Thursday, 25 April 2024
NEWS

เผยตัวเลขพีคไฟฟ้ารอบ 7 ปี 2567 ช่วงวันหยุดยาว ยอดใช้พุ่งถึง 34,656 เมกะวัตต์ เฉียดทำลายสถิติ

ยอดใช้ไฟฟ้าพุ่งสูงช่วงวันหยุดยาวที่ผ่านมา เกิดพีคไฟฟ้าของปี 2567 รอบที่ 7 ถึง 34,656 เมกะวัตต์ 
ช่วงกลางคืนวันที่ 6 เม.ย. 2567 ในระบบของ 3 การไฟฟ้า เหตุอากาศร้อนสะสม เฉียดทำลายสถิติพีคไฟฟ้าประเทศปี 2566 พลังงานระบุ ได้โซลาร์เซลล์ช่วยตัดพีคไฟฟ้ากลางวัน ส่งผลให้เกิดการเกลี่ยไฟฟ้าไปใช้กลางคืนตามระบบอัตราค่าไฟฟ้า TOU ชี้เป็นไปตามวัตถุประสงค์ใช้โรงไฟฟ้าให้เต็มประสิทธิภาพ อยู่ในเกณฑ์ที่ดีไม่จำเป็นต้องปรับโครงสร้าง TOU ใหม่

เมื่อวานนี้ (9 เม.ย. 67) ผู้สื่อข่าวศูนย์ข่าวพลังงาน (Energy News Center - ENC) รายงานว่า จากสถิติการใช้ไฟฟ้าของไทยแบบเรียลไทม์ในระบบของสำนักงานคณะกรรมการกำกับกิจการพลังงาน (สำนักงาน กกพ. ) พบว่าในช่วงวันหยุดยาว 3 วันที่ผ่านมา (วันที่ 6-8 เม.ย. 2567) สภาพอากาศร้อนสะสมต่อเนื่องทั่วประเทศ ส่งผลให้ยอดการใช้ไฟฟ้าในช่วง 3 วันดังกล่าวพุ่งเกิน 34,000 เมกะวัตต์โดยตลอด แต่ช่วงที่เกิดสถิติการใช้ไฟฟ้าสูงสุด (พีค) ของปี 2567 นี้ ไปเกิดในวันที่ 6 เม.ย. 2567 มียอดใช้ไฟฟ้ารวม 34,656 เมกะวัตต์ ช่วงกลางคืนเวลา 20.54 น. ซึ่งพีคไฟฟ้าของปี 2567 นี้ นับว่าเข้าใกล้ยอดพีคไฟฟ้าของประเทศที่เคยสูงสุดเป็นประวัติการณ์ เมื่อปี 2566 ที่ 34,827 เมกะวัตต์

ทั้งนี้แสดงให้เห็นว่าหากสภาพอากาศยังคงร้อนสะสมต่อเนื่องไปอีก พีคไฟฟ้าของปี 2567 อาจทำลายสถิติของพีคไฟฟ้าประเทศที่เกิดปี 2566 ได้ ตามที่สำนักงานนโยบายและแผนพลังงาน (สนพ.) คาดการณ์ว่าพีคไฟฟ้าปี 2567 จะพุ่งสูงสุดเกิน 35,000 เมกะวัตต์ได้ อย่างไรก็ตามกรมอุตุนิยมวิทยาได้คาดการณ์ว่าในวันที่ 9-11 เม.ย. 2567 นี้จะเกิดพายุฤดูร้อนขึ้นหลายพื้นที่ในประเทศไทย ซึ่งอาจเป็นปัจจัยให้ยอดการใช้ไฟฟ้าปรับลดลง

สำหรับระบบสถิติการใช้ไฟฟ้าแบบเรียลไทม์ของ สำนักงาน กกพ. เป็นการรวบรวมยอดการใช้ไฟฟ้าของ 3 การไฟฟ้า (การไฟฟ้าฝ่ายผลิตแห่งประเทศไทย หรือ กฟผ., การไฟฟ้าส่วนภูมิภาค หรือ PEA และการไฟฟ้านครหลวง หรือ กฟน.) ซึ่งเกิดขึ้นในแต่ละวัน ขณะที่สถิติการใช้ไฟฟ้าแบบเรียลไทม์ในระบบของ กฟผ. จะเป็นยอดการใช้ไฟฟ้าในแต่ละวันของ กฟผ. เท่านั้น

ทั้งนี้พีคไฟฟ้าปี 2567 ได้เกิดขึ้นต่อเนื่องกันมา 7 รอบแล้ว โดยเกิดขึ้นในเดือน เม.ย. 2567 มากที่สุดดังนี้…

ครั้งที่ 1 เมื่อวันที่ 22 ก.พ. 2567 เวลา 19.24 น. ยอดพีคไฟฟ้าอยู่ที่ 30,989.3 เมกะวัตต์
ครั้งที่ 2 เมื่อวันที่ 7 มี.ค. 2567 เวลา 19.47 น. ยอดพีคไฟฟ้าอยู่ที่ 32,704 เมกะวัตต์
ครั้งที่ 3 เมื่อวันที่ 1 เม.ย. 2567 เวลา 21.00 น. ยอดพีคไฟฟ้าอยู่ที่ 33,340 เมกะวัตต์
ครั้งที่ 4 เมื่อวันที่ 2 เม.ย. 2567 เวลา 20.51 น. ยอดพีคไฟฟ้าอยู่ที่ 33,827.1 เมกะวัตต์
ครั้งที่ 5 เมื่อวันที่ 4 เม.ย. 2567 เวลา 21.00 น. ยอดพีคไฟฟ้าอยู่ที่ 34,196.5 เมกะวัตต์
ครั้งที่ 6 เมื่อวันที่ 5 เม.ย. 2567 เวลา 22.22 น. ยอดพีคไฟฟ้าอยู่ที่ 34,277.4 เมกะวัตต์
ครั้งที่ 7 เมื่อวันที่ 6 เม.ย. 2567 เวลา 20.54 น. ยอดพีคไฟฟ้าอยู่ที่ 34,656.4 เมกะวัตต์

ขณะที่เมื่อย้อนดูสถิติยอดใช้ไฟฟ้าในแต่ละเดือนของไทย นับตั้งแต่ ม.ค.- เม.ย. 2567 มีแนวโน้มปรับสูงขึ้นต่อเนื่อง เช่นกัน ดังนี้…

>> เดือน ม.ค. 2567 มียอดพีคไฟฟ้าเกิดขึ้นในวันที่ 11 ม.ค. 2567 เวลา 18.52 น. ยอดใช้ไฟฟ้าอยู่ที่ 29,051.3 เมกะวัตต์
>> เดือน ก.พ. 2567 มียอดพีคไฟฟ้าเกิดขึ้นในวันที่ 22 ก.พ. 2567 เวลา 19.29 น. ยอดใช้ไฟฟ้าอยู่ที่ 30,989.3 เมกะวัตต์
>> เดือน มี.ค. 2567 มียอดพีคไฟฟ้าเกิดขึ้นในวันที่ 7 มี.ค. 2567 เวลา 19.47 น. ยอดใช้ไฟฟ้าอยู่ที่ 32,704 เมกะวัตต์
>> เดือน เม.ย. 2567 มียอดพีคไฟฟ้าเกิดขึ้นในวันที่ 6 เม.ย. 2567 เวลา 21.54 น. ยอดพีคไฟฟ้าอยู่ที่ 34,656.4 เมกะวัตต์

แหล่งข่าวกระทรวงพลังงาน กล่าวว่า กรณีที่บางหน่วยงานแสดงความเห็นว่าควรปรับโครงสร้างอัตราค่าไฟฟ้าแบบ TOU ใหม่ (Time of use tariff) หรือ ‘อัตราค่าไฟฟ้าที่คิดตามช่วงเวลาการใช้งาน’ เนื่องจากพีคไฟฟ้าส่วนใหญ่จะเกิดในช่วงกลางคืน และภาคอุตสาหกรรม รวมถึงผู้ใช้ยานยนต์ไฟฟ้า (EV) จะหันมาใช้ไฟฟ้าในช่วงกลางคืนด้วย จึงทำให้ยอดการใช้ไฟฟ้าเกิดพีคกลางคืนเป็นส่วนใหญ่นั้น ที่ผ่านมาทั้งคณะกรรมการกำกับกิจการพลังงาน (กกพ.) และ กฟผ. เคยหารือร่วมกันและได้ข้อสรุปว่า ไม่ควรปรับเปลี่ยน TOU

เนื่องจากการตรวจสอบประสิทธิภาพการใช้ไฟฟ้าโดยภาพรวม ถือว่าสูงกว่าเกณฑ์มาตรฐานดีอยู่แล้ว ซึ่งหากปรับเปลี่ยนอัตราค่า TOU หรือ เปลี่ยนช่วงเวลาให้พีคไฟฟ้าไปเกิดในตอนกลางวัน ก็จะทำให้เกิดความปั่นป่วนกับผู้ใช้ไฟฟ้าทั้งระบบ เช่น ปรับพีคไฟฟ้าไปเกิดช่วงกลางวันแทน โรงงานอุตสาหกรรมก็จะต้องเปลี่ยนช่วงเวลาการผลิตสินค้าไปช่วงกลางวันเช่นกันและแรงงานก็ต้องเปลี่ยนเวลาทำงานกันใหม่หมดด้วย

ที่ผ่านมามีการกำหนดค่า TOU เนื่องจากต้องการเกลี่ยการใช้ไฟฟ้าให้ได้ทั้งวัน ไม่เช่นนั้นจะเกิดพีคไฟฟ้ากลางวันตลอด และทำให้ต้องสร้างโรงไฟฟ้ามาเพื่อรองรับพีคในช่วง 2-3 เดือนเท่านั้น ซึ่งไม่คุ้มค่าและจากนั้นโรงไฟฟ้าที่สร้างมาจะใช้งานไม่เต็มประสิทธิภาพ เพราะยอดการใช้ไฟฟ้าจะลดลงตามฤดูกาล ดังนั้นจึงกำหนด TOU เพื่อให้ประชาชนหันไปใช้ไฟฟ้าในช่วงกลางคืนบ้าง ซึ่งเป็นไปตามวัตถุประสงค์และโรงไฟฟ้าก็ได้ผลิตไฟฟ้าเต็มประสิทธิภาพ และอยู่ในเกณฑ์ประสิทธิภาพที่สูงกว่าเกณฑ์มาตรฐานด้วย

ดังนั้นการเกิดพีคไฟฟ้าช่วงกลางคืนนี้ ในความเป็นจริงถ้าไม่มีการผลิตไฟฟ้าโซลาร์เซลล์จากแสงอาทิตย์ที่มีมากกว่า 3,000 เมกะวัตต์ จะส่งผลให้เกิดพีคไฟฟ้าช่วงกลางวันอยู่ดี ดังนั้นขณะนี้เป็นการแสดงให้เห็นว่าการใช้ไฟฟ้าโดยรวมของไทยเพิ่มขึ้น การที่ไม่เกิดพีคไฟฟ้ากลางวันเพราะมีโซลาร์เซลล์มาช่วยตัดพีคกลางวัน จึงเห็นการเกิดพีคช่วงกลางคืนแทนนั้นเอง

สำหรับ TOU จะแบ่งช่วงเวลาและอัตราคิดค่าไฟฟ้าดังนี้…

1. แรงดันไฟฟ้า 12-24 กิโลโวลต์ ช่วง On Peak (09.00 - 22.00 น. วันจันทร์-วันศุกร์) อัตราค่าไฟฟ้าอยู่ที่ 5.1135 บาทต่อหน่วย ช่วง Off Peak (22.00 - 09.00 น. วันจันทร์ - วันศุกร์ และ 00.00 - 24.00 น. วันเสาร์-อาทิตย์ และวันหยุด) อัตราค่าไฟฟ้าอยู่ที่ 2.6037 บาทต่อหน่วย แต่ค่าบริการจะสูงถึง 312.24 บาทต่อเดือน

2. แรงดันไฟฟ้าต่ำกว่า 12 กิโลโวลต์ ช่วง On Peak (09.00 - 22.00 น. วันจันทร์-วันศุกร์) อัตราค่าไฟฟ้าอยู่ที่ 5.7982 บาทต่อหน่วย ช่วง Off Peak (22.00 - 09.00 น. วันจันทร์ - วันศุกร์ และ 00.00 - 24.00 น. วันเสาร์-อาทิตย์ และวันหยุด) อัตราค่าไฟฟ้าอยู่ที่ 2.6369 บาทต่อหน่วย แต่ค่าบริการจะต่ำกว่าอยู่ที่ 24.62 บาทต่อเดือน

ท่านอ้น วัชเรศร มอบแขนขาเทียมอุปกรณ์การแพทย์ รพ.พระจอมเกล้าฯ เลี้ยงอาหารกลางวันเด็กตาบอด มอบทุนการศึกษาและเกียรติบัตรให้แก่ครูนักเรียน

เมื่อวันที่ 9 เมษายน 2567 “ท่านอ้น” ท่านชายวัชเรศร วิรัชรวงศ์  พระโอรสใน พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว ได้เดินทางมาที่โรงพยาบาลพระจอมเกล้าฯ จ.เพชรบุรี เพื่อกิจกรรมบำเพ็ญประโยชน์สาธารณกุศลด้านงานส่งเสริมงานด้านสาธารณสุขใน จ.เพชรบุรี  โดยมี ประธานมูลนิธิโรงพยาบาลพระจอมเกล้าจังหวัดเพชรบุรีในพระราชูปถัมภ์ สมเด็จพระกนิษฐาธิราชเจ้า กรมสมเด็จพระเทพรัตนราชสุดาฯ สยามบรมราชกุมารี รองผู้ว่าราชการจังหวัดเพชรบุรี นายแพทย์สาธารณสุขจังหวัดเพชรบุรี ผู้อำนวยการโรงพยาบาลพระจอมเกล้าคณะแพทย์ พยาบาล ประชาชนจำนวนมากให้การต้อนรับ 
ท่านชายวัชเรศร ถวายเครื่องราชสักการะและถวายมาลัยสักการะพระบรมราชานุสาวรีย์ รัชกาลที่4 เยี่ยมชมสำนักงานมูลนิธิโรงพยาบาลพระจอมเกล้าฯ  ทำพิธีเปิดกรวยดอกไม้ถวายราชสักการะเฉลิมพระเกียรติ สมเด็จพระกนิษฐาธิราชเจ้า กรมสมเด็จพระเทพรัตนราชสุดาฯ สยามบรมราชกุมารี

เนื่องในโอกาสวันคล้ายวันพระราชสมภพ 2 เมษายน 67  มอบครุภัณฑ์ทางการแพทย์ อาทิ แขนเทียม เท้าเทียม ให้แก่ผู้ป่วย ผู้พิการจำนวน4ราย เก้าอี้รถเข็นคนพิการ10ราย มอบผ้าห่ม72ผืนให้กับผู้ป่วยและญาติๆ เพื่อถวายเป็นพระราชกุศล  ก่อนให้โอวาทให้กำลังใจการทำงานของคณะแพทย์พยาบาล   ภายหลังเสร็จพิธีท่านชายวัชเรศร ได้ลงพื้นที่เยี่ยมชมการดำเนินงานรักษาพยาบาลแบบสุขภาวัฒน์ ณ ห้องตรวจรักษาบริการผู้ป่วยนอก Smart OPD พระราชทาน จากสมเด็จพระกนิษฐาธิราชเจ้า กรมสมเด็จพระเทพรัตนราชสุดาฯ ตลอดจนเยี่ยมให้กำลังใจบุคลากรทางการแพทย์ ผู้ป่วยและญาติผู้ป่วย   ก่อนออกเดินทางต่อไปยังโรงเรียนธรรมิกวิทยาสอนคนตาบอด ในพระบรมราชูปถัมภ์ จังหวัดเพชรบุรี เป็นประธานมอบทุนอาหารกลางวันให้แก่โรงเรียน โดยมีนายแสวง เอี่ยมองค์ ผู้รับใบอนุญาตและผู้จัดการโรงเรียนธรรมิกวิทยาและคณะครูร่วมให้การต้อนรับ  ในการนี้ท่านชายวัชเรศรได้ร่วมรับฟังการแสดงดนตรีของนักเรียนตาบอด และนำอาหารกลางวันมอบให้แก่นักเรียนผู้พิการตาบอดด้วยตนเอง พร้อมให้โอวาทแก่นักเรียนพร้อมกันนี้ ได้เดินทางมาที่โรงเรียนวัดดอนไก่เตี้ย มอบทุนการศึกษาและเกียรติบัตรให้แก่คณะครูและนักเรียนของโรงเรียนวัดดอนไก่เตี้ย ที่มีผลงานเป็นเลิศด้านวิชาการดีเด่น ได้รางวัลชนะเลิศ การแข่งขันคณิตศาสตร์วิทยาศาสตร์และภาษาอังกฤษ ระดับชาติและนานาชาติ จำนวน 72 คน ในโอกาสครบรอบ 100 ปีของโรงเรียนฯ  

จากนั้นท่านชายวัชเรศร รับมอบทุนสมทบเข้ากองทุนการศึกษา Thai Heritage Scholarahip Fund of New York สำหรับนักเรียนไทยในมหานครนิวยอร์ค เพื่อสนับสนุนให้เด็กนักเรียนไทยที่เกิดหรือศึกษาในต่างแดนได้ระลึกถึงประเทศบ้านเกิดของตัวเองและทำคุณประโยชน์ให้กับประเทศก่อนเยี่ยมชมบูธนิทรรศการผลงาน ทางวิชาการของโรงเรียนวัดดอนไก่เตี้ย  ชิมขนมหม้อแกงเมือง และชิมขนมหวานขนมโบราณ อื่นๆ อาทิ ทองหยิบ ทองหยอดฝอยทอง ขนมชั้นฯลฯ

บรรณรต เจริญกิจสัมพันธ์ จ.เพชรบุรี

สื่อจีนประมวลภาพ ‘กรมสมเด็จพระเทพฯ’ เสด็จเยือน ‘ม.ปักกิ่ง’ สะท้อนความสัมพันธ์อันดีงามระหว่าง ไทย-จีน ที่มีอย่างยาวนาน

เมื่อวานนี้ (9 เม.ย. 67) รศ.ดร.อักษรศรี พานิชสาส์น ผู้เชี่ยวชาญเศรษฐกิจจีน จากคณะเศรษฐศาสตร์ มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ ได้โพสต์ข้อความในเฟซบุ๊ก ‘Aksornsri Phanishsarn’ กรณี กรมสมเด็จพระเทพฯ เสด็จเยือนมหาวิทยาลัยปักกิ่ง โดยระบุว่า…

“กรมสมเด็จพระเทพฯ เสด็จเยือนมหาวิทยาลัยปักกิ่ง Peking University, April 2024 🇨🇳 #สื่อจีน นำเสนอข้อมูลและประมวลภาพที่น่าประทับใจ 🇹🇭 #เจ้าหญิงของไทยเยือนจีน ตั้งแต่อดีตถึงปัจจุบันไว้อย่างไรบ้าง 🥰 คลิกชมได้เลยค่ะ https://mp.weixin.qq.com/s/rshJdP0Wem9pxHWv3CTYjA

นอกจากนี้ยังได้โพสต์ข้อความเพิ่มเติมอีกว่า “โดยปกติ ช่วงต้นเดือน เม.ย. (หลังวันคล้ายวันพระราชสมภพ 2 เม.ย.) พระเทพฯ จะเสด็จเยือนจีนนะคะ (ยกเว้นช่วงโควิด จีนปิดประเทศ) การเสด็จเยือนจีนช่วงต้น เม.ย. พระเทพฯ ก็จะเสด็จเยือน ม.ปักกิ่งด้วย และม.ปักกิ่งจะเตรียม HBD cake ถวายพระเทพฯ แบบนี้มาโดยตลอดด้วยค่ะ 🥰 นี่คือส่วนหนึ่งของความสัมพันธ์ที่ดีงามอย่างยาวนานระหว่างไทย-จีน 🇹🇭🇨🇳นะคะ”

นราธิวาส-ผู้ว่าฯ นราธิวาส เปิดศูนย์ปฏิบัติการป้องกันและลดอุบัติเหตุทางถนนช่วงเทศกาลสงกรานต์ ประจำปี 2567 ภายใต้ชื่อรณรงค์ว่า “ขับขี่ปลอดภัย เมืองไทยไร้อุบัติเหตุ ”

วันที่ (9 เม.ย.66) เวลา 16.00 น.  ที่ บริเวณด่านตรวจหน้าปั๊ม ปตท.ปลักปลา ต.ลำภู อ.เมืองนราธิวาส ว่าที่ร้อยตรี ตระกูล โทธรรม ผู้ว่าราชการจังหวัดนราธิวาส  เป็นประธานเปิดศูนย์ปฏิบัติการป้องกันและลดอุบัติเหตุทางถนนช่วงเทศกาลสงกรานต์ ประจำปี 2567 ภายใต้ชื่อรณรงค์ว่า “ขับขี่ปลอดภัย เมืองไทยไร้อุบัติเหตุ” โดยมี นายสิทธิชัย สวัสดิ์แสน นายวีรพัฒน์ บุณฑริก รองผู้ว่าราชการจังหวัดนราธิวาส นายวสันต์  ไชยทวีวงศ์   หัวหน้าสำนักงานป้องกันและบรรเทาสาธารณภัยจังหวัดนราธิวาส  ในฐานะเลขานุการศูนย์อำนวยการความปลอดภัยทางถนนจังหวัดนราธิวาส หัวหน้าส่วนราชการ และภาคส่วนที่เกี่ยวข้องเข้าร่วมกิจกรรมว่าที่ร้อยตรี ตระกูล โทธรรม ผู้ว่าราชการจังหวัดนราธิวาส  กล่าวว่า การสร้างความปลอดภัยทางถนน ถือเป็นนโยบายสำคัญของรัฐบาลมุ้งเน้นการป้องกัน และลดความสูญเสียจากอุบัติเหตุทางถนน โดยเฉพาะในช่วงเทศกาลสำคัญๆ ทั้งเทศกาลปีใหม่ และเทศกาลสงกรานต์ ซึ่งมีวันหยุดยาวต่อเนื่องกันหลายวัน เป็นช่วงที่พี่น้องประชาชนเดินทางกลับภูมิลำเนา และท่องเที่ยว เส้นทางต่างๆ จะคับคั่งไปด้วยยานพาหนะ มีโอกาสในการเกิดอุบัติเหตุได้ง่าย ซึ่งการป้องกันและลดอุบัติเหตุทางถนนเป็นหน้าที่ของทุกภาคส่วน เพราะปัจจัย ความเสี่ยงเกี่ยวข้องกับทุกคน ทั้งด้านคน ด้านรถ ด้านถนน และสิ่งแวดล้อม ขอให้ทุกท่านทุ่มเทปฏิบัติหน้าที่อย่างเข้มแข็ง เพื่อให้ประชาชนและนักท่องเที่ยวมีความปลอดภัยในการสัญจร สิ่งสำคัญต้องร่วมกันสร้างจิตสำนึกด้านความปลอดภัยทางถนนทุกพื้นที่ ครอบคลุมทั้งจังหวัดนราธิวาส เพื่อป้องกันการเกิดอุบัติเหตุให้น้อยที่สุด

สำหรับศูนย์อำนวยการความปลอดภัยทางถนนจังหวัดนราธิวาส ได้กำหนดช่วงดำเนินการควบคุมเข้มข้น 7 วัน ระหว่างวันที่ 11-17 เมษายน 2567 ได้มีเป้าหมายการดำเนินการเพื่อให้ประชาชนเดินทางอย่างสุขใจกับชีวิตวิถีใหม่ที่ห่างไกลจากอุบัติเหตุ ในช่วงเทศกาลสงกรานต์ พ.ศ.2567 มีตัวชี้วัดการดำเนินงาน คือ อุบัติเหตุไม่เกิน 28 ครั้ง จำนวนผู้บาดเจ็บ admit  ไม่เกิด 27 คน และผู้เสียชีวิตไม่เกิน 3 ราย โดยบูรณาการแผนและความร่วมมือกับหน่วยงานภาคีเครือข่าย ดำเนินการ 5 มาตรการหลัก ได้แก่ 1. มาตรการด้านการบริหารจัดการ 2. มาตรการด้านลดปัจจัยเสี่ยงด้านถนนและสภาพแวดล้อม 3. มาตรการด้านลดปัจจัยเสี่ยงด้านยานพาหนะ 4. มาตรการด้านผู้ใช้รถใช้ถนนอย่างปลอดภัย และ 5. มาตรการด้านการช่วยเหลือหลังการเกิดอุบัติเหตุ 

ทั้งนี้จังหวัดนราธิวาส ได้จัดตั้งศูนย์ปฏิบัติการป้องกันและลดอุบัติเหตุทางถนนช่วงเทศกาลสงกรานต์ ประจำปี 2567 ที่ สำนักงานป้องกันและบรรเทาสาธารณภัยจังหวัดนราธิวาส ภายใต้การกำกับควบคุมดูแลของผู้ว่าราชการจังหวัดนราธิวาส ในฐานะผู้อำนวยการศูนย์อำนวยการความปลอดภัยทางถนนจังหวัด และมีการจัดประชุมทุกวัน พร้อมติตตามรับทราบข้อสั่งการจากที่ประชุมส่วนกลาง ผ่านระบบวีดิทัศน์ทางไกล ขณะที่ทุกอำเภอและการตั้งจุดตรวจ จุดบริการประชาชนในเส้นทางสายหลัก และด่านชุมชนในเส้นทางรองของจังหวัดนราธิวาสด้วย

ข่าว.แวดาโอ๊ะ หะไร / อัสมา บินมะนุ จ.นราธิวาส

‘บิ๊กป้อม’ อวยพรชาวไทยมุสลิม เนื่องในวันอีฎิ้ลฟิตริ  ขอทุกท่านสุขภาพแข็งแรง มีแต่ความสันติสุขตลอดไป

(10 เม.ย. 67) พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ หัวหน้าพรรคพลังประชารัฐ (พปชร.) กล่าวเนื่องในโอกาสวันอีฎิ้ลฟิตริ ประจำปีฮิจเราะห์ศักราช 1445 ว่า 

“เนื่องในโอกาสวันสำคัญทางศาสนาอิสลาม วันอีฎิ้ลฟิตริ ประจำปีฮิจเราะห์ศักราช 1445 ขอร่วมอำนวยพรแก่พี่น้องชาวไทยมุสลิมทุกท่าน และเชื่อมั่นว่าผลบุญที่ได้จากการบำเพ็ญศาสนกิจตามบทบัญญัติของศาสนาอิสลาม ด้วยความศรัทธาอันแรงกล้า มั่นคงและอดทน เพื่อน้อมถวายจิตใจอันบริสุทธิ์แด่องค์พระผู้อภิบาลจะบำรุงให้ท่านทั้งหลายมีความอิ่มเอมใจ และมีความสันติสุขตลอดไป ในวาระนี้ขอพระผู้เป็นเจ้าได้โปรดประทานความเมตตา ความสุขสวัสดี ความเจริญรุ่งเรือง และกำลังใจ กำลังกายที่สมบูรณ์แข็งแรงแก่พี่น้องชาวไทยมุสลิมทุกท่านโดยทั่วกัน”

‘อัครเดช’ เปิดไทม์ไลน์ปม ‘กากแคดเมียมอันตราย’ ลั่น!! จนท.รัฐ เอี่ยว ต้องถูก ‘สอบสวน-ดำเนินการ’

“กากแคดเมียมเมื่อผ่านกระบวนการหลอมเพื่อสกัดสิ่งที่อยู่ภายในมีมูลค่าการซื้อขายสูงถึงตันละประมาณ 200,000 บาท จึงเป็นผลประโยชน์ที่ใครก็อยากได้”

เป็นข้อมูลจาก ‘นายอัครเดช วงษ์พิทักษ์โรจน์’ ประธานกรรมาธิการอุตสาหกรรม สส.ราชบุรี โฆษกพรรครวมไทยสร้างชาติ (รทสช.) ที่ชี้ให้เห็นถึงเม็ดเงินมหาศาลจาก ‘กากแคดเมียม-สังกะสี’ ที่เป็นข่าวดังครึกโครมอยู่ขณะนี้ หลังมีการขุดและลักลอบขนย้ายจากจังหวัดตาก กว่า 15,000 ตัน กระจายไปซุกไว้ตามจังหวัดต่าง ๆ ซึ่งข้อมูลการตรวจพบโดยกรมโรงงานอุตสาหกรรม ล่าสุดพบในพื้นที่ 2 จังหวัด คือ สมุทรสาครและชลบุรี

นายอัครเดช เปิดเผยข้อมูลที่น่าสนใจว่า “กมธ.อุตสาหกรรม ได้ติดตามเรื่องดังกล่าวมาตั้งแต่ต้นปี 2567 เพราะได้รับการร้องเรียนมีการนำกากอุตสาหกรรม ที่คาดว่าจะไม่ถูกกฎหมายจำนวนมากเคลื่อนย้ายออกจากจังหวัดตาก ณ ขณะนั้นยังไม่ทราบว่าจะไปยังที่ใด ซึ่งตามรายงานกากแร่นี้ระบุไว้ว่า ‘มีอันตรายห้ามเคลื่อนย้าย’

>> กุมภาพันธ์ 2567
ประธานกรรมาธิการอุตสาหกรรม เล่าต่อไปว่า จากนั้นจึงเริ่มดำเนินการสืบสวนสอบสวนเชิงลึก กระทั่งมีการเชิญผู้ว่าราชการจังหวัดตาก อุตสาหกรรมจังหวัดตาก มาให้ข้อมูลเมื่อเดือนกุมภาพันธ์ 2567 ทั้ง 2 หน่วยงาน มอบให้ผู้แทนคือรองผู้ว่าฯ และผู้แทนอุตสาหกรรมจังหวัดมาชี้แจง ระบุว่า พื้นที่เหมืองเก่าใน อ.แม่สอด ส่งคืนพื้นที่ให้กรมป่าไม้ไม่มีการทำเหมือง

>> มีนาคม 2567
จากนั้นต้นเดือนมีนาคม 2567 กมธ.อุตสาหกรรม เชิญหน่วยงานที่เกี่ยวข้องมาอีกครั้ง เพราะได้รับข้อมูลว่า มีการย้ายกากแร่จาก อ.แม่สอด มาจาก จ.ตาก ทุกหน่วยงานจึงช่วยตรวจสอบ โดยเฉพาะกรมโรงงานอุตสาหกรรม ที่แจ้งว่า การตรวจสอบสามารถทำได้เพราะมีการลงทะเบียนผ่านระบบอิเล็กทรอนิกส์ในใบขนย้าย

ต่อมาวันที่ 27 มีนาคม 2567 กรรมาธิการฯ ได้เชิญทุกหน่วยงานที่เกี่ยวข้องมาประชุมอีกครั้ง ซึ่งอุตสาหกรรมจังหวัดตาก ชี้แจงว่า เป็นผู้เซ็นอนุมัติให้มีการขนย้ายกากแร่ดังกล่าวออกไปที่ จ.สมุทรสาคร

แต่ทางรองอธิบดีกรมโรงงานอุตสาหกรรม ตั้งข้อสังเกตว่า ปลายทางไม่น่าจะรับกากแร่ที่ขนไปได้ แคดเมียมเป็นโลหะหนัก โรงงานปลายทางไม่สามารถหลอมโลหะอันตรายได้ เพราะเป็นโรงหลอมอะลูมิเนียมที่ไม่อันตราย

“ในวันนั้นที่ปรึกษากรรมาธิการอุตสาหกรรม สอบถามกับทางอุตสาหกรรมจังหวัดตาก เรื่องการขนย้ายกากดังกล่าว เพราะในข้อมูลทาง EIA ระบุชัดว่า จะต้องใช้วิธีการฝังกลบตามกระบวนการเท่านั้น แต่ทางอุตสาหกรรมจังหวัดตาก แจ้งว่า ขอกลับไปตรวจสอบก่อน”

>> เมษายน 2567
ประธานกมธ. เล่าอีกว่า และเมื่อวันที่ 3 เมษายน 2567 จึงเชิญ 8 หน่วยงานมาประชุม และมีความเห็นว่า กากดังกล่าวเป็นอันตราย

โดยในที่ประชุม ผู้แทนกรมโรงงานฯ นำผลการตรวจสอบตัวอย่างกากแร่ที่พบในโรงงานสมุทรสาคร มาชี้แจง ว่า ผลการวิเคราะห์พบกากแคดเมียมมีความเข้มข้นสูงถึง 40% ถือว่าเป็นอันตรายมาก

“ในฐานะ ปธ.กมธ.อุตสาหกรรม จะปล่อยเรื่องนี้เงียบไม่ได้ กรณีนี้ จนท.รัฐ จะต้องถูกสอบสวนหรือดำเนินการอย่างหนึ่งอย่างใด”

ส่วนล่าสุดวันนี้ (9 เม.ย.67) แฟนเพจเฟซบุ๊ก ‘ตำรวจสอบสวนกลาง (CIB)’ ได้เปิดเผยภาพและข้อมูล การเข้าตรวจค้นโรงงานแห่งที่ 4 ย่านคลองมะเดื่อ สมุทรสาคร พร้อมระบุว่า เจอแคดเมียมอีกเกือบ 1,000 ตัน

โดยด้านพล.ต.ต วัชรินทร์ พูสิทธ์ ผู้บังคับการปราบปรามการกระทำความผิดเกี่ยวกับทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม (ผบก.ปทส.) กล่าวว่า เจ้าหน้าที่ สามารถตรวจพบกากแคดเมียมได้อีก 1,000 ตันที่โกดังแห่งหนึ่งใน อ.กระทุ่มแบน จ.สมุทรสาคร พร้อมทั้งเรียกประชุมคณะพนักงานสืบสวนสอบสวน เพื่อวางแนวทางการทำงานร่วมกับกรมโรงงาน ในการตรวจสอบว่าโรงงานดังกล่าวได้รับอนุญาตให้ครอบครองวัตถุอันตรายหรือไม่ เพื่อแจ้งข้อกล่าวหาเพิ่มเติม รวมทั้งความผิดอื่น ๆ เช่น พ.ร.บ.สาธารณสุข พ.ร.บ.ควบคุมอาคาร และพ.ร.บ.คนเข้าเมืองเพิ่มเติมต่อไป

‘อุ๊งอิ๊ง’ แจง!! ‘ทักษิณ’ ลงสระใช้ดัมเบลฟองน้ำ เพื่อออกกำลังกาย พร้อมบอกไม่คิดว่าจะเป็นประเด็น ขอโทษหากทำอะไรไม่ถูกใจ

(9 เม.ย. 67) ที่วิทยาลัยป้องกันราชอาณาจักร (วปอ.) น.ส.แพทองธาร ชินวัตร หัวหน้าพรรคเพื่อไทย กล่าวถึงกรณีที่ได้โพสต์ภาพนายทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี ลงสระเล่นน้ำกับหลานโดยมีดัมเบล เสียงวิพากษ์วิจารณ์ค่อนข้างมาก ว่า จริง ๆ แล้วเป็นดัมเบลฟองน้ำและท่อฟองน้ำ เพื่อใช้ในการออกกำลังกายในน้ำ เพื่อช่วยให้กล้ามเนื้อกลับมา แต่ไม่ได้ว่ายน้ำเยอะเป็นเพียงการเดินในน้ำโดยใช้ดัมเบลฟองน้ำ ซึ่งไม่มีใครเอาดัมเบลเหล็กลงน้ำ ไม่ใช่นั้นคงจม ซึ่งลูกของตนก็ยังใช้เล่นด้วย เพราะว่ายน้ำไม่เป็น โดยนายทักษิณได้ให้หลานหนีบดัมเบลฟองน้ำ ไว้ทั้ง 2 ข้าง และเดินตาม ซึ่งก็เป็นการบริหารกล้ามเนื้อ

เมื่อถามว่า หากครั้งต่อไปจะโพสต์อะไรจะต้องมีการชี้แจงอย่างละเอียดหรือไม่ นางสาวแพทองธาร กล่าวว่า ไม่ตนก็คงจะโพสต์เหมือนเดิมแล้วไม่เป็นไรและอะไรที่เป็นกระแส ตนก็พร้อมที่จะตอบคำถาม ไม่เช่นนั้นชีวิตของตนก็จะต้องเปลี่ยนไป ทำอะไรต้องมา ระวังนู่นนี่นั่น ซึ่งจริง ๆ แล้วไม่ได้ตั้งใจจะโพสต์เพื่อทำร้ายใคร หรือเพื่อให้เป็นกระแสอยู่แล้ว แต่เมื่อช่วงสัปดาห์ที่ผ่านมา ตนงานยุ่งมาก 

"และเมื่อเสาร์อาทิตย์ที่ผ่านมา มีเวลาว่างอยู่กับลูก และไปนอนบ้าน รู้สึกว่าคุณตาตื่นมา มีความสุขหลาน ๆ มีความสุข อิ๊งค์ก็มีความสุข จึงเป็นสิ่งที่ต้องการจะสื่อ สื่อให้ตัวเอง ไม่ได้คิดว่าจะเป็นประเด็น ถ้าเป็นประเด็นก็อธิบายได้" น.ส.แพทองธาร กล่าว

เมื่อถามว่า ภาพร่างกายของนายทักษิณ ขณะนี้เป็นอย่างไรบ้าง น.ส.แพทองธาร กล่าวว่า ขึ้นเยอะ แข็งแรงขึ้น แต่ต้องมีการออกกำลังกายเรื่องกล้ามเนื้อเล็กน้อยเพราะอยู่ในพื้นที่จำกัดมานาน โดยบางส่วนต้องมีการฟื้นฟู โดยการออกกำลังกายในน้ำ เพราะอายุเยอะแล้วไม่ควรที่จะไปวิ่งเพื่อให้เกิดการกระแทก ดังนั้นการว่ายน้ำจึงปลอดภัยที่สุด ทั้งนี้ในทักษิณยังคงต้องไปตรวจเช็คอาการกับแพทย์อยู่อย่างต่อเนื่อง 

เมื่อถามว่าภายหลังจากการมีกระแสวิพากษ์วิจารณ์นายทักษิณ ว่าอย่างไร นางสาวแพทองธารกล่าวว่า ไม่มีการพูดคุยในเรื่องนี้เลย ปล่อยผ่าน ก็ปล่อยผ่านไป 

เมื่อถามว่าหลังจากนี้จะมีการโพสต์ รูปนายทักษิณอีกหรือไม่ หลังจากมีกระแสหรือจะหยุดโพสต์ น.ส.แพทองธารกล่าวว่า "ใช่ ๆ คงจะโพสต์ต่อ หรือควรจะหยุดโพสต์ไหม" เมื่อย้อนถามกลับว่าเรื่องนี้จะทำให้เกร็งหรือไม่ นางสาวแพทองธารตอบว่า "ไม่เลยค่ะ" 

เมื่อถามว่า รู้สึกอย่างไรที่มีคนคอยจ้องจับผิด ความเคลื่อนไหวอยู่ตลอด น.ส.แพทองธาร กล่าวว่า "ครั้งนี้ไม่ใช่ครั้งแรก ที่โดนจ้องจับผิดแต่ไม่เป็นไร เราก็เป็นธรรมชาติของเราอยู่แบบนี้ ถ้าไม่ชอบหรือไม่ถูกใจก็ต้องขอโทษด้วยก็เป็นแบบนี้แหละค่ะ"

ทั้งนี้ นางสาวแพทองทานยังกล่าวถึงกำหนดการเดินทางกลับจังหวัดเชียงใหม่ของนายทักษิณว่า ยังไม่แน่ใจว่าจะ ยังไม่ยืนยันเวลา น่าจะเป็นวันที่ 12 หรือ 13 เม.ย.

เมื่อถามว่า ในวันพรุ่งนี้ (10 เม.ย.) นายทักษิณจะเดินทางไปฟังคำสั่งของสำนักงานอัยการสูงสุด ต่อคดีมาตรา 112 น.ส.แพทองธาร กล่าวว่า ยังไม่ทราบจริง ๆ อาจจะต้องไป ตอนนี้ยังไม่มีข้อมูล เขายังไม่ได้คุยกับนายทักษิณในเรื่องนี้ แต่ถ้าทางอัยการนัดก็คงจะต้องไป

‘เชียงใหม่’ อ่วม!! ยึดอันดับ 1 เมืองที่มี ‘ค่ามลพิษ’ สูงที่สุดของโลก แถมคนส่วนใหญ่ยังออกไปทำงานตามปกติ แม้ประกาศให้ WFH

วิกฤตฝุ่นควันเชียงใหม่ยังอาการสาหัส ค่ามลพิษสูงยึดอันดับ 1 เมืองหลักคุณภาพอากาศเลวร้ายที่สุดในโลกต่อเนื่อง โดยทางจังหวัดออกประกาศขอความร่วมมือให้พิจารณาจัดการทำงานแบบ Work from Home ระหว่าง 9-11 เม.ย.67 เพื่อลดผลกระทบต่อสุขภาพประชาชน อย่างไรก็ตามพบคนส่วนใหญ่ยังต้องออกไปทำงานตามปกติ ยกเว้นหน่วยราชการส่วนใหญ่ที่ตอบสนองและปฏิบัติตามได้ทันที

(9 เม.ย.67) รายงานข่าวแจ้งว่าสถานการณ์ฝุ่นควันไฟป่าและมลพิษอากาศของจังหวัดเชียงใหม่ยังคงรุนแรงต่อเนื่อง โดยสภาพตัวเมืองเชียงใหม่ถูกปกคลุมหนาทึบด้วยฝุ่นควันจนไม่สามารถมองเห็นยอดดอยสุเทพจากระยะไกลได้เหมือนช่วงปกติ ซึ่งจากสถานการณ์ที่เลวร้ายดังกล่าวนี้ ทางจังหวัดเชียงใหม่จึงได้มีการออกประกาศขอความร่วมมือให้หน่วยงานราชการและเอกชนพิจารณาการทำงานแบบ Work from Home ระหว่างวันที่ 9-11 เม.ย.67 เพื่อลดผลกระทบต่อประชาชน อย่างไรก็ตาม พบว่าผู้คนส่วนใหญ่จำเป็นต้องออกไปทำงานตามปกติเนื่องจากผู้ประกอบการเอกชนยังคงเปิดตามปกติ รวมทั้งลูกจ้างจำนวนมากเป็นผู้ใช้แรงงานและรับค่าจ้างเป็นรายวันที่ไม่สามารถทำงานจากที่บ้านได้ ขณะที่ในส่วนของหน่วยงานราชการนั้น พบว่าหลายหน่วยงานสามารถปฏิบัติตามประกาศดังกล่าวได้ทันที โดยเฉพาะที่ศาลากลางจังหวัดเชียงใหม่

สำหรับจุดความร้อนจากไฟไหม้ป่าในพื้นที่จังหวัดเชียงใหม่นั้น ข้อมูลจากสำนักงานพัฒนาเทคโนโลยีอวกาศและภูมิสารสนเทศ (GISDA) ระบุว่า ในรอบ 24 ชั่วโมงของวันที่ 8 เม.ย.67 พบจุดความร้อน (Hotspot) ในพื้นที่ 17 จังหวัดภาคเหนือ รวมทั้งสิ้น 961 จุด อยู่ในพื้นที่จังหวัดเชียงใหม่ 207 จุด ซึ่งมากที่สุดเป็นอันดับ 2 ส่วนอันดับ 1 ได้แก่ จังหวัดแม่ฮ่องสอน 297 จุด,อันดับ 3 ตาก 83 จุด, อันดับ 4 น่าน 82 จุด และอันดับ 5 ลำปาง 44 จุด

ขณะที่ศูนย์บัญชาการป้องกันและแก้ไขปัญหาไฟป่า หมอกควัน และฝุ่นละอองขนาดเล็ก (PM 2.5) จังหวัดเชียงใหม่ รายงานจุดความร้อนรอบเช้าประจำวันที่ 9 เม.ย.67 ว่าพบจุดความร้อนในพื้นที่จังหวัดเชียงใหม่ จำนวน 145 จุด มากที่สุดในพื้นที่อำเภอเชียงดาว 21 จุด รองลงไป ได้แก่ แม่แจ่ม 19 จุด, ฮอด 18 จุด, ฝาง 16 จุด, อมก๋อย 14 จุด, แม่แตง 14 จุด, ไชยปราการ 11 จุด, สันกำแพง 9 จุด, พร้าว 6 จุด, สะเมิง 4 จุด, แม่อาย 4 จุด, กัลยาณิวัฒนา 3 จุด, เวียงแหง 2 จุด, ดอยสะเก็ด 2 จุด และแม่วาง 2 จุด

ทั้งนี้ รายงานผลการตรวจวัดคุณภาพอากาศจากสถานีของกรมควบคุมมลพิษที่ติดตั้งอยู่ในตำบลช้างเผือก, ตำบลศรีภูมิ,ตำบลสุเทพ อำเภอเมือง จังหวัดเชียงใหม่, ตำบลช่างเคิ่ง อำเภอแม่แจ่ม, ตำบลเมืองนะ อำเภอเชียงดาว และตำบลหางดง อำเภอฮอด พบค่าฝุ่นละอองขนาดเล็ก PM 2.5 เฉลี่ยในรอบ 24 ชั่วโมง ณ เวลา 09.00 น. วันนี้ อยู่ที่ 122.7 ไมโครกรัม/ลูกบาศก์เมตร, 129.8 ไมโครกรัม/ลูกบาศก์เมตร, 125.5 ไมโครกรัม/ลูกบาศก์เมตร, 76 ไมโครกรัม/ลูกบาศก์เมตร, 151.6 ไมโครกรัม/ลูกบาศก์เมตร และ 75.3 ไมโครกรัม/ลูกบาศก์เมตร ตามลำดับ จากค่ามาตรฐานไม่เกิน 37.5 ไมโครกรัม/ลูกบาศก์เมตร ส่วนค่าดัชนีคุณภาพอากาศ (AQI) อยู่ที่ 248,255,251,202,77 และ 201 ตามลำดับ จากค่ามาตรฐานไม่เกิน 100 ทั้งนี้ภาพรวมคุณภาพอากาศอยู่ในระดับที่มีผลกระทบต่อสุขภาพ

ขณะที่เว็บไซต์ Iqair.com ซึ่งรายงานคุณภาพอากาศจากทั่วโลก แจ้งผลการตรวจวัดคุณภาพอากาศและการจัดอันดับเมืองที่มีมลพิษทั่วโลก เมื่อเวลา 08.00 น. วันนี้ พบว่าจังหวัดเชียงใหม่มีดัชนีคุณภาพอากาศอยู่ที่ 197 US AQI และค่า PM 2.5 วัดค่าได้ 145 ไมโครกรัม/ลูกบาศก์เมตร ซึ่งเกินค่ามาตรฐาน และอยู่ในระดับที่มีผลกระทบต่อทุกคน โดยผลการตรวจวัดคุณภาพอากาศดังกล่าวอยู่ในอันดับที่ 1 ของเมืองหลักที่มีมลพิษอากาศสูงสุดของโลก ขณะที่อันดับ 2 ได้แก่ คูเวตซิตี้ ประเทศคูเวต ดัชนีคุณภาพอากาศ 194 US AQI และอันดับ 3 กาฐมาณฑุ ประเทศเนปาล 191 US AQI

‘กรมฝนหลวง’ เตรียมปฏิบัติการทำฝนหลวงในภาคเหนือ  เริ่ม 11 เม.ย.นี้ หวังช่วยชะล้างฝุ่น PM 2.5 กว่า 50%

(9 เม.ย.67) นายไชยา พรหมา รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ กล่าวว่า ในที่ประชุมคณะรัฐมนตรี นายเศรษฐา ทวีสิน นายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลัง ได้กำชับให้หน่วยงานที่เกี่ยวข้องบูรณาการทำงานร่วมกัน เพื่อแก้ปัญหาฝุ่น PM 2.5 ในพื้นที่จังหวัดเชียงใหม่ และภาคเหนือ ในฐานะที่ตนกำกับดูแลกรมฝนหลวงและการบินเกษตร ซึ่งมีภารกิจหลักในการแก้ไขปัญหา จึงสั่งการให้กรมฝนหลวงฯ นำเครื่องบินขึ้นทำฝนหลวง เพื่อดัดแปลงสภาพอากาศของภาคเหนือตอนบนทั้งหมด

“สร้างความมั่นใจว่าในช่วงเทศกาลสงกรานต์พื้นที่ภาคเหนือตอนบนทั้งหมด โดยเฉพาะ จ.เชียงใหม่ จ.เชียงราย ปริมาณฝุ่นจะลดลงอย่างต่ำ 50% ของพื้นที่ และในช่วงเวลาเดียวกันจะมีการวางแผนทำฝนหลวงควบคู่ไปด้วย เนื่องจากสภาพอากาศในช่วงดังกล่าวเหมาะกับการทำฝนหลวง ซึ่งการปฏิบัติการดังกล่าวเรียกว่าเป็นการลดอุณหภูมิของสภาพอากาศ เพื่อให้ฝุ่นในชั้นล่างลอยขึ้นไปด้านบนได้ วิธีนี้จะช่วยให้ฝุ่นลดความแออัดลงได้ถึง 50% เช่นเดียวกัน” นายไชยา กล่าว

นายไชยา กล่าวว่า การทำฝนหลวงมีอุปสรรคต้องใช้น้ำเย็น ในขณะที่ประสิทธิภาพการทำฝนหลวงจริง ๆ ต้องใช้น้ำแข็งแห้ง แต่น้ำแข็งแห้งสามารถผลิตได้ที่เดียวคือที่ จ.ระยอง ดังนั้นการขนย้ายจาก จ.ระยอง มา จ.เชียงใหม่ จึงเป็นปัญหาอุปสรรค เพราะถ้ามีการขนมาประสิทธิภาพอาจลดลง จึงต้องแก้ไขสถานการณ์ด้วยการใช้น้ำเย็น

“ในวันที่ 11 เมษายนนี้ จะขึ้นปฏิบัติการทำฝนหลวงด้วยตนเอง เพราะอยากรู้การทำงานมีขั้นตอนอย่างไร โดยต้องอาศัยเทคนิคการคำนวนทิศทางลม ความชื้นของชั้นบรรยากาศ หากไม่ได้ขึ้นไปด้วยตัวเองก็จะอธิบายกับสังคมไม่ได้ จึงไม่อยากให้ด้อยค่ากรมฝนหลวง เนื่องจากทฤษฎีนี้เป็นทฤษฎีศาสตร์พระราชา และปฏิบัติการฝนหลวงสามารถแก้ไขปัญหาดังกล่าวได้จริง และตอนนี้มีข้อเรียกร้องจากภาคประชาชนหลายพื้นที่ในการทำฝนหลวง” นายไชยา กล่าว

นายไชยา กล่าวว่า ได้สั่งการให้กรมฝนหลวง ขึ้นทำฝนหลวงทุกวันในช่วงสงกรานต์ คาดหวังว่าในช่วงสงกรานต์จะทำให้ประชาชนและนักท่องเที่ยวได้เที่ยวกันอย่างมีความสุข ส่วนกรณีที่เกิดข้อสงสัยว่าการทำฝนหลวงจะสามารถแก้ไขปัญหาฝุ่นในระยะยาวได้หรือไม่นั้น ต้นตอของปัญหาไม่ได้เกิดขึ้นที่หน่วยงานของเรา แต่เรามีหน้าที่สนับสนุน จึงต้องอาศัยการบูรณาการร่วมกัน รวมทั้งให้ความรู้ และขอความร่วมมือไม่ให้เกษตรกรเผาป่า ซึ่งจะสามารถลดผลกระทบต่อสิ่งแวดล้อมได้เป็นอย่างดี

“การทำฝนหลวงไม่ได้ทำให้ฝุ่นทั้งหมดไป เนื่องจากฝุ่นดังกล่าวลอยมาจากประเทศเพื่อนบ้าน แต่สามารถลดปริมาณฝุ่นได้อย่างน้อย 50%” นายไชยา กล่าว

ตำรวจสอบสวนกลาง พร้อมดูแลและอำนวยความสะดวกการจราจรในช่วงเทศกาลสงกรานต์ 2567

กองบัญชาการตำรวจสอบสวนกลาง (CIB) โดย กองบังคับการตำรวจทางหลวง ภายใต้ การอำนวยการของ พล.ต.ท.จิรภพ ภูริเดช ผบช.ก. , พล.ต.ต.จรูญเกียรติ ปานแก้ว รอง ผบช.ก. , พล.ต.ต. คงกฤช เลิศสิทธิกุล ผบก.ทล. กองบังคับการตำรวจทางหลวง ได้ประสานความร่วมมือกับ กรมทางหลวง และหน่วยงานที่เกี่ยวข้องเตรียมความพร้อมในการอำนวยความสะดวกด้านการจราจร  การลดและป้องกันอุบัติเหตุ ในช่วงเทศกาลสงกรานต์ 2567 ระหว่างวันที่ 11-17 เม.ย.2567 โดยจัดกำลังเจ้าหน้าที่ตำรวจอำนวยความสะดวกในเส้นทางหลัก ,เส้นทางรอง โดยเฉพาะในจุดที่มีการจราจรหนาแน่น พิจารณาการเปิดช่องทางเดินรถพิเศษ (Reversible Lane) โดยเปิดช่องทางพิเศษขาออก 9 สายทาง 10 จังหวัด รวมระยะทาง 219 กิโลเมตร ส่วนขากลับเปิดช่องทางพิเศษ 9 สายทาง 14 จังหวัด รวมระยะทาง 238 กิโลเมตร รวมทั้งกำหนดเส้นทางรถบรรทุก 10 ล้อขึ้นไป ห้ามเดินรถ ซึ่งได้เทศกาลสงกรานต์ 2567 นี้ ได้เพิ่มทางหลวงหมายเลข 35 (ถนนพระราม 2) รวม 8 เส้นทาง เพื่อลดปัญหาการจราจรติดขัด และได้กำชับสถานีตำรวจทางหลวงทั้ง 41 สถานีทั่วประเทศ จัดชุดเคลื่อนที่เร็ว ประสานรถยก รถสไลด์ พร้อมแก้ปัญหาและอำนวยความสะดวกพี่น้องประชาชนผู้ใช้ทาง กรณีเกิดอุบัติเหตุหรือรถเสีย ที่ต้องการความช่วยเหลือ ดำเนินการอย่างรวดเร็วทันท่วงที พร้อมทั้งมีมาตราการบังคับใช้กฎหมายอย่างเข้มข้นตามมาตรการ 10 ข้อหาหลัก

ที่เป็นสาเหตุหลักของการเกิดอุบัติเหตุ เช่น การขับรถเร็ว ,ขับรถขณะเมาสุรา ฯลฯ หากมีอุบัติเหตุจราจรที่มีคู่กรณี หรือมีผู้บาดเจ็บหรือเสียชีวิต ให้พนักงานสอบสวนทำการตรวจวัดระดับแอลกอฮอล์ผู้ขับขี่ทุกราย และดำเนินคดีให้ครบทุกข้อหา ส่วนผู้ขับขี่ที่อายุต่ำกว่า 20 ปี ให้ขยายผลถึงผู้จำหน่าย ผู้ส่งเสริม หรือยินยอมให้เด็กประพฤติตนไม่สมควร การบริการและประชาสัมพันธ์ เตรียมความพร้อมหน่วยบริการตำรวจทางหลวง จำนวน 205 หน่วย ที่ตั้งอยู่บนถนนสายหลักทั่วประเทศ ให้ประชาชนสามารถลงทะเบียนเข้าพักและใช้บริการได้  ซึ่งในหน่วยบริการ จะมีสิ่งอำนวยความสะดวก เช่น ห้องพัก อาหาร เครื่องดื่ม ฯลฯ และมีจุดตรวจสภาพรถยนต์เบื้องต้น โดยได้รับความร่วมมือจาก สถาบันอาชีวะฯ ในพื้นที่ และประชาชนสามารถสอบถามข้อมูลที่สายด่วนตำรวจทางหลวง 1193 หรือ Facebook ตำรวจทางหลวง ได้ตลอด 24 ชั่วโมง

ทั้งนี้ การดูแลและอำนวยความสะดวกการจราจรในช่วงเทศกาลสงกรานต์ 2567 เป็นไปตามนโยบายของ กองบัญชาการตำรวจสอบสวนกลาง ที่ต้องการให้พี่น้องประชาชน ได้รับความสะดวกความปลอดภัย ในการเดินทาง และมีความสุขในช่วงเทศกาลสงกรานต์ 2567 นี้ โดย ตำรวจสอบสวนกลาง จะยังคงทำหน้าที่ในการดูแลพี่น้องประชาชนอย่างต่อเนื่องต่อไปในทุก ๆ ด้าน เพื่อให้เกิดความปลอดภัยในชีวิตและทรัพย์สินของประชาชน หากพบอุบัติเหตุหรือต้องการสอบถามเส้นทาง โทรสายด่วน 1193 ได้ตลอด 24 ชั่วโมง 

“ Good Health Safe Drive ” สุขภาพดี ขับขี่ปลอดภัย โครงการป้องกันและลดอุบัติเหตุทางถนนช่วงเทศกาล สงกรานต์ 2567

โรงพยาบาลพญาไท 3 ร่วมกับ สถานีตำรวจภาษีเจริญ ,สำนักงานเขตภาษีเจริญ , บริษัท กลางคุ้มครองผู้ประสบภัยจากรถ จำกัด และ มูลนิธิร่วมกตัญญู จัดกิจกรรม “ Good Health Safe Drive ” สุขภาพดี  ขับขี่ปลอดภัยเพื่อเป็นการป้องกันและลดอุบัติเหตุทางถนนช่วงเทศกาล สงกรานต์ 2567

เมื่อวันอังคารที่  9 เมษายน 2567  ณ. บริเวณแยกเพชรเกษม-ราชพฤกษ์ สถานีรถไฟฟ้า BTS บางหว้า ซึ่งกิจกรรมในครั้งนี้ถือเป็นการร่วมมือกันรณรงค์เฝ้าระวังภัยให้แก่พี่น้องประชาชนที่เดินทางกลับภูมิลำเนาในช่วงเทศกาลสงกรานต์ให้ปลอดภัยจากอุบัติเหตุบนท้องถนน

โดยได้รับเกียรติจาก นายแพทย์อภิชัย โตวณะบุตร ผู้ช่วยผู้อำนวยการแพทย์โรงพยาบาลพญาไท 3 ร่วมด้วย พ.ต.อ. ไพโรจน์ นาเมืองรักษ์ ผกก สนภาษีเจริญ  ให้เกียรติกล่าวเปิดงานในครั้งนี้   โดยกิจกรรมมีการร่วมกันรณรงค์ให้ผู้ใช้เส้นทางที่จะเดินทางกลับภูมิลำเนาในวันหยุดยาวในช่วงเทศกาลสงกรานต์  ได้มีสติในการขับขี่ถึงที่หมายอย่างปลอดภัย มีการแจกแผ่นพับรณรงค์การขับขี่ปลอดภัย พร้อมเครื่องดื่มชูกำลัง ลูกอมรสเปรี้ยว ให้แก่ผู้ใช้เส้นทางบริเวณแยกเพชรเกษม-ราชพฤกษ์ พร้อมทั้งแจกหมวกกันน็อคให้แก่รถจักรยานยนต์เพื่อรณรงค์ให้สวมหมวกกันน็อคในการขับขี่ทุกครั้ง นอกจากนี้โรงพยาบาลพญาไท3ยังมอบอุปกรณ์และเวชภัณฑ์ยาให้แก่จุดปฐมพยาบาลเพื่อใช้ในการดูแลผู้ใช้เส้นทางหากเกิดเหตุฉุกเฉิน ก่อนที่จะปิดท้ายด้วยการสาธิตการใช้อุปกรณ์ช่วยชีวิตจากทีมเจ้าหน้าที่มูลนิธิร่วมกตัญญู โรงพยาบาลพญาไท 3 ขออวยพรให้ทุกท่านเดินทางในช่วงเทศกาลสงกรานต์นี้อย่างปลอดภัย และเมื่อเกิดเหตุฉุกเฉินเราขอแนะนำสายด่วนสุขภาพจากโรงพยาบาลพญาไท 3  โทร.1772  กด 1  ที่จะพร้อมดูแลคุณตลอด 24 ชั่วโมง 

'ม.ศรีปทุม' คว้าแชมป์ดวลสวิงระดับอุดมศึกษา  'ช้าง กอล์ฟ ยู-แชมเปี้ยนส์ คัพ 2024' สนามแรก

(9 เม.ย.67) บริษัท ไทยเบฟเวอเรจ จำกัด (มหาชน) โดย น้ำแร่ธรรมชาติตราช้าง ร่วมกับ เดอะ เจ็นซ์ เปิดศึกดวลสวิงระดับอุดมศึกษา รายการ 'ช้าง กอล์ฟ ยู-แชมเปี้ยนส์ คัพ 2024' ประเดิมสนามแรกที่เลควิว รีสอร์ท แอนด์ กอล์ฟ คลับ จ.เพชรบุรี ระหว่างวันที่ 6-7 เมษายน 2567 ที่ผ่านมา

สำหรับทัวร์นาเมนต์นี้ ทาง 'น้ำแร่ธรรมชาติตราช้าง' มีความมุ่งมั่นที่จะร่วมเป็นส่วนหนึ่งในการพัฒนาวงการกอล์ฟไทย ทั้งในระดับเยาวชน และระดับอุดมศึกษา จึงได้จัดรายการแข่งขันนี้ขึ้นอย่างต่อเนื่องเป็นปีที่ 5 เพื่อส่งเสริมนักกีฬากอล์ฟในระดับอุดมศึกษาให้มีเวทีการแข่งขันที่ต่อเนื่อง และสร้างโอกาสให้กับนักกอล์ฟในระดับอุดมศึกษาได้มีพื้นที่ในการแข่งขันเพื่อพัฒนาศักยภาพสู่การเป็นนักกอล์ฟมืออาชีพ โดยมีมหาวิทยาลัยชั้นนำของประเทศตอบรับร่วมแข่งขันเพื่อชิงทุนการศึกษารวม 10 มหาวิทยาลัย

ทั้งนี้ 'ช้าง กอล์ฟ ยู-แชมเปี้ยนส์ คัพ 2024' ทำการแข่งขันรอบคัดเลือก 2 สนาม และรอบชิงชนะเลิศ  1 สนาม แข่งขันประเภททีม 4 คน (คิดคะแนนดีที่สุด 3 คน) ซึ่งในรอบคัดเลือกเป็นการแข่งขันแบบสะสมคะแนน 2 สนาม แข่งขันแบบ Stroke Play 36 หลุม เพื่อจัดอันดับ คัด 8 ทีมเข้าไปเล่นในรอบชิงชนะเลิศ โดยรอบชิงชนะเลิศ แข่งขันแบบ Match Play ทำการแข่งขัน 2 วัน แบ่งการแข่งขันออกเป็น 2 Division แข่งรอบละ 18 หลุม โดยแบ่งการแข่งขันออกเป็นทีมละ 2 คู่ คือ Foursomes 1 คู่ และ Four-Ball 1 คู่ ซึ่งทีมที่ชนะเลิศในอันดับต่างๆ จะได้รับทุนการศึกษาพร้อมรางวัลเกียรติยศ

สำหรับการแข่งขัน 'ช้าง กอล์ฟ ยู-แชมเปี้ยนส์ คัพ 2024' รอบคัดเลือก สนามแรก แข่งขันในวันที่ 6-7 เมษายน 2567 มีมหาวิทยาลัยที่เข้าร่วมชิงชัยรวม 10 มหาวิทยาลัย คือ มหาวิทยาลัยศรีปทุม, มหาวิทยาลัยอัสสัมชัญ, มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์, จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย, มหาวิทยาลัยศิลปากร, มหาวิทยาลัยเทคโนโลยีพระจอมเกล้าพระนครเหนือ, มหาวิทยาลัยรังสิต, มหาวิทยาลัยมหิดล, มหาวิทยาลัยเกษตรศาสตร์ และโรงเรียนนายร้อยพระจุลจอมเกล้า

หลังจบการแข่งขันในรอบคัดเลือก สนามที่ 1 ปรากฏว่า 'ทีมมหาวิทยาลัยศรีปทุม' คว้าแชมป์ตามคาด ส่วน 'ทีมมหาวิทยาธรรมศาสตร์' รับรองแชมป์ และ 'ทีมจุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย' จบที่ 3 ในการแข่งขันรอบคัดเลือกสนามที่ 1

อันดับ 1 มหาวิยาลัยศรีปทุม ภายใต้การควบคุมทีมของ โปรจำลอง นาเมือง นักกีฬาสามารถทำผลงานตามเป้าคว้าแชมป์สนามแรกได้สำเร็จ ด้วยสกอร์รวมทีม 440 (223-217) โดยปีนี้ส่งผู้เล่นรุ่นใหม่ฝีมือดีอย่าง พรหมพจน์ ทรงกลด ที่ทำสกอร์ดีสุด จบสองรอบที่ 1 อันเดอร์พาร์ 143 (71-72), ปริญยาภรณ์ รุ่งระวี สกอร์ 2 โอเวอร์พาร์ 146 (75-71), ชนินทร์ ทองไพจิตร สกอร์ 7 โอเวอร์พาร์ 151 (77-74) และกฤษฎา เล็กเรืองสินธุ์ สกอร์ 18 โอเวอร์พาร์ 162 (80-82)  

อันดับ 2 มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ คว้ารองแชมป์ ภายใต้การนำทีมของ ศุภวิช ทรงกลด ที่ทำสกอร์ดีสุดในทีม สองรอบที่ 1 โอเวอร์พาร์ 145 (69-76), สกรรจ์พัส มาลา สกอร์ 5 โอเวอร์พาร์ 149 (77-72) ที่ 3 ชาครีย์ โรจนสมิต สกอร์ 17 โอเวอร์พาร์ 161 (82-79) และจิรภัทร ประเสริฐกุล สกอร์ 18 โอเวอร์พาร์ 162 (83-79) สกอร์รวมทีม 455 (228-227)   

อันดับ 3 จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย นำทีมโดย กันต์พศุตม์ วงศ์สกุลวิวัฒน์ สกอร์ 12 โอเวอร์พาร์ 156 (75-81), เตชินทร์ วิชัยณรงค์ สกอร์ 13 โอเวอร์พาร์ 157 (78-79), จุฑามาศ กฤษติยานฤวัต สกอร์ 13 โอเวอร์พาร์ 157 (78-79) และภุชิสส์ เงาแก้ว สกอร์ 19 โอเวอร์พาร์ 163 (87-76) สกอร์รวมทีม 465 (231-234)  

สรุปผลการแข่งขันกอล์ฟ 'ช้าง กอล์ฟ ยู-แชมเปี้ยนส์ คัพ 2024' รอบคัดเลือก สนามที่ 1 มีดังนี้...

อันดับ 1 ทีมมหาวิทยาลัยศรีปทุม สกอร์รวม 440 (223-217) คะแนนสะสม 100 คะแนน
อันดับ 2 ทีมมหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ สกอร์รวม 455 (228-227) คะแนนสะสม 80 คะแนน
อันดับ 3 ทีมจุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย สกอร์รวม 465 (231-234)  คะแนนสะสม 70 คะแนน
อันดับ 4 มหาวิทยาลัยอัสสัมชัญ สกอร์รวม 471 (235-236)  คะแนนสะสม 60 คะแนน
อันดับ 5 ทีมมหาวิทยาลัยศิลปากร สกอร์รวม 473 (231-242)  คะแนนสะสม 50 คะแนน
อันดับ 6 ทีมมหาวิทยาลัยเกษตรศาสตร์ สกอร์รวม 475 (236-239) คะแนนสะสม 45 คะแนน
อันดับ 7 ทีมมหาวิทยาลัยรังสิต สกอร์รวม 492 (241-251)  คะแนนสะสม 40 คะแนน
อันดับ 8 ทีมมหาวิทยาลัยเทคโนโลยีพระจอมเกล้าพระนครเหนือ สกอร์รวม 503 (250-253) คะแนนสะสม 35 คะแนน
อันดับ 9 ทีมโรงเรียนนายร้อยพระจุลจอมเกล้า สกอร์รวม 519 (274-245) คะแนนสะสม 30 คะแนน

'ช้าง กอล์ฟ ยู-แชมเปี้ยนส์ คัพ 2024' รอบคัดเลือก สนามที่ 2 จะทำการแข่งขันที่สนามพานอราม่า กอล์ฟ แอนด์ คันทรี คลับ ในวันที่ 15-16 พฤษภาคม 2567 ติดตามความเคลื่อนไหวและผลการแข่งขันได้ที่ Facebook: Chang Golf Club 

ตำรวจภาค 4 กัดติด รวบทีมขน 3 เครือข่ายยาเสพติด สกัดยาบ้ากว่า 6 ล้านเม็ด ก่อนทะลักเข้าพื้นที่ชั้นใน  เร่งขยายผลยึดทรัพย์ต่อที่ สภ.เชียงคาน

9 เม.ย.67 พล.ต.ท.สรายุทธ สงวนโภคัย  ผบช.ภ.4, พล.ต.ต.พงพิพัฒน์ ศิริพรวิวัฒน์ ผบก.ภ.จว.เลย, นายชัยพจน์ จรูญพงศ์ ผวจ.เลย , ผู้แทนหน่วยร่วมบูรณาการ ได้แก่ ป.ป.ส.ภาค 4, กกล.สุรศักดิ์มนตรี, ตำรวจน้ำ, กก.11 รน., ร้อย ตชด.246 ร่วมแถลงข่าวผลการจับกุมยาเสพติด ตามนโยบายเร่งด่วนของรัฐบาล และ พล.ต.อ.กิตติ์รัฐ พันธุ์เพ็ชร์ รอง ผบ.ตร.รรท.ผบ.ตร. ให้กวาดล้างจับกุมยาเสพติดในพื้นที่ตามแนวชายแดน เพิ่มความเข้ม  ในการกวาดล้างจับกุมยาเสพติดในพื้นที่มีปัญหา และปราบปรามผู้ค้ายาเสพติดให้หมดสิ้นไป พล.ต.ท.สรายุทธ สงวนโภคัย ผบช.ภ.4 จึงได้สั่งการให้ทุกหน่วยในสังกัด เร่งกวาดล้างจับกุมยาเสพติดอย่างเด็ดขาดตามนโยบายดังกล่าว  เพื่อให้ผู้ค้ายาเสพติด  ไม่มีพื้นที่ยืนอีกต่อไป 

คดีที่ 1 ตำรวจ สภ.เชียงคาน สืบสวนทราบว่า ขบวนการค้ายาเสพติดจะนำยาบ้าไปส่งในพื้นที่ อ.เชียงคาน จ.เลย จึงได้วางแผนจับกุม ต่อมาวันที่ 7 เม.ย. 67 เวลาประมาณ 05.30 น. ตำรวจชุดจับกุมได้พบรถตู้ลักษณะตรงตามข้อมูลที่มี จึงติดตามไปตามถนนสายปากชม–เชียงคาน ถึงบ้านบุฮม หมู่ 1 ต.บุฮม อ.เชียงคาน จ.เลย ที่เกิดเหตุ จึงแสดงตัวเพื่อขอตรวจค้น โดยมีนายพัชรพล อายุ 41 ปี ทำหน้าที่ขับรถ และนายจิตพงษ์ อายุ 41 ปี นั่งข้างคนขับ ผลการตรวจค้นภายในรถตู้ พบยาบ้าเม็ดสีส้ม และเม็ดสีฟ้า จำนวน 348 แพค บรรจุภายในกระสอบสีขาว จำนวน 9 กระสอบ รวมยาบ้าประมาณ 3,480,000 เม็ด จึงแจ้งข้อกล่าวหาให้ผู้ต้องหาทั้งสองทราบว่า ร่วมกันมียาเสพติดให้โทษประเภท 1 (เมทแอมเฟตามีนหรือยาบ้า) ไว้ในครอบครองเพื่อการค้า อันเป็นการก่อให้เกิดการแพร่กระจายในกลุ่มประชาชน และการกระทำให้เกิดผลกระทบต่อความมั่นคงของรัฐ หรือความปลอดภัยของประชาชนทั่วไปโดยผิดกฎหมาย ตรวจยึดยาเสพติดไว้เป็นของกลาง จากนั้นจึงจับกุมผู้ต้องหาทั้งสอง ส่งพนักงานสอบสวน สภ.เชียงคาน ดำเนินคดี และขยายผลถึงผู้ร่วมขบวนการต่อไป
 
คดีที่ 2 ตำรวจ บก.สส.ภ.4 และ สภ.บ้านแฮด สืบสวนทราบว่า จะมีการส่งมอบยาเสพติดจำนวนมากที่ ต.กู่ทอง  อ.เชียงยืน จ.มหาสารคาม จึงวางกำลังเพื่อทำการจับกุม ต่อมาเวลาประมาณ 19.00 น. พบรถเก๋งยี่ห้อฮอนด้า สีทอง ทะเบียน กร 79xx สระบุรี จอดอยู่ที่ลานจอดร้านขนมจีนกู่ทอง ถนนขอนแก่น-เชียงยืน ต.กู่ทอง อ.เชียงยืน จ.มหาสารคาม ตรงตามข้อมูลจากการสืบสวน จึงแสดงตัวเข้าทำการตรวจค้น มีนายภูธเนศ เป็นผู้ขับขี่(ทราบชื่อภายหลัง) ผลการตรวจค้นพบยาบ้า อยู่ในกระเป๋าเดินทาง จำนวน 4 ใบ บรรจุยาบ้าเป็นมัด รวมประมาณ 990,000 เม็ด ซุกซ่อนอยู่ใต้ฝาท้ายรถยนต์คันดังกล่าว จึงแจ้งข้อกล่าวหาให้นายภูธเนศ ทราบว่า ร่วมกันกับพวกที่หลบหนี มียาเสพติดให้โทษชนิดร้ายแรงประเภท 1 (เมทแอมเฟตามีนหรือยาบ้า) ไว้ในครอบครองเพื่อการค้าและก่อให้เกิดการแพร่กระจายในกลุ่มประชาชน และกระทำให้เกิดผลกระทบต่อความมั่นคงของรัฐหรือ ความปลอดภัยของประชาชนโดยฝ่าฝืนต่อกฎหมาย จากนั้นจึงจับกุมตัวผู้ต้องหา พร้อมของกลาง นำส่งพนักงานสอบสวน สภ.กู่ทอง ดำเนินคดี
 
คดีที่ 3 ตำรวจ บก.สส.ภ.4 สืบสวนทราบว่าจะมีการส่งยาเสพติดในพื้นที่ ต.หนองแวง อ.บ้านแพง จ.นครพนม จึงวางกำลังจับกุม ต่อมาเมื่อวันที่ 6 เม.ย.67 เวลาประมาณ  น. พบรถเก๋งยี่ห้อนิสสัน ทะเบียน กม 33xx สลกนคร จอดที่หน้าโรงเรียนแห่งหนึ่ง ริมถนนสาย 212 ต.หนองแวง อ.บ้านแพง จ.นครพนม โดยผู้ต้องหาทราบชื่อภายหลังว่านายณัฐวัฒน์ อายุ 43 ปี ลงมาจากรถ ไปยกกระสอบที่ซ่อนอยู่ข้างทาง จึงแสดงตัวขอตรวจค้น พบว่าเป็นยาบ้า 2 กระสอบ จำนวน 570,000 เม็ด จึงยึดเป็นของกลางและแจ้งข้อหาจับกุมตัว ส่งพนักงานสอบสวน สภ.บ้านแพง ดำเนินคดี จากการตรวจสอบประวัติพบว่า ผู้ต้องหาอยู่ระหว่างหลบหนีหมายจับศาลจังหวัดเพชรบุรี ในความผิดฐาน “ร่วมกันชิงทรัพย์ในเวลากลางคืน โดยมีอาวุธฯ” ท้องที่ สภ.เมืองเพชรบุรี 
 
ล่าสุดวันนี้(9 เม.ย.67) พล.ต.ท.สรายุทธ สงวนโภคัย ผบช.ภ.4 ได้เดินทางไปสอบปากคำนายพัชรพล นายจิตพงษ์ สองผู้ต้องหาที่ลักลอบขนยาเสพติด 3,480,000 ล้านเม็ด โดยผู้ต้องหารับว่า ร่วมกับพวกอีก 2 คนที่หลบหนี รับจ้างขนยาเสพติดโดยได้รับค่าจ้างในครั้งนี้สองแสนบาท และหนึ่งในผู้ต้องหาเป็นนักสนุกเกอร์ที่มีชื่อเสียง แต่เนื่องจากเป็นหนี้พนัน  จึงมาขนยาเสพติดเพื่อนำเงินไปใช้หนี้ พล.ต.ท.สรายุทธ ได้สั่งการให้เร่งสืบสวนขยายผลไปจับกุมและใช้มาตรการยึดทรัพย์กับผู้สั่งการ และผู้ร่วมขบวนการทั้งหมดต่อไป

‘ขนส่งทางบก-ศูนย์อาชีวะอาสา’ ร่วมมืออำนวยความสะดวกช่วง ‘สงกรานต์’ เปิดบริการ ‘ตรวจรถ-ซ่อมรถฟรี’ 104 จุดทั่วประเทศ ดีเดย์ 11-17 เมษายนนี้

(9 เม.ย.67) นายคารม พลพรกลาง รองโฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี เปิดเผยว่า ช่วงเทศกาลสงกรานต์ประจำปี พ.ศ. 2567 รัฐบาล โดยกรมการขนส่งทางบกและสำนักงานคณะกรรมการการอาชีวศึกษา จัดทำโครงการบูรณาการตั้งจุดบริการอำนวยความสะดวกเพื่อความปลอดภัยช่วงเทศกาลสงกรานต์ รวมถึงเพื่ออำนวยความสะดวกในการเดินทางของประชาชน  โดยจะจัดกิจกรรมตั้งจุดบริการตรวจรถ/ซ่อมรถ ‘ฟรี’ ในช่วงเทศกาลสงกรานต์ ระหว่างวันที่ 11 -17 เมษายน 2567 เพื่อรณรงค์ป้องกันและลดอุบัติเหตุทางถนน สร้างจิตสำนึกการขับขี่อย่างปลอดภัย 

นายคารม กล่าวว่า ช่วงเทศกาลสงกรานต์เป็นช่วงเวลาที่ประชาชนนิยมเดินทางกลับภูมิลำเนา และมีนักท่องเที่ยวทั้งชาวไทยและชาวต่างชาติเดินทางไปท่องเที่ยวตามสถานที่ต่าง ๆ เป็นจำนวนมาก เพื่อดำเนินมาตรการอำนวยความสะดวกในการเดินทางของประชาชนในทุกมิติ ตามนโยบายของนายเศรษฐา ทวีสิน นายกรัฐมนตรี และนโยบายของรัฐบาล โดยมีเป้าหมายป้องกันและลดการเกิดอุบัติเหตุในการเดินทางในช่วงเทศกาลฯ โดยกรมการขนส่งทางบกและสำนักงานคณะกรรมการการอาชีวศึกษาหรือ ศูนย์อาชีวะอาสา ร่วมด้วยช่วยประชาชน (Fix it Center) ได้ร่วมกันจัดกิจกรรมการจัดตั้งจุดบริการร่วมฯ ในช่วงเทศกาลสงกรานต์ประจำปี พ.ศ. 2567 โดยกำหนดให้มีจุดบริการร่วมฯ จำนวน 104 จุดทั่วประเทศ ซึ่งตั้งอยู่บริเวณถนนสายหลักที่มีการจราจรหนาแน่นและสายรอง โดยจุดบริการดังกล่าวจะให้บริการตรวจเช็คสภาพรถเบื้องต้นเพื่อความปลอดภัย ให้ความช่วยเหลือผู้เดินทางกรณีฉุกเฉิน บริการรถยก (บางพื้นที่) บริการนวดผ่อนคลาย บริการผ้าเย็น น้ำดื่ม ข้อมูลเส้นทางและแหล่งท่องเที่ยว รายชื่ออู่รถที่เปิดให้บริการ เป็นต้น ซึ่งบริการเหล่านี้เป็นการให้บริการ ‘ฟรี’ 

“สำนักงานคณะกรรมการการอาชีวศึกษา ได้จัดนักเรียน นักศึกษาปฏิบัติหน้าที่ ในการให้บริการอำนวยความสะดวก แต่ละจุดอย่างน้อยจุดละ 5 คน และในการเดินทางของประชาชน ให้ความช่วยเหลือประชาชนและผู้เดินทาง เพื่อป้องกันและลดการเกิดอุบัติเหตุ ที่เกิดจากความบกพร่องของตัวรถ ตรวจรถ ซ่อมรถ และผู้ขับรถที่เหนื่อยล้าและง่วงนอน และยังมีบริการ กาแฟ น้ำดื่ม ผ้าเย็น ทุกอย่างบริการฟรี ณ ทุกจุดบริการ ซึ่งความร่วมมือกันระหว่างกรมการขนส่งทางบกและสำนักงานคณะกรรมการการอาชีวศึกษาเป็นการแสดงเจตจำนงในการป้องกันและลดอุบัติเหตุทางถนนอย่างจริงจัง อีกทั้ง ยังช่วยส่งเสริมและพัฒนาทักษะนักเรียน/นักศึกษา ให้นำความรู้มาใช้ให้เกิดประโยชน์กับสังคม มีจิตอาสาช่วยเหลือผู้อื่น ใช้เวลาว่างให้เกิดประโยชน์ ใช้ความคิดสร้างสรรค์ในการทำกิจกรรมที่นำไปสู่การลดความสูญเสียจากอุบัติเหตุทางถนน รวมทั้งร่วมกันกำหนดแนวทางและเป้าหมายในการป้องกันและลดอุบัติเหตุทางถนนให้มีความสอดคล้องกันทั่วประเทศ” นายคารม กล่าว

นราธิวาส-ผู้ว่าฯ นราธิวาส มอบรองผู้ว่าฯ นราธิวาส เป็นผู้แทนพิธีรดน้ำศพอาสาสมัครทหารพราน ทั้ง 2 นาย ซึ่งเสียชีวิต ขณะปฏิบัติหน้าที่

วันนี้ (9 เม.ย.67)  ที่ วัดบางนรา อ.เมืองนราธิวาส ว่าที่ร้อยตรีตระกูล โทธรรม ผู้ว่าราชการจังหวัดนราธิวาส มอบหมายให้ นายฉัตรชัย อุสาหะ รองผู้ว่าราชการจังหวัดนราธิวาส เป็นผู้แทนในพิธีรดน้ำศพอาสาสมัครทหารพราน วิทยา ปวงงาม และอาสาสมัครทหารพราน ประคอง  สุทนัง เจ้าหน้าที่ร้อยทหารพราน 4613 โดยมี พลโท ศานติ ศกุนตนาค แม่ทัพภาคที่ 4 เป็นประธานในพิธีฯ เพื่อร่วมแสดงความอาลัยจากเหตุการณ์ในครั้งนี้

สำหรับ อาสาสมัครทหารพราน ทั้ง 2 นาย ได้เสียชีวิตจากเหตุคนร้ายไม่ทราบจำนวน ใช้อาวุธไม่ทราบชนิดและขนาด ซุ่มยิง ขณะเดินทางด้วยรถยนต์กระบะ จำนวน 2 คัน ซึ่งกลับจากการปฏิบัติภารกิจตรวจเยี่ยมการจัดทำซุ้มประตู เหตุเกิดพื้นที่บ้านบลูกาฮีเล หมู่ที่ 6 ตำบลบาตง อำเภอรือเสาะ จังหวัดนราธิวาส เมื่อกลางดึกของวันที่ 7 เม.ย. 67 ที่ผ่านมา เป็นเหตุให้เจ้าหน้าที่เสียชีวิต จำนวน 2 นาย และได้รับบาดเจ็บ จำนวน 9 นาย  

โดยหลังเสร็จพิธีรดน้ำฯ สำนักงานเหล่ากาชาดจังหวัดนราธิวาส ได้มอบเงินช่วยเหลือเยียวยาแก่ครอบครัวผู้เสียชีวิตที่ได้รับผลกระทบจากเหตุการณ์ความไม่สงบ กรณีเสียชีวิต รายละ 5,000 บาท และอีกหลายหน่วยงานร่วมมอบเงินแก่ครอบครัวผู้เสียชีวิตฯ ด้วย


© Copyright 2021, All rights reserved. THE STATES TIMES
Take Me Top