Tuesday, 14 January 2025
NEWS

‘น้าแอ๊ด คาราบาว’ ฝากบทเพลง สุดท้าย!! อาลัยต่อการจากไป ‘แบงค์ เลสเตอร์’

(29 ธ.ค. 67) จากกรณีการเสียชีวิตของ ‘แบงค์ เลสเตอร์’ หนุ่มขายพวงมาลัยสู้ชีวิต หาเงินเลี้ยงคุณยาย เสียชีวิตหลังถูกจ้างให้กินเหล้าแลกเงิน 30,000 บาท ขณะไปร่วมงานเปิดแห่งหนึ่งในพื้นที่ อ.ท่าใหม่ จ.จันทบุรี โดยผลชันสูตรเบื้องต้นแพทย์ระบุว่า หัวใจล้มเหลวเฉียบพลัน ตามที่เสนอข่าวไปแล้วนั้น

ล่าสุด น้าแอ๊ด คาราบาว ได้บรรเลงบทเพลงสุดท้ายถึงแบงค์ เลสเตอร์ เพื่อเป็นการไว้อาลัย พร้อมระบุเนื้อเพลง ไว้ว่า …

ฉันเป็นชายอกสามศอก แต่หมอบอกว่าฉันเกิดมาเป็นเด็กพิเศษ เด็กพิเศษ เด็กพิเศษ ฉันมียายคอยเลี้ยงดูอยู่ เท่าที่รู้คือยายรักฉันเหมือนลูก โอ้ ยายจ๋า ฉันรักยาย ฉันรักยาย แบกตะกร้าขายพวงมาลัย ร้องแรปไปให้คนสนใจ บ้างก็ซื้อ บ้างไม่ซื้อ ไม่เป็นไร ฉันมีความหวังตั้งใจ อยากปลูกบ้านให้ยายอยู่

ในสังคมโซเชียลมีเดีย คนพิเรนทร์จิตใจพิการ มีอยู่เพื่อยอดวิว สร้างยอดวิว เพิ่มยอดวิว ฉันคือคนที่ตกเป็นเหยื่ออันธพาล หัวใจคะนอง ไร้เมตตา วาสนา ปลูกบ้านให้ยาย จึงไม่สำเร็จ วอนสังคมขอความเป็นธรรม ออกกฎหมายกันคนใจดำ ทำระยำตำบอน ต่อผู้พิการ เด็กพิเศษ เด็กพิเศษ แบงค์ เลสเตอร์

‘ปริญญา’ แซะ!! แล้วลบโพสต์ ใจปลาซิว!! แล้วจะไปสอนเด็กได้ไง

(29 ธ.ค. 67) เฟซบุ๊ก ‘Padipon Apinyankul’ ได้โพสต์ข้อความระบุว่า …

ผมเองก็ไม่ได้ด้อยค่าคุณปริญญา นะ

คุณปริญญาจะลบโพสต์ทำไม ในเมื่อทำไปแล้วอยากกระแซะนายกฯอันวาร์ ว่าแต่งตัวเหมือนคนขับรถสาธารณะของไทย
เมื่อจะด้อยค่าคนอื่น แต่ถูกคนโต้ตอบแล้วลบ .. ใจปลาซิวแล้วจะไปสอนเด็กให้เป็นเสือ ?

ยังจำปรากฏการณ์ม็อบ "ธรรมศาสตร์จะไม่ทน" ในวันที่ 10 สิงหาคม 2563 ได้ไหม ?
ผมจะทบทวนให้ฟัง .. 

การจัดครั้งนั้น ม็อบสามนิ้วนี้ได้รับ "การอนุญาตของคุณ" ให้ใช้สถานที่ใน ม.ธรรมศาสตร์ รังสิต

เหตุการณ์ก่อนหน้าวันนั้น .. ได้มีม็อบย่อยมาก่อน มีการปราศัยอยู่หลายครั้ง ทุกครั้งก็จะมีการพูดพาดพิงหมิ่นไปยังสถาบันพระมหากษัตริย์ 
ซึ่งคุณปริญญาย่อมรู้ดี และดูเหมือนจะเชียร์ม็อบสามนิ้ว แต่ไม่กล้าโจ๋งครึ่ม .. 

แล้วในคืนวันที่ 10 ส.ค. ณ ธรรมศาสตร์รังสิต ที่ผู้ชุมนุมอันประกอบด้วย อานนท์ นำภา , รุ้ง ปนัสยา, เพนกวิน พริษฐ์ ฯลฯ ได้ขึ้นเวทีหมิ่นสถาบัน
แล้วได้ให้ "กระเทยปวิณ" "สมศักดิ์ เจียม" ซึ่งล้วนมีคดี ม.112 หมิ่นประมาทและอาฆาตมาดร้ายต่อกษัตริย์ ขึ้นบนจอผ้าโปรเจคเตอร์กลางเวที เพื่อร่วมปราศัย

คำทุกคำ ล้วนพุ่งเป้าทำลายสถาบันกษัตริย์และโจมตีโดยตรงต่อรัชกาลที่ 10
พอจบการปราศัย วันต่อมา คุณปริญญากลับบอกว่า ไม่ทราบว่าผู้ชุมนุมจะทำแบบนี้ .. 
ไม่ทราบจริงหรือ ? 

อ้าว ! แล้วที่ผ่านมา การชุมนุมต่าง ๆ พวกสามนิ้วก็ทำแบบนี้ตลอด .. คุณแกล้งไม่รู้ ?
สิ่งที่ทำได้แก้เกี้ยว ก็คือการออกมาขออภัย ว่าไม่ทราบ ถ้าทราบจะไม่ให้ใช้สถานที่
โถ เด็กน้อย .. 

การแสดงความรับผิดชอบในเรื่องใหญ่ ที่ได้มีส่วนทำให้เกิดขึ้นแล้ว ส่งผลไปแล้ว ก็คือแค่ขออภัย 
นึกว่าจะลาออกจากตำแหน่งรองอธิการบดี

ดังนั้น เมื่อคราวนี้เกิดกรณีการแซะนายอันวาร์ นายกฯมาเลเซีย ว่ามีรสนิยมการแต่งตัวเทียบกับคนขับรถสาธารณะของไทย 
พอข่าวกระจายได้ผล แล้วลบ 
แล้วมาบอกภายหลังว่า ไม่ได้ด้อยค่า
ก็เข้าใจธาตุแท้ของคนชื่อ ปริญญา ได้

ผมแค่มาพิมพ์เล่าเหตุการณ์ในอดีตให้ฟัง ไม่ได้มาด้อยค่า .. 
เพราะคุณไม่มีค่าอันใด เพื่อจะให้ด้อย . 
คนชื่อปริญญา ก็ใช่ว่าจะมีปัญญา กันทุกคน

จบ ป.ตรีเอกภาษาจีน มาชงกาแฟขาย ริมทางด้วย ‘รถมอไซต์’ หอมอร่อยจ้า!! เพราะใช้ ‘อราบิก้า - โรบัตต้า’ อย่างดี หอมมาก

(29 ธ.ค. 67) เพจ ‘ขยี้ข่าว’ โพสต์ข้อความ ระบุว่า ...

พี่เขา จบ ปริญญาตรีเอกภาษาจีน ตกงานเลยย้ายมาจากภูเก็ตมาหางานในอมตะแต่ยังหางานไม่ได้ก็เลยมาขๅยกาแฟริมทางด้วยรถมอไซต์ 1 คัน แก้วละ 40บ. รสชาติดีนะ กาแฟหอม เขาใช้กาแฟอราบิก้าเชียงรายผสมโรบัตต้าจากภาคใต้ ลงตัวดีแหะ รอนานหน่อยแต่คุ้มค่า สายชิลต้องลอง

ให้กำลังใจคนสู้ชีวิต!!

พิกัด ตรงสะพานลอย หน้าวิทยาลัยอีเทค ฝั่งวิทยาลัย ใครผ่านมาแถวหนองตำลึง อีเทค มาช่วยพี่เขาซื้อกันนะคะ

‘สาธารณสุขจังหวัดตาก’ เอาจริง!! สั่งสอบข้อเท็จจริง ‘คลิปพยาบาล’ สั่ง!! ไม่ให้ดูแลผู้ป่วย หากผิดจริงเอาผิด ‘ทางกฎหมาย – ทางวินัย’

(29 ธ.ค. 67) นพ.พิทักษ์พงษ์ จันทร์แดง นายแพทย์สาธารณสุขจังหวัดตาก กล่าวถึงกรณีสื่อสังคมออนไลน์มีการโพสต์คลิปวิดีโอ ผู้สวมชุดพยาบาลดื่มเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ภายในหอผู้ป่วยของโรงพยาบาล ว่า เหตุการณ์ดังกล่าวเกิดขึ้นในโรงพยาบาลแม่ระมาด จังหวัดตาก ซึ่ง นพ.สุภโชค เวชภัณฑ์เภสัช รักษาการผู้ตรวจราชการกระทรวงสาธารณสุข เขตสุขภาพที่ 2 ได้มอบหมายให้เร่งตรวจสอบข้อเท็จจริงโดยด่วน เบื้องต้นได้สั่งการให้ตั้งคณะกรรมการสอบสวนข้อเท็จจริงระดับโรงพยาบาลแล้ว โดยให้เรียกผู้ที่อยู่ในเหตุการณ์ทั้งหมดมาให้ข้อมูลเมื่อช่วงบ่ายวันนี้ และให้ย้ายผู้ที่ปรากฏอยู่ในคลิปทั้งหมด ไปทำหน้าที่อื่น ที่ไม่เกี่ยวข้องกับการดูแลผู้ป่วยก่อน

เมื่อได้ข้อสรุปเหตุการณ์ทั้งหมดแล้ว หากผิดจริงจะดำเนินการทางกฎหมายต่อไป โดยในส่วนของโรงพยาบาลแม่ระมาด ได้ออกประกาศชี้แจงเหตุการณ์แล้ว โดยยืนยันว่าพฤติกรรมดังกล่าวเป็นพฤติกรรมที่ไม่เหมาะสม และโรงพยาบาลมีนโยบายห้ามดื่มเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ในสถานที่ราชการอยู่แล้ว รวมถึงจะเข้มงวดไม่ให้มีเหตุการณ์ที่ไม่เหมาะสมเกิดขึ้นอีก

“การดื่มเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ในสถานพยาบาล จะมีความผิดตามมาตรา 31 พ.ร.บ.เครื่องดื่มแอลกอฮอล์ พ.ศ. 2541 ซึ่งกำหนดเรื่องสถานที่ห้ามดื่ม เช่น วัด สถานที่ทางศาสนา สถานพยาบาล สถานที่ราชการ สถานศึกษา ปั๊มน้ำมัน สวนสาธารณะของราชการ เป็นต้น ผู้ฝ่าฝืนต้องระวางโทษจำคุกไม่เกิน 6 เดือนหรือปรับไม่เกิน 1 หมื่นบาท หรือทั้งจำทั้งปรับ ส่วนจะผิดวินัยขั้นใดขอให้รอผลการพิจารณาของคณะกรรมการก่อน รวมถึงเรื่องความผิด ทางจริยธรรมและจรรยาบรรณวิชาชีพ ตรงนี้จะเป็นหน้าที่ของสภาวิชาชีพอย่างสภาการพยาบาลในการพิจารณา เพราะหนึ่งในการประพฤติตนตามจริยธรรมและจรรยาบรรณ คือ จะต้องไม่กระทำผิดต่อกฎหมาย” นพ.พิทักษ์พงษ์ กล่าวทิ้งท้าย

“ผบช.ภ.2” สั่งคุมเข้มอาวุธ ป้องกันเมาทะเลาะวิวาทในแหล่งท่องเที่ยว กำชับทำคดีอย่างเป็นธรรม เหตุแทงหนุ่มญี่ปุ่นดับ พร้อมประสานสถานทูต ช่วยเหลือจัดการศพ

(29 ธ.ค. 67) พล.ต.ท.ยิ่งยศ เทพจำนงค์ ผู้บัญชาการตำรวจภูธรภาค 2 (ผบช.ภ.2) สั่งการตำรวจ สภ.เมืองพัทยา จว.ชลบุรี สอบสวนคดีทำร้ายชาวญี่ปุ่นจนเสียชีวิต หน้าสถานบันเทิงแห่งหนึ่ง เมื่อเช้าตรู่ที่ผ่านมา อย่างเป็นธรรมรอบคอบ และกำชับให้ออกมาตรการเข้มในการเฝ้าระวังกลุ่มคน บุคคลที่มีพฤติกรรมสุ่มเสี่ยง ป้องปรามการทะเลาะวิวาท การดื่มสุรา การรวมกลุ่มสังสรรค์ ของประชาชน และนักท่องเที่ยวที่อาจสุ่มเสี่ยงนำไปสู่การทะเลาะวิวาทรุนแรง โดยย้ำว่าต้องเพิ่มความถี่ในการออกตรวจ แสดงกำลังหรือปรากฏกายของเจ้าหน้าที่ พร้อมทั้งการสุ่มตรวจค้นอาวุธอย่างเข้มงวด โดยเฉพาะในแหล่งท่องเที่ยวที่มีผู้คนจำนวนมาก

ผบช.ภ.2 เผยถึงเหตุการณ์ทำร้ายชาวญี่ปุ่นว่า รับรายงาน จาก พ.ต.อ.นาวิน ธีระวิทย์ ผกก.สภ.เมืองพัทยา ว่า เมื่อเวลาประมาณ 05.57 น. วันนี้ (29 ธันวาคม 2567) ตำรวจ สภ.เมืองพัทยา รับแจ้งเหตุตรวจสอบพบชายชาวญี่ปุ่นถูกอาวุธมีดแทงที่หน้าอกได้รับบาดเจ็บสาหัส ในย่าน วอล์กกิ้งสตรีท พัทยา โดยนอนหมดสติ ทราบชื่อ นายเซตะ อายุ 27 ปี ประสานนำส่งโรงพยาบาลและเสียชีวิตในเวลาต่อมา ส่วนผู้ก่อเหตุ ชื่อนายเดวิด อายุ 36 ปี ชาวไทย สามารถควบคุมตัวได้ทันทีในที่เกิดเหตุ สอบสวนผู้อยู่ในเหตุการณ์ทราบว่าผู้เสียชีวิตเห็นผู้ก่อเหตุมีปากเสียงกับแฟนสาว ถึงขั้นทำร้ายร่างกายอยู่ริมถนน จึงเข้าห้าม เกิดการชกต่อยกัน ก่อนแยกย้าย แต่ผู้เสียชีวิตได้กลับมาหาผู้ก่อเหตุอีกครั้งพุ่งเข้าจะชกต่อย ผู้ก่อเหตุจึงใช้มีดแทงไปที่ผู้เสียชีวิตจนล้มลง แล้ววิ่งหนี แต่ถูกเจ้าหน้าที่รักษาความปลอดภัยคุมตัวไว้ได้

“คดีนี้ตำรวจ สภ.เมืองพัทยา ตรวจสถานที่เกิดเหตุ ยึดมีดของกลาง สอบปากคำพยานผู้เห็นเหตุการณ์ ตรวจสอบภาพจากกล้องวงจรปิดบริเวณที่เกิดเหตุ ให้ผู้เห็นเหตุการณ์ชี้ภาพยืนยันตัวผู้ก่อเหตุ นำร่างผู้เสียชีวิตส่งชันสูตร รพ.ตำรวจ ตรวจวัดปริมาณแอลกอฮอล์ในร่างกายผู้ต้องหา ตรวจปัสสาวะหาสารเสพติดในร่างกายผู้ต้องหา โดยได้กำชับให้ดำเนินคดีอย่างเป็นธรรม รอบคอบ พร้อมประสานสถานเอกอัครราชทูตญี่ปุ่นประจำประเทศไทย เพื่ออำนวยความสะดวกในการประสานญาติ และจัดการศพด้วย” ผบช.ภ.2 กล่าว

ผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติตรวจสภาพการจราจรถนนพระราม 2 และตรวจเยี่ยมให้กำลังใจเจ้าหน้าที่ตำรวจทางหลวง สถานีตำรวจทางหลวงวังมะนาว อ.ปากท่อ จ.ราชบุรี และจุดบริการประชาชนเขาย้อย จ.เพชรบุรี”

วันนี้ (29 ธ.ค. 67) เวลา 13.30 น. พล.ต.อ.กิตติ์รัฐ พันธุ์เพ็ชร์ ผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ พร้อมคณะ ได้เดินทางตรวจสภาพการจราจร ถนนพระราม 2 ต่อเนื่องถนนเพชรเกษม พบว่าสภาพการจราจรสายตะวันตกและสายใต้ เส้นทางถนนพระราม 2 (ทล.35) และถนนเพชรเกษม (ทล.4) วันนี้การจราจรคล่องตัวเดินทางสะดวก สาเหตุเนื่องจากผู้ใช้ทางส่วนใหญ่ทยอยเดินทางกลับตั้งแต่ช่วงวันที่ 25-28 ธันวาคม 2567 ที่ผ่านมาแล้ว โดยเฉพาะอย่างยิ่งเมื่อวานนี้ (28 ธันวาคม 2567) ถนนพระราม 2 มีการจราจรหนาแน่นตลอดทั้งวัน เจ้าหน้าที่ตำรวจทางหลวงได้เปิดช่องทางพิเศษในจุดที่มีการจราจรหนาแน่น และอยู่ประจำจุดอำนวยความสะดวกตลอดเส้นทาง 

จากนั้นผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติได้ตรวจเยี่ยมเจ้าหน้าที่ตำรวจทางหลวง ณ สถานีตำรวจทางหลวง 2 กองกำกับการ 2 กองบังคับการตำรวจทางหลวง ในพื้นที่วังมะนาว อ.ปากท่อ จ.ราชบุรี และจุดบริการประชาชนเขาย้อย จ.เพชรบุรี เพื่อให้กำลังใจข้าราชการตำรวจในสังกัดที่ปฏิบัติหน้าที่ให้บริการประชาชนในช่วงเทศกาลปีใหม่ ซึ่งมีสภาพการจราจรคับคั่ง เนื่องจากพี่น้องประชาชนเดินทางกลับภูมิลำเนาและไปท่องเที่ยวต่างจังหวัด ในส่วนหน่วยบริการตำรวจทางหลวงวังมะนาว ซึ่งเป็นหน่วยบริการขนาดใหญ่ มีผู้มาใช้บริการจำนวนมาก เช่น แวะสอบถามทาง แวะเข้าห้องน้ำ รวมถึงมีผู้ที่ต้องเดินทางในระยะทางไกล มาลงทะเบียนเข้าพักค้างตามโครงการ “ห้องพักทั่วไทย จากใจตำรวจทางหลวง” เจ้าหน้าที่ตำรวจทางหลวงได้ให้บริการผู้เข้าพักได้รับความประทับใจ และชื่นชมกับโครงการนี้

ทั้งนี้ ผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติได้มอบนโยบายในการปฏิบัติงานกำชับให้ข้าราชการตำรวจทุกนายปฏิบัติหน้าที่อย่างเต็มกำลังความสามารถ และมีจิตสาธารณะในการให้บริการช่วยเหลือประชาชนที่สัญจรเดินทาง รวมถึงจะต้องประพฤติตนอย่างเหมาะสมโดยเฉพาะในเวลาสวมเครื่องแบบปฏิบัติหน้าที่ ในขณะเดียวกันก็จะต้องเตรียมความพร้อมเต็ม 100% เพื่อป้องกันและแก้ไขปัญหาสภาพการจราจรและอุบัติเหตุ ซึ่งมีโอกาสเกิดขึ้นได้มากขึ้นในช่วงเทศกาลสำคัญ พร้อมนี้ได้มอบหมวกนิรภัยให้แก่ผู้ขับขี่รถจักรยานยนต์ที่ไม่ได้สวมหมวกนิรภัย เพื่อเป็นการรณรงค์ให้การขับขี่ปลอดภัยยิ่งขึ้น

‘น้ำยำปลาร้าแม่บุญล้ำ’ ย้ำ!! ความแซ่บ ‘ผู้ได๋ก็ยำได้’ อร่อยซู๊ดปาก อีหลีเด้อ พร้อมทาน ทันทีที่ หมอชิต 2 แค่ลองเขย่า แล้วเท อร่อยเฮ!!นัวคัก ทั้งหมู่บ้าน

(29 ธ.ค. 67) ร่วมส่งท้ายปี การันตีความแซ่บ กับ ‘น้ำยำปลาร้าแม่บุญล้ำ แค่เขย่า แล้วเท ก็ได้รสชาติกลมกล่อมพร้อมทาน ผู้ได๋ก็ยำได้’ 

แจกน้ำยำและยำฟรีที่สถานีขนส่งใหญ่ (สถานีขนส่งหมอชิต 2, สถานีกลางกรุงอภิวัฒน์, สถานีขนส่งสายใต้ใหม่ และสถานีนครชัยแอร์) 

ให้ทุกคนได้ลิ้มลองความแซ่บแบบฟรีๆ ส่งท้ายปี 2567

สตม. เร่งตรวจสอบคนไทย 2 ราย บนเครื่องบิน “เซจู แอร์” หลังประสบอุบัติเหตุที่เกาหลีใต้

จากกรณี เครื่องบิน เซจู แอร์ ที่บินออกจากไทยเมื่อวันที่ 29 ธ.ค.67 เวลา 01.30 ตามเวลาประเทศไทย ประสบอุบัติเหตุขณะลงจอดที่เกาหลีใต้ ผู้โดยสาร 175 ราย เผยเสียชีวิตแล้ว 28 ราย ขณะนี้ยังพิสูจน์ไม่ได้ว่าเป็นใครบ้าง 

ล่าสุด วันนี้ (29 ธ.ค.67) เวลา 10.30 น. พ.ต.อ.คธาธร คำเที่ยง รอง ผบก.ตม.3 โฆษกสำนักงานตรวจคนเข้าเมือง เปิดเผยว่า พล.ต.ท.ภาณุมาศ บุญญลักษม์ ผบช.สตม. ได้สั่งการให้เร่งตรวจสอบ และประสานงานอย่างใกล้ชิดกับเจ้าหน้าที่ฝ่ายเกาหลีใต้ ทราบว่า สาเหตุที่เกิดจากระบบในการลงจอดขัดข้อง เป็นเหตุให้เครื่องบินกระแทกกับรันเวย์ แล้วลื่นไถลไปประสบอุบัติเหตุ แล้วเกิดระเบิดที่ตัวเครื่องขึ้น เบื้องต้นมีผู้เสียชีวิตแล้ว 28 คน

โฆษก สตม. กล่าวว่า เครื่องบิน เซจู แอร์ ลำนี้ บรรทุกผู้โดยสารทั้งหมด 175 คน เป็นชาวเกาหลีใต้ 173 คน โดยมีคนไทย จำนวน 2 คน และยังมีลูกเรืออีก 6 คน รวมเป็น 181 คน เบื้องต้นกำลังเร่งตรวจสอบว่าผู้เสียชีวิตทั้ง 28 คนเป็นใครบ้าง ทั้งนี้ ผบช.สตม.ได้สั่งการให้เร่งประสานข้อมูล โดยหากทราบข้อมูลแล้วจะรีบรายงานให้ทราบในทันที 

ตำรวจไซเบอร์จับผู้ต้องหาซิมม้าในห้างกลางกรุง ของกลาง 150 ซิมทุกเครือข่ายมือถือ เตรียมขยายผลจับกุมผู้จัดหาซิมและพาสปอร์ตเพื่อลงทะเบียน

พล.ต.ท.ไตรรงค์ ผิวพรรณ ผู้บัญชาการตำรวจสืบสวนสอบสวนอาชญากรรมทางเทคโนโลยี (ผบช.สอท.) สั่งการให้ตำรวจไซเบอร์ บช.สอท.ระดมกวาดล้างอาชญากรรมทางเทคโนโลยี ช่วงเทศกาลคริสต์มาสและเทศกาลปีใหม่ 2568 ห้วงวันที่ 27 ธันวาคม 2567 ถึงวันที่ 2 มกราคม 2568 ซึ่งทางด้านกองบังคับการตำรวจสืบสวนสอบสวนอาชญากรรมทางเทคโนโลยี 3 (บก.สอท.3) นำโดย พ.ต.อ.สุรพงษ์ ไทยประเสริฐ รอง ผบก.สอท.2 รรท.ผบก.สอท.3 สั่งการระดมกวาดล้างอาชญากรรมทางเทคโนโลยีในพื้นที่รับผิดชอบอย่างต่อเนื่อง

ล่าสุด วันที่ 28 ธันวาคม 2567 พ.ต.อ.อภิรักษ์ จำปาศรี ผกก.1 บก.สอท.3 นำกำลังจับกุม น.ส.พิมพรฯ ผู้ต้องหา กระทำผิดฐาน “จัดเป็นธุระจัดหา โฆษณา หรือไขข่าวโดยประการใด ๆ เพื่อให้มีการซื้อหรือขายเลขหมายโทรศัพท์สำหรับบริการโทรศัพท์เคลื่อนที่ ซึ่งลงทะเบียนผู้ใช้บริการในนามของบุคคลหนึ่งบุคคลใดแล้ว แต่ไม่สามารถระบุตัวผู้ใช้บริการได้ ทั้งนี้ โดยประการที่รู้หรือควรรู้ว่าจะนำไปใช้ในการกระทำความผิดเกี่ยวกับอาชญากรรมทางเทคโนโลยีหรือความผิดทางอาญาอื่นใด” โดยจับกุมได้ที่ร้านจำหน่ายโทรศัพท์มือถือและอุปกรณ์แห่งหนึ่ง ภายในห้างฟอร์จูนทาวน์ ถ.รัชดาภิเษก แขวงและเขตดินแดง กรุงเทพมหานคร พร้อมตรวจยึดของกลาง ซิมโทรศัพท์เครือข่ายต่าง ๆ รวมจำนวน 150 ซิม

จากการสอบสวน น.ส.พิมพรฯ ให้การว่า ได้รับการติดต่อจากแอปพลิเคชันไลน์ ชื่อ "K" ซึ่งเป็นคนติดต่อกับลูกค้า  ว่ามีลูกค้าต้องการซื้อซิมการ์ดพร้อมลงทะเบียน ซึ่ง "K" จะเป็นคนจัดหาหนังสือเดินทาง หรือ พาสปอร์ต ส่งมาให้ น.ส.พิมพร ฯ ผ่านช่องทางแอปลิเคชันไลน์ เพื่อลงทะเบียนให้ลูกค้า โดยล่าสุด "K" ได้เป็นคนติดต่อกับลูกค้าให้มารับซิมจำนวน 150 ซิม ที่ร้านจำหน่ายโทรศัพท์มือถือและอุปกรณ์แห่งหนึ่ง ภายในห้างฟอร์จูนทาวน์ เจ้าหน้าที่ตำรวจไซเบอร์ กก.1 บก.สอท.3 จึงทำการจับกุม น.ส.พิมพรฯ ส่งพนักงานสอบสวน สน.ห้วยขวาง เพื่อดำเนินการตามกฎหมาย และจะได้ขยายผลติดตามจับกุมผู้ร่วมขบวนการ ผู้จัดหาซิมและพาสปอร์ต มาดำเนินคดีต่อไป

ทั้งนี้ การดำเนินการดังกล่าวเป็นไปตามนโยบาย นางสาวแพทองธาร ชินวัตร นายกรัฐมนตรี ในการเร่งแก้ปัญหาอาชญากรรมออนไลน์ มิจฉาชีพ และอาชญากรรมข้ามชาติ เพื่อปกป้องผลประโยชน์ของประชาชน และนโยบายสำนักงานตำรวจแห่งชาติ โดย พล.ต.อ.กิตติ์รัฐ พันธุ์เพ็ชร์ ผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ (ผบ.ตร.) , พล.ต.อ.ธนา ชูวงศ์ รอง ผบ.ตร. และ พล.ต.อ.ธัชชัย ปิตะนีละบุตร จเรตำรวจแห่งชาติ ในฐานะผู้อำนวยการศูนย์ป้องกันปราบปรามอาชญากรรมทางด้านเทคโนโลยี สำนักงานตำรวจแห่งชาติ (ผอ.ศปอส.ตร.) ได้ขับเคลื่อนนโยบายผ่าน พล.ต.ท.อัคราเดช พิมลศรี ผู้ช่วย ผบ.ตร. ในฐานะผู้รับผิดชอบควบคุมสั่งการ บช.สอท. และ พล.ต.ท.อิทธิพล อัจฉริยะประดิษฐ์ ผู้ช่วย ผบ.ตร. ในฐานะ รอง ผอ.ศปอส.ตร. ได้สั่งการให้ พล.ต.ท.ไตรรงค์ ผิวพรรณ ผบช.สอท. นำเจ้าหน้าที่ตำรวจ บช.สอท. สืบสวนจับกุมผู้ต้องหาที่กระทำผิดเกี่ยวกับอาชญากรรมออนไลน์และดำเนินคดีให้ถึงที่สุด

ผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติประชุมติดตามการดำเนินงานช่วงเทศกาลปีใหม่ 2568 กำชับการปฏิบัติดูแลรักษาความปลอดภัย การอำนวยความสะดวก ให้ความช่วยเหลือแก่ประชาชน ให้สมกับเป็นผู้พิทักษ์สันติราษฎร์

(29 ธ.ค. 67) เวลา 08.00 น. พล.ต.อ.กิตติ์รัฐ พันธุ์เพ็ชร์ ผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ เป็นประธานการประชุมติดตามการดำเนินงานช่วงเทศกาลปีใหม่ 2568 โดยมี พล.ต.ท.สำราญ นวลมา ผู้ช่วยผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ, พล.ต.ท.ศักย์ศิรา เผือกอ่ำ ผู้บัญชาการตำรวจท่องเที่ยว , พล.ต.ท.อาชยน ไกรทอง ผู้บัญชาการสำนักงานกำลังพล และโฆษกสำนักงานตำรวจแห่งชาติ พร้อมผู้แทนจากทุกหน่วยงาน ร่วมประชุม ณ ห้องประชุม ศปก.ตร. และประชุมทางไกล

ที่ประชุมได้สรุปปริมาณการจราจรขาเข้าและขาออกกรุงเทพมหานคร บนถนนหลวงสายหลักและมอเตอร์เวย์ 11 เส้นทาง พบว่าวันที่ 28 ธันวาคม 2567 มีปริมาณรถเดินทางออกสูงสุด โดยมีจำนวน 700,126 คัน เพิ่มขึ้นกว่าช่วงเวลาปกติ 26.4% และเพิ่มขึ้น 28.6% เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีที่ผ่านมา คาดว่าวันนี้จะมีปริมาณรถขาออกลดลง ส่วนสภาพการจราจรหนาแน่นพบว่าอยู่ในช่วงสายอีสาน บริเวณ อ.บางปะอิน จ.พระนครศรีอยุธยา และ ถ.มิตรภาพ ช่วงเนินกลางดง อ.ปากช่อง จ.นครราชสีมา พบว่าปริมาณรถยังหนาแน่น แต่เคลื่อนตัวได้ ซึ่งทั้งสองจุดตำรวจทางหลวงเตรียมเปิดช่องทางพิเศษ อย่างไรก็ตาม ปัจจุบันปริมาณรถเบาบางลง คาดวันนี้ไม่เกินเวลา 12.00 น. วันนี้จะกลับเข้าสู่สภาวะปกติ ส่วนเส้นทางขาออกสายเหนือ สายตะวันตก และสายตะวันออก รถเคลื่อนตัวได้ดีในทุกเส้นทาง นอกจากนี้ สำนักงานตำรวจแห่งชาติยังมีโครงการนำอากาศยานซึ่งไม่มีนักบินประเภทอากาศยานที่ควบคุมการบินจากภายนอก (โดรน) เพื่อตรวจการจราจรทางอากาศ ซึ่งโดรนจะบินตรวจการจราจรในจุดต่างๆ และรายงานมายังศูนย์ฯ เพื่อรับทราบปัญหาแบบเรียลไทม์

สำหรับการเตรียมความพร้อมด้านกำลังพลและอุปกรณ์งานป้องกันปราบปรามอาชญากรรม ช่วงเทศกาลปีใหม่ 2568 ตั้งแต่วันที่ 27 ธันวาคม 2567 ถึงวันที่ 5 มกราคม 2568 สำนักงานตำรวจแห่งชาติเตรียมพร้อมกำลังพลและชุดเคลื่อนที่เร็วทั่วประเทศกว่า 40,000 นาย มีการตั้งจุดตรวจจุดสกัด รวม 4,068 จุดทั่วประเทศ เพื่อดูแลพี่น้องประชาชนอย่างเต็มกำลัง ในส่วนของโครงการร่วมใจ ยกระดับความปลอดภัยบ้านประชาชนช่วงเทศกาลสำคัญ (ฝากบ้าน 4.0) จำนวน 10,479 หลัง คืนบ้านแล้ว 108 หลัง คงเหลือ 10,371 หลัง พบว่าทุกหลังปกติและเรียบร้อยดี ส่วนสถานที่จัดงานเคาท์ดาวน์ขนาดใหญ่ 49 แห่งทั่วประเทศนั้น กองบัญชาการตำรวจนครบาล และตำรวจภูธรภาค 1-9 พร้อมหน่วยต่างๆ ที่เกี่ยวข้อง ได้เตรียมความพร้อมในการดูแลความปลอดภัยและอำนวยความสะดวกการจราจรแล้วในทุกจุด โดยจัดเจ้าหน้าที่ตำรวจทั่วประเทศกว่า 20,000 นาย ในการปฏิบัติ รวมเจ้าหน้าที่ตำรวจในการปฏิบัติทุกมิติในช่วงเทศกาลปีใหม่ 2568 ทุกพื้นที่ทั่วประเทศ กว่า 60,000 นาย

ทั้งนี้ ผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติได้มีข้อกำชับสั่งการไปยังหน่วยงานต่าง ๆ 
1. ให้ผู้บังคับบัญชา ผู้กำกับการ/หัวหน้าหน่วย ลงพื้นที่ตรวจสอบเส้นทาง ปริมาณรถ ปรับแผนการปฏิบัติให้สอดคล้องกับข้อมูลและแผนในภาพรวม โดยพิจารณาเส้นทางหลัก เส้นทางรอง การเกิดอุบัติเหตุ สภาพพื้นที่หรือการจัดงาน 

2. กำชับหน่วยต่างๆ ให้มีผลการปฏิบัติใน 10 ข้อหาหลัก อย่างต่อเนื่อง จริงจัง เน้นการบังคับใช้กฎหมาย เพื่อลดสถิติการเกิดอุบัติเหตุ กำชับการตั้งจุดตรวจ จุดสกัด ตามหลักยุทธวิธีและกฎหมาย ห้ามมิให้มีการเรียกรับ ยอมรับ ทรัพย์สินหรือผลประโยชน์อื่น ๆ รวมทั้งใช้กิริยาวาจาที่สุภาพ และเป็นมิตรกับประชาชน 

3. โครงการร่วมใจ ยกระดับความปลอดภัยบ้านประชาชนช่วงเทศกาลสำคัญ (ฝากบ้าน 4.0) ให้กองบัญชาการตำรวจนครบาล และตำรวจภูธรภาค 1-9 จัดกำลงสายตรวจให้เหมาะสม กำหนดวงรอบ และวางมาตรการป้องกันเหตุ ผู้บังคับบัญชาตรวจสอบการปฏิบัติและวางแผนการปฏิบัติในภาพรวม เพื่อให้มีการตรวจตราอยางต่อเนื่อง

4. ให้ผู้บังคับบัญชา ผู้กำกับการ/หัวหน้าหน่วย ศปก.สน. บริหารจัดการพื้นที่ในการจัดงานเคาท์ดาวน์ให้เหมาะสม  มีการคัดกรองบุคคล เส้นทางฉุกเฉิน การเข้าระงับเหตุในพื้นที่ อย่าให้แออัด ปริมาณคนต้องเหมาะสมกับพื้นที่

5. ให้กำหนดมาตรการตรวจสอบสถานบริการ ร้านอาหาร สถานที่จัดจำหน่ายเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ ตลอดจนการตรวจสอบทางเข้า-ออก เมื่อมีเหตุฉุกเฉิน และการตรวจสอบความผิดเกี่ยวกับเด็กและเยาวชน

6. ให้หน่วยที่เกี่ยวข้องตรวจสอบการลักลอบหลบหนีเข้าเมือง และการขนยาเสพติดตามแนวชายแดน เส้นทางหลัก/รอง/เลี่ยง โดยเน้นการสืบสวนหาข่าว และการตั้งจุดตรวจ

7. ให้โรงพยาบาลตำรวจ , กองบินตำรวจ , สำนักงานพิสูจน์หลักฐานตำรวจ , ชุดปฏิบัติการพิเศษ EOD ฝ่ายสนับสนุนต่าง ๆ จะต้องเตรียมความพร้อมรองรับการปฏิบัติได้ทันที 

นอกจากนี้ ผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติยังได้มอบหมายให้ผู้บังคับบัญชาทุกระดับ ตรวจเยี่ยมบำรุงขวัญผู้ใต้บังคับบัญชา และแนะนําการปฏิบัติให้ละเอียดมีความเข้าใจทุกนาย ตรวจสอบการแต่งกาย อุปกรณ์ เครื่องมือให้พร้อมปฏิบัติ โดยในช่วงเทศกาลปีใหม่หรือเทศกาลต่างๆ เป็นหน้าที่ของตำรวจที่จะต้องดูแลรักษาความปลอดภัย การอำนวยความสะดวก ให้ความช่วยเหลือแก่พี่น้องประชาชน ขอให้ข้าราชการตำรวจทุกนายจงถือเป็นหน้าที่อันยิ่งใหญ่ ที่จะได้กระทำในสิ่งที่เป็นประโยชน์ต่อประเทศชาติและประชาชน ให้สมกับเป็นผู้พิทักษ์สันติราษฎร์

ตรวจเยี่ยมจุดบริการประชาชน หน่วยบัญชาการต่อสู้อากาศยานและรักษาฝั่ง ห้วงเทศกาลปีใหม่ ประจำปี 2568

(28 ธ.ค. 67) พลเรือตรี เอตม์ ยุวนางกูร ผู้บัญชาการหน่วยบัญชาการต่อสู้อากาศยานและรักษาฝั่ง พร้อม คุณอริสรา ยุวนางกูร ประธานชมรมภริยาหน่วยบัญชาการต่อสู้อากาศยานและรักษาฝั่ง ตรวจเยี่ยมและมอบสิ่งของบำรุงขวัญ ให้กำลังใจกำลังพลที่ปฏิบัติภารกิจในห้วงเทศกาลปีใหม่และมอบนโยบายในการปฏิบัติงานบริการประชาชนตามจุดต่าง ๆ ของหน่วย การช่วยเหลือ หากประชาชนที่อาจจะประสบอุบัติเหตุในพื้นที่ใกล้เคียงหากพบเจอให้ดำเนินการช่วยเหลือโดยทันที และให้อำนวยความสะดวกต่าง ๆ พร้อมทั้งให้เตรียมเครื่องดื่ม กาแฟ อาหารว่าง ไว้คอยบริการประชาชนที่เดินทางผ่านไว้ตามจุดบริการประชาชน ดังนี้ 

1. บริเวณหน้าประตูใหญ่หน่วยบัญชาการต่อสู้อากาศยานและรักษาฝั่ง ตำบลสัตหีบ อำเภอสัตหีบ จังหวัดชลบุรี 
2. บริเวณหน้ากองพันต่อสู้อากาศยานที่ 12 กรมต่อสู้อากาศยานที่ 1 ตำบลบางพระ อำเภอศรีราชา จังหวัดชลบุรี 
3.จุดบริการตรวจสภาพรถ (ฟรีค่าแรง) บริเวณสถานีบริการน้ำมันบางจาก (กม.5) ตำบลสัตหีบ อำเภอสัตหีบ จังหวัดชลบุรี

#กองทัพเรือ
#เทิดทูนสถาบันป้องกันรัฐพัฒนาชาติราษฏร์ศรัทธา 
#MONARCHY_COUNTRY_GOVERNMENT_PEOPLE 
#หน่วยบัญชาการต่อสู้อากาศยานและรักษาฝั่ง
#จงรักภักดี_มีวินัย_พร้อมรับใช้ชาติ_ราชนาวี_และประชาชน
#ฝ่ายกิจการพลเรือนกองบัญชาการหน่วยบัญชาการต่อสู้อากาศยานและรักษาฝั่ง

หน่วยบัญชาการต่อสู้อากาศยานและรักษาฝั่งเข้าร่วมพิธีวางพานพุ่มถวายราชสักการะสมเด็จพระเจ้าตากสินมหาราช ประจำปี 2567

(28 ธ.ค. 67) เวลา 08.30 น. พลเรือตรี เอตม์ ยุวนางกูร ผู้บัญชาการหน่วยบัญชาการต่อสู้อากาศยานและรักษาฝั่ง ร่วมพิธีวางพานพุ่มถวายราชสักการะและถวายราชสดุดี สมเด็จพระเจ้าตากสินมหาราช ประจำปี 2567 ณ บริเวณหน้าพระบรมราชานุสาวรีย์สมเด็จพระเจ้าตากสินมหาราช กองบังคับการ หน่วยบัญชาการสงครามพิเศษทางเรือ กองเรือยุทธการ อำเภอสัตหีบ จังหวัดชลบุรี

วันที่ 28 ธันวาคมของทุกปี เป็นวันคล้ายวันปราบดาภิเษกสมเด็จพระเจ้าตากสินมหาราช พระมหากษัตริย์ผู้กอบกู้เอกราชจากพม่าให้แก่ประเทศไทย และเป็นพระมหากษัตริย์แห่งกรุงธนบุรีเพียงพระองค์เดียว

สมเด็จพระเจ้าตากสินมหาราช หรือ สมเด็จพระเจ้ากรุงธนบุรี ทรงมีพระนามเดิมว่า "สิน” พระราชสมภพเมื่อวันอาทิตย์ที่ 17 เมษายน พ.ศ. 2277 พระราชบิดาเป็นชาวจีนแต้จิ๋ว ชื่อ "นายไหฮอง” ได้สมรสกับหญิงไทยชื่อ”นางนกเอี้ยง” ในช่วงรัชสมัยพระเจ้าอยู่หัวบรมโกศ (สมเด็จพระธรรมราชาธิราชที่ 3 ) ซึ่งเจ้าพระยาจักรีได้ขอไปอุปการะเป็นบุตรบุญธรรมตั้งแต่ครั้งเยาว์วัย ต่อมาเมื่ออายุครบ 13 ปี เจ้าพระยาจักรีได้นำตัวเด็กชายสิน ไปถวายตัวเป็นมหาดเล็ก ในสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวบรมโกศ ครั้น พ.ศ. 2301 สมเด็จพระเจ้าอยู่หัวบรมโกศเสด็จสวรรคต สมเด็จพระเจ้าอยู่หัวอุทุมพรเสด็จขึ้นครองราชย์ได้ 3 เดือนเศษ ก็ถวายราชสมบัติแก่สมเด็จพระเชษฐาธิราช "สมเด็จพระบรมราชาที่ 3” (สมเด็จพระเจ้าเอกทัศน์) สมเด็จพระเจ้าเอกทัศน์ทรงโปรดเกล้าฯ ให้นายสินมหาดเล็กรายงาน เป็นข้าหลวงเชิญท้องตราพระราชสีห์ไปชำระความที่หัวเมืองฝ่ายเหนือซึ่งปฏิบัติราชการได้รับความดีความชอบมากจึงทรงพระกรุณาโปรดเกล้าฯ ให้เป็นหลวงยกกระบัตร เมืองตาก ช่วยราชการพระยาตากครั้นพระยาตากถึงแก่กรรม ก็ทรงโปรดให้เลื่อนเป็น "พระยาตาก ปกครองเมืองตาก”

#กองทัพเรือ
#เทิดทูนสถาบันป้องกันรัฐพัฒนาชาติราษฏร์ศรัทธา 
#MONARCHY_COUNTRY_GOVERNMENT_PEOPLE 
#หน่วยบัญชาการต่อสู้อากาศยานและรักษาฝั่ง
#จงรักภักดี_มีวินัย_พร้อมรับใช้ชาติ_ราชนาวี_และประชาชน
#ฝ่ายกิจการพลเรือนกองบัญชาการหน่วยบัญชาการต่อสู้อากาศยานและรักษาฝั่ง

‘ครูพี่ป๊อป’ พาชมบรรยากาศ การรับเสด็จ ‘พระเขี้ยวแก้ว’ สุดอลังการ!! ยิ่งใหญ่ พร้อมชวนนมัสการ!! สวดมนต์ข้ามปี คืน 31 ธันวา ตักบาตรเช้า 1 มกรา รับปีใหม่

(29 ธ.ค. 67) ครูพี่ป๊อป ดร.ณัฐพงศ์ ได้โพสต์คลิป ลง TikTok บรรยายภาพ บรรยากาศการเดินทางมาถึงของ ‘พระเขี้ยวแก้ว’ โดยมีใจความว่า ...

‘พระเขี้ยวแก้ว’ เสด็จมาถึงเมืองไทย และนี่ก็คือเครื่องบินลําใหญ่ที่สุดของแอร์ไชน่าสําหรับท่านประธานาธิบดีเท่านั้นครับ แต่วันนี้คือการส่งเสด็จพระเขี้ยวแก้วมาประดิษฐานเป็นการชั่วคราวที่เมืองไทย ซึ่งพวกเราคนไทยก็ได้เตรียมการล่วงหน้ารอรับเสด็จมาเป็นปี วันนี้มารออยู่กับผมตั้งแต่เช้าอยู่ด้วยกันทั้งวัน ตั้งแต่ท่านเอกอัครราชทูตจีนท่านหานจูเฉียง ท่านรัฐมนตรีต่างประเทศ ท่านมาริษ เสงี่ยมพงษ์ สมเด็จวัดโพธิ์ สมเด็จวัดเทพก็มาร่วมเจริญพระพุทธมนต์ในงานนี้ด้วย 

ต้องบอกว่าขนาดที่กรุงปักกิ่งเนี่ย คนจีนที่เข้าไปกราบ ยังไม่สามารถเข้าเฝ้าได้ใกล้ชิดขนาดนี้นะครับ ณ มณฑลพิธีท้องสนามหลวง สถาปัตยกรรมแบบผสมผสาน ‘ไทย – จีน’ 
วิจิตร เป็นเจดีย์ มีกระจกล้อม 3 ด้าน

แล้ว‘พระเขี้ยวแก้ว’ จะอยู่กับเราคนไทยนะครับตั้งแต่วันที่ 5 ธันวาคมเปิดให้เข้าชมนะครับ ไปจนถึงวันวาเลนไทน์ บนโลกใบนี้เนี่ยมีพระบรมสารีริกธาตุส่วนฟันเนี่ยหรือว่าพระเขี้ยวแก้วเหลือเพียงแค่สองชิ้นเท่านั้นนะครับ ชิ้นที่หนึ่งเนี่ยอยู่ในประเภทศรีลังกา

ชิ้นที่สองก็อยู่ที่นี่แล้ว เราสามารถที่จะกราบนมัสการ ได้ใกล้มากถือว่าเป็นโชคดีของคนไทยครับ เราจะมีพระอาจารย์มาจากวัดหมิงซื่อ คอยนั่งปฏิบัติสวดมนต์เฝ้าพระธาตุตลอด 24 ชั่วโมงสลับสับเปลี่ยนจากกันไปเหมือนกับ มีเจ้าหน้าที่รักษาความปลอดภัย เพื่อที่จะทําให้ทางรัฐบาลจีนเนี่ย มั่นใจนะครับว่าพระธาตุมาอยู่ในประเทศไทย ต้องปลอดภัยอย่างแน่นอน

ผมคุยกับพระอาจารย์ซึ่งท่านมาจาก วัดหลินฮวงซื่อ นะครับ รวมถึงพี่น้องสื่อมวลชนชาวจีนบอกว่า ไม่คิดเลยว่าคนไทยจะรักพระพุทธศาสนา กันมากมายขนาดนี้ 

มีกิจกรรมทำวัตรกันทุกเช้าเย็น เราสามารถมากราบนมัสการได้ตั้งแต่วันพ่อไปจนถึงวันวาเลนไทน์นะครับ

โดยเฉพาะช่วงปีใหม่ จะอากาศดีมาก มีกิจกรรมสวดมนต์ข้ามปีในค่ำคืนวันที่ 31 นี้ด้วย

แล้วก็ตักบาตรตอนเช้าวันที่ 1 มกราคม รับปีใหม่

ก่อนที่พวกเราจะน้อมส่งเสด็จพระธาตุกลับกรุงปักกิ่งด้วยกัน ในวันวาเลนไทน์ที่ 14กุมภาพันธ์

‘โตโยต้า ถนนสีขาว’ รณรงค์!! เดินทางปลอดภัย ‘ช่วงปีใหม่’ ภายใต้แนวคิด!! ‘ยิ่งเร็ว ยิ่งสูญเสียเร็ว’ เพื่อการสูญเสียจากอุบัติเหตุ

(28 ธ.ค. 67) บริษัท โตโยต้า มอเตอร์ ประเทศไทย จำกัด เดินหน้ารณรงค์ขับขี่ปลอดภัยช่วงปีใหม่ ภายใต้โครงการ โตโยต้าถนนสีขาว ผ่านข้อความสื่อสาร ‘ยิ่งเร็ว.. ยิ่งสูญเสียเร็ว’ เพื่อลดอัตราการเกิดอุบัติเหตุในการเดินทางช่วงเทศกาลปีใหม่ พร้อมส่งมอบความมั่นใจทั้งก่อนและหลังการเดินทางให้กับผู้ใช้รถใช้ถนนทุกท่าน ด้วยการให้บริการตรวจเช็กสภาพรถยนต์ฟรี 7 ระบบสำคัญ รวม 33 รายการ พร้อมทั้งให้บริการจุดพักรถ ณ บริเวณทางหลวงขาออกไปยังทุกภูมิภาคทั่วประเทศ เพื่อส่งมอบความสุข และความปลอดภัยตลอดการเดินทาง

เพื่อเป็นการสร้างความมั่นใจให้การท่องเที่ยวเป็นไปอย่างปลอดภัยตลอดเส้นทาง บริษัทฯ พร้อมด้วยผู้แทนจำหน่ายโตโยต้าทั่วประเทศ จึงจัดให้มีบริการตรวจเช็กสภาพรถยนต์ฟรี 7 ระบบสำคัญ รวม 33 รายการ ในช่วงเทศกาลปีใหม่เพื่อเตรียมความพร้อมรถยนต์ให้อยู่ในสภาพสมบูรณ์ และป้องกันการเกิดอุบัติเหตุ ซึ่งผู้ที่สนใจสามารถนำรถยนต์ไปตรวจเช็ก ตั้งแต่วันนี้ - 31มกราคม 2568 ที่ศูนย์บริการผู้แทนจำหน่ายโตโยต้าทั่วประเทศ

นอกจากนี้ โตโยต้า ยังได้ร่วมมือกับหน่วยงานภาครัฐจัดจุดพักรถ ให้บริการ น้ำดื่ม ผ้าเย็น และขนม แก่ประชาชนที่จะเดินทางออกไปยังภูมิภาคต่างๆ จำนวน 4 แห่ง ระหว่างวันที่ 27-29ธันวาคม 2567

1) นครราชสีมา อำเภอ ปากช่อง ณ บริเวณหน้าร้านแมคโดนัลด์ ริมถนนมิตรภาพ
2) เพชรบุรี อำเภอ เขาย้อย ณ จุดตรวจรถโดยสารสาธารณะ checking point ตลาดพูนทรัพย์ ต.สระพัง
3) นครสวรรค์ อำเภอเมืองนครสวรรค์ ณ จุดบริการประชาชนริมบึง ถนนสาย 117 ต.บางม่วง
4) ชลบุรี อำเภอ บ้านบึง ณ ศูนย์ปฏิบัติการร่วม(ด่านหลัก) จุดสกัด 344 ขาเข้า เยื้องบริษัท คิวเอ็ม บี

โตโยต้า มุ่งมั่นรณรงค์ขับเคลื่อนสังคมแห่งความปลอดภัยในการเดินทาง และพร้อมเป็นส่วนหนึ่งในการสร้าง สังคมคนขับรถดี’ ด้วยการขับขี่ตามความเร็วที่กฎหมายกำหนด ปฏิบัติตามกฎจราจร มีวินัย และน้ำใจให้กับเพื่อนร่วมทางเพื่อผลักดันสังคมไทยมุ่งสู่ ‘เป้าหมายการพัฒนาที่ยั่งยืน’ (Sustainable Development Goals) ต่อไป

‘สโกมาดิ’ พร้อมยกระดับโรงงานผลิตสกู๊ตเตอร์ ‘บริทิช โมเดิร์น คลาสสิก’ ในไทย พร้อมเปิดโมเดลใหม่!! ขยายดีลเลอร์ ปั้นคอมมูนิตี้ ขยายเพิ่มฐานลูกค้า ให้มากขึ้น

(28 ธ.ค. 67) นายแม็กซิม วองเดอเรเกน กรรมการผู้จัดการ บริษัท สโกมาดิ (ประเทศไทย) หรือ Scomadi กล่าวว่า เราเป็นแบรนด์สกู๊ตเตอร์สไตล์ บริทิช โมเดิร์น คลาสสิก ที่ดำเนินธุรกิจในหลายประเทศทั่วโลก ที่ผ่านมาเราเน้นการดำเนินธุรกิจในภูมิภาคเอเชีย โดยเฉพาะประเทศอินโดนีเซีย และเวียดนาม ที่เป็นตลาดสำคัญของธุรกิจรถจักรยานยนต์

รวมถึงในประเทศไทย ซึ่งเป็นฐานการผลิตและส่งออกประจำภูมิภาค ผ่านการนำเสนอโมเดลรถสกู๊ตเตอร์ทรงคลาสสิกขนานแท้ ที่ใช้งานในชีวิตจริงได้อย่างคล่องตัว สำหรับผู้ขับขี่ทุกไลฟ์สไตล์ ตามแนวคิด Timeless design with high functionality

สำหรับประเทศไทยในปี 67 นี้เราได้ชูรถสกู๊ตเตอร์ไฟฟ้ารุ่น Turismo Electronica เป็นโมเดลหลักประจำปี นอกจากเอกลักษณ์สวยงามมีระดับตามแบบฉบับสโกมาดิ รถสกู๊ตเตอร์ไฟฟ้ารุ่นนี้ยังได้รับกระแสตอบรับที่ดีจากกลุ่มผู้ใช้งาน ด้วยสมรรถนะจักรยานยนต์ไฟฟ้าที่แข็งแกร่ง

ขณะเดียวกันก็ได้เปิดตัวรถรุ่นใหม่ล่าสุดเพิ่ม 2 รุ่น ได้แก่ Technica 200i Adventure Series ABS และ Technica 200i Urban Series ABS” ที่มาพร้อมระบบเบรค ABS และตัวเลือกสีใหม่ พร้อมให้ออกเดินทางไปกับโร้ดทริปแบบมีสไตล์ สอดรับเจตนารมณ์การเป็นแบรนด์ที่รองรับความต้องการของคนรักสกู๊ตเตอร์คลาสสิก ทั้งในเชิงฟังก์ชันการใช้งาน ดีไซน์ และไลฟ์สไตล์ อย่างครบครันที่สุด

นายแฟรงก์ แซนเดอร์สัน ผู้ร่วมก่อตั้งสโกมาดิ กล่าวว่า สโกมาดิ ถือกำเนิดจากความหลงใหลในรูปลักษณ์ที่อยู่เหนือกาลเวลาของรถสกู๊ตเตอร์แบบดั้งเดิม ผสานกับความรู้ด้านวิศวกรรมรถจักรยานยนต์ ที่สั่งสมจากการเป็นเจ้าของสำนักแต่งรถสกู๊ตเตอร์ และประสบการณ์การทำงานกว่า 60 ปี แรงบันดาลใจนี้นำมาสู่การสร้างสรรค์รถสกู๊ตเตอร์สโกมาดิคันแรกในปี 2548 ณ ประเทศอังกฤษ ตลอดระยะเวลาเกือบ 20 ปี

ทั้งนี้ เรามีการพัฒนารถรุ่นใหม่อย่างต่อเนื่อง โดยยังคงยึดมั่นในดีเอ็นเอ บริทิช โมเดิร์น คลาสสิก อย่างเข้มข้น สะท้อนในการออกแบบทั้งโครงรถ ตัวถังเหล็ก เส้นสายโค้งมน เบาะหนังเย็บอย่างปราณีต ไปจนถึงไฟ LED ทรงกลม ที่รักษาเอกลักษณ์เฉพาะตัวครบถ้วน ผสานนวัตกรรมทันสมัย เช่น ระบบเบรค หน้าจอดิจิทัล และสมรรถนะเหนือระดับ เพื่อครองใจนักขับขี่ผู้มีใจรักความคลาสสิกในทุกยุคสมัย

นายพรเศก ภาคสุวรรณ ผู้จัดการทั่วไป บริษัท สโกมาดิ (ประเทศไทย) จำกัด กล่าวว่า ในบปี 2568 นี้สโกมาดิ พร้อมสร้างความแข็งแกร่งให้ชุมชนคนขับสโกมาดิ ผ่านกิจกรรมทดลองขับขี่ และกิจกรรมเอ็กซ์คลูซีฟในหลายพื้นที่ทั่วประเทศ ตลอดจนการขยายดีลเลอร์ทั้งกรุงเทพฯ และต่างจังหวัด เพื่อให้ผู้สนใจสามารถชมรถรุ่นต่าง ๆ รวมถึงให้ลูกค้าปัจจุบันสามารถเข้ารับบริการจากสโกมาดิได้อย่างสะดวกสบายมากยิ่งขึ้น

นอกจากนี้ ในปีหน้าสโกมาดิยังคงเดินหน้าดำเนินธุรกิจในตลาดเอเชีย ด้วยการยกระดับมาตรฐานโรงงานผลิตในไทย เพื่อรองรับความต้องการและการส่งออก รวมถึงเตรียมขยายการดำเนินธุรกิจในทวีปยุโรป ด้วยการทำใบรับรองมาตรฐานยูโร เพื่อให้สามารถจำหน่ายรถรุ่นใหม่ได้ในหลายประเทศ ทั้งหมดนี้จะทำให้สโกมาดิสามารถสร้างความสำเร็จในฐานะแบรนด์ สกู๊ตเตอร์ บริทิช โมเดิร์น คลาสสิกที่ครองใจผู้ขับขี่ทุกคน


© Copyright 2021, All rights reserved. THE STATES TIMES
Take Me Top