึงความสัมพันธ์กับผู้ที่ยื่นเอกสารให้ผู้นำฝ่ายค้านเป็นอย่างไร เพราะก่อนหน้านี้เคยร่วมรัฐบาล นายทักษิณกล่าวว่า เคยมีสัมพันธ์ที่ดี ขอตอบแค่นี้ เมื่อถามย้ำว่า ความสัมพันธ์ในปัจจุบันเป็นอย่างไร นายทักษิณกล่าวคำเดิมว่า เคยมี เคยมีแปลว่าอะไร เมื่อถามว่า แปลว่าจากนี้จะไม่ดีกันแล้ว นายทักษิณกล่าวว่า เอาเป็นว่าเคยมี

เมื่อถามย้ำว่า ฝ่ายค้านย้ำข้อมูลการอภิปราย ทั้งเรื่องฝุ่น กาสิโน การตัดไฟเมียนมา จะทำให้รัฐบาลสะเทือนได้ นายทักษิณกล่าวว่า รัฐบาลมีหน้าที่ตอบ เรื่องฝุ่นมีมานาน ไม่ใช่จะหายชั่วข้ามคืน เรามีมาตรการออกมาเรื่อยๆ

ผู้สื่อข่าวรายงานว่า นายทักษิณให้สัมภาษณ์ในเรื่องนี้อย่างอารมณ์ดี โดยพูดไปยิ้มไป

‘อ.สุริยะใส’ มอง!! ต้องวางกรอบภารกิจให้ชัดเจน ‘การเมืองท้องถิ่น-การเมืองระดับชาติ’ ชี้!! หากขาดสมดุล สุดท้ายก็สูญเปล่า ทำให้การเมืองไทย อยู่ในแค่วังวน การเลือกตั้ง

(9 ก.พ. 68) ผู้ช่วยศาสตราจารย์ ดร.สุริยะใส กตะศิลา คณบดี วิทยาลัยผู้นำและนวัตกรรมสังคม มหาวิทยาลัยรังสิต และ ผู้อำนวยการสถาบันปฏิรูปประเทศไทย มหาวิทยาลัยรังสิต ได้โพสต์ข้อความเกี่ยวกับ การเลือกตั้ง ‘นายก อบจ.’ โดยมีใจความว่า ...

ภูมิทัศน์การเมืองไทย หลังเลือกตั้งนายก อบจ.

ผลการเลือกตั้งท้องถิ่นครั้งนี้ ชี้ให้เห็นถึงบทบาทที่เพิ่มขึ้นของพรรคการเมืองระดับชาติในเวทีการเมืองท้องถิ่น ซึ่งอาจส่งผลต่ออนาคตของการเมืองไทยในหลายด้าน

1.ผลการเลือกตั้งและการเปลี่ยนแปลงทางการเมือง
จากผลการนับคะแนนจากทั้ง 47 จังหวัดที่มีการเบือกตั้ง นายก อบจ.พบว่า ผู้สมัครที่สังกัดและประกาศตัวในนามพรรคการเมืองระดับชาติสามารถคว้าชัยชนะในระดับท้องถิ่นได้มากกว่าร้อยละ 90 
ส่วนผู้ที่ อ้างว่าลงนามอิสระที่ได้รับเลือกตั้งก็ไม่ได้อิสระจริงทั้งหมด แสดงถึงการขยายอิทธิพลของพรรคการเมืองระดับชาติเหล่านี้เข้าสู่การเมืองท้องถิ่นอย่างชัดเจน
ก่อนหน้านี้ การเมืองท้องถิ่นมักขับเคลื่อนโดย นักการเมืองท้องถิ่นที่มีฐานเสียงจากประชาชนในพื้นที่ แต่การเลือกตั้ง อบจ. ครั้งนี้ เห็นชัดว่าพรรคการเมืองระดับชาติเป็นผู้กำหนดทิศทางของการเลือกตั้ง
เมื่อนักการเมืองระดับชาติลงมามีบทบาทในการชี้นำผลการเลือกตั้ง เช่น คุณทักษิณ ชินวัตร ที่แสดงออกชัดเจนในการสนับสนุนผู้สมัครพรรคเพื่อไทย หรือ นายอนุทิน ชาญวีรกูล ที่ใช้เครือข่ายของพรรคภูมิใจไทยในการสนับสนุนผู้สมัครของพรรค
ผู้สมัครที่ไม่มีความเกี่ยวข้องกับพรรคการเมืองระดับชาติ แทบไม่มีโอกาสได้รับเลือก เพราะกระแสพรรคการเมืองมีอิทธิพลมากกว่าตัวบุคคล

2.บทบาทของนักการเมืองระดับชาติในเวทีท้องถิ่น
การที่พรรคการเมืองระดับชาติใช้การเลือกตั้งท้องถิ่นเป็นเวทีเผชิญหน้าหรือแข่งขันทางการเมือง ส่งผลให้ปัญหาท้องถิ่นอาจถูกบดบังด้วยประเด็นการเมืองระดับชาติ ผู้สมัครหลายคนมุ่งเน้นการนำเสนอนโยบายที่สะท้อนถึงทิศทางของพรรคมากกว่าการแก้ไขปัญหาเฉพาะของพื้นที่ ซึ่งอาจทำให้ความต้องการและปัญหาที่แท้จริงของชุมชนไม่ได้รับการแก้ไขอย่างตรงจุด

3.ดาบ 2 คม อนาคตของการเมืองท้องถิ่น
การเข้ามามีบทบาทของพรรคการเมืองระดับชาติในเวทีท้องถิ่น อาจทำให้การเมืองท้องถิ่นสูญเสียความเป็นอิสระ และกลายเป็นส่วนหนึ่งของเกมการเมืองระดับชาติ 
อย่างไรก็ตาม หากพรรคการเมือง สามารถผสานนโยบายระดับชาติให้สอดคล้องกับความต้องการของท้องถิ่นได้ ก็อาจเป็นโอกาสในการพัฒนาพื้นที่อย่างมีประสิทธิภาพ

4.นัยยะต่อ การเมือง ระดับชาติ
ผลการเลือกตั้ง อบจ. ครั้งนี้ อาจเป็นสัญญาณบ่งชี้ถึงแนวโน้มในการเลือกตั้ง สส. ที่จะเกิดขึ้นในอนาคต พรรคที่ประสบความสำเร็จในระดับท้องถิ่นสามารถใช้โครงสร้างและเครือข่ายที่มีอยู่เพื่อสนับสนุนผู้สมัคร สส.ของพรรค 
นอกจากนี้ การที่พรรคการเมืองระดับชาติได้รับชัยชนะในระดับท้องถิ่น ยังช่วยเสริมสร้างความเชื่อมั่นให้กับผู้สนับสนุน และเพิ่มโอกาสในการได้รับการสนับสนุนเพิ่มเติมในการเลือกตั้ง

5. อนาคตผู้นำและขั้วการเมือง
ต้องยอมรับว่าบารมีทางการเมืองของคุณทักษิณ ชินวัตร หดหายไปมากพอสมควร เพราะในพื้นที่ที่มีความแน่นอนกลับไม่มีความแน่นอนอีกต่อไป การคาดหวังจำนวนสส. ในการเลือกตั้งครั้งหน้าในระดับ 200 ขึ้นไปจึงเป็นเรื่องที่แทบเป็นไปไม่ได้ ในขณะที่ค่ายสีน้ำเงินบทบาทของคุณอนุทิน ชาญวีรกูล ที่ได้เพิ่มมาในพื้นที่สำคัญหลายจังหวัด ก็จะส่งผลให้ฐานะทางการเมืองของคุณอนุทิน เข้าใกล้ตำแหน่งนายกรัฐมนตรีมากขึ้น เพราะมีต้นทุนเดิมจากสภาสูงอยู่แล้วและจำนวน สส. รอบหน้าก็มีแนวโน้มทะลุ 100 ยิ่งถ้ากระแสแดงและส้มอ่อนลง ก็ยิ่งเป็นประโยชน์โดยตรงกับค่ายสีน้ำเงินอยู่แล้ว

6.บทสรุป 
สังคมไทยต้องตอบและวางกรอบให้ชัดถึงบทบาท และภารกิจของการเมืองท้องถิ่นกับการเมืองระดับชาติและยุทธศาสตร์กระจายอำนาจต้องวางสมดุลให้ชัดเจนกว่านี้ ไม่เช่นนั้นการเลือกตั้งบ่อยๆ ถี่ๆ ทั้งระดับชาติและระดับท้องถิ่นแต่ไม่สามารถสร้างผลลัพธ์ที่ขับเคลื่อนการเมืองไทยได้อย่างมีรูปธรรมและเกิดการพัฒนา ทางการเมืองอย่างแท้จริงสุดท้ายก็อาจสูญเปล่า ทำให้การเมืองไทยอยู่ในวังวนแค่การเลือกตั้งเท่านั้น

‘เนเน่ รัดเกล้า’ โพสต์เเนะ!! กรณี ‘สส.ปูอัด ไชยามพวาน’ ชี้!! ควรมีจิตสำนึก ยืดอก ลาออก เป็นแบบอย่างที่ดีให้สังคม

(9 ก.พ. 68) นางสาวรัดเกล้า อินทวงศ์ สุวรรณคีรี หรือ ‘เนเน่’ รองโฆษกพรรครวมไทยสร้างชาติ โพสต์ข้อความเกี่ยวกับ กรณี ‘สส.ปูอัด ไชยามพวาน’ โดยมีใจความว่า …

สิ่งที่ #สสปูอัด ต้องทำ และทำทันทีคือ ‘ลาออก’ ...เพราะประชาชนคนไทยสมควรที่จะมีผู้แทนที่มีคุณภาพ เป็นแบบอย่างที่ดีให้สังคมและคนรุ่นหลัง ไม่มีมลทินทั้งในด้านกฏหมายและจริยธรรม

แม้ว่ากฏหมายและแนวปฏิบัติโดยปรกติ สภาจะไม่ส่งตัว สส.ที่ถูกออกหมายจับไปให้ตำรวจระหว่างสมัยประชุม เพื่อไม่ให้การทำหน้าที่สมาชิกผู้แทนราษฎูรในฝ่ายนิติบัญญัติสะดุดลง และคดีอาจจะเกิดขึ้นจากการถูกกลั่นแกล้งทางการเมือง... แต่! แต่!! นายไชยามพวาน (ปูอัด) เป็นบุคคลที่มีคดีทางเพศ ซ้ำแล้วซ้ำอีก ในระยะเวลาเพียงไม่ถึง 2 ปี!

แม้จะออกตนว่าโดนกลั่นแกล้ง โดนใส่ร้าย (อีกแล้ว) แต่ควรมีจิตสำนึกรับผิดชอบต่อบทบาทหน้าที่อันทรงเกียรติของการเป็นสมาชิกสภาผู้แทนราษฎร... คุณยืดอก ลาออก สู้คดี พิสูจน์ตัวเอง ในฐานะบุคคลธรรมดา เถอะค่ะ

‘เทพไท’ เย้ย!! 'นายกฯอิ๊งค์' เยือนจีน ได้แต่ภาพ ไม่ได้ผล ชี้!! แค่การลงนามใน ‘MOU’ แบบพื้นๆ ตามธรรมเนียมปฏิบัติ

(9 ก.พ. 68) นายเทพไท เสนพงศ์ อดีต สส.นครศรีธรรมราช พรรคประชาธิปัตย์ ได้โพสต์ข้อความลงบนเฟซบุ๊ก ‘เทพไท – คุยการเมือง’ เรื่อง อุ๊งอิ๊ง เยือนจีน ได้ภาพมากกว่าผล?

หลังจากนางสาวแพทองธาร ชินวัตร นายกรัฐมนตรี กลับจากการเดินทางเยือนสาธารณรัฐประชาชนจีน ระหว่างวันที่ 5 – 8 กุมภาพันธ์ 2568 แล้ว ได้โพสต์ภาพพร้อมข้อความผ่านบัญชีโซเชียลมีเดียส่วนตัว ถึงความสำเร็จที่ได้เซ็นเอ็มโอยู 13 ฉบับ ซึ่งน่าจะเป็นธรรมเนียมปฏิบัติทางการทูต ที่ผู้นำประเทศเดินทางไปเยือนกัน จะมีพิธีการลงนามในเอ็มโอยูกันเป็นปกติ

แต่อย่าลืมว่าการเดินทางไปเยือนประเทศจีนของนางสาวแพทองธารในครั้งนี้เป็นการเดินทางเยือนในโอกาสครบรอบ 50 ปีของความสัมพันธ์ทางการทูต ซึ่งเป็นวาระสำคัญ น่าจะมีประเด็นสำคัญเป็นกรณีพิเศษมากกว่าการลงนามในเอ็มโอยูแบบพื้นๆ

ในขณะเดียวกันการเดินทางเยือนประเทศจีนครั้งนี้ ก็ไม่มีประเด็นข่าวที่สื่อมวลชนในต่างประเทศเสนอ และให้ความสำคัญเลย แม้แต่สำนักข่าวซินหัวของจีน ก็ลงข่าวแค่ภาพที่นางสาวแพทองธารจับมือกับประธานาธิบดี สี จิ้นผิงเท่านั้น ไม่มีเนื้อข่าวประกอบ หรือคำอธิบายเพิ่มเติมเลย

ส่วนการเสนอข่าวของสื่อไทย ก็เป็นการเสนอข่าวการสัมภาษณ์ของรัฐมนตรีที่ติดตามคณะของนางสาวแพทองธาร ทุกคนจะเน้นในประเด็นที่ประธานาธิบดี สี จิ้นผิง ชื่นชมนางสาวแพทองธารและรัฐบาลไทย ที่ได้ตัดกระแสไฟฟ้าชายแดนพม่า 5 จุด เพื่อสกัดแก๊งคอลเซ็นเตอร์ และ นางสาวแพทองธารเองก็รู้สึกปลื้มกับคำชมนี้มากด้วยเช่นกัน

จึงไม่แปลกใจว่า ทำไมรัฐบาลจึงเร่งการตัดไฟชายแดนพม่าอย่างเร่งด่วนให้ได้ ก่อนที่นางสาวแพทองธารจะออกเดินทางไปเยือนประเทศจีน ทำให้นายอนุทิน ชาญวีรกุล รัฐมนตรีว่าการกระทรวงมหาดไทย เร่งตัดไฟตอนเวลา 9 โมง ก่อนที่นางสาวแพทองธารขึ้นเครื่องบินไปประเทศจีน 3 ชั่วโมง  ถ้าหากว่าไม่มีประเด็นการตัดไฟก่อนไปเยือนประเทศจีน คงไม่มีประเด็นอะไรไปอวด ให้นายสีจิ้นผิง ประธานาธิบดีจีน ได้ชื่นชมและขอบคุณ

สำหรับประเด็นข่าวที่เสนอกันในสื่อโซเชียลมากที่สุด ไม่ใช่ประเด็นวาระงานการเยือนประเทศจีน แต่เป็นเรื่องการแต่งตัวของนางสาวแพทองธาร ที่ถูกวิจารณ์เรื่อง หมวก เสื้อผ้า และกางเกง รวมไปถึงรองเท้าที่สวมใส่ ว่ามีความเหมาะสมกับภาวะผู้นำประเทศหรือไม่

สรุปได้ว่าการเดินทางไปเยือนประเทศจีนของนางสาวแพทองธารในครั้งนี้ ซึ่งเป็นโอกาสสำคัญ ได้เพียงแค่การสร้างภาพการเดินทางไปเยือน แต่ผลสัมฤทธิ์ของเนื้องานกลับไม่มีเลย นับว่าเป็นการเสียโอกาสของประเทศชาติอีกครั้งหนึ่ง

‘นิด้าโพล’ เผยผลสำรวจ!! ผู้สูงอายุรับเงินสด 10,000 บาท ชี้!! มีแนวโน้ม ทำให้สนับสนุนรัฐบาล เกือบ 45%

(9 ก.พ. 68) ศูนย์สำรวจความคิดเห็น ‘นิด้าโพล’ สถาบันบัณฑิตพัฒนบริหารศาสตร์ (นิด้า) เปิดเผยผลการสำรวจ ของประชาชน เรื่อง ‘ผู้สูงอายุรับเงินสด 10,000 บาทแล้วจะสนับสนุนรัฐบาลไหม’ ทำการสำรวจระหว่างวันที่ 3-5 กุมภาพันธ์ 2568 จากประชาชนที่มีอายุ 60 ปีขึ้นไป ที่ทั้งตนเอง และ/หรือคนในครอบครัว ที่ได้รับเงิน 10,000 บาท จากโครงการกระตุ้นเศรษฐกิจผ่านผู้สูงอายุ กระจายทุกภูมิภาค ระดับการศึกษา อาชีพ และรายได้ ทั่วประเทศ รวมจำนวนทั้งสิ้น 1,310 หน่วยตัวอย่าง เกี่ยวกับการได้รับเงินสด 10,000 บาท จากรัฐบาล การสำรวจอาศัยการสุ่มตัวอย่างโดยใช้ความน่าจะเป็นจากบัญชีรายชื่อฐานข้อมูลตัวอย่างหลัก (Master Sample) ของ ‘นิด้าโพล’ สุ่มตัวอย่างแบบหลายขั้นตอน (Multi-stage Sampling) เก็บข้อมูลด้วยวิธีการสัมภาษณ์ทางโทรศัพท์ โดยกำหนด
ค่าความเชื่อมั่น ร้อยละ 97.0

จากการสำรวจเมื่อถามถึงการนำเงินไปใช้จ่ายของผู้ที่ได้รับเงิน 10,000 บาท ไม่ว่าจะเป็นตนเอง และ/หรือ คนในครอบครัวที่ได้รับเงินจากโครงการกระตุ้นเศรษฐกิจผ่านผู้สูงอายุ พบว่า ตัวอย่าง ร้อยละ 86.18 ระบุว่าใช้จ่ายในชีวิตประจำวัน (รวมค่าน้ำ ค่าไฟ น้ำมันเชื้อเพลิง) รองลงมา ร้อยละ 26.26 ระบุว่า ใช้จ่ายเพื่อสุขภาพ (เช่น ซื้อยารักษาโรค หาหมอ) ร้อยละ 13.66 ระบุว่า ใช้หนี้ ร้อยละ 11.98 ระบุว่า เก็บออมไว้สำหรับอนาคต ร้อยละ 9.24 ระบุว่า ใช้ลงทุนการค้า ร้อยละ 8.70 ระบุว่า ใช้จ่ายเพื่อการศึกษา ร้อยละ 4.35 ระบุว่า ใช้ซื้อหวย สลากกินแบ่งรัฐบาล ร้อยละ 1.76 ระบุว่า ใช้ซื้ออุปกรณ์เครื่องใช้ไฟฟ้า ร้อยละ 0.53 ระบุว่า ใช้ซื้ออุปกรณ์อิเล็กทรอนิกส์ มือถือ และเครื่องมือสื่อสาร ร้อยละ 0.46 ระบุว่า ใช้จ่ายเพื่อการเดินทางท่องเที่ยว และร้อยละ 0.38 ระบุว่า ใช้จ่ายเพื่อการบันเทิง (เช่น เลี้ยงสังสรรค์ ซื้อเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ ยาสูบ เป็นต้น)

ท้ายที่สุดเมื่อถามถึงการสนับสนุนรัฐบาลของผู้ที่ได้รับเงิน 10,000 บาท ไม่ว่าจะเป็นตนเอง และ/หรือ คนในครอบครัวที่ได้รับผลประโยชน์จากโครงการกระตุ้นเศรษฐกิจผ่านผู้สูงอายุ พบว่า ตัวอย่าง ร้อยละ 44.89 ระบุว่ามีส่วนทำให้สนับสนุนรัฐบาล รองลงมา ร้อยละ 30.69 ระบุว่า จะมีหรือไม่มีโครงการกระตุ้นเศรษฐกิจ ก็สนับสนุนรัฐบาลอยู่แล้ว ร้อยละ 14.35 ระบุว่า ไม่ว่าอย่างไรก็ไม่สนับสนุนรัฐบาล และร้อยละ 10.07 ระบุว่า ยังไม่แน่ใจว่าจะตัดสินใจอย่างไร 

‘เจี๊ยบ-อมรัตน์’ แจงด่วน!! หลังโดนทัวร์ลง กรณีพยายามแบก ‘สส.ปูอัด’ เผย!! ไม่เชื่อมั่นในกระบวนการยุติธรรม ตำรวจไทย ทั้งมั่วทั้งผิดพลาด

(8 ก.พ. 68) จากกรณี 'สส.ปูอัด' นายไชยามพวาน มั่นเพียรจิตต์ สส.กทม. พรรคไทยก้าวหน้า ถูกศาลจังหวัดเชียงใหม่ออกหมายจับ ฐานข่มขืนกระทำชำเรานักท่องเที่ยวต่างชาติที่โรงแรมแห่งหนึ่งในจังหวัดเชียงใหม่ จนเกิดกระแสเรียกร้องให้ลาออกจากตำแหน่ง

หนึ่งในผู้ที่ออกมาแสดงความเห็นคือ 'เจี๊ยบ' นางอมรัตน์ โชคปมิตต์กุล อดีต สส.พรรคก้าวไกล ซึ่งโพสต์ว่า “ทุกกรณีที่อยู่ในชั้นถูกกล่าวหาแล้วถูกกดดันให้รับผิดชอบลาออก เวลาผ่านไปสุดท้ายพิสูจน์ตัวเองได้ว่าเป็นผู้บริสุทธิ์จะชดเชยกันยังไง”

ทำให้มีการวิพากษ์วิจารณ์นางอมรัตน์พยายามปกป้องและแบก สส.ปูอัด

ต่อมานางอมรัตน์โพสต์อธิบายเพิ่มเติมว่า “ดิฉันไม่ได้ชอบพฤติกรรม สส.ปูอัดที่ผ่านมา แต่เร็วเกินไปที่จะไปกดดันให้ต้องลาออกเดี๋ยวนี้เดี๋ยวนั้น”

“มันต่างกรรมต่างวาระก็ต้องมีใจเป็นธรรมและใช้ความรอบคอบตามสมควรก่อนจะไปเร่งกดดันให้ใครลาออก เพราะทุกคนก็ยังไม่เห็นสำนวนหลักฐานและข้อต่อสู้ของผู้ถูกกล่าวหา อย่างน้อยก็น่าจะไปให้ถึงชั้นให้อัยการมีคำสั่งฟ้องเสียก่อน”

“นี่เพิ่งชั้นตำรวจ และส่วนตัวก็ไม่ได้ไว้ใจการทำงานของเจ้าหน้าที่ตำรวจเท่าไหร่ ได้ข่าวว่าออกเป็นหมายจับเลย ข้ามขั้นตอนการออกหมายเรียกให้ผู้ถูกกล่าวหามารับทราบข้อกล่าวหาก่อน และปูอัดก็ควรไปรับทราบข้อกล่าวหาและต่อสู้คดีโดยไม่ใช้เอกสิทธิ์ สส.”

ล่าสุด เช้าวันที่ 8 ก.พ. 68 นางอมรัตน์โพสต์ข้อความชี้แจงเพิ่มอีก โดยบอกว่า “ตอบเรื่องแบกสักหน่อย เอาจริง ๆ ดิฉันก็เหมือนทุกท่าน อยากเห็นคนมีตำแหน่งทางการเมืองทำผิดแล้วออกมาแสดงความรับผิดชอบโดยเร็วและต้องถูกลงโทษ”

“ควรรีบเข้ามาสู่กระบวนการโดยเร็วไม่ควรใช้เอกสิทธิ์ สส.ประวิงเวลา”

“ความต้องการความเป็นยุติธรรมเป็นสัญชาตญาณของมนุษย์”

“แต่ดิฉันมีพื้นฐานไม่เคยเชื่อมั่นกระบวนการยุติธรรมไทยที่มันเหลวแหลกเป็นที่ประจักษ์ โดยเฉพาะในชั้นต้นคือชั้นตำรวจที่ไม่เคยมีความน่าเชื่อถือ ทั้งมั่วทั้งผิดพลาด”

“เมื่อถูกใครหรือองค์กรไหนกดดันหน่อยก็เร่งรัดสำนวนมั่ว ๆ ให้พ้นตัวรีบส่งศาลส่งอัยการ เขียนสำนวนรวบรวมหลักฐานให้ผิดเป็นถูก ถูกเป็นผิดก็มีให้เห็นนับไม่ถ้วน อย่างเรื่องบอสกระทิงแดง และอื่น ๆ มากมาย”

“หลายคดีในเบื้องต้นศาลก็ฟันไปตามสำนวนที่ตำรวจชงมา จับขังไม่ให้ประกันแล้วก็หลุดภายหลัง”

“ผู้บริสุทธิ์กี่คนแล้วเสียอนาคตกับความอยุติธรรมโดยไม่ได้รับชดเชยเยียวยา เรือนจำก็เต็มไปด้วยแพะ อาชญากรตัวจริงกี่คนแล้วที่ลอยนวลและยังเดินลอยหน้าในสังคม”

“อันที่จริงดิฉันก็ไม่ไว้ใจศาลด้วยทั้งเรื่องสองมาตรฐานและความเป็นอิสระ แต่ก็ไม่รู้จะทำไง ได้แค่เรียกร้องให้ปฏิรูปกระบวนการยุติธรรมโดยเร็ว”

“กรณีปูอัดแนวโน้มอาจจะผิดจริงแต่ก็อยากให้ใจเย็น ๆ กันนิดนึงเท่านั้น ข่าวใหญ่พาดหัวอะไรตูมตามขึ้นมาก็อย่าพึ่งด่วนบ้าจี้ตาม”

“ดิฉันรังเกียจกลุ่มนางแบกลูกจ้างที่ได้รับผลประโยชน์ พรรคจะตระบัดสัตย์ผิดสัญญาประชาคมอย่างไรก็ยังหน้าด้านแบกอย่างไร้สติส่งผลให้พรรคตกต่ำลงทุกวัน”

“ถ้าพรรคประชาชนผิดพลาดจากที่สัญญาไว้ก็จะวิจารณ์และช่วยตรวจสอบอย่างเข้มข้นเท่าที่ทำได้ ให้ปรับปรุง จะได้เป็นความหวังของประชาชน ไม่ดันทุรังแบก”

“แต่กรณี สส.ปูอัด ไม่รู้จะไปแบกให้เมื่อยเพื่ออะไร”

“เพราะปูอัดเป็น สส.พรรคไทยก้าวหน้าไม่ใช่พรรคประชาชน เขาถูกขับออกไปตั้งแต่สมัยเป็นพรรคก้าวไกลแล้ว”

“ตัวดิฉันเองก็ไม่ชอบพฤติกรรมที่ผ่านมาของเขา ปูอัดเป็นสส.รุ่น 2 ที่ดิฉันไม่มีความสัมพันธ์ส่วนตัว ไม่เคยมีเบอร์โทรหรือไลน์กัน”

“ตอนเลือกตั้งปี 66 ก็ไม่เคยไปช่วยหาเสียง รู้แต่ว่าเป็น สส.กทม.จำไม่ได้ว่าเขตไหน เพราะ สส.รุ่นใหม่มีตั้ง 151 คน แก่แล้วจำไม่หมด”

“แค่ดิฉันไม่อยากให้เกิดความผิดพลาดตามมาถ้าเราไปด่วนประหารชีวิตใครสักคนทางสังคมและทางการเมืองด้วยเรื่องพาดหัวข่าวสั้น ๆ โดยยังไม่ทันได้ให้โอกาสอีกฝ่ายโต้ตอบข้อกล่าวหาก็เท่านั้น”

“การไปด่วนชี้หน้าใครถูกผิด หรือประณามหยามเหยียดน่าจะต้องรอให้เรื่องสะเด็ดน้ำกันบ้าง และต้องมีใจเป็นธรรมไม่ใช้อคติที่มีในใจไปแล้วจากประวัติของเขาด้วย”

“เพราะแม้แต่คนทำผิดครั้ง 1,2 มาแล้ว ก็อาจไม่ใช่คนผิดในครั้งที่ 3 คนเรามีแนวโน้มจะผิดซ้ำได้ แต่ก็ไม่ใช่จะ 100 %”

“รอเวลานิดให้เรื่องเขยิบจากชั้นตำรวจ ไปช่วยกันไล่ออกตอนที่ชั้นอัยการเห็นว่ามีมูลสั่งฟ้องคงจะดีกว่า คงยังไม่ได้สายเกินไป”

“อาจไม่ได้ต้องรอถึงชั้นศาลตัดสินก็ได้เพราะมันคงจะนานเกินไป”

“เขียนมาน่าจะครบถ้วนแล้ว รู้สึกเสียเวลาและเมื่อยนิ้วนิดหน่อย แต่คิดว่าควรตอบเพื่อบันทึกไว้ก่อนจะ move on”

‘ลอรี่ พงศ์พล ยอดเมืองเจริญ’ ติง!! สส.ฝ่ายค้าน ฉาวคนเดียว ระวังเหม็นทั้งประเทศ จี้ให้!! ลาออก ก่อนกระทบ ‘การทูต-การท่องเที่ยวไทย’ เสียหายถึงความสัมพันธ์

(8 ก.พ. 68) นายพงศ์พล ยอดเมืองเจริญ รองโฆษกพรรครวมไทยสร้างชาติ เปิดเผยถึงกรณีศาลออกหมายจับ สส.ฝ่ายค้านคดีล่วงละเมิดทางเพศนักท่องเที่ยวชาวไต้หวัน ว่า

ในขณะนี้ สื่อต่างชาติ โดยเฉพาะประเทศจีนและไต้หวัน ประโคมข่าวใหญ่ 'สส.ฝ่ายค้านไทย' ขืนใจนักท่องเที่ยวไต้หวัน เรื่องดังกล่าวแม้จะเป็นเรื่องผิดส่วนตัว แต่ส่งผลกระทบความสัมพันธ์ระหว่างประเทศ กระทบต่อการท่องเที่ยวที่ทุกภาคส่วนร่วมกันช่วยฟื้นฟูกันอย่างแข็งขัน กลับต้องมาเสียหายเพราะผู้แทนของประชาชน ที่กระทำความผิดซ้ำแล้วซ้ำเล่า

นายพงศ์พล กล่าวต่อไปว่า พรรคการเมืองไหนยังให้การสนับสนุนถือหางได้ก็ถือไป แต่ไม่ใช่กับพรรครวมไทยสร้างชาติ พวกเราขอไม่ทนกับสิ่งที่ไม่ถูกต้อง ขอให้ สส. คนดังกล่าวพิจารณาตนเองและงดใช้เอกสิทธิ์ สส.ไปพิสูจน์ในกระบวนการยุติธรรม ก่อนประเทศเสียหายกว่านี้

"ผมเสนอให้สภามีการตั้งคณะกรรมการตรวจสอบเพื่อความโปร่งใส ไม่ให้มีการใช้อิทธิพลพรรคใหญ่เข้าแทรกแซง พร้อมทั้งเยียวยาเหยื่อ ทั้งทางร่างกายและจิตใจ" นายพงศ์พล กล่าวทิ้งท้าย


© Copyright 2021, All rights reserved. THE STATES TIMES
Take Me Top