Friday, 16 May 2025
POLITICS

นายกฯ ยืนยันยังไม่ยกเลิก ‘เงินดิจิทัลเฟส 3’ ขอเวลาคิด พร้อมเปิดรับข้อเสนอเปลี่ยนรูปแบบแจกเงิน

(15 พ.ค. 68) น.ส.แพทองธาร ชินวัตร นายกรัฐมนตรี ยืนยันว่า โครงการเงินดิจิทัลวอลเล็ตเฟส 3 สำหรับกลุ่มอายุ 16-20 ปียังไม่ถูกยกเลิก แม้จะมีข่าวว่ารัฐบาลอาจต้องทบทวนเพื่อรับมือกับนโยบายภาษีของนายโดนัลด์ ทรัมป์ ที่ตั้งภาษีนำเข้าสินค้าจากไทยไว้สูงถึง 36% โดยระบุว่าขณะนี้อยู่ระหว่างรับฟังความคิดเห็นจากหลายฝ่าย และจะประกาศข้อสรุปเมื่อได้ข้อยุติ

นายกรัฐมนตรีชี้แจงว่า รัฐบาลยังคงมุ่งหามาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจที่มีประสิทธิภาพมากที่สุด โดยยังไม่ตัดสินใจยกเลิกโครงการใด พร้อมเปิดรับข้อเสนอ เช่น การปรับรูปแบบการแจกเงินให้คล้ายโครงการ 'คนละครึ่ง' เพื่อให้เหมาะสมกับสถานการณ์เศรษฐกิจโลกที่เปลี่ยนแปลง

เมื่อถูกถามว่าโครงการจะดำเนินต่อในรูปแบบใด และหากยกเลิกจะกระทบต่อคะแนนนิยมของพรรคเพื่อไทยหรือไม่ นายกรัฐมนตรีไม่ตอบในประเด็นนี้ แต่ย้ำว่าทุกนโยบายต้องสอดคล้องกับสภาพเศรษฐกิจ และครอบคลุมทุกช่วงอายุ ไม่ใช่เฉพาะกลุ่มใดกลุ่มหนึ่งเท่านั้น

'โฆษก พปชร.' ทวงแรงถาม รัฐบาลกลัวอะไร กับ 'กัมพูชา' ร้องเพลงชาติบนปราสาทตาเมืองธม พร้อมแจงมติพรรค พร้อมเดินหน้าตรวจสอบด้านเศรษฐกิจรัฐ ชูนโยบาย พปชร. แก้ปัญหาปากท้องลงมือทำจริง ซัด รบ. แก้ปัญหา ศก.ประเทศติดอันดับรั้งท้ายภูมิภาค

เมื่อวันที่ (13 พ.ค.68) เวลา 14.00 น.ที่พรรคพลังประชารัฐ(พปชร.) พล.ต.ท.ปิยะ ต๊ะวิชัย โฆษกพรรคพลังประชารัฐ กล่าวว่า ในการประชุมกรรมการบริหารพรรค โดยมี พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ หัวหน้าพรรค เป็นประธาน ได้พิจารณา ออกคำสั่ง แต่งตั้งทีมเศรษฐกิจพรรคพลังประชารัฐ โดยให้นายธีระชัย ภูวนาถนรานุบาล รองหัวหน้าพรรคพลังประชารัฐฝ่ายเศรษฐกิจ เป็นหัวหน้าทีม หม่อมหลวงกรกสิวัฒน์ เกษมศรี  เป็นรองหัวหน้าทีมเศรษฐกิจ พร้อมด้วย นายอัคร ทองใจสด นางสาวพิมพ์พร พรพฤฒิพันธุ์ นางสาวบุณณดา สุปิยะพันธุ์ และนายมนูญ พรหมลักษณ์ ร่วมคณะทีมเศรษฐกิจ ซึ่งนับ เป็นทีมเศรษฐกิจคนรุ่นใหม่ และเป็นนักเศรษฐศาสตร์ที่มีความรู้ ความเชี่ยวชาญด้านการเงินการธนาคาร เศรษฐกิจระดับมหภาคและจุลภาค รวมถึงการแก้หนี้ครัวเรือน อย่างเชี่ยวชาญและชัดเจน

ทั้งนี้ ทีมเศรษฐกิจทำหน้าที่ติดตามสถานการณ์การบริหารราชการ ด้านเศรษฐกิจ ของรัฐบาล ในการดูแล ความเป็นอยู่ของพี่น้องประชาชน ที่จะนำไปสู่การเสนอแนะ ที่เป็นประโยชน์ แก่สังคม รวมถึงการนำเสนอนโยบายสำคัญ ในการแก้ปัญหาต่างๆ ของประเทศ เพื่อแสดงศักยภาพ และความพร้อมของพรรค โดยการขับเคลื่อนของ ทีมเศรษฐกิจ ที่พร้อม ลงมือทำงานได้ทันที อาศัยอำนาจตามข้อบังคับพรรดพลังประชารัฐ พ.ศ.2561 ดังนี้

โดย 1.การติดตามวิเคราะห์สถานการณ์เศรษฐกิจทั้งในรัฐสภาและภายนอกและทั้งในประเทศและในต่างประเทศ เพื่อวางแนวทางที่จะแถลงแนวทางในแต่ละเรื่องให้แก่ประชาชนได้รับทราบ โดยบางเรื่องที่เกิดขึ้นในสมัยประชุมรัฐสภาก็จะพิจารณาทำการแถลงข่าวจุดยืนร่วมกับ สส. ของพรรค 2. ประสานให้ฝ่ายที่เกี่ยวข้องช่วยรวบรวมข่าวและคำวิจารณ์ในสื่อต่างๆ ในแต่ละวัน เพื่อทีมเศรษฐกิจ จะได้พิจารณาแถลงข่าวเพื่อตอบโต้หรือเสนอแนะได้ทันท่วงที 3. ปฏิบัติงานอื่นตามที่ได้รับมอบหมายจากหัวหน้าพรรค

ทั้งนี้ที่ประชุมยังได้มีการหารือถึงปัญหาเศรษฐกิจของพี่น้องประชาชนที่มีรายได้น้อย ที่ขณะนี้ได้รับความเดือดร้อนค่อนข้างมาก ซึ่งรัฐบาลขับเคลื่อนในการแก้ไขปัญหาเศรษฐกิจไปอย่างเชื่องช้าและไม่ถูกทิศทาง ก่อให้เกิดผลเสียต่อภาพรวมของเศรษฐกิจ เห็นได้ชัดเจนจากสภาผู้ว่าการธนาคารโลก (World Bank) และกองทุนการเงินระหว่างประเทศ (IMF) ปรับลดระดับทางเศรษฐกิจของประเทศไทย และเป็นที่น่าตกใจก็คือ ครั้งนี้เป็นครั้งแรกที่ลำดับทางเศรษฐกิจของประเทศไทยต่ำกว่าประเทศกัมพูชาและลาว โดยเราอยู่ในลำดับเกือบรั้งท้ายในแถบประเทศอาเซียน

“วันนี้พี่น้องประชาชนกำลังจะอดตาย แต่นายกรัฐมนตรียังปล่อยให้เพิ่มภาษีน้ำมัน สิ่งที่เป็นปัจจัยพื้นฐานในการแข่งขันทางด้านธุรกิจและการขนส่ง ในขณะที่ราคาน้ำมันลดลง แต่รัฐบาลกลับตัดแขนตัดขาประชาชนด้วยการเพิ่มภาษีน้ำมัน ทำให้ราคาแพงกว่าที่ประเทศเวียดนาม แล้วเราจะแข่งขันกับเขาได้อย่างไร“ พล.ต.ท.ปิยะ กล่าว

“นอกจากนี้ที่ประชุมยังได้พิจารณาถึงความคืบหน้าของกรณีที่นายทหารชั้นนายพล ได้นำชาวกัมพูชาจำนวนหนึ่ง ขึ้นมาร้องเพลงชาติกัมพูชา บริเวณปราสาทตาเมือนธม อ.พนมดงรัก จ.สุรินทร์ม และมีการบันทึกภาพและเสียง ซึ่งถือว่าเป็นการกระทำที่ล่วงละเมิดอธิปไตยของไทยในดินแดนของไทย แต่รัฐบาลไม่ดำเนินการประท้วงผ่านกระทรวงการต่างประเทศ หรือดำเนินคดี หรือดำเนินการใดๆ แต่อย่างใด เป็นลายลักษณ์อักษร หรือให้เป็นพยานหลักฐานในการต่อสู้คดีที่อาจเกิดขึ้นในภายภาคหน้าหากทางประเทศกัมพูชาจะเรียกร้องพื้นที่นี้เป็นอาณาเขตของประเทศตนเอง พร้อมทั้งกล่าวว่า ไม่รู้ว่ากลัวอะไรทางกัมพูชา อีกทั้ง รัฐมนตรีกระทรวงกลาโหมยังมีคำสั่งให้ทหารไทยถอยออกจากพื้นที่ที่เป็นอธิปไตยของประเทศ ซึ่งในเรื่องนี้  ทางพรรคพลังประชารัฐ ได้เคยเรียกร้องให้ทางรัฐบาลดำเนินการประท้วง หรือท้วงติงเป็นลายลักษณ์อักษรไปยังรัฐบาลกัมพูชา ในการแถลงข่าว เมื่อวันที่ 18 มีนาคม 2568 จนถึงวันนี้ เป็นเวลาหลายเดือนแล้วยังไม่ได้รับคำตอบจากรัฐบาลแต่อย่างใด“

“ถ้าทหารและครอบครัวกลุ่มนั้นมาร้องเพลงชาติในห้องนอนของนายกฯ หรือในห้องนอนของท่าน รองนายกฯ ท่านจะยังนิ่งเฉย และสั่งให้คนในบ้านของท่านออกจากห้องนอน หรือออกจากบ้าน ไปอยู่ที่สนามหญ้าหน้าบ้านหรือไม่ ผมอยากรู้ว่า ท่านจะทำอย่างเดียวกับที่ท่านทำกับประเทศไทยหรือแผ่นดินไทยอันเป็นที่รักของเราหรือไม่ พรรคพลังประชารัฐต้องขอบคุณพี่น้องทหารหาญทุกท่านและพี่น้องประชาชนคนไทยที่รักชาติและแผ่นดิน วันนี้ประเทศไทยเป็นสุขได้เพราะบรรพบุรุษของไทยทุกคนช่วยกันรักและพิทักษ์ไว้ซึ่งแผ่นดินไทย เราจะไม่ยอมให้ประเทศเพื่อนบ้านเอาแผ่นดินของประเทศไทยไปแม้แต่นิ้วเดียว รัฐบาลไทยกลัวอะไรถึงขนาดนี้ กลัวว่า จะมีการเพิกถอนสัญชาติของญาติท่านบางคน หรือจะเอาญาติของท่านที่ไปแต่งงานกับคนใกล้ชิดท่านนายกฮุนเซน  เอามาคืนหรือ พรรคพลังประชารัฐจะไม่ยอมให้ ผู้หนึ่งผู้ใดนำผืนแผ่นดินไทยไปแลกผลประโยชน์ ส่วนตนและเครือญาติโดยเด็ดขาด” พล.ต.ท.ปิยะ กล่าว

นายกฯ รับเสียดาย ‘ทักษิณ’ พลาดพบ ‘ทรัมป์’ ที่กาตาร์ ยันพ่อป่วยจริง-เตรียมไปศาลตามนัด 13 มิ.ย. นี้

(13 พ.ค. 68) นางสาวแพทองธาร ชินวัตร นายกรัฐมนตรี ให้สัมภาษณ์กรณีศาลไม่อนุญาตให้นายทักษิณ ชินวัตร เดินทางไปกาตาร์ ทำให้พลาดโอกาสพบ โดนัลด์ ทรัมป์ ประธานาธิบดีสหรัฐอเมริกา ซึ่งอาจช่วยเปิดทางเจรจาภาษีไทย-สหรัฐฯ ได้ โดยย้ำว่าทักษิณป่วยจริง มีประวัติการรักษามายาวนาน และจะขึ้นศาลตามนัดในวันที่ 13 มิ.ย.นี้

นายกฯ ยืนยันว่าแพทยสภายังไม่มีข้อสรุปชัดเจนว่านายทักษิณป่วยจริงหรือไม่ และไม่เคยมีใครระบุชัดว่าเป็น 'การป่วยทิพย์' พร้อมระบุว่าตนเองไม่ได้รับผลกระทบจากกรณีนี้โดยตรง เพราะเหตุเกิดก่อนดำรงตำแหน่ง แต่ยอมรับว่ารู้สึกว่ากระทบมาตลอดตั้งแต่มีคำพิพากษาคดีของบิดา

สำหรับประเด็นการเจรจาการค้ากับสหรัฐฯ นายกฯ เปิดเผยว่าได้ส่งรายงานไปยัง สำนักงานผู้แทนการค้าสหรัฐอเมริกา (USTR)  แล้ว และรอเวลาที่เหมาะสมเพื่อหารืออย่างเป็นทางการ ยืนยันว่าการที่จีนหรือชาติอื่นคืบหน้ากว่าไทยไม่ได้หมายถึงว่าไทยล่าช้า เพราะมีการพูดคุยกันในหลายระดับแล้ว

ส่วนกรณีข่าวสหรัฐฯ ระงับวีซ่าเจ้าหน้าที่ไทยจากกรณีอุยกูร์ นายกฯ ระบุว่ายังไม่แน่ใจว่ามีการปลดล็อกหรือไม่ ต้องตรวจสอบอีกครั้ง แต่ย้ำว่าตนไม่เคยถูกแบนวีซ่า และเชื่อว่าไม่น่ามีปัญหาในการเจรจาระหว่างประเทศในอนาคต

'เอกนัฏ' ลั่น รทสช. อยู่ได้ด้วยอุดมการณ์ และผลงาน พร้อมหนุน 'พีระพันธุ์' สู้ข้อกล่าวหา ป.ป.ช. - ทำผลงานต่อ

(13 พ.ค. 68) นายเอกนัฏ พร้อมพันธุ์ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงอุตสาหกรรม ในฐานะเลขาธิการพรรครวมไทยสร้างชาติ (รทสช.) กล่าวถึงกระแสข่าว สส. ของพรรคย้ายสังกัด ว่า จากการพูดคุยกับ สส. หลายคน พบว่ายังคงลงพื้นที่ทำงานอย่างแข็งขัน ทั้งสนับสนุนการเลือกตั้งท้องถิ่นและพบปะประชาชน ซึ่งได้รับการตอบรับเป็นอย่างดี จึงเชื่อมั่นว่าทุกคนยังตั้งใจทำงานร่วมกับพรรค รทสช. ที่ยังคงยึดมั่นในอุดมการณ์ ให้ความสำคัญกับการแก้ปัญหาประชาชนมากกว่าความขัดแย้งทางการเมือง พร้อมย้ำว่าที่ผ่านมาพรรคได้ทำหน้าที่ในกระทรวงอุตสาหกรรมและพลังงานอย่างเต็มที่ แม้จะมีแรงเสียดทานก็ตาม

ผู้สื่อข่าวถามว่า มีกระแสข่าวว่า นายสุชาติ ชมกลิ่น รมช.พาณิชย์ ส.ส.บัญชีรายชื่อ พรรค รทสช.เตรียมจะย้ายไปอยู่กับพรรคกล้าธรรม ได้มีการพูดคุยกับนายสุชาติหรือไม่ นายเอกนัฏกล่าวว่า ไม่ทราบเลยจริงๆ ตนคิดว่าอย่าต้องมากังวลกับผู้บริหารของพรรคเลย ตนเรียนกับทุกคนเลยว่า เมื่อไหร่พรรคการเมืองทุกพรรคยึดมั่นในอุดมการณ์ ทำงานให้ผลงานเป็นที่ปรากฏ ไม่มีอะไรที่ต้องกลัว มีคนไปก็มีคนมา ตนจะบอกว่าพรรค รทสช.อยู่ได้ด้วยอุดมการณ์ ไม่ได้อยู่ได้ด้วยการนำผลประโยชน์ กองกำลัง หรือการจับกลุ่มก้อนมาตั้งกองกำลัง ซึ่งไม่ใช่ พรรคต้องอยู่ได้ด้วยอุดมการณ์และผลงานที่ปรากกฎต่อสาธารณชน

ส่วนกรณีที่คณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ (ป.ป.ช.) เตรียมแจ้งข้อกล่าวหาทางจริยธรรมต่อนายพีระพันธุ์ สาลีรัฐวิภาค กรณีติดสติ๊กเกอร์บนถุงยังชีพของบริษัทเอกชนแห่งหนึ่งและนำไปแจกขณะลงพื้นที่ จ.นครศรีธรรมราช นั้น นายเอกนัฏ แสดงความมั่นใจว่า นายพีระพันธุ์พร้อมรับการตรวจสอบและสามารถชี้แจงได้ ไม่มีประเด็นใดน่ากังวล พร้อมยืนยันว่า ตนเองและสมาชิกพรรคทุกคนให้การสนับสนุนนายพีระพันธุ์อย่างเต็มที่ ทั้งในกระบวนการทางกฎหมายและการทำงาน โดยเฉพาะความพยายามในการดูแลราคาพลังงาน

เมื่อถามถึงมุมมองต่อการที่มีผู้ยื่นเรื่องร้องเรียนนายพีระพันธุ์อย่างต่อเนื่องในช่วง 2 สัปดาห์ที่ผ่านมา นายเอกนัฏ ย้ำว่า ไม่ได้ให้ความสำคัญหรือเสียเวลาวิเคราะห์ความขัดแย้งทางการเมืองและข้อกล่าวหาต่างๆ เพราะไม่ก่อให้เกิดประโยชน์ มีแต่จะทำให้ประชาชนเบื่อหน่าย โดยตนเองเลือกที่จะนำเวลามามุ่งเน้นการแก้ไขปัญหาสำคัญของประเทศ โดยเฉพาะภาวะเศรษฐกิจที่ต้องดูแลเป็นพิเศษ ซึ่งรวมถึงผลกระทบจากสงครามการค้าโลก การปฏิรูปภาคอุตสาหกรรม และการจัดการกับการลักลอบกระทำผิดกฎหมายต่างๆ

ฝากขัง ‘สจ.กอล์ฟ’ รุมตื้บตร.หน่วยเลือกตั้ง รับสารภาพทุกข้อหา คัดค้านประกันตัว

(13 พ.ค. 68) นายสิรดนัย พลายด้วง หรือ 'สจ.กอล์ฟ' สมาชิกสภาองค์การบริหารส่วนจังหวัดสงขลา เข้ามอบตัวต่อพนักงานสอบสวน สภ.เมืองสงขลา พร้อมนายสมยศ พลายด้วง สส.เขต 3 พรรคประชาธิปัตย์ ซึ่งเป็นบิดา หลังตกเป็นผู้ต้องหาในคดีร่วมกันทำร้ายร่างกายเจ้าหน้าที่ตำรวจ โดยเหตุเกิดเมื่อวันที่ 11 พ.ค. ที่ผ่านมา ขณะลงคะแนนเลือกตั้งนายกเทศมนตรีนครสงขลา โดยมีคลิปปรากฏว่า สจ.กอล์ฟ สั่งการให้ลูกน้องรุมทำร้าย ด.ต.นิสาธิต คงเทพ เจ้าหน้าที่ ตชด. ขณะปฏิบัติหน้าที่รักษาความสงบหน้าหน่วยเลือกตั้ง

ตำรวจคัดค้านการประกันตัวผู้ต้องหาทั้ง 7 คน โดยควบคุมตัวไว้ที่ สภ.เมืองสงขลา เพื่อรอส่งศาลจังหวัดในวันนี้ (13 พ.ค.) ด้าน พล.ต.อ.ธนายุตม์ วุฒิจรัสธำรงค์ ที่ปรึกษาพิเศษ สตช. บินด่วนลงพื้นที่ พร้อมนำทีมบุกค้นบ้านพักผู้ต้องหาทั้ง 7 จุด โดยเฉพาะบ้าน 'สจ.กอล์ฟ' ซึ่งพบเสื้อผ้า โทรศัพท์ ตู้เซฟ และพยานหลักฐานสำคัญ รวมถึงข้อความแชตก่อนก่อเหตุ ขณะที่อาวุธปืนและรถยนต์ถูกนำไปเก็บไว้ที่บ้าน สส.สมยศ

จากการสอบสวนเบื้องต้น 'สจ.กอล์ฟ' ยอมรับสารภาพเพราะจำนนต่อหลักฐาน ทั้งกล้องวงจรปิดและพยานจำนวนมากที่เห็นเหตุการณ์ชัดเจนทั่วประเทศ พล.ต.อ.ธนายุตม์ ยืนยันจะดำเนินคดีอย่างถึงที่สุด และเตรียมขุดรากถอนโคนกลุ่มผู้มีอิทธิพลในพื้นที่ จ.สงขลา เพื่อสร้างความเป็นธรรมในสังคม

พล.ต.อ.สมพงษ์ ชิงดวง รองนายกสมาคมตำรวจ ลงพื้นที่เยี่ยม ด.ต.นิสาธิต ผู้บาดเจ็บ พร้อมรับฟังความห่วงใยจากมารดา ที่กังวลเรื่องความปลอดภัยจากการเผชิญกลุ่มอิทธิพลในท้องถิ่น โดยตำรวจย้ำคดีนี้ไม่ปล่อยผ่าน กฎหมายศักดิ์สิทธิ์ พร้อมเดินหน้าปราบปรามอย่างเด็ดขาด และขอให้ประชาชนแจ้งเบาะแสเว็บไซต์พนันที่อาจเชื่อมโยงกับกลุ่มผู้ต้องหาได้ทันที

โฆษกพรรครวมไทยสร้างชาติ เผย!! เตรียมชำแหละงบ 2569 ลดงบไม่จำเป็น ย้ำ!! งบประมาณต้องใช้อย่างคุ้มค่า เกิดประโยชน์สูงสุดต่อประเทศชาติ

(12 พ.ค. 68) นายอัครเดช วงษ์พิทักษ์โรจน์ สมาชิกสภาผู้แทนราษฎร จังหวัดราชบุรี เขต 4 และโฆษกพรรครวมไทยสร้างชาติ เปิดเผยถึงการเตรียมความพร้อมของพรรครวมไทยสร้างชาติ ในการพิจารณาร่างพระราชบัญญัติงบประมาณรายจ่ายประจำปีงบประมาณ พ.ศ. 2569 ว่า 

นายพีระพันธุ์ สาลีรัฐวิภาค รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงพลังงาน หัวหน้าพรรครวมไทยสร้างชาติ พร้อมด้วยนายเอกนัฏ พร้อมพันธุ์ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงอุตสาหกรรม เลขาธิการพรรครวมไทยสร้างชาติ ได้กำชับให้สมาชิกสภาผู้แทนราษฎรของพรรครวมไทยสร้างชาติทุกคนเร่งศึกษาข้อมูลและทำการบ้านเตรียมความพร้อมในการพิจารณาร่างพ.ร.บ.งบประมาณ 2569 

เนื่องด้วยเป็นช่วงปิดสมัยประชุมสภา สส.ได้ลงพื้นที่ดูแลพี่น้องประชาชนในแต่ละพื้นที่ ทางพรรคก็จะมีการนัดประชุมเพื่อคัดเลือกผู้ที่จะเป็นตัวแทนพรรคเข้าไปอยู่ในชั้นคณะกรรมาธิการฯ ในการพิจารณาร่างพระราชบัญญัติดังกล่าว 

ทั้งนี้สิ่งที่นายพีระพันธุ์ และนายเอกนัฏ เน้นย้ำกับ สส.พรรค ก็คือการตรวจสอบและปรับลดงบประมาณที่เกินความจำเป็นในแต่ละกระทรวง เพื่อให้ทุกหน่วยงานใช้งบประมาณอย่างคุ้มค่าและเกิดประโยชน์สูงสุดต่อประเทศชาติ เนื่องจากปัจจุบันงบประมาณแผ่นดินมีจำกัด ทั้งยังต้องเตรียมรับมือกับสถานการณ์ต่าง ๆ ที่อาจจะเกิดขึ้นในอนาคต จึงเห็นควรว่างบประมาณต้องใช้เฉพาะกับโครงการหรือสิ่งที่จำเป็นและเหมาะสมเท่านั้น สิ่งใดไม่จำเป็นก็ให้เสนอปรับลดงบประมาณลงทันที

“สิ่งสำคัญเกี่ยวกับแนวทางการพิจารณาร่างพระราชบัญญัติงบประมาณรายจ่ายประจำปีงบประมาณ 2569 ของพรรครวมไทยสร้างชาติ คือ งบประมาณทุกอย่างต้องถูกใช้ไปกับสิ่งที่จำเป็นเท่านั้น หากงบใดหรือโครงการใดที่หน่วยงานรัฐไม่สามารถชี้แจงได้อย่างเป็นเหตุเป็นผลหรือดูแล้วไม่เหมาะสม ก็ให้ สส. พรรคเสนอปรับลดงบประมาณลง เพราะพรรครวมไทยสร้างชาติคำนึงถึงการใช้งบประมาณที่เกิดประโยชน์สูงสุดต่อประเทศและต้องช่วยแก้ไขปัญหาของพ่อแม่พี่น้องทุกคนได้อย่างแท้จริง" นายอัครเดช กล่าว

ทั้งนี้ การพิจารณาร่างพระราชบัญญัติงบประมาณ 2569 คาดว่าจะเกิดขึ้นในช่วงปลายเดือนพฤษภาคมนี้ ซึ่งพรรครวมไทยสร้างชาติ ย้ำว่าจะดำเนินการพิจารณาอย่างรอบคอบที่สุด

'ใบตองแห้ง' โพสต์ถึง ‘เจี๊ยบ อมรัตน์’ มองเบื่อปัญหาภายในพรรค ทัศนคติ วิธีการทำงาน ยังหวังให้เป็น ‘เครื่องด่าที่ทรงพลัง’ ต่อไป แต่ไม่ต้องไปเป็น ‘ผู้ช่วยหาเสียง’ แล้ว

(12 พ.ค. 68) นายอธึกกิต แสวงสุข หรือที่หลายคนรู้จักในนาม 'ใบตองแห้ง' คอลัมนิสต์ที่คร่ำหวอดในแวดวงสื่อมวลชนมานาน ได้โพสต์ข้อความ โดยระบุว่า ...

คำประกาศ ถ้าแพ้ วางมือทางการเมือง

อันที่จริง ถ้ามองอย่างคนที่ติดตามมานาน

คุณเจี๊ยบน่าจะเบื่อปัญหาภายในหลายอย่าง ทั้งทัศนะ วิธีการทำงาน ไม่ตรงกับคนใหม่บางส่วนในพรรค (เช่นสวนกระแสเรื่องปูอัด) 
ตัวเองก็ไม่ได้เป็นกรรมการบริหารแล้ว ถูกตัดสิทธิแล้ว 

ถ้าเทศบาลนครปฐมแพ้ ก็ไม่มีภาระต้องรับผิดชอบโดยตรงอีกต่อไป ไปเที่ยวไปพักผ่อนเลี้ยงหลานดีกว่า

แต่พอประกาศออกมากลางคัน กลางสนามหาเสียง
คนก็ไปมองว่า คุณเจี๊ยบเอาตัวเองมาขู่ พูดแบบนี้ได้ไง แพ้จะวางมือ 
พูดผิดจังหวะ

หวังว่าคุณเจี๊ยบจะยังเป็น Active Citizen เครื่องด่าที่ทรงพลังต่อไป ไปร่วมกิจกรรม ไปเยี่ยมเด็กๆที่ติดคุก เหมือนที่ทำมาตลอด แต่ไม่ต้องไปเป็นผู้ช่วยหาเสียงแล้ว

‘ลูกพีช’ ชนะการเลือกตั้ง สะท้อน!! การเมืองแบบไทย ที่ยังไงก็วนเวียนอยู่แบบนี้ คนจะเลือก คือยังไงก็เลือก และมีคนอีกไม่น้อย นอนหลับทับสิทธิ์ ขี้เกียจออกไปเลือก

(12 พ.ค. 68) เพจเฟซบุ๊ก ‘Chalermporn Tantikarnjanarkul’ ได้โพสต์ข้อความระบุว่า ...

แปลกดีแต่ไม่แปลกใจที่ลูกพีชชนะการเลือกตั้ง เพราะการเมืองแบบไทยๆ ก็วนเวียนอยู่แบบนี้

1. คนจะเลือกคือยังไงก็เลือก จะดีจะเลวไม่สน ถ้าฉันได้ประโยชน์ก็คือจบ

2. การเมืองท้องถิ่นนี่ผลพลิกน้อยมาก หลายๆที่บอกกันว่า คะแนนแทบจะคอนโทรลได้หมด มีหัวคะแนน นับกันละเอียด ต้องทำยังไงถึงชนะ ต้องมีกี่คะแนน วางไว้หมดแล้ว

3. เรื่องซื้อเสียงคือเรื่องปกติในหลายพื้นที่ (แต่ไม่ได้หมายถึงธัญบุรีนะ เดี๋ยวโดนฟ้องตาย) บางคน เลือกตั้ง สส. ไม่ค่อยอยากกลับภูมิลำเนา เพราะได้เงินไม่คุ้มเดินทาง แต่เลือกตั้งท้องถิ่นเนี่ย ของโปรด จ่ายกันเต็มที่

4. อย่างลูกพีชเนี่ย โดนด่ากันเยอะ คนไม่ชอบก็คงเยอะ แต่ไม่ชอบแล้วไง ถึงเวลาก็คงมีคนอีกไม่น้อยที่ขี้เกียจออกไปเลือกอยู่ดี 

5. สุดท้ายก็อดสงสัยเหมือนเดิมไม่ได้ แค่สภาเทศบาล นี่กระเหี้ยนกระหือรือ อยากจะเป็นกันให้ได้จัง ช่างมีหัวใจยิ่งใหญ่อยากทำเพื่อส่วนรวมกันจริงๆ ก็ขอให้คนที่มีเจตนาดี เขาเจริญๆละกัน

‘นิพนธ์ บุญญามณี’ ชี้!! ความสำคัญ การกระจายอำนาจ ให้องค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น เน้น!! ใกล้ชิดประชาชน เข้าใจพื้นที่ เข้าใจปัญหา ตอบสนองความต้องการได้ตรงจุด

(11 พ.ค. 68) นายนิพนธ์ บุญญามณี อดีตรัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงมหาดไทย อดีตนายกองค์การบริหารส่วนจังหวัดสงขลา และอดีตสมาชิกสภาผู้แทนราษฎร พรรคประชาธิปัตย์ เดินทางมาใช้สิทธิเลือกตั้งสมาชิกสภาเทศบาลเมืองเขารูปช้าง ณ โรงเรียนวัดเกาะถ้ำ ตำบลเขารูปช้าง อำเภอเมืองสงขลา จังหวัดสงขลา

จากนั้น นายนิพนธ์ให้สัมภาษณ์ว่า การเลือกตั้งครั้งนี้มีความสำคัญอย่างยิ่งต่อการพัฒนาชุมชน เพราะองค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น ไม่ว่าจะเป็น อบต. หรือเทศบาล ล้วนเป็นหน่วยงานที่ใกล้ชิดประชาชน เข้าใจพื้นที่ เข้าใจปัญหา และสามารถตอบสนองต่อความต้องการของประชาชนได้อย่างตรงจุด

นายนิพนธ์ กล่าวว่า ยิ่งรัฐบาลกระจายอำนาจให้ท้องถิ่นมากเท่าไร ก็ยิ่งเปิดโอกาสให้เกิดการทำงานที่มีประสิทธิภาพมากขึ้น ท้องถิ่นสามารถมีเครื่องมือในการแก้ไขปัญหาได้รวดเร็วและเหมาะสมกับบริบทของพื้นที่ ซึ่งนี่คือหัวใจของการพัฒนาที่ประชาชนเป็นศูนย์กลางอย่างแท้จริง 

นายนิพนธ์ได้เชิญชวนพี่น้องประชาชนออกมาใช้สิทธิเลือกตั้งท้องถิ่น โดยเน้นย้ำว่า การเลือกตั้งคือการแสดงออกซึ่งอำนาจอธิปไตยของประชาชน ทุกคะแนนเสียงคือการมีส่วนร่วมในการกำหนดทิศทางและอนาคตที่เรามีสิทธิ์ตัดสินใจได้ด้วยตนเอง

นายกฯ อิ๊งค์ เตรียมบินไป!! ‘ฮานอย’ ประชุมร่วม ‘ไทย – เวียดนาม’ แถลงการณ์ร่วม ยกระดับ!! ความสัมพันธ์สู่หุ้นส่วนเชิงยุทธศาสตร์

(11 พ.ค. 68) นายจิรายุ ห่วงทรัพย์ โฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี เปิดเผยว่า น.ส.แพทองธาร ชินวัตร นายกรัฐมนตรี มีกำหนดเดินทางเยือนสาธารณรัฐสังคมนิยมเวียดนาม ที่กรุงฮานอยอย่างเป็นทางการ ครั้งแรกในวันพุธและพฤหัสบดี ที่ 15–16 พฤษภาคม 2568 เพื่อยกระดับความสัมพันธ์ไทย–เวียดนามสู่ระดับ “หุ้นส่วนเชิงยุทธศาสตร์แบบรอบด้าน” (Comprehensive Strategic Partnership) ซึ่งเป็นระดับความสัมพันธ์สูงสุดที่เวียดนามมีต่อประเทศคู่เจรจา โอกาสนี้ นายกรัฐมนตรีจะร่วมการประชุม(JCR) ไทย–เวียดนาม ครั้งที่ 4 กับนายฝ่าม มิงห์ จิ๋งห์ (H.E. Mr. Pham Minh Chinh) นายกรัฐมนตรีเวียดนาม และ คณะเพื่อตอกย้ำบทบาทสำคัญของไทยในภูมิภาคและความไว้วางใจเชิงยุทธศาสตร์ระหว่างสองประเทศ
ในการเยือนครั้งนี้ ไทย–เวียดนามจะลงนามเอกสารสำคัญ ประกอบด้วยแถลงการณ์ร่วมว่าด้วยการยกระดับความสัมพันธ์ไทย–เวียดนามสู่หุ้นส่วนเชิงยุทธศาสตร์แบบรอบด้าน ซึ่งแสดงเจตนารมณ์ร่วมกันของทั้งสองประเทศในการเพิ่มพูนความร่วมมือใน 3 เสาหลัก คือ 
1.การเป็นหุ้นส่วนเพื่อสันติภาพที่ยั่งยืน 
1.1 ด้านการเมือง การป้องกันประเทศ และความมั่นคง อาทิ อาชญากรรมข้ามชาติ และยาเสพติด 
1.2 ความร่วมมือในระดับภูมิภาคและนานาชาติ เพื่อเสริมสร้างความร่วมมือในเรื่องสันติภาพ ความมั่นคงระหว่างประเทศ รวมถึงการตอบสนองต่อความท้าทายของโลก

2.การเป็นหุ้นส่วนเพื่อการเจริญเติบโตอย่างยั่งยืน 
2.1 ความร่วมมือด้านเศรษฐกิจ ผ่านการส่งเสริมความเชื่อมโยงด้านเศรษฐกิจ เพิ่มพูนความร่วมมือด้านแรงงาน การจ้างงาน และสวัสดิการสังคม 
2.2 การเชื่อมโยงเศรษฐกิจฐานราก SMEs การเติบโตสีเขียว โดยส่งเสริมความร่วมมือด้านการค้า การลงทุน การผลิตและห่วงโซ่อุปทานอย่างยั่งยืน รวมถึงสนับสนุนการเข้าถึงตลาดของผลิตภัณฑ์ท้องถิ่นซึ่งกันและกัน และส่งเสริมความเชื่อมโยงเศรษฐกิจสีเขียว เศรษฐกิจดิจิทัล และการเปลี่ยนผ่านทางดิจิทัล 

3.การเป็นหุ้นส่วนเพื่ออนาคตที่ยั่งยืน 
3.1 ความร่วมมือด้านวิทยาศาสตร์ เทคโนโลยี และนวัตกรรม ผ่านการเชื่อมโยงสตาร์ทอัพ การทำธุรกรรมข้ามพรมแดน รวมถึงแลกเปลี่ยนความรู้ด้าน AI ดิจิทัล และความมั่นคงทางไซเบอร์ 
3.2 ส่งเสริมความเข้าใจและความสัมพันธ์ที่ใกล้ชิดระหว่างประชาชน ผ่านการแลกเปลี่ยนทางวัฒนธรรม การศึกษา การท่องเที่ยว และการเปิดเที่ยวบินตรงระหว่างจังหวัดของทั้งสองประเทศ

นอกจากนี้ ยังมีบันทึกความเข้าใจระหว่างกระทรวงพาณิชย์ของไทย กับกระทรวงอุตสาหกรรมและการค้าเวียดนาม ว่าด้วยความร่วมมือด้านเศรษฐกิจและการค้า (ฉบับปรับปรุง) เพื่อเสริมสร้างความร่วมมือทางเศรษฐกิจและการค้า อำนวยความสะดวกทางการค้า การขจัดอุปสรรคที่มิใช่ภาษี การเชื่อมโยงห่วงโซ่อุปทาน ตลอดจนส่งเสริมการค้าสินค้าเกษตรและอาหาร การค้าชายแดน และการลงทุนร่วมระหว่างภาคเอกชนของทั้งสองประเทศความตกลงฉบับนี้จะเป็นเครื่องมือสำคัญในการขับเคลื่อนเป้าหมายการเพิ่มมูลค่าการค้าระหว่างกันให้ถึง 2.5 หมื่นล้านดอลลาร์สหรัฐ อย่างยั่งยืนและสมดุล

สำหรับบันทึกความเข้าใจฉบับปรับปรุงยังครอบคลุมความร่วมมือด้านดิจิทัลและเทคโนโลยี การพัฒนาผู้ประกอบการ SMEs และการแลกเปลี่ยนองค์ความรู้ด้านเศรษฐกิจสีเขียว พร้อมส่งเสริมการประชุมคณะกรรมการร่วมทางการค้า (Joint Committee on Trade: JTC) และจัดตั้งคณะทำงานร่วมในระดับเจ้าหน้าที่ เพื่อผลักดันโครงการความร่วมมือเชิงรูปธรรม และการแลกเปลี่ยนข้อมูลและข้อกังวลทางการค้าอย่างสม่ำเสมอ

ท่ามกลางความผันผวนของเศรษฐกิจและการเมืองโลก ขณะนี้ไทยและเวียดนามมีเป้าหมายที่จะกระชับความสัมพันธ์ มุ่งสู่ความเป็นหุ้นส่วนยุทธศาสตร์รอบด้าน เพื่อบรรลุเป้าหมายทางเศรษฐกิจและการค้า รวมไปถึงการผนึกกำลังอาเซียน เพื่อร่วมกันเผชิญหน้ากับการค้าโลกที่อาจจะชะลอตัวจากมาตรการภาษีนำเข้าระดับสูงของสหรัฐฯ ด้วย

‘ยอดชาย พึ่งพร’ สส.ชลบุรี ปชน.อ้าง!! มีคนติดต่อซื้อตัว 55 ล้าน หากย้ายพรรค!! จะได้ทั้งเงินเดือนละ 2.5 แสน รถหรูเพิ่ม

(10 พ.ค. 68) นายนิยม เที่ยงธรรม ผู้สมัครนายกเทศมนตรีเทศบาลเมืองหนองปรือ อ.บางละมุง จ.ชลบุรี เป็นผู้จัดการปราศัยต่อหน้าประชาชนจำนวนมาก ที่มาร่วมฟังนโยบายการบริหารงานถ้าได้มีโอกาสเข้าไปทำหน้าที่ ณ ไร่วนาสินธุ์ ต.หนองปรือ อ.บางละมุง จ.ชลบุรี

ในงานนี้ ได้มีนายยอดชาย พึ่งพร สส.พรรคประชาชน เขต 9 (พัทยา-หนองปรือ) จ.ชลบุรี ได้กล่าวหน้าเวทีปราศรัยว่า เมื่อวันที่ 19 เมษายนที่ผ่านมา ได้มีผู้แทนของพรรคการเมืองพรรคหนึ่งมายื่นข้อเสนอให้เงิน 55 ล้านบาท พร้อมเงินเดือนเพิ่มอีกเดือนละ 250,000 บาท รถตู้ยี่ห้อหรูอีก 1 คัน เพื่อให้ย้ายไปอยู่ในสังกัดพรรคตัวเอง ที่ยื่นข้อเสนอให้ แต่ไม่ได้พูดว่าผู้ที่ติดต่อมาจากพรรคไหน

ผู้สื่อข่าวรายงานว่า จากการที่นายยอดชาย พึ่งพร ได้กล่าวต่อหน้าสาธารณชนแบบนี้ ประชาชนต่างตั้งคำถามว่า เป็นการสร้างความสำคัญให้ตัวเองเกินความจริงหรือไม่ อีกทั้ง อาจส่งผลให้ สส.พรรคในพื้นที่ จ.ชลบุรี เกิดความเสียหรือไม่ เพราะ สส.ยอดชาย ไม่บอกว่าเป็นใครที่ติดต่อไปหาตัวเอง ประชาชน และนักการเมืองในพื้นที่ จ.ชลบุรี จึงเรียกร้องขอให้นายยอดชาย พึ่งพร ออกมาแสดงความรับผิดชอบในคำพูดของตัวเอง พร้อมทั้งเปิดเผยตัวตนผู้ที่ติดต่อยื่นข้อเสนอให้ประจักษ์ต่อสังคม จะเชื่อได้ว่านายยอดชาย ไม่ได้สร้างวาทกรรมให้ความสำคัญ และมูลค่าตัวเองเกินความจริง

ส่วนประชาชนที่ร่วมฟังขอเรียกร้องให้นายยอดชาย เปิดเผยเบอร์โทรศัพท์ ชื่อคน และชื่อพรรคการเมือง ที่มายื่นเสนอให้ เพื่อพี่น้องประชาชนจะได้รู้ถึงความชั่วร้ายของการเมืองที่ใช้เงินซื้อเสียง และซื้อตัว สส. และขอเรียกร้องให้นายยอดชาย แจ้งความดำเนินคดีกับผู้ที่โทรมาติดต่อ พร้อมเปิดเผยพรรคการเมืองที่เสนอให้ เพื่อช่วยให้สังคมการเมืองโปร่งใส ถ้านายยอดชาย กล้าแสดงจุดยืนของตัวเอง ก็ต้องไปแจ้งความเพื่อแสดงความเป็นลูกผู้ชาย เพื่อลบล้างวาทกรรม ที่อาจดูเป็นการสร้างมูลค่าให้ตัวเองมากเกินไป

‘เพื่อไทย’ ลั่น!! ‘กฎหมายกาสิโน’ ไม่ต้องทำ ‘ประชามติ’ ชี้!! สส. คือตัวแทนประชามติแล้ว เพราะมาจากประชาชน

(10 พ.ค. 68) นายวิสุทธิ์ ไชยณรุณ สส.บัญชีรายชื่อ พรรคเพื่อไทย (พท.) ในฐานะประธานคณะกรรมการประสานงานพรรคร่วมรัฐบาล (วิปรัฐบาล) ให้สัมภาษณ์กรณี น.ส.แพทองธาร ชินวัตร นายกรัฐมนตรี ในฐานะหัวหน้าพรรคเพื่อไทย ให้ สส. ลงพื้นที่ทำความเข้าใจประชาชนช่วงปิดสมัยประชุมสภาเกี่ยวกับร่างพระราชบัญญัติ (พ.ร.บ.)การประกอบธุรกิจสถานบันเทิงครบวงจร(เอ็นเตอร์เทนเมนต์คอมเพล็กซ์)

และวันที่ 13 พ.ค. ประชุม สส.พรรคเพื่อไทยจะนำเรื่องดังกล่าวขึ้นมาพูดคุยหรือไม่ ว่า คงไม่ได้คุยกัน เพราะเรื่องเอ็นเตอร์เทนเมนต์คอมเพล็กซ์เป็นเรื่องหลัง มีเวลาอีก 2 เดือน เป็นหน้าที่รัฐบาลชี้แจงทำความเข้าใจกับประชาชน ตอนนี้เห็นรัฐมนตรีหลายคนได้ชี้แจงไปแล้ว เชื่อมั่นว่า มีเวลาให้ศึกษาได้ทำความเข้าใจกันก่อน คงไม่ได้มีการพูดกันในช่วงนี้ ช่วงนี้เน้นเรื่องงบประมาณรายจ่ายประจำปีงบประมาณ 2569 ซึ่งเป็นเรื่องที่สำคัญ

เมื่อถามว่า ทางออกของความขัดแย้งควรจะมีการทำประชามติหรือไม่ นายวิสุทธิ์ กล่าวว่า วันนี้พูดถึงการทำประชามติก็ยังไม่เคยเห็นรัฐมนตรีท่านไหนพูดเรื่องประชามติ เวลากฎหมายประชามติเข้าไปก็อยู่อีกหลายเดือน กฎหมายประชามติยังไม่ผ่าน เพราะฉะนั้นหากออกกฎหมายฉบับนี้ต่อไป ถ้ามีคนเรียกร้องว่าต้องทำประชามติทุกครั้ง แล้วเราจะออกกฎหมายได้หรือไม่ ตัว สส.คือตัวแทนประชามติแล้ว เพราะมาจากประชาชน

“ฉะนั้น ต่อไปหากใครเสนอกฎหมายอะไร แล้วมีการเรียกร้องให้ทำประชามติ รอบละ 3,000 ล้านบาทไหวหรือไม่ เดือนนึงถ้าออกกฎหมาย 3 ฉบับ และทำประชามติทั้ง 3 ฉบับมันก็ไปไกลแล้ว เพราะฉะนั้น สส.คือตัวแทน ถ้ารัฐธรรมนูญทำประชามติอันนั้นเห็นด้วย แต่เรื่องอื่นให้อธิบายความกันก่อน เป็นหน้าที่ของรัฐบาลที่ชี้แจงกับประชาชนให้เข้าใจเรื่องเอ็นเตอร์เทนเมนต์คอมเพล็กซ์ และเมื่อเข้าใจแล้วเราค่อยมาว่ากัน ซึ่งมีเวลาอีกตั้ง 60 วัน ก็ไม่เร่งด่วนอะไรเป็นหน้าที่รัฐบาลต้องทำไป

แต่วันนี้ สส.พรรคเพื่อไทยลงพื้นที่ก็ไปทำความเข้าใจกับประชาชน ทุกคนก็ต้องช่วยกันทำความเข้าใจว่าสิ่งที่ถูกต้องคืออะไร ไม่ใช่วิ่งไปตามกระแสอย่างเดียว ต้องพูดในข้อเท็จจริงก่อนถึงเวลานั้นจะเป็นอย่างไรค่อยมาว่ากันอีกที วันนี้ต้องเอางบประมาณฯให้ผ่านก่อน เรื่องใหญ่” นายวิสุทธิ์ กล่าวทิ้งท้าย

รองโฆษกฯ เผย!! ‘พีระพันธุ์’ เร่งรัดให้ดำเนินการ ‘ลดค่าไฟฟ้า’ อย่างเป็นรูปธรรม เน้น!! ไม่ใช้เงินงบประมาณแผ่นดิน แต่บริหารจัดการเชิงโครงสร้างอย่างยั่งยืน

(10 พ.ค. 68) นางสาวศศิกานต์ วัฒนะจันทร์รองโฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี เปิดเผยผ่านรายการ ‘เสียงจากใจ ไทยคู่ฟ้า’ ว่า รัฐบาลขอขอบคุณพี่น้องประชาชนทั่วประเทศที่ส่งเสียงสะท้อนในเชิงบวก ต่อการดำเนินนโยบายด้านพลังงาน โดยเฉพาะมาตรการลดค่าไฟฟ้าอย่างเป็นรูปธรรม ทั้งนี้ ภายใต้การนำของนายพีระพันธุ์ สาลีรัฐวิภาค รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงพลังงาน ซึ่งได้รับมอบหมายจากนายกรัฐมนตรี นางสาวแพทองธาร ชินวัตร ให้เร่งรัดการดำเนินนโยบายดังกล่าว โดยได้ประกาศให้ปี 2568 เป็น 'ปีแห่งการลดค่าไฟฟ้า' โดยมีการปรับลดราคาค่าไฟฟ้าอย่างต่อเนื่อง

โดยเมื่อปี 2566 ค่าไฟเฉลี่ยอยู่ที่ 4.77 บาทต่อหน่วย, ปี 2567 ทั้งปี ค่าไฟอยู่ที่ 4.17 บาทต่อหน่วย, ต้นปี 2568 ลดลงเหลือ 4.15 บาทต่อหน่วย ล่าสุด ระหว่างเดือนพฤษภาคม – สิงหาคม 2568 อยู่ที่ 3.98 บาทต่อหน่วย

นอกจากนี้ ที่ประชุมคณะกรรมการนโยบายพลังงานแห่งชาติ (กพช.) ซึ่งมีนายกรัฐมนตรีเป็นประธาน ได้มีมติให้ค่าไฟฟ้าในช่วงปลายปี 2568 ไม่เกิน 3.99 บาทต่อหน่วย ถือเป็นการยืนยันว่าอัตราค่าไฟฟ้าจะยังคงอยู่ในระดับต่ำตลอดทั้งปี

รองโฆษกฯ ย้ำว่า มาตรการลดค่าไฟฟ้าครั้งนี้ไม่ใช่การใช้เงินงบประมาณแผ่นดิน แต่เป็นการบริหารจัดการเชิงโครงสร้าง อาทิ การปรับลดค่า Ft และการเจรจาลดอัตรารับซื้อไฟฟ้าจากพลังงานหมุนเวียนกับภาคเอกชน โดยอาศัยต้นทุนด้านเทคโนโลยีที่ลดลง ในส่วนของราคาน้ำมัน รัฐบาลขอยืนยันว่า การปรับขึ้นภาษีสรรพสามิตน้ำมันจะไม่กระทบต่อราคาขายปลีกหน้าสถานีบริการแต่อย่างใด เนื่องจากกระทรวงพลังงานได้มอบหมายให้กองทุนน้ำมันเชื้อเพลิง ปรับลดอัตราเก็บเงินเข้ากองทุนลงในระดับที่เหมาะสม เพื่อชดเชยภาระภาษีดังกล่าว ที่ผ่านมา คณะกรรมการบริหารกองทุนน้ำมันเชื้อเพลิง (กบน.) ได้มีมติปรับลดราคาน้ำมันลง 1 บาทต่อลิตร ก่อนเทศกาลสงกรานต์ เพื่อบรรเทาภาระค่าครองชีพของประชาชน

“รัฐบาลยืนยันเจตนารมณ์ในการเดินหน้าปรับโครงสร้างราคาพลังงานอย่างต่อเนื่อง เพื่อสร้างความเป็นธรรมในการเข้าถึงพลังงาน ลดภาระค่าครองชีพ และวางรากฐานความมั่นคงด้านพลังงานอย่างยั่งยืนให้กับประชาชนไทยทุกคน” นางสาวศศิกานต์ กล่าวทิ้งท้าย

‘อดีตสว.วันชัย’ จวกสังคม ขาดเมตตา ชิงชัง!! ‘ทักษิณ’ ชี้!! การรักษาผู้ต้องขัง ไม่จำเป็นต้องป่วยวิกฤต

(10 พ.ค. 68) นายวันชัย สอนศิริ อดีตสมาชิกวุฒิสภา (สว.) โพสต์เฟซบุ๊กหัวข้อเรื่อง ‘ต้องวิกฤตหรือไม่ จึงไปชั้น 14’ ระบุว่า …

สังคมแห่งความชิงชังทำให้คนในสังคมป่วย สังคมที่ไร้ความเมตตาก็เป็นสังคมที่วิกฤต เรื่องของคุณทักษิณชั้น 14 ก็มีการวิพากษ์วิจารณ์กันอย่างมั่วซั่ว จับแพะชนแกะ จากกรณีที่แพทยสภาลงโทษแพทย์เรื่องผิดจริยธรรม แล้วเอามาโยงกับเรื่องการป่วยของคุณทักษิณและอำนาจราชทัณฑ์ ทั้ง ๆ ที่ไม่ได้เกี่ยวกันเลย มันเป็นคนละเรื่องคนละประเด็น พอแพทยสภามีมติลงโทษแพทย์เท่านั้น ก็เอามาตีโพยตีพายกันใหญ่ว่า คุณทักษิณไม่ได้ป่วยจริง จะต้องกลับไปติดคุก จะต้องหนี จะต้องยุบสภา สารพัดที่จะกล่าวหากันร้อยแปด

ทั้งที่ข้อกฎหมายเรื่องอำนาจราชทัณฑ์ ไม่มีข้อใดเลยที่กำหนดว่า จะต้องเป็นผู้ป่วยวิกฤตเท่านั้นจึงจะเอาไปรักษาตัวข้างนอกได้ มีแต่กำหนดไว้ว่า กรณีที่จะต้องบำบัดรักษาเฉพาะด้านเฉพาะทางเท่านั้น เขาไม่ต้องการให้มีผู้ต้องขังรายใด ป่วยถึงขั้นวิกฤต หากเริ่มป่วยก็ให้รักษาในเรือนจำ แต่หากต้องการรักษาเฉพาะทางเฉพาะด้านที่ในเรือนจำรักษาไม่ได้ ก็ให้ไปรักษาที่อื่น ไม่ได้เกี่ยวกับว่าจะต้องป่วยวิกฤตหรือไม่ อย่างกรณีของคุณทักษิณ ไม่ต้องดูหรอกว่าป่วยถึงขั้นวิกฤต ดูแต่เพียงว่าต้องการรักษาตัวเฉพาะด้านเฉพาะทางที่เรือนจำรักษาไม่ได้ก็เพียงพอแล้ว

แพทยสภาก็ว่าเรื่องของแพทย์ไป ราชทัณฑ์เขาก็ว่าเรื่องของราชทัณฑ์ไป ไม่เกี่ยวกัน ส่วนพวกสังคมแห่งความชิงชัง ก็ใส่สีตีไข่ โยงกันไปโยงกันมา โดยไม่ได้ดูจากข้อเท็จจริงและข้อกฎหมาย เอาอารมณ์และความรู้สึกเป็นที่ตั้ง

สังคมแห่งความชิงชังนี้โคตรจะแปลกประหลาด ทีข้าราชการผู้ใหญ่ที่เกษียณมาแล้วเยอะแยะมากมาย ยังเห็นมีคนมียศมีตำแหน่งรับใช้กันอยู่เต็มบ้านจนแก่จนตายก็ไม่เห็นมีใครว่าอะไร แต่แค่คุณทักษิณ อดีตนายกฯ อายุ 75 ปี ป่วยมารักษาตัวอยู่ที่ชั้น 14 จะเอากันเป็นกันตายถึงขั้นวิกฤต

‘ส้มฉุน’ Tiktoker การเมือง – อดีต พธม. ฝากถึง ‘อาสนธิ’ เคยหนุน ‘อาสนธิ – ลุงกำนัน - ลุงตู่ ’ วันนี้ขอเชียร์ ‘พีระพันธุ์’ คนที่ทำเพื่อชาติ

นายทวนชัย ไหมสีทอง เจ้าของช่อง Tiktok ‘ส้มฉุน ชาแนล V1’ ซึ่งเป็นแฟนคลับของพรรครวมไทยสร้างชาติ และในอดีตเคยร่วมกิจกรรมทางการเมืองกับกลุ่มพันธมิตรประชาชนเพื่อประชาธิปไตย รวมถึงกลุ่ม กปปส. ได้ออกมากล่าวถึงนายสนธิ ลิ้มทองกุล ผู้ก่อตั้งสื่อเครือผู้จัดการ โดยระบุว่า สวัสดีครับคุณอาสนธิ ผมขออนุญาตเรียกอานะครับ 

ผมแค่อยากออกมายืนยันอีกหนึ่งเสียงว่าผมไม่ใช่ io พวกเราไม่ใช่ io ของพีระพันธุ์ครับ หากแต่พวกเราเป็นพลังงานบริสุทธิ์ที่อยากจะสนับสนุนคนที่เราเห็นว่าพี่ตุ๋ย-พีระพันธุ์ เป็นคนดีที่น่าจะนำพาประเทศไทยไปได้  มันไม่ใช่เรื่องแปลกเพราะว่าครั้งหนึ่งผมก็เคยสนับสนุนคนดีอย่างคุณอาสนธิไงครับ ไม่ใช่แค่ผม แต่ทุกคนในครอบครัวผมไม่ว่าพ่อที่เสียชีวิตไปแล้ว แม่และพี่ ๆ ของผมทั้งหมดได้เข้าร่วมและสนับสนุนคุณอาสนธิและพันธมิตรมาตลอด คุณพ่อ พี่สาว ก็เคยเดินทางมากรุงเทพเพื่อร่วมชุมนุมกับพันธมิตร สินค้าต่าง ๆ ทางครอบครัวผมก็ได้ใช้ เพราะถือว่าทำอะไรก็ได้ที่เราสามารถสนับสนุนคนดีๆได้ 

ผ่านมาจนวันนี้ ผมได้เจอคนดีหรือคิดว่าดีชื่อพีระพันธุ์ สาลีรัฐวิภาค แล้วทำไมผมจะต้องรีรอที่จะสนับสนุนคนนี้  คนที่เข้ามาแก้ปัญหาพลังงานให้กับคนไทย 70 ล้านคน คนที่กล้าบอกว่าต่อสู้กับทุนพลังงาน สำหรับคนที่คุณอาสนธิบอกว่าชื่อสารัถนั้น โดยส่วนตัวผมไม่ได้ทราบอะไรเป็นการส่วนตัวครับ ทราบว่าเป็นเจ้าของบริษัท Gulf และไม่ได้ทราบรายละเอียดว่าฟาดฟันกับพี่ตุ๋ย-พีระพันธุ์ตามที่คุณอาสนธิเล่าหรือไม่ สิ่งที่เราได้จากพรรคคือการนำเสนอผลงานว่าพรรคเราได้ทำอะไรไปแล้วบ้างภายใต้ความรับผิดชอบที่เราได้รับคือกระทรวงพลังงาน กระทรวงอุตสาหกรรม    

ส่วนเรื่องการร้องเรียนหลาย ๆ เรื่องนั้นโดยเฉพาะเรื่องล่าสุดคือการบริจาคถุงยังชีพนั้นก็ว่าไปตามกระบวนการ หากว่าปปช. หรือศาลพิจารณาแล้วว่ามีความผิด เราก็น้อมรับ พี่ตุ๋ยอยู่เราก็อยู่ พี่ตุ๋ยออกเราก็ออก แต่เราจะเป็นกำลังใจให้พี่ตุ๋ยเสมอ ไม่ว่าพี่ตุ๋ยจะยังอยู่ในตำแหน่งหรือไม่ การได้อยู่ใกล้คนดี ๆ มักจะนำมาซึ่งความดีเสมอ 

สุดท้ายผมอยากบอกคุณอาสนธิว่าพวกเราเป็นคนที่มีแนวทางเดียวกันที่ร่วมสนับสนุนพี่ตุ๋ยจริงๆ พวกเราไม่ใช่ io เรามีความรู้สึก เราเสียใจ เราร้องไห้ และเราก็มีความรัก เรามีอาสนธิคือสิ่งที่เป็นแนวทางให้มาถึงทุกวันนี้ ทักษิณก็มีเสื้อสีแดง พิธามีเสื้อสีส้ม เป็นสัญลักษณ์ อาสนธิมีความรักคือเสื้อสีเหลืองที่บ้านผมมีความรักที่จะสวมใส่ พวกเราก็มีเสื้อพังให้พวกเราแสดงออกความรัก สนับสนุนพี่ตุ๋ย พีระพันธุ์ สาลีรัฐวิภาคเช่นกันครับ เพราะฉะนั้นขออนุญาตบอกว่าพวกเราไม่ใช่ io ครับ


© Copyright 2021, All rights reserved. THE STATES TIMES
Take Me Top