Sunday, 16 February 2025
WORLD

‘รัฐบาลจีน’ ดึง ‘แจ๊ก หม่า - เหลียง เหวินเฟิง’ ร่วมประชุม ส่งสัญญาณ!! รัฐหนุนภาคเอกชน

(15 ก.พ. 68) จีนเชิญแจ๊ก หม่า (Jack Ma) ผู้ร่วมก่อตั้งอาลีบาบา กรุ๊ป (Alibaba Group) และเหลียง เหวินเฟิง (Liang Wenfeng) ผู้ก่อตั้งดีปซีก (DeepSeek) เข้าร่วมประชุมกับผู้บริหารระดับสูงที่อาจจะเกิดขึ้นในสัปดาห์หน้า ซึ่งคาดว่าสี จิ้นผิง ประธานาธิบดีจีนจะเข้าร่วมการประชุมดังกล่าวด้วยเช่นกัน

ตารางนัดหมายการประชุมยังถูกปกปิดเป็นความลับและยังไม่มีความชัดเจนจนถึงปัจจุบัน แต่การพบปะกันระหว่างสี จิ้นผิง และแจ๊ก หม่า ส่งสัญญาณอย่างชัดเจนว่าพรรคคอมมิวนิสต์จีนจะมีการสนับสนุนภาคเอกชนมากขึ้น หลังปล่อยให้เผชิญความระส่ำระสายมานานหลายปี

แจ๊ก หม่า นักธุรกิจรายใหญ่ของจีนผู้ซึ่งกล้าพูดตรงไปตรงมา กลายเป็นเหยื่อรายสำคัญที่ได้รับผลกระทบจากการปราบปรามภาคอสังหาฯเมื่อปี 2020 ของสี จิ้นผิง เมื่อรัฐบาลจีนช็อกผู้คนทั่วโลกด้วยการสกัดแผน IPO ของแอนท์ กรุ๊ป (Ant Group) ฟินเทคยักษ์ใหญ่ของแจ๊ก หม่า ซึ่งทำให้แจ๊ก หม่า สูญเงิน 35,000 ล้านดอลลาร์ในพริบตา และต้องหายจากหน้าสื่อไปหลายเดือน 

ทั้งนี้ สารสนเทศของคณะมุขมนตรีจีน (State Council Information Office) ไม่ได้ตอบสนองต่อคำถามเกี่ยวกับการประชุมดังกล่าวจากทางรอยเตอร์ เช่นเดียวกับตัวแทนของดีปซีกและอาลีบาบา

ปัจจุบัน รัฐบาลจีนดำเนินวิธีการที่ชวนวิวาทน้อยลง หลังเศรษฐกิจจีนเติบโตชะลอตัวและบริษัทต่าง ๆ อย่างอาลีบาบาปรับตัวให้สอดคล้องกับแนวทางการผลักดันทางปัญญาประดิษฐ์ (AI) ของสี จิ้นผิง

ขณะที่ เหลียง เหวินเฟิง กลายเป็นผู้นำด้านเอไอเพียงคนเดียวที่ได้รับเลือกให้เข้าร่วมวงประชุมเปิดระหว่างผู้ประกอบการกับผู้มีอำนาจสูงสุดเป็นอันดับ 2 ของประเทศอย่าง หลี่ เฉียง นายกรัฐมนตรีจีน ในวันที่ 20 มกราคม 2025 ด้านแจ๊ก หม่า ก็เริ่มค่อย ๆ ปรากฏตัวในที่สาธารณะมากขึ้น ได้มอบสุนทรพจน์เกี่ยวกับเอไอแก่พนักงานแอนท์ กรุ๊ป เมื่อเดือนธันวาคม 2024

‘สหรัฐฯ’ หยุดจ่ายเงิน!! ‘BBC’ หันมาชม!! ‘จีน’

(15 ก.พ. 68) เพจเฟซบุ๊ก ‘ลึกชัดกับผิงผิง’ โพสต์ข้อความระบุว่า …

หลายวันก่อน อีลอน มัสก์ปิดองค์การเพื่อการพัฒนาระหว่างประเทศแห่งสหรัฐอเมริกา (USAID)โดยตรง มิเพียงแต่เลิกจ้างพนักงานทั่วโลกจำนวนกว่าหมื่นคนเท่านั้น และยังตัดงบประมาณที่มียอดกว่า 50,000ล้านเหรียญสหรัฐต่อปี 

เรื่องนี้ทำให้ BBC โกรธมาก และหันมาชมจีนอย่างเต็มที่ ทีมงานของอีลอน มัสก์เปิดโปงว่าแต่ละปี สื่อจำนวนมากของสหรัฐอเมริกาและยุโรปล้วนได้เงินไม่น้อยจาก USAID ส่วน BBC ที่บอกว่าตัวเองเป็นสื่ออิสระและเป็นกลางนั้น ก็มีค่าตอบแทนเช่นกัน โดยแต่ละปีจะได้รับจากUSAIDหลายสิบล้านเหรียญสหรัฐ เมื่อ 1 เดือนก่อน สารคดีของ BBC ส่วนใหญ่บอกว่าจีนแย่แล้ว จีนจะพังแล้ว แต่หลังจากวันที่ 3 กุมภาพันธ์ ที่อีลอน มัสก์ตัดงบฯ แล้ว ทำให้ BBC โกรธมาก จึงเร่งพนักงานผลิตสารคดีเรื่อง 'โครงการเมดอินไชน่า 2025' ภายในเวลาไม่กี่วัน และออกอากาศด้วย 

สารคดีเรื่องนี้ชมจีนอย่างเต็มที่ อย่างเช่นโดรนทันสมัยนำหน้าของจีน รถยนต์พลังงานใหม่ของ BYD โครงการโซลาร์เซลล์ และ Deepseek เป็นต้น โดยไม่มีคำตำหนิใส่ร้ายใด ๆ มีแต่พูดเรื่องดี ๆ เท่านั้น 

สุดท้าย พิธีกรได้คำสรุปว่า 'โครงการเมดอินไชน่า 2025' ของจีนประสบความสำเร็จอย่างบริบูรณ์ สาเหตุคือ ระบบของจีน ความอดทนและการวางแผนระยะยาวของรัฐบาลจีน 

BBC ชอบรายงานจีนในเชิงลบ กระทั่งสร้างข่าวปลอมเกี่ยวกับจีน อย่างเช่นเหตุการณ์ผ้าฝ้ายซินเจียง แต่หลังจากอีลอน มัสก์ตัดงบฯ แล้ว BBC เปลี่ยนท่าทีจากผู้ต้านจีนมาเป็นผู้สนิทกับจีนทันที 

ดิฉันคิดว่า BBC ทำสารคดีดังกล่าว คงไม่ใช่สนิทกับจีนจริง ๆ แต่เป็นการเตือนสหรัฐฯ ว่า ถ้าไม่จ่ายเงินต่อ วันหลังก็จะไม่ทำตามคำสั่งอีกแล้ว ทีมงานของอีลอน มัสก์โพสต์ข้อความและยืนยันว่า USAIDให้เงินสนับสนุนแก่ผู้สื่อข่าวจำนวนกว่า 6,200 คน สื่อ 707 แห่ง และองค์การภาคเอกชน 279 แห่งของ 30 ประเทศ

TikTokกลับมาแล้ว!! ดาวน์โหลดได้อีกครั้งในสหรัฐฯ หลังถูกถอดออกจากแอปสโตร์

(14 ก.พ.68) หลังจากที่ถูกถอดออกจากแอปสโตร์ของแอปเปิ้ล (Apple) และเพลย์สโตร์ของกูเกิล (Google) เป็นเวลาหลายสัปดาห์ ติ๊กต๊อก (TikTok) ได้กลับมาพร้อมให้ดาวน์โหลดอีกครั้งในสหรัฐอเมริกา ความเคลื่อนไหวนี้เกิดขึ้นหลังจากที่แอปถูกถอดออกตามการบังคับใช้กฎหมายห้ามแอปจากจีนที่ได้รับการอนุมัติเมื่อปีที่แล้ว

อย่างไรก็ตาม อนาคตของติ๊กต๊อกยังไม่ชัดเจน เนื่องจากกฎหมายที่บังคับให้ไบต์แดนซ์ (ByteDance) เจ้าของแอปต้องขายกิจการเพื่อตอบสนองข้อกังวลด้านความมั่นคงแห่งชาติ ซึ่งเริ่มมีผลบังคับใช้ตั้งแต่วันที่ 19 มกราคมที่ผ่านมา

แต่แล้วการกลับมาของติ๊กต๊อกเกิดขึ้นเมื่อประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ ประกาศเลื่อนการบังคับใช้คำสั่งห้ามดังกล่าว โดยในวันที่ 20 มกราคม ซึ่งเป็นวันแรกที่เข้ารับตำแหน่ง ผู้นำสหรัฐฯ ลงนามขยายเวลาบังคับใช้คำสั่งดังกล่าวออกไปอีก 75 วัน จนถึงวันที่ 5 เมษายน

แม้ติ๊กต๊อกจะถูกถอดออกจากแพลตฟอร์มดิจิทัลทั้งสองแห่งนานเกือบเดือน แต่ข้อมูลจากคลาวด์แฟลร์ (Cloudflare Radar) ระบุว่าแอปสามารถฟื้นคืนยอดการเข้าชมได้ถึง 90% เมื่อเทียบกับช่วงก่อนหน้านี้

จีนจี้ทรัมป์ลดงบกลาโหม ตามนโยบาย America First ก่อนจะมาบีบจีน-รัสเซีย ให้ลดงบประมาณทางทหาร

(14 ก.พ.68) กระทรวงการต่างประเทศจีนกล่าวว่า สหรัฐฯ ควรยึดหลัก 'อเมริกาเป็นอันดับแรก' และควรเป็นผู้นำในการลดการใช้จ่ายด้านการทหาร โดยตั้งตนเป็นตัวอย่างในการลดงบประมาณทางทหาร

ก่อนหน้านี้เมื่อวันพฤหัสบดีที่ผ่านมา ประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ ของสหรัฐฯ ได้ประกาศว่าเขาวางแผนจะพบกับผู้นำของจีนและรัสเซียเพื่อหารือเกี่ยวกับการลดความตึงเครียดทางการทหาร โดยเฉพาะในเรื่องของอาวุธนิวเคลียร์

เรื่องดังกล่าวส่งผลให้กัว เจียคุน โฆษกกระทรวงการต่างประเทศจีน กล่าวกับผู้สื่อข่าว ว่า "เนื่องจากสหรัฐฯ ยึดหลัก 'อเมริกาเป็นอันดับแรก' ควรตั้งตนเป็นตัวอย่างและเริ่มลดการใช้จ่ายด้านการทหารก่อน"

เขายังกล่าวเพิ่มเติมว่า การใช้จ่ายด้านการป้องกันประเทศของจีน "โปร่งใส เปิดเผย มีเหตุผล และพอเหมาะ" โดยเมื่อเทียบกับมหาอำนาจทางทหารเช่นสหรัฐฯ การใช้จ่ายด้านการป้องกันประเทศของจีน 'ค่อนข้างต่ำ' ไม่ว่าจะเป็นเปอร์เซ็นต์ของ GDP ส่วนแบ่งของงบประมาณรัฐบาล หรือการใช้จ่ายด้านการทหารต่อหัว

แม้ว่าจีนจะมีนโยบายทางทหารที่เน้นการป้องกัน และไม่เข้าร่วมในความขัดแย้งใดๆ แต่ก็ยังคงเพิ่มงบประมาณการป้องกันประเทศทุกปีอย่างต่อเนื่อง โดยในปี 2023 การใช้จ่ายด้านการป้องกันประเทศเพิ่มขึ้น 7.2% โดยมีมูลค่ารวม 220 พันล้านดอลลาร์สหรัฐ และในปี 2024 ก็เพิ่มขึ้นอีก 7.2% ทำให้มูลค่ารวมอยู่ที่ 231.2 พันล้านดอลลาร์สหรัฐ งบประมาณการป้องกันประเทศที่เสนอสำหรับปี 2025 จะถูกเปิดเผยในวันที่ 5 มีนาคม เมื่อเปิดการประชุมสภานิติบัญญัติประจำปี

ทรัมป์สั่งยุบกระทรวงศึกษาธิการสหรัฐฯ ถามกลับ มีไว้ทำไมหากอันดับการศึกษาตกต่ำ

เมื่อวันที่ (12 ก.พ.68) โดนัลด์ ทรัมป์ ประธานาธิบดีสหรัฐฯ กล่าวว่ากระทรวงศึกษาธิการสหรัฐฯ นั้นเป็นแหล่งรวมเรื่องหลอกลวงครั้งใหญ่ และต้องการยุบกระทรวงฯ ทันที

ทรัมป์ระบุว่าจากการจัดอันดับระบบการศึกษา 40 ประเทศชั้นนำทั่วโลก สหรัฐฯ ติดอยู่ในอันดับที่ 40 แต่กลับครองอันดับที่ 1 ในแง่ต้นทุนค่าใช้จ่ายสำหรับนักเรียน

ก่อนหน้านี้ทรัมป์อ้างว่าเขาต้องการปิดกระทรวงฯ เพื่อคืนหน้าที่ความรับผิดด้านการศึกษาให้แต่ละรัฐดูแล และเคยเสนอให้ปิดกระทรวงฯ ในช่วงที่ดำรงตำแหน่งประธานาธิบดีสมัยแรก ซึ่งเป็นส่วนหนึ่งของการลดขนาดและหน้าที่ของรัฐบาลกลาง

สื่อสหรัฐฯ รายงานว่ากระทรวงฯ มีพนักงานอยู่ 4,245 คน และใช้จ่ายเงิน 2.51 แสนล้านดอลลาร์สหรัฐ (ราว 8.49 ล้านล้านบาท) ในปีล่าสุด ซึ่งการปิดกระทรวงฯ ทันทีอาจส่งผลกระทบต่อเงินช่วยเหลือนักเรียนตั้งแต่ระดับอนุบาลจนถึงมัธยมปลายหลายหมื่นล้านดอลลาร์สหรัฐ รวมถึงเงินช่วยเหลือค่าเล่าเรียนสำหรับนักศึกษาระดับมหาวิทยาลัย

ช่วงสัปดาห์หลังจากเข้ารับตำแหน่งประธานาธิบดี เมื่อวันที่ 20 ม.ค. ทรัมป์ได้ผลักดันการปฏิรูปครั้งใหญ่ภายในรัฐบาลกลางสหรัฐฯ ซึ่งรวมถึงเร่งลดจำนวนพนักงานของรัฐบาลกลางและอนุญาตให้กระทรวงประสิทธิภาพรัฐบาล ที่นำโดยอีลอน มัสก์ เข้าถึงระบบการชำระเงินสำคัญของหลายหน่วยงาน

นอกจากนี้ ทรัมป์ยังพยายามจะปิดอีกหลายหน่วยงาน เช่น สำนักงานเพื่อการพัฒนาระหว่างประเทศของสหรัฐฯ (USAID) โดยอ้างว่าหน่วยงานเหล่านี้เต็มไปด้วยการฉ้อโกงร้ายแรง ทว่าการปิดสำนักงานฯ และกระทรวงศึกษาธิการนั้นจำเป็นต้องได้รับการอนุมัติจากสภากองเกรส

เม็กซิโกจ่อฟ้อง Google ปมเปลี่ยนชื่อ 'อ่าวเม็กซิโก' เป็น 'อ่าวอเมริกา' ปัดตกคำสั่งจากทรัมป์ เรียกร้องยกเลิกทันที

(14 ก.พ.68) นางเคลาเดีย ไชน์บัม ประธานาธิบดีเม็กซิโก เปิดเผยว่า รัฐบาลของตนอาจดำเนินการฟ้องร้องคดีแพ่งต่อบริษัท Google หากจำเป็น หลังจากที่ Google เปลี่ยนชื่อ 'อ่าวเม็กซิโก' เป็น 'อ่าวอเมริกา' ในบริการแผนที่ของตน

ไชน์บัมกล่าวว่า การเปลี่ยนแปลงดังกล่าวเป็นความผิดพลาด และเป็นการทำตามคำสั่งของฝ่ายบริหารของโดนัลด์ ทรัมป์ อดีตประธานาธิบดีสหรัฐฯ แม้ว่าเธอจะได้ส่งจดหมายถึง Google เมื่อเดือนที่แล้วเพื่อแสดงความไม่พอใจกับการตัดสินใจนี้ โดยฮวน รามอน เดอ ลา ฟวนเต รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการต่างประเทศเม็กซิโก ก็ได้ส่งจดหมายอีกฉบับเพื่อยืนยันว่าอ่าวเม็กซิโกไม่สามารถถูกเรียกใหม่ว่า 'อ่าวอเมริกา'

ในขณะที่แอป Google Maps ได้ปรับเปลี่ยนชื่ออ่าวเม็กซิโกเป็น 'อ่าวอเมริกา' สำหรับผู้ใช้งานในสหรัฐฯ แต่ยังคงใช้ชื่อเดิมสำหรับผู้ใช้งานในเม็กซิโก ส่วนผู้ใช้ในประเทศอื่น ๆ จะเห็นทั้งสองชื่อ โดยการเปลี่ยนแปลงนี้เกิดขึ้นหลังจากที่ระบบข้อมูลชื่อทางภูมิศาสตร์ของรัฐบาลสหรัฐฯ ได้ปรับปรุงชื่อดังกล่าวตามคำสั่งฝ่ายบริหารของทรัมป์

ขณะนี้ ที่ปรึกษากฎหมายของรัฐบาลเม็กซิโกกำลังพิจารณาข้อกฎหมายในเรื่องนี้ โดยไชน์บัมได้ย้ำว่า Google เป็นเพียงบริษัทเอกชนที่ให้บริการแผนที่ ไม่ใช่องค์กรระหว่างประเทศที่มีอำนาจในการตัดสินใจเกี่ยวกับชื่อสถานที่ และต้องปฏิบัติตามกฎหมายของประเทศ

ทรัมป์อ้าแขนต้อนรับรัสเซียคืนสู่ G7 รับขับออกไปคือความผิดพลาด

(14 ก.พ.68) ประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ เปิดเผยเมื่อวันพฤหัสบดี (13 ก.พ.) ว่า เขาอยากเห็นรัสเซียกลับเข้าร่วมกลุ่ม G7 อีกครั้ง โดยมองว่าการขับไล่รัสเซียออกจากกลุ่มในอดีตเป็น 'ความผิดพลาด'

รัสเซียเคยเป็นสมาชิกของ G8 แต่ถูกถอดออกในปี 2014 หลังการผนวกไครเมียของยูเครน ทำให้เหลือเพียง G7 ในปัจจุบัน อย่างไรก็ตาม ทรัมป์เชื่อว่ารัสเซียสมควรได้รับที่นั่งกลับคืน

"ผมยินดีมากถ้าพวกเขากลับมา" ทรัมป์กล่าวจากทำเนียบขาว "มันไม่ได้เกี่ยวกับว่าจะชอบรัสเซียหรือไม่ แต่มันคือเรื่องของกลุ่ม G8 เราคุยกันเรื่องรัสเซียอยู่ตลอด ถ้าอย่างนั้นทำไมพวกเขาถึงไม่มีที่นั่งที่โต๊ะเจรจาล่ะ?"

ทรัมป์ยังเสริมว่าเขาคิดว่า ประธานาธิบดีวลาดิเมียร์ ปูติน ก็น่าจะอยากกลับมาเช่นกัน ขณะที่แคนาดา ซึ่งเป็นประธาน G7 ปีนี้ ยังไม่ได้ออกความเห็นเกี่ยวกับแนวคิดดังกล่าวของทรัมป์

ทรัมป์ยกหูคุยปูติน เล็งหารือด่วนสหรัฐฯ-รัสเซีย เผยคุยตรงไปตรงมาหวังหยุดสงครามยูเครน

(13 ก.พ.68) โดนัลด์ ทรัมป์ ประธานาธิบดีสหรัฐฯ ได้เปิดเผยผ่านแพลตฟอร์มทรูธ โซเชียล (Truth Social) ว่าเขาและวลาดิเมียร์ ปูติน ประธานาธิบดีรัสเซีย ได้ตกลงกันในการสนทนาทางโทรศัพท์ที่จะเริ่มการเจรจาโดยตรงระหว่างสหรัฐฯ กับรัสเซีย เพื่อหาทางยุติสงครามระหว่างยูเครนและรัสเซียที่ก่อให้เกิดความสูญเสียชีวิตจำนวนมาก

ทรัมป์กล่าวว่า การสนทนาของเขากับปูตินเป็นไปอย่างมีประสิทธิภาพและใช้เวลานาน โดยทั้งสองฝ่ายเห็นพ้องกันว่าการยุติความขัดแย้งนี้เป็นสิ่งที่จำเป็นเพื่อหยุดการสูญเสียชีวิตของประชาชนหลายล้านคนที่เกิดจากสงครามนี้

ทั้งนี้ ทรัมป์และปูตินได้ตกลงที่จะทำงานร่วมกันอย่างใกล้ชิด รวมถึงการเยือนประเทศของกันและกัน และยังเห็นพ้องให้คณะผู้แทนจากทั้งสองฝ่ายเริ่มการเจรจาทันที โดยเริ่มจากการติดต่อกับโวโลดีเมียร์ เซเลนสกี ประธานาธิบดียูเครน เพื่อแจ้งความคืบหน้าของการสนทนา

ทรัมป์ยังได้มอบหมายให้มาร์โก รูบิโอ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการต่างประเทศของสหรัฐฯ, จอห์น แรตคลิฟฟ์ ผู้อำนวยการสำนักข่าวกรองกลาง (CIA), ไมเคิล วอลซ์ ที่ปรึกษาความมั่นคงแห่งชาติ และสตีฟ วิตคอฟฟ์ ทูตพิเศษประจำตะวันออกกลาง เป็นผู้นำทีมเจรจาของสหรัฐฯ

ทรัมป์ได้แสดงความมั่นใจว่า การเจรจาระหว่างสหรัฐฯ และรัสเซียจะสามารถประสบความสำเร็จและนำไปสู่การยุติสงครามได้

วีซ่าง่าย-เงินเยนอ่อน ดึงนักท่องเที่ยวจีนแห่เที่ยว ยอดเดินทางแซงไทยหลังเจอวิกฤตความปลอดภัย

(13 ก.พ.68) ญี่ปุ่นแซงหน้าไทย กลายเป็นจุดหมายปลายทางยอดนิยมอันดับหนึ่งของนักท่องเที่ยวจีนในช่วงวันหยุดตรุษจีนในปีนี้ แซงหน้าประเทศไทยที่เคยเป็นจุดมุ่งหมายของนักเดินทางจีนช่วงเทศกาลตรุษจีน สาเหตุหลักมาจากนโยบายวีซ่าที่ผ่อนปรนและค่าเงินเยนที่อ่อนค่าลง

ข้อมูลจากเว็บไซต์ท่องเที่ยว Trip.com ของจีนระบุว่า จำนวนการจองทริปไปญี่ปุ่นในช่วงวันหยุดยาว 8 วันจนถึงวันที่ 4 กุมภาพันธ์ เพิ่มขึ้นเป็นสองเท่าจากปีที่แล้ว ตามรายงานของ Japan Today 

นอกจากญี่ปุ่นแล้ว ประเทศที่ได้รับความนิยมจากนักท่องเที่ยวจีนยังรวมถึงไทย มาเลเซีย สิงคโปร์ และออสเตรเลีย ตามข้อมูลจากบริษัทท่องเที่ยวดังกล่าว  

ปัจจัยสำคัญที่ทำให้ญี่ปุ่นได้รับความนิยมเพิ่มขึ้น ได้แก่ ราคาตั๋วเครื่องบินที่ถูกลง ค่าเงินเยนที่อ่อนค่าลง และกฎระเบียบด้านวีซ่าที่ผ่อนคลายมากขึ้น South China Morning Post รายงาน  

เมื่อเดือนธันวาคมที่ผ่านมา ญี่ปุ่นได้ผ่อนปรนเงื่อนไขการขอวีซ่าสำหรับนักท่องเที่ยวชาวจีน โดยขยายระยะเวลาสูงสุดของวีซ่าหลายครั้งเข้าออกจาก 5 ปีเป็น 10 ปี และเพิ่มระยะเวลาพำนักสูงสุดของนักท่องเที่ยวแบบหมู่คณะจาก 15 วันเป็น 30 วัน  

ในปีที่แล้ว ประเทศไทยยังครองตำแหน่งจุดหมายปลายทางยอดนิยมอันดับหนึ่งของนักท่องเที่ยวจีนในช่วงตรุษจีน  

อย่างไรก็ตาม เหตุการณ์ลักพาตัวนักแสดงชาวจีน หวัง ซิง ใกล้ชายแดนไทย-เมียนมาเมื่อเดือนมกราคมที่ผ่านมา ได้สร้างความกังวลเกี่ยวกับความปลอดภัย ส่งผลให้นักท่องเที่ยวจีนหลายคนทบทวนแผนการเดินทาง  

ทั้งนี้ รัฐบาลไทยได้ให้คำมั่นหลายครั้งว่าจะเพิ่มมาตรการรักษาความปลอดภัยเพื่อปกป้องนักท่องเที่ยวจีนที่เดินทางมาเยือน แต่ตัวเลขของนักท่องเที่ยวจีนที่มาไทยก็ยังไม่ฟื้นตัวมากนัก

สหรัฐตัดโอกาสยูเครนเป็นสมาชิกนาโต แถมขอคืนพรมแดนเดิมก็ไม่ได้

(13 ก.พ.68) รัฐมนตรีกลาโหมสหรัฐ พีต เฮกเซธ ประกาศจุดยืนชัดเจนระหว่างการประชุมรัฐมนตรีกลาโหมขององค์การสนธิสัญญาแอตแลนติกเหนือ (นาโต) ว่า สหรัฐไม่สนับสนุนการเข้าร่วมเป็นสมาชิกนาโตของยูเครน และเตือนว่าความพยายามของเคียฟในการฟื้นคืนพรมแดนเดิมเป็นเป้าหมายที่เป็นไปได้ยาก

เฮกเซธระบุว่า แม้สหรัฐเห็นความสำคัญของการให้หลักประกันด้านความมั่นคงแก่ยูเครน แต่การให้ยูเครนเป็นสมาชิกนาโตนั้น 'ไม่อยู่ในทางเลือก' พร้อมย้ำว่าสหรัฐไม่มีแผนส่งกำลังทหารเข้าไปปฏิบัติการในยูเครนไม่ว่ามติใดจะถูกเสนอขึ้นก็ตาม ทั้งนี้ เขาเชื่อว่าภาระด้านความมั่นคงของยูเครนควรเป็นหน้าที่หลักของกองทัพยุโรป

นอกจากนี้ เฮกเซธกล่าวถึงความพยายามของประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ ในการผลักดันให้รัสเซียกลับสู่การเจรจาในประเด็นพลังงาน โดยหวังว่าจะช่วยบรรเทาปัญหาราคาเชื้อเพลิงที่พุ่งสูงขึ้นทั่วโลก อย่างไรก็ตาม สหรัฐต้องการให้ยุโรปร่วมแบ่งเบาภาระค่าใช้จ่ายเกี่ยวกับยูเครน แทนที่จะปล่อยให้สหรัฐเป็นฝ่ายรับผิดชอบหลัก

ในส่วนของงบประมาณด้านการป้องกันประเทศ เฮกเซธย้ำถึงเป้าหมายของทรัมป์ที่ต้องการให้สมาชิกนาโตเพิ่มการใช้จ่ายด้านกลาโหมจาก 2% ของจีดีพีเป็น 5% อย่างไรก็ตาม มาร์ค รึตเตอ เลขาธิการนาโต เปิดเผยว่าขณะนี้กำลังมีการหารือถึงการขยายสัดส่วนดังกล่าวให้สูงกว่า 3% เป็นเป้าหมายเบื้องต้น

ผู้นำกองกำลังติดอาวุธกะเหรี่ยงประท้วง หลังรัฐบาลไทยขอหมายจับ คดีค้ามนุษย์และแก๊งต้มตุ๋นออนไลน์

ซอ ชิต ตู่ (Saw Chit Thu) หรือที่รู้จักในอีกชื่อว่า หม่อง ชิต ตู่  ผู้นำกองกำลังกะเหรี่ยงที่มีสายสัมพันธ์กับรัฐบาลทหารเมียนมา ออกมาคัดค้านแผนการของรัฐบาลไทยที่เตรียมจับกุมเขา เนื่องจากศูนย์หลอกลวงทางออนไลน์จำนวนมากที่ดำเนินการอยู่ในพื้นที่ภายใต้การควบคุมของเขาในเมืองเมียวดี รัฐกะเหรี่ยง ซึ่งตั้งอยู่ติดชายแดนไทย

"ผมอยากถามว่า ผมทำอะไรให้ประเทศไทยถึงต้องมีการจับกุม?" ซอ ชิต ธู กล่าวกับบีบีซีภาษาพม่า "ผมก่อการกบฏต่อประเทศไทยหรือไม่?"

ซอ ชิต ตู่ เป็นผู้นำกองกำลังพิทักษ์ชายแดน (BGF) ซึ่งเป็นกองกำลังติดอาวุธของกลุ่มชาติพันธุ์ที่ร่วมมือกับรัฐบาลทหารเมียนมา เขาดูแลศูนย์กลางธุรกิจหลอกลวงทางออนไลน์ในพื้นที่ชเวก๊กโก (Shwe Kokko) เมืองเมียวดี ซึ่งดำเนินการร่วมกับบริษัท Yatai International ของเซ่อ จื้อเจียง (She Zhijiang) อาชญากรชาวจีนที่ปัจจุบันถูกคุมขังในกรุงเทพฯ

เมื่อวันอังคารที่ผ่านมา กรมสอบสวนคดีพิเศษของไทย (DSI) ได้ยื่นคำร้องขอหมายจับ 3 ผู้นำ BGF ได้แก่ ซอ ชิต ตู่, พันโทโมท โทรน (Lieutenant Colonel Mote Thone) และพันตรีทิน วิน (Major Tin Win) ในข้อหาค้ามนุษย์

พวกเขาถูกกล่าวหาว่ามีส่วนเกี่ยวข้องกับการค้ามนุษย์ชาวอินเดีย ซึ่งถูกบังคับให้ทำงานในศูนย์หลอกลวงทางโทรศัพท์ (Call Center Scam)

ตั้งแต่การรัฐประหารในเมียนมาเมื่อปี 2564 ศูนย์หลอกลวงทางออนไลน์ที่มุ่งเป้าไปยังชาวจีนได้ขยายตัวอย่างรวดเร็วตามแนวชายแดน โดยเฉพาะในเมืองเมียวดี รายงานระบุว่ามีชาวต่างชาติจำนวนมากจากหลายประเทศ รวมถึงคนในท้องถิ่น ถูกบังคับให้ทำงานในขบวนการเหล่านี้หลังจากถูกค้ามนุษย์ผ่านทางภาคเหนือของไทย พร้อมกับมีการทรมานและการละเมิดสิทธิมนุษยชน

อย่างไรก็ตาม ซอ ชิต ตู่ ยืนยันกับบีบีซีภาษาพม่าว่า กลุ่มติดอาวุธของเขาได้พยายามอย่างมากในการปราบปรามการค้ามนุษย์ และช่วยเหลือเหยื่อจำนวนมากให้รอดพ้นจากการค้ามนุษย์ "แต่ความพยายามของเราไม่เคยได้รับการรายงานในข่าว" เขากล่าว

"แผนการออกหมายจับเป็นอันตรายอย่างมากต่อพวกเรา ผมรู้สึกเสียใจอย่างแท้จริงกับการกระทำของฝ่ายไทย" เขากล่าวเสริม

พันโทนายเมียว ซอว์ (Naing Maung Zaw) โฆษกของ BGF กล่าวกับสื่อ The Irrawaddy ว่า "เราได้ทำผิดอะไรหรือไม่ถึงต้องถูกออกหมายจับ? เราไม่ได้ทำอะไรผิดเลย ดังนั้นเราไม่มีความเห็นใดๆ"

BGF ยังอ้างว่ากำลังจัดตั้งหน่วยเฉพาะกิจพิเศษ นำโดยซอ ชิต ธู เพื่อกำจัดเครือข่ายหลอกลวงทางไซเบอร์ในพื้นที่ที่ BGF ควบคุมในเมืองเมียวดี

องค์กรสิทธิมนุษยชน Justice for Myanmar ได้เปิดโปงการมีส่วนร่วมของ BGF กับธุรกิจหลอกลวงออนไลน์ที่ดำเนินการโดยชาวจีน รวมถึงบ่อนการพนันผิดกฎหมายในเมียวดี ตั้งแต่เดือนพฤษภาคมปีที่แล้ว

รัฐบาลสหราชอาณาจักรได้คว่ำบาตรซอ ชิต ตู่ ในเดือนธันวาคม 2566 ฐานเกี่ยวข้องกับการค้ามนุษย์ การใช้แรงงานบังคับ และการละเมิดสิทธิมนุษยชน ขณะที่สหภาพยุโรป (EU) ก็ได้คว่ำบาตรโมท โทรน และทิน วิน ด้วยเช่นกัน

เมื่อเดือนที่แล้ว กองกำลัง BGF กลับมาอยู่ในความสนใจของสื่ออีกครั้ง หลังจากมีรายงานว่าหวัง ซิง (Wang Xing) นักแสดงชื่อดังชาวจีน ถูกลักพาตัวไปยังเมืองเมียวดี ไทยถูกกดดันจากรัฐบาลจีนให้นำตัวเขากลับมา และตำรวจไทยได้ช่วยเหลือหวัง ซิง ออกจากศูนย์หลอกลวงได้สำเร็จ แม้ว่ารายละเอียดของปฏิบัติการดังกล่าวจะไม่ได้รับการเปิดเผยทั้งหมด

ขณะที่จีนเพิ่มแรงกดดันต่อเมียนมา ทางการไทยจึงตอบโต้โดยการตัดไฟฟ้า อินเทอร์เน็ต และการขนส่งเชื้อเพลิงไปยังพื้นที่ห้าจุดในเมียนมาเมื่อสัปดาห์ที่แล้ว ซึ่งรวมถึงพื้นที่ที่อยู่ภายใต้การควบคุมของซอ ชิต ธู และกองกำลังกะเหรี่ยง DKBA (Democratic Karen Benevolent Army) ในเมืองเมียวดี

พลเอกไซ จ่อ ลา (General Sai Kyaw Hla) ผู้บัญชาการเขตทหารที่ 1 ของ DKBA กล่าวกับ The Irrawaddy ว่ากองกำลังของเขาจะไม่อนุญาตให้มีศูนย์หลอกลวงออนไลน์อีกต่อไป ยกเว้นธุรกิจการพนันออนไลน์ในพื้นที่เกี๊ยวก๊าด (Kyauk Khat)

เขาอ้างว่ามีชาวต่างชาติกว่า 100 คนที่ถูกค้ามนุษย์มาทำงานในศูนย์เหล่านี้ได้รับการช่วยเหลือ และจะถูกส่งตัวให้กับเจ้าหน้าที่ไทย "เร็วๆ นี้"

หลังจากไทยตัดเสบียง ทางการทหารเมียนมาและ BGF ได้ร่วมกันส่งตัวเหยื่อค้ามนุษย์ 61 คนจาก 7 ประเทศให้กับทางการไทย นอกจากนี้ รัฐบาลทหารเมียนมายังได้บุกตรวจค้นศูนย์การพนันและหลอกลวงออนไลน์ในเมืองม่องหย่าย (Mongyai) รัฐฉานตอนเหนือ ซึ่งยังคงอยู่ภายใต้การควบคุมของรัฐบาลทหาร โดยสามารถจับกุมผู้ต้องสงสัยได้กว่า 100 คน รวมถึงชาวต่างชาติหลายสิบคน

ในขณะเดียวกัน ทางการไทยได้ปลดพล.ต.ต.เอกราษฎร์ อินต๊ะสืบ และ พล.ต.ต.สัมฤทธิ์ เอี่ยมกมล ออกจากตำแหน่ง เนื่องจากมีส่วนพัวพันกับธุรกิจการพนันและศูนย์หลอกลวงออนไลน์ในเมียวดี รวมถึงความล้มเหลวในการหยุดยั้งการค้ามนุษย์

เปิดแคมเปญซื้อแคลิฟอร์เนีย ตอบโต้ข้อเสนอฮุบกรีนแลนด์

(13 ก.พ.68) เดนมาร์กเปิดแคมเปญประชดประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ ด้วยข้อเสนอซื้อรัฐแคลิฟอร์เนียจากสหรัฐฯ เพื่อตอบโต้ความพยายามของทรัมป์ที่ต้องการให้เกาะกรีนแลนด์กลายเป็นส่วนหนึ่งของอเมริกา

แคมเปญนี้ใช้สโลแกน 'Make California Great Again' หรือ "ทำให้แคลิฟอร์เนียกลับมายิ่งใหญ่อีกครั้ง" ซึ่งตั้งใจล้อเลียนคำขวัญหาเสียงของทรัมป์ โดยเสนอว่าหากรัฐแคลิฟอร์เนียอยู่ภายใต้การดูแลของเดนมาร์ก ชาวเมืองจะได้สัมผัสกับค่านิยมแบบสแกนดิเนเวีย ไม่ว่าจะเป็นระบบสุขภาพถ้วนหน้า นโยบายการเมืองที่อิงข้อเท็จจริง รวมถึงวิถีชีวิตที่มี 'ฮุกกะ' ปรัชญาแห่งความสุขแบบเดนิช

ผู้สนับสนุนแคมเปญยังระบุว่า หากแคลิฟอร์เนียกลายเป็นของเดนมาร์ก ฮอลลีวูดอาจได้เห็นการเปลี่ยนแปลงครั้งใหญ่ ตั้งแต่การเพิ่มเลนจักรยานในเบเวอร์ลีฮิลส์ ไปจนถึงการแพร่หลายของ 'สมอร์บรอด' หรือแซนด์วิชเปิดหน้าสไตล์เดนิช ตามท้องถนนของลอสแอนเจลิส

ข้อความประชาสัมพันธ์ของแคมเปญยังระบุอย่างติดตลกว่า “ลองมองแผนที่แล้วคิดดูสิ เดนมาร์กต้องการอะไร? เราต้องการแสงแดด ต้นปาล์ม และโรลเลอร์สเกต! นี่เป็นโอกาสครั้งหนึ่งในชีวิตที่จะทำให้ฝันนั้นเป็นจริง”

เป้าหมายของแคมเปญคือรวบรวมรายชื่อให้ได้ 500,000 รายชื่อ และแม้จะมีการประกาศระดมทุน 1 ล้านล้านดอลลาร์ แต่ในความเป็นจริง แคมเปญนี้ไม่ได้เปิดรับเงินบริจาคแต่อย่างใด ขณะนี้มีชาวเดนมาร์กมากกว่า 200,000 คนที่ร่วมลงชื่อสนับสนุน

แนวคิดการซื้อแคลิฟอร์เนียมีขึ้นท่ามกลางความขัดแย้งทางการเมืองระหว่างทรัมป์และผู้ว่าการรัฐแคลิฟอร์เนีย เกวิน นิวซัม โดยเฉพาะในประเด็นนโยบายผู้อพยพ ซึ่งล่าสุด นิวซัมได้จัดสรรงบประมาณ 50 ล้านดอลลาร์เพื่อช่วยเหลือผู้ได้รับผลกระทบจากปฏิบัติการเนรเทศของรัฐบาลทรัมป์

ด้านทรัมป์เองเคยพยายามผลักดันแนวคิดซื้อเกาะกรีนแลนด์จากเดนมาร์กตั้งแต่ปี 2019 แต่ถูกปฏิเสธมาโดยตลอด ล่าสุดเขายังระบุว่าอาจใช้มาตรการทางเศรษฐกิจหรือแม้แต่ทางทหารเพื่อกดดันให้เดนมาร์กยอมยกกรีนแลนด์ให้กับสหรัฐฯ

อย่างไรก็ตาม มุขมนตรีกรีนแลนด์ได้ย้ำชัดเจนว่ากรีนแลนด์ไม่ใช่สินค้าที่สามารถซื้อขายได้ และอนาคตของเกาะแห่งนี้ขึ้นอยู่กับการตัดสินใจของประชาชนกรีนแลนด์เอง

ทรัมป์เอาคืน!! เดินหน้าฟันภาษีโต้กลับชาติที่เก็บภาษีสหรัฐฯ ลั่นอเมริกาถูกเอาเปรียบมานานแล้ว

ประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ เปิดเผยเมื่อวันพุธ (12 ก.พ.68) ว่า เขามีแผนลงนามคำสั่งใช้มาตรการภาษีศุลกากรตอบโต้ (Reciprocal Tariffs) กับประเทศที่เรียกเก็บภาษีสินค้านำเข้าจากสหรัฐฯ โดยคาดว่าจะมีการดำเนินการภายในสัปดาห์นี้

"ผมอาจจะดำเนินการในวันพรุ่งนี้เช้า หรืออาจใช้เวลาพิจารณาเพิ่มเติม แต่แน่นอนว่าเราจะเดินหน้ากับมาตรการนี้" ทรัมป์กล่าวกับผู้สื่อข่าวในห้องทำงานรูปไข่ของทำเนียบขาว พร้อมเน้นย้ำว่า "สหรัฐฯ ถูกเอาเปรียบจากนโยบายการค้าระหว่างประเทศมานานหลายปีแล้ว"

ก่อนหน้านี้ สำนักข่าวเกียวโดรายงานว่า ในการประชุมร่วมกับนายกรัฐมนตรีชิเงรุ อิชิบะของญี่ปุ่นเมื่อปลายสัปดาห์ที่ผ่านมา ทรัมป์ได้กล่าวถึงแนวทางการใช้มาตรการภาษีศุลกากรตอบโต้ โดยระบุว่าอาจมีการประกาศอย่างเป็นทางการในวันจันทร์หรืออังคาร

เมื่อวันจันทร์ (10 ก.พ.) ผู้นำสหรัฐฯ ได้สั่งปรับขึ้นอัตราภาษีสำหรับการนำเข้าเหล็กและอะลูมิเนียมจาก 10% เป็น 25% โดยให้เหตุผลว่านโยบายดังกล่าวเป็นส่วนหนึ่งของมาตรการปกป้องอุตสาหกรรมในประเทศ

อย่างไรก็ตาม การดำเนินมาตรการทางภาษีของทรัมป์ได้ก่อให้เกิดความกังวลในหมู่พันธมิตรทางเศรษฐกิจและประเทศคู่ค้าของสหรัฐฯ รวมถึงภาคธุรกิจและนักลงทุนทั้งในและต่างประเทศ ขณะเดียวกัน นักเศรษฐศาสตร์บางส่วนเตือนว่าการขึ้นภาษีอาจนำไปสู่ภาวะเงินเฟ้อที่รุนแรงขึ้นในสหรัฐฯ

‘BCN’ บริษัทวิจัยตลาดของญี่ปุ่น เผยข้อมูล!! แบรนด์ทีวีที่ขายดี ‘ทีวีแบรนด์จีน’ ยึดครึ่งหนึ่ง ของตลาดญี่ปุ่น ได้สำเร็จ!!

(12 ก.พ. 68) ในปีที่ผ่านมา ไฮเซนส์ (Hisense) กลายเป็นแบรนด์ทีวีที่ขายดีที่สุดในญี่ปุ่น ด้วยส่วนแบ่งตลาด 41.1% โดยแบ่งเป็น REGZA ซึ่งเป็นแบรนด์ที่ไฮเซนส์เข้าซื้อจากโตชิบา คิดเป็น 25.4% และทีวีภายใต้ชื่อแบรนด์ไฮเซนส์เองอีก 15.7% ส่วน TCL ครองส่วนแบ่งตลาด 9.7% แซงหน้าแบรนด์ญี่ปุ่นอย่าง โซนี่ (Sony) และพานาโซนิค (Panasonic)

ปัจจัยสำคัญที่ทำให้ทีวีจีนได้รับความนิยมคือ คุณภาพสูงในราคาที่เข้าถึงได้ โดยเฉพาะในช่วงการแพร่ระบาดของโควิด-19 ที่ทำให้ความต้องการทีวีสมาร์ทในญี่ปุ่นเพิ่มขึ้นอย่างมาก ไฮเซนส์และ TCL ใช้กลยุทธ์ ราคาคุ้มค่า และเทคโนโลยีล้ำสมัย ดึงดูดผู้บริโภค

ยกตัวอย่างเช่น ทีวีไฮเซนส์ขนาด 55 นิ้ว ที่จำหน่ายในญี่ปุ่น มีราคาเพียงไม่ถึง 100,000 เยน (ประมาณ 23,000 บาท) ในขณะที่ทีวีขนาดเดียวกันของพานาโซนิคราคาเกือบ สองเท่า นอกจากนี้ ผู้บริโภครุ่นใหม่ในญี่ปุ่นหันมาให้ความสนใจแบรนด์จีนมากขึ้น โดยพวกเขามักศึกษาข้อมูลจากอินเทอร์เน็ตก่อนตัดสินใจซื้อ

"สมัยก่อน คนญี่ปุ่นจะเลือกซื้อทีวีแบรนด์ญี่ปุ่นเป็นหลัก แต่ตอนนี้แนวคิดนั้นเริ่มเปลี่ยนไป โดยเฉพาะในหมู่คนรุ่นใหม่ที่ให้ความสำคัญกับฟังก์ชันและราคา มากกว่าชื่อแบรนด์" พนักงานร้านขายเครื่องใช้ไฟฟ้าในโตเกียวให้สัมภาษณ์

ในอดีต ทีวีจีนมักถูกมองว่าเป็น "ของราคาถูก คุณภาพต่ำ" แต่สถานการณ์เปลี่ยนไปแล้ว ปัจจุบันแบรนด์จีนไม่เพียงแต่ครองตลาดระดับกลางและล่าง แต่ยังเริ่มรุกตลาดทีวีระดับพรีเมียมอีกด้วย

เทรนด์ที่เกิดขึ้นในญี่ปุ่น กำลังเกิดขึ้นในตลาดโลกเช่นกัน ซัมซุง และ LG ซึ่งเคยครองตลาดทีวีระดับไฮเอนด์ กำลังสูญเสียส่วนแบ่งให้ไฮเซนส์และ TCL

รายงานจาก Counterpoint Research ระบุว่า การเติบโตของแบรนด์จีนกำลัง "ทำลายการผูกขาด" ของแบรนด์เกาหลีใต้ในตลาดทีวีระดับไฮเอนด์ โดยเฉพาะในกลุ่ม OLED, QD LCD และ MiniLED LCD

ทีวีจีนไม่ได้เป็นเพียงแค่ "ทางเลือกที่ถูกกว่า" อีกต่อไป แต่กำลังกลายเป็นผู้นำในด้านเทคโนโลยีและนวัตกรรม หากแนวโน้มนี้ยังดำเนินต่อไป อาจเห็นแบรนด์จีนครองตลาดโลกได้มากขึ้นในอีกไม่กี่ปีข้างหน้า

‘ทรัมป์’ สั่ง!! ICE ลุยกวาดล้าง ผู้อพยพผิดกฎหมาย รวบ!! เทพีทานตะวัน โจแอน หลิว ได้ที่บอสตัน

(12 ก.พ. 68) เพจเฟซบุ๊ก ‘Ethan Hunts’ ได้โพสต์ข้อความระบุว่า ....

เมื่อหน่วยงานดูแลผู้อพยพสหรัฐ เอเคเอ ICE ลงมือกวาดล้างผู้อพยพผิดกฎหมายตามคำสั่งทรัมป์ ซึ่งเริ่มดำเนินการอย่างต่อเนื่อง ตั้งแต่วันที่สาบานตนเข้ารับตำแหน่ง

นี่คืออีกผลงานหนึ่ง เมื่อ ICE ตรวจสอบพบผู้อพยพผิดกฎหมายชื่อดัง ฉายา “เทพีทานตะวัน“ นางสาวโจแอน หลิว หรือชื่อจีน หลิวเฉียวอัน นักกิจกรรมไต้หวัน หนึ่งในผู้ปลุกระดมมวลชนต่อต้านจีน หรือ การปฏิวัติสีดอกทานตะวัน เมื่อปี 2014

เธอเข้ามาในสหรัฐตั้งแต่ปี 2019 จนวีซ่าหมด ก็ยังไม่กลับประเทศ จนมาถูกรวบตัวที่บอสตัน เมื่อวันที่ 23 มกราคม 2025 ที่ผ่านมา
นางสาวโจแอน ถูกจับในข้อหาค้ายา และฉ้อโกงเพื่อหาเงินใช้ในกิจกรรมด้านการเมืองของ DPP โดยใช้นามแฝงว่า “โจโจ้” 

ย้อนไปเมื่อครั้งร่วมเคลื่อนไหวกลุ่มต่อต้านจีน นางสาวโจแอน ยังมีคดีติดตัว ในฐานะจัดหา บริการทางเพศ โดยที่ตัวเธอเองก็รับงานในตลาดบน(กลุ่มลูกค้าไฮโซ) อนึ่งผ้าโพกหัวที่เธอใช้ มีข้อความว่า “ประชาธิปไตยไม่สามารถซื้อหรือขายได้!“ (แต่การค้าบริการฯ อนุโลม?)

การประท้วงดอกทานตะวัน ในปี 2014 นั้นมีขึ้นเพื่อต่อต้านพรรค KMT ในขณะนั้นที่จะออกกฎหมายเอื้อทางเศรษฐกิจกับจีน ซึ่งว่าไปแล้วไต้หวันได้เปรียบมากมาย จากการที่การค้าส่วนใหญ่ก็ทำกับจีนอยู่แล้ว

เธอจะถูกส่งตัวกลับไต้หวัน ซึ่งอาจจะไปรับโทษต่อที่บ้านเกิด เพราะยังมีคดีเมาแล้วขับซึ่งมีผู้เสียชีวิต 2 ราย และคดีคุกคามทางเพศเยาวชน


© Copyright 2021, All rights reserved. THE STATES TIMES
Take Me Top