Thursday, 29 May 2025
WORLD

‘ม.เจ้อเจียง’ พัฒนาวัสดุล่องหนชนิดใหม่ หลบเรดาร์ได้หมด ท้าทาย ‘Golden Dome’ ของทรัมป์..ที่อาจเป็นแค่ภาพฝัน

(28 พ.ค. 68) นักวิทยาศาสตร์จากมหาวิทยาลัยเจ้อเจียง ประเทศจีน พัฒนา 'วัสดุพรางตัวขั้นสูง' ชนิดใหม่ ที่สามารถหลบหลีกการตรวจจับด้วยอินฟราเรดและคลื่นไมโครเวฟในระยะไกล อีกทั้งยังทนความร้อนได้สูงถึง 700 องศาเซลเซียส ทำให้มีศักยภาพใช้ในภารกิจทั้งด้านทหารและอวกาศ สร้างความสั่นคลอนให้กับ 'Golden Dome' โครงการโล่ป้องกันขีปนาวุธที่ประธานาธิบดีทรัมป์ผลักดันอย่างหนัก

ระบบ Golden Dome อาศัยเรดาร์และระบบตรวจจับจากภาคพื้นดินและอวกาศเป็นหัวใจหลัก หากถูกตัดหูตาด้วยเทคโนโลยีล่องหนใหม่ของจีน เช่น โดรนก่อกวนสัญญาณไซเบอร์ หรือหัวรบหลอก ระบบดังกล่าวจะกลายเป็นการสร้างที่เสียเปล่าในสถานการณ์จริง นั่นทำให้จึงถูกมองว่าเป็นช่องโหว่ร้ายแรงที่คู่แข่งอาจใช้โจมตีได้

ผู้เชี่ยวชาญเตือนว่า หากโครงการ Golden Dome เดินหน้าต่อ จะกระตุ้นให้จีน รัสเซีย และประเทศอื่น ๆ เร่งพัฒนาอาวุธใหม่ เช่น ขีปนาวุธไฮเปอร์โซนิก หรือระบบโจมตีดาวเทียมเพื่อตอบโต้ สถานการณ์อาจบานปลายเป็นการแข่งขันทางอาวุธครั้งใหม่ คล้ายช่วงสงครามเย็นในยุคอดีตประธานาธิบดีสหรัฐฯ โรนัลด์ เรแกน

สำนักงานงบประมาณรัฐสภาสหรัฐฯ ประเมินว่า Golden Dome อาจใช้เงินภาษีถึง 831,000 ล้านดอลลาร์ (ราว 30.3 ล้านล้านบาท) แต่กลับมีแนวโน้ม 'ใช้ไม่ได้ผลจริง' ขณะที่จีนพัฒนาแนวทางหลบเลี่ยงการตรวจจับอย่างต่อเนื่อง ทำให้หลายฝ่ายมองว่า ทางออกเดียวของสหรัฐฯ อาจเป็นการ 'ไม่เล่นเกมนี้ตั้งแต่ต้น'

‘กรีนแลนด์’ เร่งเร้า ‘สหรัฐฯ’ รีบลงทุนเหมืองแร่ ชี้หากเมินเฉย พร้อมเชิญ ‘จีน’ เข้ามาแทน

(28 พ.ค. 68) รัฐมนตรีธุรกิจและทรัพยากรแร่ของกรีนแลนด์ นายนาอาย์ นาธาเนียลเซน (Naaja Nathanielsen) เรียกร้องให้สหรัฐฯ และยุโรปเร่งเข้ามาลงทุนในภาคอุตสาหกรรมเหมืองแร่ของกรีนแลนด์ หากยังเพิกเฉย อาจทำให้ประเทศจำเป็นต้องหันไปพึ่งจีนแทน แม้จะต้องการความร่วมมือกับชาติตะวันตกมากกว่า

กรีนแลนด์ ซึ่งเป็นดินแดนปกครองตนเองภายใต้เดนมาร์ก มีแร่หายากจำนวนมากที่ชาติตะวันตกต้องการ โดยเฉพาะแร่ในรายชื่อแร่สำคัญของสหรัฐฯ และสหภาพยุโรปกว่า 40 ชนิด แต่ที่ผ่านมากลับยังไม่ได้รับการสนับสนุนอย่างจริงจังจากสหรัฐฯ แม้จะมีการลงนามบันทึกความเข้าใจสมัยรัฐบาลทรัมป์ ซึ่งกำลังจะหมดอายุ

นาธาเนียลเซนวิจารณ์แนวคิดของประธานาธิบดีทรัมป์ที่ต้องการ “ซื้อกรีนแลนด์” ว่าเป็นเรื่องไม่ให้เกียรติ พร้อมชี้ว่าการมีส่วนร่วมของจีนในภาคเหมืองแร่ของกรีนแลนด์ในปัจจุบันยังมีน้อย แต่หากชาติตะวันตกยังลังเล ก็อาจเปิดทางให้จีนขยายอิทธิพล

ล่าสุด กรีนแลนด์ออกใบอนุญาตเหมืองแร่ภายใต้กฎหมายใหม่ครั้งแรก ให้กับกลุ่มทุนเดนมาร์ก-ฝรั่งเศส เพื่อสกัดแร่อนอร์โธไซต์ที่ใช้ในอุตสาหกรรมไฟเบอร์กลาส คาดเริ่มก่อสร้างปีหน้า และเดินเครื่องได้ภายใน 5 ปี โดยรัฐบาลกรีนแลนด์ยังคงมองว่ายุโรปเป็นพันธมิตรที่เหมาะสมที่สุดในขณะนี้ ทั้งในด้านสิ่งแวดล้อมและผลประโยชน์ร่วมกันระยะยาว

‘ม.ฮาร์วาร์ด’ อาจถูกตัดงบ 100 ล้านดอลลาร์ หลังถูกกล่าวหาเลือกปฏิบัติ-ต่อต้านชาวยิว

(28 พ.ค. 68) รัฐบาลสหรัฐฯ ภายใต้การนำของประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ เตรียมให้หน่วยงานรัฐทบทวนเงินทุนที่มอบให้มหาวิทยาลัยฮาร์วาร์ด โดยอาจยุติหรือโอนงบประมาณไปยังหน่วยงานอื่น หากพบว่าไม่เป็นไปตามมาตรฐานที่กำหนด ซึ่งถือเป็นความพยายามล่าสุดในการกดดันสถาบันการศึกษาชั้นนำแห่งนี้

สำนักงานบริหารบริการทั่วไป (GSA) เตรียมส่งจดหมายถึงหน่วยงานต่างๆ เพื่อให้ระบุสัญญาที่ทำไว้กับฮาร์วาร์ด ซึ่งคาดว่ามีมากถึง 30 ฉบับ รวมมูลค่าราว 100 ล้านดอลลาร์ (ราว 3,650 ล้านบาท) ขณะที่ร่างจดหมายฉบับนี้กล่าวหาว่าฮาร์วาร์ดมีพฤติกรรมเลือกปฏิบัติและต่อต้านชาวยิว

แม้รัฐบาลจะยังไม่ตัดงบทันที แต่จะเริ่มกระบวนการประเมินว่าเงินทุนใดจำเป็นต่อผลประโยชน์ของรัฐ โดย GSA จะเสนอให้ยกเลิกสัญญาที่ไม่ผ่านเกณฑ์ พร้อมโยกงบประมาณไปยังโครงการอื่น ด้านฮาร์วาร์ดยังไม่ออกแถลงการณ์ แต่เตือนว่าการวิจัยสำคัญ เช่น มะเร็งและโรคติดเชื้อ อาจหยุดชะงักหากขาดเงินสนับสนุน

ความตึงเครียดระหว่างรัฐบาลทรัมป์กับฮาร์วาร์ดทวีความรุนแรงขึ้นในช่วง 2 เดือนที่ผ่านมา ทั้งจากการอายัดงบวิจัย 2.2 พันล้านดอลลาร์ และคำสั่งระงับสิทธิ์รับนักศึกษาต่างชาติ ซึ่งสร้างความโกลาหลให้กับนักเรียนหลายพันคน ก่อนที่ศาลจะมีคำสั่งชะลอการบังคับใช้คำสั่งดังกล่าวชั่วคราว

‘ทรัมป์’ สั่งระงับสัมภาษณ์วีซ่านักเรียนต่างชาติ พร้อมตรวจเข้ม!!..บัญชีโซเชียลมีเดียของผู้สมัคร

(28 พ.ค. 68) รัฐบาลทรัมป์มีคำสั่งให้สถานทูตและสถานกงสุลสหรัฐฯ ทั่วโลกหยุดเพิ่มนัดสัมภาษณ์สำหรับนักเรียนต่างชาติที่ต้องการขอวีซ่าเข้าศึกษาในสหรัฐฯ โดยมีผลทันที เพื่อเตรียมขยายมาตรการตรวจสอบข้อมูลโซเชียลมีเดียของผู้สมัคร ซึ่งคำสั่งนี้ออกโดยรัฐมนตรีต่างประเทศ มาร์โก รูบิโอ และถูกเผยแพร่ไปยังทุกหน่วยงานทางการทูต

เอกสารภายในระบุว่า การเปลี่ยนแปลงนี้อาจส่งผลกระทบต่อการดำเนินงาน การจัดสรรทรัพยากร และกระบวนการของแผนกกงสุล โดยจะให้ความสำคัญกับการบริการสำหรับพลเมืองสหรัฐฯ วีซ่าผู้อพยพ และการป้องกันการฉ้อโกงเป็นอันดับแรก ซึ่งยังไม่มีความชัดเจนว่าการตรวจสอบโซเชียลมีเดียจะดำเนินการอย่างไร

ช่วงไม่กี่สัปดาห์ที่ผ่านมา วีซ่าของนักเรียนต่างชาติหลายพันคนถูกเพิกถอน โดยรัฐบาลทรัมป์อ้างเหตุผลด้านความมั่นคงและการต่อต้านแนวคิดหัวรุนแรง นอกจากนี้ยังมีคำสั่งห้ามนักเรียนต่างชาติลงทะเบียนเรียนที่มหาวิทยาลัยฮาร์วาร์ดในปีการศึกษาหน้า ส่งผลให้อนาคตของนักเรียนเหล่านี้ตกอยู่ในความไม่แน่นอน

ขณะที่ องค์กรด้านการศึกษานานาชาติและมหาวิทยาลัยหลายแห่ง เตือนนักเรียนต่างชาติให้หลีกเลี่ยงการเดินทางกลับถิ่นฐานในช่วงปิดเทอมฤดูร้อน เนื่องจากอาจไม่สามารถกลับเข้าประเทศได้ ขณะที่ผู้เชี่ยวชาญเตือนว่ามาตรการใหม่นี้อาจกระทบทางการเงินต่อมหาวิทยาลัยหลายแห่งที่พึ่งพานักเรียนต่างชาติเป็นจำนวนมาก

‘ทรัมป์’ ยื่นข้อเสนอใหม่ให้ ‘แคนาดา’ เลือกจ่าย 61 พันล้านดอลลาร์ หรือเป็นรัฐที่ 51 ของสหรัฐฯ

(28 พ.ค. 68) ประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ของสหรัฐฯ ยื่นข้อเสนอใหม่ต่อแคนาดา โดยระบุว่าแคนาดาเลือกได้เลยจะจ่าย 61 พันล้านดอลลาร์สหรัฐ (ราว 2.23 ล้านล้านบาท) เพื่อเข้าร่วมระบบป้องกันขีปนาวุธ 'Golden Dome' หรือกลายเป็นรัฐที่ 51 ของสหรัฐฯ เพื่อได้รับสิทธิเข้าร่วมฟรี โดยทรัมป์ประกาศผ่าน Truth Social ว่า “แคนาดาจะไม่ต้องจ่ายแม้แต่ดอลลาร์เดียว หากกลายเป็นรัฐที่รักยิ่งของเรา”

ข้อเสนอของทรัมป์มีขึ้นหลังจากนายกรัฐมนตรีคนใหม่ของแคนาดา มาร์ก คาร์นีย์ ได้รับชัยชนะจากการเลือกตั้ง ด้วยนโยบายปกป้องอธิปไตยของประเทศ และปฏิเสธแนวคิดของทรัมป์อย่างชัดเจน โดยก่อนหน้านี้ ทรัมป์เคยล้อเลียนอดีตนายกรัฐมนตรีจัสติน ทรูโด ว่าเป็นเพียง 'ผู้ว่าการทรูโด'

ในขณะเดียวกัน โครงการ Golden Dome ของสหรัฐฯ มีมูลค่ารวมกว่า 175 พันล้านดอลลาร์ และอาจสูงถึง 542 พันล้านดอลลาร์ในระยะยาว โดยเป็นโครงการป้องกันขีปนาวุธที่รวมถึงการวางอาวุธในอวกาศ ซึ่งทรัมป์คาดว่าจะเริ่มใช้งานได้ภายในปี 2029

การยื่นข้อเสนอของทรัมป์เกิดขึ้นหลังจากพระเจ้าชาร์ลส์แห่งอังกฤษเสด็จแคนาดาและกล่าวสุนทรพจน์ต่อรัฐสภา ย้ำอธิปไตยและเสรีภาพของแคนาดา ขณะที่นายกฯ คาร์นีย์ได้ย้ำจุดยืนว่า “แคนาดาไม่ใช่ของซื้อขายได้” ส่วนทรัมป์ตอบพร้อมรอยยิ้มว่า “เดี๋ยวก็รู้เอง”

‘ทรัมป์’ ขึ้นภาษี EU 50% ทำให้ ‘เยอรมนี’ เสี่ยงทรุดหนัก คาดสูญ 7.3 ล้านล้านบาท GDP ลดลง 1.1% ต่อปี..ถึง 2028

(27 พ.ค. 68) สถาบันเศรษฐกิจเยอรมนี (IW) รายงานว่า หากสหรัฐฯ ภายใต้การนำของประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ ดำเนินมาตรการเก็บภาษีสินค้านำเข้าจากสหภาพยุโรปที่อัตรา 50% ต่อเนื่องจนสิ้นสุดวาระการดำรงตำแหน่ง อาจส่งผลให้เศรษฐกิจเยอรมนีสูญเสียมูลค่าสูงสุดถึง 200,000 ล้านยูโร (ราว 7.39 ล้านล้านบาท) ภายในปี 2028

การศึกษาของ IW ชี้ว่า ผลกระทบดังกล่าวจะทำให้ผลิตภัณฑ์มวลรวมภายในประเทศ (GDP) ของเยอรมนีลดลงเฉลี่ยปีละ 1.1% ระหว่างปี 2025 ถึง 2028 และหากสหภาพยุโรปตอบโต้ด้วยมาตรการภาษีในลักษณะเดียวกัน ความสูญเสียทางเศรษฐกิจของเยอรมนีอาจเพิ่มขึ้นเป็น 290,000 ล้านยูโร (ราว 10.71 ล้านล้านบาท) ในช่วงเวลาเดียวกัน

ประธานาธิบดีทรัมป์ ได้ประกาศเมื่อวันที่ 23 พฤษภาคม 2025 ว่าจะเรียกเก็บภาษี 50% สำหรับสินค้านำเข้าจากสหภาพยุโรป โดยให้เหตุผลว่าการเจรจาการค้ากับสหภาพยุโรปไม่มีความคืบหน้า และระบุว่าหากสินค้าถูกผลิตในสหรัฐฯ จะไม่ถูกเก็บภาษีดังกล่าว

ขณะที่ ลาร์ส คลิงไบล์ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลังของเยอรมนี เน้นย้ำถึงความจำเป็นในการแก้ไขข้อพิพาททางภาษีระหว่างสหรัฐฯ และสหภาพยุโรปโดยเร็ว เนื่องจากการเก็บภาษีดังกล่าวจะส่งผลกระทบต่อทั้งสองฝ่าย

ส่วนภาคอุตสาหกรรมของเยอรมนี โดยเฉพาะภาคการส่งออก กำลังเผชิญกับความเสี่ยงอย่างมากจากมาตรการภาษีของสหรัฐฯ ซึ่งอาจส่งผลกระทบต่อการจ้างงานและการเติบโตทางเศรษฐกิจของประเทศ

ชาวลาวร้องระงม!!...ค่าไฟพุ่งเกือบ 50% สาเหตุจากดีมานด์เพิ่ม เงินกีบอ่อนซ้ำเติม

(27 พ.ค. 68) สื่อ Nikkei Asia รายงานว่า ค่าไฟฟ้าในประเทศลาวพุ่งสูงในช่วงไม่กี่เดือนที่ผ่านมา สาเหตุจากความต้องการใช้พลังงานภายในประเทศที่เพิ่มขึ้น และค่าเงินกีบที่อ่อนค่าลงอย่างต่อเนื่อง สถานการณ์ดังกล่าวสร้างแรงกดดันต่อแผนของรัฐบาลลาวที่ต้องการเป็น “แบตเตอรี่ของเอเชียตะวันออกเฉียงใต้”

ชาวลาวจำนวนมากแสดงความไม่พอใจผ่านโซเชียลมีเดีย โดยแชร์ภาพบิลค่าไฟฟ้ารายเดือนที่เพิ่มสูงขึ้นอย่างผิดปกติ ตัวอย่างเช่น บิลค่าไฟเดือนเมษายนที่มีการแชร์อย่างแพร่หลาย พบว่าเพิ่มขึ้นเกือบ 50% จนแตะระดับ 2.7 ล้านกีบ หรือประมาณ 125 ดอลลาร์สหรัฐ (ราว 4,060 บาท)

รัฐบาลเวียงจันทน์ได้ประกาศปรับขึ้นค่าไฟแบบค่อยเป็นค่อยไปจนถึงปี 2029 โดยคาดว่าอัตราสำหรับครัวเรือนจะอยู่ที่ 1,724 กีบต่อหน่วยภายในสิ้นปี 2026 หรือประมาณ 2.6 บาท เพิ่มขึ้นเกือบเท่าตัวจากช่วงต้นปี 2024

ค่าไฟที่เพิ่มขึ้นมาพร้อมกับการขยายตัวของภาคธุรกิจและการใช้เครื่องใช้ไฟฟ้าในครัวเรือน โดยลาวมีบริษัทจดทะเบียนกว่า 21,300 แห่ง ณ สิ้นปี 2024 ขณะที่ประเทศยังพึ่งพาพลังน้ำถึง 70% ในการผลิตไฟฟ้า และต้องแบกรับภาระหนี้ต่างประเทศ ซึ่งยิ่งหนักขึ้นเมื่อค่าเงินกีบอ่อนค่าลงมากกว่า 10% ในรอบปี ล่าสุดอัตราอยู่ที่ 660 กีบต่อ 1 บาทไทย (เทียบกับ 580 กีบเมื่อปีก่อน)

‘ญี่ปุ่น’ หล่นจากบัลลังก์ ครั้งแรกในรอบ 34 ปี หลังเสียแชมป์เจ้าหนี้โลกให้กับ ‘เยอรมนี’

(27 พ.ค. 68) ญี่ปุ่นสูญเสียสถานะประเทศเจ้าหนี้รายใหญ่ที่สุดของโลกเป็นครั้งแรกในรอบ 34 ปี แม้ว่าสินทรัพย์สุทธิในต่างประเทศจะเพิ่มขึ้นทำสถิติสูงสุดก็ตาม 

ข้อมูลจากกระทรวงการคลังของญี่ปุ่นระบุว่า ณ สิ้นปี 2024 สินทรัพย์สุทธิในต่างประเทศของญี่ปุ่นอยู่ที่ 533.05 ล้านล้านเยน (ราว 127.93 ล้านล้านบาท) เพิ่มขึ้นประมาณ 13% จากปีก่อนหน้า อย่างไรก็ตาม เยอรมนีมีสินทรัพย์สุทธิในต่างประเทศรวม 569.7 ล้านล้านเยน (136.73 ล้านล้านบาท) แซงหน้าญี่ปุ่นขึ้นเป็นอันดับหนึ่ง ขณะที่จีนอยู่ในอันดับสามด้วยสินทรัพย์สุทธิ 516.3 ล้านล้านเยน (123.91 ล้านล้านบาท)

การเพิ่มขึ้นของสินทรัพย์สุทธิของญี่ปุ่นส่วนหนึ่งมาจากค่าเงินเยนที่อ่อนค่าลง ทำให้มูลค่าของสินทรัพย์ในต่างประเทศเมื่อแปลงเป็นเงินเยนสูงขึ้น นอกจากนี้ การลงทุนโดยตรงในต่างประเทศที่เพิ่มขึ้น โดยเฉพาะในสหรัฐอเมริกาและสหราชอาณาจักร ก็เป็นปัจจัยสำคัญที่ทำให้สินทรัพย์สุทธิของญี่ปุ่นเพิ่มขึ้น

ในทางกลับกัน การที่เยอรมนีขึ้นเป็นประเทศเจ้าหนี้รายใหญ่ที่สุดของโลก สะท้อนถึงดุลบัญชีเดินสะพัดที่เกินดุลอย่างมาก ซึ่งในปี 2024 อยู่ที่ 248.7 พันล้านยูโร (ราว 9.45 ล้านล้านบาท) เป็นผลมาจากการส่งออกที่แข็งแกร่ง

ชาวอเมริกันขอสัญชาติอังกฤษพุ่ง ยอดสูงสุดเป็นประวัติการณ์ในรอบ 20 ปี

(27 พ.ค. 68) ในช่วงปีที่ผ่านมา มีรายงานว่าจำนวนชาวอเมริกันที่ยื่นขอเป็นพลเมืองสหราชอาณาจักรเพิ่มขึ้นสูงสุดเป็นประวัติการณ์ 

ข้อมูลจากกระทรวงมหาดไทยของสหราชอาณาจักรระบุว่า ในช่วง 12 เดือนจนถึงเดือนมีนาคม พ.ศ. 2568 มีชาวอเมริกันยื่นขอสัญชาติอังกฤษจำนวน 6,618 ราย ซึ่งเป็นจำนวนสูงสุดนับตั้งแต่เริ่มมีการบันทึกข้อมูลในปี พ.ศ. 2547 และเฉพาะในช่วงไตรมาสแรกของปี พ.ศ. 2568 มีการยื่นขอถึง 1,930 ราย เพิ่มขึ้น 12% จากไตรมาสก่อนหน้า

สาเหตุหลักที่ทำให้เกิดแนวโน้มนี้คือความไม่แน่นอนทางการเมืองในสหรัฐอเมริกา โดยเฉพาะอย่างยิ่งหลังจากการเริ่มต้นวาระที่สองของประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ 

ทนายความด้านการย้ายถิ่นฐานระบุว่าผู้คนกำลังย้ายออกจากสหรัฐฯ เนื่องจากความกลัว ความไม่พอใจ และความกังวลเกี่ยวกับความปลอดภัยส่วนบุคคล นอกจากนี้ นโยบายการจำกัดการย้ายถิ่นฐานและการเปลี่ยนแปลงทางการเมืองในสหรัฐฯ ยังส่งผลให้ชาวอเมริกันบางส่วนมองหาความมั่นคงและโอกาสใหม่ ๆ ในสหราชอาณาจักร 

‘มาครง’ แจงคลิปภรรยา ‘ผลักหน้า’ บนเครื่องบิน แค่หยอกกันเล่น!..ไม่ได้ทะเลาะตามที่สื่อเดา

(27 พ.ค. 68) ประธานาธิบดีฝรั่งเศส เอ็มมานูเอล มาครง ออกมาชี้แจงกรณีคลิปวิดีโอที่ดูเหมือนสุภาพสตรีหมายเลขหนึ่ง บริจิตต์ มาครง ผลักหน้าสามีขณะลงจากเครื่องบินในเวียดนาม โดยยืนยันว่าเป็นแค่การหยอกล้อกันตามปกติ ไม่ใช่การทะเลาะกันอย่างที่สื่อคาดเดา

คลิปดังกล่าวถูกบันทึกในขณะที่ประตูเครื่องบินเปิดออก เผยให้เห็นมาครงยืนคุยอยู่กับใครบางคน จากนั้นมีแขนในเสื้อแดงซึ่งคาดว่าเป็นของภริยา ยื่นมาผลักที่หน้าและกรามของเขา ก่อนที่มาครงจะหันหน้าหลบและยิ้มพร้อมโบกมือให้กล้อง

ต่อมา มาครงกล่าวกับผู้สื่อข่าวว่า “เราหยอกล้อกันตามประสาสามีภรรยา มันกลายเป็นเรื่องใหญ่เกินจริง” พร้อมระบุว่าคลิปอื่น ๆ ที่มีการกล่าวอ้างถึงตนอย่างผิด ๆ ก็ไม่เป็นความจริง และขอให้ทุกฝ่ายใจเย็นลง

ด้าน ทำเนียบประธานาธิบดีก็ออกแถลงการณ์ในทำนองเดียวกัน โดยระบุว่าเป็นช่วงเวลาส่วนตัวของทั้งคู่ก่อนเริ่มทัวร์เอเชียตะวันออกเฉียงใต้ และเป็นการหยอกล้อที่เปิดช่องให้กลุ่มชอบทฤษฎีสมคบคิดนำไปขยายความ

ทั้งนี้ เอ็มมานูเอล มาครง และบริจิตต์ แต่งงานกันในปี 2007 หลังพบกันที่โรงเรียน ซึ่งเธอเป็นครูและเขาเป็นนักเรียน บริจิตต์เคยแต่งงานและมีลูกสามคน ก่อนหย่าร้างและย้ายตามมาครงไปอยู่ที่ปารีส

ศาลเมืองหนานหนิงตัดสินประหารชีวิต ‘หาน หย่ง’ อดีตผู้ทรงอิทธิพล คดีรับสินบนกว่า 261 ล้านหยวน แต่รอลงอาญา

(27 พ.ค. 68) ศาลประชาชนระดับกลางในเมืองหนานหนิง เขตปกครองตนเองกว่างซีจ้วง ได้พิพากษาประหารชีวิตนายหาน หย่ง วัย 68 ปี อดีตประธานคณะกรรมการสภาที่ปรึกษาการเมืองแห่งประชาชนจีน (CPPCC) ประจำมณฑลส่านซี โดยให้รอลงอาญาเป็นเวลา 2 ปี ฐานรับสินบนมูลค่ากว่า 261 ล้านหยวน (ราว 1,184 ล้านบาท) ระหว่างปี 1993 ถึง 2023 

นายหานถูกกล่าวหาว่าใช้อำนาจในตำแหน่งต่าง ๆ ในมณฑลจี๋หลิน ซินเจียง และส่านซี เพื่อเอื้อประโยชน์แก่บุคคลและองค์กรต่าง ๆ ในด้านการดำเนินธุรกิจ การประมูลงานโครงการ และการแต่งตั้งบุคลากร โดยได้รับสินบนเป็นการตอบแทน

นอกจากโทษประหารชีวิต ศาลยังสั่งริบสิทธิทางการเมืองตลอดชีวิต และยึดทรัพย์สินส่วนตัวทั้งหมดของนายหาน โดยทรัพย์สินที่ได้จากการกระทำผิดจะถูกส่งมอบให้กับกระทรวงการคลังของรัฐ

การตัดสินโทษดังกล่าวสะท้อนถึงความเข้มงวดของรัฐบาลจีนในการปราบปรามการทุจริต โดยก่อนหน้านี้ในเดือนเดียวกัน ศาลจีนได้พิพากษาประหารชีวิตนายจ้าว เว่ยกั๋ว อดีตประธานบริษัท Tsinghua Unigroup ในข้อหาคอร์รัปชันและยักยอกทรัพย์ 

จีนเปิดตัว ‘รถไฟแพนด้า เฉิงตู’ ใช้เวลาเดินทาง 16 วัน ชมวิวหลักล้าน ราคาเฉียดสามแสน แต่นักท่องเที่ยวแห่จอง

(27 พ.ค. 68) จีนเดินหน้าผสานการท่องเที่ยวกับระบบราง เปิดตัว “รถไฟแพนด้า·เฉิงตู” สายหรูรุ่นล่าสุด พร้อมออกจากเมืองเฉิงตูสู่เมืองคัชการ์ เขตซินเจียง ครอบคลุมเส้นทางยาว 8,000 กิโลเมตร ใช้เวลาเดินทาง 16 วันเต็ม ชมวิวธรรมชาติของซินเจียงแบบจุใจ ผ่านภูเขาหิมะ ทะเลทราย และทุ่งหญ้า

สำหรับค่าบริการต่อคนอยู่ที่ 55,900 หยวน (ราว 280,000 บาท) รวมค่าที่พักโรงแรมระดับ 4-5 ดาวจำนวน 8 คืน ค่าอาหาร และค่าเข้าชมสถานที่ท่องเที่ยว ตั๋วรถไฟช่วงพฤษภาคมถึงตุลาคม รวม 10 เที่ยว ถูกจองหมดเกลี้ยงอย่างรวดเร็ว โดยข้อมูลระบุว่า ผู้โดยสารกว่า 70% เป็นนักท่องเที่ยวจากต่างประเทศ แสดงให้เห็นว่าตลาดท่องเที่ยวระดับพรีเมียมยังคงร้อนแรง

“แพนด้า·เฉิงตู” มีทั้งหมด 18 โบกี้ แบ่งเป็นรถห้องพัก รถรับรอง รถครัว และรถบันเทิง พร้อมสิ่งอำนวยความสะดวกครบครัน เช่น บาร์ดนตรี โรงหนัง คาเฟ่ และพื้นที่แสดงวัฒนธรรม ทุกรายละเอียดออกแบบเพื่อประสบการณ์การเดินทางที่เหนือระดับ และเหมาะสำหรับนักท่องเที่ยวทั้งระยะสั้นและระยะไกล

ขณะเดียวกัน “New Orient Express” รถไฟท่องเที่ยวสุดหรูของการรถไฟอุรุมชี ยังคงเปิดให้บริการเส้นทางสายไหม โดยมีการเดินทางยาวสูงสุด 14 วัน ผ่านเมืองสำคัญอย่างตุนหวงและเจียยี่กวน เส้นทางดังกล่าวเคยให้บริการเฉพาะแขกต่างประเทศ และเคยต้อนรับบิล เกตส์ในทริปชมเส้นทางสายไหมจีน มาแล้ว

ทั้งนี้ รถไฟเฉิงตูจุผู้โดยสารได้ 108 คน ส่วน New Orient Express รับได้ 112 คน รถไฟเฉิงตูมีเตียงคู่ปรับเป็นโซฟาได้ ขณะที่ New Orient ใช้เตียงขนาดใหญ่กว่าเล็กน้อย เส้นทางเดินรถก็แตกต่าง โดยเฉิงตูเริ่มต้นจากเฉิงตู ลานโจว หรืออุรุมชี ส่วน New Orient เริ่มและสิ้นสุดที่อุรุมชี ราคาทั้งสองแตกต่างกันเล็กน้อย ขึ้นกับช่วงเวลาเดินทาง 

ชายอังกฤษวัย 53 ขับรถพุ่งใส่แฟนบอลลิเวอร์พูล บาดเจ็บกว่า 45 ราย กลางขบวนแห่ฉลองแชมป์

เมื่อวานนี้ (26 พ.ค.68) เกิดเหตุการณ์รถยนต์พุ่งชนฝูงชนที่กำลังเฉลิมฉลองการคว้าแชมป์พรีเมียร์ลีกสมัยที่ 20 ของสโมสรฟุตบอลลิเวอร์พูล บนถนนวอเตอร์สตรีท เมืองลิเวอร์พูล ประเทศอังกฤษ ส่งผลให้มีผู้บาดเจ็บ 47 ราย ในจำนวนนี้มีเด็ก 4 คน และมีผู้ได้รับบาดเจ็บสาหัส 2 ราย

เบื้องต้นผู้ขับขี่รถยนต์ดังกล่าว เป็นชายชาวอังกฤษ อายุ 53 ปี ถูกจับกุมในที่เกิดเหตุ โดยตำรวจเมอร์ซีย์ไซด์ระบุว่า เหตุการณ์นี้ไม่เกี่ยวข้องกับการก่อการร้าย และเชื่อว่าเป็นเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นโดยลำพัง

หนึ่งในผู้เห็นเหตุการณ์ระบุว่า ฝูงชนกรูเข้าทุบกระจกเพื่อหยุดยั้ง แต่คนขับกลับเร่งเครื่องพุ่งชนต่ออีก ชาวเมืองและแฟนบอลต่างตกตะลึงกับเหตุการณ์ที่ทำให้วันแห่งความสุขกลายเป็นฝันร้าย

ตำรวจขอความร่วมมือประชาชนงดเผยแพร่ภาพรุนแรงและหลีกเลี่ยงการคาดเดาสาเหตุของเหตุการณ์นี้ โดยระบุชัดเจนว่าผู้ต้องสงสัยเป็นชายผิวขาว เพื่อป้องกันการเผยแพร่ข้อมูลผิดพลาดในโซเชียลมีเดียที่เคยเกิดขึ้นก่อนหน้านี้

นายกรัฐมนตรีเคียร์ สตาร์เมอร์ แสดงความเสียใจต่อเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น และยกย่องความกล้าหาญของเจ้าหน้าที่ผู้เข้าช่วยเหลือ พร้อมกล่าวว่า “ทุกคน โดยเฉพาะเด็ก ๆ ควรได้เฉลิมฉลองฮีโร่ของพวกเขาโดยปลอดภัย” ขณะที่สโมสรลิเวอร์พูลและพรีเมียร์ลีกต่างออกแถลงการณ์แสดงความเสียใจต่อเหตุรุนแรงดังกล่าวเช่นกัน

จีนชูแผนใหม่ ‘Made in China’ ดันชิป-อุตสาหกรรมขั้นสูง ย้ำจุดยืนพึ่งพาการผลิต ไม่ยอมตามเกมสหรัฐอเมริกา

(27 พ.ค. 68) รัฐบาลประธานาธิบดีสี จิ้นผิง อยู่ระหว่างพิจารณาแผนแม่บทใหม่เพื่อผลักดันการผลิตเทคโนโลยีขั้นสูงต่อยอดจากโครงการ 'Made in China 2025' ซึ่งเน้นการพัฒนาอุปกรณ์ผลิตชิปและเทคโนโลยีสำคัญ โดยมีเป้าหมายรักษาความแข็งแกร่งในภาคการผลิต ท่ามกลางความพยายามของสหรัฐฯ ที่จะย้ายโรงงานกลับประเทศ

ขณะเดียวกัน จีนกำลังวางแผนพัฒนาเศรษฐกิจฉบับใหม่ที่จะเริ่มในปี 2026 โดยพยายามรักษาสัดส่วนภาคการผลิตในระบบเศรษฐกิจให้คงที่ในระยะยาว ทั้งนี้เจ้าหน้าที่บางส่วนยังไม่สนับสนุนการกำหนดเป้าหมายการบริโภคภายในประเทศ เนื่องจากยังไม่มีเครื่องมือที่มีประสิทธิภาพเพียงพอ

การหารือล่าสุดสะท้อนว่า จีนอาจยังคงกลยุทธ์เดิม แม้จะเผชิญแรงกดดันจากสหรัฐฯ และยุโรปที่ต้องการให้จีนลดการพึ่งพาภาคการผลิต โดยสหรัฐฯ ใช้มาตรการภาษีควบคุมการส่งออก และแยกตัวเชิงยุทธศาสตร์ในอุตสาหกรรมสำคัญ เช่น ชิปและยา เพื่อผลักดันการพึ่งพาตนเอง

อย่างไรก็ตาม จีนยังยืนกรานรักษามาตรการควบคุมแร่หายาก และผลักดันการบริโภคภายในประเทศแทนการพึ่งพาการส่งออกที่อาจลดลงจากผลกระทบของนโยบายสหรัฐฯ โดยนายกรัฐมนตรีหลี่ เฉียง ได้ระบุว่า 'การกระตุ้นการบริโภค' เป็นภารกิจหลักของรัฐบาลในปีนี้

ทรัมป์จวกปูติน ‘บ้า’ ปมถล่มยูเครนครั้งใหญ่ เตือนรุกรานยูเครนมาก จะพารัสเซียล่มสลาย

(26 พ.ค. 68) โดนัลด์ ทรัมป์ ประธานาธิบดีสหรัฐฯ วิจารณ์ประธานาธิบดีวลาดิเมียร์ ปูตินของรัสเซียอย่างรุนแรงผ่านแพลตฟอร์ม Truth Social โดยระบุว่าปูติน “บ้าไปแล้ว” และเตือนว่าหากยังคงพยายามยึดครองยูเครนทั้งหมด จะนำไปสู่ “จุดจบของรัสเซีย”

ทรัมป์แสดงความไม่พอใจต่อการที่รัสเซียยิงขีปนาวุธและโดรนโจมตีเมืองต่างๆ ในยูเครน พร้อมระบุว่าเป็นการสังหารผู้บริสุทธิ์โดยไม่จำเป็น และกำลังพิจารณาคว่ำบาตรรัสเซียเพิ่มเติม

นอกจากปูติน ทรัมป์ยังวิจารณ์ประธานาธิบดีโวโลดิมีร์ เซเลนสกีของยูเครน โดยกล่าวว่าท่าทีแข็งกร้าวของเซเลนสกี “สร้างปัญหา” และ “ควรหยุดพูดแบบนั้นได้แล้ว” พร้อมชี้ว่าความขัดแย้งนี้เป็นผลจาก “ความไร้ความสามารถ”

ทรัมป์ย้ำว่าสงครามยูเครนจะไม่เกิดขึ้นหากเขายังเป็นประธานาธิบดี โดยโยนความรับผิดชอบไปที่ปูติน เซเลนสกี และอดีตประธานาธิบดีโจ ไบเดน พร้อมยืนยันว่าเขาเพียงต้องการ “ช่วยดับไฟสงครามที่ใหญ่และน่าเกลียดนี้”


© Copyright 2021, All rights reserved. THE STATES TIMES
Take Me Top