Thursday, 18 April 2024
NEWS

เลย -​ผบ.ร.8 พัน.1 เปิดการฝึกสิบตรีกองประจำการ ประจำปี 2567 ตามนโยบายกองทัพบก

เมื่อวันที่ 5 เมษายน 2567 เวลา 08.30 น. ที่บริเวณหน้า ศาลาจรัส – ราศรี  ค่ายศรีสองรัก อำเภอเมือง จังหวัดเลย พันโท จิรพงศ์ จะรอนรัมย์ ผู้บังคับกองพันทหารราบที่ 1 กรมทหารราบที่ 8  เป็นประธานเปิดการฝึกสิบตรีกองประจำการ ประจำปี 2567 ระยะเวลาการฝึก จำนวน 4 สัปดาห์  ตั้งแต่วันที่ 1 - 30 เมษายน 2567 โดยมี นายทหาร, นายสิบ และพลทหาร เข้าร่วมพิธี ซึ่งการฝึกสิบตรีกองประจำการนั้น นับว่าเป็นหลักสูตรที่มีความสำคัญ และจำเป็นอย่างยิ่ง โดยจะต้องคัดเลือกกำลังพลที่มีความรู้ ความสามารถ และมีความเหมาะสมโดยเป็นกำลังพลที่ผ่านการฝึกหลักสูตรครูทหารใหม่มาแล้ว หากมีการฝึกเตรียมการให้กับชุดครูฝึกมาเป็นอย่างดี ก็จะส่งผลต่อเนื่องถึงประสิทธิภาพในการฝึกสิบตรีกองประจำการของหน่วย 

ซึ่งหน่วยได้ให้หน่วยฝึกทหารใหม่ วางแผนดำเนินการฝึกสิบตรีกองประจำการอย่างจริงจังยืดถือปฏิบัติตามนโยบาย และข้อสั่งการของผู้บังคับบัญชาอย่างเคร่งครัด รวมถึงการเตรียมการในด้านต่างๆ เพื่อให้เกิดความพร้อมสำหรับการฝึกทหารใหม่ เพื่อเป็นแนวทางในการจัดการฝึกทหารกองประจำการ ที่ผ่านการฝึกหลักสูตรการฝึกครูทหารใหม่ เพื่อเพิ่มพูนคุณวุฒิให้สูงขึ้น เหมาะสมที่จะเลื่อนฐานะเป็นสิบตรีกองประจำการและบรรจุรับราชการในตำแหน่งอัตราสิบตรีกองประจำการ ตามอัตราการจัดของหน่วย ปลูกฝังอุปนิสัย  ให้เป็นบุคคลที่เคร่งครัดในระเบียบวินัยของทหาร และมีความประพฤติสุภาพเรียบร้อย เพื่อเป็นแบบอย่างแก่พลทหารทั่วไปได้ และเพื่อฝึกอบรมวิซาทหารให้กับพลทหาร ที่ฝึกอบรมครูทหารใหม่จบแล้ว เข้ารับการฝึกอบรมเพื่อเลื่อนเป็นสิบตรีกองประจำการ ให้สามารถปฏิบัติหน้าที่ตามหมายเลข ชกท. ที่ระบุตามอัตราการจัดของหน่วยได้ คุณวุฒิหรับผู้ที่จะเลื่อนเป็นสิบตรีกองประจำการ ต้องสำเร็จการฝึกตามระเบียบและหลักสูตรการฝึกครูทหารใหม่ สำหรับทหารทุกเหล่าของ ทบ. 4 สัปดาห์ พ.ศ.2563 มาแล้ว ซึ่งมีผลการตรวจสอบจากลำดับสูง ลงมาตามลำดับจนกว่าจะได้ตามจำนวนที่ต้องการ เพื่อให้เข้า รับการฝึกในหลักสูตรสิบตรีกองประจำการนี้ ส่วนผู้ที่มีผลการตรวจสอบรองลงไปทีเหลือ ให้คัดเลือกเอาไปทำหน้าที่ครูทหารใหม่ ของหน่วยต่อไป 

สืบนครบาลรวบสาวประเวศพร้อมซิมเถื่อน 200 ชิ้นอ้างทำกำไร

ตามนโยบายของ พล.ต.อ.กิตติ์รัฐ พันธุ์เพ็ชร์ รรท.ผบ.ตร. , พล.ต.อ.ธนา ชูวงศ์ รอง ผบ.ตร. , พล.ต.ท.สำราญ นวลมา ผู้ช่วย ผบ.ตร. , พล.ต.ท.ธิติ แสงสว่าง ผบช.น. สั่งการให้ พล.ต.ต.ธีรเดช ธรรมสุธีร์ ผบก.สส.บช.น. ให้ปราบปรามกลุ่มอาชญากรรมทางเทคโนโลยีที่สร้างความเดือดร้อนแก่ประชาชน โดย ซิมการ์ดเถื่อนที่ไม่ลงทะเบียนถูกต้องตามกฎหมาย

เมื่อวันที่ 4 เมษายน 2567  พล.ต.ท.ธิติ แสงสว่าง ผบช.น. , พล.ต.ต.วสันต์ เตชะอัครเกษม รอง ผบช.น. , พล.ต.ต.นพศิลป์ พูลสวัสดิ์ รอง ผบช.น. พล.ต.ต.ธีรเดช ธรรมสุธีร์ ผบก.สส.บช.น.  , พ.ต.อ.เกียรติศักดิ์ สระทองออย รอง ผบก.สส. , พ.ต.อ.วิชิต ถิรขจรวงศ์ ผกก.สส.1 บก.สส.บช.น. , พ.ต.ท.พีรบูรณ์ แก้วดู รอง ผกก.สส.1 บก.สส.บชน. , พ.ต.ท.เอกศิษฐ์ วรกิตติ์ฐากรณ์ รอง ผกก.สส.4 บก.สส.บช.น. ปฏิบัติราชการ รอง ผกก.สส.1 บก.สส.ได้สั่งการให้  พ.ต.ท.พัฒน์พงษ์ กื้อมะโน สว.กก.วิเคราะห์ข่าวฯ ปฏิบัติราชการ สว.กก.สส.1 พร้อมชุดปฏิบัติการที่ 2   จับกุม 

นางสาวอนุสรา ชวนชม อายุ 23 ปีที่อยู่ 5 ซอยเฉลิมพระเกียรติ ร.9 ซอย26 แขวงหนองบอน เขตประเวศ กทม.  

ซึ่งต้องหาว่ากระทำความผิดฐาน"เป็นธุระจัดหา โฆษณา หรือไขข่าวโดยประการใดๆ เพื่อให้มีการซื้อ ขาย ให้เช่า หรือให้ยืม บัญชีเงินฝาก บัตอิเล็กทรอนิกส์ บัญชีเงินอิเล็กทรอนิกส์ ตลอดจนเลขหมายโทรศัพท์สำหรับบริการโทรศัพท์เคลื่อนที่ ซึ่งลงทะเบียนผู้ใช้บริการในนามของบุคคลหนึ่งบุคคลใดแล้ว แต่ไม่สามารถระบุตัวผู้ใช้บริการได้ " สถานที่จับกุม บริเวณปากซอยชุมชนสระแก้ว แขวงทุ่งพญาไท เขตราชเทวี กรุงเทพฯ พร้อมของกลาง ดังนี้ ซิมการ์ด จำนวน 200 ชิ้น

พฤติการณ์ในคดี ก่อนจับกุม เจ้าหน้าที่ตำรวจชุดจับกุมได้รับคำสั่งจากผู้บังคับบัญชาให้ติดตามสืบสวนและจับกุม กลุ่มเป้าหมายผู้ที่ทำการลักลอบขายซิมโทรศัพท์มือถือที่มีการลงทะเบียนแล้ว ซึ่งเป็นที่อันจะก่อให้เกิดความเสียหายแก่ประชาชน เจ้าหน้าที่ตำรวจชุดจับกุมจึงได้ทำการสืบทราบจนพบว่า ได้มีกลุ่มเฟสบุ๊คชื่อ “ซื้อ-ขาย ซิมลงทะเบียนมือ1 มือ2” ปรากฏอยู่ จึงได้ทำการสืบสวนไปภายในกลุ่มเฟสบุ๊คดังกล่าว จนได้เจอโพสต์เฟสบุ๊คของผู้ใช้ชื่อว่า “Valen Tine” ได้โพสต์ขายซิมโทรศัพท์ลงทะเบียนแล้วภายในกลุ่มดังกล่าว จึงได้ทำการติดต่อผู้ใช้เฟสบุ๊คดังกล่าว โดยการติดต่อนั้นได้มีการวีดีโอคอลกับเจ้าหน้าที่ตำรวจฝ่ายสืบสวน พบว่ามีซิมโทรศัพท์อยู่จริง ต่อมาผู้ใช้เฟสบุ๊ค “Valen Tine” ได้ให้ติดต่อผ่านแอพพลิเคชั่นไลน์ชื่อ “Kwon Kwon” พร้อมกับได้ให้เบอร์โทรศัพท์ไว้ติดต่อเบอร์ 0970819xxxโดยได้เสนอขายซิมโทรศัพท์ให้กับเจ้าหน้าที่ฝ่ายสืบสวนในราคาซิมละ 45 บาท โดยได้แจ้งว่ามีทั้งหมด 200 ซิม และได้ให้เลขบัญชีธนาคารไทยพาณิชย์ หมายเลขบัญชี 4260341xxx ชื่อบัญชี นางสาวอนุสรา ชวนชม ไว้สำหรับการโอนชำระค่าสินค้า พร้อมได้มีการนัดหมายให้นำซิมโทรศัพท์ดังกล่าวมาส่งที่ปากซอยชุมชนสระแก้ว แขวงทุ่งพญาไท เขตราชเทวี กรุงเทพฯ ในวันที่ 4 เมษายน 2567 เวลา 15.00 น. เจ้าหน้าที่ตำรวจฝ่ายสืบสวนจึงได้แจ้งให้ผู้บังคับบัญชาทราบ และทำการวางแผนในการล่อซื้อ 

โดยผู้บังคับบัญชาได้มอบหมายให้ ร.ต.อ.พลวัต นาคถมยา รอง สว.กก.สส.1 บก.สส.บช.น. เป็นผู้ทำการติดต่อล่อซื้อ ต่อมาวันที่ 4 เมษายน 2567 เวลาประมาณ 15.00 น. ร.ต.อ.พลวัตฯ ได้รับการติดต่อจากเบอร์โทรศัพท์ 0970819xxx ว่าได้เดินทางมาถึงจุดนัดหมายแล้ว ร.ต.อ.พลวัตฯ จึงได้เดินทางไปยังจุดนัดหมาย พบนางสาวอนุสรา ชวนชม (ทราบชื่อ-สกุล ภายหลัง) ได้ยืนอยู่บริเวณดังกล่าว โดยได้แสดงกล่องที่บรรจุซิมไว้ ซึ่งได้ตรวจสอบพบว่ามีซิมโทรศัพท์แบบลงทะเบียนแล้วจริง จึงได้แจ้งเจ้าหน้าที่ตรวจชุดจับกุม ให้เข้าทำการจับกุมนางสาวอนุสราฯ และได้ทำการตรวจยึด ของกลางตามบัญชีของกลางแนบท้าย เจ้าหน้าที่ตรวจชุดจับกุมจึงได้แจ้งข้อกล่าวหาว่า “เป็นธุระจัดหา โฆษณา หรือไขข่าวโดยประการใดๆ เพื่อให้มีการซื้อ ขาย ให้เช่า หรือให้ยืม บัญชีเงินฝาก บัตอิเล็กทรอนิกส์ บัญชีเงินอิเล็กทรอนิกส์ ตลอดจนเลขหมายโทรศัพท์สำหรับบริการโทรศัพท์เคลื่อนที่ ซึ่งลงทะเบียนผู้ใช้บริการในนามของบุคคลหนึ่งบุคคลใดแล้ว แต่ไม่สามารถระบุตัวผู้ใช้บริการได้” และได้แจ้งสิทธิให้นางสาวอนุสราฯ ทราบจนเข้าใจแล้ว 

โดยในชั้นจับกุมนางสาวอนุสราฯ ได้ให้การรับสารภาพตลอดข้อกล่าวหา โดยได้ให้การว่า ได้ทำการรับซื้อซิมโทรศัพท์จากแอพพลิเคชั่นออนไลน์แพลตฟอร์มต่างๆ ในราคาประมาณ 30-35 บาท เพื่อมาทำการขายต่อเพื่อเอากำไรจริง เจ้าหน้าที่ตำรวจชุดจับกุมจึงได้นำผู้ต้องหาไปยังที่ทำการพนักงานสอบสวน สน.พญาไท เพื่อดำเนินคดีตามกฎหมายต่อไป

🔹 นำตัวส่ง พนักงานสอบสวน สน.พญาไท เพื่อดำเนินการตามกฎหมายต่อไป

'พล.ต.อ.กิตติ์รัฐฯ' ประชุมมาตรการปฏิบัติในช่วงเทศกาลสงกรานต์ 2567 กำชับความพร้อมดูแลความปลอดภัย อำนวยความสะดวกการจราจร และลดอุบัติเหตุทางถนน ตลอดช่วงเทศกาลสงกรานต์ พร้อมเปิดโครงการฝากบ้าน 4.0 วันที่ 11-21 เมษายนนี้

วันนี้ (5 เม.ย.67) เวลา 11.00 น. พล.ต.อ.กิตติ์รัฐ พันธุ์เพ็ชร รองผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ รักษาราชการแทนผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ (รอง ผบ.ตร.รรท.ผบ.ตร.) เป็นประธานการประชุมเตรียมความพร้อมในการป้องกันปราบปรามอาชญากรรม และอำนวยความสะดวกด้านการจราจร ในช่วงเทศกาลสงกรานต์ 2567 ณ ห้องประชุม ศปก.ตร. ชั้น 20 อาคาร 1 สำนักงานตำรวจแห่งชาติ โดยมี พล.ต.ท.ประจวบ วงศ์สุข , พล.ต.ท.นิรันดร เหลื่อมศรี , พล.ต.ท.ธัชชัย ปิตะนีละบุตร ,พล.ต.ท.สำราญ นวลมา, พล.ต.ท.ภาคภูมิภิภัทฒ์ สัจจพันธุ์ , พล.ต.ท.อัคราเดช พิมลศรี ผู้ช่วย ผบ.ตร. , พล.ต.ท.นิธิธร จินตกานนท์ ผบช.ประจำ สง.ผบ.ตร. และข้าราชการตำรวจที่เกี่ยวข้อง เข้าร่วมประชุม

พล.ต.อ.กิตติ์รัฐ ฯ กล่าวว่า รัฐบาลได้จัดงาน “มหาสงกรานต์ World Songkran Festival” ทั่วประเทศ เพื่อส่งเสริมการท่องเที่ยว ระหว่างวันที่ 1-21 เมษายน 2567 นอกจากนี้ ได้กำหนดให้วันที่ 12-16 เมษายน 2567 เป็นวันหยุดราชการ สำนักงานตำรวจแห่งชาติคาดว่าจะมีประชาชนและนักท่องเที่ยวจำนวนมาก เดินทางกลับภูมิลำเนาหรือเดินทางท่องเที่ยวตามแหล่งท่องเที่ยวหรือสถานที่จัดงานมหาสงกรานต์ทั่วประเทศ เพื่อให้การดูแลรักษาความปลอดภัย และอำนวยความสะดวกด้านการจราจร ป้องกันและลดอุบัติเหตุทางถนน เป็นไปอย่างมีประสิทธิภาพ เกิดความสงบเรียบร้อยในทุกพื้นที่ สอดคล้องกับนโยบายรัฐบาลและสำนักงานตำรวจแห่งชาติ จึงได้สั่งการให้ทุกหน่วยปฏิบัติตามมาตรการอย่างเคร่งครัด

มาตรการป้องกันและปราบปรามอาชญากรรม ให้กองบัญชาการตำรวจนครบาล , ตำรวจภูธรภาค 1-9 , กองบัญชาการตำรวจสอบสวนกลาง , กองบัญชาการตำรวจปราบปรามยาเสพติด , กองบัญชาการตำรวจท่องเที่ยว , สำนักงานตรวจคนเข้าเมือง , กองบัญชาการตำรวจสืบสวนสอบสวนอาชญากรรมทางเทคโนโลยี และกองบัญชาการตำรวจตระเวนชายแดน จัดทำแผนปฏิบัติการป้องกันปราบปรามอาชญากรรมพื้นที่จัดกิจกรรมสงกรานต์ และระดมกวาดล้างอาชญากรรมทุกประเภท ทั้งอาชญากรรมทั่วไปและอาชญากรรมทางเทคโนโลยี ช่วงก่อนวันหยุดเทศกาลสงกรานต์ วันที่ 1-10 เมษายน 2567 และจัดทำ “โครงการร่วมใจ ยกระดับความปลอดภัยบ้านประชาชนช่วงเทศกาลสำคัญ (ฝากบ้าน 4.0)” ระหว่างวันที่ 11-21 เมษายน 2567 รวมระยะเวลา 11 วัน โดยให้ประชาชนเข้าร่วมโครงการผ่านแอปพลิเคชัน “OBS” หรือที่สถานีตำรวจ และให้หน่วยดำเนินการคืนบ้านที่เข้าร่วมโครงการฯ ให้เรียบร้อยภายในวันที่ 22 เมษายน 2567 

มาตรการป้องกันเหตุการณ์ก่อความไม่สงบในพื้นที่ ให้กองบัญชาการตำรวจนครบาล , ตำรวจภูธรภาค 1-9 , กองบัญชาการตำรวจสอบสวนกลาง , กองบัญชาการตำรวจท่องเที่ยว และกองบัญชาการตำรวจตระเวนชายแดน กำหนดแผนเผชิญเหตุ หรือมาตรการในการป้องกันการฉวยโอกาสของผู้ไม่หวังดีหรือผู้เสียผลประโยชน์ก่อความไม่สงบในพื้นที่ โดยเพิ่มความเข้มงวดในการตรวจรักษาความปลอดภัยสถานที่เชิงสัญลักษณ์ สถานที่ราชการ สถานที่ท่องเที่ยวที่เป็นที่นิยม และสถานที่สำคัญต่างๆ เช่น ท่าอากาศยาน ท่าเรือ สถานีรถไฟ เป็นต้น นอกจากนี้ ให้สำนักงานตรวจคนเข้าเมืองปราบปรามการกระทำความผิดตามพระราชบัญญัติคนเข้าเมือง พ.ศ.2522 ทุกมิติ และให้สำนักงานพิสูจน์หลักฐานตำรวจ โรงพยาบาลตำรวจ และกองบินตำรวจ จัดเตรียมความพร้อมของเจ้าหน้าที่และเครื่องมืออุปกรณ์ ให้สามารถสนับสนุนการปฏิบัติโดยเร็วที่สุดเมื่อเกิดเหตุ 

มาตรการบังคับใช้กฎหมายและอำนวยความสะดวกด้านการจราจร แบ่งเป็น ช่วงก่อนควบคุมเข้มข้น 7 วัน ระหว่างวันที่ 4-10 เมษายน 2567 , ช่วงควบคุมเข้มข้น 7 วัน ระหว่างวันที่ 11-17 เมษายน 2567 และช่วงหลังควบคุมเข้มข้น 7 วัน ระหว่างวันที่ 18-24 เมษายน 2567 ให้กองบัญชาการตำรวจนครบาล , ตำรวจภูธรภาค 1-9 , กองบังคับการตำรวจจราจร และกองบังคับการตำรวจทางหลวง เตรียมความพร้อมกำลังพล สำรวจ ปรับปรุงเครื่องหมายจราจร ประสานขอคืนพื้นที่จุดซ่อมแซมผิวถนนให้มากที่สุด รวมทั้งสำรวจเส้นทางสำรอง ทางเลี่ยง ทางลัด จัดทำข้อมูลเส้นทางประชาสัมพันธ์ไปยังพี่น้องประชาชน จัดกำลังอำนวยความสะดวกในจุดที่มีการจราจรหนาแน่น พิจารณาเส้นทางที่จะกำหนดเป็นเส้นทางเดินรถพิเศษ (Reversible Lane) โดยเปิดช่องทางพิเศษขาออก 9 สาย 10 จังหวัด รวมระยะทาง 219 กิโลเมตร ส่วนขากลับเปิดช่องทางพิเศษ 9 สาย 14 จังหวัด รวมระยะทาง 238 กิโลเมตร รวมทั้งกำหนดเส้นทางที่ห้ามรถบรรทุก 10 ล้อขึ้นไป เดินรถในช่วงเทศกาลสงกรานต์ 2567 เพื่อลดปัญหาการจราจรติดขัด และกำชับตำรวจทางหลวงและตำรวจท้องที่จัดชุดเคลื่อนที่เร็ว เพื่อลงไปแก้ปัญหาและอำนวยความสะดวกพี่น้องประชาชนหากเกิดอุบัติเหตุหรือต้องการความช่วยเหลือ อย่างรวดเร็วทันท่วงที

นอกจากนี้ ได้กำชับให้มีการบังคับใช้กฎหมายอย่างเข้มงวด เพื่อมุ่งเน้นการลดอุบัติเหตุทางถนนตามมาตรการ 10 ข้อหาหลัก และพระราชบัญญัติควบคุมเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ พ.ศ.2551 กรณีห้ามจำหน่ายสุราในเวลาห้าม ห้ามดื่มเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ในสถานที่กฎหมายกำหนด ห้ามขายเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ให้บุคคลอายุต่ำกว่า 20 ปี และบุคคลที่มีอาการมึนเมาจนครองสติไม่ได้ รวมทั้งกรณีเกิดอุบัติเหตุจราจรที่มีคู่กรณี หรือมีผู้บาดเจ็บหรือเสียชีวิต ให้พนักงานสอบสวนทำการตรวจวัดระดับแอลกอฮอล์ผู้ขับขี่ทุกราย และดำเนินคดีให้ครบทุกข้อหา ส่วนผู้ขับขี่ที่อายุต่ำกว่า 20 ปี ให้ขยายผลถึงผู้จำหน่าย ผู้ส่งเสริม หรือยินยอมให้เด็กประพฤติตนไม่สมควร

มาตรการประชาสัมพันธ์ ให้โฆษกสำนักงานตำรวจแห่งชาติ รวมทั้งโฆษกทุกหน่วย และกองสารนิเทศ ประชาสัมพันธ์ให้ข้อมูลข่าวสาร แจ้งเตือน และขอความร่วมมือประชาชนในการป้องกันอาชญากรรม การประทุษร้ายต่อทรัพย์ หรืออันตรายที่อาจจะเกิดขึ้นในช่วงเทศกาลสงกรานต์ รวมทั้งประชาสัมพันธ์เส้นทางในการเดินทางให้เกิดความสะดวก ปลอดภัย โดยประสานความร่วมมือกับภาคีเครือข่าย เช่น สวพ.91 , จส100 ในการประชาสัมพันธ์ข้อมูลข่าวสารต่างๆ ไปยังพี่น้องประชาชนทั่วประเทศ

นอกจากนี้ พล.ต.อ.กิตติ์รัฐ ฯ กล่าวว่า สำนักงานตำรวจแห่งชาติวางมาตรการดูแลพี่น้องประชาชนในช่วงเทศการสงกรานต์ทุกมิติอย่างเต็มที่ ร่วมทั้งการดูแลความปลอดภัยทางถนน เพื่อให้มีการเกิดอุบัติเหตุให้น้อยที่สุดเท่าที่จะทำได้ ทั้งนี้ หากพี่น้องประชาชนต้องการแจ้งเหตุ ขอความช่วยเหลือ สามารถใช้หมายเลขสายด่วน 191 หรือสายด่วนตำรวจทางหลวง 1193 หรือในพื้นที่กรุงเทพมหานคร สายด่วนกองบังคับการตำรวจจราจร 1197 ได้ตลอด 24 ชั่วโมง

'ต่างชาติ' อึ้ง!! สัญญาณ 5G ของไทยสุดครอบคลุม  ทั่วถึงทุกพื้นที่ 'บนภูเขา-กลางทะเล' ก็ยังมีสัญญาณ

(4 เม.ย.67) เป็นไวรัลที่ถูกพูดถึงไม่น้อย เมื่อผู้ใช้ X รายหนึ่งได้โพสต์รูปแผนที่สัญญาณ 5G ของเอเชีย หากพื้นที่ใดปรากฏจุดสีม่วงมากแสดงว่ามีสัญญาณ 5G ครอบคลุม

ผลลัพธ์คือนอกจาก สิงคโปร์ ฮ่องกง และไต้หวัน ไทยยังเป็นอีกหนึ่งพื้นที่ที่มีสัญญาณ 5G ครอบคลุม ขึ้นจุดสีม่วงโดดเด่นออกมาจากประเทศเพื่อนบ้านอย่าง ลาว กัมพูชา และเมียนมา ทำเอาทางเจ้าของโพสต์ถึงกับเอ่ยชมว่า ‘สัญญาณ 5G ของไทยนั้นบ้าไปแล้ว’

ซึ่งโพสต์ครั้งนี้ถูกแชร์ออกไปอย่างกว้างขวางทั้งชาวไทยและต่างชาติ สำหรับชาวไทยแล้ว บ้างก็รู้สึกว่าอินเทอร์เน็ตไทยยังช้าอยู่ บ้างก็ร่วมแชร์ประสบการณ์การใช้อินเทอร์เน็ตไทยที่สุดแสนจะครอบคลุม แม้แต่ในน้ำ กลางทะเล ก็ยังมีอินเทอร์เน็ตให้เล่น

นอกจากนี้ยังมีชาวเน็ตจากประเทศอาเซียนจำนวนมากที่แห่เข้ามาคอมเมนต์ โดยเฉพาะชาวอินโดนีเซีย เพราะต่างรู้สึกอิจฉาที่ไทยมีสัญญาณ 5G ครอบคลุม แตกต่างจากประเทศพวกเขาที่พบในบางพื้นที่เท่านั้น

“อินโดนีเซียทำไม่ได้หรอก”, “อินโดนีเซียก็ทำได้แค่ฝัน โดยเฉพาะตรงเกาะสุมาตรา ไม่น่าแปลกใจเลยที่ฉันไม่เคยเห็น 5G แบบนี้บนหน้าจอโทรศัพท์ของฉันเลย แม้จะมีอุปกรณ์ที่ทันสมัย สามารถรองรับ 5G ได้มากแค่ไหนก็ตาม”, “อินโดนีเซียล้าหลังไปตลอดกาล 555 ฉันอาศัยอยู่ในกาลิมันตัน 4G ของเรายังรู้สึกเหมือน 3G เลย”, “เห็นความต่างของอินเทอร์เน็ต ตอนที่ฉันเดินทางจากพะเยากลับมาเลเซีย ฉันเลยคิดว่าอยากไปอยู่พะเยาแทน”

'มูลนิธิพระราหู' มอบ 1 แสน ช่วยครอบครัว ‘อดีต ผกก.ลาดยาว’ ที่เสียชีวิต หวังเป็นทุนการศึกษาแก่บุตรและค่าครองชีพของครอบครัวต่อไป

(4 เม.ย 67) พ.ต.อ.นครพัฒน์ พรหมพันธุ์ ที่ปรึกษามูลนิธิพระราหู โดย ดร.หิมาลัย ผิวพรรณ ประธานที่ปรึกษามูลนิธิฯ ได้มอบทุนการศึกษาและค่าครองชีพในการดํารงชีวิตกับทางมูลนิธิ ให้กับ นางอมรรัตน์ กิจโสภณไพศาล และครอบครัว ภรรยา พ.ต.อ.วัฒนกิจ เฉลาประโคน อดีต ผกก.สภ.ลาดยาว จ.นครสวรรค์ ที่เสียชีวิตกะทันหัน เมื่อวันที่ 20 ก.พ. 66 ขณะเข้ามาประชุมที่สโมสรตำรวจ ร่วมกับข้าราชการตำรวจอื่น เพื่อตอบข้อซักถามเกี่ยวกับสถิติการดำเนินคดีกับคนต่างด้าว

ขณะนั้นพ.ต.อ.วัฒนกิจ นั่งอยู่บนเก้าอี้ปกติในห้องประชุม จู่ๆ ก็เกิดอาการวูบหมดสติ เพื่อนๆ พยายามช่วยทำซีพีอาร์แต่ไม่เป็นผล ก่อนนำตัวส่ง รพ.วิภาวดี ช่วยเหลือปั๊มหัวใจนานเกือบ 1 ชั่วโมง และเสียชีวิต ส่วนสาเหตุคาดว่าพักผ่อนไม่เพียงพอก่อนหมดสติและเสียชีวิต

ทางมูลนิธิพระราหู ทราบเรื่อง ว่าทางครอบครัวประสบปัญหาในการดำรงชีวิตประจำวัน เนื่องจากผู้เสียชีวิตเป็นหลักในการดูแลครอบครัว ทางมูลนิธิ พระราหู จึงได้มอบทุนการศึกษาบุตรและค่าครองชีพจำนวน 100,000 บาท ให้กับทางครอบครัวของ พ.ต.อ.วัฒนกิจ เพื่อบรรเทาความเดือดร้อน และจะพิจารณาให้ทุนการศึกษาแบบต่อเนื่องต่อไป

โดยนางอมรรัตน์ ได้กล่าวขอบคุณ มูลนิธิพระราหู เป็นอย่างสูงหลังจาก พ.ต.อ.วัฒนกิจ สามีเสียชีวิต ที่ถือว่าเป็นเสาหลักของครอบครัว เพราะตัวเองเป็นแม่บ้าน ต้องดูแลบุตรอีก 2 คนที่กำลังศึกษาอยู่

‘เด็กหญิงชาวสงขลา’ ก้มกราบพระบาท ‘กรมสมเด็จพระเทพฯ’ พร้อมเล่าขณะเข้าเฝ้า ครั้งหนึ่งได้เป็นคนไข้ในพระราชานุเคราะห์

(4 เม.ย. 67) เพจเฟซบุ๊ก ‘ธรรมศาสตร์พิทักษ์ธรรม’ ได้โพสต์รูปภาพพร้อมข้อความเกี่ยวกับ ‘น้อง นร. สุดยอดเยาวชน’ ควรดูไว้เป็นแบบอย่างที่ควรทำตาม ระบุว่า…

“#ซาบซึ้ง! ‘น้อง นร. สุดยอดเยาวชน’ ควรดูไว้เป็นแบบอย่าง ที่ควรทำตาม

...วันพุธ ที่ ๓๐ พฤศจิกายน ๒๕๕๙ สมเด็จพระเทพรัตนราชสุดาฯ สยามบรมราชกุมารี เสด็จฯ ไปทรงเปิด ‘การประชุมวิชาการวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยีแห่งประเทศไทย ครั้งที่ ๔๒’ พร้อมทั้งทรงฟัง ‘ปาฐกถาพิเศษของนักวิทยาศาสตร์รางวัลโนเบล’ ณ โรงแรมเซ็นทาราแกรนด์ลาดพร้าว

...หลังจากทรงฟังบรรยายเสร็จแล้ว ก็จะมี ‘นิทรรศการโครงงานวิทยาศาสตร์’ ที่ ‘นักเรียนระดับชั้นมัธยมที่ได้รับรางวัลชนะเลิศ’ มานำเสนอผลงานให้ทรงทอดพระเนตร

...ซึ่ง ‘บูธนิทรรศการของโรงเรียนสทิงพระวิทยา จ.สงขลา’ น้องนักเรียนผู้หญิงชื่อบุปผา ได้ถวายรายงานจนจบ ต่อจากนั้นได้หันไปหยิบ ‘เอกสารฉบับหนึ่ง’ แล้วกราบบังคมทูล ‘สมเด็จพระเทพรัตนฯ’ ว่า ขอพระราชทานทูลเกล้าทูลกระหม่อมถวาย ‘เอกสารใบส่งตัวคนไข้’ พร้อมทั้งลงไปกราบพระบาท แล้วเล่าถวายว่า "เธอคือเด็กผู้หญิง ที่ถูกน้ำมันในตะเกียงไฟลวกหน้าและลำตัวตั้งแต่ อายุ ๖ เดือน"

...ตอนอายุได้ ๒ ขวบ ‘สมเด็จพระเทพฯ’ ได้เสด็จฯ ไปจังหวัดสงขลา แล้ว ‘แม่ของน้องบุปผา’ ได้เข้าเฝ้าฯ รับเสด็จ และขอพระราชทานความช่วยเหลือที่หน่วยแพทย์

...ซึ่งท่านได้ ‘ทรงรับเด็กหญิงคนนี้เป็นคนไข้ในพระราชานุเคราะห์’ เมื่อราว ๆ ๑๖ ปีก่อน ทำให้เธอได้รับ ‘การรักษาจนอาการดีขึ้น’ ถึงแม้จะมี ‘แผลเป็นบนใบหน้า’ โดนเพื่อนล้อต่าง ๆ นานา เธอก็ตั้งใจเรียนโดยไม่ย่อท้อ เพื่อวันหนึ่งจะมีโอกาส ‘ได้เข้าเฝ้าฯ กราบพระบาทสำนึกในพระมหากรุณาธิคุณที่แม่เธอเคยสอนไว้’

...ซึ่งวันนี้ เธอทำสำเร็จแล้ว! น้องบอกกับพระองค์ท่านว่าตั้งใจเรียน ‘ได้ที่หนึ่ง’ มาตลอด แล้วอยากตอบแทนสังคมด้วยการเป็น ‘คุณครู’ ตอนนี้ ‘สอบตรงมหาวิทยาลัยสงขลานครินทร์’

...ท่านรับสั่งว่า "ขอให้ตั้งใจ! ถ้าสอบได้! จะพระราชทานทุนให้เรียนจนจบ" โห!! น้องน้ำตาท่วมก้มลงไปกราบอีกรอบ ทุกคนรอบข้างนี่! น้ำตาไหลกันหมด…”

Otto Manu

'หมอดื้อ' หวั่น!! สหรัฐฯ กำลังสร้างแล็บค้างคาวติดเชื้อไวรัส วิจัย 'อีโบลา-โควิด-นิปาห์' ตัดแต่งพันธุกรรมให้ก่อโรค

(4 เม.ย. 67) นพ.ธีระวัฒน์ เหมะจุฑา ผู้อำนวยการศูนย์วิทยาศาสตร์สุขภาพโรคอุบัติใหม่ คณะแพทยศาสตร์ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย ได้โพสต์ข้อความผ่านเฟซบุ๊กในหัวข้อ 'สหรัฐฯ กำลังสร้างแล็บค้างคาวติดเชื้อไวรัส อีโบลา โควิด และนิปาห์' ระบุว่า...

สหรัฐฯ กำลังสร้างแล็บค้างคาวติดเชื้อไวรัส ทั้ง อีโบลา โควิด และนิปาห์ ด้วยทุน 12 ล้านเหรียญ อนุมัติโดย นาย แอนโทนี เฟาซี ผ่านไปยัง Colorado state university (CSU) ร่วมกับ EcoHealth alliance โดยมีนาย Peter Daszak ดำเนินการสร้างห้องปฏิบัติการขนาดพื้นที่ 14,000 ตารางฟุต (ใช้เงิน 6.7 ล้านเพรียญ) และร่วมกับนักวิทยาศาสตร์จีน นำเข้าค้างคาวจากเอเชียทดลองเชื้อโควิด, อีโบลา, นิปาห์

โครงการได้เริ่มดำเนินการเดือนตุลาคม 2023 และจะปฏิบัติการได้ในปี 2025

นพ.ธีระวัฒน์ เผยอีกว่า ข้อมูลดังกล่าวได้รับการเปิดเผยจากองค์กรการกุศล White coat waste project จากกฎหมาย ความโปร่งใส ที่สามารถขอให้ หน่วยงาน เปิดเผยข้อมูล และเผยแพร่แล้ว ผ่านทาง X และ dailymail วันที่ 10 พฤศจิกายน 2023

ทั้งนี้ ผู้ให้ทุนและผู้ดำเนินการ อ้างว่าจะเป็นห้องปฏิบัติการหนึ่งเดียวในโลกที่สามารถนำค้างคาวจากเอเชีย (และทั้งโลก) มาเลี้ยงและออกลูก และจะทำการปล่อยเชื้อที่สำคัญคือ อีโบล่า โควิด และเชื้อนิป้าห์ โดยจะทำให้สามารถเข้าใจว่าเชื้อไวรัสร้ายแรงเหล่านี้อยู่ในตัวค้างคาวได้อย่างไร และแพร่เชื้อไปมนุษย์ได้อย่างไร

ห้องปฏิบัติการนี้อยู่ใน Campus ของ CSU ใน Fort Collins ทางเหนือของ Denver ซึ่งอยู่ห่างไม่มากจากที่มีประชาชนอาศัยอยู่ราว 168,000 คน

ในเดือนกันยายน 2023 NIH ได้ประกาศยุติการให้ทุนสำหรับการหาไวรัสจากค้างคาวและสัตว์ป่าที่ให้ในและนอกประเทศ

แต่ขณะเดียวกัน ก็ได้วางแผนในแผ่นดิน สหรัฐฯ เอง ในเรื่องดังกล่าว และกำลังได้รับการต่อต้านจากสมาชิกสภาของสหรัฐฯ

ทั้งนี้ มี ดร.เทรซี่ โกลด์สไตน์ เป็นผู้ขับเคลื่อนสำคัญของโครงการ deep VZN ของ USAID ในการหาไวรัสจากค้างคาว หลังจากที่ได้รับทราบว่าจะมีการยุติโครงการจากการที่มีการเปิดเผยข้อมูลของหนังสือพิมพ์วอชิงตัน Post ได้ลาออกและรับตำแหน่งใหม่เป็นผู้อำนวยการของสถาบันone Health ของ CSU ในเดือน มิถุนายน 2023 และรับผิดชอบงานของห้องปฏิบัติการค้างคาวและเชื่อไวรัสต่อ

ย้อนไปในปี 2018 นายเฟาซี ได้นำไวรัสจาก สถาบันวิจัยไวรัส อู่ฮั่น มาติดเชื้อให้ค้างคาว ที่ได้มาจากสวนสัตว์แมรี่แลนด์ ในห้องปฏิบัติการที่รัฐ Montana ซึ่งเป็นเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นหนึ่งปีก่อนหน้าการเกิดระบาดโควิด และทำรายงานไปว่าไม่เกี่ยวข้องกับการเกิดโควิด แต่นี่เป็นหลักฐานของการเชื่อมโยงการทำงานของสหรัฐฯ กับสถาบันไวรัสอู่ฮั่นของประเทศจีนอีกชิ้นหนึ่ง นอกเหนือจากที่มีการสืบสวนสอบสวนและเปิดเผยในสภาคองเกรส และเอกสารต่อประชาชนทั่วไปในเดือนมกราคม 2023 (มีภาพจาก Dailymail แสดงถึงพื้นที่ของห้องปฏิบัติการและพิมพ์เขียว)

จากการรายงานของหนังสือพิมพ์วอชิงตันโพสต์ในวันที่ 10 เมษายน 2023 สหรัฐฯ ผ่านทางกระทรวงกลาโหม USAID DARPA DTRA NIH และ EcoHealth alliance ส่งเงินทุนให้ประเทศต่าง ๆ ในทุกทวีปของโลกในการเสาะแสวงหาไวรัสใหม่ ๆ ที่ไม่รู้จักชื่อในค้างคาวและสัตว์ป่ารวมทั้งในเอเชียและประเทศไทยเอง ตลอดจนให้มีการส่งไวรัสเหล่านี้เพื่อไปตัดแต่งพันธุกรรมให้เข้ามนุษย์และก่อโรคได้ดียิ่งขึ้น

ข้อมูลใน Dailymail 31 ตุลาคม 2023 อ้างอิงเอกสารจาก องค์กร white coat waste project โดยได้ข้อมูลผ่านกฎหมาย ความโปร่งใส พบว่าในระหว่างปี 2015 ถึง 2023 มีการผันเงินของสหรัฐฯ จากสถาบัน NIH ให้ห้องปฏิบัติการในประเทศจีนเพื่อทดลองในสัตว์ เป็นจำนวน 3,306,061 เหรียญสหรัฐ

1. University of Southern California จากทุนที่ได้รับ 1.9 ล้านเหรียญ ให้ Peking University 576,453 เหรียญในการเจาะสมองหนูและฉีดไวรัสเข้าไปในสมองหลังจากนั้นทำให้ตายและศึกษาสมอง

2. University of South Florida จากทุนที่ได้รับ 28.9 ล้านเหรียญ ให้ China Medical University, Kunming Medical University, and Beijing’s Zhongyu Bioengineering Co. 812,906 เหรียญ ในการสร้างเชื้อมาลาเรียสายพันธุ์ดื้อยาและฉีดเข้าไปในหนูจากนั้นให้ยุงเข้าไปกัดและดื่มเลือด

3. University of California-Irvine ได้ทุน 4.3 ล้านเหรียญ ให้ Wuhan Institute of Virology 216,000 เหรียญ ฉีดเชื้อ ไวรัส เฮอร์ปีส์ เข้าไปในสมองหนู

4. Microsoft co-founder Paul Allen’s Allen Institute ได้ทุน 64.7 ล้านเหรียญ ให้ 993,000 เหรียญ แก่ Huazhong University of Science and Technology ในการตัดชิ้นเนื้อสมองของหนูอายุน้อยน้อยและทำการวิเคราะห์

5. Emory University ได้ทุน 38.6 ล้านเหรียญ ให้ 515,418 เหรียญ แก่ Chinese Academy of Agricultural Sciences Harbin Veterinary Institute ในการ รวบรวมเชื้อไวรัสไข้หวัดนกที่อันตรายจากตลาดสดของประเทศจีนและนำเชื้อเหล่านี้ฉีดเข้าจมูกของหนู mice และ guinea pigs

6. University of Illinois ได้ทุน 1.7 ล้านเหรียญ ให้ 149,832 เหรียญ แก่ Institute Pasteur of Shanghai ในการทำให้หนูติดเชื้อวัณโรคหลังจากนั้นทำให้ตายและทำการศึกษาต่อ

7. Eastern Virginia Medical School ได้ทุน 35.5 ล้านเหรียญ ให้ 42,452 เหรียญ แก่ Zhangliang Digging Machine Business Department ในการศึกษา ใช้ยาตับอักเสบ และยา HIV ในลิง

นพ.ธีระวัฒน์ กล่าวอีกว่า กระบวนการเหล่านี้เกิดขึ้นมานานและในประเทศไทยเองด้วย ผ่านองค์กรต่างประเทศ ที่ฝังตัวในประเทศไทย อย่างน้อย 33 ปี และปัจจุบันอยู่ในสถาบันหลัก มหาวิทยาลัยและโรงเรียนแพทย์ต่าง ๆ ทั้งด้านคนและสัตว์ ทั้งการรวบรวมตัวอย่างเชื้อที่ไม่ใช่เฉพาะ แต่เชื้อไวรัสรวม แบคทีเรียและปรสิต จนกระทั่งมีการตัดต่อตกแต่งพันธุกรรม โดยส่งให้ต่างประเทศในเครือข่าย

นี่เป็นสิ่งที่คนไทย ต้องมีความตระหนักรู้ว่า...ประเทศไทยเข้าไปมีส่วนเกี่ยวพันและเมื่อเกิดความเสียหายในประเทศที่ไม่ใช่แต่ประเทศไทยอย่างเดียว เป็นที่ใดในโลกนี้และสืบค้นความเชื่อมโยง 

ประเทศไทยคงต้องรับผิดชอบ

‘แฟนข่าวโหนกระแส’ ชม ‘ทนายปลาย’ น่ารัก-น้ำเสียงดี-พูดน่าฟัง ฟาก ‘หนุ่ม กรรชัย’ ถึงขั้นเอ่ยปากอยากเชิญมาร่วมรายการตลอด

หลังกลายเป็นดราม่าขึ้นมา เมื่อ ‘แม่ปูนา แม่ค้าปูดอง-อ่องมันปู’ ติดป้ายทวงหนี้ ‘จั๊กกะบุ๋ม เชิญยิ้ม’ ตลกดัง หลังทำของให้ตลกดังไปขาย แต่กลับไม่เคยได้เงิน ติดตามทวงเท่าไหร่ก็ไม่เคยได้ จนต้องไปติดป้ายทวงเงินกลางห้างดัง

ก่อนหน้านี้ ทั้งแม่ปูนา และจั๊กกะบุ๋ม มาออกรายการโหนกระแส ดำเนินรายการโดย หนุ่ม กรรชัย ระหว่างออกรายการจั๊กกะบุ๋มเล่าที่มาที่ไปของหนี้ พร้อมระบุตอนนี้ต้องใช้หนี้รายวัน ถึงวันละ 40,000 บาท แถมยังบอกว่าตอนนี้คำว่าไม่มีไม่หนีไม่จ่าย เหมือนเป็นแบรนด์โลโก้ของตัวเองไปแล้ว

ไม่จบแค่นั้น เมื่อรอบนี้ แม่ปูนา โดนขุดและกล่าวหา อ้างว่าแม่ปูนาก็เป็นหนี้จากการขายมันปูและปูเช่นกัน ทำให้รายการโหนกระแส ดำเนินรายการโดย หนุ่ม กรรชัย เชิญ แม่ปูนา มาชี้แจงปมร้อนนี้แบบเคลียร์ชัด ๆ ในรายการ

โดยการดำเนินรายการ ตอนแรกมีทนายเจมส์ มาร่วมแสดงความคิดเห็นทางข้อกฎหมายในกรณีนี้ แต่เนื่องจากทนายเจมส์ติดธุระ เลยต้องขอตัวจากรายการไปก่อน

ทำให้ทนายไพศาล ส่งทีมงานทนายความมาร่วมรายการ เป็นทนายสาวชื่อ ‘ทนายปลาย เอมมิกา สุดพันธ์’ เมื่อแฟนรายการได้เห็นทนายสวยหน้าใส เสียงหวาน ถึงขนาดหนุ่ม กรรชัย ยังบอกต่อไปจากนี้จะเชิญทนายปลายมาออกรายการตลอด

จากนั้นหนุ่ม กรรชัย ถามเคยออกทีวีหรือไม่ และเขินมั้ย ทนายปลายจึงตอบว่า ไม่เคยออกทีวี และเขินนิดนึง

เช่นเดียวกับแฟนรายการที่เข้ามาคอมเมนต์กันแบบรัว ๆ เพราะเพียงแค่ทนายปลายพูดแค่ว่า “สวัสดีค่ะ” คนก็แห่เข้ามาคอมเมนต์กันสนั่นว่า “พูดดีมากเลย”

ผู้สื่อข่าวรายงานว่า สำหรับ ทนายปลาย เอมมิกา ปัจจุบันเป็นหนึ่งในทีมทนายความของ ทนายไพศาล เรืองฤทธิ์ โดยเพิ่งจบจากสำนักวิชานิติศาสตร์ มหาวิทยาลัยแม่ฟ้าหลวง เพิ่งรับปริญญาไม่นานมานี้

'ท่านอ้น' ปิดคอมเมนต์ Facebook  หลังเปิดแล้วเจอแต่คนมาปั่นประเด็น

(4 เม.ย. 67) ‘ท่านอ้น วัชเรศร วิวัชรวงศ์’ โอรสในพระบาทสมเด็จพระวชิรเกล้าเจ้าอยู่หัว ได้โพสต์เฟซบุ๊ก Vacharaesorn Vivacharawongse ระบุว่า

“กราบสวัสดีครับเพื่อน ๆ ผมไม่เคยเปิดคอมเมนต์เลย แต่มีคนเขียนข้อความมาหาว่าขอให้เชื่อใจในคนที่ดู และติดตาม Facebook ของผม เลยเปิดคอมเมนต์ แต่ตอนนี้ต้องปิดใหม่ เพราะว่ามีแต่คนเสียมารยาท สร้างประเด็นหาเรื่อง ผมถวายพระพร ผู้ซึ่งเป็นอาของผมด้วยความบริสุทธิ์ใจ แต่คนก็มาสร้างประเด็นว่าทำเพื่ออะไร ขอให้มองตัวเองด้วยครับว่าเวลาใส่ร้ายคนอื่นหรือว่ามองคนอื่นด้วยความขุ่นมัวตัวเองจริง ๆ เป็นคนยังไง ผมมีความบริสุทธิ์ใจ”

‘กองกำลังผาเมือง’ สกัดจับ 2 จุด ‘เชียงใหม่-เชียงราย’ คืนเดียวยึดยาบ้าของกลางได้ 13 ล้านเม็ด 

(4 เม.ย. 67) ตามที่รัฐบาลได้ให้ความสำคัญกับยาเสพติดและกำหนดเป็นวาระแห่งชาติ พลเอก เจริญชัย หินเธาว์ ผู้บัญชาการทหารบก ได้ขานรับนโยบายรัฐบาล มอบหน่วยทหารทุกพื้นที่โดยเฉพาะกองกำลังป้องกันชายแดน ดำเนินการสกัดกั้นสิ่งผิดกฎหมายทุกรูปแบบเข้าสู่ประเทศ 

โดยจากยุทธการในการสกัดกั้นและปราบปรามยาเสพติดในพื้นที่จังหวัดเชียงใหม่และเชียงราย ของกองทัพภาคที่ 3 โดยหน่วยบัญชาการสกัดกั้นและปราบปรามยาเสพติด สารตั้งต้นและเคมีภัณฑ์ ชายแดนภาคเหนือ กองกำลังผาเมืองสามารถจับกุมยาเสพติดให้โทษประเภท 1 (ยาบ้า) ในพื้นที่ได้ 2 เหตุการณ์ รวม 13,000,000 เม็ด 

โดยเหตุการณ์แรกในเวลา 01.30 น. หมวดเคลื่อนที่เร็ว กองกำลังผาเมืองได้จัดกำลังพลลาดตระเวนเฝ้าตรวจในพื้นที่ที่ได้รับแจ้งเบาะแสจากประชาชน และตรวจพบกลุ่มบุคคลต้องสงสัยกำลังลำเลียงสัมภาระลงจากเรือในบริเวณริมฝั่งแม่น้ำโขง บ้านสวนดอก ต.บ้านแซว อ.เชียงแสน จ.เชียงราย จึงแสดงตัวเพื่อขอตรวจค้น แต่กลุ่มบุคคลดังกล่าวได้หลบหนีไปได้ โดยในพื้นที่พบกระสอบบรรจุยาบ้าจำนวน 33 กระสอบ รวมจำนวน 6,600,000 เม็ด 

ต่อมาในเวลา 03.00 น. กองร้อยทหารม้าที่ 1 หน่วยเฉพาะกิจไชยานุภาพ กองกำลังผาเมือง ตรวจพบรถยนต์ต้องสงสัย ระหว่างตั้งจุดตรวจบริเวณเส้นทางระหว่างบ้านเปียงหลวงและบ้านแปกแซม อ.เวียงแหง จ.เชียงใหม่ จึงแสดงตัวขอตรวจค้น แต่กลุ่มบุคคลได้จอดรถทิ้งไว้และหลบหนีไป ซึ่งภายในรถพบกระสอบดัดแปลงเป็นเป้สะพายบรรจุยาบ้า จำนวน 32 เป้ รวม 6,400,000 เม็ด 

ทั้งนี้ จาก 2 เหตุการณ์ที่เกิดขึ้น นับเป็นผลจากการคุมเข้มป้องกันสิ่งผิดกฎหมายทุกรูปแบบของกองกำลังผาเมือง 1 ใน 7 กองกำลังป้องกันชายแดนกองทัพบก และทางหน่วยได้ประสานร่วมกับฝ่ายความมั่นคงและส่วนที่เกี่ยวข้องในพื้นที่เข้าตรวจสอบหลักฐาน พร้อมนำของกลางทั้งหมดส่งให้เจ้าพนักงานเพื่อดำเนินการตามกฎหมายต่อไป

โดยกองทัพบกได้เน้นย้ำและกำชับการปฏิบัติของหน่วยและกำลังพลในทุกพื้นที่ เพื่อสนับสนุนรัฐบาลเดินหน้าแก้ไขปัญหายาเสพติด หยุดขบวนการนำเข้าตั้งแต่พื้นที่ชายแดนรวมทั้งขยายผลจับกุมพื้นที่ตอนใน และเพื่อลดผลกระทบที่เกิดขึ้นจากปัญหายาเสพติดภายในประเทศ สร้างความสงบสุขและปลอดภัยให้กับประชาชน 

'เช็ค สุทธิพงษ์' เดือด!! 'จุฬาฯ' ปล่อยพระเกี้ยวถูกดึงต่ำ เผยความต่ำของใจคน ที่กล้านำเอาของสูงมาลบหลู่

(4 เม.ย.67) 'เช็ค สุทธิพงษ์ ธรรมวุฒิ' พิธีกร และผู้ผลิตสื่อชื่อดัง แห่งทีวีบูรพา โพสต์ข้อความและภาพผ่านเฟซบุ๊ก ระบุว่า...

วันนี้เด็ก มอ.ขออนุญาตเสือกเรื่องจุฬาหน่อยนะครับ เพราะว่าเรื่องของจุฬา เสือกลามถึงสถาบันและบ้านเมืองของปักเป้าอย่างผม

เช้านี้ในไลน์กลุ่มพี่น้อง มอ.ปัตตานีของผม มีความเคลื่อนไหวทางอารมณ์ต่อภาพชุดนี้แต่เช้า ความรู้สึกส่วนใหญ่ที่สะท้อนออกมา ไปทางหม่นหมอง หดหู่ สะเทือนใจ คล้าย ๆ กัน

ผมได้เห็นรูปเหล่านี้ครั้งแรก ก็จากในไลน์กลุ่ม 

เห็นแว่บแรก อยากรู้ว่าคนทำต้องการสื่อความหมายอะไร แว่บสองอยากคุยกับลูกสาวซึ่งเป็นเด็กนิเทศฯจุฬา

ถ้าพระเกี้ยวนี้ เป็นพระเกี้ยวที่ประดิษฐานอยู่ที่หอประวัติจุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย ตึกจักรพงษ์***

ไม่ใช่พระเกี้ยวไก่กาจากไหน

(ซึ่งจุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย ได้รับพระบรมราชานุญาต จากพระบาทสมเด็จพระปรมินทรมหาภูมิพลอดุลยเดช เพื่อสร้างจำลองจากพระเกี้ยวจริง ที่ประดิษฐานอยู่ในพระคลังมหาสมบัติในพระบรมมหาราชวัง 

และได้พระราชทานแก่มหาวิทยาลัยต่อหน้าประชาคมจุฬาฯ ในพิธีพระราชทานปริญญาบัตร ประจำปีการศึกษา 2531 เมื่อวันที่ 13 กรกฎาคม 2532)

คนที่ทำจะรู้หรือไม่ ไม่ทราบได้ เอาเป็นว่าน่าจะต้องรู้

ภาพนี้ เอาสิ่งที่สื่อถึงพระเกี้ยว ซึ่งอยู่บนพาน แต่ใต้หมอนรองมีเอกสารซึ่งผมไม่รู้เนื้อหา วางปูทอดขึ้นไปให้หมอนกดทับอยู่ 

ผมพยายามส่อง ก็อ่านออกแต่ตัวหนังสือที่หัวกระดาษว่า สมัชชานิสิตคณะรัฐศาสตร์จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย

พานพระเกี้ยว บนหมอนสีชมพูซึ่งเป็นสีของจุฬา วางอยู่บนบันไดขั้นที่หก มีอาหารหมาโรยอยู่บนบันไดขึ้นไปจนถึงพาน ถุงอาหารหมาที่ถูกเปิด วางอยู่ขั้นที่เจ็ดเหนือพานพระเกี้ยว

ด้วยสติปัญญาของคนที่ไม่มีปัญญาเรียนจุฬา ผมดูแล้วดูอีก คิดแล้วคิดอีก ว่ามีความคิดสร้างสรรค์อะไรที่สื่อผ่านชิ้นงานนี้บ้าง

ประการแรกก็คือ ผมมองไม่เห็นอะไรที่มีความหมาย คุณค่า ในเชิงสร้างสรรค์ จากความพยายามที่จะกระทำนี้

ประการต่อมาก็คือ ไม่เห็นเจตนาดี ไม่ว่าต่อใครหรือต่ออะไร นอกจากความพยายามที่จะลบหลู่ รื้อทำลาย ทำให้ตกต่ำ หยามหมิ่น 

ซึ่งเป็นคำตอบของคำถามว่า ถ้างั้นทำเพื่ออะไร 

ส่วนจิตใจแบบไหนถึงสามารถทำแบบนี้ ท่านฉลาดกว่าผม คิดกันเอาเอง

พระเกี้ยวคืออะไร หมายถึงอะไรไปค้นกันเอาเอง

สำหรับจุฬา พระเกี้ยวคือตราสัญลักษณ์แห่งความภาคภูมิใจของชาวจุฬา เปิดอากู๋ก็จะเจอข้อมูลที่ชวนให้สงสัยว่า เชื่อได้ (ตอแหล)หรือเปล่าวะ

เพราะสัญลักษณ์พระเกี้ยว ที่พระราชทานจากพระหัตถ์ของพระเจ้าแผ่นดิน ให้กับประชาคมจุฬา อันเป็นเกียรติภูมิของจุฬา เมื่อ 30 กว่าปีที่แล้ว 

วันนี้ ถูกสมาชิกของจุฬากี่คนไม่รู้ เอามาวางบนบันได ที่ตีนใครต่อใครไม่รู้ เหยียบ ย่ำ ข้ามผ่าน

เอาเอกสาร ซึ่งผมคิดว่าคนทำคงคิดว่า ก้าวหน้า เนื้อหามีปัญญา สูงล้ำ มาวาง เอาอาหารหมามาโรย ถ่ายภาพเหล่านี้เผยแพร่ทางโซเชียลมีเดีย

จะเจตนาอะไร ถ้าไม่ใช่ด้อยค่าพระเกี้ยว สิ่งสมมติเกี่ยวกับพระเกี้ยว และต้องการเสียดเย้ยว่า คนที่เคารพ ให้ความหมายกับพระเกี้ยวนั้น ไม่ต่างจากหมาที่ถูกจูงล่อด้วยอาหาร เชื่องเชื่อ ไร้มันสมอง 

ส่วนคนที่ทำนั้นคงเข้าใจว่าตัวเองเป็นพวกก้าวหน้า ไม่ดักดาน และคงยืนดูด้วยความกระหยิ่ม ภาคภูมิใจ สะใจในผลงาน ความคิดและสติปัญญา

ผมคิดว่า จุฬาคงไม่เคยสอน ว่าของสูงมาวางในที่ต่ำนั้น ไม่ได้ทำให้ของสูงนั้นถูกลดค่ากลายเป็นของต่ำ เหมือนพระพุทธรูปทองคำ ที่เอาโยนลงบ่อขี้ก็ยังเป็นพระพุทธรูปทอง 

ที่ต่ำคือ ใจคนที่เอาของสูงมาทำอย่างต่ำ ๆ ด้วยเจตนา

เช็ค สุทธิพงษ์ โพสต์ต่ออีกว่า ผมเคยเป็นเด็ก ทำผิดพลาด เพราะขาดประสบการณ์ ขาดข้อมูล มองแคบ อคตินำใจ คิดอ่านไม่รอบคอบ 

ส่วนเรื่องความไม่เหมาะสมและไม่สร้างสรรค์ คิดเหมือนเดิมครับ

'น้าแอ๊ด' เรียกเสียงเฮ!! ใน 'ล้อมวงลา คาราบาว' บอก!! "ผมเปลี่ยนใจแล้ว ผมยังไม่อยากเลิก"

“ผมเปลี่ยนใจแล้ว ผมยังไม่อยากเลิก” แอ๊ด คาราบาว กล่าวหลังจบการแสดงคอนเสิร์ต ล้อมวงลาคาราบาว คืนวานนี้ (3 เม.ย. 67) จนเรียกเสียงเฮจากแฟน ๆ ที่มาร่วมชมการแสดงคอนเสิร์ตที่บอกว่า จะเป็น 'ครั้งสุดท้าย' ของคาราบาวอย่างล้นหลาม

สำหรับคอนเสิร์ต 'ล้อมวงลา คาราบาว' เดิมถือเป็นคอนเสิร์ตเกือบสุดท้ายก่อนหยุดพักวงตามที่ 'แอ๊ด คาราบาว' หรือ 'ยืนยง โอภากุล' ประกาศไว้ โดยแฟนคลับผู้ชื่นชอบ กว่า 5,000 คน เดินทางมาชม คาราบาว แสดงสด อย่างเนืองแน่น BCC Hall เซ็นทรัล ลาดพร้าว

ในคอนเสิร์ตครั้งนี้ มีศิลปินร่วมขึ้นแสดงสร้างสีสันก่อนวงคาราบาวขึ้นเล่น ไม่ว่าจะเป็น ไววิทย์, พงษ์สิทธิ์ คัมภีร์ และ แอน อรดี

โดยหลังจากจบการแสดง แอ๊ด คาราบาว กล่าวว่า "ผมเปลี่ยนใจแล้ว ผมยังไม่อยากเลิก" เรียกเสียงเฮจากแฟน ๆ ลั่น BCC Hall

กมธ.เศรษฐกิจ วุฒิสภา ‘บราซิล’ เสนอร่างกฎหมายทำให้บุหรี่ไฟฟ้าถูกกฎหมาย ด้านเครือข่ายผู้ใช้บุหรี่ไฟฟ้าไทยจี้เสนอร่างกฎหมายเพื่อคุ้มครองเยาวชน

เครือข่ายผู้ใช้บุหรี่ไฟฟ้ายกกรณีบราซิลเสนอบุหรี่ไฟฟ้าถูกกฎหมาย เพื่อปกป้องผู้บริโภค สร้างงาน และสร้างรายได้ภาษีให้แก่รัฐ หวังคณะกรรมาธิการพิจารณากฎหมายบุหรี่ไฟฟ้าของไทยมองบราซิลเป็นตัวอย่างออกกฎหมายคุมบุหรี่ไฟฟ้าสะท้อนความเป็นจริงในปัจจุบัน เครือข่ายผู้ใช้บุหรี่ไฟฟ้า กลุ่มลาขาดควันยาสูบ (ECST) ที่มีผู้ติดตามบนเฟสบุ้คเพจ “บุหรี่ไฟฟ้าคืออะไร” กว่า 100,000 ราย กล่าวถึงความเคลื่อนไหวของรัฐบาลบราซิล หลังคณะกรรมาธิการการเศรษฐกิจของวุฒิสภาเสนอความเห็นชอบต่อร่างกฎหมายเพื่อทำให้ผลิตภัณฑ์ยาสูบแบบให้ความร้อนและบุหรี่ไฟฟ้าถูกกฎหมาย โดยร่างกฎหมายดังกล่าวได้ระบุถึงข้อบังคับในเรื่องของผลิตภัณฑ์ การจัดจำหน่าย รวมถึงฉลากบรรจุภัณฑ์ จากความเห็นของคณะกรรมาธิการ การควบคุมตลาดนั้นมีความจำเป็นเพื่อที่จะปกป้องผู้บริโภคจากสินค้าที่ไม่ได้มาตรฐานและอาจก่อให้เกิดอันตราย นอกจากนี้ยังเล็งเห็นถึงโอกาสในการสร้างตำแหน่งงานรวมถึงรายได้ภาษีให้แก่รัฐอีกด้วย โดยร่างกฎหมายจะถูกนำส่งไปพิจารณาต่อไปในคณะกรรมาธิการความโปร่งใส ธรรมาภิบาล และคุ้มครองผู้บริโภค และคณะกรรมาธิการกิจการสังคม เพื่อทำการพิจารณาขั้นสุดท้าย ก่อนส่งให้สภาผู้แทนราษฎร (สภาล่าง) ต่อไป

“เราอยากตั้งคำถามว่า การแบนบุหรี่ไฟฟ้าต่อไปเท่ากับ กมธ. ของไทยกำลังมองว่าเด็กและเยาวชนจะได้รับการปกป้องคุ้มครองโดยการปล่อยให้บุหรี่ไฟฟ้าอยู่ในตลาดใต้ดินที่ไม่มีการจำกัดอายุการเข้าถึง แทนที่จะมีกฎหมายออกมาควบคุมให้ถูกต้องตามกฎหมายและจำกัดอายุเช่นเดียวกับบุหรี่และเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ อย่างนั้นจริงหรือ”ตัวแทนเครือข่ายผู้ใช้บุหรี่ไฟฟ้ากล่าว

การเคลื่อนไหวผ่านร่างกฎหมายของบราซิลนับเป็นการแก้ปัญหาที่ตรงจุดและสะท้อนความเป็นจริง เนื่องจากกระแสของผู้บริโภคทั่วโลกที่กำลังเบนไปทางบุหรี่ไฟฟ้า ไม่ว่าจะด้วยเหตุผลด้านสังคมหรือสุขภาพก็ตาม ล้วนเป็นกระแสที่ต้านไม่ได้ ส่วนในไทยวันนี้การใช้บุหรี่ไฟฟ้านั้นเกินกว่าจะแบนต่อไปได้แล้ว รัฐบาลจึงจำเป็นต้องดำเนินการหาวิธีควบคุมให้ชัดเจนและมีประสิทธิภาพสูงสุด เพื่อไม่ให้มีปัญหาในเรื่องของมาตรฐาน ความปลอดภัยของสินค้า การเข้าถึงของเด็กและเยาวชน ข้อกำหนดในการใช้งาน หรือกระทั่งการจัดเก็บรายได้ภาษีเข้ารัฐ การดำเนินการของบราซิลนับเป็นการก้าวตามแนวทางของอีกกว่า 80 ประเทศทั่วโลก หลังจากบราซิลเป็นหนึ่งในเพียง 30 กว่าประเทศที่ไม่ยอมรับบุหรี่ไฟฟ้ามานานหลายปี

ตัวแทนเครือข่ายยังได้กล่าวเสริมว่า “ในขณะนี้คณะอนุกรรมาธิการพิจารณามาตรการด้านกฎหมายเพื่อควบคุมกำกับการใช้บุหรี่ไฟฟ้าในประเทศไทยกำลังเดินหน้าประชุมและเชิญผู้เกี่ยวข้องเข้ามาให้ข้อมูล เพื่อพิจารณาแนวทางการควบคุมบุหรี่ไฟฟ้าใประเทศไทย โดยทางเครือข่ายก็คาดหวังว่า กมธ. จะเสนอร่าง พ.ร.บ. ใหม่มาควบคุมบุหรี่ไฟฟ้าเพื่อคุ้มครอง เยาวชน ผู้ใช้บุหรี่ไฟฟ้าเกือบ 1 ล้านราย และผู้สูบบุหรี่ในประเทศไทยอีกกว่า 9.9 ล้านราย รวมทั้งประชาชนทั่วไปอีกด้วย”

“พล.ต.อ.กิตติ์รัฐฯ” ประชุม ศปอส.ตร.สั่งเข้มรุกฆาตปราบปรามผู้กระทำผิดเกี่ยวกับอาชญากรรมทางเทคโนโลยีอย่างจริงจัง เด็ดขาด ขีดเส้น 1 เดือนตรวจสอบการทำงานของทุกกองบัญชาการ

วันนี้ (4 เม.ย. 67) เวลา 13.30 น. พล.ต.อ.กิตติ์รัฐ พันธุ์เพ็ชร รองผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ รักษาราชการแทนผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ (รอง ผบ.ตร.รรท.ผบ.ตร.) เป็นประธานการประชุมขับเคลื่อนการทำงานศูนย์ปราบปรามอาชญากรรมทางเทคโนโลยีสารสนเทศ สำนักงานตำรวจแห่งชาติ (ศปอส.ตร.) ครั้งที่ 2/2567 ณ ห้องประชุม ศปก.ตร. ชั้น 20 อาคาร 1 สำนักงานตำรวจแห่งชาติ โดยมี พล.ต.อ.ธนา ชูวงศ์ รอง ผบ.ตร. , พล.ต.ท.ธัชชัย ปิตะนีละบุตร ผู้ช่วย ผบ.ตร. และเจ้าหน้าที่ตำรวจ ศปอส.ตร. เข้าร่วมประชุม

พล.ต.อ.กิตติ์รัฐ ฯ กล่าวว่า หน้าที่การทำงานป้องกันปราบปรามอาชญากรรมทางเทคโนโลยีเป็นหน้าที่หลักของทุกหน่วย ได้แก่ กองบัญชาการตำรวจนครบาล , ตำรวจภูธรภาค 1-9 , กองบัญชาการตำรวจสืบสวนสอบสวนอาชญากรรมทางเทคโนโลยี (บช.สอท.) ทุกหน่วยงานต้องให้ความสำคัญ เพราะเป็นอาชญากรรมที่พี่น้องประชาชนได้รับผลกระทบ สูญเสียทรัพย์สินเงินทองจำนวนมาก ซึ่ง ศปอส.ตร.เป็นเครื่องมือสำคัญของสำนักงานตำรวจแห่งชาติในการขับเคลื่อนนโยบาย กำหนดเป้าหมาย และประสานงานกับหน่วยงานข้างเคียงที่จะสนับสนุนข้อมูลอุปกรณ์ช่วยเหลือการปฏิบัติงานของ ศปอส.ตร.ในระดับกองบัญชาการ ได้อย่างมีประสิทธิภาพ จึงเน้นย้ำการปฏิบัติหน้าที่ในด้านการประชาสัมพันธ์เพื่อป้องกันเหตุ โดยสร้างการรับรู้ให้แก่ประชาชนทางช่องทางต่างๆ โดยใช้กรณีที่เกิดขึ้นจริงและแก้ไขได้จนประสบผลสำเร็จ รวมถึงการประสานความร่วมมือจากอินฟลูเอ็นเซอร์ เพื่อช่วยขยายปริมาณการรับรู้ การให้ความรู้แก่ประชาชนให้มากยิ่งขึ้น และให้ ศปอส.ตร. และ ศปอส.น./ภ. มุ่งเน้นการปราบปรามเป้าหมายแก๊งคอลเซ็นเตอร์ โดยเฉพาะการอายัดบัญชีม้า ที่ต้องทำทันทีด้วยความรวดเร็วเพื่อให้ประชาชนผู้เสียหายมีโอกาสได้เงินคืนเร็วที่สุด นอกจากนี้ เน้นย้ำการปราบปรามการพนันออนไลน์ โดยให้เปิดช่องทางแจ้งข้อมูลเบาะแสผู้กระทำผิดไว้เฉพาะ และจะต้องมีรูปแบบขั้นตอนการทำงานในการรับแจ้งเบาะแส การสืบค้น และการประสานการปฏิบัติกับกระทรวงดิจิทัลเพื่อเศรษฐกิจและสังคม เพื่อปิดเว็บไซต์ และต้องประชาสัมพันธ์สร้างการรับรู้ให้ประชาชนได้รับทราบความคืบหน้าในการทำงานโดยตลอด

นอกจากนี้ พล.ต.อ.กิตติ์รัฐ ฯ กล่าวว่า เน้นย้ำให้ทุกกองบัญชาการต้องเดินหน้าป้องกันปราบปรามอาชญากรรมทางเทคโนโลยี เช่นเดียวกับ บช.สอท. ทั้งการป้องกันปราบปรามแก๊งคอลเซ็นเตอร์ พนันออนไลน์ การขายสินค้าผิดกฎหมายทางออนไลน์ ฯลฯ ให้สร้างผลงานเชิงรุก “รุกฆาต”กับผู้กระทำผิดกฎหมายอย่างจริงจัง เด็ดขาด พร้อมย้ำว่าการตรวจสอบการทำงานอย่างจริงจังให้เห็นผลเป็นรูปธรรมภายในเวลา 1 เดือนนั้น จะไม่ตรวจสอบเพียงแค่ บช.สอท.ซึ่งได้รับนโยบายจากนายกรัฐมนตรีโดยตรงเพียงหน่วยงานเดียวเท่านั้น แต่จะมีการตรวจสอบชี้วัดผลการปฏิบัติงานในทุกกองบัญชาการในระยะเวลา 1 เดือนเช่นเดียวกันด้วย

รอง ผบ.ตร.รรท.ผบ.ตร. ขอความร่วมมือทุกหน่วยงานปรับทัศนคติการทำงาน เดินหน้าทำงานเพื่อประโยชน์ของพี่น้องประชาชนเป็นหลัก ห้ามไปเกี่ยวข้องกับผลประโยชน์โดยมิชอบ เพื่อให้องค์กรสำนักงานตำรวจแห่งชาติเดินหน้าต่อไป คืนความเชื่อมั่นศรัทธาและเป็นที่ยอมรับของพี่น้องประชาชนโดยแท้จริง

‘นายกฯ เศรษฐา’ เผย ส่วนตัวชื่นชอบ ‘แกงไตปลา’ มาก ส่วนต่างชาติจัดเป็น ‘อาหารยอดแย่’ ถือเป็นสิทธิ์ในการวิจารณ์

(4 เม.ย. 67) ที่อาคารรัฐสภานายเศรษฐา ทวีสิน นายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลัง ให้สัมภาษณ์ถึงกรณีที่ ‘แกงไตปลา’ ถูกจัดอันดับให้เป็นเมนูยอดแย่ที่สุดในโลก จากเว็บไซต์ TasteAtlas แต่สำหรับคนในภาคใต้ เมนูนี้เป็นเมนูคู่ครัวและเป็นเมนูที่อร่อยที่สุด ว่า 

“เรื่องนี้เป็นเรื่องของลิ้นใคร ลิ้นมัน ซึ่งเขาก็มีสิทธิ์ที่จะเขียนอะไรก็ได้ แต่ก็ต้องให้ความเป็นธรรมด้วยว่าความจริงอาหารไทยหลาย ๆ ชนิด ก็ติดอันดับท็อปเท็นของโลกเหมือนกันและส่วนตัวผมเชื่อว่าแม้แกงไตปลาจะมีรสเผ็ด แต่ก็มีความเข้มข้นส่วนตัวผมเองผมชอบมาก”

ถามว่าอยากให้ทุกคนเปิดใจกับรสชาติของอาหารไทยหรือไม่เนื่องจากแต่ละชาติก็มีอาหาร ที่เป็นเอกลักษณ์ของตัวเอง นายกรัฐมนตรีกล่าวว่า “อาหารไทยหลายอย่างไม่ว่าจะเป็นมัสมั่นไก่ ขนมครก ต้มยำกุ้ง ผัดไทย แม้แต่ผัดกะเพรา ก็เป็นที่ชื่นชอบของต่างชาติ แต่เราเองก็ต้องยอมรับให้ได้ว่า การวิพากษ์วิจารณ์ก็เป็นสิทธิเสรีภาพของเขา อีกทั้งรสชาติอาจจะแรงเกินไป ต่างชาติอาจจะไม่คุ้นชิน เพราะแกงไตปลาหากทำไม่เผ็ดก็ไม่ใช่แกงไตปลา ซึ่งมันก็ต่างกันแต่ตนเชื่อว่า รัฐบาลนี้และคณะกรรมการซอฟต์พาวเวอร์แห่งชาติ มีการส่งเสริมเรื่องอาหารอย่างต่อเนื่องอยู่แล้ว แต่ก็ต้องยอมรับว่าบางอย่างอาจจะไม่ถูกปากชาวต่างชาติ”


© Copyright 2021, All rights reserved. THE STATES TIMES
Take Me Top