Friday, 19 April 2024
NEWS

ศรชล.ภาค 1 ส่งเรือ ต.266 รับลูกเรือสินค้าชาวอินเดีย มีอาการสโตคและอัมพาตทั้งตัว กลางทะเลเข้ารักษาบนฝั่ง

เมื่อเวลา 00.30 น.วันที่ 10 เม.ย.67 ศรชล.ภาค 1 ส่ง เรือ ต.266 พร้อมชุดปฏิบัติการแพทย์ฉุกเฉินทางทะเล ทรภ.1 รพ.อาภากรเกียรติวงศ์ ฐานทัพเรือสัตหีบ รับนายนันเดส ทอมสัน สัญชาติอินเดีย อายุ 48 ปี ลูกเรือสินค้า ชื่อเรือ seagalaxy ประเภทเรือ tanker ส่งเข้ารับการรักษาต่อยัง รพ.กรุงเทพพัทยา ได้อย่างปลอดภัย สืบเนื่องจาก เมื่อเวลา 19.50 วันที่ 9 เม.ย.67 ศปก.ศรชล.ภาค 1 ได้รับแจ้งจาก สายด่วน 1465 ว่ามีเรือสินค้าชื่อเรือ seagalaxy ประเภทเรือ tanker มีคนป่วย ชื่อ นาย เฟอร์นันเดส ทอมสัน สัญชาติอินเดีย อายุ 48 ปี มีอาการสโตค และอัมพาตทั้งตัว แต่ยังมีสติ โดยได้จอดเรือลอยลำอยู่กลางทะเลอ่าวไทย ห่างจาก เขาแหลมปู่เจ้า อ.สัตหีบ จ.ชลบุรี ระยะ 25 ไมล์ ศปก.ศรชล.ภาค 1 ได้ประสาน ศปก.ทรภ.1 ขอรับการสนับสนุน เรือ ต.266 พร้อมจัดชุดปฏิบัติการแพทย์ฉุกเฉินทางทะเล ทรภ.1 รพ.อาภากรเกียรติวงศ์ ฐานทัพเรือสัตหีบ ลง เรือ ต.266 ออกจาก ท่าเรือแหลมเทียน การท่าเรือสัตหีบ ฐานทัพเรือสัตหีบ (ทลท.กทส.ฐท.สส.) เมื่อเวลา 21.15 น. เข้ารับลูกเรือที่เจ็บป่วย ณ จุดนัดพบกลางทะเลกลับเข้าสู่ฝั่ง ณ ท่าเรือแหลมเทียน การท่าเรือสัตหีบ ฐานทัพเรือสัตหีบ และส่งผู้ป่วยเข้ารับการรักษาพยาบาลต่อ ณ รพ.กรุงเทพพัทยา อ.บางละมุง จ.ชลบุรี ต่อไป

นิราช/นันทพล ทิพย์ศรี ชลบุรี 0909535645

ไม่จบ!! 'กรมศิลป์ฯ' ประกาศพื้นที่สถานีอยุธยาเป็น 'โบราณสถาน' เกมวางหมากขวางที่สุดท้าย 'ประชาชน' เสียประโยชน์ทุกมุม

(12 เม.ย. 67) เพจเฟซบุ๊ก ‘โครงสร้างพื้นฐาน ประเทศไทย Thailand Infrastructure’ โพสต์ข้อความหัวข้อ ‘กรมศิลป์ฯ ประกาศพื้นที่สถานีอยุธยาโบราณสถาน ตอนนี้??’ โดยระบุว่า…

“ค้านจนสงสัย… ตั้งแต่อ้างมรดกโลก ขอทำ HIA ทำครบทุกอย่าง แต่มาประกาศโบราณสถาน!!!

เมื่อสัปดาห์ที่ผ่านมา เป็นเห็นประกาศพื้นที่โบราณสถานของกรมศิลป์ฯ ในพื้นที่อาคารสถานีอยุธยา ซึ่งปัจจุบันทุกคนก็รู้แล้วจะจะเป็นพื้นที่ก่อสร้าง สถานีรถไฟความเร็วสูงอยุธยา ที่คุยกันมา กว่า 2 ปีแล้ว!!! 

ซึ่งที่ผ่านมา กรมศิลป์ฯ และนักอนุรักษ์ ต่าง ๆ ก็แวะเวียนกันมา ยกประเด็นที่อ้างถึงเพื่อให้แก้ไขเส้นทาง หรือย้ายตำแหน่งสถานี ได้แก่

- มีการคัดค้านการแก้ไข EIA โครงการรถไฟความเร็วสูง ที่เคยผ่านไปแล้วตั้งแต่ปี 2562

- การแจ้งข้อกังวลของ UNESCO ในผลกระทบจากตัวมรดกโลก ซึ่งก็ขอให้ทำ HIA เพื่อลดผลกระทบต่อพื้นที่มรดกโลก (ซึ่งห่างกว่า 1.5 กิโลเมตรจากตัวสถานี) ซึ่งปัจจุบัน HIA ก็เสร็จแล้ว ส่งให้กรมศิลป์ฯ ตรวจ (แต่ก็ยังไม่ส่งต่อให้ UNESCO พิจารณา)

- คัดค้านทางวิ่งยกระดับ ที่ผ่านเส้นทางรถไฟในปัจจุบัน อ้างว่าบดบังทรรศนะวิสัย ซึ่งระบุให้ทำการจำลองใน HIA

- การสร้างกระแส #Saveอโยธยา จากนักอนุรักษ์บางกลุ่ม และบอกว่าพื้นที่สถานีอยุธยาปัจจุบันคือเมืองเก่าอโยธยา ในยุคทวารวดี แต่ถึงปัจจุบันก็ยังไม่มีการขุดค้นอย่างเป็นทางการ และก็ไม่มีคำตอบว่า ถ้าจะขุดค้นจะทำอย่างไร จะไล่ที่ประชาชนที่อยู่ปัจจุบันออกเหรอ???

- สร้างกระแสผลกระทบกับชุมชนหน้าสถานีรถไฟอยุธยา ที่ต้องย้ายออก แต่ก็ไม่ได้พูดว่า นั่นเป็นที่ดินรถไฟมาตั้งแต่แรก ซึ่งคนเหล่านั้นมาเช่าที่ดินอยู่เพื่อใช้ประโยชน์

ล่าสุด!!! กรมศิลป์ฯ ได้ประกาศพื้นที่อนุรักษ์บนพื้นที่อาคารสถานีอยุธยา ซึ่งครอบคลุมตั้งแต่ถนนฝั่งตรงข้ามตัวอาคารสถานี ไปจนถึงชานชาลา 1 ริมทางรถไฟ ซึ่งการทำแบบนี้ก็เท่ากับว่า ตั้งใจจะวางหมากเพื่อให้สถานีรถไฟความเร็วสูงอยุธยาก่อสร้างได้ยาก และติดปัญหาที่ต้องมาเคลียร์กับ กรมศิลป์ ต่อในอนาคตอีก…

ขอให้ข้อมูลเพิ่มเติมกับตัวอาคารสถานีอยุธยาในปัจจุบัน หน่อย 

ซึ่งหลายๆ คนบอกว่าเป็นอาคารสถานีที่ สร้างสมัย ร.5 ตั้งแต่การเดินรถไฟครั้งแรกในปี พ.ศ.2434 ซึ่งไม่จริง!!!

อาคารสถานีเดิมเป็นอาคารไม้ ซึ่งสร้างใหม่เป็นอาคารคอนกรีต ในสมัย ร.6 ซึ่งเปิดใช้ในปี พ.ศ.2464 

แต่อย่างไรก็ตาม อาคารสถานีก็มีการปรับปรุงเปลี่ยนแปลงตามยุคสมัย เนื่องจากเป็นพื้นที่สาธารณะ ซึ่งมีการใช้ปริมาณมากในแต่ละวัน ซึ่งก็ปรับปรุงภายในไปพอสมควร 

และก็ไม่ใช่เรื่องที่แปลกเลย ที่จะมีการปรับปรุงสถานีเก่าให้อยู่ร่วมกับ โครงสร้างใหม่ เพื่อมาขยายการพัฒนาด้านระบบราง ซึ่งมีตัวอย่างจากทั่วโลก

ซึ่งจากที่เล่ามาทั้งหมด ผมก็อยากทราบว่า กรมศิลป์ฯ และนักอนุรักษ์ มีจุดประสงค์ต้องการทำไปเพื่ออะไร…. อยากให้ย้าย หรือ อยากจะให้โครงการช้าไปถึงไหน!!!

จากการคัดค้านอย่างต่อเนื่อง จนสงสัยว่า หน่วยงานมีปัญหาอะไรกับรถไฟความเร็วสูงกันแน่!!!

แต่ไม่เป็นไร ต่อให้กรมศิลป์ฯ ประกาศเป็นพื้นที่อนุรักษ์ แต่ตัวอาคารก็ไม่ได้ไปรื้อย้าย หรือกระทบอะไรกับตัวอาคารอยู่แล้ว เพียงแต่ตัวอาคารสถานีรถไฟความเร็วสูง คร่อมทับบางส่วนของตัวอาคารสถานีรถไฟอยุธยาไปเท่านั้น!!!

ผมขอร้องเถอะครับ กรมศิลป์ฯ ก็เป็นหน่วยงานภายใต้รัฐบาลไทย ช่วยทำงานคุยกัน เพื่อให้โครงการมันราบรื่นหน่อยเถอะครับ ไม่ใช่มาวางหมากขวางกันไปมา สุดท้าย “ประชาชน” เป็นคนที่เสียประโยชน์จากเรื่องนี้ในทุกมุม!!!

ผมขอฝากรัฐบาลไปช่วยเป็นตัวกลางช่วยคุยให้เรื่องมันจบซักทีเถอะครับ
พรรคเพื่อไทย เศรษฐา ทวีสิน - Srettha Thavisin

ลิงก์ ข้อมูลเพิ่มเติม เกี่ยวกับสถานีรถไฟอยุธยา 
สถานีอยุธยา VS กรมศิลป์ฯ ตามลิงก์นี้
https://www.facebook.com/491766874595130/posts/1201611603610650/

การทำ HIA ตามที่กรมศิลป์ฯ และ UNESCO ต้องการ ตามลิงก์นี้
https://www.facebook.com/491766874595130/posts/1202420353529775/?d=n

การเปรียบเทียบ โครงการอื่นที่ใกล้มรดกโลก จากทั่วโลก
https://www.facebook.com/491766874595130/posts/1286300595141750/?mibextid=BfDkjB

ลิงก์คลิปชี้แจงรายละเอียด สถานีอยุธยา โดยกรมการขนส่งทางราง
https://youtu.be/iiCPwh7vFDM

สรุปรายละเอียดโครงการรถไฟความเร็วสูงกรุงเทพ-โคราช
https://www.facebook.com/491766874595130/posts/949437542161392/?d=n

การพัฒนาสถานีรถไฟความเร็วสูงอยุธยา อยู่ที่เดิม คนอยุธยาจะได้อะไร???

เปลี่ยน mode การเดินทาง จากรถ สู่เดิน!!! อนาคตยกระดับสู่ ถนนคนเดิน Historical Walk Way เทียบเท่า ญี่ปุ่น!!!
https://www.facebook.com/100067967885448/posts/649456317329959/?mibextid=cr9u03

'สุริยะ' สั่งหยุดก่อสร้างชั่วคราว-คืนผิวจราจร ถนนพระราม 2 พร้อมเปิดช่องทางพิเศษรองรับการเดินทางช่วงสงกรานต์

เมื่อวานนี้ (11 เม.ย. 67) นายสุริยะ จึงรุ่งเรืองกิจ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงคมนาคม เปิดเผยหลังจากได้ลงพื้นที่บริเวณทางหลวงแผ่นดินหมายเลข 35 (ถนนพระราม 2) ตรวจสภาพการจราจร และความพร้อมในการอำนวยความสะดวกปลอดภัย รองรับการเดินทางของประชาชนในช่วงเทศกาลสงกรานต์ 2567 ณ ศูนย์บริหารการจราจรระหว่างการก่อสร้างโครงการก่อสร้างทางยกระดับ ช่วงบางขุนเทียน - เอกชัย - บ้านแพ้ว 

ทั้งนี้ ในช่วงเทศกาลสงกรานต์ 2567 ระหว่างวันที่ 11 - 17 เมษายน 2567 นายสุริยะ ได้สั่งการให้หน่วยงานในสังกัดกระทรวงคมนาคม เตรียมความพร้อมอำนวยความสะดวก และปลอดภัยในการเดินทางให้กับประชาชนและนักท่องเที่ยว ทั้งทางบก ทางน้ำ ทางราง และทางอากาศ

นายสุริยะ กล่าวต่ออีกด้วยว่า ในส่วนของถนนพระราม 2 นับเป็นเส้นทางทางหลวงที่มีการจราจรหนาแน่น เนื่องจากเป็นเส้นทางสายหลักที่ประชาชนใช้ในการเดินทางไปสู่ภาคใต้ ซึ่ง กรมทางหลวง ได้ตระหนักถึงความสะดวกและความปลอดภัยในการเดินทางของประชาชน โดยได้กำหนดแผนบริหารการจราจรในช่วงเทศกาลสงกรานต์อย่างเป็นระบบ และได้บูรณาการร่วมกันกับหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง เพื่อสร้างความมั่นใจในการเดินทางของพี่น้องประชาชน ที่ใช้เส้นทางบนถนนพระราม 2 

นอกจากนี้ ได้จัดเตรียมเจ้าหน้าที่ เครื่องจักร และอุปกรณ์ต่าง ๆ ในการอำนวยความสะดวกและความปลอดภัยแก่ประชาชนอย่างเต็มกำลังตลอดเทศกาลสงกรานต์ 2567 อาทิ คืนพื้นผิวจราจรบนถนนพระราม 2 ที่มีการก่อสร้างทั้งหมด พร้อมให้หยุดการก่อสร้างชั่วคราว เพื่ออำนวยความสะดวกประชาชน ขณะเดียวกัน ยังได้ประสานงานร่วมกับตำรวจทางหลวงในการเปิดช่องทางพิเศษ (REVERSIBLE LANE) ในกรณีที่การจราจรคับคั่ง เพื่อระบายการจราจรให้คล่องตัวด้วย

“ในช่วงเทศกาลสงกรานต์ 2567 ผมขอให้พี่น้องประชาชนทุกคนมีความสุข และหวังว่าทุก ๆ ท่าน เดินทางกลับภูมิลำเนาโดยสวัสดิภาพ หรือเดินทางท่องเที่ยวไปยังจุดหมายปลายทางต่าง ๆ ได้อย่างสะดวก รวดเร็ว ปลอดภัย และไร้อุบัติเหตุ” นายสุริยะ กล่าว

'ดีอี - ตำรวจไซเบอร์' ทลายเว็บพนันออนไลน์ เงินหมุนเวียนกว่า 5,000 ล้านบาทต่อปี พร้อมรวบบริษัทบัญชีม้า สร้างความเสียหายนับพันล้านบาท

10 เมษายน 2567 นายประเสริฐ จันทรรวงทอง รัฐมนตรีว่าการกระทรวงดิจิทัลเพื่อเศรษฐกิจ
และสังคม (ดีอี) พร้อมด้วย สำนักงานตำรวจแห่งชาติ นำโดย พล.ต.อ.กิตติ์รัฐ พันธุ์เพ็ชร์ รักษาการราชการแทน ผบ.ตร., พล.ต.อ.ธนา ชูวงศ์ รอง ผบ.ตร., พล.ต.ท.ธัชชัย ปิตะนีละบุตร ผู้ช่วย ผบ.ตร., พล.ต.ท.สำราญ นวลมา ผู้ช่วย ผบ.ตร., พล.ต.ท.วรวัฒน์ วัฒน์นครบัญชา ผบช.สอท., พล.ต.ต นิเวศน์ อาภาวศิน รอง ผบช.สอท., พล.ต.ต.มนเทียร พันธ์อิ่ม รอง ผบช.ฯ ช่วยราชการ บช.สอท., พล.ต.ต.ชัชปัณฑกาณฑ์ คล้ายคลึง ผบก.สอท.1, พล.ต.ต.นิพล บุญเกิด ผบก.สอท.2 และ พล.ต.ต.ภูมิพัฒน์ ภัทรศรีวงษ์ชัย ผบก.สอท.5 พร้อมผู้เกี่ยวข้องร่วมแถลงผลการจับกุม “ปฏิบัติการ Cyber Strike” ใน 2 ปฏิบัติการ 

1. ทลายบริษัทบัญชีม้าที่สร้างความเสียหายนับพันล้านบาท โดยตำรวจไซเบอร์ได้รับข้อมูลจากระบบแจ้งความออนไลน์ www.thaipoliceonline.go.th ว่าคนร้ายหันมาใช้บัญชีธนาคารในชื่อนิติบุคคลในรูปแบบบริษัท และห้างหุ้นส่วนจำกัด ทำให้เหยื่อหลงเชื่อและเกิดความไว้ใจว่าไม่น่าจะเป็นบัญชีธนาคารของกลุ่มมิจฉาชีพ และได้เข้าตรวจสอบ พบผู้เสียหายจำนวน 153 ราย (เคสไอดี) มีมูลค่าความเสียหายจำนวนทั้งสิ้น 897,253,861 บาท และมีผู้เสียหายที่ยังไม่ได้เข้าแจ้งความดำเนินคดีอีกเป็นจำนวนมาก ซึ่งรวมมูลค่าความเสียหายแล้วนับพันล้านบาท จนสามารถรวบรวมพยานหลักฐานขออำนาจศาลออกหมายจับผู้กระทำผิดที่เกี่ยวข้องได้จำนวน 19 ราย กระจายกำลังเข้าตรวจค้นพื้นที่ บจก. และ หจก. จำนวน 43 จุดทั่วประเทศ อาทิพื้นที่ กทม. ปทุมธานี สมุทรปราการ อ่างทอง สุพรรณบุรี ราชบุรี ชลบุรี ปราจีนบุรี พิษณุโลก ขอนแก่น เป็นต้น และสามารถจับกุมผู้ต้องหาได้จำนวน 12 ราย พร้อมส่งดำเนินการตามกฎหมายในข้อหา “ร่วมกันฉ้อโกงโดยแสดงตนเป็นคนอื่น และร่วมกันนำเข้าสู่ระบบคอมพิวเตอร์ซึ่งข้อมูลคอมพิวเตอร์อันเป็นเท็จ โดยปราการที่น่าจะเกิดความเสียหายแก่ประชาชน หรือเปิดหรือยินยอมให้บุคคลอื่นใช้บัญชีเงินฝาก บัตรอิเล็กทรอนิกส์หรือบัญชีเงินอิเล็กทรอนิกส์ของตนโดยไม่ได้มีเจตนาใช้เพื่อตนหรือเพื่อกิจการที่ตนเกี่ยวข้อง โดยประการที่รู้หรือควรรู้ว่าจะนำไปใช้ในการกระทำความผิดเกี่ยวกับอาชญากรรมทางเทคโนโลยี หรือความผิดทางอาญาอื่นใด

2. ทลายเว็บพนันออนไลน์ huayland.net พร้อมเครือข่ายที่เกี่ยวข้อง พบยอดเงินหมุนเวียนกว่า 5,000 ล้านบาทต่อปี สามารถยึดของกลางและทรัพย์สินมูลค่ากว่า 500 ล้านบาท โดยได้สืบสวนทราบว่า มีผู้กระทำความผิดที่เกี่ยวข้องกับการจัดให้มีการเล่นพนันออนไลน์ผ่านระบบอินเทอร์เน็ตเครือข่าย “หวยแลนด์” พบเว็บไซต์ที่เกี่ยวข้องจำนวน 9 เครือข่าย ได้แก่ 1.jaywii , 2.jaywiiplus , 3.jay1000 , 4.Ih69 , 5.rachahuay , 6.huayland , 7.kerry899 , 8.linetang88 และ 9.huay1plus ซึ่งมีสมาชิกผู้เล่นกว่า 59,000 คน ต่อมาได้มีการขออนุมัติหมายจับผู้กระทำความผิดที่เกี่ยวข้องรวม 29 ราย และกระจายกำลังเข้าตรวจค้นพื้นที่เป้าหายจำนวน 17 จุด ได้แก่ กรุงเทพมหานคร จำนวน 13 จุด, จ.ชุมพร จำนวน 3 จุด และ จ.กาญจนบุรี จำนวน 1 จุด จากการกระจายกำลังเข้าตรวจค้นทั้ง 17 จุด สามารถออกหมายจับผู้ต้องหาได้รวมทั้งสิ้น 17 ราย และสามารถจับกุมผู้ต้องหาได้ทั้งหมด นอกจากนี้ยังได้ตรวจยึดของกลางและทรัพย์สินที่เกี่ยวข้องอีกจำนวนมาก เช่น เงินสด 47 ล้านบาท อายัดเงินในบัญชีธนาคารกว่า 20 ล้านบาท นาฬิกาหรู (Patek Philippe, Rolex, TAG Huer) จำนวน 6 เรือน โฉนดที่ดิน 26 ชุด รถยนต์ Porsche Cayenne จำนวน 1 คัน เป็นต้น 

“ตามนโยบายของรัฐบาล โดย นายเศรษฐา ทวีสิน นายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลัง ได้ให้ความสำคัญและเร่งรัดกับการปราบปรามความผิดที่เกี่ยวข้องกับแก๊งคอลเซ็นเตอร์และเว็บพนันออนไลน์ ที่หลอกลวงเหยื่อในรูปแบบต่างๆ ทำให้ประชาชนสูญเสียทรัพย์สินไปเป็นจำนวนมาก และได้สั่งการให้กระทรวงดีอี  สตช. และหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง ให้มีผลชัดเจนใน 30 วัน ซึ่งกระทรวงดีอีได้มีการผนึกกำลังหลายภาคส่วน และเร่งดำเนินการการทำงานให้มีความเข้มข้นมากยิ่งขึ้น” รัฐมนตรีว่าการกระทรวงดิจิทัลเพื่อเศรษฐกิจและสังคมกล่าว

ทั้งนี้ กระทรวงดีอี ให้ความสำคัญกับการปราบปรามอาชญากรรมทางเทคโนโลยี ซึ่งเป็นนโยบายหลักที่รัฐบาลให้ความสำคัญ โดยได้ร่วมมือกับสำนักงานตำรวจแห่งชาติ หน่วยงานที่เกี่ยวข้อง รวมทั้งสนับสนุนให้มีการแลกเปลี่ยนข้อมูลข่าวสารด้านความมั่นคงระหว่างประเทศเพื่อนบ้าน โดยเฉพาะปัญหาอาชญากรรมข้ามชาติบริเวณชายแดน ในการดำเนินการขยายผลจับกุมทลายแก๊งคอลเซ็นเตอร์ เว็บพนันออนไลน์ ซิมผี บัญชีม้า โดย บช.สอท. ได้แจ้งให้ กระทรวงดีอีดำเนินการปิดเว็บพนันออนไลน์ในช่วงระหว่างวันที่ 1 - 9 เม.ย. 67 จำนวน 7,612 URLs และตั้งแต่ 1 ต.ค. 66 - 9 เม.ย. 67 กระทรวงดีอีดำเนินการปิดกั้นเว็บไซต์ผิดกฎหมาย พนัน ไปแล้ว 31,503 URLs เพื่อแก้ไขปัญหาให้แก่พี่น้องประชาชนอย่างเร่งด่วน ในการตรวจสอบ ระงับ ยับยั้ง

“ตำรวจไซเบอร์ เปิดนาทีบุกบ้านทรัพย์มั่งคั่ง รวบเจ้ามือหวยลาวรายใหญ่ ผงะ! ลูกทีมกระจายทั่วประเทศ”

ตำรวจไซเบอร์ นำกำลังบุกรวบเจ้ามือหวยรายใหญ่ “บ้านทรัพย์มั่งคั่ง” ชักชวนเล่นพนันแทงหวยออนไลน์ ทั้งหวยไทย หวยลาว หวยใต้ดิน เบอร์เงิน เบอร์ทอง รับสมัครแม่ทีมลูกทีมไม่อั้น ยอดเงินสะพัดในบัญชีกว่า 10 ล้าน
ตามนโยบายรัฐบาลและสำนักงานตำรวจแห่งชาติที่ให้ความสำคัญในการปราบปราบอาชญากรรมทางเทคโนโลยีทุกรูปแบบ โดยเฉพาะการลักลอบเล่นการพนันออนไลน์ในรูปแบบต่างๆ ซึ่งเป็นการมอมเมาประชาชน พล.ต.ท.วรวัฒน์ วัฒน์นครบัญชา ผบช.สอท. จึงได้สั่งการให้เร่งรัดสืบสวนดำเนินคดีกับเจ้ามือ นายทุน และผู้เกี่ยวข้องทุกรายอย่างเด็ดขาด

ต่อมาวันนี้ 10 เมษายน 2567 พล.ต.ต.ภูมิพัฒน์ ภัทรศรีวงษ์ชัย ผบก.สอท.5 พ.ต.อ.กฤษดา มานะวงศ์สกุล ผกก. พ.ต.ท.วีระ หอมเย็น พ.ต.ท.ปภาณ บุตรดีขันธ์ พ.ต.ท.สุธี บุดดีคำ สว.สส.ฯ และกำลังเจ้าหน้าที่ตำรวจฝ่ายสืบสวน ได้นำหมายค้นเข้าตรวจค้นที่บ้านหลังหนึ่งใน ต.บางโฉลง อ.บางพลี จ.สมุทรปราการ เนื่องจากสืบทราบมาว่าสถานที่แห่งนี้เป็นที่พักของ นางเริ่ม (นามสมมติ) และสามี เจ้ามือหวยออนไลน์รายใหญ่ หรือที่รู้จักกันในชื่อ “บ้านทรัพย์มั่งคั่ง” ซึ่งมีการโพสต์ชักชวนทาง Facebook ให้บุคคลทั่วไปเข้าเล่นการพนันประเภทหวยออนไลน์ หวยลาว เบอร์เงิน เบอร์ทอง โดยใช้ชื่อแอคเคาท์ต่างๆ เช่น “บ้านทรัพย์มั่งคั่ง” “บ้านทรัพย์มั่งคั่ง 915” “บ้านร่ำรวยเงินทอง” พร้อมทั้งประกาศเปิดรับตัวแทน แม่ทีม หรือผู้ที่จะนำใบหวยไปกระจายขายให้กับประชาชนทั่วไปจำนวนมาก โดยจะมีสวัสดิการต่างๆ ให้ตัวแทน เช่น วันเกิดตัวแทน วันเกิดลูก ค่าคลอดบุตร หรือโบนัสสะสม ทั้งนี้เพื่อดึงดูดให้คนเข้ามาสมัครเป็นตัวแทนขายหวยเพื่อเป็นการเพิ่มยอดขาย ตรวจค้นภายในบ้านพบของกลางและทรัพย์สินจำนวนมาก ประกอบด้วย บัตรเบอร์หวย “บ้านทรัพย์มั่งคั่ง 915” งวดวันที่ 16 เมษายน และวันที่ 2 พฤษภาคม 2567 รวมจำนวน 19,500 ใบ , สมุดจดหวย “บ้านร่ำรวยเงินทอง” จำนวน 100 เล่ม , สมุดจดเบอร์ทอง และสมุดจดหวยใต้ดิน จำนวน 2 เล่ม , เงินสดจำนวน 600,000 บาท , โทรศัพท์มือถือและแท็ปเลต จำนวน 4 เครื่อง , คอมพิวเตอร์โน๊ตบุ๊ค จำนวน 2 เครื่อง , กล่องพัสดุและซองกันกระแทกสำหรับส่งเบอร์หวยจำนวนมาก จากการสอบถามนางเริ่มและสามีให้การรับสารภาพว่า ได้ผันตัวมาเป็นเจ้ามือหวยออนไลน์ หวยลาว เบอร์เงิน เบอร์ทอง มาประมาณปีเศษ โดยจะใช้วิธีการชักชวนบุคคลทั่วไปผ่านทาง Facebook ซึ่งในแต่ละงวดจะพิมพ์เบอร์หวยออกมา 10,000 ใบ แจกจ่ายให้กับตัวแทนหรือแม่ทีมทั่วประเทศรับไปจำหน่ายต่อ เจ้าหน้าที่ตำรวจจึงได้แจ้ง ข้อกล่าวหาให้ทราบว่า “จัดให้มีการเล่นหรือทำอุบายล่อ ช่วยประกาศโฆษณา หรือชักชวนโดยทางตรงหรือทางอ้อม     ให้ผู้อื่นเข้าเล่นหรือเข้าพนันในการเล่น ซึ่งมิได้รับอนุญาตฯ (ขายหวยออนไลน์) พร้อมทั้งควบคุมตัว นางเริ่มและสามี พร้อมทั้งของกลาง นำส่งพนักงานสอบสวน สภ.บางพลี เพื่อดำเนินคดีตามกฎหมาย

พล.ต.ต.ภูมิพัฒน์ฯ ผบก.สอท.5 กล่าวว่า สำหรับผู้ต้องหารายนี้ถือได้ว่าเป็นเจ้ามือหวยออนไลน์รายใหญ่ จากการตรวจสอบเบื้องต้นพบยอดเงินหมุนเวียนในบัญชีกว่า 13,400,000 บาท มีตัวแทนหรือแม่ทีมที่คอยรับเบอร์หวยกระจายส่งขายทั่วประเทศประมาณ 200 คน ซึ่งขณะนี้ตำรวจไซเบอร์ อยู่ระหว่างขยายผลเพื่อดำเนินคดีกับผู้เกี่ยวข้องทั้งหมด และในขณะนี้ยังพบความเคลื่อนไหวในกลุ่มเจ้ามือหวยใต้ดิน หวยออนไลน์ ต่างๆ ได้พากันแจ้งเตือนให้ระวังเจ้าหน้าที่ตำรวจที่เอาจริงเอาจังในการกวาดล้างจับกุมการพนันออนไลน์ทุกรูปแบบ ตามนโยบายของท่านนายกรัฐมนตรี “ฝากเตือนไปยังผู้ที่ชอบการเสี่ยงโชคทุกรูปแบบ ให้หยุดการกระทำดังกล่าว เนื่องจากเป็นความผิดตามกฎหมาย ซึ่งมีโทษทั้งเจ้ามือและผู้เล่น หากพี่น้องประชาชนทราบแหล่งที่มาหรือต้นตอของหวยลาว หรือหวยใต้ดินทุกรูปแบบ สามารถแจ้งเบาะแสมาได้ที่ กองบัญชาการตำรวจสืบสวนสอบสวนอาชญากรรมทางเทคโนโลยี หรือเจ้าหน้าที่ตำรวจในพื้นที่รับผิดชอบ” พล.ต.ต.ภูมิพัฒน์ฯ กล่าว
 

สำนักงานตำรวจแห่งชาติเปิดศูนย์อำนวยการป้องกันและลดอุบัติเหตุทางถนนช่วงเทศกาลสงกรานต์ พร้อมกำชับตำรวจกวดขันวินัยจราจรอย่างเข้มงวด เพื่อลดอุบัติเหตุบนท้องถนน และอำนวยความสะดวกการจราจรให้ประชาชนเดินทางกลับภูมิลำเนาอย่างปลอดภัย

วันนี้ (10 เมษายน 2567) เวลา 13.30 น. พล.ต.ท.กรไชย คล้ายคลึง ผู้ช่วยผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ เป็นประธานการประชุมเปิดศูนย์อำนวยการป้องกันและลดอุบัติเหตุทางถนนช่วงเทศกาลสงกรานต์ สำนักงานตำรวจแห่งชาติ พ.ศ.2567 ณ ห้องประชุมศรียานนท์ ชั้น 2 อาคาร 1 สำนักงานตำรวจแห่งชาติ โดยศูนย์ดังกล่าวจะมีการดำเนินการตั้งแต่วันที่ 10 - 18 เมษายน 2567 ในการขับเคลื่อนบูรณาการร่วมกับหน่วยงานภาครัฐและเอกชน เพื่อลดปัจจัยเสี่ยงการเกิดอุบัติเหตุทางถนนทุกมิติ ตลอดจนการบังคับใช้กฎหมายและสร้างจิตสำนึกด้านความปลอดภัยให้แก่ผู้ใช้รถใช้ถนน โดยกำหนดให้มีการประชุมติดตามสถานการณ์อุบัติเหตุและการจราจรทุกวันในช่วง 7 วันควบคุมเข้มข้น วันที่ 11-17 เมษายน 2567

พล.ต.ท.กรไชยฯ เปิดเผยว่า นายเศรษฐา ทวีสิน นายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลัง และ พล.ต.อ.กิตติ์รัฐ พันธุ์เพ็ชร์ รองผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ รักษาราชการแทนผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ มีความห่วงใยและได้สั่งกำชับให้เจ้าหน้าที่ตำรวจอำนวยความสะดวกการจราจรให้กับประชาชนที่เดินทางกลับภูมิลำเนา ในห้วงเทศกาลสงกรานต์ 2567 พร้อมกำชับมาตรการกวดขันผู้ขับขี่รถที่ฝ่าฝืนกฎจราจรก่อให้เกิดอุบัติเหตุ โดยในที่ประชุมได้มีการเน้นย้ำเรื่องการวางแผนบริหารการจราจร เพื่อทำให้การจราจรเกิดความคล่องตัว พร้อมวางแนวทางป้องกันอุบัติเหตุและบังคับกฎหมายอย่างจริงจังอย่างต่อเนื่อง รวมทั้งแสวงหาความร่วมมือในการคืนพื้นผิวจราจรก่อนช่วงเทศกาลสงกรานต์ , การตั้งจุดตรวจกวดขันวินัยจราจร จุดตรวจวัดปริมาณแอลกอฮอล์ , กรณีเกิดอุบัติเหตุสำคัญต้องจัดการบริหารเหตุการณ์ให้เกิดความเรียบร้อย อีกทั้งวางมาตรการห้ามรถบรรทุกวิ่งในช่วงประชาชนเดินทางไป-กลับ แต่หากมีความจำเป็นให้ขออนุญาตกับตำรวจทางหลวง ตลอดจนอำนวยความสะดวกการจราจรในสถานที่จัดงานขนาดใหญ่ที่คาดว่าจะส่งผลกระทบต่อการจราจร ควบคู่กับการรณรงค์ประชาสัมพันธ์ข้อมูลการจราจรให้แก่ประชาชน

สำหรับเทศกาลสงกรานต์ปีนี้คาดว่าจะมีประชาชนเดินทางสูงสุดในช่วงวันที่ 11 - 12 เมษายน 2567 แต่เมื่อช่วงวันหยุดสุดสัปดาห์ที่ผ่านมามีประชาชนบางส่วนเริ่มทยอยเดินทางกันบ้างแล้ว คาดว่าประชาชนจะเดินทางกลับมากที่สุดในวันที่ 16 - 17 เมษายนนี้ เบื้องต้นมีการคาดการณ์ว่าจะมีผู้ใช้รถใช้ถนนเดินทางกลับภูมิลำเนา มากกว่าช่วงสงกรานต์ปี 2566 ประมาณร้อยละ 3.1

นอกจากนี้ ขอให้ผู้ใช้รถใช้ถนนที่ใช้รถยนต์ไฟฟ้า ชาร์จรถยนต์ไฟฟ้าให้พร้อมก่อนออกเดินทาง และตรวจสอบสถานีชาร์จรถยนต์ไฟฟ้าระหว่างเส้นทางก่อนการเดินทาง เพื่อการเดินทางโดยสวัสดิภาพ ปลอดภัย ไร้กังวล ซึ่งตำรวจทางหลวงได้รวบรวมเส้นทางสถานีชาร์จรถยนต์ไฟฟ้า โดยพี่น้องประชาชนสามารถสแกนคิวอาร์โค้ดเพื่อดูและวางแผนการเดินทางได้ และหากรถยนต์ไฟฟ้าของพี่น้องประชาชนเกิดปัญหาระหว่างการเดินทาง สามารถขอความช่วยเหลือกับตำรวจทางหลวง ได้ที่สายด่วน 1193

พล.ต.ท.กรไชยฯ กล่าวด้วยว่า เทศกาลสงกรานต์ปีนี้อยากให้ประชาชนเดินทางกลับอย่างปลอดภัยและเกิดอุบัติเหตุน้อยที่สุด กำชับให้ตำรวจกวดขันวินัยจราจรอย่างเข้มงวด โดยเฉพาะ 10 ข้อหาหลัก ซึ่งมาตรการทั้งหมดที่ดำเนินการมานั้น เพื่อเป็นการอำนวยความสะดวกการจราจรให้ประชาชนเดินทางกลับภูมิลำเนาอย่างปลอดภัย และเป็นการป้องกันไม่ให้มีการกระทำผิดกฎจราจรจนเป็นเหตุให้เกิดอันตรายบนท้องถนน ทั้งนี้ หากพบอุบัติเหตุ หรือรถเสีย สามารถแจ้งได้ที่สายด่วนตำรวจทางหลวง 1193 หรือ สายด่วนกรมทางหลวง 1586 หรือ สายด่วนกองบังคับการตำรวจจราจร 1197 ตลอด 24 ชั่วโมง

เชียงใหม่-"มช. เชื่อมพลัง โรงพยาบาลลำพูน บูรณาการงานวิจัยและนวัตกรรม ต่อยอดสร้างสรรค์นวัตกรรมทางการแพทย์ โดยมี รากฐากมาจากงานวิจัยในรั้วมหาวิทยาลัย"

วันพฤหัสบดีที่ 11 เมษายน 2567 มหาวิทยาลัยเชียงใหม่ (มช.) โดย อุทยานวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี มหาวิทยาลัยเชียงใหม่ (STeP) ลงนามบันทึกข้อตกลงความร่วมมือกับโรงพยาบาลประจำจังหวัดอย่างโรงพยาบาลลำพูน เพื่อร่วมกันสร้างความร่วมมือการวิจัยและพัฒนา โดยมุ่งนำองค์ความรู้ทางวิชาการ เทคโนโลยี งานวิจัยและนวัตกรรมภายใน มช. ไปใช้ประโยชน์ในทางการแพทย์ ผ่านการถ่ายทอดและบูรณาการความรู้สู่การใช้งานจริง โดยมี รศ.ดร.ปิติวัฒน์ วัฒนชัย ผู้อำนวยการอุทยานวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี มหาวิทยาลัยเชียงใหม่ (STeP) เป็นผู้กล่าวต้อนรับผู้เข้าร่วมงาน และ แพทย์หญิงภาวิณี เอี่ยมจันทน์ ผู้อำนวยการโรงพยาบาลลำพูน กล่าวรายงาน จากนั้น จึงเป็นการร่วมลงนามฯ ของทั้งสองฝ่ายร่วมกัน พร้อมกันนี้ ผู้ช่วยศาสตราจารย์ ดร.ชนม์เจริญ แสวงรัตน์ ผู้ช่วยอธิการบดีมหาวิทยาลัยเชียงใหม่ ให้เกียรติกล่าวแสดงความยินดี และร่วมเป็นสักขีพยานในพิธีลงนามดังกล่าว อีกทั้งผู้บริหารจากหน่วยงานที่เกี่ยวข้องเข้าร่วมงาน ณ NSP Exhibition Hall อาคารอำนวยการอุทยานวิทยาศาสตร์ภาคเหนือ (จังหวัดเชียงใหม่)

ผศ.ดร.ชนม์เจริญ แสวงรัตน์ ผู้ช่วยอธิการบดี มช. กล่าวว่า การลงนามความร่วมมือในครั้งนี้ มุ่งเน้นการเชื่อมโยงองค์ความรู้ทางวิชาการ เทคโนโลยี งานวิจัยและนวัตกรรมของ มช. สู่การประยุกต์ใช้ในระบบการแพทย์และสาธารณสุขในพื้นที่ โดยหวังให้เกิดการบูรณาการและพัฒนานวัตกรรมที่สามารถนำไปใช้ให้เกิดประโยชน์ต่อสุขภาพและคุณภาพชีวิตของประชาชน โดยการแลกเปลี่ยนองค์ความรู้และทรัพยากรระหว่างมหาวิทยาลัยและโรงพยาบาลได้อย่างมีประสิทธิภาพ ซึ่งจะเป็นรากฐานในการการสร้างเทคโนโลยีนวัตกรรมใหม่ ๆ อันจะส่งผลกระทบในเชิงบวกต่อวงการทางการแพทย์และยกระดับคุณภาพบริการสาธารณสุข ตลอดจนขยายโอกาสการเข้าถึงเทคโนโลยีทางการแพทย์ที่ทันสมัยแก่ประชาชนทั่วไปได้อย่างกว้างขวางต่อไป

ด้าน แพทย์หญิงภาวิณี เอี่ยมจันทน์ ผู้อำนวยการโรงพยาบาลลำพูน กล่าวว่า โรงพยาบาลลำพูนให้ความสำคัญกับสิทธิและการเข้าถึงนวัตกรรมการรักษาของประชาชน โดยมุ่งเน้นการพัฒนาเทคโนโลยีและนวัตกรรมทางการแพทย์ เพื่อหาโซลูชั่นที่จะช่วยยกระดับระบบการดูแลรักษาสุขภาพของประชาชนที่ครบวงจร อันสอดคล้องกับวิสัยทัศน์ของโรงพยาบาล คือ "โรงพยาบาลคุณภาพคู่ใจประชาชน" ซึ่งการสร้างความร่วมมือกับมช. ในครั้งนี้ ได้มีการนำองค์ความรู้ทางเทคโนโลยีและนวัตกรรมที่มีรากฐานมาจากการวิจัยและการศึกษาในมหาวิทยาลัยเชียงใหม่ มาพัฒนาและปรับปรุงการให้บริการของโรงพยาบาล โดยมุ่งเน้นการยกระดับมาตรฐานการรักษาผู้ป่วยให้แก่บุคลากรทางการแพทย์ ทั้งการประยุกต์ใช้ในการให้บริการ อาทิ การนำนวัตกรรมพลาสมาอากาศรักษาแผลเรื้อรังมาทดลองใช้ โดยเป็นเทคโนโลยีที่มีประสิทธิภาพในการรักษาแผล และช่วยกระตุ้นการสร้างเนื้อเยื่อใหม่ ซึ่งการนำนวัตกรรมดังกล่าว มาใช้จะช่วยปรับปรุงการบริการของโรงพยาบาล นอกจากนี้ โรงพยาบาลยังคาดว่าในอนาคตจะสามารถขยายผลการนำเทคโนโลยี นวัตกรรมอื่น ๆ เพื่อพัฒนาการดูแลสุขภาพของประชาชนในพื้นที่จังหวัดลำพูน ได้เข้าถึงเทคโนโลยีการรักษาที่ทันสมัยมากยิ่งขึ้น

รศ.ดร.ปิติวัฒน์ วัฒนชัย ผู้อำนวยการอุทยานวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี มหาวิทยาลัยเชียงใหม่ (STeP) เผยว่า การลงนามความร่วมมือกับโรงพยาบาลลำพูนในครั้งนี้ สะท้อนถึงนโยบายของ มช. ในการผลักดันให้เกิดการใช้ประโยชน์จากทรัพยากรที่มีอยู่ในมหาวิทยาลัย ไม่ว่าจะเป็นนักวิจัย เครื่องมือวิจัย องค์ความรู้ และงานวิจัยต่าง ๆ ให้ถูกนำไปประยุกต์ใช้ในวงกว้าง ไม่เพียงแค่ในระดับการศึกษา แต่ครอบคลุมถึงการนำไปใช้ในเชิงพาณิชย์และสาธารณประโยชน์ ทั้งพัฒนาเพื่อใช้ในทางการแพทย์ โดยปัจจุบันได้มีการนำร่องด้วยการนำนวัตกรรมพลาสมาอากาศรักษาแผลเรื้อรัง ผลงงานวิจัยจากคณะวิทยาศาสตร์ มช. ซึ่งเป็นเทคโนโลยีที่มีประสิทธิภาพในการช่วยทำลายเชื้อแบคทีเรียดื้อยา และกระตุ้นการสร้างเนื้อเยื่อใหม่ อีกทั้งช่วยลดระยะเวลาในการรักษาแผล ผู้ป่วยกลุ่มเรื้อรังและผู้ป่วยติดเตียงได้อย่างมีประสิทธิภาพ ทำให้มีคุณภาพชีวิตที่ดีขึ้น โดยสามารถช่วยร่นระยะเวลาของแผลปิดได้เร็วขึ้นอย่างน้อย 50 วันเทียบกับค่าเฉลี่ยระยะเวลาแผลปิดด้วยวิธีการโดยทั่วไป ที่ทดลองการใช้งานในโรงพยาบาลลำพูนอีกด้วย

นภาพร/เชียงใหม่

เพชรบูรณ์ เตรียมจัดงาน“ย้อนอดีตเมืองโบราณศรีเทพ สู่อนาคตแหล่งมรดกโลกอย่างยั่งยืน”

วันที่ 10 เมษายน 2567 เวลา 15.00 น. ที่ หอวัฒนธรรมนครบาลเพชรบูรณ์ อำเภอเมืองเพชรบูรณ์  นายจิรวัตร์ มณีโชติ  รองผู้ว่าราชการจังหวัดเพชรบูรณ์ เป็นประธานแถลงข่าว  จัดกิจกรรม “ย้อนอดีตเมืองโบราณศรีเทพ สู่อนาคตแหล่งมรดกโลกอย่างยั่งยืน” ภายใต้โครงการส่งเสริมการมีส่วนร่วมในการอนุรักษ์และคุ้มครองแหล่งมรดกโลกเมืองโบราณศรีเทพอย่างยั่งยืน จังหวัดเพชรบูรณ์  โดยมี   นายอภินันท์ มุสิกพงษ์ วัฒนธรรมจังหวัดเพชรบูรณ์  นายณรงค์ศักดิ์ หอมมาลัย รองนายกองค์การบริหารส่วนจังหวัดเพชรบูรณ์ นางสาวไอลดา ยาท้วม ผู้อำนวยการส่วนสิ่งแวดล้อม สำนักงานทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมจังหวัดเพชรบูรณ์ นางสาวปิยะดา  วัชโรทยางกูร รองผู้อำนวยการสำนักงาน ททท. สำนักงานพิษณุโลก ร่วมแถลงข่าว

สำหรับการจัดงาน “ย้อนอดีตเมืองโบราณศรีเทพ สู่อนาคตแหล่งมรดกโลกอย่างยั่งยืน”  กำหนดจัดขึ้นระหว่างวันที่ 26 – 28 เมษายน 2567 ณ โบราณสถานเขาคลังนอก อุทยานประวัติศาสตร์ศรีเทพ อำเภอศรีเทพ จังหวัดเพชรบูรณ์ เพื่อเผยแพร่ประชาสัมพันธ์คุณค่าและความสำคัญแหล่งมรดกโลกเมืองโบราณศรีเทพ เสริมสร้างจิตสำนึกในการอนุรักษ์ คุ้มครองแหล่งมรดกโลกอย่างยั่งยืน ตลอดจนส่งเสริมการท่องเที่ยวเชิงวัฒนธรรมที่เป็นมิตรกับสิ่งแวดล้อม และเพื่อเผยแพร่ประชาสัมพันธ์คุณค่าและความสำคัญแหล่งมรดกโลก เมืองโบราณศรีเทพ เสริมสร้างจิตสำนึกในการอนุรักษ์ คุ้มครองแหล่งมรดกโลกอย่างยั่งยืน ตลอดจนส่งเสริมการท่องเที่ยวเชิงวัฒนธรรมที่เป็นมิตรกับสิ่งแวดล้อม

กิจกรรมที่สำคัญภายในงานประกอบด้วย ในวันที่ 26 เมษายน 2567 จะมีพิธีรับมอบใบประกาศการขึ้นทะเบียนมรดกโลก โดยรองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม มอบให้กับกระทรวงวัฒนธรรม นอกจากนี้ยังมีการจัดตลาดสีเขียวเมืองโบราณศรีเทพ ที่เน้นสินค้าของชุมชน ในพื้นที่ สนับสนุนให้ยังคงอนุรักษ์ขนบธรรมเนียม ประเพณี วัฒนธรรมของชุมชน พร้อมรักษาสิ่งแวดล้อม โดยงดใช้โฟม ลดใช้พลาสติกแบบครั้งเดียวทิ้ง ลดปริมาณขยะ รณรงค์ใช้ถุงผ้าแทนถุงพลาสติก  ชมนิทรรศการ “ย้อนอดีตเมืองโบราณศรีเทพ สู่อนาคตแหล่งมรดกโลกอย่างยั่งยืน”  พร้อมรับชมการแสดงศิลปวัฒนธรรม  ชุด “ย้อนอดีตเมืองโบราณศรีเทพ เมืองมรดกโลก แห่งศรัทธา”

ทั้งนี้ ยูเนสโก ได้ประกาศให้ เมืองโบราณศรีเทพ เป็นมรดกโลกทางวัฒนธรรม  ซึ่งถือเป็นมรดกโลกทางวัฒนธรรมแห่งที่ 4 และเป็นมรดกโลกแห่งที่ 7 ของประเทศไทย เมื่อวันที่ 19 กันยายน 2566  จึงขอเชิญชวนนักท่องเที่ยว ร่วมงาน “ย้อนอดีตเมืองโบราณศรีเทพ สู่อนาคตแหล่งมรดกโลกอย่างยั่งยืน” ระหว่างวันที่ 26 – 28 เมษายน 2567  ณ โบราณสถานเขาคลังนอก อุทยานประวัติศาสตร์ศรีเทพ
 

'นิชา' ภรรยาพลเอกร่มเกล้า ทำบุญครบ 14 ปี  โพสต์ยอมเป็น 'คนแพ้' เสียสละชีวิตเพื่อแผ่นดินไทย 

(11 เม.ย.67) นางนิชา หิรัญบูรณะ ธุวธรรม ผู้ทรงคุณวุฒิพิเศษ ประจำสำนักนายกรัฐมนตรี ภรรยา พล.อ.ร่มเกล้า ธุวธรรม อดีตรองเสนาธิการกองพลทหารราบที่ 2 รักษาพระ องค์ (พล.ร.21 รอ.) ที่เสียชีวิตจากเหตุการณ์ความไม่สงบ ระหว่างการชุมนุมของแนวร่วมประชาธิปไตยต่อต้านเผด็จการแห่งชาติ (นปช.) หรือ คนเสื้อแดง บริเวณแยกคอกวัว เมื่อคืนวันที่ 10 เม.ย. 2553 โพสต์เฟซบุ๊กว่า….

10 เมษายน 2567 ปีนี้อากาศร้อนเหลือเกิน ต้องพยายามเรียกสติไม่ให้หลงไปกับความร้อน

‘ความพยายามนิ่ง’ ก็เป็นอีกหนทางที่หลายคนเลือกใช้ ในการรักษาจิตให้เย็นใจ

การนิ่ง ไม่ได้แปลว่า ไม่เจ็บ ไม่ร้อน ไม่คิด ไม่รู้สึก หากแต่ไม่ซ้ำเติมเพิ่มอุณหภูมิให้สิ่งต่าง ๆ ยิ่งร้อนไปมากกว่านี้

ตลอด 14 ปี ที่ผ่านมา ชีวิตประสบเรื่องราวมากมาย สิ่งใดพูดแล้วไม่เกิดประโยชน์ ก็ต้องพยายามนิ่ง พยายามอดทนอดกลั้น พยายามอยู่อย่างสงบ ประคับประคองชีวิตให้ก้าวเดินไปได้ จนกว่าจะถึงจุดหมายปลายทาง

จุดหมายชีวิตของแต่ละคนแตกต่างกัน ฝันของแต่ละคนก็ต่างกัน ไม่มีใครจะคิดแทนกันได้ สำหรับตัวเอง แค่ขอชีวิตไม่สุข-ไม่ทุกข์ ก็เป็นบุญนักหนาแล้ว แค่ขอใช้เวลาที่เหลือน้อยลงทุกวัน ทำหน้าที่อันพึงมี ตราบจนสิ้นชีวิต อาจได้พบความสงบสุขอีกครั้ง ถ้าทำบุญไว้มากพอ ฝันมีแค่นี้เอง

แต่ชีวิตเราก็มิอาจกำหนดได้ดั่งใจปรารถนา ตราบใดยังอยู่ในกระแสสังคมของมนุษย์ปุถุชนที่ให้ค่าการแพ้-ชนะในเกมส์ มากกว่าการให้เกียรติและให้คุณค่าความเป็นคน มนุษย์ที่อ่อนแออย่างเรา ก็จำเป็นต้องมีอาวุธไว้ป้องกันตัว รักษาจิต นับเป็นโชคดีที่พี่ร่มเกล้าให้คาถาป้องกันตัวไว้ว่า
จิตเดิมนั้นใสสว่างสะอาดและสงบ แต่กิเลสที่ห่อหุ้มทำให้มืดมัว

พี่ร่มเกล้าให้คาถาวิเศษนี้ไว้ จนอยากมอบให้กัลยาณมิตรทุกท่านที่อาจมีโอกาสได้ใช้ในยามชีวิตคับขันบ้างไม่มากก็น้อย

ท่ามกลางความทุกข์ยาก มีสิ่งหนึ่งที่เป็นความดีงามที่ดิฉันกับพี่ร่มเกล้าถือว่ามีบุญมหาศาลที่ได้รับ คือ ไมตรีอันบริสุทธิ์จากเพื่อนพี่น้องผู้เป็นกัลยาณมิตรที่เราไม่เคยรู้จักกันมาก่อน แต่ท่านได้ให้กำลังใจยิ่งใหญ่เสมือนญาติ

มีเพื่อนรุ่นพี่คนหนึ่งเพิ่งบอกกับดิฉันว่า ไม่คิดว่าพี่ร่มเกล้าจากไป 14 ปีแล้ว แต่ยังคงมีพี่น้องที่เดินเข้ามาทักทายให้กำลังใจดิฉันด้วยน้ำตาแห่งความอาลัยคิดถึงพี่ร่มเกล้า พร้อมบอกว่า ยังคงทำบุญ ใส่บาตร อุทิศให้พี่ร่มเกล้าในศาสนาพุทธ หรือบางท่านก็ทำมิสซาในศาสนาคริสต์ หรือ บางท่านก็ขอพระเจ้าในศาสนาอิสลาม ดิฉันมักรำพึงในใจกับพี่ร่มเกล้าว่า พี่ทำให้เห็นว่าความตายไม่น่ากลัว และความตายที่งดงามเป็นอย่างไร

ในภาวะที่โลกเรากำลังแปรปรวน สงครามมีรูปแบบต่าง ๆ ที่มนุษย์เราไม่รู้ว่าจะเผชิญกับภัยใด ๆ อีก

วันที่ 10 เมษา สำหรับดิฉันก็เป็นอีกวันที่นอกจากทำบุญให้กับสามีผู้จากไปแล้ว ในปีนี้อยากขออนุญาตให้รำลึกถึงคำว่า ‘ความเสียสละ’

ในโลกนี้ มีคนอยากชนะ ไม่อยากแพ้ มีคนอยากเป็นฝ่ายได้ ไม่อยากเป็นฝ่ายเสีย แต่ถ้าเราหนึ่งคน ยอมที่จะแพ้ ยอมที่จะเสีย หรือที่เขาเรียกกันว่า เสียสละ อาจทำให้ธรรมชาติปราณีไม่ลงโทษให้อุณหภูมิโลกมนุษย์ร้อนระอุไปกว่านี้

ดิฉันกับพี่ร่มเกล้า เป็นสองคนที่ยกมืออาสายอมเป็นคนแพ้ ยอมเป็นฝ่ายเสีย

ยอมแบกทุกข์ ยอมสละชีวิต ยอมได้ทุกอย่าง เพื่อแผ่นดินไทยของเราร่มเย็นเป็นสุขภายใต้ร่มพระบรมโพธิสมภารสืบไป

‘แพ้’ ไม่ทำให้เราตายหรอก แต่ต่อให้ต้องตายอย่างพี่ร่มเกล้า ใจเราก็ไม่เคยแพ้
พลเอกร่มเกล้า-นิชา ธุวธรรม

10 เมษายน 2567
ทำบุญครบรอบ 14 ปี
ณ วัดบวรนิเวศฯ

‘สุกฤษฏิ์ชัย-ปชป.’ แนะ!! ลดใช้แคดเมียม พัฒนาวัสดุทดแทน ชี้!! แม้มีประโยชน์มาก แต่โทษมหันต์ต่อมนุษย์ ถ้าคุมได้ไม่ดี

(11 เม.ย. 67) นายสุกฤษฏิ์ชัย ธีระเริงฤทธิ์ ผู้สมัครสมาชิกสภาผู้แทนราษฎร ระบบบัญชีรายชื่อ พรรคประชาธิปัตย์ ได้โพสต์ข้อความผ่านเฟซบุ๊ก ระบุว่า…

ปัจจุบันแคดเมียมถูกนำมาใช้ในอุตสาหกรรมเป็นจำนวนมาก มีความหลากหลายของผลิตภัณฑ์ โดยแร่แคดเมียมเป็นโลหะหนัก ได้มาจากการถลุงแร่สังกะสี ตะกั่วและทองแดง แคดเมียมสามารถนำไปทำประโยชน์ได้ อาทิ การชุบโลหะ เพื่อเพิ่มความทนทานต่อการกัดกร่อน การสึกหรอ ป้องกันสนิม เป็นสารเคลือบ ใช้ในชิ้นส่วนยานยนต์ อุปกรณ์ทางทะเล เม็ดสี ทำแบตเตอรี่ ปุ๋ยและอื่นๆ ซึ่งดูเหมือนแคเมียมจะมีประโยชน์ต่อการผลิตสิ่งต่างๆที่พวกเราต้องใช้งานกันชีวิตประจำวันของทุกคน

แต่เมื่อมีประโยชน์มาก โทษก็เยอะตามมาด้วย หากการบริหารจัดการแร่หรือกากแคดเมียมไม่ดีพอ ไม่เป็นไปตามมาตรฐานและตามที่กฎหมายกำหนด ซึ่งในปัจจุบันมักใช้วิธีฝังกลบกากลงดินในการทำลาย ก็เป็นเหตุให้สามารถปนเปื้อนในดิน น้ำ อากาศในบริเวณโดยรอบได้อย่างง่ายดาย มิหนำซ้ำยังเกิดกรณีการลักลอบขุดกากขึ้นมาขายต่ออีกที่กำลังเป็นข่าว และเกิดขึ้นในหลายจังหวัดรวมถึงเขตบางซื่อ กรุงเทพมหานคร ถือเป็นศูนย์กลางของประเทศ การลักลอบดังกล่าว ก็กระทำโดยผิดกฎหมาย ขาดองค์ความรู้และหลักปฏิบัติที่ถูกต้อง ตลอดจนการเก็บในโกดังหรือคลังสินค้าก็ไม่ได้มาตรการ จึงเป็นความอันตรายและเป็นภัยต่อสังคมโดยองค์รวม

ในส่วนของความเสี่ยงต่อสิ่งแวดล้อมและสุขภาพจากแคดเมียมนั้น มีหลายผลกระทบมาก ไม่ว่าจะเป็น การปนเปื้อนในดินและน้ำ หากยิ่งใกล้แหล่งน้ำไม่ว่าจะเป็นห้วย หนอง คลอง แม่น้ำ ยิ่งเพิ่มความเสี่ยงในการแพร่กระจาย ซึ่งจะส่งผลกระทบต่อระบบนิเวศ ลดความอุดมสมบูรณ์ของดิน ลดความหลากหลายทางชีวภาพ ปนเปื้อนห่วงโซ่อาหาร ส่งผลต่อระบบสืบพันธุ์ของสัตว์และสุขภาพของประชาชนในบริเวณโดยรอบ มลพิษทางอากาศ ที่อาจเกิดขึ้นจากการขนย้ายกากอย่างไม่ได้มาตรฐานอาจปล่อยฝุ่นละออง เกิดการฟุ้งกระจาย ส่งผลต่อระบบทางเดินหายใจของประชาชนได้ การสัมผัสหากมีปริมาณเกินไป ร่างกายจะสะสมพิษได้นานหลายปี มีผลร้ายต่อระบบต่างๆ ของร่างกาย เช่น มีปฏิกิริยากับระบบไต ปอด กระดูกพรุน ก่อให้เกิดมะเร็ง ระบบสืบพันธุ์รวมถึงโรคอิไต อิไตด้วย

จากที่กล่าวมาทั้งหมด ควรมีการลดใช้แคดเมียม ด้วยการเร่งพัฒนาวัสดุและเทคโนโลยีใหม่ขึ้นมาทดแทน ภาครัฐควรออกมาตรการควบคุมให้ธุรกิจรับซื้อของเก่า เศษเหล็ก, เศษพลาสติก, พอลิเมอร์ เพื่อนำไปรีไซเคิลหรือผ่านกระบวนการเพื่อนำกับมาใช้ซ้ำใช้ใหม่ รวมถึงโรงงานหลอมโลหะในทุกที่ทั่วราชอาณาจักร มีมาตรฐาน มีความปลอดภัย มีกฎหมายออกมาบังคับเฉพาะ เพื่อเป็นการป้องปรามผู้กระทำความผิดในอนาคต ภาคเอกชนต้องให้ความสำคัญกับสิ่งแวดล้อม บำบัดน้ำเสียก่อนปล่อยสู่สาธารณะ ส่งเสริมการอนุรักษ์สิ่งแวดล้อม ภาคประชาชนร่วมกันสอดส่องดูแลความเป็นไปในพื้นที่ และที่สำคัญที่สุดคือให้ความรู้แก่ประชาชน ทางสาธารณสุข สุขอนามัย หลีกเลี่ยงการสัมผัส การอยู่ใกล้ หากมีความจำเป็นต้องเข้าใกล้ ควรใส่หน้ากากป้องกันสารพิษ หลีกเลี่ยงอาหารที่มาจากแหล่งที่มาไม่ชัดเจน เพราะแคดเมียมเป็นโลหะหนักที่ขยับเข้าใกล้ตัวเรามากขึ้นทุกที อาจปนเปื้อนในอาหารที่เรากำลังรับประทาน ในน้ำที่เรากำลังดื่มหรือในอากาศที่เรากำลังหายใจอยู่ก็เป็นได้

'สุริยะใส' ยก 'สมณะโพธิรักษ์' ผู้บุกเบิกสังคมการเมืองแนวบุญนิยม ปลุกการเมืองที่เสียสละ จิตอาสา ถือเป็นแนวการเมืองใหม่ที่แท้จริง

(11 เม.ย. 67) นายสุริยะใส กตะศิลา คณบดีวิทยาลัยผู้นำและนวัตกรรมสังคม มหาวิทยาลัยรังสิต โพสต์เฟซบุ๊ก ว่าพ่อท่านโพธิรักษ์ ผู้บุกเบิกสังคมธรรมาธิปไตย การเมืองแนวบุญนิยม

ข่าวเศร้าวันนี้เมื่อพ่อท่าน (พระครูสมณะโพธิรักษ์) ได้ละสังขารด้วยโรคชราในวัย 90 ปี ผมทราบจากชาวโศกมาสักระยะแล้วว่าพ่อท่านสุขภาพไม่ค่อยดี ผมมีโอกาสได้รับฟังเทศนาธรรมล่าสุดเมื่อประมาณเดือนมิถุนายน 2566

ครั้งนั้นได้พาคณาจารย์ วิทยาลัยผู้นำและนวัตกรรมสังคม ม.รังสิต จัดกิจกรรมโครงการวิจัยเชิงปฎิบัติการกับนักศึกษาระดับปริญญาโทและเอกกว่า 30 คน ของชาวแพทย์วิถีธรรม สันติอโศกที่ราชธานีอโศก จ.อุบลราชธานี เป็นโครงการวิจัยร่วมกันหลายโครงการทั้งเรื่องสุขภาพ อาหาร ดนตรี เศรษฐศาสตร์ (สาธารณโภคี) การศึกษา สังคมธรรมาธิปไตย

โดยเฉพาะหลักการสาธารณโภคี เป็นความ ภาคภูมิใจและความ สำเร็จของพ่อท่านเป็นอย่างมาก เพราะเป็นหลักการของ การกินร่วมกันการใช้ร่วมกัน เพื่อรับผิดชอบร่วมกัน ซึ่งเป็นหลักปฏิบัติที่ท่านพ่อนำมาใช้ในที่ชุมนุมทุกครั้งซึ่งหลายท่านอาจจะคุ้นเคยกับครัวกลางนั่นเอง

แม้ทราบดีว่าพ่อท่าน ไม่สบายชราภาพตามอายุขัยใกล้วัย 90 ปี แต่การเดิน การนั่ง การเทศนาธรรมยังคงสัมผัสได้ถึงพลังแห่งปัญญา น้ำเสียงสดใส หน้าตายิ้มแย้มเบิกบาน ทักทายสนทนากับพวกเรา โดยไม่คิดมาก่อนว่าพ่อท่านจะจากไปเร็วแบบนี้ แม้เข้าใจได้ว่าท่านอายุมากแล้วก็ตาม

สำหรับพ่อท่านผมเริ่มรู้จักตั้งแต่มีข้อพิพาทกับมหาเถรสมาคม เพราะเป็นคดีความที่สังคมสนใจ จากนั้นมาผมก็เข้าใกล้และรู้จักมากขึ้นผ่านบทบาทของลุงจำลอง ศรีเมืองและพรรคพลังธรรม ที่พยายามสร้างนวัตกรรมการเมือง จนสามารถสร้างผลสะเทือนทางการเมืองในช่วงหลังปี 2535 ต่อมาก็คุ้นเคยร่วมต่อสู้เคียงบ่าเคียงไหล่กับพี่น้องชาวกองทัพธรรมในนามพันธมิตรประชาชนเพื่อประชาธิปไตย

จนมาใกล้มากขึ้นและได้สนทนากับพ่อท่านบ่อยขึ้น ในช่วงที่มีการชุมนุมของพันธมิตรประชาชนเพื่อประชาธิปไตยต่อเนื่องมาแม้กระทั่งขึ้นโรงขึ้นศาลเพราะพ่อท่านถูกแจ้งความดำเนินคดีด้วยกันแต่ศาลยกฟ้องในที่สุด

สำหรับพ่อท่านถือเป็นผู้นำทางจิตวิญญาณ ที่มีลูกศิษย์ลูกหา ผู้ศรัทธานับถือจำนวนมากทั้งในไทยและต่างประเทศ สมัยการชุมนุมของพันธมิตรประชาชนเพื่อประชาธิปไตยพูดเรื่องการเมืองสะอาด การเมืองใหม่ผมจำได้ว่า พ่อท่านบอกกับผมว่า

“จริงๆ แล้วการเมืองใหม่ที่เราพูดกันอยู่ในขณะนี้ ไม่ใช่ไปประดิษฐ์ประดอยเสกสรรค์ปั้นแต่งกลไกใหม่ๆ หรือออกกฎหมายมากมายอย่างที่เข้าใจ แต่มันคือการเมืองเก่าหรือการเมืองดั้งเดิม คือการเมืองที่เป็นเรื่องของส่วนรวม การเมืองที่เสียสละ จิตอาสา นี่แหละสร้างแบบนี้ให้ได้นี่แหละคือการเมืองใหม่ที่แท้จริง”

ด้วยเหตุดังนั้นจึงไม่แปลกที่เราจะเห็นบทบาทและวัตรปฎิบัติของพ่อท่านและชาวอโศกที่ผสมผสานทั้งทางโลกและทางธรรมเข้าด้วยกันยึดสัจจะ ความดี ซื่อสัตย์เสียสละ ความถูกต้องชอบธรรม เพราะความชอบธรรมคืออำนาจ อำนาจมิใช่ความชอบธรรม หรือที่เรียกกันว่า “วิถีสังคมธรรมาธิปไตย” ที่ไม่ใช่โลกาธิปไตย (เสียงข้างมากเบ็ดเสร็จ และอัตตาธิปไตย (ตนคือศูนย์กลางจักรวาลความถูกต้อง)

วันนี้ถือว่าสังคมไทยเราสูญเสียท่านผู้มีคุณูปการแก่ประเทศชาติสังคมไทย ตลอดจนสังคมโลกผู้หนึ่ง ชีวิตและผลงานของพ่อท่านน่าจะเป็นบทเรียนและจดจำเพื่อดำเนินชีวิตในแนวทางที่พ่อท่านได้แสดงเป็นตัวอย่างไว้มากมาย ซึ่งเป็นเรื่องไม่ง่ายและท้าทายเป็นอย่างยิ่ง โดยเฉพาะการเปิดโลกบุญนิยมสู้กับโลกทุนนิยมแบบลงมือค้นคว้า ลงมือทำ ลงมือพิสูจน์อย่างจริงจัง

ในวาระโอกาสนี้ขอน้อมกราบส่งพ่อครูสมณะโพธิรักษ์สู่สรวงสวรรค์ครับ🙏

‘น้องวรนุช’ ย่องเบาเข้าสภาฯ พร้อมเล่นน้ำสระมรกต สบายใจเฉิ่ม หลังปิดสมัยประชุม-หยุดสงกรานต์ ก่อนถูกจับคืนสู่ธรรมชาติ

(11 เม.ย.67) ผู้สื่อข่าวรายงานว่า บรรยากาศที่อาคารรัฐสภาค่อนข้างเงียบเหงา เนื่องจากอยู่ในช่วงปิดสมัยประชุมสภาผู้แทนราษฎร รวมถึงวันหยุดยาวในช่วงเทศกาลสงกรานต์ แต่ปรากฏว่าช่วงเช้าที่ผ่านมา ปรากฏภาพ ‘น้องวรนุช’ หรือ ตัวเงิน ตัวทอง วัยฉกรรจ์ ลงเล่นน้ำบริเวณสระมรกต ซึ่งเป็นสระน้ำที่อยู่กลางอาคารรัฐสภา อย่างสบายใจ 

ขณะที่เจ้าหน้าที่ที่พบเห็นครั้งแรกตกใจ คาดว่า ‘น้องวรนุช’ น่าจะขึ้นมาจากทางฝั่งแม่น้ำเจ้าพระยา เนื่องจากลักษณะโดยรอบของรัฐสภาไม่เอื้อต่อการอาศัยอยู่ของสัตว์เหล่านี้ เนื่องจากมีทั้งตึก โรงงาน รวมถึงการเขตก่อสร้างด้วย ล่าสุดทางเจ้าหน้าที่รัฐสภาได้จับไปปล่อยคืนสู่ธรรมชาติแล้ว  

ผู้สื่อข่าวรายงานเพิ่มเติมว่า ‘น้องวรนุช’ ตัวนี้ถือเป็นตัวแรกที่ถูกจับได้อย่างเป็นทางการ หลังแอบย่องเข้ามาในบริเวณรัฐสภาแห่งใหม่ ซึ่งหลังจากก่อนหน้านี้ที่อาคารรัฐสภาแห่งเดิม ที่ติดกับสวนสัตว์เขาดิน ‘น้องวรนุช’ หลุดเข้ามาในบริเวณรัฐสภาหลายครั้ง

'กปน.' มั่นใจ!! น้ำประปาปลอดภัยจากสารแคดเมียม ตรวจสอบคุณภาพน้ำ-เฝ้าระวังสารพิษเป็นประจำ

(11 เม.ย. 67) จากกรณีที่พบกากแคดเมียมในกรุงเทพมหานคร การประปานครหลวง (กปน.) ยืนยันว่า น้ำประปาของ กปน. ยังคงสะอาด ปลอดภัย โดยเหตุการณ์ดังกล่าว ไม่ส่งผลกระทบต่อคุณภาพน้ำประปา และประชาชนสามารถอุปโภคบริโภคน้ำประปาได้อย่างมั่นใจ

ทั้งนี้ กปน. ใช้แหล่งน้ำดิบเพื่อการผลิตน้ำประปา 2 แหล่ง คือ แม่น้ำเจ้าพระยา รับน้ำจากจุดรับน้ำดิบสำแล จังหวัดปทุมธานี และเขื่อนแม่กลอง รับน้ำจากจุดรับน้ำดิบท่าม่วง จังหวัดกาญจนบุรี

โดยนักวิทยาศาสตร์ กปน. ได้ตรวจวิเคราะห์สารพิษโลหะหนักเป็นประจำ ซึ่งคุณภาพน้ำดิบทั้ง 2 แหล่ง ปัจจุบันอยู่ในเกณฑ์มาตรฐานแหล่งน้ำผิวดิน ประเภทที่ 2-3 ไม่มีการปนเปื้อนจากโลหะแคดเมียม (Cd)

นอกจากนี้ ยังมีการตรวจสอบเฝ้าระวังสารพิษโลหะหนักในน้ำประปา เป็นประจำทุกเดือน ผลการตรวจวิเคราะห์คุณภาพน้ำประปาที่ผ่านมา พบว่า ไม่พบสารแคดเมียม หรือพบในปริมาณที่น้อยมาก มีค่าอยู่ในช่วง น้อยกว่า 0.0001-0.0004 มิลลิกรัมต่อลิตร ซึ่งอยู่ในเกณฑ์แนะนำน้ำดื่มขององค์การอนามัยโลก (WHO) (ต้องไม่เกิน 0.003 มิลลิกรัมต่อลิตร) ดังนั้น ประชาชนในพื้นที่บริการของ กปน. จึงมั่นใจได้ว่าน้ำประปาสามารถนำไปใช้อุปโภคบริโภคได้อย่างปลอดภัย ไม่มีการปนเปื้อนสารพิษโลหะแคดเมียม

เปิดข้อมูล 'กากแคดเมียม' อันตรายแค่ไหน? ถึงขั้นต้องประกาศเขตภัยพิบัติหรือไม่?

(11 เม.ย.67) จากเฟซบุ๊ก 'Sompob Pordi' ได้โพสต์ทำความเข้าใจถึงกากแคดเมียมที่พบเจอในไทยและทำให้ผู้คนเกิดความตระหนก ไว้ดังนี้...

กากแคดเมียม 

แคดเมียม (Cd) เป็นธาตุโลหะ ที่ปกติในธรรมชาติจะอยู่ร่วม/ปะปนกับธาตุโลหะอื่นเช่น สังกะสี ตะกั่ว ฯ มีจุดหลอมเหลวที่ 321 เซลเซียส หรืออุณหภูมิสูงกว่านํ้ามันทอดไก่เคเอฟซี 175 เซลเซียสเกือบสองเท่า มีจุดเดือดที่กลายเป็นไอที่ 767 เซลเซียส 

ปัจจุบัน ราคาแคดเมียม 99.99% วิ่งขึ้นลงอยู่ระหว่าง $4 ถึง $5 กว่า ๆ ต่อกก. ดังนั้นแคดเมียม 1 ตันหรือ 1,000 กก. จะมีราคาอย่างตํ่า ๆ ก็ $4,000 หรือเกือบ ๆ แสนห้าหมื่นบาท 

ดังนั้น ข่าวที่ว่ามีการแอบเก็บแคดเมียมที่เป็นอันตรายเป็นพิษต่อสุขภาพเป็นหมื่น ๆ แสน ๆ ตันก็คือการปั่นดี ๆ นี่เอง ไม่ต่างอะไรกับที่เคยปั่นสามกีบเรื่องกัมมันตรังสีจากซีเซียม จนหลอน แตกตื่น ชักดิ้นชักงอ เมื่อปีที่แล้ว 

เพราะแคดเมียมในข่าวเป็นแค่กากแคดเมียม หรือเศษดินหินจากเหมืองที่มีแคดเมียมปะปนอยู่ด้วยในปริมาณที่น้อยมากในรูปของ แคดเมียมซัลไฟด์ หรือ แคดเมียมคาร์บอเนต ซึ่งพบได้ในธรรมชาติ ที่มีปริมาณแคดเมี่ยมน้อยมากจนยังไม่คุ้มที่สกัดแยก/ทำให้บริสุทธิ์เพื่อการพาณิชย์

ส่วนเรื่องความเป็นพิษของแคดเมียมนั้นเป็นความจริง แต่เป็นความจริงที่มีเงื่อนไข คือ แคดเมียมต้องเข้าสู่ร่างกายของเราก่อน ถึงจะเป็นพิษภัยต่อสุขภาพ ถึงจะก่อให้เกิดมะเร็งได้ ซึ่งก็มีแค่สองทางเท่านั้นที่จะเข้าสู่ร่างกายเราได้ คือ การกิน และ การหายใจเข้าไป 

การกิน ก็ตรงไปตรงมา ไม่มีใครกินแคดเมียมหรือกากแคดเมียมแน่นอน เพราะไม่อร่อย หน้าตาไม่น่ากิน ส่วนที่ห่วงว่าอาจจะละลายนํ้าแล้วเผลอกินก็ไม่ต้องห่วง เพราะแคดเมียมคาร์บอเนตไม่ละลายนํ้า และแคดเมียมซัลไฟด์ละลายนํ้าได้น้อยมาก

การหายใจเอาไอแคดเมียมเข้าสู่ร่างกาย ก็ยากไม่แพ้กัน เพราะแคดเมียมจะเป็นไอที่ 767 องศาเซลเซียส โอกาสเดียวคือ ไฟไหม้สถานที่เก็บเท่านั้น แต่ปริมาณที่น้อยนิดและสภาพเศษหินเศษดินที่กล่าวมาแล้วทำให้ความเสี่ยงน้อยลงเป็นทวีคูณ โกดังเก็บแบตเตอรี่และถ่านไฟฉายประเภท นิกเกิลแคดเมียม อันตรายมากกว่าเป็นล้านเท่า

ทั้งหมดนี้ ไม่ได้บอกว่าการลักลอบเก็บกากแคดเมียมในเขตพื้นที่อยู่อาศัยและการพาณิชย์ตามข่าวเป็นสิ่งที่ดี ที่ควรทำ ที่น่าชื่นชม แต่ต้องการบอกว่า มันไม่ได้เป็นอันตรายใหญ่โตอย่างที่ปั่น ไม่มีความจำเป็นต้องประกาศเป็นเขตภัยพิบัติอย่างที่ทำใด ๆ ทั้งสิ้น แค่ขนย้ายไปเก็บในที่ ๆ เหมาะสม ไม่ว่าจะเป็นโกดังอุตสาหกรรม หรือลานซีเมนต์โล่ง ๆ ในเขตอุตสาหกรรม หรือเร่งให้เจ้าของส่งออกไปตามที่ตั้งใจ ก็จบแล้ว 

ไหน ๆ ก็โพสต์เรื่องพิษภัยของสารเคมีก็แถมให้หน่อยละกัน 

ความเป็นพิษของสารทุกชนิดต่อมนุษย์เราขึ้นกับ...

1. Exposure การได้รับหรือการสัมผัส

2. Concentration ปริมาณ/ความเข้มข้นที่ได้รับหรือสัมผัส

ยกตัวอย่างเช่น...

เกลือทะเล หรือ โซเดียมคลอไรด์ ถ้าเราไปสปา พนักงานเขาทำนํ้าเกลือเข้มข้นให้เราลงไปแช่ตัว หรือเอาเกลือทานวดตัว เหลือไม่สามารถเข้าสู่ร่างกายเราทางผิวหนังได้ ก็ไม่สามารถเป็นพิษภัยอะไร

ถ้าเรากินเกลือในปริมาณปกติ ร่างกายเราก็ได้ประโยชน์ ถ้ากินมากไป นิดหน่อยร่างกายเราก็จะกำจัดและขับถ่ายออกมา แต่ถ้ามากเกินไปมาก ถึงจะเริ่มมีอาการ เริ่มเป็นอันตราย

ดังนั้น อย่ากลัว อย่าตื่นตระหนกจนเกินไป เดี๋ยวชีวิตจะไม่มีความสุข

‘ธนกร’ ขอบคุณ ‘สุริยะ’ แก้ปัญหาตั๋วเครื่องบินแพงช่วงเทศกาล เชื่อ!! หากคุมได้ทั้งปี จะช่วยหนุนการท่องเที่ยวภายในประเทศ

(11 เม.ย. 67) นายธนกร วังบุญคงชนะ สส.บัญชีรายชื่อ และรองหัวหน้าพรรครวมไทยสร้างชาติ (รทสช.) กล่าวว่า หลังจากที่ได้รับเรื่องร้องเรียนจากประชาชนและสะท้อนปัญหาราคาค่าตั๋วเครื่องบินแพงในช่วงเทศกาลไปยังนายสุริยะ จึงรุ่งเรืองกิจ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงคมนาคม และในคณะกรรมาธิการกิจการศาล องคร์กรอิสระ องค์กรอัยการ รัฐวิสาหกิจ องค์การมหาชนและกองทุน สภาผู้แทนราษฎรหลายครั้ง  ล่าสุด นายสุริยะได้กำชับให้นโยบายกับสำนักงานการบินพลเรือนแห่งประเทศไทย (กพท.) ทุกหน่วยงานที่เกี่ยวข้องด้านการบิน โดยมีการตอบรับอย่างดีจาก 6 สายการบินคือ การบินไทย, ไทยแอร์เอเชีย, บางกอกแอร์เวย์ส, ไทยไลอ้อนแอร์, นกแอร์ และไทยเวียตเจ็ท ได้เพิ่มเที่ยวบินในช่วงวันที่ 11-12 เมษายน และ 15-16 เมษายน รวม 104 เที่ยวบิน จำนวน 17,874 ที่นั่ง เพื่อสอดคล้องกับมติของคณะรัฐมนตรีที่กำหนดให้มีวันหยุดยาวเทศกาลสงกรานต์ปีนี้รวม 6 วัน และเพื่อแก้ไขปัญหาราคาบัตรโดยสารเครื่องบินแพงเป็นการช่วยลดค่าใช้จ่ายในการเดินทางของประชาชนด้วย โดยจะทำการบินไปยังสนามบินหลักให้ครอบคลุมทุกภูมิภาคทั้ง ภูเก็ต เชียงใหม่ สมุย อุบลราชธานี อุดรธานี และขอนแก่น

นายธนกร กล่าวว่า ทั้งนี้ทางกพท.ได้ดำเนินการสำรวจข้อมูลค่าโดยสารของวันที่ 12 เมษายน 2567 ซึ่งคาดว่าประชาชนจะเดินทางกลับภูมิลำเนาในช่วงสงกรานต์เป็นวันแรก ใน 3 เส้นทางยอดนิยม คือกรุงเทพฯ-ภูเก็ต กรุงเทพฯ-เชียงใหม่ และกรุงเทพฯ-กระบี่ 

พบว่าเส้นทางกรุงเทพฯ-ภูเก็ต โดยมีค่าโดยสารเฉลี่ยอยู่ที่ 2,611 บาทต่อเที่ยว ส่วนกรุงเทพฯ-เชียงใหม่ ค่าโดยสารเฉลี่ยที่ 2,346 บาทต่อเที่ยว และกรุงเทพฯ-กระบี่ มีค่าโดยสารเฉลี่ยเท่ากับ 2,797 บาทต่อเที่ยว ซึ่งเมื่อเทียบกับราคาค่าบัตรโดยสารในช่วงเทศกาลปีใหม่ที่ผ่านมา ถือว่าราคาลดลง 3-14%  

นอกจากนี้ขอให้รมว.คมนาคมและกพท. ควบคุมกำกับดูแลเรื่องราคาบัตรโดยสารเครื่องบินในสายการบินที่เหลือ รวมถึงขยายมาตรการดังกล่าวออกไปในช่วงปกติที่ไม่ใช่เทศกาลด้วย เพื่อเป็นการสนับสนุนนโยบายกระตุ้นการท่องเที่ยวตลอดทั้งปีของรัฐบาลด้วย

“ขอขอบคุณท่านสุริยะ กระทรวงคมนาคม และกพท.รวมถึงขอบคุณผู้บริหารทั้ง 6 สายการบิน ที่ไม่ปล่อยผ่านความเดือดร้อนของประชาชนที่ร้องเรียนเข้ามาจำนวนมาก เรื่องค่าตั๋วเครื่องบินแพง โดยเฉพาะช่วงเทศกาล จนนำมาซึ่งการควบคุมและแก้ปัญหาดังกล่าวได้สำเร็จ โดยเห็นว่าควรขยายมาตรการนี้ไว้ตลอดทั้งปี เพื่อลดค่าใช้จ่ายการเดินทาง ทั้งยังเป็นการสนับสนุนนโยบายรัฐบาลเรื่องการท่องเที่ยวด้วย โดยเชื่อว่าในช่วงมหาสงกรานต์วันหยุดยาวครั้งนี้ จะเห็นการเดินทางของพี่น้องประชาชนและดึงดูดนักท่องเที่ยวทั้งในและต่างประเทศเป็นจำนวนมาก ทำให้เศรษฐกิจหมุนเวียนเติบโตตามเป้าหมายที่รัฐบาลวางไว้ได้อย่างแน่นอน” นายธนกร กล่าว


© Copyright 2021, All rights reserved. THE STATES TIMES
Take Me Top