Thursday, 24 April 2025
NEWS

‘AP Racing’ เบรกคุณภาพไฮเอนด์ จากอังกฤษ เปิดตัวแทนจำหน่าย ครั้งแรกในไทย เน้น!! มาตรฐานคุณภาพระดับโลก ส่งตรงจากสนามแข่ง เพื่อความปลอดภัยสูงสุด

เมื่อวานนี้ (28 มี.ค. 68) AP Racing เบรกคุณภาพระดับโลก อายุกว่า 100 ปี จากประเทศอังกฤษ ประกาศเปิดตัวแทนจำหน่าย AP Racing อย่างเป็นทางการครั้งแรกในประเทศไทย ภายใต้การนำเข้าและจัดจำหน่ายโดย KCC Motorsport ผู้เชี่ยวชาญสินค้ามอเตอร์สปอร์ตระดับไฮเอนด์

โดย คุณ โชคสถิตย์ เบญจรัตนาภรณ์ ประธานกรรมการ บริษัท เคซีซี แมชชีนเนอรี่ จำกัด กล่าวว่า “เรามีความภูมิใจมากที่ได้เป็นผู้นำเข้าและตัวแทนจำหน่ายเบรก AP Racing อย่างเป็นทางการแต่เพียงผู้เดียวในประเทศไทย หลังจากต้องผ่านด่านการคัดเลือกหลายรอบจาก AP Racing ประเทศอังกฤษ โดยเป้าหมายของเราคือต้องการให้คนชอบการอัปเกรดรถในประเทศไทยได้สัมผัสถึงเทคโนโลยีเบรกระดับสูงจากสนามแข่ง ยกระดับประสบการณ์การขับขี่ ให้มีประสิทธิภาพและความปลอดภัยสูงสุดในการใช้ยานยนต์ ภายใต้การดูแลจากตัวแทนจำหน่ายอย่างเป็นทางการ ที่พร้อมให้การบริการและคำแนะนำจากวิศวกรทั้งไทยและโรงงานที่ประเทศอังกฤษเพื่อเลือกคาลิเปอร์และจานเบรกให้เหมาะสมกับรถ รวมถึงการติดตั้งที่ถูกต้องได้มาตรฐาน มีอะไหล่ซัพพอร์ต เพราะทุกวินาทีของความเร็วคือประสิทธิภาพและความปลอดภัยสูงสุด”

ทางด้าน Mr.James Coyne, Key Account Manager AP Racing จากประเทศอังกฤษ กล่าวว่า “ผมมีความยินดีที่ได้ทาง KCC Motorsport มาเป็น Authorized Dealer ในประเทศไทย จากที่เราได้คัดเลือกจากหลายบริษัทที่ยื่นข้อเสนอเข้ามาเป็นตัวแทนจำหน่ายอย่างเป็นทางการ เราเห็นถึงศักยภาพในการจัดจำหน่ายและการดูแลลูกค้าของ KCC Motorsport ที่ตั้งใจจะมอบสินค้าและบริการที่ดีที่สุดให้กับลูกค้าในประเทศไทย ผมเชื่อมั่นว่านอกจากที่ลูกค้าจะได้ใช้เบรกมาตรฐานคุณภาพระดับโลกจากสนามแข่งแล้ว ยังเชื่อมั่นได้ว่าจะได้รับการบริการที่ดีจากตัวแทนจำหน่ายที่ได้รับการคัดเลือกจาก AP Racing อีกด้วย”

สำหรับ เบรก AP Racing เป็นเบรกมาตรฐานสูงระดับไฮเอนด์จากประเทศอังกฤษ ที่มุ่งเน้นเรื่องประสิทธิภาพและความปลอดภัยขั้นสูงสุดสำหรับรถยนต์ ทั้งในระดับผู้ใช้ทั่วไปและในรายการแข่งระดับโลก ไม่ว่าจะเป็น รายการแข่งฟอร์มูล่าวัน, NASCAR, Super GT, World Touring และ World Rally ล้วนให้ความไว้วางใจระบบเบรกและคลัชจาก AP Racing ซึ่งในปี 2025 รายการแข่งฟอร์มูล่า1 ฤดูกาลแรกที่จะจัดขึ้นที่ประเทศออสเตรเลียในเดือนมีนาคมนี้ AP Racing ได้เป็นผู้ผลิตระบบเบรกและคลัชให้กับรถแข่งถึง 8 ใน 10 ทีม

เบรก AP Racing เป็นเบรกมาตรฐานสูงระดับไฮเอนด์จากประเทศอังกฤษ ที่มุ่งเน้นเรื่องประสิทธิภาพและความปลอดภัยขั้นสูงสุดสำหรับรถยนต์ ทั้งในระดับผู้ใช้ทั่วไปและในรายการแข่งระดับโลก ไม่ว่าจะเป็น รายการแข่งฟอร์มูล่าวัน, NASCAR, Super GT, World Touring และ World Rally ล้วนให้ความไว้วางใจระบบเบรกและคลัชจาก AP Racing ซึ่งในปี 2025 รายการแข่งฟอร์มูล่า1 ฤดูกาลแรกที่จะจัดขึ้นที่ประเทศออสเตรเลียในเดือนมีนาคมนี้ AP Racing ได้เป็นผู้ผลิตระบบเบรกและคลัชให้กับรถแข่งถึง 8 ใน 10 ทีม

ด้วยการออกแบบที่ทันสมัยและเทคโนโลยีที่ผ่านการทดสอบจากสนามแข่งจริง AP Racing ได้นำเบรกจากสนามแข่งมาสู่การขับขี่บนท้องถนน เช่น Pro 5000R, Radical-ll ในปี 2025 นี้ AP Racing เตรียมเปิดตัวผลิตภัณฑ์ใหม่มากมายเพื่อให้ตอบสนองความต้องการของผู้ขับขี่ได้อย่างครบถ้วน ตั้งแต่ รุ่น Forged 10 คาลิเปอร์เบรกขนาด 10 Pistons ซึ่งตอบโจทย์รถกลุ่ม Sport Car และ Super Car โดยเฉพาะ

นอกจากนี้สำหรับกลุ่มรถยนต์ไฟฟ้าที่กำลังได้รับความนิยม โดยเฉพาะรถยนต์ไฟฟ้าที่มีสมรรถนะสูง AP Racing ถือเป็นแบรนด์แรกที่ได้ผลิตเบรกระดับไฮเอนด์ที่เพื่อการUpgradeรถ ออกแบบเพื่อรถยนต์ไฟฟ้าโดยเฉพาะ ในรุ่น AP Racing MONO-E และ Radical-E ที่สามารถหยุดรถได้มีประสิทธิภาพดีขึ้น เงียบและหนักแน่น พร้อมทั้งยืดระยะทางการวิ่งของรถไฟฟ้าให้ได้มากขึ้น นอกจากนี้ ในกลุ่มรถกระบะ และรถเอนกประสงค์ขนาดใหญ่ AP Racing ได้ออกรุ่น Radical X ที่มาพร้อมคาลิเปอร์ขนาด 6 POTS ซึ่งสามารถรองรับน้ำหนักรถที่มากได้ เหมาะสำหรับรถที่ใช้งานหนัก สไตล์แอดเวนเจอร์ โดยมีเทคโนโลยี Forged Steel นอกจากนี้ AP Racing ยังเปิดตัวคาลิเปอร์สีใหม่ คือ คาลิเปอร์สีใหม่ คือ สีขาว และ สีเหลือง 

ปิดท้ายในส่วนของราคาจำหน่ายของชุดระบบเบรก AP Racing มีตั้งแต่ระดับราคา 100,000 บาท ไปจนถึง 1,200,000 บาท ตามประเภทของรถที่หลากหลาย ทั้งในส่วนของรถเพอร์ฟอร์แมนซ์ รถอีวี รถยนต์คลาสสิกฯลฯ....

ชื่นชม!! ‘หมอเต้ย’ ผ่าตัดคนไข้กลางแจ้งหลังเกิดแผ่นดินไหว ผ่าตัดเสร็จภายใน 10 นาที รักษาชีวิตคนไข้ได้ปลอดภัย

เมื่อวานนี้ (28 มี.ค. 68) จากกรณี ผู้ใช้งานเฟซบุ๊กชื่อ Tony Lim ได้มีการแชร์ภาพบุคลากรทางการแพทย์ของโรงพยาบาลตำรวจ กำลังผ่าตัดคนไข้กลางแจ้ง หลังเกิดสถานการณ์ภาวะฉุกเฉินแผ่นดินไหว จนมีกระแสทางโซเชียล แห่ชื่นชมว่าเหมือนเป็นหมอฮีโร่ สุดเท่ และให้กำลังใจเป็นจำนวนมาก

โดย พ.ต.ท.วรัญญู จิรามริทธิ์ แพทย์ศัลยกรรมโรงพยาบาลตำรวจ เปิดเผยผ่านทางโทรศัพท์มือถือว่า คนไข้ต้องมีการผ่าตัดเปิดทวารเทียมทางหน้าท้อง ซึ่งก็มีการผ่าตัดตามกระบวนการ จากนั้นก็ทำการเย็บทวารเทียม แต่ระหว่างที่กำลังผ่าตัดปิดช่องท้องนั้น ได้เกิดเหตุแผ่นดินไหวพอดี ตนและทีมแพทย์ จึงตัดสินใจแพคคนไข้ออกมาจากห้องผ่าตัด ออกมาในจุดที่ปลอดภัยก่อน

จากนั้นก็ประเมินสถานการณ์แล้วว่า คนไข้จำเป็นต้องเร่งผ่าตัดเพื่อปิดช่องหน้าท้องโดยด่วน เพราะถ้าไม่เร่งผ่าตัดปิดหน้าท้อง ก็อาจจะเกิดภาวะลำไส้เคลื่อน แล้วกังวลใจว่าจะมีลำไส้บางส่วนโผล่ออกมาจากช่องท้องแล้วโดนอากาศข้างนอกได้ จึงต้องมีการทำการผ่าตัดบริเวณข้างนอกห้อง และใช้เวลาในการผ่าตัดเพียง 10 นาทีเท่านั้น อีกทั้งขั้นตอนนี้เป็นการเย็บหน้าท้องในขั้นตอนสุดท้าย

ซึ่งก็คำนึงถึงความปลอดภัยเป็นหลักอยู่แล้ว เพราะมีการสวมถุงมือ และใช้อุปกรณ์ที่สะอาดปลอดเชื้อโรค คล้ายกับการทำแพทย์สนาม ส่วนอาการของคนไข้ตอนนี้ปลอดภัยดีแล้ว กำลังแอดมิตอยู่ที่ห้องพักของโรงพยาบาล

ส่วนตัวไม่ทราบเลยว่ามีการนำภาพไปแชร์ลงในโซเชียลและมีคนชื่นชมเป็นจำนวนมาก เนื่องจากตนเองก็เพิ่งเสร็จจากภารกิจการรักษาคนไข้ และเขียนรายงานการรักษาคนไข้ให้กับทางโรงพยาบาล ซึ่งตนเองก็ทำตามหน้าที่ของแพทย์คนหนึ่งที่ต้องช่วยชีวิตคนไข้อย่างดีที่สุด

สวนนงนุชพัทยา จัดของขวัญฉลองปีใหม่ไทยเที่ยวฟรีตลอดเดือนเมษายน และเข้าฟรีทุกวันตลอดชีวิต

(29 มี.ค.68) นายกัมพล ตันสัจจา ประธานสวนนงนุชพัทยา แจ้งข่าวดีสำหรับนักท่องเที่ยวชาวไทยเข้าสวนนงนุชฟรีได้ทุกวันตลอดชีวิตกี่ครั้งก็ได้ เฉพาะผู้ที่มีอายุ 80 ปีขึ้นไปเริ่มตั้งแต่ เดือนเมษายน 2568 เป็นต้นไป เพื่อเป็นของขวัญให้พี่น้องคนไทยในช่วงเทศกาลปีใหม่ ปัจจุบันประเทศไทยเข้าสู่สังคมผู้สู้อายุ และทางสวนนงนุชพัทยาจึงอยากเปิด โอกาสให้ทุกท่านได้ท่องเที่ยวในสถานที่ระดับโลกฟรี และยังเป็นการกระตุ้นเศรษฐกิจการในเรื่องการจับจ่ายใช้สอยระหว่างเดินทาง 

สำหรับผู้ที่มีวันเกิดเดือนเมษายน รับบัตรผ่านประตูเข้าฟรี ตลอดทั้งเดือน เพียงแสดงบัตรประชาชนแล้วรับสิทธิได้เลยไม่จำกัดจำนวน  ส่วนโปรโมชั่นอื่นเด็กที่มีความสูงไม่เกิน140 ซม.(ที่มากับครอบครัว) และผู้พิการเข้าฟรีทุกวัน ผู้สูงอายุ (มีอายุตั้งแต่ 60 ปีขึ้นไป)เข้าชมสวนฟรีทุกวันศุกร์ ท่านที่สนใจชมการแสดงนงนุชโชว์ และการแสดงของน้องช้างแสนรู้ มีการแสดงวันละ 4 รอบ ณ โรงละครสกาลานงนุชพัทยา 

ภายในสวนนงนุชพัทยา มีสวนสวยมากกว่า 60 สวนบนพื้นที่ 1,700 ไร่ เป็นสวนที่รวบรวมความเป็นระดับโลกไว้มากมาย เช่น เป็นสวนพฤศาสตร์ที่มีการรวบรวมพันธุ์ไม้ไว้มากกว่า18,000 ชนิดและมีอยู่หลายชนิดที่มีมากที่สุดในโลก,เป็นสวนที่ติดหนึ่งในสิบสวนที่สวยที่สุดในโลก, มีไดโนเสาร์ขนาดเท่าตัวจริงมากกว่า 1,700 ตัว  มีการปรับปรุงตลอดเวลาเพื่อแสดงพันธุ์ไม้ใหม่ นับได้ว่ามาเที่ยวที่เดียวจบครบถ้วนโดยเปิดบริการทุกวัน ตั้งแต่ 08.00 น.- 18.00น.สอบถามรายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่  www.nongnoochpattaya.com

ตำรวจไซเบอร์บุกจับครูโรงเรียนอนุบาลลักลอบจำหน่ายท่อเก็บเสียงอาวุธปืน ผ่าน Shopee

(29 มี.ค.68) พล.ต.ท.ไตรรงค์ ผิวพรรณ ผู้บัญชาการตำรวจสืบสวนสอบสวนอาชญากรรมทางเทคโนโลยี (ผบช.สอท.) เปิดเผยว่า พล.ต.ต.ชัชปัณฑกาณฑ์ คล้ายคลึง ผบก.สอท.3 , พ.ต.อ.อภิรักษ์ จำปาศรี ผกก.1 บก.สอท.3 นำกำลังจับกุมครูโรงเรียนอนุบาลลักลอบจำหน่ายท่อเก็บเสียงอาวุธปืนผ่าน Shopee 

สืบเนื่องจาก เจ้าหน้าที่ตำรวจ กก.1 บก.สอท.3 นำโดย พ.ต.อ.อภิรักษ์ จำปาศรี ผกก.1 บก.สอท.3  สืบทราบว่ามีบัญชีพบว่ามีผู้ใช้แอพพลิเคชั่น Shopee ชื่อ “Goodluck Airrow” ซึ่งมีผู้ติดตามจำนวน 1.5 พันคน และมีการลงข้อมูลภาพนิ่งในการขายสินค้าประเภทอุปกรณ์ท่อเก็บเสียง (SILENCER) และอื่นๆ โดยในร้านค้าในแอปพลิเคชันดังกล่าวจะไม่ใช้ชื่อว่าเป็นอุปกรณ์ที่ใช้กับอาวุธปืนโดยตรง ชุดสืบสวนจึงได้ทดลองสั่งท่อเก็บเสียงอาวุธปืนโดยในแอปพลิเคชันใช้ชื่อสินค้า กรองน้ำมัน 35 มม.เกลียวข้อต่อ ผลปรากฎว่าร้านดังกล่าวมีการจัดส่งสินค้าท่อเก็บเสียงอาวุธปืนจริง เจ้าหน้าที่ชุดสืบสวนจึงได้ส่งพัสดุตรวจสอบกับกองสรรพาวุธ สำนักงานตำรวจแห่งชาติ และกองควบคุมยุทธภัณฑ์ กรมการอุตสาหกรรมทหาร กระทรวงกลาโหม ผลตรวจยันยืนยันว่าสินค้าดังกล่าวเป็นยุทธภัณฑ์ และไม่เคยได้รับใบอนุญาตจากปลัดกระทรวงกลาโหม ให้มีซึ่งยุทธภัณฑ์ท่อลดเสียงไว้ในครอบครองแต่อย่างใด

จากการสืบสวนพบว่า ร้าน GoodluckAirrow ได้จัดส่งพัสดุชิ้นดังกล่าวมาจากบริษัทขนส่งแห่งในจังหวัดกำแพงเพชร จัดส่งโดย นายสุรสิทธิ์ฯ อายุ 43 ปี เป็นครูโรงเรียนอนุบาลแห่งหนึ่งในจังหวัดนครสวรรค์ และยังพบว่านายสุรสิทธิ์ฯ มีช่อง YOUTUBE มีการลงคลิปวีดีโอเป็นคลิปการเรียนการสอน และเป็นการทดสอบยิงปืนอัดลมโดยใช้ท่อเก็บเสียง ซึ่งมีลักษณะคล้ายกับท่อเก็บเสียงที่เจ้าหน้าที่ตำรวจได้ทำการสั่งซื้อ ชุดสืบสวนจึงได้เดินทางไปตรวจสอบในพื้นที่ที่เชื่อว่าเป้าหมายพักอาศัยอยู่ในจังหวัดนครสวรรค์ โดยได้เข้าไปสังเกตการบริเวณโรงเรียนดังกล่าว พบรถจักรยานยนต์ซึ่งเป็นรถของนายสุรสิทธิ์ฯ จอดอยู่ เจ้าหน้าที่จึงได้ติดตามชายต้องสงสัยไปยังที่พักอาศัย ลักษณะที่พักอาศัยเป็นบ้านพักข้าราชการ พบรถผู้ต้องสงสัยทั้ง 2 คัน และเฝ้าสังเกตการณ์จนพบพฤติการณ์ที่เชื่อได้ว่าเป็นอันตรายต่อผู้อื่น คือการนำอุปกรณ์ลักษณะคล้ายอาวุธปืนขึ้นมาประทับเล็งบริเวณระเบียงหลังห้องพัก เจ้าหน้าที่ตำรวจจึงได้รวบรวมพยานหลักฐานเพื่อขออนุมัติศาลออกหมายจับนายสุรสิทธิ์ฯ ต่อมาศาลได้อนุมัติหมายจับ ศาลอาญาที่ 2114/2568 ลง 27 มีนาคม 2568 ได้ขอหมายค้น จำนวน 2 แห่งเพื่อพบนายสุรสิทธิ์ฯ และตรวจยึดสิ่งของที่เชื่อว่าใช้ในการกระทำความผิด

ต่อมา เช้าวันที่ 28 มีนาคม 2568 เจ้าหน้าที่ตำรวจได้นำหมายค้นศาลอาญาเข้าตรวจค้น อาคารที่พัก (แฟลต) ครู ที่จังหวัดนครสรรค์ พบนายสุรสิทธิ์ฯ ผู้ต้องหาตามหมายจับ และได้ตรวจยึดของกลางจำนวน 13 รายการ ดังนี้
1.อาวุธปืนยาวขนาด .22 ยี่ห้อ cz ไม่มีทะเบียน พร้อมเครื่องบังคับเสียงจำนวน1 กระบอก
2 เครื่องกระสุนปืนขนาด . 22 สองกล่องจำนวน 100 นัด
3. เครื่องกระสุนปืนขนาด . 22 จำนวน 5 นัดอยู่ในแม๊กกาซีน
4 อาวุธปืนอัดลมจำนวน 5 กระบอก
5 เครื่องกระสุนปืนอัดลมจำนวน 20 ตลับ ตลับละ 500 นัด รวม รวม10000 นัด
6 เครื่องปั๊มลูกปืนอัดลมจำนวน 1 เครื่อง
7. เครื่องกลึงเหล็ก ขนาดเล็กจำนวน 1 เครื่อง รุ่น RX-210E
8. ไอแพด 1 เครื่อง
9. โทรศัพท์มือถือ 1 เครื่อง
10. โน๊ตบุ๊ค 1 เครื่อง
11. สมุดบัญชีธนาคาร จำนวน 2 เล่ม ใช้ผูกกับ shoppee
12. แท่งอลูมิเนียม 
13 ปืน BB gun จำนวน  2 กระบอก

เบื้องต้นผู้ต้องหาให้การรับสารภาพว่า ได้เปิดร้านใน shoppee มาประมาณ 6 เดือน เริ่มเปิดร้านใน shoppee เมื่อ 12 ตุลาคม 2567 ขายไป 2449 ครั้ง ตำรวจไซเบอร์ กก.1 บก.สอท.3 ชุดจับกุมได้ควบุมตัว นายสุรสิทธิ์ฯ พร้อมสิ่งของตรวจยึด นำส่งพนักงานสอบสวน ดำเนินคดีตามกฎหมายต่อไป

ผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติสั่งการกำชับตำรวจทุกหน่วยทำงานอย่างเต็มที่ ช่วยเหลือประชาชนที่ได้รับผลกระทบจากเหตุแผ่นดินไหว เพิ่มกำลังสายตรวจดูแลสวนสาธารณะที่เปิดรองรับประชาชน

เมื่อวานนี้ (28 มี.ค.68) พล.ต.ท.อาชยน ไกรทอง โฆษกสำนักงานตำรวจแห่งชาติ เปิดเผยว่า จากกรณีเกิดเหตุอาคารก่อสร้างของสำนักงานการตรวจเงินแผ่นดิน (แห่งใหม่) ทรุดตัวถล่ม บริเวณถนนกำแพงเพชร 2 ตรงข้ามศูนย์การค้าเจเจมอลล์ แขวงและเขตจตุจักร กรุงเทพมหานคร ขณะเกิดเหตุแผ่นดินไหวนั้น เมื่อเวลา 17.30 น. พล.ต.อ.กิตติ์รัฐ พันธุ์เพ็ชร์ ผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ ได้เดินทางเข้าตรวจสอบที่เกิดเหตุ โดยมี พล.ต.ต.ธวัช วงศ์สง่า รองผู้บัญชาการตำรวจนครบาล , พล.ต.ต.ดำรงศักดิ์ สว่างงาม ผู้บังคับการตำรวจจราจร , พล.ต.ต.เจษฎา สวยสม ผู้บังคับการตำรวจนครบาล 2 , พ.ต.อ.สุพล ค้ำชู รองผู้บังคับการตำรวจนครบาล 2 และ พ.ต.อ.สนอง แสงมณี ผู้กำกับการ สถานีตำรวจนครบาลบางซื่อ ร่วมตรวจสอบ

ทั้งนี้ ผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติได้สั่งการให้กองบัญชาการตำรวจนครบาลสำรวจจุดเกิดเหตุทั้งหมด พร้อมกำหนดแผนปฏิบัติ มอบหมายผู้รับผิดชอบในการบริหารการจัดการในทุกมิติ และกำกับดูแลเจ้าหน้าที่ตำรวจผู้ปฏิบัติให้เป็นไปตามแผน ขั้นตอนในการป้องกันและบรรเทาสาธารณภัย รวมทั้งวางแผนบริหารจัดการและอำนวยการจราจรในที่เกิดเหตุและบริเวณใกล้เคียง ประชาสัมพันธ์เส้นทางการจราจรทางช่องทางต่าง ๆ ทุกช่องทางเพื่อให้ประชาชนได้รับทราบ ประสานงานและอำนวยความสะดวกนำส่งผู้ได้รับบาดเจ็บไปยังโรงพยาบาลที่ใกล้ที่สุด ให้โรงพยาบาลตำรวจจัดกำลังช่วยเหลือโรงพยาบาลในพื้นที่เพื่อช่วยเหลือดูแลเหลือผู้ป่วย และให้สำนักงานพิสูจน์หลักฐานตำรวจ จัดเตรียมชุดปฏิบัติการพร้อมปฎิบัติอยู่ที่ศูนย์ปฏิบัติการส่วนหน้า กองบัญชาการตำรวจนครบาล  เพื่อดำเนินการตามหน้าที่และสนับสนุนข้อมูลในการสอบสวนอย่างถูกต้อง กำหนดแผนการสอบสวน การชันสูตรพลิกศพในที่เกิดเหตุ การตรวจพิสูจน์ทางนิติเวช การตรวจอัตลักษณ์บุคคล พร้อมนำสุนัขตำรวจมาช่วยในการค้นหาผู้รอดชีวิตและสนับสนุนการปฏิบัติเมื่อได้รับการร้องขอทันที และให้จัดเจ้าหน้าที่ตำรวจประจำที่กองอำนวยการร่วมของกรมป้องกันและบรรเทาสาธารณภัย เพื่อประสานงานและการรับข้อมูลที่ชัดเจน ถูกต้อง

นอกจากนี้ ผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ เน้นย้ำให้ถือเป็นภารกิจที่มีความสำคัญ ขอให้ตำรวจทุกนายปฏิบัติหน้าที่และสนับสนุนช่วยเหลืออย่างเต็มกำลังความสามารถ และสั่งการให้กองบัญชาการตำรวจนครบาล , กองบัญชาการตำรวจสอบสวนกลาง และกองบัญชาการตำรวจท่องเที่ยว กำหนดแผนปฏิบัติและบูรณาการปฏิบัติในการจัดกำลังสายตรวจเพิ่มความเข้มในการดูแลความเรียบร้อย ความเป็นอยู่ และปลอดภัย บริเวณสวนสาธารณะที่กรุงเทพมหานครเปิดรองรับประชาชนที่ประสบภัย ตลอด 24 ชั่วโมง ได้แก่ สวนเบญจสิริ, สวนเบญจกิติ, สวนลุมพินี สวนจตุจักร และศูนย์กีฬาทุ่งครุ โดยประสานงานกับเขต กรุงเทพมหานคร ในการจัดไฟส่องสว่าง การอำนวยความสะดวกต่าง ๆ การบริการที่พี่น้องประชาชนที่ไปหลบภัย หรือยังหวั่นวิตกแล้วไม่กลับเข้าอาคาร คอนโด บ้านพัก เพื่อป้องกันการก่อเหตุอาชญากรรมซ้ำซ้อน อันเป็นการซ้ำเติมความเดือดร้อนของประชาชน

ผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติสั่งด่วนตำรวจทุกพื้นที่ออกตรวจตรา ช่วยเหลือ อพยพประชาชนหรือผู้ประสบภัยไปพื้นที่ปลอดภัย กรณีเกิดเหตุแผ่นดินไหวรับรู้ได้ทั่วประเทศ

(28 มี.ค.68) พล.ต.อ.กิตติ์รัฐ พันธุ์เพ็ชร์ ผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ สั่งการด่วนตำรวจทุกพื้นที่ ให้ดูแลช่วยเหลือพี่น้องประชาชน หลังจากเวลาประมาณ 13.30 น. เกิดแผ่นดินไหว จุดศูนย์กลางอยู่บริเวณประเทศเมียนมา ทางทิศตะวันตกเฉียงเหนือของ อ.ปางมะผ้า จ.แม่ฮ่องสอน สามารถรับความรู้สึกสั่นไหวบริเวณกรุงเทพมหานคร ปริมณฑล ภาคเหนือ ภาคตะวันออกเฉียงเหนือ ภาคกลาง และภาคใต้ โดยในกรุงเทพมหานคร เกิดเหตุอาคารทรุด มีผู้ประสบภัยจำนวนมาก

ผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติได้กำชับให้ตำรวจทุกพื้นที่ติดตามความเคลื่อนไหวและข่าวสารจากหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง และให้ออกตรวจตรา และให้ความช่วยเหลือ อพยพประชาชนออกนอกอาคารหรือตึกสูงไปยังพื้นที่ปลอดภัย กรณีที่พื้นที่ใดมีผลกระทบหรือมีเหตุตึกอาคารทรุดหรือไม่ปลอดภัย ให้เร่งเข้าช่วยเหลือผู้ประสบภัยและนำไปยังพื้นที่พยาบาลหรือพื้นที่ปลอดภัย พร้อมจัดเตรียมบริหารจัดการเหตุในพื้นที่ อำนวยความสะดวกด้านการจราจร เพื่อนำส่งการสนับสนุนด้านต่าง ๆ เน้นการติดต่อสื่อสารสั่งการในพื้นที่ พร้อมสั่งการให้โรงพยาบาลตำรวจจัดบุคลากรทางการแพทย์เตรียมรับมือกับสถานการณ์ฉุกเฉิน ที่จะต้องให้การสนับสนุนช่วยเหลือพี่น้องประชาชน

สงขลา-ประธานวุฒิสภา และกลุ่ม สว.สงขลา นำทีมพบประชาชนและองค์กรทุกภาคส่วน เปิดเวทีรับฟังปัญหา และความเดือดร้อน เพื่อนำไปแก้ไข และผลักดันให้เกิดการพัฒนาที่เป็นประโยชน์ต่อประชาชนและประเทศชาติ

เมื่อวานนี้ (27 มี.ค. 68) คณะกรรมการขับเคลื่อนโครงการสมาชิกวุฒิสภาพบประชาชน กลุ่มภาคใต้ (ตอนล่าง) นำโดย นายมงคล สุระสัจจะ ประธานวุฒิสภา และสมาชิกวุฒิสภา จ.สงขลา ประกอบด้วย นายกมล รอดคล้าย ประธานกรรมการ , นายไชยยงค์ มณีรุ่งสกุล รองประธานกรรมการ คนที่สาม , นายยะโก๊ป หีมละ , นายโสภณ มะโนมะยา และ นายพิบูลย์อัฑฒ์ หฤหรรษ์ปราการ กรรมการ เดินทางลงพื้นที่ จ.สงขลา เพื่อรับฟังทุกเสียงของพี่น้องประชาชน และองค์กรทุกภาคส่วนใน จ.สงขลา ในการสะท้อนปัญหาสู่การแก้ไขผ่านกลไกวุฒิสภา ระหว่างวันที่ 27-28 มี.ค. และมีการลงพื้นที่ทั้งใน อ.หาดใหญ่ และ อ.สะเดา จ.สงขลา

ซึ่งโครงการสมาชิกวุฒิสภาพบประชาชน กลุ่มภาคใต้ (ตอนล่าง) กิจกรรมแรกจัดขึ้นที่ห้องประชุม Blue Ocean อาคารบริหารธุรกิจ (HBS) มหาวิทยาลัยหาดใหญ่ อ.หาดใหญ่ จ.สงขลา โดยเป็นการเปิดเวทีรับฟังเสียงสะท้อนและความคิดเห็นจากปัญหาที่เกิดขึ้นใน จ.สงขลา ทั้งจากองค์กรต่างๆ ทั้งภาคธุรกิจ การค้า การท่องเที่ยวเที่ยว และเอกชน เช่น หอการค้าจังหวัดสงขลา สมาคมธุรกิจการท่องเที่ยวจังหวัดสงขลา และสภาอุตสาหกรรมจังหวัดสงขลา และประชาชนจากหลากหลายกลุ่มอาชีพ รวมกว่า 100 คน โดยทาง นายวิทยา จันทร์เสนะ รองผู้ว่าราชการจังหวัดสงขลา เดินทางเข้าร่วมกิจกรรมในครั้งนี้ด้วย

โดยช่วงแรกทาง นายมงคล สุระสัจจะ ประธานวุฒิสภา ได้กล่าวถึงที่มาที่ไปของสมาชิกวุฒิสภา รวมทั้งบทบาทหน้าที่ต่างๆ และยังกล่าวว่า การรับฟังเสียงของประชาชนก็เป็นอีกส่วนหนึ่งในการนำมาใช้เป็นข้อมูลในการปรับปรุงแก้ไขในประเด็นที่ขัดข้อง และช่วยผลักดัน เพื่อให้เกิดประโยชน์ต่อทั้งประชาชนและประเทศชาติในส่วนที่ฝ่ายนิติบัญญัติจะสามารถทำได้

จากนั้นทางสมาชิกวุฒิสภา จ.สงขลา ทั้ง 5 ท่าน ได้เปิดเวทีรับฟังความคิดเห็นจากทุภภาคส่วน ซึ่งกลุ่มแรกที่ออกมาสะท้อนปัญหาคือ กลุ่มของธุรกิจการท่องเที่ยวและโรงแรมใน อ.หาดใหญ่ ทั้งจาก นายกสมาคมโรงแรมหาดใหญ่-สงขลา ประธานหอการค้าจังหวัดสงขลา และกลุ่มอุตสาหกรรมการท่องเที่ยวต่างๆ ใน จ.สงขลา ที่ได้เสนอขอให้มีการทบทวนการจัดเก็บภาษีที่ดินและสิ่งปลูกสร้างฉบับล่าสุด

เนื่องจากมองว่า ประเทศเพิ่งผ่านพ้นจากช่วงโควิด 19 มาได้ไม่นาน อีกทั้งภาคการท่องเที่ยวก็กำลังอยู่ในช่วงกำลังฟื้นตัว การจัดเก็บภาษีที่ดินและสิ่งปลูกสร้างรูปแบบใหม่นั้น จะสร้างภาระให้กับผู้ประกอบการมากขึ้นไปอีก แทนที่จะเก็บในลักษณะของการประเมินจากรายได้แบบของกรมสรรพากร เช่น โรงแรมไหนมีลูกค้ามาก ก็สามารถจ่ายภาษีได้มาก แต่กลับกันการเก็บภาษีรูปแบบใหม่ที่ต้องเสียเท่ากันหมด หากโรงแรมในขนาดเดียวกัน ทำเลเดียวกัน โรงแรมที่มีลูกค้าน้อย และมีรายได้น้อย ก็จะต้องแบกรับภาระในการจ่ายภาษีที่หนักกว่า และจะโยงไปถึงการครอบครองที่ดินของบุคคลต่างๆด้วย ซึ่งหากเป็นที่ดินว่างเปล่า ก็จะพยายามหาอะไรมาปลูก มาทำ ไม่ให้เข้าข่ายการเป็นที่ดินที่ไม่ได้ใช้ประโยชน์ เป็นแค่ทำบังหน้าเลี่ยงข้อกฎหมาย อีกทั้งชาวบ้านทั่วไปที่ไม่ได้มีทุนทรัพย์มากมาย หรือได้ที่ดินสิ่งปลูกสร้างมาจากมรดกตกทอด ก็จะต้องจ่ายภาษีในอัตราที่สูงขึ้นไปอีก และเสี่ยงที่จะต้องขายที่ดินให้กับคนอื่นหรือนายทุน หากไม่สามารถจ่ายภาษีได้ไหว ซึ่งขัดกับเจตนารมณ์ของการจัดเก็บภาษีใหม่ทั้งในแง่ของการต้องการที่จะอนุรักษ์ป่าไม้และทรัพยากรธรรมชาติ รวมทั้งต้องการลดการครอบครองที่ดินของนายทุน

นอกจากนี้ทางกลุ่มธุรกิจการท่องเที่ยวและโรงแรมใน อ.หาดใหญ่ ยังได้เสนอให้มีการจัดระเบียบของโรงแรมที่และพักต่างๆ ทั้งหมด เนื่องจากตอนนี้มีทั้งที่อยู่ในระบบ และนอกระบบ โดยต้องการในพวกโรงแรมที่พักที่อยู่นอกระบบ ทั้งในรูปแบบของการเข้ามาเช่า และทำประโยชน์ของชาวต่างชาติ และบางส่วนที่ทำในลักษณะเป็นบ้านหรือที่พัก แล้วเปิดให้เข้าไปใช้บริการ เช่น พูลวิลล่า ก็ต้องตรวจสอบ และนำข้าระบบ เพื่อความเป็นธรรมกับผู้ประกอบธุรกิจเดียวกัน และการจัดเก็บภาษี

โดยนอกจากเรื่องธุรกิจ การค้า การท่องเที่ยว ที่เป็นรายได้หลักของ อ.หาดใหญ่ จ.สงขลา แล้ว ยังมีตัวแทนในการนำเสนอที่จะให้ทางรัฐบาลผลักดันโครงการนิคมอุตสาหกรรมจะนะ ซึ่งเป็นโครงการมูลค่ากว่า 1 แสนล้าน บนเนื้อที่กว่า 11,800 ไร่ ใน 4 ตำบล ของ อ.จะนะ และ อ.เทพา ซึ่งมีความพยามที่จะผลักดันให้เป็นอุตสาหกรรมที่จะสร้างรายได้ให้กับประเทศและคนในพื้นที่ และพื้นที่ดังกล่าวยังเคยเป็นจุดยุทธศาสตร์ที่มีความพยามยามในทำโครงการกระจายความเจริญสู่ภูมิภาคมาตั้งแต่ปี 2532 แล้วด้วย แต่ยังไม่สำเร็จ พร้อมกันนี้ได้มีการยื่นหนังสือให้ทางรัฐบาลและหน่วยงานที่เกี่ยวข้องช่วยกลักดันเรื่องนี้ด้วย โดยมอบผ่านทาง นายมงคล สุระสัจจะ ประธานวุฒิสภา

ขณะที่ทางภาคเกษตรกร โดยเฉพาะในพื้นที่ 4 อำเภอคาบสมุทรสทิงพระ คือ อ.สิงหนคร อ.สทิงพระ อ.กระแสสินธุ์ และ อ.ระโนด ได้เสนอแนะให้มีการพลิกโฉมการเกษตร โดยมองว่า หากปลูกพืชแล้วขายผลผลิตแบบเดิมเหมือนในอดีต อยากให้หน่วยงานที่เกี่ยวข้อง และเกษตรกรลองปรับเปลี่ยนวิธีคิด หารูปแบบวิธีการใหม่ๆ แปรรูปผลผลิต หรือหาช่องทางส่งออกที่มากขึ้น เพื่อให้มีรายได้ และมีความมั่นคงขึ้นมากกว่านี้

ซึ่งทางกลุ่ม สว.สงขลา ได้รับฟังปัญหา และข้อเสนอแนะต่างๆจากทุกภาคส่วนในครั้งนี้ และจะมีการนำเสนอไปยังหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง เพื่อให้ช่วยกันแก้ไข และผลักดันให้การการพัฒนาที่จะเป็นประโยชน์กับประชาชนและประเทศชาติต่อไป

ทั้งหลังเสร็จสิ้นการรับฟังความคิดเห็นจากประชาชน ทางคณะฯ ยังได้เดินทางไปยังด่านศุลการกรสะเดา และด่านศุลกากรปาดังเบซาร์ อ.สะเดา จ.สงขลา ซึ่งมีพรมแดนติดต่อกับประเทศมาเลเซีย เพื่อศึกษาการดำเนินงานของด่านศุลกากร รวมทั้งโครงการสำคัญของรัฐ และในวันพรุ่งนี้ (28 มี.ค.) ทางคณะฯ ยังมีกำหนดการพบปะกับกลุ่มผู้ประกอบการที่ห้องประชุมหอการค้าจังหวัดสงขลา และพบปะกับพ่อค้าแม่ค้าและประชาชนในย่านตลาดกิมหยง เมืองหาดใหญ่ เพื่อติดตามสภาพเศรษฐกิจในปัจจุบันด้วย
 

ผู้บัญชาการตำรวจภูธรภาค 1 พร้อมด้วยประธานชมรมแม่บ้านตำรวจภูธรภาค 1 เยี่ยมให้กำลังใจตำรวจ สภ.ประตูน้ำจุฬาลงกรณ์ ที่ถูกรถจักรยานยนต์พุ่งชนขณะตั้งด่านตรวจ และตำรวจ สภ.พรหมบุรี ที่เกิดอาการอ่อนแรงและวูบหมดสติหลังถูกผู้ไลฟ์เฟซบุ๊กกดดัน

เมื่อวานนี้ (27 มี.ค.68) เวลา 13.30 น. พล.ต.ท.สุรพล เปรมบุตร ผู้บัญชาการตำรวจภูธรภาค 1 พร้อมด้วย คุณณัฐวดี เอี่ยมวงศ์ ประธานชมรมแม่บ้านตำรวจภูธรภาค 1 และคณะ เดินทางไปยังโรงพยาบาลตำรวจ เพื่อเยี่ยม สร้างขวัญและกำลังใจแก่ข้าราชการตำรวจในสังกัดตำรวจภูธรภาค 1  ซึ่งได้รับบาดเจ็บจากการปฏิบัติหน้าที่ โดยได้มอบกระเช้าดอกไม้และเงินช่วยเหลือให้แก่ข้าราชการตำรวจ จำนวน 2 นาย พร้อมให้กำลังใจ ขอบคุณในการปฏิบัติหน้าที่ และขอให้อาการดีขึ้นโดยเร็ว

1. ด.ต.ทวีศักดิ์ ศรีเมือง ผบ.หมู่ สภ.ประตูน้ำจุฬาลงกรณ์ ภ.จว.ปทุมธานี 
เมื่อวันที่ 25 กุมภาพันธ์ 2568 ขณะปฏิบัติหน้าที่ตั้งจุดสกัดชั่วคราวบริเวณถนนกลางซอยรังสิต-นครนายก 30 จ.ปทุมธานี ได้มีผู้ขับขี่รถจักรยานยนต์เข้ามายังจุดสกัดด้วยความเร็ว และพุ่งชน ด.ต.ทวีศักดิ์ ศรีเมือง บริเวณจุดสกัดดังกล่าว ทำให้ได้รับบาดเจ็บที่ขาขวา (กระดูกเข่าขวาแตก) และมีแผลที่ฝ่ามือขวา จึงได้ส่งตัวเข้ารับการรักษาที่โรงพยาบาลตำรวจ ล่าสุดอาการโดยทั่วไปดีขึ้น อยู่ระหว่างรอผ่าตัดกระดูกเข่าขวา

2. ด.ต.ศุภมิตร พวงประเสริฐ ผบ.หมู่ (จร.) สภ.พรหมบุรี ภ.จว.สิงห์บุรี
เมื่อวันที่ 19 มีนาคม 2568 ขณะเจ้าหน้าที่ตำรวจกำลังปฏิบัติหน้าที่ตั้งกล้องจับความเร็วบริเวณถนนสายเอเชีย ต.บางน้ำเชี่ยว อ.พรหมบุรี จ.สิงห์บุรี เกิดอาการเกร็ง แขนขาอ่อนแรง และวูบหมดสติ ได้ส่งตัวเข้ารับการรักษาต่อที่โรงพยาบาลตำรวจ ซึ่งอาการโดยทั่วไปดีขึ้น ขณะนี้ทำกายภาพอย่างต่อเนื่องและสามารถพูดโต้ตอบสื่อสารได้

ทั้งนี้ การเยี่ยมข้าราชการตำรวจที่ได้รับบาดเจ็บจากการปฏิบัติหน้าที่ เป็นหนึ่งในนโยบายที่ พล.ต.อ.กิตติ์รัฐ พันธุ์เพ็ชร์ ผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ มอบหมายให้ผู้บังคับบัญชาทุกระดับดูแลผู้ใต้บังคับบัญชาอย่างใกล้ชิด เพื่อสร้างขวัญกำลังใจในการปฏิบัติหน้าที่ และทางด้านสมาคมแม่บ้านตำรวจ คุณกนกวรรณ พันธุ์เพ็ชร์ นายกสมาคมแม่บ้านตำรวจ ได้มีนโยบายในการสนับสนุนภารกิจของสำนักงานตำรวจแห่งชาติ พัฒนาและส่งเสริมคุณภาพชีวิตของครอบครัวตำรวจ โดยได้จัดทำโครงการหลายโครงการที่มุ่งเน้นช่วยเหลือข้าราชการตำรวจและครอบครัว เช่น โครงการ “ครอบครัวตำรวจ เราไม่ทิ้งกัน” ที่จะดูแลช่วยเหลือ บำรุงขวัญกำลังใจข้าราชการตำรวจที่ได้รับบาดเจ็บ หรือทุพพลภาพ จากการปฏิบัติหน้าที่ โดยมอบหมายให้ผู้แทนสมาคมแม่บ้านตำรวจลงพื้นที่เยี่ยมบำรุงขวัญอย่างต่อเนื่อง เพื่อให้กำลังใจและแสดงความขอบคุณที่ข้าราชการตำรวจได้ปฏิบัติหน้าที่อย่างเต็มกำลัง ในการบำบัดทุกข์บำรุงสุขให้พี่น้องประชาชน

สืบ ตม. และ ตม.ภูเก็ต รวบหนุ่มฝรั่งเศส แก๊งองค์กรอาชญากรรมข้ามชาติ ชิงนักโทษ ฆ่าผู้คุม

ตามนโยบายสำนักงานตำรวจแห่งชาติ โดย พล.ต.อ.กิตติ์รัฐ พันธุ์เพ็ชร์ ผบ.ตร., พล.ต.อ.ไกรบุญ ทรวดทรง รอง ผบ.ตร., พล.ต.อ.ธนา ชูวงศ์ รอง ผบ.ตร./ผอ.ศูนย์ปราบปรามคนร้ายข้ามชาติและเข้าเมืองโดยผิดกฎหมาย สำนักงานตำรวจแห่งชาติ, พล.ต.อ.ธัชชัย ปิตะนีละบุตร จตช./ผอ.ศูนย์ปราบปรามอาชญากรรมทางเทคโนโลยีสารสนเทศ สำนักงานตำรวจแห่งชาติ, พล.ต.ท.อิทธิพล อิทธิสารรณชัย ผู้ช่วย ผบ.ตร. ได้สั่งการให้ สตม. สกัดกั้น ตรวจสอบ ระดมจับกุมคนต่างด้าวที่เข้ามาประกอบธุรกิจผิดกฎหมายในประเทศไทย รวมทั้งให้ดำเนินการตรวจสอบ ชาวไทยและชาวต่างชาติที่มีพฤติกรรมไม่เหมาะสมในขณะที่พำนักอาศัยอยู่ในประเทศไทย กระทำผิดกฎหมาย ก่อเหตุอันตรายต่อความสงบสุขและความปลอดภัยในชีวิตและทรัพย์สินของประชาชน ทำให้เกิดความเสียหายต่อภาพลักษณ์ของประเทศ หรือกลุ่มคนร้ายข้ามชาติที่เข้ามาแฝงตัวอยู่ก่อเหตุ 

หรือโดยใช้ประเทศไทยเป็นฐานในการกระทำความผิด ภายใต้การอำนวยการของ พล.ต.ท.ภาณุมาศ บุญญลักษม์ ผบช.สตม., พล.ต.ต.พันธนะ นุชนารถ รอง ผบช.สตม., พล.ต.ต.ภานพ วรธนัชชากุล ผบก.สส.สตม., พ.ต.อ.รัฐโชติ โชติคุณ รอง ผบก.สส.สตม., พ.ต.อ.แดนไพร แก้วเวหล, พ.ต.อ.สุรศักดิ์ สุรินทร์แก้ว, พ.ต.อ.เฉลิมชนม์ แหลมทอง รอง ผบก.สส.สตม., พ.ต.อ.พิสิษฐ์ ศรีอ่อน ผกก.2 บก.สส.สตม., พ.ต.อ.ชย พานะกิจ ผกก.(สอบสวน) หน.กลุ่มงานสอบสวน บก.สส.สตม. ร่วมแถลงข่าวการจับกุมผู้ต้องหารายสำคัญ ดังนี้   

สืบ ตม. และ ตม.ภูเก็ต รวบหนุ่มฝรั่งเศส แก๊งองค์กรอาชญากรรมข้ามชาติ ชิงนักโทษ ฆ่าผู้คุม

ตามที่สำนักงานตำรวจแห่งชาติ ได้กำชับให้ตรวจสอบพฤติกรรมกลุ่มคนต่างด้าวที่มีพฤติกรรมขัดต่อความสงบเรียบร้อยของสังคม ตลอดจนมีลักษณะที่กระทบต่อภาพลักษณ์และความมั่นคงของประเทศ บก.สส.สตม. เนื่องด้วย นายอาโดนิส (Adonis)(นามสมมติ) บุคคลตามหมายจับฝรั่งเศสและหมายแดงตำรวจสากล ข้อหาหลายข้อหาที่สำคัญคือร่วมองค์กรอาญากรรมเพื่อก่อเหตุอาชญากรรมร้ายแรงในการมีส่วนร่วมในการชิงนักโทษในเรือนจำที่ชื่อ Mohamed (นามสมมติ) เมื่อวันที่ 14 พฤษภาคม 2567 ซึ่งเป็นเหตุให้เจ้าหน้าที่เรือนจำเสียชีวิตและได้รับบาดเจ็บสาหัสฝ่ายกิจการตำรวจและความมั่นคง สอท.ฝรั่งเศสประจำประเทศไทย ประสานสำนักงานตำรวจแห่งชาติดำเนินการค้นหา จับกุม และเพิกถอนการอนุญาต ส่งตัวกลับไปดำเนินคดีที่ประเทศฝรั่งเศส

พฤติการณ์การกระทำผิดกล่าวคือ นาย Mohamed (นามสมมติ) เป็นผู้ต้องหายาเสพติดคนสำคัญ ระหว่างการ ส่งตัวจากศาลไปที่เรือนจำ มีกลุ่มคนพกอาวุธสงครามจำนวน 6 คน มี 3 คนที่พกอาวุธบุกเข้าไปปล้นตัวนักโทษ และเป็นเหตุให้ผู้คุมเสียชีวิต 2 คนและบาดเจ็บ 3 คน เหตุเกิดวันที่ 14 พฤษภาคม 2567 

หลังจากเหตุการณ์นี้ตำรวจจำนวน 120 นาย ทำคดีนี้ และเป็นคดีอาชญากรรมข้ามชาติของฝรั่งเศสที่สำคัญ เพราะผู้ต้องหาและผู้สมรู้ร่วมคิดบางส่วน รวมถึงตัวนักโทษหนีไปที่โรมาเนีย ตำรวจฝรั่งเศสได้จับผู้ต้องหา Mohamed (นามสมมติ) ถูกจับวันที่ 22 กุมภาพันธ์ 2568 ที่โรมาเนีย ส่วนผู้ต้องหารายอื่น ๆ ถูกจับแล้ว ทั้งนี้ ADONIS (นามสมมติ) ได้เดินทางมาที่ไทยในช่วงเวลาก่อนฝรั่งเศส ออกหมายจับ และก่อนที่ตำรวจสากลจะออกหมายแดง บก.สส.สตม. ได้ตรวจสอบข้อมูลจากฐานข้อมูลสำนักงานตรวจคนเข้าเมือง นายอาโดนิส (นามสมมติ) อายุ 24 ปี สัญชาติฝรั่งเศส เดินทางเข้ามาในราชอาณาจักรไทยครั้งล่าสุด ทางด่าน ตม.ทอ.ภูเก็ต เมื่อวันที่ 8 กุมภาพันธ์ 2568 โดยสารมากับเที่ยวบิน WK50 ประเภทการได้รับอนุญาตให้อยู่ในราชอาณาจักร อนุญาตให้อยู่ในราชอาณาจักรถึงวันที่ 8 เมษายน 2568 บก.สส.สตม. ร่วมกับ ตม.จว.ภูเก็ต สืบสวนพบว่า MR.ADONIS (นามสมมติ) หลบซ่อนตัวที่พื้นที่ ต.กมลา และ ต.ป่าตอง อ.กะทู้ จว.ภูเก็ต จึงได้ลงพื้นที่ติดตามตัว จนกระทั่งวันที่ 26 มีนาคม 2568 สามารถจับกุมตัวได้ จึงควบคุมตัวไว้ที่ กก.3 บก.สส.สตม. เพื่อดำเนินการตามกฎหมายต่อไป

สตม. ขอเรียนให้ท่านทราบว่า สตม. มีมาตรการในการตรวจสอบ กวดขัน และปราบปรามการกระทำความผิดในด้านต่าง ๆ รวมถึงการเฝ้าระวังบุคคลทั้งสัญชาติไทยและสัญชาติอื่น ๆ ที่มีหมายจับ และการเดินทางเข้า-ออกประเทศไทย หากประชาชนท่านใดพบเห็นเบาะแสการกระทำความผิด กรุณาแจ้งมายัง สำนักงานตรวจคนเข้าเมือง อาคารเฉลิมพระเกียรติสมเด็จพระบรมโอรสาธิราชฯ สยามมกุฎราชกุมาร พระชนมพรรษา 60 พรรษา เลขที่ 904 หมู่ที่ 6 ต.บ้านใหม่  อ.ปากเกร็ด จว.นนทบุรี 11120 หรือติดต่อตรวจคนเข้าเมืองจังหวัดในพื้นที่ หรือที่ www.immigration.go.th จักขอบพระคุณเป็นอย่างยิ่ง

สมุทรปราการ-อำนวย บุญริ้ว นายกเทศมนตรีฯ มอบวุฒิบัตรบัณฑิตน้อยทราสำเร็จการศึกษา เผย!! เตรียมขยายพื้นที่การศึกษาแก่เด็กปฐมวัย

ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ณ ห้องประชุมกองการศึกษา ชั้น 2 เทศบาลเมืองแพรกษาใหม่ ต.แพรกษาใหม่ อ.เมือง สมุทรปราการ โดยโรงเรียนอนุบาลเทศบาลเมืองแพรกษาใหม่ ได้มีการจัดพิธีมอบวุฒิบัตรแก่บัณฑิตน้อยที่สำเร็จการศึกษา ระดับชั้นอนุบาล ปีการศึกษา 2567 ซึ่งมีนักเรียนทั้งหมดจำนวน 222 คน และมีนักเรียนที่สำเร็จการศึกษาในระดับชั้นอนุบาลปีที่ 3 จำนวน 73 คน

โดยได้รับเกียรติจากนายอำนวย บุญริ้ว นายกเทศมนตรีเมืองแพรกษาใหม่ ให้เกียรติเป็นประธาน ในพิธีมอบวุฒิบัตรบัณฑิตน้อย ประจำปีการศึกษา 2567 โดยมีคณะผู้บริหาร คณะกรรมการสถานศึกษาขั้นพื้นฐาน คณะครู บุคลากรทางการศึกษาตลอดจนผู้ปกครองเข้าร่วมในพิธีครั้งนี้

โดยทางด้าน นายอำนวย บุญริ้ว นายกเทศมนตรีเมืองแพรกษาใหม่ กล่าวว่า เทศบาลเมืองแพรกษาใหม่ตระหนักและเล็งเห็นถึงความสำคัญของการพัฒนาเด็กประถมวัย โดยเน้นการมีส่วนร่วมจากทุกภาคส่วนจึงได้จัดตั้งโรงเรียนอนุบาลเทศบาลเมืองแพรกษาใหม่ขึ้น เพื่อพัฒนาเด็กประถมวัยให้มีความพร้อมทั้งด้านร่างกาย อารมณ์ จิตใจ และสติปัญญาเสริมสร้างเด็กประถมวัยให้มีพัฒนาการอย่างสมดุลเป็นคนเก่ง คนดี มีความเจริญเติบโตเป็นพลเมืองที่ดี นอกจากนี้ยังเป็นการเตรียมความพร้อมให้กับเด็กที่เข้ารับการศึกษาต่อในระดับขั้นที่สูงขึ้นต่อไป

อย่างไรก็ตาม เทศบาลเมืองแพรกษาใหม่ได้ส่งเสริมและสนับสนุนด้านการศึกษามาโดยตลอด และพัฒนาศักยภาพของเด็กประถมวัยมีการอบรมเลี้ยงดูส่งเสริมกระบวนการเรียนรู้ที่สนองต่อธรรมชาติและพัฒนาการของเด็กแต่ละบุคคลตามศักยภาพ ทั้งนี้ ต้องขอแสดงความชื่นชมและยินดีกับบัณฑิตน้อยทุกคนที่สำเร็จการศึกษาในระดับประถมวัย ขอให้เด็กทุกคนเป็นลูกที่ดีของผู้ปกครองและเติบโตเป็นพลเมืองดีของสังคมต่อไป

‘เครือข่ายภาคสังคม 100 องค์กร’คัดค้านมติคณะรัฐมนตรีต่อร่าง พ.ร.บ.การประกอบธุรกิจสถานบันเทิงครบวงจร 

‘เครือข่ายภาคสังคม 100 องค์กร’ร่วมคัดค้านแถลงการณ์คัดค้านมติคณะรัฐมนตรีต่อร่างพ.ร.บ.การประกอบธุรกิจสถานบันเทิงครบวงจร

นายธนากร คมกฤส เลขาธิการมูลนิธิรณรงค์หยุดพนัน ในฐานะ แกนนำ 100 องค์กรร่วมคัดค้านมติคณะรัฐมนตรีต่อร่าง พ.ร.บ.การประกอบธุรกิจสถานบันเทิงครบวงจร ออกแถลงการณ์คัดค้านมติดังกล่าว ว่า ตามที่ที่ประชุมคณะรัฐมนตรีวันที่ 27 มีนาคม 2568 มีมติเห็นชอบในหลักการร่าง พ.ร.บ.การประกอบธุรกิจสถานบันเทิงครบวงจร พ.ศ…. ทันทีหลังการอภิปรายไม่ไว้วางใจนายกรัฐมนตรีผ่านไปเพียงหนึ่งวัน โดยไม่สนใจใยดีต่อข้อคัดค้านของสมาชิกสภาผู้แทนราษฎร  เสียงติติงของนักวิชาการ  รวมถึงเสียงทัดทานของประชาชนจากหลากหลายพื้นที่และหลายภาคส่วน ทั้งที่ก่อนหน้านี้นายกรัฐมนตรีเคยพูดว่า “เรื่องนี้ต้องพิจารณาอย่างรอบคอบ” ตามที่ที่ประชุมคณะรัฐมนตรีวันที่ 27 มีนาคม 2568 มีมติเห็นชอบในหลักการร่าง พ.ร.บ.การประกอบธุรกิจสถานบันเทิงครบวงจร พ.ศ…. ทันทีหลังการอภิปรายไม่ไว้วางใจนายกรัฐมนตรีผ่านไปเพียงหนึ่งวัน โดยไม่สนใจใยดีต่อข้อคัดค้านของสมาชิกสภาผู้แทนราษฎร เสียงติติงของนักวิชาการ รวมถึงเสียงทัดทานของประชาชนจากหลากหลายพื้นที่และหลายภาคส่วน ทั้งที่ก่อนหน้านี้นายกรัฐมนตรีเคยพูดว่า “เรื่องนี้ต้องพิจารณาอย่างรอบคอบ”  

การพูดจาหลักลอยดั่งไม้หลักปักขี้เลนของนายกรัฐมนตรี  บวกกับอาการรีบร้อนเร่งรัดอย่างผิดสังเกตของรัฐบาล ที่พยายามจะผลักดันกฎหมายนี้ให้เข้าสู่การพิจารณาของสภาผู้แทนราษฎรก่อนปิดสมัยประชุมวันที่ 11 เมษายนนี้ ทั้งที่ยังมีความหละหลวมในหลายเรื่องที่สำคัญ อาทิ

1. การเปิดกว้างให้มีกาสิโนที่ซุกอยู่ภายใต้เอ็นเตอร์เทนเมนต์คอมเพล็กซ์แบบไม่จำกัดจำนวนว่ารัฐบาลมีแนวคิดจะให้เปิดได้กี่แห่ง ขนาดที่ชัดเจนของกิจการต่าง ๆ ในสถานบันเทิงครบวงจรจะต้องมีเนื้อที่ไม่น้อยกว่าเท่าใด  และพื้นที่ตั้งสถานบันเทิงครบวงจรควรจะมีคุณลักษณะเช่นใด  รวมถึงความไม่ชัดเจนในกลุ่มเป้าหมายว่า การเปิดกาสิโนจะมีเป้าหมายที่ลูกค้ากลุ่มใด นักท่องเที่ยวต่างชาติหรือคนไทย  
2. การมอบอำนาจแบบ “ตีเช็คเปล่า” ให้คณะกรรมการนโยบายและคณะรัฐมนตรี มีอำนาจมากมาย ทั้งการกำหนดจำนวนใบอนุญาตฯ กำหนดพื้นที่ตั้ง กำหนดหลักเกณฑ์การพิจารณาลงทุน กำหนดสัดส่วนพื้นที่ของกาสิโน กำหนดหลักเกณฑ์เพื่อควบคุมการป้องกันการฟอกเงิน เสนอแนะอัตราการเก็บภาษีต่อคณะรัฐมนตรี  กำหนดอัตราค่าใบอนุญาตและค่าธรรมเนียมการเข้ากาสิโนของคนในประเทศ  รวมทั้งมีอำนาจในการยกเลิกกฎหมายหรือกฎระเบียบใด ๆ ที่เป็นอุปสรรคขัดขวางต่อการดำเนินการสถานบันเทิงครบวงจร รวมถึงเปิดช่องให้มีการนำรายได้จากค่าธรรมเนียมใบอนุญาตซึ่งเป็นเงินจำนวนมหาศาลไปใช้เพื่อประโยชน์ทางการเมือง   ด้วยการกำหนดกลไกที่ไร้การถ่วงดุลและตรวจสอบความรับผิดรับชอบ  อันอาจจะนำมาซึ่งการทุจริตเชิงนโยบาย  

3. การให้สิทธิพิเศษแก่ผู้ลงทุน โดยการยกเว้นการบังคับใช้กฎหมายอื่นหลายฉบับ ทั้งพ.ร.บ.การประกอบธุรกิจของคนต่างด้าว พ.ร.บ.บริษัทมหาชน เพื่ออำนวยความสะดวกแก่นักลงทุนต่างชาติ  การเปิดช่องให้สามารถเช่าที่ดินได้เป็นระยะเวลานานทีละ 30 ปีไปได้เรื่อย ๆ  การยกเว้นพ.ร.บ.การพนันเพื่ออนุญาตให้จัดเล่นพนันที่ต้องห้ามได้ รวมทั้งยกเว้นประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์เพื่อให้หนี้ที่เกิดจากการพนันในกาสิโนเป็นหนี้ที่บังคับใช้ได้ตามกฎหมาย การยกเว้นคำสั่งหัวหน้าคสช.ที่ ๒๒/๒๕๕๘ เพื่อให้ขายเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ได้ 24 ชั่วโมงการควบคุมสถานบริการ ด้วยแนวคิดการออก super license แบบอนุญาตครั้งเดียวเบิกทางให้ทำได้ทุกเรื่อง
4. การละเลยความเป็นจริงของการทุจริตคอรัปชั่นในหมู่นักการเมืองและข้าราชการไทย  และการไม่ตระหนักในความล้มเหลวขององค์กรที่ทำหน้าที่ในการกำกับดูแลต่าง ๆ  เช่น กกต. หรือกสทช. ฯลฯ   เมื่อมาบวกกับบทบัญญัติทางกฎหมายที่คลุมเครือ จึงไม่อาจเชื่อมั่นได้มากพอต่อมาตรการป้องกันการฟอกเงิน ที่เชื่อมโยงกับขบวนการธุรกิจผิดกฎหมาย การฉ้อโกง และการทุจริตคอรัปชั่น  

5. การไม่ให้ความสำคัญต่อการรับฟังความเห็นของประชาชน การไม่ใส่ใจใยดีต่อการทำประชามติแม้ในระดับพื้นที่ที่จะมีการตั้งสถานบันเทิงครบวงจร การไม่มีส่วนร่วมและไม่ได้รับประโยชน์ขององค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น รวมทั้งการไม่ให้ความสำคัญที่มากพอต่อการป้องกันแก้ไข และเยียวยาผลกระทบอันอาจเกิดขึ้นจากการประกอบธุรกิจสถานบันเทิงครบวงจร ความหละหลวมทั้งปวงนี้ รัฐบาลเจตนาผลักความรับผิดชอบไปให้แก่กระบวนการตัดสินใจในสภาผู้แทนราษฎร และเปิดโอกาสให้เกิดการต่อรองของตัวแทนผู้ได้เสียผลประโยชน์ในชั้นกรรมาธิการ ทั้งหมดนี้เป็นเหตุผลที่นำมาสู่ความรู้สึกไม่เชื่อมั่นของประชาชนต่อผลได้ผลเสียที่จะเกิดตามมา และความไม่ไว้วางใจต่อความไม่โปร่งใสของกลไกการตัดสินใจ อันอาจจะนำมาซึ่งการอำนวยผลประโยชน์ต่อกลุ่มทุน และการทุจริตรับสินบนของผู้ที่เกี่ยวข้อง  
เครือข่ายภาคประชาสังคม100 องค์กร อันประกอบด้วยองค์กรศาสนา องค์กรชุมชน  องค์กรเด็กเยาวชนและครอบครัว องค์กรอาสาสมัคร องค์กรการศึกษา และอื่น ๆ ตามรายนามแนบท้ายนี้ ขอแสดงจุดยืนต่อเรื่องนี้ ดังต่อไปนี้

1. ขอประณามการตัดสินใจของคณะรัฐมนตรีต่อการผลักดันนโยบายที่เอาแต่ได้นี้  โดยการพยายามสร้างประเด็นลวงด้วยตัวเลข 10% ว่ากาสิโนจะเป็นส่วนน้อยทั้งที่เป็นเป้าหมายใหญ่  บวกกับการโกหกคำโตว่าจะมีคอนเสิร์ตฮอลล์และสเตเดียมขนาดใหญ่ ทั้งที่ในร่างกฎหมายนี้ไม่ได้กำหนดให้ต้องทำ ดึงดันที่จะเดินหน้าผลักดันสิ่งนี้ทั้งที่รู้ว่าจะเป็นเหตุจุดชนวนความขัดแย้งให้เกิดขึ้นในสังคม
2. ขอเรียกร้องให้พรรคการเมืองทุกพรรคแสดงความกล้าหาญ โดยการประกาศจุดยืนที่ชัดเจนของพรรคต่อร่างพ.ร.บ.ฉบับนี้ และกล้าประกาศรับผิดรับชอบต่อผลที่จะเกิดตามมาจากการมีส่วนร่วมในกระบวนการพิจารณากฎหมายนี้  ซึ่งถือเป็นการสมรู้ร่วมคิดในการกำหนดนโยบายที่ส่งผลเสียต่อสังคมในระยะยาว  ทั้งนี้เพื่อให้ประชาชนได้จดจำว่าพรรคการเมืองใดบ้างที่ได้ร่วมกันผลักดันเรื่องนี้ ทั้งที่ไม่ใช่นโยบายหาเสียงไว้กับประชาชน  เพื่อนำไปประกอบการตัดสินใจในการเลือกตั้งครั้งหน้า
3. ขอเสนอให้วุฒิสภานำพาวุฒิภาวะสู่สังคม โดยการเป็นเจ้าภาพในการจัดกระบวนการรับฟังความเห็นของประชาชนทุกภาคส่วน รวมถึงองค์กรท้องถิ่นต่าง ๆ อย่างเพียงพอและทั่วถึง สร้างการมีส่วนร่วมของประชาชนอย่างแท้จริง  และนำมาสู่การตัดสินใจกำหนดนโยบายอย่างรอบคอบ
เครือข่ายภาคประชาสังคม 100 องค์กรขอประกาศว่า จะดำเนินการทุกวิถีทางตามสิทธิทางกฎหมายที่จะคัดค้านการเดินหน้าของร่างพ.ร.บ.ฉบับนี้  และพร้อมจะร่วมแสวงหาหนทางที่สร้างสรรค์ในการสร้างความสุข ความเจริญให้เกิดขึ้นในสังคม

รายนาม 100 องค์กรร่วมคัดค้าน
1. มูลนิธิรณรงค์หยุดพนัน
2. เครือข่ายเด็กรุ่นใหม่ไม่พนัน
3. มูลนิธิหญิงชายก้าวไกล
4. มูลนิธิสุขภาพไทย
5. มูลนิธิสื่อเพื่อสุขภาวะ
6. มูลนิธิเพื่อการพัฒนาเด็ก
7. มูลนิธิชีววิถี
8. มูลนิธิเด็กเยาวชนและครอบครัว
9. สำนักงานเครือข่ายองค์กรงดเหล้า
10. สถาบันส่งเสริมบทบาทพ่อแม่เพื่อสังคม
11. ขบวนการสร้างเสริมสุขภาพประชาชน (ขสช.)
12. เครือข่ายสร้างเสริมสุขภาพเยาวชน (ขสย.)
13. เครือข่ายพ่อแม่ผู้ปกครองในสถานศึกษา
14. เครือข่ายละครเฉพาะกิจเธียเตอร์
15. เครือข่างองค์กรงดเหล้า 4 ภูมิภาค
16. เครือข่ายพัฒนาคุณภาพชีวิต
17. เครือข่ายเยาวชนลดปัจจัยเสี่ยง
18. เครือข่ายนักกฎหมายเพื่อสังคม
19. เครือข่ายรณรงค์ป้องกันภัยแอลกอฮอล์
20. เครือข่ายสื่อมวลชนขับเคลื่อนสุขภาวะเพื่อสังคมไทยยั่งยืน (สสสย.)

21. เครือข่าย Youth Club เด็กมีภูมิ
22. เครือข่ายนักสื่อสารรุ่นใหม่
23. เครือข่ายภาคประชาชนและภาคประชาสังคมตะวันออก
24. สมาคมเพื่อนเยาวชนและพัฒนาสังคมภาคใต้ตอนบน
25. เครือข่ายเยาวชน South Youth Ranger
26. สถาบันพัฒนาเยาวชนสืบสานภูมิปัญญา (องค์กรสาธารณประโยชน์) จ.อุบลราชธานี
27. มูลนิธิพัฒนาอีสาน
28. กลุ่มเด็กและเยาวชนหนองเม็ก (องค์กรสาธารณประโยชน์)
29. สวนนิเวศเกษตรศิลป์ จ.สุรินทร์
30. ศูนย์การเรียนรู้ชุมชนคนหนุ่มสาว จ.สกลนคร
31. เครือข่ายเยาวชนฮักบ้านเกิด
32. เครือข่ายนักศึกษาสร้างเสริมสุขภาพ
33. กลุ่มเยาวชนอาสาสมัครพาน้องเล่น
34. เครือข่ายเยาวชนพัฒนาเมืองสกลนคร
35. ศูนย์เพื่อผู้บริโภคจังหวัดสุพรรณบุรี
36. องค์การนักศึกษามหาวิทยาลัยรามคำแหง
37. เครือข่ายนักกฎหมายเพื่อเด็กและเยาวชน
38. กลุ่มไม้ชีดไฟ จังหวัดนครราชสีมา
39. สำนักกิ่งก้านใบ จังหวัดอุตรดิตถ์
40. กลุ่มเรียนรู้บางเพลย์ จังหวัดชลบุรี

41. เครือข่ายรณรงค์หยุดพนัน กรุงเทพมหานคร
42. เครือข่ายรณรงค์หยุดพนัน จังหวัดลำปาง
43. เครือข่ายรณรงค์หยุดพนัน จังหวัดกาฬสินธุ์
44. เครือข่ายรณรงค์หยุดพนัน จังหวัดพัทลุง
45. เครือข่ายรณรงค์หยุดพนัน จังหวัดพะเยา
46. เครือข่ายรณรงค์หยุดพนัน จังหวัดน่าน
47. เครือข่ายรณรงค์หยุดพนัน จังหวัดสุรินทร์
48. เครือข่ายรณรงค์หยุดพนัน จังหวัดอุบลราชธานี
49. เครือข่ายรณรงค์หยุดพนัน จังหวัดสระบุรี
50. เครือข่ายรณรงค์หยุดพนัน จังหวัดเลย
51. สมาพันธ์คณะกรรมการอิสลามประจำจังหวัด 15 จังหวัดภาคใต้
52. เครือข่ายคัดค้านกฎหมายและระเบียบปฏิบัติที่ขัดกับศีลธรรม
53. สมาคมสมาพันธ์โรงเรียนเอกชนภาคใต้
54. สมาคมเพื่อสันติภาพภาคประชาชน (APP)
55. เครือข่ายสร้างเสริมสุขภาพเยาวชน (ขสย.) ภาคใต้
56. เครือข่ายเพื่อนรักต่างศาสนา
57. สมาคมเครือข่ายโรงเรียนคุณภาพอัสสลาม
58. เครือข่ายชุมชนรักษ์ธรรมชาติตือโละปาตานี
59. สมาคมเยาวชนพัฒนาบ้านเกิด (PPS)
60. สมาคมผู้นำอิสลามชายแดนใต้

61. สมาคมฟ้าใสส่งเสริมสุขภาวะเด็กและเยาวชนชายแดนใต้
62. สมาคมสะพานปัญญาชายแดนใต้
63. สมาคมตาดีกาจังหวัดสงขลา
64. สมาคมคุ้มครองผู้บริโภคจังหวัดปัตตานี
65. เครือข่ายชาวพุทธเพื่อสันติภาพชายแดนใต้
66. สภาเด็กและเยาวชนจังหวัดปัตตานี
67. เครือข่ายเด็กและเยาวชนนครีสโตย
68. มูลนิธิคนช่วยฅน
69. สมาคมสร้างเสริมสุขภาวะภาคใต้
70. สมาคมกรีนเคร้สเซ็นประเทศไทย
71. มูลนิธิศูนย์กลางอิสลามเพื่อการพัฒนายะลา
72. สำนักปาตานีรายาเพื่อสันติภาพและการพัฒนา (Lempar)
73. นายกองค์การนักวิชาชีพในอนาคตแห่งประเทศไทย (วทส) อ.จะนะ
74. สมาคมโรงเรียนเอกชนจังหวัดปัตตานี
75. ชมรมโรงเรียนเอกชนเมืองปัตตานี
76. เครือข่ายผู้ปกครองโรงเรียนจงรักษ์สัตย์
77. สมาพันธ์ศิษย์เก่ามหาวิทยาลัยอัลอัซฮัรฮ์โลก ประจำประเทศไทย
78. สมาคมโรงเรียนเอกชนสอนศาสนาอิสลามจังหวัดยะลา
79. สมาคมโรงเรียนเอกชนสอนศาสนาอิสลามจังหวัดสงขลา
80. สมาคมโรงเรียนเอกชนสอนศาสนาอิสลามจังหวัดนราธิวาส

81. สมาคมโรงเรียนเอกชนสอนศาสนาอิสลามจังหวัดปัตตานี
82. ชมรมโรงเรียนสอนศาสนาอิสลามประเทศไทย
83. มูลนิธิดารุลนาอีม
84. โรงเรียนทรัพย์ธานีวิทยา
85. พรรคภราดรภาพ
86. โรงเรียนศรีอามาน จ.สตูล
87. โรงเรียนศาสนบำรุง
88. เครือข่ายเทใจให้เทพา
89. เครือข่ายจะนะรักษ์ถิ่น
90. เครือข่ายนักรบผ้าถุง
91. สหกรณ์ออมทรัพย์ครูตับลิค
92. มูลนิธิวิทยาทาน
93. สมาคมวาดีไนล์
94. สำนักสื่อ The Poligens News
95. ชมรมจิตอาสา อาสาด้วยใจ 5 จังหวัดชายแดนภาคใต้
96. สมาคมโรงเรียนเอกชนจังหวัดยะลา
97. สมาคมศิษย์เก่าจอร์แดน
98. สภาเครือข่ายปัญญาชนจังหวัดชายแดนภาคใต้ (INC)
99. สมาคมศิษย์เก่าอิสลามวิทยาลัยแห่งประเทศไทย
100. กลุ่ม PNYS รามคำแหง จังหวัดปัตตานี

‘ดร.อธิป’ ชี้ การพัฒนา AI ไทยยังตามหลังเพื่อนบ้าน แนะ ต้องกล้าลงทุนปั้นบุคลากร - สร้าง AI ของตนเอง

(28 มี.ค. 68) ดร.อธิป อัศวานันท์ ผู้อำนวยการ สภาดิจิทัลเพื่อเศรษฐกิจและสังคมแห่งประเทศไทย โพสต์เฟซบุ๊ก Atip Asvanund ว่า ประเทศไทยควรพัฒนาทักษะด้าน STEM อย่างเร่งด่วน เพื่อให้อุตสาหกรรมดิจิทัลและ Startup ของพวกเราสามารถมีบทบาทในการพัฒนาเทคโนโลยี AI แทนที่จะเป็นการซื้อของคนอื่นมาใช้อย่างเดียว

- คนไทยเพียง 1% (1 คนใน 100 คน) มีทักษะการเขียนโปรแกรมคอมพิวเตอร์ ขณะที่มาเลเซียมีถึง 16%

- บัณฑิตไทยเพียง 20% จบการศึกษาในสาขา STEM ขณะที่มาเลเซียมีถึง 50% และตั้งเป้าเพิ่มเป็น 60%

- ประเทศเพื่อนบ้านอย่างมาเลเซียและเวียดนามจัดสรรงบประมาณภาครัฐสนับสนุนด้านดิจิทัลและ AI เป็นสัดส่วนสำคัญของ GDP ขณะที่จากงบวิจัยของไทย 20,000 ล้านบาท มีเพียง 200 ล้านบาท (1%) ที่จัดสรรให้ด้านดิจิทัลและ AI

อินเดียเป็นตัวอย่างที่น่าสนใจ เมื่อปีที่แล้ว Sam Altman แห่ง OpenAI เคยกล่าวว่าอินเดียไม่สามารถพัฒนา AI ได้เอง แต่เมื่อ DeepSeek ได้พิสูจน์ให้เห็นว่าประเทศกำลังพัฒนาที่มีทุนจำกัดก็สามารถพัฒนา AI ที่แข่งขันได้ อินเดียจึงประกาศนโยบาย AI แห่งชาติเพื่อพัฒนาเทคโนโลยี AI ของตนเอง

ความยั่งยืนทางธุรกิจเกิดขึ้นเมื่อลูกค้าไม่สามารถผลิตสินค้านั้นได้เอง จึงเป็นที่มาของวาทกรรมที่ทำให้เราเชื่อว่าจำเป็นต้องพึ่งพาเทคโนโลยี AI จากประเทศพัฒนาแล้ว แต่เรามักไม่ตระหนักว่า ยิ่งเราใช้และส่งข้อมูลไปประมวลผลบนแพลตฟอร์ม AI ของพวกเขา ระบบเหล่านั้นก็จะยิ่งฉลาดขึ้น ขณะที่โอกาสที่เราจะตามทันกลับลดน้อยลงเรื่อย ๆ ส่งผลให้เราต้องพึ่งพาเทคโนโลยีต่างชาติอย่างไม่มีที่สิ้นสุด

แม้ผมจะเป็นเสียงส่วนน้อย แต่การผลักดันให้ประเทศไทยพัฒนาเทคโนโลยีของตนเองมีความสำคัญอย่างยิ่งต่ออนาคตของประเทศ

ตำรวจไซเบอร์ แถลงจับ ‘เอ็ม เอกชาติ’ อินฟลูเอนเซอร์ดัง สายตรงเครือข่ายเว็บพนันออนไลน์ ยึดทรัพย์กว่า 50 ล้านบาท

(27 มี.ค. 68) พล.ต.ท.ไตรรงค์ ผิวพรรณ ผู้บัญชาการตำรวจสืบสวนสอบสวนอาชญากรรมทางเทคโนโลยี (สอท.) แถลงข่าวการจับกุม นายเอกชาติ มีพร้อม หรือ 'เอ็ม เอกชาติ' อินฟลูเอนเซอร์ชื่อดัง หลังพบพยานหลักฐานชัดเจนว่า มีบทบาทเป็นระดับผู้บริหารในขบวนการฟอกเงินและรับผลประโยชน์จากเว็บพนันออนไลน์

พล.ต.ท.ไตรรงค์ เปิดเผยว่า การสืบสวนเริ่มต้นจากกรณีที่ เอ็ม เอกชาติ เคยมีประเด็นเกี่ยวข้องกับการเสียชีวิตของ 'แบงค์ เลสเตอร์' หลังจากถูกชักชวนให้ดื่มสุราจนเสียชีวิต ต่อมาจากการตรวจสอบเชิงลึก พบว่า เฟซบุ๊กของนายเอ็มมีการแปะลิงก์เชื่อมโยงกับเว็บพนัน ทำให้ตำรวจไซเบอร์เริ่มขยายผลการสืบสวน

หลังจากเจ้าหน้าที่ เก็บรวบรวมพยานหลักฐานอย่างต่อเนื่อง และพบว่ามีเส้นทางการเงินที่น่าสงสัย รวมถึงความเกี่ยวข้องของนายเอ็มกับกลุ่มเว็บพนันออนไลน์ เมื่อวันที่ 26 มีนาคม 2568 เจ้าหน้าที่จึงได้ขอ ศาลอนุมัติหมายจับและหมายค้น ก่อนเข้าจับกุมตัว เอ็ม เอกชาติ พร้อมตรวจสอบเครือข่ายที่เกี่ยวข้อง

ทั้งนี้ในการตรวจค้นและยึดทรัพย์ เจ้าหน้าที่พบ ทรัพย์สินหลายรายการ มูลค่ารวมกว่า 50 ล้านบาท ซึ่งเชื่อว่าอาจเป็นผลประโยชน์ที่ได้มาจากเว็บพนันออนไลน์ ทั้ง รถยนต์หรูหลายคัน เงินสด และทรัพย์สินอื่นๆ ซึ่งขณะนี้อยู่ระหว่างกระบวนการตรวจสอบเส้นทางการเงินเพื่อติดตามผู้เกี่ยวข้องเพิ่มเติม

ขณะนี้ เอ็ม เอกชาติ ถูกควบคุมตัวอยู่ที่กองบังคับการตำรวจไซเบอร์ และให้การปฏิเสธทุกข้อกล่าวหา อย่างไรก็ตาม ตำรวจยังคงเดินหน้าสอบสวนขยายผล และคาดว่าจะสามารถเปิดโปงเครือข่ายที่อยู่เบื้องหลังขบวนการฟอกเงินและเว็บพนันออนไลน์ที่เกี่ยวข้องได้ในเร็วๆ นี้

กฟผ. จับมือ ทัพเรือภาคที่ 1 จัดกิจกรรมฟื้นฟูสิ่งแวดล้อมทางทะเล พร้อมสนับสนุนการปรับปรุงซ่อมแซม ท่าเทียบเรือและสะพานทางเดินศึกษาธรรมชาติ เทิดพระเกียรติ รอบเกาะขาม

(27 มี.ค. 68) การไฟฟ้าฝ่ายผลิตแห่งประเทศไทย (กฟผ.) ร่วมกับทัพเรือภาคที่ 1 จัดกิจกรรมฟื้นฟูสิ่งแวดล้อมทางทะเล พร้อมสนับสนุนการปรับปรุงซ่อมแซมท่าเทียบเรือและสะพานทางเดินศึกษาธรรมชาติเทิดพระเกียรติ รอบเกาะขาม โดยมีนาวาเอก ธวัชชัย สอนซี รองเสนาธิการทัพเรือภาคที่ 1 เป็นประธาน พร้อมด้วย นายรณภูมิ แสงทอง ผู้อำนวยการโครงการปรับปรุงและขยายระบบส่งไฟฟ้าที่เสื่อมสภาพตามอายุการใช้งาน (อค-ปส.) และผู้ปฏิบัติงาน กฟผ. รวมทั้งกำลังพลทัพเรือภาคที่ 1 หน่วยงานภาครัฐ ภาคประชาชนในพื้นที่อำเภอสัตหีบ เข้าร่วมกิจกรรม ณ อุทยานใต้ทะเลเกาะขาม อำเภอสัตหีบ จังหวัดชลบุรี นาวาเอก ธวัชชัย สอนซี รองเสนาธิการทัพเรือภาคที่ 1 ประธานในพิธี กล่าวว่า อุทยานใต้ทะเล เกาะขาม อยู่ภายใต้ความรับผิดชอบดูแลโดยทัพเรือภาคที่ 1 ซึ่งการจัดกิจกรรมพัฒนาฟื้นฟูสิ่งแวดล้อมทางทะเลครั้งนี้ มีวัตถุประสงค์ เพื่อร่วมกันพัฒนาสภาพแวดล้อมทางทะเลและชายฝั่ง คืนความอุดมสมบูรณ์ รักษาสมดุลของระบบนิเวศน์ให้เหมาะสมต่อการดํารงชีวิตของสัตว์ทะเล รวมทั้งสร้างรากฐานที่มั่นคง ปลูกจิตสำนึกให้กับเยาวชนและประชาชนทั่วไป มีความรัก หวงแหนและใช้ทรัพยากรธรรมชาติอย่างมีประสิทธิภาพสูงสุด ขอขอบคุณ การไฟฟ้าฝ่ายผลิตแห่งประเทศไทย ที่สนับสนุนงบประมาณฯ และอุปกรณ์ที่เป็นประโยชน์ในการอนุรักษ์ระบบนิเวศทางทะเล รวมทั้งเข้าร่วมกิจกรรมในภาคประชาชนและเยาวชนในการอนุรักษ์ธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม ทั้งนี้ กิจการท่องเที่ยว ทัพเรือภาคที่ 1 จะนำสิ่งต่างๆ ที่ได้รับมอบไปใช้ประโยชน์ตามวัตถุประสงค์ต่อไป

นายรณภูมิ แสงทอง ผู้อำนวยการโครงการปรับปรุงและขยายระบบส่งไฟฟ้าที่เสื่อมสภาพตามอายุการใช้งาน (อค-ปส.) กฟผ. กล่าวว่า เกาะขาม เป็นหนึ่งในเกาะที่อยู่ในโครงการอนุรักษ์พันธุกรรมพืชอันเนื่องมาจากพระราชดำริ สมเด็จพระกนิษฐาธิราชเจ้า กรมสมเด็จพระเทพรัตนราชสุดาฯ สยามบรมราชกุมารี (อพ.สธ.) ที่มีความสมบูรณ์ของแนวปะการัง และยังเป็นแหล่งพักอาศัยของสัตว์ทะเล รวมทั้งพื้นที่บนบกยังมีพันธุ์ไม้หายากนานาชนิด ในแต่ละปีมีนักท่องเที่ยวทั้งชาวไทยและชาวต่างชาติเดินเท้าเยี่ยมชมความสวยงามและศึกษาธรรมชาติบนเกาะ เป็นจำนวนมาก เพื่อความปลอดภัยและอำนวยความสะดวกแก่นักท่องเที่ยว จึงมีความจำเป็นต้องปรับปรุงซ่อมแซม สะพานท่าเรือเกาะขาม สะพานทางเดินและทางเดินขึ้นจุดชมวิวเกาะขาม ให้มีความแข็งแรงปลอดภัยอยู่ตลอด ซึ่ง กฟผ. ได้เล็งเห็นถึงความสำคัญและร่วมดำเนินกิจกรรม สนับสนุนการอนุรักษ์อุทยานใต้ทะเลเกาะขามมาโดยตลอดระยะเวลา กว่า 7 ปีแล้ว

การจัดกิจกรรมครั้งนี้ เป็นส่วนหนึ่งของการอนุรักษ์สิ่งแวดล้อมที่ กฟผ. ให้ความสำคัญมาโดยตลอดและยังช่วยสร้างความสัมพันธ์อันดีกับกำลังพลทัพเรือภาคที่ 1 และประชาชนในพื้นที่สัตหีบ รวมถึงการสร้างจิตสํานึกและทัศนคติที่ดี ในการช่วยกันรักษาสิ่งแวดล้อมของทุกภาคส่วนและสนับสนุนส่งเสริมการท่องเที่ยวทางทะเล ในพื้นที่ภาคตะวันออก ซึ่งจะส่งผลให้เกิดการสร้างอาชีพ สร้างรายได้ ให้กับชุมชนต่อไป

โดยกิจกรรมในวันนี้ ประกอบด้วย การมอบงบประมาณและเสื้อชูชีพ สนับสนุนกิจการท่องเที่ยวทัพเรือภาคที่ 1 ฟังบรรยายจากอาจารย์ ประสาน แสงไพบูร ประธานมูลนิธิกิจกรรมวิทยาศาสตร์ทางทะเลและการอนุรักษ์ ร่วมปลูกปะการังและปล่อยพันธุ์สัตว์น้ำสู่ท้องทะเล และร่วมเก็บขยะชายหาดบนเกาะขาม 

นิราช/พิชญ์ฐญา ทิพย์ศรี ชลบุรี 0909535645

‘จ่าคลั่ง’ สงกรานต์ พวงน้อย กลับมาปฏิบัติหน้าที่ตำรวจอีกครั้ง พร้อมขอโอกาสใหม่ หลังก่อเหตุต่อยกรรมการและย่ำคู่แข่งในศึกฟุตบอล T3

(27 มี.ค. 68) หลังจากเหตุการณ์ที่ สงกรานต์ พวงน้อย หรือ “จ่าคลั่ง” นักเตะหัวหิน ซิตี้ ก่อเหตุทำร้ายกรรมการและย่ำคู่แข่งจนโดนใบแดงในสนาม ส่งผลให้ทีม หัวหิน ซิตี้ ยกเลิกสัญญา ล่าสุดเจ้าตัวได้ออกมาโพสต์ขอโทษผ่านสื่อสังคมออนไลน์ พร้อมขอให้สังคมให้อภัยและยอมรับโอกาสที่เขาจะกลับมาทำความดีตอบแทนสังคม

โดยเหตุการณ์ดังกล่าวเกิดขึ้นในเกมระหว่าง หัวหิน ซิตี้ ที่เปิดบ้านพ่ายให้กับ ราชประชา 2-5 เมื่อช่วงต้นเดือนมีนาคมที่ผ่านมา ซึ่งนายสงกรานต์ผู้เล่นของหัวหิน ซิตี้ ไม่พอใจผู้เล่นทีมราชประชา ที่ไม่ยอมออกไปปฐมพยาบาลนอกสนาม จนเกิดการมีปากเสียงกัน ก่อนที่จ่าคลั่งจะเข้าไปย่ำเท้าใส่คู่แข่ง ต่อยกรรมการ จนผู้ตัดสินไม่รอช้าแจกใบแดงไล่ออกจากสนามทันที

ต่อมา สงกรานต์ พวงน้อย โพสต์ข้อความหลังจบเกม ความว่า กระผมต้องกราบขอโทษสโมสรราชประชาและน้องเบอร์ 10 และผมต้องกราบกราบขอโทษผู้ตัดสินจากใจจริง กับเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นสิ่งที่ผมกระทำไปเป็นอารมณ์ชั่ววูบและเป็นตัวอย่างที่ไม่ดีกับเยาวชน และผมก็ขอโทษน้องส่วนตัวแล้วก็เข้าไปขอโทษโค้ช ขอโทษเพื่อนร่วมทีมที่ร่วมเล่นทุกๆคน 

พร้อมทั้งขอโทษแฟนบอลทุกๆท่านสิ่งที่ผมทำไป ผมได้ทำผิดพลาดไปแล้วผมหวังว่าจะไม่เกิดขึ้นกับตัวผมอีกเป็นบทเรียนให้ผมได้เรียนรู้ ต้องกราบขอโทษจากใจจริงครับผม และผมหวังว่าทุกคนจะให้อภัยในสิ่งที่ผมทำต้องกราบขอโทษจากใจจริงมาณที่นี้ครับ

ปัจจุบัน สงกรานต์ พวงน้อย ได้กลับมาปฏิบัติหน้าที่ตำรวจในตำแหน่ง ตำรวจจราจร ซึ่งเขาได้ทำหน้าที่นี้มาตลอดตั้งแต่ยังค้าแข้งกับทีม หัวหิน ซิตี้ โดยเจ้าตัวได้โพสต์ขอโทษอีกครั้งว่า “ผมขอใช้พื้นที่ตรงนี้อีกทีนึง ผมจะทำความดีทดแทนสังคม ขอให้สังคมและแฟนบอลให้อภัยผมสิ่งที่ผมทำไป เป็นสิ่งที่ไม่ดีแล้วเป็นตัวอย่างไม่ดีให้กับเยาวชนรุ่นหลัง และเยาวชนรุ่นหลังห้ามเอาเป็นตัวอย่าง”

ทั้งนี้ บทลงโทษของ สงกรานต์ พวงน้อย คือห้ามเข้าร่วมการแข่งขันที่สมาคมจัดขึ้นเป็นเวลา 5 ปี นับตั้งแต่มีคำสั่งนี้เป็นต้นไป และถูกพักการแข่งขันและห้ามเข้าสนาม 20 นัด ถูกปรับเงิน 310,000 บาท แต่เป็นการแข่งขันกีฬาฟุตบอลรายการไทยลีก 3 จึงลงโทษปรับหนึ่งในสี่ ปรับเงิน 77,500 บาท


© Copyright 2021, All rights reserved. THE STATES TIMES
Take Me Top