Wednesday, 7 June 2023
WORLD

จีน’ ออกโรงเตือน ‘สหรัฐฯ’ ตั้งกลุ่มพันธมิตรสไตล์ ‘นาโต’ มีแต่ทำ ‘เอเชีย-แปซิฟิก’ จมลงสู่วังวนแห่งความขัดแย้ง

เมื่อไม่นานนี้ รัฐมนตรีกลาโหมจีน เตือนการจัดตั้งกลุ่มพันธมิตรทางทหารสไตล์ ‘นาโต’ รังแต่จะทำให้ ‘เอเชีย-แปซิฟิก’ เจอกับวังวนความขัดแย้ง ย้ำโลกจะต้องเผชิญหายนะที่ไม่อาจทนทานได้ หากมีการเผชิญหน้ารุนแรงระหว่างจีนกับอเมริกา กระนั้น เขาก็ย้ำว่าประเทศของเขามุ่งแสวงหาการสนทนากันมากกว่าการเผชิญหน้า สำหรับทางด้านนายใหญ่เพนตากอน แสดงความไม่พอใจที่เรือจีนพุ่งตัดหน้าเรือพิฆาตของสหรัฐฯ ในระยะประชิด ขณะที่กองทัพปักกิ่งโต้ว่า อเมริกาและแคนาดาจงใจยั่วยุให้เกิดความเสี่ยงจากการร่วมกันเดินเรือผ่านช่องแคบไต้หวัน

‘หลี่ ช่างฝู’ รัฐมนตรีกลาโหมจีน กล่าวปราศรัยในเวทีประชุมความมั่นคง แชงกรีลา ไดอะล็อก ที่สิงคโปร์เมื่อวันอาทิตย์ (4 มิ.ย.) ว่า ความพยายามในการจัดตั้งกลุ่มพันธมิตรทางทหารในรูปแบบคล้ายกับองค์การสนธิสัญญาแอตแลนติกเหนือ (นาโต) ในเอเชีย-แปซิฟิกรังแต่จะทำให้ภูมิภาคนี้เผชิญวังวนความขัดแย้งและการเผชิญหน้า

การแสดงความคิดเห็นนี้ตอกย้ำคำวิจารณ์ของจีนต่อความพยายามของอเมริกาในการรวบรวมพันธมิตรในเอเชีย-แปซิฟิก ด้วยข้ออ้างว่าเพื่อต่อต้านอิทธิพลที่เพิ่มขึ้นของปักกิ่ง ขณะที่จีนตอบโต้ว่าเป็นความพยายามของวอชิงตันที่จะรักษาฐานะความเป็นเจ้าใหญ่เหนือใคร ๆ ของพวกเขาเอาไว้

ทั้งนี้ อเมริการิเริ่มผลักดันและเข้าเป็นสมาชิกของกลุ่มออคัส ที่ประกอบด้วยออสเตรเลียและอังกฤษ ตลอดจนกลุ่มควอด ที่มีทั้งออสเตรเลีย อินเดีย และญี่ปุ่น

หลี่เสริมว่า เอเชีย-แปซิฟิกวันนี้ต้องการการร่วมมือที่เปิดกว้างและครอบคลุมทุกประเทศ ไม่ใช่การจับกลุ่มยิบย่อยมาต่อต้านชาติอื่น

รัฐมนตรีกลาโหมจีนยังพยายามสร้างภาพให้อเมริกาเป็นผู้ปลุกปั่นให้เอเชียไร้เสถียรภาพ ขณะที่จีนต้องการผ่อนคลายสถานการณ์ โดยกล่าวว่า โลกใหญ่พอที่จีนและอเมริกาจะเติบโตไปพร้อมกัน นอกจากนั้น แม้มีระบบและหลาย ๆ อย่างต่างกัน แต่ไม่ได้ขัดขวางไม่ให้สองประเทศแสวงหาผลประโยชน์ร่วมกันในการเสริมสร้างความสัมพันธ์และการร่วมมือ และคงไม่อาจปฏิเสธได้ว่า หากเกิดความขัดแย้งหรือการเผชิญหน้ารุนแรงระหว่างจีนกับอเมริกา โลกจะต้องเผชิญหายนะที่ไม่อาจทนทานได้

ก่อนหน้านี้ ในวันเสาร์ (3 มิ.ย.) ลอยด์ ออสติน รัฐมนตรีกลาโหมสหรัฐฯ ที่ร่วมการประชุมแชงกรีลาที่จัดขึ้นที่สิงคโปร์ด้วยเช่นกัน ประณามจีนที่ปฏิเสธการจัดการหารือทางทหาร โดยระบุว่า การหารือเป็นสิ่งจำเป็นเพื่อป้องกันการเข้าใจผิดและการคำนวณผิดพลาด ไม่ใช่การให้รางวัล

วันเดียวกันนั้น กระทรวงกลาโหมสหรัฐฯ แถลงว่า ได้ส่งเรือพิฆาตยูเอสเอส ชุงฮุน จากกองเรือที่ 7 แล่นผ่านช่องแคบไต้หวันพร้อมกับเรือฟริเกต เอชเอ็มซีเอส มอนทรีออลของแคนาดา และจีนตอบโต้ด้วยการส่งเรือลำหนึ่งเข้าประชิดเรือยูเอสเอส ชุงฮุน

ต่อมาในวันอาทิตย์ ออสตินกล่าวถึงเหตุการณ์ดังกล่าวว่า อันตรายอย่างยิ่ง เนื่องจากเรือจีนพุ่งตัดหน้าเรือพิฆาตของอเมริกาในระยะห่างแค่ 46 เมตร พร้อมเรียกร้องให้ผู้นำจีนควบคุมการกระทำในลักษณะดังกล่าวที่อาจทำให้เกิดอุบัติเหตุได้

ทว่า กองทัพจีนวิจารณ์ว่า อเมริกาและแคนาดาจงใจยั่วยุให้เกิดความเสี่ยงจากการร่วมกันเดินเรือผ่านช่องแคบไต้หวันซึ่งเป็นน่านน้ำที่มีความอ่อนไหว

ทางฝ่ายหลี่สำทับว่า จีนจะไม่ยอมให้อเมริกาและพันธมิตรใช้ข้ออ้างของเสรีภาพในการเดินเรือเพื่อครองอำนาจครอบงำการเดินเรือ

ภายหลังการกล่าวปราศรัยของหลี่ นักวิชาการหลายคนได้ถามย้ำหลี่เกี่ยวกับเหตุการณ์ดังกล่าว รวมถึงการที่จีนเพิ่มประจำการทางทะเลในทะเลจีนใต้ซึ่งมีข้อพิพาทด้านอธิปไตยกับหลายชาติ ปรากฏว่ารัฐมนตรีกลาโหมจีนไม่ได้ตอบคำถามตรงๆ แต่บอกว่า การเคลื่อนไหวของประเทศนอกภูมิภาคทำให้ความขัดแย้งลุกลาม

ทั้งนี้ ออสติน และหลี่จับมือและคุยกันสั้นๆ ในงานเลี้ยงอาหารค่ำเปิดประชุมในวันศุกร์ (2 มิ.ย.) แต่ไม่ได้หารือกันเป็นเรื่องเป็นราว โดยอเมริกานั้นเชิญหลี่พบปะหารือกับออสตินนอกการประชุมแชงกรีลา แต่ปักกิ่งปฏิเสธ

เจ้าหน้าที่อาวุโสคนหนึ่งของสหรัฐฯ เปิดเผยกับผู้สื่อข่าวเมื่อวันอาทิตย์ว่า วอชิงตันยังเสนอการประชุมเจ้าหน้าที่ระดับล่าง แต่ปักกิ่งไม่ตอบกลับ

ขณะที่สมาชิกคนหนึ่งของคณะผู้แทนจีนบอกกับเอเอฟพีว่า เงื่อนไขเบื้องต้นสำหรับการหารือคือ อเมริกาต้องยกเลิกการแซงก์ชันหลี่ที่บังคับใช้มาตั้งแต่ปี 2018 จากกรณีการซื้ออาวุธจากรัสเซีย

นอกจากนั้น ชุ่ย เทียนข่าย อดีตเอกอัครราชทูตจีนประจำวอชิงตัน ยังให้สัมภาษณ์ผู้สื่อข่าวด้านนอกการประชุมแชงกรีลาเมื่อวันอาทิตย์เรียกร้องให้อเมริกาถอนปฏิบัติการทางทหารใกล้จีนเพื่อแสดง ‘ความสุจริตใจ’ หากต้องการฟื้นการเจรจาระดับสูง

อย่างไรก็ตาม ในอีกด้านหนึ่งก็มีสัญญาณบางประการเหมือนกัน ซึ่งแสดงว่าทั้งสองประเทศเริ่มมี ‘การสนทนา’ กันมากขึ้นในระดับเจ้าหน้าที่ระดับสูง

เป็นต้นว่า ‘วิลเลียม เบิร์นส์’ ผู้อำนวยการสำนักงานข่าวกรองกลางสหรัฐฯ (ซีไอเอ) ได้เดินทางอย่างลับๆ ไปยังจีนเมื่อเดือนที่แล้ว เจ้าหน้าที่อเมริกันผู้หนึ่งประกาศเรื่องนี้เมื่อวันศุกร์ (2) ที่ผ่านมา

ขณะที่ผู้ช่วยรัฐมนตรีต่างประเทศสหรัฐฯ ฝ่ายกิจการเอเชียตะวันออกและแปซิฟิก แดเนียล คริเทนบริงค์ ก็เดินทางไปจีนเมื่อวันอาทิตย์ (4) ในการเยือนซึ่งช่วงหลังๆ นี้เกิดขึ้นมาน้อยครั้ง
 

อีลอน มัสก์’ ซีอีโอเทสลา เยือนโรงงานในเซี่ยงไฮ้ เล็งขยายโรงงานผลิตเพิ่มต่อเนื่อง ตอกย้ำประสิทธิภาพ

เมื่อไม่นานนี้ สำนักข่าวซินหัว, เซี่ยงไฮ้ รายงานว่า ‘อีลอน มัสก์’ ซีอีโอเทสลา (Tesla) ได้เดินทางเยือนโรงงานเทสลา เซี่ยงไฮ้ กิกะแฟกทอรี ในเทศบาลนครเซี่ยงไฮ้ทางตะวันออกของจีน เมื่อช่วงเช้าวันพฤหัสบดี (1 มิ.ย.) โดยเขาได้ชื่นชมประสิทธิภาพและคุณภาพการผลิตของโรงงาน

มัสก์แสดงความยินดีกับทีมจีนสำหรับผลการปฏิบัติงานอันยอดเยี่ยม และพลังงานเชิงบวกในการทำงานต่างๆ ให้สำเร็จลุล่วง โดยเขากล่าวว่าเป็นเรื่องน่าประทับใจอย่างมากที่ทุกคนสามารถเอาชนะสารพัดอุปสรรคความยากลำบากและความท้าทาย

“รถยนต์ที่ผลิตจากที่นี่ ไม่เพียงมีประสิทธิภาพมากที่สุด แต่ยังมีคุณภาพสูงสุดอีกด้วย” มัสก์ กล่าว

อนึ่ง โรงงานเซี่ยงไฮ้ กิกะแฟกทอรี ถือเป็น ‘ต้นแบบ’ ของโรงงานเทสลาแห่งอื่นๆ ทั่วโลก เช่น เบอร์ลิน กิกะแฟคทอรี และเท็กซัส กิกะแฟคทอรี ซึ่งเปิดทำการปีก่อน และ ‘ทำสำเนา’ ประสิทธิภาพและอิทธิพลทางอุตสาหกรรมระดับโลกของโรงงานในจีน

โรงงานเซี่ยงไฮ้ กิกะแฟกทอรี ซึ่งก่อตั้งปี 2019 จัดเป็นโรงงานกิกะแฟกทอรีนอกสหรัฐฯ แห่งแรกของเทสลา ที่ได้ส่งมอบรถยนต์ 710,000 คันในปี 2022 ซึ่งเพิ่มขึ้นร้อยละ 48 จากปี 2021

ก่อนหน้านี้เมื่อเดือนเมษายน เทสลาประกาศแผนการก่อสร้างโรงงานขนาดใหญ่แห่งใหม่ในเซี่ยงไฮ้ ซึ่งจะมุ่งผลิต ‘เมกะแพ็ก’ (Megapack) ผลิตภัณฑ์จัดเก็บพลังงานของเทสลา

รายงานระบุว่า โรงงานแห่งใหม่มีกำหนดเริ่มต้นก่อสร้างในไตรมาสสาม (กรกฎาคม-กันยายน) ของปีนี้ และจะเริ่มต้นการผลิตในไตรมาสสอง (เมษายน-มิถุนายน) ของปี 2024

 

จีน แนะ ซาอุฯ - อิหร่าน - อิรัก - UAE - กาตาร์ - บาห์เรน ผนึกกำลัง สร้างพันธมิตรกองทัพเรือร่วมกัน เพื่อความมั่นคง

อัล จาดีด สำนักข่าวตะวันออกกลางรายงานว่า ประเทศในภูมิภาคอ่าวเปอร์เซีย ได้แก่ ซาอุดิอารเบีย อิหร่าน สหรัฐอาหรับเอมิเรตท์ (UAE) กาตาร์ และ บาห์เรน กำลังวางแผนที่จะสร้างพันธมิตรกองทัพเรือร่วมกัน เพื่อความมั่นคงในการคมนาคมขนส่งในตะวันออกกลาง โดยมีจีนทำหน้าที่เป็นคนกลางในการเจรจาครั้งนี้ 

ข่าวนี้ ได้รับการยืนยันจากกองทัพเรืออิหร่าน เมื่อ พลเรือตรี ผบ.ทร ชาห์ราม อิรานี ได้กล่าวออกสื่อโทรทัศน์ในอิหร่านเมื่อวันศุกร์ที่ 2 มิถุนายนที่ผ่านมาว่า อิหร่านยินดิที่จะเข้าร่วมพันธมิตรกองทัพเรือกับชาติอื่นในตะวันออกลาง และหากทำสำเร็จ อาจมีการรวมกองทัพเรือของอินเดีย และ ปากีสถาน มาร่วมด้วย

พลเรือตรี ชาห์ราม อิรานี ได้กล่าวเสริมว่า ประเทศต่างๆในภูมิภาคนี้เล็งเห็นแล้วว่า การผนึกกำลังร่วมมือกันเท่านั้นจึงจะสามารถสร้างความมั่นคงในดินแดนแถบนี้ได้ 

และนับเป็นความสำเร็จอีกขั้นของจีน ในฐานะคนกลางในการเจรจาสร้างสันติภาพในตะวันออกกลาง โดยก่อนหน้านี้ ในช่วงเดือนมีนาคม จีนสามารถพาคู่พิพาทระหว่างซาอุดิอารเบีย และ อิหร่าน กลับมาจับมือ และ สานสัมพันธ์ทางการทูตได้อีกครั้งหลังจากที่บาดหมางกันมานานหลายสิบปี 

ทำให้นักวิเคราะห์ที่เฝ้าสังเกตการในตะวันออกกลางมองว่า จากการที่จีนประสบความสำเร็จในการจัดการกับข้อพิพาทระหว่างชาติในตะวันออกกลางด้วยแผนการร่วมมือในเชิงเศรษฐกิจ และ ความมั่นคงเป็นเครื่องบ่งชี้ถึงอิทธิพลของจีนในภูมิภาคอ่าวเปอร์เซียอย่างชัดเจน ในขณะที่อิทธิพลของสหรัฐอเมริกาเริ่มอ่อนจางไป 

และเห็นได้ชัดเจนยิ่งขี้น จากการที่ UAE ได้ถอนตัวออกจากกลุ่มกองกำลังร่วมทางทะเลที่นำโดยสหรัฐอเมริกา ที่มีไว้เพื่อรักษาความปลอดภัยในย่านอ่าวเปอร์เซียที่เป็นเส้นทางการค้าน้ำมันที่สำคัญที่สุดแห่งหนึ่งโลก ก่อนที่จะมีข่าวว่าเข้าร่วมในพันธมิตรกองทัพเรือที่เป็นแผนการของจีนในอีก 2 วันต่อมา 

แต่การประกาศร่วมมือกันในการสร้างกองทัพเรือของประเทศพันธมิตรในตะวันออกกลาง ที่มีอิหร่านร่วมด้วย สร้างความไม่พอใจแก่อิสราเอล ที่เคยพยายามกดให้ชาติพันธมิตรตะวันออกลางร่วมโดดเดี่ยวอิหร่าน ด้วยข้อกล่าวหาว่าอิหร่านแทรกซึม และสนับสนุนองค์กรก่อการร้าย อย่างกลุ่ม ฮิซบอลลาห์ ในเลบานอน หรือกลุ่มกบฎฮูตี ในเยเมน และอาจมีปัญหากับสหรัฐอเมริกาด้วยเช่นกัน เนื่องจาก กลุ่ม  Iranian Revolutionary Guard Corps หรือ กองพิทักษ์ปฏิวัติอิสลาม ยังคงเป็นส่วนหนึ่งของกองทัพอิหร่านถูกขึ้นทะเบียนเป็นกลุ่มก่อการร้ายในสหรัฐอเมริกา

อีกทั้งยังเป็นการท้าทายอำนาจของสหรัฐอเมริกาโดยตรง อันเนื่องจากสหรัฐฯ ได้คว่ำบาตรทางการค้ากับอิหร่าน และกดดันประเทศพันธมิตรในการซื้อ-ขายน้ำมันจากอิหร่าน แต่เมื่อจีนได้พาอิหร่านมาจับมือกับชาติมหาอำนาจในตะวันออกกลางได้ ก็จะเปิดช่องทางการค้าให้กับอิหร่านอย่างเปิดเผย รวมถึงการสร้างความมั่นคงปลอดภัยในเส้นทางขนส่งทางทะเลผ่านแผนการสร้างพันธมิตรกองทัพเรือ ก็จะยิ่งลดบทบาทของสหรัฐอเมริกาในภูมิภาคนี้ลงไปเรื่อยๆ 

แต่ถึงแม้กลิ่นสันติภาพจะแรงในตะวันออกกลาง แต่บรรยากาศในทะเลจีนใต้ยังคงคุกรุ่น เมื่อจีนพยายามที่จะสร้างอิทธิพลในตะวันออกกลาง แต่กับไต้หวัน ดินแดนใกล้ตัว กำลังอ่อนไหวพร้อมระเบิดได้ทุกเมื่อ อันเนื่องจากเขตพื้นที่ในตะวันออกกลาง สหรัฐฯ อาจยอมที่จะหลับตาข้างหนึ่งไปก่อน เพราะกำลังเปลี่ยนเป้าสายตามาลงที่ย่านอินโด-แปซิฟิค นั่นเอง 

สหรัฐฯ ส่งฝูงบิน F-16 ปฏิบัติการไล่ล่าเครื่องบินเล็ก ก่อนจะพบ ตกอยู่ที่ เขตป่าสงวนแห่งชาติจอร์จวอชิงตัน รัฐเวอร์จิเนีย

กองทัพสหรัฐฯ ส่งฝูงบิน F-16 ออกไล่ติดตามเครื่องบินเล็กซึ่งละเมิดน่านฟ้ากรุงวอชิงตัน ดี.ซี. โดยไม่มีสัญญาณตอบรับจากนักบิน และต่อมาเครื่องบินลำดังกล่าวได้ไปตกบริเวณเขตภูเขาในรัฐเวอร์จิเนีย 

ปฏิบัติการไล่ตามเครื่องบินเล็ก Cessna Citation ของฝูงบินขับไล่สหรัฐฯ ได้ก่อให้เกิดเสียงโซนิกบูมดังกระหึ่ม สร้างความแตกตื่นต่อประชาชนในกรุงวอชิงตัน ดี.ซี.

ด้านกองบัญชาการป้องกันทางอากาศและอวกาศประจำภูมิภาคอเมริกาเหนือ (NORAD) แถลงว่า กองทัพสหรัฐฯ พยายามที่จะส่งสัญญาณติดต่อนักบินผู้ควบคุมเครื่อง แต่ไม่ได้รับการตอบสนอง และต่อมาเครื่องบิน Cessna ลำนี้ได้ไปตกบริเวณภูเขาภายในเขตป่าสงวนแห่งชาติจอร์จวอชิงตัน ที่รัฐเวอร์จิเนีย

แหล่งข่าวให้ข้อมูลว่า เครื่องบินลำนี้ดูเหมือนจะอยู่ในโหมดบินอัตโนมัติ (autopilot) ขณะที่เจ้าหน้าที่สหรัฐฯ ยืนยันว่าปฏิบัติการของฝูงบิน F-16 ไม่ได้เป็นสาเหตุทำให้เครื่องบินเล็กลำนี้ตก

ข้อมูลจากเว็บไซต์ติดตามเที่ยวบิน Flight Aware พบว่า เครื่องบิน Cessna ลำนี้จดทะเบียนโดยบริษัท Encore Motors of Melbourne Inc. ในรัฐฟลอริดา ขณะที่แหล่งข่าวเผยว่ามันมีผู้โดยสารอยู่บนเครื่องทั้งหมด 4 คน ซึ่งโดยปกติแล้วเครื่องบินเล็กรุ่นนี้สามารถจุผู้โดยสารได้ระหว่าง 7-12 คน

จอห์น รัมเพล เจ้าของบริษัท Encore ได้ให้สัมภาษณ์กับหนังสือพิมพ์วอชิงตันโพสต์ว่า บุตรสาว หลาน และพี่เลี้ยงของหลานอยู่บนเครื่องบินลำดังกล่าว

“เรายังไม่ทราบเรื่องเครื่องบินตกเลย ตอนนี้กำลังติดต่อไปที่ FAA (องค์การบริหารการบินแห่งชาติสหรัฐฯ) อยู่” รัมเพล ให้ข้อมูลกับวอชิงตันโพสต์ทางโทรศัพท์ ก่อนที่จะตัดสายไป

FAA แถลงว่า เครื่องบิน Cessna ลำนี้เดินทางออกจากสนามบิน Elizabethton Municipal Airport ในรัฐเทนเนสซี และกำลังมุ่งหน้าไปที่สนามบิน MacArthur Airport ที่ลองไอแลนด์ รัฐนิวยอร์ก ซึ่งอยู่ห่างจากแมตฮัตตันไปทางตะวันออกประมาณ 80 กิโลเมตร โดยตามข้อมูลของ Flight Aware พบว่ามันเดินทางไปถึงพื้นที่นิวยอร์ก ก่อนจะหันหัวกลับเกือบ 180 องศา และไปประสบอุบัติเหตุตกที่รัฐเวอร์จิเนีย

ตำรวจรัฐเวอร์จิเนียได้ส่งเจ้าหน้าที่ออกติดตามค้นหาซากเครื่องบินลำนี้ และล่าสุดมีรายงานยืนยันว่า ไม่พบผู้รอดชีวิต

ชาวกรุงวอชิงตัน ดี.ซี. หลายคนโพสต์ข้อความทางทวิตเตอร์วานนี้ (4 มิ.ย.) ว่าพวกเขาได้ยินเสียงโซนิกบูมจากเครื่องบินขับไล่ ซึ่งดังสนั่นจน “พื้นและกำแพงบ้านสะเทือน” ขณะที่หลายคนบอกว่าเสียงนั้นดังไปไกลจนถึงตอนเหนือของรัฐเวอร์จิเนียและแมริแลนด์

‘คิม จองอุน’ กำลังต่อสู้ กับโรคนอนไม่หลับเรื้อรัง เหตุ เพราะดื่มเหล้า และสูบบุหรี่จัด

สำนักหน่วยข่าวกรองเกาหลีใต้ ได้ให้ข้อมูลเกี่ยวกับปัญหาสุขภาพของคิม จอง-อุน ผู้นำเกาหลีเหนือ ว่าอาจกำลังเผชิญปัญหาอาการนอนไม่หลับรุนแรง อันเนื่องจากการดื่ม เหล้า และ สูบบุหรี่มากเกินไป

โดย นาย อู ซัง-บุม สมาชิกสภา และ เลขาธิการประจำสำนักหน่วยข่าวกรองแห่งรัฐสภาเกาหลีใต้ ได้ออกมาให้ข่าวกับสื่อเมื่อช่วงวันพุธกลางสัปดาห์ที่ผ่านมาว่า สำนักหน่วยข่าวกรองเกาหลีใต้เชื่อว่าตอนนี้ผู้นำคิม จอง-อุน กำลังเผชิญปัญหาด้านการนอนบกพร่อง เข้าขั้นโรคนอนไม่หลับอย่างหนัก

อีกทั้งผู้นำคิมยังเป็นคนที่สูบบุหรี่จัด และดื่มเหล้าหนักเป็นประจำอีกด้วย จากข้อมูลวงใน พบว่าเกาหลีเหนือมีการนำเข้าบุหรี่ต่างประเทศจำนวนมาก ทั้งแบรนด์ดังอย่าง Marlboro และ Dunhill อีกทั้งขนมขบเคี้ยวชั้นดีที่ไว้กินแกล้มเหล้าอีกจำนวนหนึ่ง ซึ่งเป็นไปไม่ได้เลยที่จะนำเข้าเพื่อจำหน่ายในท้องตลาดทั่วไป ในช่วงที่ประเทศกำลังประสบภาวะขาดแคลนอาหาร
และไม่ได้แค่แอบล้วงข้อมูลวงในเท่านั้น ยังมีการใช้ AI วิเคราะห์ภาพถ่ายในช่วงเวลาต่าง ๆ ที่ผู้นำเกาหลีเหนือไปปรากฏตัว และชี้ว่า ผู้นำโสมแดงมีน้ำหนักเพิ่มกว่าเดิมมาก และน่าจะหนักถึง 140 กิโลกรัมแล้วในตอนนี้ 

และยังมีข่าวกรองหลุดมาอีกว่า เจ้าหน้าที่ระดับสูงในเกาหลีเหนือกำลังรวบรวมข้อมูลทางการแพทย์ ในการรักษาอาการนอนไม่หลับเรื้อรัง รวมถึงการใช้ยา Zolpidem  หนึ่งในยากล่อมประสาทที่ใช้ในการรักษาอาการนอนไม่หลับ ทางหน่วยข่าวกรองเกาหลีใต้จึงมั่นใจว่า ผู้นำเกาหลีเหนือ เข้าสู่วังวนปัญหาสุขภาพที่น่าเป็นห่วง ทั้งดื่มเหล้า สูบบุหรี่จัด ที่มีผลต่ออาการนอนไม่หลับของเขา และพบว่า ล่าสุด คิม จอง-อุน ปรากฏตัวออกสื่อด้วยใต้ตาที่ดำคล้ำจากการอดนอน และน่าจะใช้ยาจำพวก Zolpidem ในการรักษา ซึ่งมีผลข้างเคียงต่อกับผู้ใช้ที่มีนิสัยดื่มเหล้าด้วยเป็นประจำด้วย

และอาจเป็นสาเหตุที่ผู้นำเกาหลีเหนือต้องงดภารกิจสำคัญหลายงานในช่วงเวลานี้ ซึ่งไม่เป็นผลดีกับการบริหารกิจการภายในประเทศที่กำลังประสบปัญหาข้าวยากหมากแพง ส่งผลให้มีคดีอาชญากรรมพุ่งสูงขึ้นอย่างมาก รวมถึง อัตราการเสียชีวิตจากความอดอยาก เพิ่มขึ้นถึง 3 เท่า เมื่อเทียบกับช่วงเวลาเดิมของปีที่ผ่านมา 

มีข้อมูลที่น่าตกใจกว่านั้นคือ อัตราการฆ่าตัวตายของคนเกาหลีเหนือก็เพิ่มสูงขึ้นถึง 40% ซึ่งเป็นตัวเลขที่สูงที่สุดนับในยุคสมัยของผู้นำคิม จอง-อุน ซึ่งรัฐบาลเปียงยางเคยประกาศว่าการฆ่าตัวตาย เป็นการกระทำที่ทรยศต่อระบอบสังคมนิยม และมักถูกเรียกว่า "ความป่วยไข้" ที่อาจลุกลามในสังคมเกาหลีเหนือ ทางรัฐบาลจึงออกคำสั่งให้จำกัดการเดินทางเข้า และ ออกจากกรุงเปียงยาง ที่ทางเกาหลีเหนืออาจเชื่อว่าจะสามารถสกัด ข้อมูล หรือแนวความคิดในการทำอัตวินิบาตกรรมไม่ให้กลายเป็นกระแสในเกาหลีเหนือ ไม่แน่ใจว่า การจำกัดการเดินทางเข้าออกกรุง ของชาวเกาหลีเหนือ จะช่วยเรื่องการระบาดของ "ความป่วยไข้" ที่ว่านี้ได้หรือไม่

เพราะยังไม่มีหลักฐานทางวิทยาศาสตร์มารองรับ แต่เรื่องพฤติกรรมการดื่มเหล้า และสูบบุหรี่จัด มีผลต่ออาการนอนไม่หลับนั้น มีหลักฐานทางการแพทย์หลายชิ้นพิสูจน์ว่ามีความเชื่อมโยงกันจริง ๆ ยิ่งดื่มมาก สูบจัด ยิ่งมีผลเสียต่อคุณภาพการนอนหลับพักผ่อน 

ดังนั้นก่อนที่จะคิดวิเคราะห์ไปไกล ถึงความเป็นไปได้ในการสร้างดาวเทียมสอดแนม ขีปนาวุธพิสัยข้ามทวีป หรือวิธีสกัดการระบาดของอาการ"ป่วยไข้" ในสังคมเกาหลีเหนือ ลองย้อนมาแก้ปัญหาด้วยหลักเหตุผลในเรื่องที่ใกล้ตัวที่สุด อย่างสุขภาพของตนเอง ให้สำเร็จก่อน น่าจะดีกว่า

ความสัมพันธ์อันแน่นแฟ้น

จีนเตรียมจัดพิธีเฉลิมฉลอง กรมสมเด็จพระเทพรัตนราชสุดาฯ เสด็จฯเยือนจีน ครั้งที่ 50 

สมเด็จพระกนิษฐาธิราชเจ้า กรมสมเด็จพระเทพรัตนราชสุดาฯ สยามบรมราชกุมารี เสด็จพระราชดำเนินเยือนสาธารณรัฐประชาชนจีน ระหว่างวันที่ 1 ถึงวันที่ 6 มิถุนายน พุทธศักราช 2566

สมาคมมิตรภาพวิเทศสัมพันธ์แห่งสาธารณรัฐประชาชนจีนจะเป็นเจ้าภาพจัดพิธีเฉลิมฉลอง สมเด็จพระกนิษฐาธิราชเจ้า กรมสมเด็จพระเทพรัตนราชสุดาฯ สยามบรมราชกุมารี เสด็จฯเยือนจีน ครั้งที่ 50 

พิธีจะจัดขึ้น ณ เรือนรับรองรัฐบาลจีนหยู่ไถ กรุงปักกิ่ง ในวันที่ 5 มิถุนายนนี้ เพื่อแสดงถึงมิตรไมตรีระหว่างจีน-ไทยที่มีมาช้านานและจะขยายความร่วมมือใหม่เพิ่มขึ้นเรื่อยไป

‘จริยา ขัตติยศ’ ชนะเลิศการแข่งขัน Master Chef UK 2023  ขึ้นรับรางวัลอันทรงเกียรติ สร้างความภาคภูมิใจให้คนไทยทั้งประเทศ

ขอแสดงความยินดีกับ คุณจริยา ขัตติยศ วัย 40 ปี ผันตัวจากนักคั่วกาแฟระดับปรมาจารย์สู่แชมป์มาสเตอร์เชฟ กลายเป็นแม่ครัวมือสมัครเล่นคนที่ 19 ที่ได้รับตำแหน่งชนะเลิศในการแข่งขันการทำอาหารอันทรงเกียรติของ รายการสถานีโทรทัศน์ BBC One
ประชันฝีมือกับเหล่าผู้เข้ารอบสุดท้ายที่เหลืออย่าง Anurag Aggarwal (อายุ 41) และ Omar Foster (31 ปี) ) จริยา ได้รับรางวัล MasterChef จากกรรมการสุดเขี้ยวอย่าง John Torode และ Gregg Wallace ในการแข่งขันทำอาหารที่ยิ่งใหญ่ที่สุดของรายการโทรทัศน์ในสหราชอาณาจักร

จาก บทสัมภาษณ์บีบีซีวัน คุณจริยา พูดถึงชัยชนะของเธอว่า: “นี่เป็นเรื่องที่เหลือเชื่อมาก รางวัลนี้มันหมายถึงโลก ดวงอาทิตย์ ดวงจันทร์ และทุกสิ่งสำหรับฉัน ฉันไม่คิดว่าจะมีอะไรเหนือกว่านี้แล้ว ฉันมีความสุขมาก! นี่เป็นข้อพิสูจน์ว่าถ้าคุณฝันอะไรบางอย่างและคุณทำงานหนักและไม่ยอมแพ้ คุณจะได้มันมา นั่นคือสิ่งที่คุณปู่ของฉันพูดกับฉัน - อย่ายอมแพ้ เขาจะภูมิใจในตัวฉันมาก!”

‘อิสราเอล’ เริ่มทดสอบรถยนต์ไฟฟ้าระบบชาร์จไร้สายบนถนน วิ่งไปชาร์จไปได้ต่อเนื่องแบบไม่หยุดพักนานกว่า 100 ชั่วโมง

เมื่อไม่นานมานี้ สำนักข่าวซินหัว, เยรูซาเล็ม รายงานว่า แถลงการณ์จากอิเลคทรีออน ไวร์เลส (Electreon Wireless) บริษัทเทคโนโลยีขั้นสูงสัญชาติอิสราเอล เปิดเผยว่าบริษัทฯ เริ่มการทดสอบวิ่งรถยนต์ไฟฟ้าบนถนนชาร์จไร้สายแบบไม่หยุดพักนาน 100 ชั่วโมงแล้ว เมื่อวันอาทิตย์ (21 พ.ค) ที่ผ่านมา

บริษัทฯ สร้างระบบชาร์จผ่านถนนโดยใช้ขดลวดทองแดงแบบพิเศษที่ฝังใต้พื้นผิวถนน ซึ่งทำให้รถยนต์ไฟฟ้าสามารถชาร์จพร้อมขับขี่บนถนนได้

รายงานระบุว่า การทดสอบขับรถยนต์ระยะทาง 1,500 กิโลเมตร ซึ่งจะสิ้นสุดในวันพฤหัสบดี (25 พ.ค.) ดำเนินการบนถนนทดสอบที่สร้างแบบพิเศษยาว 200 เมตร ณ สำนักงานใหญ่ของบริษัทฯ ในหมู่บ้านชายฝั่งเบตยาไนทางตอนกลางของอิสราเอล

อนึ่ง ก่อนหน้าในเดือนนี้ อิเลคทรีออน ไวร์เลสได้เปิดตัวเส้นทางรถบัสสาธารณะที่ติดตั้งเทคโนโลยีชาร์จไร้สายในเมืองบัดเบลลิงเงนของเยอรมนี โดยบริษัทฯ ยังได้ลงนามข้อตกลงกับหุ้นส่วนหลายรายเพื่อสร้างถนนชาร์จไร้สายในสหรัฐฯ และหลายประเทศในยุโรป

‘เครื่องบินโดยสาร C919’ ของจีน ขึ้นบินเชิงพาณิชย์เที่ยวแรก ถือเป็นก้าวสำคัญสู่ตลาดการบินพลเรือนอย่างเป็นทางการ

เมื่อวันที่ 28 พ.ค. 66 สำนักข่าวซินหัว, เซี่ยงไฮ้ รายงานว่า เครื่องบินโดยสารขนาดใหญ่ที่จีนพัฒนาขึ้นเอง ‘รุ่นซี 919’ (C919) ได้ทำการบินเชิงพาณิชย์เที่ยวแรกจากนครเซี่ยงไฮ้ทางตะวันออก ไปยังกรุงปักกิ่งทางตอนเหนือเสร็จสิ้น เมื่อวันอาทิตย์ (28 พ.ค.) ซึ่งถือเป็นการก้าวสู่ตลาดการบินพลเรือนอย่างเป็นทางการ

รายงาน ระบุว่า เที่ยวบินเชิงพาณิชย์เที่ยวแรกนี้ดำเนินงานโดยสายการบินไชน่า อีสเทิร์น แอร์ไลน์ส (China Eastern Airlines) ขึ้นบินจากท่าอากาศยานนานาชาติเซี่ยงไฮ้ หงเฉียว พร้อมผู้โดยสาร 128 คน ด้วยรหัสเอ็มยู 9191 (MU9191) ตอน 10.32 น. ตามเวลาท้องถิ่น

เครื่องบินได้รับการต้อนรับด้วยพิธีการฉีดอุโมงค์น้ำ หลังจากลงจอดที่ท่าอากาศยานนานาชาตินครหลวงปักกิ่ง ตอน 12.31 น. ตามเวลาท้องถิ่น

อนึ่ง ซี919 ถือเป็นเครื่องบินไอพ่นขนาดใหญ่ที่จีนพัฒนาขึ้นเองรุ่นแรก ซึ่งมีมาตรฐานความสมควรเดินอากาศระดับสากลและสิทธิในทรัพย์สินทางปัญญาโดยอิสระของตนเอง

โครงการ ซี 919 เริ่มต้นปี 2007 พัฒนาโดยบริษัทอากาศยานพาณิชย์แห่งประเทศจีน (COMAC) และมีการส่งออกเครื่องบินลำแรกจากสายการผลิตในเซี่ยงไฮ้เมื่อเดือนพฤศจิกายน 2015 โดยเครื่องบินทำการบินเที่ยวปฐมฤกษ์สำเร็จในปี 2017

“เที่ยวบินเชิงพาณิชย์เที่ยวแรกนี้ นับเป็นพิธีก้าวผ่านช่วงสำคัญของเครื่องบินรุ่นใหม่ โดยซี 919 จะดำเนินงานได้ดียิ่งขึ้นอย่างต่อเนื่อง หากสามารถคงสถานะที่ดีในตลาด” จางเสี่ยวกวง ผู้อำนวยการฝ่ายการตลาดและจัดจำหน่ายของบริษัทฯ กล่าว
 

‘เทมาเส็ก’ ตัดเงินเดือนผู้บริหาร เหตุธุรกิจคริปโตเจ๊งยับ หลังร่วมลงทุนกับ FTX สูญเงิน 275 ล้านเหรียญสหรัฐฯ!!

เทมาเส็กโฮลดิงส์ กองทุนเพื่อการลงทุนของรัฐบาลสิงคโปร์ ได้ประกาศตัดเงินเดือนของเจ้าหน้าที่ ที่เกี่ยวข้องกับการตัดสินใจลงทุนใน FTX แพลทฟอร์มซื้อ-ขายเงินคริปโตชื่อดังที่ล้มละลายไปเมื่อช่วงปลายปี 2565 ที่ผ่านมา ที่ทำให้เทมาเส็กสูญเงินมากถึง 275 ล้านเหรียญสหรัฐ 

แม้จะมีการไต่สวน แซม แบงก์แมน-ฟรายด์ อดีตประธานผู้บริหาร และหนึ่งในผู้ก่อตั้ง FTX โดยสำนักอัยการกลางสหรัฐ ว่าเขาอยู่เบื้องหลังการฉ้อโกงเงินของนักลงทุนจากทั่วโลกนับพันล้านดอลลาร์ แต่สุดท้ายศาลได้ตัดสินว่า แซม แบงก์แมน-ฟรายด์ ไม่มีความผิด

แต่ถึงอย่างไรก็ตาม เทมาเส็ก ได้พิจารณาแล้วว่า ทีมผู้บริหารระดับอาวุโส และ ทีมวิเคราะห์การลงทุนของบริษัทมีส่วนต้องรับผิดชอบร่วมกันในการตัดสินใจร่วมลงทุนกับ FTX  ด้วยการถูกตัดเงินเดือน

ทั้งนี้ เทมาเส็ก ไม่ได้ระบุอัตราเงินเดือนที่จะถูกลดเป็นจำนวนเท่าใด แต่คณะกรรมการกองทุนความมั่งคั่งแห่งชาติรู้สึกผิดหวังกับการลงทุนครั้งนั้น และยังส่งผลเสียต่อชื่อเสียงของเทมาเส็กอย่างมาก

ครั้งหนึ่ง FTX ถูกมองว่าเป็นหนึ่งในแพลทฟอร์มเทรด เงินคริปโตที่ทรงอิทธิพลอย่างมากในตลาดการลงทุนสินทรัพย์ดิจิทัล เคยมีมูลค่าการซื้อขายรายวันสูงสุดเป็นอันดับ 2 ของ.โลกมาแล้ว โดยเทมาเส็กได้ตัดสินใจร่วมลงทุนกับ FTX ถึง 2 ครั้ง ในช่วงเดือนตุลาคม 2564 เป็นเงิน 210 ล้านเหรียญ และเพิ่มอีก 65 ล้านเหรียญในเดือนมกราคม 2565

ด้านผู้บริหารกองทุนเทมาเส็ก แย้งว่าได้ใช้เวลาประเมินธุรกิจการซื้อขาย แลกเปลี่ยนเงินคริปโตมานานถึง 8 เดือน รวมถึงตรวจสอบบัญชีการเงินที่แสดงผลประกอบการที่มีกำไรของ FTX ก่อนตัดสินใจลงทุน ซึ่งถ้าหากเทียบกับมูลค่าของกองทุนเทมาเส็กในเดือนมีนาคม 2566 ที่ผ่านมา อยู่ที่ 2.98  แสนล้านเหรียญ ก็จะพบว่าเงินที่นำไปลงทุนใน FTX มีสัดส่วนที่น้อยมาก เพียงแค่ 0.09% เท่านั้นที่แทบไม่ส่งผลต่อกำไรโดยรวมของบริษัท

แต่ทว่า ลอเรนซ์ หวัง รองนายกรัฐมนตรีสิงคโปร์ ไม่คิดเช่นนั้น เพราะการสูญเงินใน FTX กระทบกับชื่อเสียงและความน่าเชื่อถือของเทมาเส็ก ที่เป็นกองทุนของรัฐบาล ซึ่งก็คือเงินออมของชาติ ที่ชาวสิงคโปร์คาดหวังว่ารัฐบาลจะนำเงินไปลงทุนในสินทรัพย์ที่สร้างมูลค่า และมีอนาคตที่ดี 

แต่ความผิดพลาดจากการลงทุนใน FTX เกิดจากความมั่นใจในธุรกิจด้านเทคโนโลยี และทรัพย์สินดิจิทัลที่มากเกินไป ว่าจะเป็นเทรนของโลกธุรกิจการเงินยุคใหม่ เทมาเส็กจึงกระโดดลงไปร่วมลงทุนตั้งแต่แรกๆ แม้จะเห็นว่ามีความเสี่ยงสูงแต่ก็เชื่อมั่นในผลตอบแทนที่มากกว่าในอนาคต แต่สุดท้ายกลายไปการลงทุนที่สูญเปล่าไปทันทีที่ FTX ล่มสลาย ผู้ก่อตั้งอย่าง แซม แบงก์แมน-ฟรายด์ กลายเป็นบุคคลล้มละลาย และถูกจับกุมดำเนินคดีข้อหาฉ้อโกง และจงใจปกปิดข้อมูลที่ทำให้นักลงทุนเข้าใจผิด 

และบอร์ดบริหารของเทมาเส็ก ตัดสินใจให้พนักงานเป็นแพะรับบาปของหายนะจากการลงทุนใน FTX ซึ่งอาจกลายเป็นจุดเปลี่ยนของการพิจารณาการลงทุนในสินทรัพย์ใดๆของเทมาเส็ก เมื่อพนักงานต้องแบกรับผลจากการขาดทุนในสินทรัพย์ที่มีความเสี่ยงสูงเช่นนี้ 

เรื่อง : ยีนส์ อรุณรัตน์
อ้างอิง : BBC / Channel News Asia

‘เหม่ยถวน’ อีคอมเมิร์ซยักษ์ใหญ่ของจีน โตอย่างแข็งแกร่ง  เผยกำไร 3 เดือนแรก รวมอยู่ที่ 2.87 แสนล้านบาท เพิ่มขึ้นร้อยละ 26.7 

(ซินหัว) — เหม่ยถวน (Meituan) แพลตฟอร์มอีคอมเมิร์ซยักษ์ใหญ่ของจีน รายงานกำไรจากการดำเนินงานในไตรมาสแรกของปี 2023 รวมอยู่ที่ 3.59 พันล้านหยวน (ราว 1.76 หมื่นล้านบาท) ซึ่งเปลี่ยนจากการขาดทุนเป็นกำไร

รายงานผลประกอบการก่อนตรวจสอบของบริษัทฯ ระบุว่ารายได้จากการดำเนินงานในช่วง 3 เดือนแรก รวมอยู่ที่ 5.86 หมื่นล้านหยวน (ราว 2.87 แสนล้านบาท) เพิ่มขึ้นร้อยละ 26.7 เมื่อเทียบปีต่อปี

เหม่ยถวนเพิ่มปริมาณการลงทุนในตลาดผู้บริโภคจีนอย่างต่อเนื่องช่วงเดือนมกราคม-มีนาคม รวมถึงด้านการวิจัยและพัฒนาเทคโนโลยี (R&D) โดยมีการใช้จ่ายด้านการวิจัยและพัฒนาแตะ 5 พันล้านหยวน (ราว 2.45 หมื่นล้านบาท) ส่วนรายได้จากการค้าหลักท้องถิ่น อยู่ที่ 4.29 หมื่นล้านหยวน (ราว 2.1 แสนล้านบาท) เพิ่มขึ้นร้อยละ 25.5 เมื่อเทียบปีต่อปี

หวังซิ่ง ซีอีโอของเหม่ยถวน กล่าวว่าธุรกิจทั้งหมดของบริษัทฯ เติบโตแข็งแกร่งในช่วงไตรมาสแรก ซึ่งเป็นผลมาจากการบริโภคในท้องถิ่นที่ฟื้นตัวอย่างแข็งแกร่ง

‘ทวีสุข ธรรมศักดิ์’ นักวิชาการเศรษฐศาสตร์ระหว่างประเทศ โพสต์ถึงความเสมอภาคที่ไม่เคยมีอยู่จริงในประวัติศาสตร์โลก

เมื่อวันที่ 29 พ.ค. 66 นายทวีสุข ธรรมศักดิ์ นักวิชาการอิสระด้านเศรษฐศาสตร์ระหว่างประเทศ ได้โพสต์ถึงกรณี การประท้วงในฝรั่งเศสที่กำลังคุกรุ่นอยู่ในขณะนี้ โดยระบุว่า…

“ขณะนี้มีการประท้วงในฝรั่งเศส จากแผนสวัสดิการ ความไม่เท่าเทียมกัน เพื่อความเสมอภาค เสรีภาพ และ ทุพลภาพ ที่ไม่เคยมีอยู่จริง สู้มาแล้ว 200 ปี สู้อยู่ และ สู้ต่อไปอีก 200 ปี ถามจริงๆ 3,000 ปีที่ผ่านมา มีช่วงไหนของประวัติศาสตร์โลก ที่มีความเท่าเทียมกันบ้าง มีแต่สร้างฝันให้คนพูดเอาไปหาผลประโยชน์กับตัวเองทั้งนั้น”

‘เรเซป ไทยิป แอร์โดกัน’ รักษาตำแหน่งผู้นำตุรกีได้เป็นสมัยที่ 3 หลังคว้าชัยในการเลือกตั้งรอบตัดสิน ครองอำนาจต่ออีก 5 ปี

ประเทศตุรกี ได้จัดการเลือกตั้งใหญ่ไปเมื่อ 14 พฤษภาคมผ่านมา โดยมี 2 ผู้แข่งขันที่มีคะแนนไล่บี้กันมากคือ นาย เรเซป ไทยิป แอร์โดแกน ผู้นำปัจจุบัน และ นาย เคมัล คือลิชดากูลู ผู้นำฝ่ายค้าน แม้ว่า แอโดแกนจะชนะไปแล้วในรอบแรก แต่ได้เสียงสนับสนุนไม่ถึงครึ่ง (50%) จึงต้องมาเลือกตั้งต่อในรอบที่ 2

ผลปรากฏว่า ราเซป ไทยิป แอร์โดแกน ยังคงมีคะแนนนำ สามารถชนะไปได้ด้วยคะแนน 52.14% สมเป็นแมว 9 ชีวิตแห่งออตโตมาน ครองอำนาจการเมืองในรัฐบาลตุรกีเข้าสู่ทศวรรษที่ 3

‘ตำรวจ’ เผย ชายก่อเหตุเปิดประตูฉุกเฉิน ‘เอเชียน่า แอร์ไลน์’ เจ้าตัวแจ้ง เครียด เหตุเพิ่งตกงาน อยากรีบออกจากเครื่องบิน

(27 พ.ค. 66) รอยเตอร์ และ เอเอฟพี รายงาน ชายผู้โดยสารที่ก่อเหตุระทึก เปิดประตูทางออกฉุกเฉินสายการเอเชียน่า แอร์ไลน์ของเกาหลีใต้ เส้นทางบินภายในประเทศ ขณะเครื่องบินกำลังจะลงจอดที่สนามบินแทกู ประเทศเกาหลีใต้ ที่กลายเป็นข่าวฮือฮาเมื่อวันศุกร์ที่ 26 พฤษภาคมที่ผ่านมา สารภาพกับเจ้าหน้าที่ตำรวจว่าเพิ่งตกงาน และเครียด ช่วงเวลาก่อเหตุรู้สึกอึดอัด หายใจไม่ออก และต้องการรีบออกจากเครื่องบินเร็วๆ

เอเอฟพี ระบุช่วงเกิดเหตุการณ์ระทึกขวัญเครื่องบินแอร์บัส A321ที่มีผู้โดยสารอยู่เกือบ 200 ชีวิต กำลังบินอยู่สูงเหนือพื้นดินราว 200 เมตร เจ้าหน้าที่ตำรวจแทกู บอกกับเอเอฟพีว่า ชายผู้โดยสารวัย 30 กว่าที่ก่อเหตุ สารภาพว่า “เขารู้สึกว่าเที่ยวบินนี้ใช้เวลาเดินทางนานกว่าที่ควรจะเป็นและรู้สึกหายใจไม่ออกเมื่ออยู่ในห้องผู้โดยสาร เขาจึงต้องการรีบลงจากเครื่องบินไวๆ”

กระทรวงคมนาคม เปิดเผยว่า มีผู้โดยสารราว 10 กว่ารายถูกนำส่งโรงพยาบาล หลังจากมีอาการหายใจติดขัด แต่ไม่มีใครได้รับบาดเจ็บรุนแรง หรือมีความเสียหายหนักแต่อย่างใด

ขณะที่รอยเตอร์ รายงานว่ามีผู้โดยสาร 9 รายถูกนำส่งโรงพยาบาลด้วยปัญหาเรื่องการหายใจ และทุกคนได้รับการปล่อยตัวออกจากโรงพยาบาลหลังจากผ่านไป 2 ชั่วโมง

ทั้งนี้ มีผู้โดยสารวัย 44 ปี เปิดเผยกับสำนักข่าวยอนฮับว่า “มันเกิดความชุลมุนจากการที่ผู้โดยสารที่นั่งใกล้ประตูทางออกฉุกเฉินเริ่มเป็นลมกันทีละคน และเจ้าหน้าที่บนเครื่องบินประกาศว่ามีหมออยู่บนเครื่องบินนี้บ้างมั้ย ฉันยังคิดว่าเครื่องบินกำลังจะระเบิด และคิดว่าฉันกำลังจะตายแบบนี้หรือ”

แอร์สาวสายการบินดังของฮ่องกง ดูถูกผู้โดยสารจีน บอกจะไม่ให้ผ้าห่ม หากผู้โดยสารพูดภาษาอังกฤษไม่ได้‼

เมื่อวันที่ 24 พ.ค. 66 โลกโซเชียลได้แชร์เรื่องราวสุดดรามา ที่กำลังได้รับเสียงวิพากษ์วิจารณ์สนั่นโซเชียลจีนอยู่ในขณะนี้ ถึงเรื่องของพนักงานต้อนรับบนเครื่องบินของสายการบิน ‘คาเธ่ย์ แปซิฟิค แอร์ไลน์’ (Cathay Pacific Airlines) หรือภาษาจีน คือ ‘国泰航空’ เป็นสายการบินของฮ่องกง ได้ใช้ถ้อยคำดูถูกผู้โดยสารจีนที่ไม่สามารถพูดภาษาอังกฤษได้ โดยระบุว่า…

เมื่อวันที่ 21 พฤษภาคม 2023 บนเที่ยวบิน CX987 จาก เฉิงตู เดินทางไปยังฮ่องกง ได้มีพนักงานต้อนรับบนเครื่องบิน 3 คน ที่ได้แสดงพฤติกรรมเลือกปฏิบัติ และเหยียดผู้โดยสารชาวจีน ที่ไม่สามารถสื่อสารภาษาอังกฤษได้

เนื่องจากผู้โดยสารชาวจีน ต้องการผ้าห่ม จึงขอกับพนักงานต้อนรับบนเครื่องบิน แต่กลับโดนพนักงานตอบกลับมาว่า “Can You Speak English?” “If you cannot say blanket in English , you cannot have it”

แปลเป็นไทยคือ “คุณพูดอังกฤษได้มั้ย ถ้าพูดไม่ได้ คุณก็จะไม่ได้ผ้าห่มไปหรอก”

ซึ่งทางผู้โดยสารจีนรายนี้ก็พยายามนึกคำศัพท์ภาษาอังกฤษ และพูดขึ้นมาว่า ‘Carpet’ ซึ่งแปลว่า ‘พรม’

ปรากฏว่ากลับโดนแอร์สาวบนเครื่อง หัวเราะขบขันด้วยความตลก แล้วแอร์สาวก็พูดภาษาอังกฤษตอบไปว่า “Carpet is on the floor” (พรมก็อยู่ที่พื้นไง)

ปรากฏว่ามีผู้โดยสารท่านอื่นที่เห็นเหตุการณ์ ก็ได้อัดคลิปเสียงสนทนานั้นเอาไว้ แล้วก็โพสต์ลงโซเชียลจีน ว่าตนรู้สึกแย่มากๆ ทำไมแอร์โฮสเตส ต้องปฏิบัติแย่ๆ กับคนที่พูดภาษาอังกฤษไม่ได้แบบนี้ด้วย

ล่าสุดกลายเป็นประเด็นร้อน มีชาวจีนจำนวนมากต่างออกมาประนามสายการบินคาเธ่ แปซิฟิก และจะร่วมกันแบนสายการบินนี้ไม่ขอใช้บริการอีก

ร้อนถึงทางสายการบินต้องรีบออกมาประกาศชี้แจงและขอโทษต่อเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น และประกาศปลดพนักงานต้อนรับบนเครื่องบินทั้ง 3 คน ให้พ้นสภาพจากการเป็นพนักงานแล้ว

ในส่วนความคิดเห็นชาวจีน มีหลายความเห็นออกมาแชร์ประสบการณ์ว่า ตนก็เคยเจอเหตุการณ์ลักษณะนี้ เมื่อบินกับสายการบินนี้มาแล้ว ส่วนตัวคิดว่าแย่มากๆ ที่พนักงานมีทัศนคติแย่ๆ แบบนี้ และสายการบินทำถูกแล้ว ที่รีบตัดไฟเสียแต่ต้นลม


© Copyright 2021, All rights reserved. THE STATES TIMES
Take Me Top