Tuesday, 1 July 2025
NEWS

กอ.รมน. เดินหน้าขับเคลื่อนงานมวลชนจับมือ ทรภ.1 ศรชล.ภาค 1 กปช.จต. และมวลชน เสริมแนวร่วมความมั่นคงชายฝั่งทะเลตะวันออก

กอ.รมน. โดย พลตรี ธนาธิป สว่างแสง รองผู้อำนวยการสำนักกิจการมวลชนและสารนิเทศ กอ.รมน. พร้อมคณะ ได้ลงพื้นที่อำเภอสัตหีบ จังหวัดชลบุรี เพื่อติดตามการดำเนินงานด้านความมั่นคงในพื้นที่ภาคตะวันออก และหารือแนวทางการขับเคลื่อนงานมวลชนร่วมกับหน่วยงานด้านความมั่นคงทางทะเล

การประชุมในครั้งนี้ มีหน่วยงานเข้าร่วม ได้แก่ ทัพเรือภาคที่ 1 (ทรภ.1), ศูนย์อำนวยการรักษาผลประโยชน์ของชาติทางทะเลภาค1 (ศรชล.ภาค1), กองบัญชาการกองพลนาวิกโยธิน, กองกำลังป้องกันชายแดน จังหวัดจันทบุรี -ตราด (กปช.จต), กอ.รมน. จังหวัดชลบุรี ,กอ.รมน. จังหวัดระยอง  และผู้แทนมวลชน โดยมุ่งเน้นการบูรณาการด้านความมั่นคง เสริมสร้างและขยายเครือข่ายมวลชนในพื้นที่ พร้อมทั้งผลักดันการเผยแพร่ข้อมูลข่าวสารสู่ประชาชน เพื่อให้เกิดความเข้าใจที่ถูกต้อง สร้างความเชื่อมั่นในการดูแลผลประโยชน์ของชาติทั้งทางบกและทางทะเล

ในที่ประชุม ยังได้มีการแลกเปลี่ยนประสบการณ์การดำเนินงานในพื้นที่โครงการพัฒนาเพื่อความมั่นคงเฉพาะพื้นที่ (พมพ.) ซึ่งเป็นกลไกสำคัญในการสร้างการมีส่วนร่วมของประชาชนในพื้นที่ โดยการส่งเสริมเครือข่ายภาคประชาชนให้ร่วมมือกับภาครัฐในการแจ้งเตือนภัย เฝ้าระวัง และเสริมสร้างภูมิคุ้มกันทางสังคมอย่างมีประสิทธิภาพ โดยเฉพาะในพื้นที่ชายฝั่งทะเลที่มีความอ่อนไหวต่อความมั่นคงและภัยคุกคาม

นอกจากนี้ ได้มีการรายงานผลการปราบปรามการกระทำผิดกฎหมายทางทะเล ซึ่งเป็นความร่วมมือระหว่าง ทรภ.1, ศรชล.ภาค 1 และมวลชน ทสปช. โดยเฉพาะการลักลอบขนยาเสพติด การขนถ่ายน้ำมันโดยไม่ผ่านพิธีการทางศุลกากร ส่งผลกระทบต่อความมั่นคง เศรษฐกิจ และสิ่งแวดล้อม ตั้งแต่ปี 2565 จนถึงปัจจุบัน สามารถจับกุมเรือผิดกฎหมายได้หลายลำ พร้อมของกลางน้ำมันกว่า 2 ล้านลิตร และผู้ต้องหาหลายสิบรายในพื้นที่เป้าหมายสำคัญ อาทิ ปากแม่น้ำประแสร์ จ.ระยอง, ปากแม่น้ำเจ้าพระยา จ.สมุทรปราการ, เกาะสีชัง จ.ชลบุรี และชายฝั่งจังหวัดเพชรบุรี

พร้อมกันนี้ ที่ประชุมได้มีการหารือแนวทางการแก้ไขปัญหาตามแนวชายแดนไทย–กัมพูชา จาก ทรภ.1, ศรชล.ภาค 1, และ กปช.จต. แลกเปลี่ยนข้อมูลสถานการณ์และแนวทางการปฏิบัติตามมาตรการของรัฐบาล ในการเสริมสร้างความมั่นคงชายแดน ควบคุมและป้องกันการกระทำผิดกฎหมายทุกรูปแบบ พร้อมทั้งรักษาอธิปไตยของชาติ โดยใช้กลไกสันติวิธีควบคู่กับการบังคับใช้กฎหมาย และการสร้างความร่วมมือกับประเทศเพื่อนบ้าน เพื่อธำรงไว้ซึ่งความสงบเรียบร้อย ความสัมพันธ์อันดี และผลประโยชน์ร่วมกันในพื้นที่ชายแดน

จากความร่วมมือระหว่าง กอ.รมน., ทรภ.1, ศรชล.ภาค 1 , กปช.จต. และภาคประชาชนในครั้งนี้ ถือเป็นอีกก้าวสำคัญในการขับเคลื่อนงานด้านความมั่นคงอย่างมีประสิทธิภาพ ผ่านการแลกเปลี่ยนข้อมูลข่าวสาร การเสริมสร้างเครือข่ายมวลชน และการบูรณาการการทำงานระหว่างหน่วยงาน เพื่อร่วมกันเฝ้าระวัง ป้องกัน และแก้ไขปัญหาความมั่นคงในทุกมิติ อันจะนำไปสู่การธำรงไว้ซึ่งอธิปไตย ความสงบเรียบร้อย และผลประโยชน์สูงสุดของประเทศชาติ

นิราช ทิพย์ศรี รายงาน 0909535645

นายกฯ เปิดผลสอบ ตึกสตง.ถล่ม หลังครบ 90 วัน ชี้ผิดทั้งออกแบบ-วิธีก่อสร้าง เล็งชงดีเอสไอ-ตร.ฟันคนผิด

(30 มิ.ย. 68) ที่ห้องสีเขียว ทำเนียบรัฐบาล น.ส.แพทองธาร ชินวัตร นายกรัฐมนตรี เป็นประธานการประชุมติดตามผลการสืบสวนข้อเท็จจริงกรณีอาคารที่อยู่ระหว่างการดำเนินการก่อสร้างของสำนักงานการตรวจเงินแผ่นดิน (สตง.) อันเนื่องมาจากแผ่นดินไหว โดยมีนายภูมิธรรม เวชยชัย รองนายกฯ และรมว.กลาโหม นายอรรษิษฐ์ สัมพันธรัตน์ ปลัดกระทรวงมหาดไทย นายพงษ์นรา เย็นยิ่ง อธิบดีกรมโยธาธิการและผังเมือง นายพิศุทธ์ สุขุม วิศวกรใหญ่กรมโยธาและผังเมือง นายนิเวศน์ ล้ำเลิศลักษณชัย ผอ.สำนักวิศวกรรมโครงสร้างและงานระบบ นายธนิต ใจสอาด ผอ.สำนักควบคุมและตรวจสอบอาคาร ศ.ดร.เป็นหนึ่ง วานิชชัย สถาบันเทคโนโลยีแห่งเอเชีย รศ.ดร.บุญไชย สถิตมั่นในธรรม จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย รศ.ดร.สุทัศน์ ลีลาทวีวัฒน์ มหาวิทยาลัยเทคโนโลยีพระจอมเกล้าธนบุรี และรศ.อเนก ศิริพานิชกร วิศวกรรมสถานแห่งประเทศไทย  เข้าร่วมประชุม

จากนั้นเวลา 12.15 น. นายกฯ แถลงว่า จากการประชุมเนื่องจากเหตุการณ์พังถล่มของอาคาร สตง. ที่เกิดแผ่นดินไหวเมื่อวันที่ 28 มี.ค. 68 เราได้รับความร่วมมือจากกรมโยธาธิการและผังเมือง จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย มหาวิทยาลัยเกษตร สถาบันเทคโนโลยีพระจอมเกล้า ซึ่งผลลัพธ์ที่ออกมาเป็นเอกภาพ โดยจากทุกสถาบันมีข้อมูลที่สอดคล้องกันดังนี้ 1. พบว่ามีการบกพร่องในการออกแบบและวิธีการก่อสร้าง โดยเฉพาะเทคนิคในการก่อสร้าง ในส่วนของผนังช่องลิฟท์ ผนังบันไดหรือที่เรียกว่า ผนังรับแรงเฉือน เป็นสิ่งที่เกิดปัญหา

นายกฯ กล่าวว่า เรื่องของวัสดุไม่ว่าจะเหล็กหรือคอนกรีตเป็นวัสดุปกติที่ได้มาตรฐานทั่วไป แต่การนำมาใช้ในโครงการนี้และเกิดปัญหา เป็นเรื่องของคอนกรีตที่ไม่ได้มาตรฐานและวิธีการสร้างของโครงการนี้ที่มีปัญหา ก็เป็นสิ่งที่หลายภาคส่วนมีความกังวล อาคารอื่น ๆ จะเป็นอย่างไร ซึ่งเท่าที่ได้รับรายงานมา มีการก่อสร้างหลายๆ จุดที่ไม่ได้เป็นไปตามกฎหมายทั้งการออกแบบและการก่อสร้าง ทั้งในการวิจัยออกมาและมีการทำจำลองตัวตึก ระบุว่าถ้าปฏิบัติตามกฎหมายจะสร้างความแข็งแรงให้ตึกเพิ่มมากขึ้นและจะสามารถรับแรงสั่นสะเทือนได้มากกว่านี้แน่นอน โดยเราใช้เทคโนโลยีเดียวกันกับที่สหรัฐอเมริกาและญี่ปุ่นในการดำเนินการ

นายกฯ กล่าวว่า ขอย้ำอีกครั้งว่าโครงการอื่น ๆ ได้มีการตรวจสอบในด้านวัสดุก่อสร้าง อย่างเคร่งครัดไม่ได้มีปัญหาใด ๆ และอยากให้ประชาชนสบายใจในเรื่องนี้ ต่อจากนี้เราก็จะนำข้อมูลที่ได้ทำเป็นรูปเล่มให้เสร็จสิ้นภายใน 2 สัปดาห์ และส่งต่อให้กรมสอบสวนคดีพิเศษ (ดีเอสไอ) ตำรวจเพื่อดำเนินการต่อ ทั้งนี้ขอตอบปัญหาประชาชนเบื้องต้นว่า ปัญหาที่เกิดขึ้นเกิดจากการออกแบบและการก่อสร้างของโครงการนี้ที่มีปัญหาอย่างเห็นได้ชัดซึ่งเป็นไปตามกฎหมาย

เมื่อถามว่า สรุปได้หรือยังว่าความเสียหายอาคาร สตง. ถล่มใครจะเป็นคนรับผิดชอบ นายกฯ กล่าวว่า เป็นเรื่องของการออกแบบและโครงสร้างการก่อสร้างที่มีปัญหา เรื่องที่ว่าใครผิดหรือไม่ ต้องให้ตำรวจทำงานร่วมกับดีเอสไอเป็นคน ซึ่งเราทราบข้อมูลทั้งหมดแล้ว ใครที่ไม่เกี่ยวข้องหรือว่าอย่างไรก็ว่าไปตามกฎหมาย ตามกระบวนการ

เมื่อมาถามว่า ตัวเหล็กไม่มีปัญหาแต่มีปัญหาที่คอนกรีตใช่หรือไม่ นายกฯ กล่าวว่า ตัวเหล็กไม่มีปัญหาอะไร แต่มีปัญหาพวกวัสดุอื่น ๆ ซึ่งเอามาไม่ผิด แต่พอมาสร้างในโครงการนี้มีการเฉือนให้บางลงซึ่งไม่เป็นไปตามกฎ ตอนแรกตนก็กังวลใจในเรื่องของที่ไม่มีคุณภาพกับโครงการอื่น แต่เป็นการมาบิดในโครงการนี้

เมื่อถามว่า ถ้าปัญหาเป็นเรื่องของการออกแบบ ทาง สตง.ที่เป็นผู้จัดซื้อจัดจ้าง ต้องรับผิดชอบอะไรหรือไม่ นายกฯ กล่าวว่า ต้องให้ทางดีเอสไอกับตำรวจช่วยดูว่าอย่างไรบ้าง ใครต้องรับผิดชอบส่วนไหนบ้าง เราต้องปล่อยให้เป็นไปตามกระบวนการ ซึ่งเราได้ให้ทางผู้เชี่ยวชาญทางเทคโนโลยี 90 วัน ในการหาสาเหตุของแผ่นดินไหว และยื่นข้อมูลให้ดีเอสไอกับตำรวจดำเนินการต่อ

เมื่อถามว่า น้ำหนักที่จะเอาผิดอยู่ที่ผู้ออกแบบและผู้ที่ทำเรื่องของโครงสร้างใช่หรือไม่ นายกฯ กล่าวว่า ยังไม่ทราบ แต่ข้อมูลที่ออกไปคนก็จะมองต่างมุมว่า แบบไหนผิดหรือถูก ฉะนั้นก็อยากให้เป็นไปตามกระบวนการที่เป็นกลางมากที่สุด ทำแบบนี้ใครผิด ซึ่งก็ไม่ได้มีหน้าที่ว่าใครชี้ว่าใครผิด แต่ตอนนี้ทราบว่าดำเนินการผิดกฎหมาย

เมื่อถามว่า กระบวนการการตรวจสอบ สตง. จะไม่เงียบ นายกฯ กล่าวว่า ไม่เงียบแน่นอนเดี๋ยวอีก 2 สัปดาห์ก็จะมีรายงานที่เป็นรูปเล่ม และส่งให้ดีเอสไอกับตำรวจทำงานต่อ และเรารู้ว่าประชาชนไม่ได้ลืม และรออยู่ว่าตึกสตง. ถล่มเกิดขึ้นจากคืออะไร จริงวันนี้เราได้คำตอบแล้วและดีมาก ๆ หลังจากนั้นก็ให้ว่าไปตามกระบวนการ

สมาคมคนพิการภาคตะวันออก ผนึกกำลัง ขับเคลื่อน “โครงการฝึกงานมาตรา 35” ส่งเสริมอาชีพคนพิการอย่างยั่งยืน

(27 มิ.ย. 68) ณ ศูนย์การเรียนรู้เย็บผ้า จังหวัดบุรีรัมย์ ดร.ณรงค์ ไปวันเสาร์ นายกสมาคมคนพิการภาคตะวันออก ได้เป็นประธานในพิธีเปิด “โครงการฝึกงานตามมาตรา 35 หลักสูตรช่างตัดเย็บเสื้อผ้าระดับต้น 600 ชั่วโมง” โดยมีผู้บริหารจากบริษัท บิซิเนส เซอร์วิสเซส อัลไลแอนซ์ จำกัด บริษัทในเครือ ปตท. นำโดย นายจตุรงค์ วงษ์อุดมสิน เข้าร่วมในพิธี พร้อมด้วย นายอุทัย จิตสัตย์ นายกสมาคมคนพิการทางการเคลื่อนไหวหรือทางร่างกายจังหวัดบุรีรัมย์ ประธานชมผู้ปกครองคนพิการทางสติปัญญา หน่วยงานราชการในพื้นที่ และกลุ่มผู้พิการที่เข้าร่วมโครงการให้การต้อนรับอย่างอบอุ่น

โครงการนี้ถือเป็นความร่วมมือที่ประสบความสำเร็จอย่างสูงของทุกภาคส่วน ไม่ว่าจะเป็นองค์กรคนพิการในพื้นที่ ชมรมผู้ปกครองคนพิการทางสติปัญญา ตลอดจนหน่วยงานท้องถิ่น ที่ร่วมกันดำเนินงานตามแนวทางของสมาคมคนพิการภาคตะวันออก โดยมีบริษัท บิซิเนส เซอร์วิสเซส อัลไลแอนซ์ จำกัด (ในเครือ ปตท.) เป็นผู้สนับสนุนหลัก ทั้งด้านงบประมาณและการผลักดันให้เกิดโครงการนี้อย่างเป็นรูปธรรม

ดร.ณรงค์ ได้กล่าวว่า โครงการฝึกงานมาตรา 35 ดังกล่าว เป็นหนึ่งในโครงการนำร่องของสมาคมฯ ที่ดำเนินการร่วมกับองค์กรคนพิการใน 6 จังหวัด ได้แก่ บุรีรัมย์ นครราชสีมา อ่างทอง หนองบัวลำภู ขอนแก่น และสกลนคร โดยได้รับการสนับสนุนจากภาคเอกชนหลายแห่ง อาทิ บริษัท ปิโตรเลียมไทยคอร์ปอเรชั่น จำกัด (สถานีบริการน้ำมัน PT), บริษัท ซีพี แอ็กซ์ตร้า จำกัด (มหาชน) และบริษัท บิซิเนส เซอร์วิสเซส อัลไลแอนซ์ จำกัด
ปัจจุบัน แม้คนพิการจำนวนมากจะได้รับโอกาสในการทำงานตามพระราชบัญญัติส่งเสริมและพัฒนาคุณภาพชีวิตคนพิการแห่งชาติ พ.ศ. 2550 (และแก้ไขเพิ่มเติม พ.ศ. 2556) โดยเฉพาะในมาตรา 33 แต่ยังมีคนพิการอีกเป็นจำนวนมากที่ยังว่างงาน ขาดโอกาสทางการศึกษา หรือไม่สามารถเดินทางไปทำงานนอกบ้านได้ ด้วยภาระหรือข้อจำกัดทางร่างกาย โครงการฝึกงานตามมาตรา 35 จึงเป็นทางเลือกสำคัญที่จะช่วยให้คนพิการเหล่านี้ได้เข้าถึงทักษะอาชีพ มีรายได้ และสามารถดูแลตนเองและครอบครัวได้อย่างมั่นคง

หลักสูตรช่างตัดเย็บเสื้อผ้าระดับต้น 600 ชั่วโมง ที่จัดขึ้นนี้ มีระยะเวลาฝึกอบรม 6 เดือน โดยผู้เข้าร่วมจะได้รับเบี้ยเลี้ยงวันละ 330 บาท พร้อมอาหารหลัก 3 มื้อ และอาหารว่าง 2 มื้อตลอดการฝึก เมื่อจบหลักสูตร ผู้ฝึกจะได้รับ “จักรเย็บผ้าอุตสาหกรรมและชุดเครื่องมือ” เพื่อใช้ในการประกอบอาชีพอิสระต่อไป ไม่ว่าจะเป็นการเปิดร้านซ่อมผ้า ปะ เปลี่ยนซิป หรือเย็บเสื้อผ้าในชุมชนของตนเอง โครงการนี้ไม่เพียงแต่สร้างทักษะอาชีพ แต่ยังสร้างความหวัง ความภูมิใจ และศักดิ์ศรีให้กับกลุ่มคนพิการ สะท้อนถึงความมุ่งมั่นของสมาคมคนพิการภาคตะวันออก ร่วมกับองค์กรคนพิการระดับจังหวัด ภาครัฐ และภาคธุรกิจ ที่ร่วมกันส่งเสริมและผลักดันให้คนพิการมีคุณภาพชีวิตที่ดีขึ้นอย่างแท้จริง
ในตอนท้าย ดร.ณรงค์ ได้กล่าวขอบคุณหน่วยงานและภาคเอกชนที่ร่วมสนับสนุนโครงการ ทั้งในด้านทุนทรัพย์ อุปกรณ์ ตลอดจนการส่งเสริมตามมาตรา 33, 34 และ 35 ที่มีบทบาทสำคัญในการขับเคลื่อนงานด้านคนพิการให้เกิดผลอย่างเป็นรูปธรรม พร้อมเชิญชวนบริษัทหรือหน่วยงานที่สนใจเข้าร่วมสนับสนุนโครงการในลักษณะนี้ ติดต่อได้ที่
สมาคมคนพิการภาคตะวันออก โทร. 08-1669-1111

เว็บไซต์: www.ead.or.th
อีเมล: [email protected]

ผู้เชี่ยวชาญจีนเบรก ‘ฮุน เซน’ ย้ำอาวุธเขมรยิงไม่ถึงกรุงเทพฯ ชี้กัมพูชายังเป็นรอง!! ไทยเหนือกว่าหลายเท่า

(30 มิ.ย. 68) สถานการณ์ตึงเครียดบริเวณชายแดนไทย-กัมพูชากลับมาเป็นที่จับตาหลังฮุน เซน ประธานวุฒิสภากัมพูชาระบุว่า อาวุธที่ประเทศตนมีอยู่สามารถยิงถึงกรุงเทพฯได้ อย่างไรก็ตาม นักวิเคราะห์จีนเตือนว่าเป็นไปไม่ได้ทางเทคนิค โดยชี้ว่าระบบอาวุธจีนที่กัมพูชามีไม่สามารถยิงไกลถึงกรุงเทพฯ และกัมพูชาก็ไม่มีเครื่องบินรบที่ติดอาวุธพิสัยไกลเช่นกัน

ซ่ง จงผิง (Song Zhongping) ผู้เชี่ยวชาญทางด้านการทหารของจีน กล่าวว่า อาวุธที่จีนขายให้ต่างประเทศนั้นออกแบบมาเพื่อการป้องกัน ไม่ใช่การรุกราน และเมื่อส่งมอบแล้ว ก็เป็นสิทธิของประเทศผู้ซื้อในการใช้งาน แต่จีนไม่อยากเห็นสองประเทศที่เป็นมิตรกับตนอย่างไทยและกัมพูชาต้องเปิดฉากสู้รบกัน โดยเฉพาะเมื่อข้อพิพาทชายแดนมีที่มาจากปัญหาที่ตกค้างมาตั้งแต่สมัยที่ฝรั่งเศสยังเป็นเจ้าอาณานิคม

จีนยังย้ำว่าศักยภาพทางทหารของไทยเหนือกว่ากัมพูชาหลายเท่า ทั้งงบประมาณที่สูงกว่าราว 10 เท่า และอาวุธยุทโธปกรณ์ที่ทันสมัยกว่า โดยไทยนำเข้าอาวุธจากจีนถึง 44% ขณะที่กัมพูชาพึ่งพาจีนเกือบทั้งหมด จีนจึงเรียกร้องให้ทั้งสองฝ่ายใช้ความอดกลั้น และเน้นเจรจาผ่านกลไกทวิภาคีและภูมิภาค

นอกจากนี้ จีนระบุอีกว่าไม่ใช่แค่จีนเท่านั้นที่ควรเข้ามาช่วย อาเซียนเองก็ควรมีบทบาทในการลดความตึงเครียด เพราะหากความขัดแย้งลุกลามเป็นความรุนแรง จะกระทบต่อเสถียรภาพของทั้งภูมิภาคโดยตรง

ทหารใหม่ ผลัดที่ 1/68 ฝึกยิงอาวุธประจำกายด้วยกระสุนจริง สร้างพื้นฐานการเป็นนักรบ ของกองทัพเรือ

(30 มิ.ย. 68) น.อ. ทิวา อ่อนละออ ผู้บังคับการศูนย์ฝึกทหารใหม่ กรมยุทธศึกษาทหารเรือ (ผบ.ศฝท.ยศ.ทร.) ตรวจเยี่ยมการฝึกยิงอาวุธประจำกาย ด้วยกระสุนจริงของทหารใหม่ ผลัดที่ 1/68 เพื่อสร้างขวัญกำลังใจให้แก่ครูฝึก เจ้าหน้าที่ผู้เกี่ยวข้อง และทหารใหม่ฯ ณ สนามยิงปืน ศูนย์ฝึกทหารใหม่กรมยุทธศึกษาทหารเรือ ต.บางเสร่ อ.สัตหีบ จ.ชลบุรี

การฝึกยิงอาวุธประจำกาย มีวัตถุประสงค์เพื่อสร้างประสบการณ์ ความภาคภูมิใจและมีความพร้อมด้านจิตใจ ให้แก่ทหารใหม่ที่จะปฎิบัติหน้าที่ให้กับหน่วยต่างๆ โดยเฉพาะหน่วยกำลังรบ ของกองทัพเรือต่อไป

ทั้งนี้การฝึกดำเนินการภายใต้การปฏิบัติในการยิงอาวุธอย่างเคร่งครัดเป็นไปตามนโยบายผู้บัญชาการทหารเรือที่กำหนดให้เป็นปีแห่งความปลอดภัยของกองทัพเรือ “Navy-Safety 2025”

นิราช ทิพย์ศรี รายงาน 0909535645

#หล่อหลอมกายใจรับใช้ชาติ
#เทิดทูนสถาบัน_ป้องกันรัฐ_พัฒนาชาติ_ราษฎร์ศรัทธา 
#Monarchy_Country_Government_People  
#กองทัพเรือที่ประชาชนเชื่อมั่นและภาคภูมิใจ  
#ศูนย์ฝึกทหารใหม่_กรมยุทธศึกษาทหารเรือ  
#RTC #Recruit_Training_Center

‘แม่ทัพภาคที่ 2’ ลั่น!! ทหารไม่รู้สึกเหนื่อย ถ้าทหารเหนื่อย คงไม่มีใคร ดูแลประเทศชาติ

(28 มิ.ย. 68) ที่สโมสรร่วมเริงไชย ค่ายสุรนารี กองทัพภาคที่ 2 อ.เมือง จ.นครราชสีมา พลโทบุญสิน พาดกลาง แม่ทัพภาคที่ 2 เป็นประธานรับมอบสิ่งของและกำลังใจจากกลุ่มประชาชน บริษัทห้างร้านต่างๆ ในพื้นที่จังหวัดนครราชสีมา รวมตัวกันมามอบของใช้อุปโภค บริโภค และสิ่งของที่จำเป็นให้กับกำลังพลในแนวหน้าที่อยู่ตามแนวชายแดนไทย-กัมพูชา เพื่อนำไปมอบเป็นขวัญกำลังใจให้กับพี่น้องทหาร โดยสิ่งของที่นำมามอบ มีทั้งอาหาร น้ำดื่ม เสื้อลายพราง ชุดชั้นในชาย ผ้าใบ ในขณะที่ บริษัท KCF ได้นำไข่เยี่ยวม้า ไข่เค็มและไข่พะโล้สำเร็จรูปพร้อมทาน มามอบให้ด้วย

นอกจากนี้ ยังมีกลุ่มประชาชนและสหกรณ์การเกษตรของจังหวัดจันทบุรี ได้เดินทางนำผลไม้ เช่น มังคุด เงาะ ทุเรียน ลองกอง รวมไปถึงทุเรียนทอด มาไกลจากจังหวัดจันทบุรี มามอบเป็นขวัญกำลังใจให้กับทหารในครั้งนี้ด้วย รวมถึง ดารารุ่นใหญ่ “ฤทธิ์ ลือชา” ก็ได้นำกาแฟและเงินสด มามอบให้ เพื่อเป็นขวัญกำลังใจให้กับทหารตามแนวชายแดนด้วย

นายกานน ธรรมเจริญ ตัวแทนประชาชนจากจังหวัดจันทบุรี บอกว่า วันนี้กลุ่มประชาชนชาวจังหวัดจันทบุรี นำโดยผู้ว่าราชการจังหวัดจันทบุรี ได้มีการระดมทุนบริจาคนำไปซื้อผลไม้ โดยเฉพาะมังคุดจากเกษตรกรในพื้นที่ ซึ่งมีราคาตกต่ำอยู่ในขณะนี้ นำมามอบให้กับแม่ทัพภาคที่ 2 เพื่อส่งต่อให้ทหารที่อยู่แนวชายแดนไทย - กัมพูชา เพื่อเป็นขวัญกำลังใจให้ทหารที่กำลังปฏิบัติหน้าที่อยู่ในขณะนี้ เป็นกำลังใจให้กับทหารที่ทำหน้าที่ปกป้องประเทศ ในฐานะประชาชนขอส่งกำลังใจและพร้อมให้การสนับสนุนอย่างเต็มที่

พลโทบุญสิน พาดกลาง แม่ทัพภาคที่ 2 กล่าวว่า ตนและทหารในพื้นที่ตอนนี้มีขวัญกำลังใจดีมากและไม่รู้สึกเหนื่อย เพราะถ้าทหารเหนื่อยคงไม่มีใครดูแลประเทศชาติบ้านเมือง ขณะที่สถานการณ์ตามแนวชายแดนที่เกิดขึ้นนั้น ยืนยันว่า ทางฝั่งกัมพูชานั้นได้รุกล้ำเข้ามาก่อน โดยการขุดคูเลตลุกล้ำเข้ามา 150 เมตร และตั้งแต่วันนั้นที่มีการยิงปะทะ ก็มีการเจรจาให้ทางฝั่งกัมพูชาถอยออกไปมาโดยตลอด และต้องยอมรับว่า คนไทยนั้นมีความใจดี ไม่เคยทำใครก่อน ก็ใช้ความอดทนในการป้องกันตามแนวชายแดนตลอดเรื่อยมา

สถานการณ์ปัจจุบันนี้ ทางฝั่งไทยโดยตนในฐานะแม่ทัพภาคที่ 2 ได้ยื่นขอให้มีการประชุม RBC ซึ่งเป็นการประชุมในระดับแม่ทัพของทั้งสองฝ่าย เป็นประธานร่วมกันในการพูดคุยเจรจาข้อตกลง แต่ปัจจุบันนี้ทางฝั่งกัมพูชาได้ขอเลื่อนออกไป และยังไม่ได้มีการนัดหมายว่า จะเริ่มประชุม RBC ในวันไหน แต่ตนพร้อมที่จะประชุมฯไม่ว่าจะเป็นวันไหนก็พร้อมประชุมเสมอ

พล.ท.บุญสิน กล่าวว่า ในฐานะประธาน RBC ฝั่งไทย ได้ยื่นแจ้งไปแล้วว่า ดินแดนบริเวณที่ทางฝั่งกัมพูชาขุดคูเลตเข้ามานั้น เป็นดินแดนของประเทศไทย และเจตนารมณ์ในการประชุม RBC คือ ต้องการให้ทหารของทั้งสองฝ่ายนั้นถอยหรือปรับกำลังกลับไปที่ตั้งเดิมพร้อมกัน แล้วค่อยมีการเปิดด่าน ทั้งนี้ต้องรอความชัดเจนของผู้นำทั้งฝั่งกัมพูชาว่า จะมีท่าทีอย่างไร

ขอย้ำว่า สถานการณ์ของทหารทั้งสองฝั่งนั้นมีแนวโน้มที่จะดีขึ้น แต่ทั้งนี้ก็ขึ้นอยู่กับการเมืองของทั้งสองประเทศว่า จะเป็นเช่นไรส่วนโอกาสในการยิงปะทะนั้น ย้ำว่า ไม่มีโอกาสที่จะเกิดเหตุการณ์ความรุนแรงขึ้นได้ ซึ่งปัญหาชายแดนในตอนนี้เป็นเรื่องที่มีความสำคัญ และเป็นเรื่องของผู้นำทั้งสองประเทศที่จะต้องไปพูดคุยกัน แต่ในส่วนของกองทัพฯ ก็มุ่งมั่นที่จะปกป้องรักษาอธิปไตยของชาติเหมือนเดิม ไม่มีอะไรเปลี่ยนแปลง

"ขอให้พี่น้องประชาชนคนในชาติทุกคนทุกหมู่เหล่า ได้มีความรักความสามัคคี เป็นหนึ่งเดียวกันในยามที่บ้านเมืองเป็นเช่นนี้ ขอให้เรามุ่งมั่นถ้าเรามีจุดประสงค์เดียวกัน คือ อธิปไตยของชาติและความเป็นเอกราชของชาติไทย ตนคิดว่าใครก็ทำอะไรประเทศไทยไม่ได้ ก็ขอส่งกำลังใจและเป็นกำลังใจให้กับทุกคน ขอให้มีความรัก ความสามัคคี เหนียวแน่นเป็นหนึ่งเดียวกัน"พลโทบุญสินกล่าวทิ้งท้าย   

‘มาสด้า’ ชวนลูกค้า!! ร่วมค้นหาความสุข สร้างแรงบันดาลใจ ผ่านปรัชญา ‘JOY DRIVES LIVES ความสุขขับเคลื่อนชีวิต’

(28 มิ.ย. 68) ภายใต้ความสับสนวุ่นวายในเรื่องของภูมิรัฐศาสตร์โลกที่กำลังเกิดขึ้น หลายคนกังวลใจกับเรื่องราวต่าง ๆ มากมาย ส่งผลต่อการดำเนินชีวิตประจำวัน มาสด้าเชิญชวนลูกค้าออกมาร่วมกันสร้างแรงบันดาลใจและค้นหาความสุขในแบบของตนเอง เพราะมาสด้าเชื่อว่าในทุกรายละเอียดของชีวิตมีความสุขขับเคลื่อนเราเสมอ เฉกเช่นเดียวกับมาสด้าที่ขับเคลื่อนองค์กรด้วยปรัชญา 'JOY DRIVES LIVES' หรือความสุขขับเคลื่อนชีวิต สื่อสารถึงรายละเอียดความสุขเล็ก ๆ ที่เกิดขึ้นรอบ ๆ ตัว โดยมีลูกค้าเป็นศูนย์กลางและมีส่วนสำคัญในการสร้างความสัมพันธ์อันดีกับแบรนด์ และมีรถยนต์มาสด้าเป็นส่วนหนึ่งของทุกประสบการณ์การใช้ชีวิต

นายภพนิพิฐ จิรวัฒนานนท์ ผู้อำนวยการฝ่ายการตลาดและนวัตกรรมดิจิทัล บริษัท มาสด้า เซลส์ (ประเทศไทย) จำกัด กล่าวว่า มาสด้าเชื่อเสมอว่าความสุขคือส่วนสำคัญในการขับเคลื่อนชีวิต เราจึงมุ่งเน้นการสร้างประสบการณ์ความสุขให้กับผู้คนในทุกช่วงเวลาและพร้อมเดินทางไปด้วยกัน เพื่อค้นพบความสุขที่มากกว่าการขับขี่ในทุกเส้นทาง ให้ทุกรายละเอียดของชีวิตมีความสุขขับเคลื่อนเสมอ นั่นคือที่มาของปรัชญาใหม่ของแบรนด์ 'JOY DRIVES LIVES' หรือความสุขขับเคลื่อนชีวิต เพื่อให้มั่นใจว่าทุกครั้งที่ลูกค้ามีปฏิสัมพันธ์กับแบรนด์มาสด้าจะนำมาซึ่งคุณค่าและความสุข เพื่อสร้างสรรค์ประสบการณ์ความสุขให้เกิดขึ้นในชีวิตประจำวันของลูกค้า โดยมีรถยนต์มาสด้าเป็นหัวใจหลักในการสร้างความเชื่อมโยง เพื่อบรรลุวัตถุประสงค์เหล่านี้ มาสด้าจึงขับเคลื่อนธุรกิจด้วยกลยุทธ์ Customer Experience Management หรือการบริหารประสบการณ์ลูกค้าที่มุ่งมั่นยกระดับประสบการณ์ในการเป็นเจ้าของรถมาสด้า ที่ไม่ได้มีเพียงการขับขี่ที่สนุกสนานเท่านั้น แต่ยังรวมถึงการได้รับประสบการณ์ที่ดีที่สุดจากแบรนด์ในทุก ๆ Touchpoint เริ่มตั้งแต่การมีปฏิสัมพันธ์ผ่านระบบออนไลน์ไปจนถึงประสบการณ์ที่ได้สัมผัสจากผู้จำหน่ายในแต่ละพื้นที่

ทั้งนี้ เพื่อให้ลูกค้าและผู้คนได้ตระหนักถึงรายละเอียดความสุขเล็ก ๆ รอบตัว ตลอดจนมีส่วนร่วมและสร้างความสัมพันธ์อันดีระหว่างลูกค้ากับแบรนด์ โดยมีรถยนต์มาสด้าเป็นส่วนหนึ่งของทุกประสบการณ์ เพื่อถ่ายทอดหลักปรัชญาการทำงาน สร้างความรักความผูกพันระยะยาวกับลูกค้า ตามแนวทางการบริหารงานที่ให้ความสำคัญกับลูกค้ามาเป็นอันดับหนึ่ง (Customer Centric) สิ่งเหล่านี้จะถูกถ่ายทอดลงไปในทุกองค์ประกอบของการทำงาน เพราะมาสด้าเชื่อว่า “ความสุขในการขับขี่รถยนต์” (Joy of Driving) จะนำไปสู่ “ความสุขในการใช้ชีวิต” (Joy of Living) และมาสด้าตั้งใจส่งมอบความสุขเหล่านี้ไปยังลูกค้าทุกคน จะดีกว่าไหมถ้าคนเราค้นพบความสุขที่อยู่ระหว่างทางโดยในบางครั้งอาจถูกมองข้ามไป ลองหยุดพักจากการรอคอยความสุขที่ยิ่งใหญ่หรือสิ่งที่หวังไว้ในอนาคต แล้วมาเติมเต็มชีวิตด้วยความสุขเล็ก ๆ ที่เราก็สร้างขึ้นเองได้ เพื่อให้ทุกวันขับเคลื่อนไปข้างหน้าด้วยรอยยิ้มและใช้ชีวิตให้มีความหมายตามแบบฉบับของตนเอง

ดังนั้น มาสด้าจึงถ่ายทอดเรื่องราวการดำเนินชีวิตของครอบครัวอันแสนอบอุ่น ผ่านภาพยนตร์โฆษณาเรื่อง Joy Drives Lives เพื่อกระตุ้นให้ผู้คนมองหาความสุขในรายละเอียดของชีวิต และต่อยอดด้วยการมุ่งเน้นความเชื่อที่ว่า ความสุข คือพลังขับเคลื่อนชีวิต มาสด้าจึงสร้างประสบการณ์ที่มากกว่าการขับขี่ แต่เป็นการเดินทางที่เปี่ยมไปด้วยความสุขในทุกช่วงเวลา ดังนั้น เพื่อสื่อสารแนวคิดนี้ให้ชัดเจนขึ้นจึงได้นำเสนอบทเพลง 'Joy is in the details' บอกเล่าเรื่องราวจากหิ่งห้อยตัวน้อยผ่านสถานการณ์ของผู้คนต่าง ๆ หลากหลายมิติ เช่น การใช้เวลากับครอบครัวหรือคนรัก การก้าวข้ามขีดจำกัด และการนึกถึงอดีตที่น่าจดจำ เป็นต้น ซึ่งแต่ละเหตุการณ์ล้วนดูธรรมดา แต่หากมองลึกลงไปในอริยาบททุกคนล้วนมีรอยยิ้มและกำลังมีความสุขในชีวิต

“บางครั้งความสุขอาจเหมือนเป็นเรื่องไกลตัว แต่มาสด้าเชื่อว่าเราจะค้นพบด้วยตัวเองได้ เพียงลองมองลึกลงไปในรายละเอียด เราอาจพบความสุขที่อยู่ระหว่างทางที่บางครั้งอาจถูกมองข้ามไป ในช่วงที่ผ่านมา มาสด้าได้ทำการสำรวจสถิติคนไทย ผ่านแบบทดสอบ Mazda Joy Research เพื่อทำความเข้าใจความสุขในรูปแบบต่าง ๆ ตามด้วยการสร้างการรับรู้ในความหมายใหม่ที่ลึกซึ้งยิ่งขึ้น พบว่า คนไทยกว่า 2 ใน 3 จากกลุ่มตัวอย่าง มีความสุขน้อยกว่าที่คาดหวังไว้ เพราะเราสร้างเงื่อนไขการมีความสุขด้วยการผูกมัดไว้กับความคาดหวัง มาสด้าจึงได้สร้างความตระหนักถึงว่าอะไรคือความสุขที่แท้จริง และสร้างความเชื่อมโยงต่อการสื่อสารเพื่อให้เห็นรายละเอียดความสุขในชีวิต” นายภพนิพิฐ กล่าวเสริม

สำหรับลูกค้าที่ต้องการติดตามการสื่อสารภาพลักษณ์แบรนด์ใหม่ ผ่านภาพยนตร์โฆษณาและบทเพลงอันไพเราะอันลึกซึ้งที่กำลังออนแอร์อยู่ในขณะนี้ JOY DRVIES LIVES ความสุขขับเคลื่อนชีวิต รวมถึงการออกไปค้นหาความสุขของคุณร่วมกับแบรนด์มาสด้า สามารถกดเข้าผ่านลิงก์ดังต่อไปนี้
• รับชมภาพยนตร์โฆษณาภายใต้สโลแกน 'JOY DRIVES LIVES' ได้ตามช่องทาง 
• Mazda official YouTube – Full VDO: ภาพยนตร์โฆษณา https://www.youtube.com/watch?v=wYhA68ocA8g
• Facebook: ถ่ายทอดเรื่องราวความสุขขับเคลื่อนชีวิต https://www.facebook.com/share/r/1EM8oLW4AR/
• TikTok บทเพลง 'Joy is in the details'
 Music : https://vt.tiktok.com/ZSkG28nHE/ 

‘ฟาสต์ ออโต โชว์ 2025’ ชี้แนะปัจจัย!! เลือกรถคันที่ใช่ ถอยคันที่ชอบ ‘รถใหม่ป้ายแดง – รถมือสอง’ เปรียบเทียบ ตัดสินใจ ด้วยข้อมูลแน่น

(28 มิ.ย. 68) เตรียมตัวให้พร้อมสำหรับงาน 'ฟาสต์ ออโต โชว์ ไทยแลนด์ 2025' มหกรรมจำหน่ายรถยนต์ครบวงจรที่มากระตุ้นตลาดรถยนต์ช่วงกลางปี มีรถครบทุกเซ็กเมนต์จาก 10 แบรนด์รถใหม่ป้ายแดงกับโปรโดนใจ และ 5 ผู้ประกอบการรถยนต์ใช้แล้วชั้นนำที่มาพร้อมการรับประกันไมล์แท้   

แต่ก่อนจะไป “เลือกคันที่ชอบ ถอยคันที่ใช่” สำหรับใครที่ยังลังเลเลือกไม่ได้ว่าควรซื้อ 'รถใหม่ป้ายแดง' หรือ 'รถมือสองสภาพดี' พัฒนเดช อาสาสรรพกิจ ประธานจัดงานฯ และกูรูสายรถยนต์ ได้ชี้แนะปัจจัยในการเปรียบเทียบเพื่อตัดสินใจ ดังนี้

· งบประมาณ – ถ้ามีงบประมาณที่แน่นอน มีกำลังในการผ่อนชำระที่ชัดเจน ต้องการโปรโมชั่นเยอะ ๆ ควรเลือกซื้อรถใหม่ป้ายแดงเพื่อตอบโจทย์ความต้องการต่าง ๆ อย่างลงตัว แต่ถ้ามีงบประมาณจำกัด การเลือกซื้อรถมือสองเป็นทางเลือกที่ช่วยแบ่งเบาภาระได้มากกว่า เพราะราคาที่เข้าถึงได้ง่าย และมีตัวเลือกหลากหลายตามงบประมาณ

· สภาพรถ – รถป้ายแดงเป็นรถใหม่ที่ไม่ผ่านการใช้งานมาก่อน มาพร้อมกับเทคโนโลยีและฟังก์ชันล่าสุด สะดวกสบายในการใช้งาน ส่วนรถมือสองจะมีสภาพตามอายุการใช้งาน และมีตัวเลือกมากกว่าเมื่อเทียบกับมือหนึ่งในราคาเท่ากัน หากมีความรู้เรื่องการเลือกรถมือสอง อาจจะได้รถสภาพดีเหมือนใหม่ หรือตัวท็อปในราคาที่ถูกลง ดังนั้นควรมีการตรวจสอบสภาพรถยนต์ให้ถี่ถ้วนก่อนซื้อ และเลือกซื้อรถยนต์มือสองที่มีการตรวจประวัติและสภาพรถที่เชื่อถือได้

· ดอกเบี้ย - ดอกเบี้ยรถใหม่มักจะต่ำกว่าดอกเบี้ยรถมือสอง แต่อาจต้องขึ้นอยู่กับเงินดาวน์ของราคารถเพื่อให้ได้เงื่อนไขที่ดี ส่วนรถมือสองหากผู้ซื้อมีประวัติดีสามารถที่รับเงื่อนไขในการซื้อที่ดีและอาจจะไม่ต้องใช้เงินดาวน์  หรือถ้าราคารถไม่สูงมาก สามารถซื้อเงินสดได้เลย ทำให้ไม่เสียดอกเบี้ยและไม่เป็นภาระในระยะยาว

· การรับประกัน - รถใหม่จะมีการรับประกันเต็มรูปแบบ แต่ควรเลือกผู้ผลิตที่มีชื่อเสียงดีด้านบริการหลังการขาย ทำธุรกิจมายาวนาน มีศูนย์บริการครอบคลุม เชื่อถือได้ สำหรับรถมือสองควรเลือกซื้อกับผู้จำหน่ายที่เชื่อถือได้ ตรงไปตรงมา และมีการระบุเงื่อนไขการรับประกันคุณภาพหรือข้อตกลงต่าง ๆ ไว้ในสัญญาเป็นลายลักษณ์อักษรอย่างชัดเจน เพื่อความมั่นใจ

· ค่าบำรุงรักษา - รถใหม่มีค่าบำรุงรักษาน้อยกว่าในช่วงแรกที่มีการรับประกันและฟรีค่าบำรุงดูแลรักษาตามที่บริษัทกำหนด ส่วนค่าบำรุงรักษารถมือสองขึ้นอยู่กับสภาพของรถและประวัติการซ่อม ดังนั้นการตรวจสอบสภาพรถก่อนซื้อจึงมีความสำคัญอย่างมาก เพราะการได้รถมือสองสภาพดีจะช่วยประหยัดค่าใช้จ่ายได้

· ค่าเสื่อมราคา – รถป้ายแดงจะสูญเสียมูลค่าทันทีหลังออกจากโชว์รูม ขึ้นอยู่กับรุ่นและยี่ห้อ จากนั้นค่าเสื่อมราคาจะลดลงตามความต้องการของตลาด ส่วนค่าเสื่อมราคาของรถมือสองจะลดลงตามอายุการใช้งาน ซึ่งราคาขายต่อจะขึ้นอยู่กับหลายปัจจัย เช่น ยี่ห้อและรุ่นของรถยนต์ สภาพรถยนต์ ระยะทางการใช้งาน และความต้องการของตลาดรถมือสอง ณ เวลานั้น ๆ

ดังนั้นจึงควรศึกษาข้อมูลของรถทั้งสองแบบ เพื่อให้ได้รถคุณภาพดีที่เหมาะสม ตรงกับความต้องการ งบประมาณ และตอบโจทย์ในการใช้งานมากที่สุด ซึ่งในงาน 'ฟาสต์  ออโต โชว์ ไทยแลนด์ 2025' มีทั้ง “รถใหม่โปรโดนใจ รถมือสองไมล์แท้รับประกันซื้อคืน” ให้ได้เปรียบเทียบคุณภาพและราคา โดยเฉพาะรถมือสองที่คัดเกรดมาเป็นอย่างดีพร้อมรับประกันซื้อคืน 100% หากไม่ตรงตามเงื่อนไข 5 ข้อ คือ ไม่ไฟไหม้ ไม่จมน้ำ ไม่ตัดต่อ ไม่ชนหนัก จดทะเบียนถูกต้องตามกฎหมาย และเงื่อนไขข้อที่ 6 ล่าสุด 'รับประกันไมล์แท้' ทุกคัน

พร้อมขอฝากกิจกรรมสำหรับนักซิ่งฟันน้ำนม กับการแข่งขันจักรยานขาไถ 'Strider Racing @Fast Auto Show Thailand 2025' บนสนามแข่งมาตรฐาน สำหรับเยาวชนอายุ 2 - 4 ปี จัดแข่ง 2 รุ่น คือ รุ่น Enjoy และรุ่น Racing รวม 14 รุ่น เพื่อชิงถ้วยและเหรียญรางวัล ในวันเสาร์ที่ 5 และวันอาทิตย์ที่ 6 กรกฎาคม สมัครออนไลน์ได้ถึงวันที่ 30 มิถุนายน ศกนี้ ติดตามรายละเอียดได้ที่  https://form.jotform.com/251512312965453 หรือสมัครหน้างานในวันแข่งขัน

พบความครบเครื่องเรื่องรถในงาน 'ฟาสต์ ออโต โชว์ ไทยแลนด์ 2025' ระหว่างวันที่ 2 - 6 กรกฎาคม ศกนี้ ณ ศูนย์นิทรรศการและการประชุมไบเทค บางนา ฮอลล์ 102-103

‘สม รังสี’ เผย!! ‘ฮุน เซน’ โกรธไทย ไม่ใช่เพราะรักชาติ ชี้!! กลัวการปกครองล่มสลาย เพราะไทยปราบ ‘มาเฟียจีน’

(28 มิ.ย. 68) ‘สม รังสี’ อดีตผู้นำฝ่ายค้านของปร้ะทศกัมพูชา ได้โพสต์ข้อความ ระบุว่า ...

ฮุน เซน โกรธ ประเทศไทย ที่ทําให้ ตั๋ว ต๋องสับสน ไม่ใช่เพราะรักชาติ แต่เพราะกลัวการปกครองล่มสลาย ซึ่งอาศัยเงินนับพันล้านดอลลาร์จากกลุ่มอาชญากรรมระหว่างประเทศ นําโดยโจรมาเฟียจีนที่ดําเนินการตามแนวชายแดนกัมพูชา-ไทย

ทางการไทยตัดสินใจที่จะปราบโจรมาเฟียที่ป้อนระบอบฮุนเซน นี่คือเรื่องราวที่ทําให้ฮุนเซนเป็นห่วงและโกรธจนสับสนกับไทย

คนทรยศฮุนเซนไม่เคยคิดถึงชาติ เขาทําได้ทุกอย่างถ้าเขายังมีพลัง เขาตัดดินแดนเขมรตะวันออกของเราไปยังต่างประเทศ ซึ่งทําให้เขาเป็นผู้นํา ถ้าคุณรักชาติของคุณจริง คุณต้องรักทั้งตะวันตกและตะวันออก อย่าลืมตาข้างเดียว มองไปทางตะวันตกเท่านั้น ต้องเปิดตาข้างหนึ่ง มองไปทิศตะวันออก

ตำรวจไซเบอร์ 4 เดินหน้ากิจกรรมตามโครงการ Cyber C.A.T ( Cyber Childern Assistant Team ) คู่ขนาน เสริมพลัง 'Thai Cyber Ranger ไทยรู้ทันหลอก' ชวนคนไทย 'Strike Back' โต้กลับภัยคอลเซ็นเตอร์

เมื่อวันที่ (26 มิ.ย.68) เวลา 10.00 น. ตำรวจไซเบอร์ 4 นำโดย พล.ต.ต.กฤตัชญ์ บำรุงรัตนยศ ผบก.สอท.4 พร้อมด้วยข้าราชการตำรวจสังกัด บก.สอท.4 ได้จัดกิจกรรมประชาสัมพันธ์ให้ความรู้เกี่ยวกับภัยอาชญากรรมทางเทคโนโลยี ภายใต้โครงการหลัก 'Thai Cyber Ranger ไทยรู้ทันหลอก' ของ พล.ต.ท.ไตรรงค์ ผิวพรรณ ผบช.สอท.ซึ่งขับเคลื่อนพร้อมกันทั่วประเทศ

โดยโครงการ Cyber C.A.T ( Cyber Childern Assistant Team ) เป็นโครงการที่จัดทำขึ้น เพื่อประชาสัมพันธ์ แจ้งเตือน และให้ความรู้เกี่ยวกับภัยอาชญากรรมทางเทคโนโลยี ภายใต้แคมเปญ รีบโอนโจรยิ้ม แก่กลุ่มนักเรียน นักศึกษา ซึ่งเป็นเด็กและเยาวชน ที่เป็นเมล็ดพันธุ์ต้นกล้า ซึ่งถือว่าเป็นกำลังสำคัญ ในการส่งต่อความรู้สู่ชุมชนและสถานศึกษา เพื่อสร้างภูมิคุ้มกันทางดิจิทัลให้กับประชาชน และยกระดับการรับมือกับภัยไซเบอร์อย่างยั่งยืน โดยโครงการนี้ยังมุ่งเน้นการปลูกฝังจิตสำนึกแห่งความระมัดระวังในโลกออนไลน์ ส่งเสริมให้ประชาชนรู้จักตั้งข้อสงสัยเมื่อได้รับข้อความ โทรศัพท์ หรือการติดต่อจากบุคคลแปลกหน้า โดยเฉพาะผู้ที่แอบอ้างเป็นเจ้าหน้าที่รัฐ หน่วยงานทางกฎหมาย หรือสถาบันการเงิน

สำหรับครั้งนี้ ตำรวจไซเบอร์ 4 ได้จัดกิจกรรมในพื้นที่รับผิดชอบ พร้อมกันจำนวน 3 แห่ง ได้แก่ โรงเรียนดาราวิทยาลัย จว.เชียงใหม่ ห้างเซนทรัลสรรพสินค้า จว.พิษณุโลก และ โรงเรียนสรรพวิทยาคม จ.ตาก มีน้องๆนักเรียน นักศึกษา เข้าร่วมกิจกรรมกว่า 2,000 คน 

‘เอกนัฏ’ นำขุด!! ‘กากพิษ’ ซุกดินเกือบ 5 หมื่นตัน ลั่น!! โรงงานเถื่อน ทุนสีเทา อยู่ร่วมกันไม่ได้

(28 มิ.ย. 68) นายเอกนัฏ พร้อมพันธุ์ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงอุตสาหกรรม พร้อมด้วยนายณัฐพล รังสิตพล ปลัดกระทรวงอุตสาหกรรม นายพงศ์พล ยอดเมืองเจริญ เลขานุการรัฐมนตรีว่าการกระทรวงอุตสาหกรรม นางสาวฐิติภัสร์ โชติเดชาชัยนันต์ หัวหน้าคณะทำงานรัฐมนตรีว่าการกระทรวงอุตสาหกรรม และหัวหน้าชุดตรวจการณ์สุดซอย หรือ “ทีมสุดซอย” กระทรวงอุตสาหกรรม และเจ้าหน้าที่ที่เกี่ยวข้อง ลงพื้นที่ ต.หัวสำโรง อ.แปลงยาว จ.ฉะเชิงเทรา หลังได้รับร้องเรียนจากชาวบ้านในพื้นที่ หลังชาวบ้านร่วมกับกรมทรัพยากรน้ำบาดาลขุดสำรวจน้ำใต้ดิน แล้วพบของเหลวสีดำ ถุงบิ๊กแบ็คที่ใส่ขยะกากอุตสาหกรรม ส่งกลิ่นเหม็นรุนแรง สร้างผลกระทบกับสุขภาพและสภาพแวดล้อม

นายเอกนัฏ กล่าวว่า จากรายงานทราบว่าทางกรมทรัพยากรน้ำบาดาล ได้ดำเนินโครงการติดตามคุณภาพน้ำในพื้นที่ลักลอบทิ้งกากอุตสาหกรรม และจ.ฉะเชิงเทราเป็นพื้นที่เฝ้าระวัง จึงใช้วิธีการเจาะติดตั้งบ่อสังเกตการณ์ เผื่อว่าในอนาคตพื้นที่เฝ้าระวังมีปัญหาสารเคมีรั่วไหลออกมา ก็จะสามารถติดตามตรวจสอบได้ทันสถานการณ์ ซึ่งทางเจ้าหน้าที่ทราบว่าพื้นที่แห่งนี้เคยมีการลักลอบทิ้งกากอุตสาหกรรม จึงเลือกที่จะมาขุดสำรวจตรวจสอบว่าในปัจจุบันมีลักษณะเป็นอย่างไร

โดยในส่วนของกระทรวงอุตสาหกรรม เดิมที่ดินแห่งนี้ ทางอุตสาหกรรมจังหวัดฉะเชิงเทราและกรมโรงงานอุตสาหกรรมเคยดำเนินคดีกับเจ้าของที่ดินเกี่ยวกับการลักลอบทิ้งกากอุตสาหกรรมไปแล้วเมื่อปี 2565 หลังจากเกิดเหตุไฟไหม้ ทางกรมโรงงานอุตสาหกรรมจึงเข้ามาตรวจสอบ และพบกากอุตสาหกรรมหลายประเภท ทั้งมีการลักลอบฝัง และกองกากอุตสาหกรรมอันตรายปริมาณมากเอาไว้อย่างผิดกฎหมายจำนวนมาก จึงให้ดำเนินการกำจัดและ ขนย้ายออกนอกพื้นที่ 

“วันนี้ได้มาตรวจสอบเพิ่มเติมพบว่าภายในที่ดิน 11 ไร่แห่งนี้ ยังมีกากอุตสาหกรรมซ่อนอยู่จำนวนมาก ซึ่งกรมโรงงานฯ ได้ทำการคำนวณคร่าวๆ ว่าหากขุดลงไปไม่ต่ำกว่าสามเมตร อาจจะเจอกากอุตสาหกรรมซ่อนอยู่กว่า 47,399 ตัน ซึ่งจะทำการสอบสวนต่อไปว่าเหตุใดการกำจัดกากอุตสาหกรรมในที่ดินแห่งนี้จึงไม่เป็นไปตามคำสั่ง และจะทำการสอบสวนไปยังเจ้าหน้าที่ที่เกี่ยวข้องด้วยว่ามีส่วนรู้เห็นหรือละเว้นหรือไม่” นายเอกนัฏกล่าว

นายเอกนัฏ กล่าวเพิ่มเติมว่า เบื้องหลังของการขนย้ายลักลอบทิ้งกากอุตสาหกรรมนี้ คาดว่าเป็นการทำเป็นกระบวนการ ซึ่งต้องใช้ความร่วมมือกับกรมสอบสวนคดีพิเศษเนื่องจากมีความเชื่อมโยงและซับซ้อน ส่วนเจ้าของที่ดินก็ต้องถูกดำเนินคดี ตอนนี้ทางกระทรวงอุตสาหกรรมอยู่ในช่วงของการที่จะผลักดันกฎหมายฉบับใหม่คือ พรบ.จัดการกากอุตสาหกรรม เพื่อจัดระบบใหม่ จัดการช่องโหว่ทางกฎหมาย และการดำเนินคดีจะมีบทลงโทษที่รุนแรงขึ้น 

เพื่อจัดการกับธุรกิจสีเทาสีดําให้หมดไป และหลังจากนี้จะต้องขยายผลการเชื่อมโยงเส้นทางว่ามีการลักลอบขนย้าย นํากากอุตสาหกรรมจากพื้นที่อื่น มากองทิ้งไว้ที่นี่ด้วยหรือไม่ และมอบนโยบายกรมโรงงานอุตสาหกรรมออกประกาศกระทรวงอุตสาหกรรมเรื่องตั้งและขยายโรงงานรีไซเคิลทั่วประเทศ และสั่งชุดสุดซอยตรวจเข้มโรงงานรีไซเคิลทั้งหมดโดยเฉพาะในพื้นที่เศรษฐกิจอีอีซีที่มีการตั้งโรงงานหนาแน่น

เชียงใหม่-ท่าอากาศยานเชียงใหม่ผนึกกำลังหน่วยงานการแพทย์ ฝึกซ้อมเต็มรูปแบบรับมือเหตุการณ์อากาศยานประสบภัยขณะทำการบิน

เมื่อวานนี้ (27 มิ.ย.68) นาวาอากาศโท รณกร เฉลิมแสนยากร ผู้อำนวยการท่าอากาศยานเชียงใหม่ เป็นประธานเปิดการฝึกซ้อมเต็มรูปแบบตามแผนฉุกเฉิน ท่าอากาศยานเชียงใหม่ บทที่ 3 กรณีอากาศยานประสบภัยขณะทำการบิน (In-flight Emergencies) ประจำปี 2568 ภายใต้รหัสฝึกซ้อม CEMEX25 โดยมีผู้บริหาร หน่วยงานการแพทย์ทั้งภาครัฐและเอกชน ผู้แทนส่วนราชการ ผู้แทนสายการบิน ผู้ประกอบการ และหน่วยงานต่าง ๆ ที่เกี่ยวข้อง เข้าร่วมฝึกซ้อมและทบทวนขั้นตอนการปฏิบัติอย่างพร้อมเพรียง 

ทั้งนี้ได้รับการสนับสนุนอากาศยานของสายการบินไทยแอร์เอเชีย (Thai AirAsia) สำหรับใช้ในการจำลองสถานการณ์ เที่ยวบิน AV 619 ของสายการบิน AWA Airlines เส้นทางคุณหมิง – ภูเก็ต ประสบเหตุตกหลุมอากาศอย่างรุนแรงขณะทำการบิน และขอลงจอดฉุกเฉิน ณ ท่าอากาศยานเชียงใหม่ มีผู้โดยสารได้รับบาดเจ็บจำนวนมาก และมีผู้เสียชีวิต      

การฝึกซ้อมครั้งนี้มีเป้าหมายเพื่อบูรณาการและยกระดับระบบการแพทย์ฉุกเฉิน และการประสานงานระหว่างหน่วยงานภายในท่าอากาศยาน หน่วยแพทย์ฉุกเฉิน หน่วยกู้ภัย ตลอดจนหน่วยงานภายนอกที่เกี่ยวข้อง เพื่อให้สามารถรองรับสถานการณ์ฉุกเฉินได้อย่างสมบูรณ์และมีประสิทธิภาพ การเตรียมพร้อมล่วงหน้าจึงเป็นปัจจัยสำคัญในการลดความสูญเสีย และเพิ่มประสิทธิภาพในการช่วยเหลือได้อย่างทันท่วงที พร้อมรับเหตุฉุกเฉินซึ่งอาจเกิดขึ้นได้ทุกเมื่อ

นาวาอากาศโท รณกร กล่าวว่า “ความร่วมมือทางการแพทย์เป็นปัจจัยสำคัญในการจัดการเหตุฉุกเฉิน โดยเฉพาะในสถานการณ์ที่มีผู้บาดเจ็บจำนวนมาก การวางระบบร่วมกันตั้งแต่ต้นจะช่วยให้ทุกหน่วยงานประสานงานได้อย่างรวดเร็ว ลดความสูญเสีย และเพิ่มประสิทธิภาพในการช่วยชีวิตอย่างแท้จริง”

ปัจจุบัน ท่าอากาศยานเชียงใหม่ให้บริการเฉลี่ย 147 เที่ยวบินต่อวัน รองรับผู้โดยสารกว่า 21,000 คนต่อวัน และมีแนวโน้มการเติบโตของเที่ยวบินระหว่างประเทศในช่วงฤดูกาลท่องเที่ยว โดยเฉพาะจากประเทศเกาหลีใต้และจีน ซึ่งยิ่งตอกย้ำความจำเป็นของระบบฉุกเฉินที่พร้อมใช้งานในทุกสถานการณ์ ท่าอากาศยานเชียงใหม่ขอยืนยันความมุ่งมั่นในการยกระดับมาตรฐานความปลอดภัย และสร้างความเชื่อมั่นแก่ผู้โดยสารทุกคน ด้วยระบบจัดการเหตุฉุกเฉินที่ครอบคลุมและทันสมัย ภายใต้แนวคิด “ใส่ใจความปลอดภัย ดูแลคุณด้วยมาตรฐานมืออาชีพ”

‘กฟผ. – ภูฏาน’ ต่อยอดความร่วมมือด้านพลังงานสะอาด เดินหน้าพัฒนา!! สู่ความมั่นคง และยั่งยืน ระดับภูมิภาค

(28 มิ.ย. 68) นายเทพรัตน์ เทพพิทักษ์ ผู้ว่าการการไฟฟ้าฝ่ายผลิตแห่งประเทศไทย (กฟผ.) พร้อมด้วยคณะผู้บริหารร่วมแลกเปลี่ยนองค์ความรู้ด้านพลังงานระหว่าง กฟผ. และภูฏาน ซึ่งนำโดย ฯพณฯ เก็ม เชอริ่ง (H.E. Lyonpo Gem Tshering) รัฐมนตรีว่าการกระทรวงพลังงานและทรัพยากรธรรมชาติราชอาณาจักรภูฏาน พร้อมด้วยดาโช ชว๊อง รินจิน (Dasho Chhewang Rinzin) กรรมการผู้จัดการ Druk Green Power Corporation Limited (DGPC) และนายโซนัม ท็อปเจ (Mr. Sonam Tobjey) ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร Bhutan Power Corporation Limited (BPC) เพื่อกระชับความร่วมมือในการพัฒนาพลังงานอย่างยั่งยืน เมื่อวันที่ 18 – 20 มิถุนายน ที่ผ่านมา ณ กรุงทิมพู ราชอาณาจักรภูฏาน

นายเทพรัตน์ เทพพิทักษ์ ผู้ว่าการ กฟผ. เผยว่า กฟผ. และภูฏาน มุ่งมั่นยกระดับความร่วมมือด้านพลังงานของทั้งสองประเทศให้มีความมั่นคงและยั่งยืนซึ่งดำเนินการต่อเนื่องมานานกว่า 20 ปี โดยคณะทำงานร่วมระหว่าง กฟผ. และ BPC ซึ่งเป็นการดำเนินงานภายใต้บันทึกข้อตกลงความร่วมมือ (Joint Working Committee–JWC) ร่วมประชุมกำหนดแผนงานในการแลกเปลี่ยนองค์ความรู้และประสบการณ์ด้านพลังงาน อาทิ การก่อสร้างระบบส่งและสถานีไฟฟ้าแรงสูง การบำรุงรักษาระบบส่งและสถานีไฟฟ้าแรงสูง ตลอดจนการขับเคลื่อนการเปลี่ยนผ่านด้านพลังงาน โดยครอบคลุมทั้งโครงสร้างพื้นฐานของสถานีชาร์จรถยนต์ไฟฟ้า (EV) และเทคโนโลยีพลังงานหมุนเวียน ซึ่งเป็นองค์ประกอบสำคัญในการพัฒนาระบบพลังงานอย่างยั่งยืนในระดับภูมิภาค รวมถึงการแสวงหาโอกาสธุรกิจใหม่ ๆ ร่วมกับบริษัทในกลุ่ม กฟผ. อาทิ การลงทุนสถานีชาร์จ EV และพัฒนาโรงไฟฟ้าพลังน้ำใหม่ ๆ เพิ่มเติม

นอกจากนี้ กฟผ. และ DGPC ได้ร่วมลงนามต่ออายุบันทึกความเข้าใจ (MOU) ด้านเทคนิควิชาการพลังน้ำ ซึ่งเป็นการต่ออายุครั้งที่ 5 เพื่อแลกเปลี่ยนองค์ความรู้และประสบการณ์ด้านพลังน้ำซึ่งเป็นทรัพยากรหลักของภูฏาน ทั้งการฝึกอบรมเพิ่มศักยภาพและแลกเปลี่ยนบุคลากรเพื่อยกระดับประสิทธิภาพการดำเนินงานของทั้งสองประเทศและเสริมสร้างความมั่นคงด้านพลังงานในระยะยาว 

เอ็มจี เดินหน้าทดสอบซอฟต์แวร์ NEW MG IM6 ติดตั้ง!! ระบบตรวจจับความละเอียด ADAS

(28 มิ.ย. 68) บริษัท เอสเอไอซี มอเตอร์ – ซีพี จำกัด และ บริษัท เอ็มจี เซลส์ (ประเทศไทย) จำกัด ผู้ผลิตและผู้จำหน่ายรถยนต์เอ็มจีในประเทศไทยเดินหน้าทดสอบฟังก์ชันสำคัญอย่างเข้มข้น เพื่อเตรียมพร้อมสำหรับการอัปเกรดระบบซอฟต์แวร์ครั้งสำคัญของ 'NEW MG IM6' ที่มีกำหนดเปิดตัวภายในเดือนกันยายนนี้ โดยการอัปเกรดดังกล่าวจะเป็นตัวยกระดับฟังก์ชันของรถยนต์ไฟฟ้าคันนี้ให้ก้าวล้ำไปอีกขั้น ตอบโจทย์การเป็น “Premium Intelligent e-SUV” อย่างเต็มรูปแบบ

NEW MG IM6 ได้รับการดูแลโดยทีม Product Engineer จาก IM Motors ประเทศจีนและ SAIC MOTOR-CP โดยได้ติดตั้งอุปกรณ์เฉพาะสำหรับทดสอบระบบช่วยขับขี่อัจฉริยะ (ADAS) และระบบบันทึกข้อมูล (Data Recorder) เพื่อดำเนินการทดสอบภายใต้สภาพแวดล้อมจริงในประเทศไทย การทดสอบครั้งนี้ครอบคลุมการปรับปรุงระบบสั่งการอัจฉริยะ หรือ IM OS และฟังก์ชันการเชื่อมต่ออัจฉริยะให้มีประสิทธิภาพสูงยิ่งขึ้นกว่าช่วงเปิดตัว โดยรวบรวมความคิดเห็นและข้อเสนอแนะจากผู้ใช้งาน ทั้งด้านการพัฒนาระบบเดิม และความต้องการฟีเจอร์ใหม่ที่ตอบโจทย์การใช้งานจริงในชีวิตประจำวันโดยได้มีการทดสอบเบื้องต้นตามหัวข้อหลัก ดังนี้ 
1. Advanced Driver Assistance System (ADAS) ระบบช่วยขับขี่อัจฉริยะที่ตรวจจับสภาพถนนและป้ายจราจรในประเทศไทย เสริมความเสถียรในการควบคุมรถ และลดความเสี่ยงในการเกิดอุบัติเหตุ
2. Intelligent Computing Domain ระบบประมวลผลอัจฉริยะที่ครอบคลุมการทำงานของระบบข้อมูลและความบันเทิงภายในรถ (Infotainment & Entertainment System)
3. Overall Engineering Performance Function ฟังก์ชันการทำงานด้านสมรรถนะทางวิศวกรรมโดยรวม

นายพงษ์ศักดิ์ เลิศฤดีวัฒนวงศ์ รองกรรมการผู้จัดการ บริษัท เอ็มจี เซลส์ (ประเทศไทย) จำกัด กล่าวว่า “การอัปเกรดซอฟต์แวร์ของ NEW MG IM6 ในเดือนกันยายนนี้ ถือเป็นก้าวสำคัญของ เอ็มจี ในการเปลี่ยนผ่านจากรถยนต์ทั่วไปสู่ ‘รถยนต์ที่พัฒนาได้อย่างต่อเนื่อง’ ผ่านระบบซอฟต์แวร์อัจฉริยะ ซึ่งจะช่วยยกระดับสมรรถนะโดยรวม พร้อมเพิ่มความแม่นยำ และการตอบสนองที่รวดเร็ว ตรงกับพฤติกรรมผู้ขับขี่มากยิ่งขึ้น สำหรับการทดสอบระบบในครั้งนี้ เอ็มจีถือเป็นหนึ่งในแบรนด์แรก ๆ และอาจเป็นเพียงแบรนด์เดียวที่ดำเนินการทดสอบระบบในลักษณะนี้อย่างจริงจัง สำหรับ NEW MG IM6 ถือเป็น The First-ever Premium intelligent e-SUV จากเอ็มจี ที่มาพร้อมระบบสั่งการอัจฉริยะ IM OS โดยได้รับการสนับสนุนอย่างใกล้ชิดจากบริษัทแม่ในประเทศจีน เพื่อให้รถยนต์รุ่นนี้ตอบโจทย์ความเป็นพรีเมียมอีวีอย่างสมบูรณ์แบบ”

ณ ปัจจุบัน เอ็มจี ได้ส่งมอบรถให้แก่ลูกค้ากลุ่มแรกแล้วกว่า 1,000 คัน โดยจุดเด่นที่ทำให้รถรุ่นนี้โดดเด่นเหนือคู่แข่งในตลาด คือ ระบบบังคับเลี้ยว 4 ล้ออัจฉริยะ (Intelligent Four-Wheel Steering System) ที่ช่วยให้การเปลี่ยนเลนในความเร็วสูงเสถียรและการกลับรถในที่แคบได้อย่างง่ายดาย อีกทั้งยังมีระบบช่วงล่างถุงลมอัจฉริยะ (Intelligent Air Suspension) ที่ไม่เพียงแต่ช่วยลดแรงกระแทกต่อพื้นถนนถึงห้องโดยสาร แต่ยังสามารถปรับระดับความสูงของช่วงล่างได้ถึง 3 ระดับ ตามลักษณะการขับขี่เพื่อเพิ่มความสะดวกสบายและความมั่นคงในทุกการเดินทาง 

รวมถึงระบบ One Touch iAD ที่ช่วยในการถอยจอดด้านข้าง (One Touch Side Parking) การจอดและออกจากช่องจอดรถในพื้นที่จำกัด (One Touch Escape) และการถอยหลังอัตโนมัติเมื่อขับเจอซอยตัน (One Touch Reverse) สะดวกสบายด้วยฟังก์ชัน Crab Mode เพื่อปรับมุมทั้ง 4 ล้อ ในมุมเดียวกันเพื่อทำการเคลื่อนรถออกจากพื้นที่จำกัด นอกจากนี้ NEW MG IM6 ยังมาพร้อมระบบระบายความร้อน Cooling System เจเนอเรชันใหม่ ที่สามารถลดอุณหภูมิได้ถึง 15 องศาเซลเซียส ภายในเวลาเพียง 30 วินาที พร้อมขับเคลื่อนด้วยสถาปัตยกรรม 800V Dual SiC Platform ที่ช่วยให้ชาร์จไฟได้เร็วที่สุดในคลาสเดียวกัน และมั่นใจยิ่งขึ้นด้วยการรับประกันแบตเตอรี่ มอเตอร์ขับเคลื่อน และชุดควบคุมมอเตอร์ตลอดอายุการใช้งาน (LIFETIME WARRANTY) เพื่อมอบประสบการณ์การใช้รถไฟฟ้าที่เหนือระดับและไร้กังวล

สอบถามข้อมูลเพิ่มเติมได้ที่ศูนย์ลูกค้าสัมพันธ์ MG CALL CENTRE โทร. 1267 และสามารถติดตามข้อมูลข่าวสารเพิ่มเติมของ เอ็มจี ได้ที่ 

Website: www.mgcars.com 
Line: @MGThailand
Facebook: www.facebook.com/MGcarsThailand
Twitter: @mg_thailand
Instagram: @mgthailand
Youtube: MG Thailand
TikTok: @mgthailand
Application: MG Thailand

‘ก.พลังงานฯ กัมพูชา’ ออกแถลงการณ์ ยัน!! ไม่ได้นำเข้าไฟฟ้าจากไทยแล้ว

(28 มิ.ย. 68) กระทรวงเหมืองแร่และพลังงานของกัมพูชา ออกแถลงการณ์ปฏิเสธรายงานที่ระบุว่า กัมพูชายังคงซื้อไฟฟ้าจากประเทศไทยผ่านจุดเชื่อมต่อโครงข่ายไฟฟ้า 6 จุด

แถลงการณ์ระบุว่า เพื่อชี้แจงสถานการณ์ กระทรวงเหมืองแร่และพลังงานขอยืนยันว่า กัมพูชาไม่ได้มีการนำเข้าไฟฟ้าจากประเทศไทยแต่อย่างใด

ทั้งนี้ กัมพูชาได้ตัดการเชื่อมต่ออินเทอร์เน็ตและไฟฟ้าจากฝั่งไทยตั้งแต่วันที่ 13 มิ.ย.


© Copyright 2021, All rights reserved. THE STATES TIMES
Take Me Top