ช่วงที่ผ่านมาเหมือนจะมีประเด็นใหญ่อยู่ 2 เรื่องที่ดูจะเป็นเรื่องใหญ่ในประเทศไทย
เรื่องแรกเหมือนเป็นเรื่องเป็นราวไม่รู้จบกับเวทีนางงามที่มีแต่เรื่องฉาวได้ทุกปี และปีนี้ก็เช่นกันกับเรื่องที่เกิดกับนางงามตัวแทนของเมียนมาและผู้จัดของเขา แต่ความต่างอยู่ตรงที่ฝั่งนางงามและผู้จัดขอยกเลิกสัญญาและไม่รับตำแหน่งด้วยเหตุผลการตัดสินที่ไม่เป็นธรรม โดยเฉพาะเรื่องการโหวตที่ทางผู้จัดฝั่งเมียนมาอ้างว่ามีคนของเจ้าของฝั่งไทยพยายามให้โหวตโดยจ่ายเงินนอกระบบและรางวัล Country Popular Vote ที่ในนาทีสุดท้ายก่อนประกาศผลนางงามเมียนมาอยู่ในอันดับ 1 แต่ปรากฏว่าพอประกาศกลับไม่ใช่ชื่อเขา โดยเจ้าของฝั่งไทยออกมาบอกว่านับผลโหวตแค่นี้ Follower ซึ่งถ้าคิดแบบนี้ดูคงจะไม่แฟร์กระมัง
อย่างไรก็ตามทั้งนางงามและผู้จัดฝั่งเมียนมาเลือกจะทิ้งมงกุฎและยกเลิกสัญญาหรือกล่าวง่าย ๆ คือเลือกจะทิ้งอนาคตเพราะความไม่เป็นธรรมนั้น แต่ผู้เขียนมีข้อสังเกตว่าที่น่าตกใจคือผู้จัดฝั่งไทยกลับเป็นคนเล่นนอกเกมขุดคุ้ยอดีตมาด่า รวมถึงกล่าวหาว่าผู้จัดเมียนมาขายบริการและนางงามเมียนมาอยากได้ที่ 1 เพราะมีเสี่ยมาเปย์ หากข้อสังเกตของผู้เขียนเป็นจริงคือมันเป็นการเล่นนอกเกมส์ที่สกปรกมาก และไม่ดูเป็นมืออาชีพเลย อีกทั้งในโซเชียลฝั่งไทยก็ผสมโรงจนเหมือนดูจะขาดสติทั้งที่ควรจะคิดพิจารณาก่อนว่าใครเป็นผู้เสียโอกาสจากการเลือกทำแบบนี้แต่เขายังเลือกที่จะทิ้งโอกาสนั่นแปลว่ามีบางสิ่งไม่ชอบมาพากลหรือไม่
อีกทั้งการประกวดในปีนี้ได้มีหลายประเทศทั้งขอถอนตัวและถูกถอนออกก่อนไปนับ 10 ประเทศได้ ถ้าเอาคร่าว ๆ แค่ประเทศที่เป็นเรื่องนอกจากเมียนมาแล้วก็ยังมี
1. กัมพูชา ที่ทางกองประกวดอ้างว่าไม่มีความพร้อมในการจัดการประกวดกรณีมีคลิปหลุดเรือทานอาหารแต่ภายหลังก็มีภาพเรือที่ถูกเตรียมไว้หลุดออกมาพร้อมกับเหตุผลวว่าผู้จัดฝั่งไทยขอเปลี่ยนในนาทีสุดท้ายเพราะในขณะนั้นอาหารยังไม่เสร็จเพราะผู้จัดไม่รอ
2. ยูเครน โดยมิสแกรนด์ยูเครนให้สัมภาษณ์กับสื่อต่างประเทศว่าเธอขอถอนตัวเพราะเธอไม่ได้พักผ่อนเลยตลอดเวลาในการประกวด 11 วันในการเก็บตัวเธอต้องตื่นและเข้าร่วมกิจกรรมจนถึงดึกดื่น ทั้งที่เธอเป็นไข้สูง 37.5-38.2 ตลอดทั้งวัน ทำให้เธอไม่สามารถรับได้ถึงมาตรฐานการประกวดเพราะแพทย์ประจำตัวของเธอที่พัทยาและแพทย์ของโรงแรม Wyndham พัทยา ได้บันทึกถึงสุขภาพที่เสื่อมลงของเธอ ซึ่งยืนยันว่าความดันโลหิตของเธออยู่ในระดับอันตราย นั่นทำให้เธอเลือกจะเก็บชีวิตมากกว่าเลือกจะชิงมงกุฎ
3. กรณีล่าสุดคือการปลดนางงามตัวแทนหมู่เกาะเวอร์จิ้น ของสหรัฐอเมริกาโดยให้เหตุผล 3 ข้อคือ
- เปลี่ยนแปลงสายสะพายอย่างเป็นทางการอย่างไม่สามารถแก้ไขได้ ทำลายโลโก้ขององค์กรและบ่อนทำลายความสำคัญของตำแหน่งที่ได้รับ
- ล้มเหลวในการใช้บริการเที่ยวบินที่องค์กรจัดให้ ส่งผลให้สูญเสียเงินหลายพันเหรียญสหรัฐ
- ไม่สนใจเสื้อผ้าที่ได้รับการสนับสนุนอย่างเป็นทางการซึ่งองค์กรจัดซื้อและจัดเตรียมโดยผู้สนับสนุน โดยเลือกที่จะเปลี่ยนแปลงการออกแบบชุดประจำชาติเดิม และไม่สวมชุดราตรีที่ได้รับการสนับสนุนอย่างเป็นทางการ ซึ่งออกแบบโดยนักออกแบบควบคู่ไปกับองค์กรที่ได้รับการอนุมัติล่วง
เอาเป็นว่าเรื่องแบบนี้ผู้อ่านลองไปใช้ความคิดพิจารณาเองว่าทำไมการประกวดอื่นๆก็น่าจะมีปัญหาไม่ต่างกันแต่กลับไม่เคยมีข่าวพวกนี้ออกมา แต่ที่สำคัญคือการวิจารณ์ใดๆก็ตามที่เป็นการกระทำที่บูลลี่ทั้งต่อนางงามและผู้อยู่เบื้องหลังเป็นสิ่งที่ไม่ควรเพราะนี่เราคือภาพลักษณ์ของประเทศไม่ใช่แค่ปัจเจกชนที่แสดงออกสู่สายตาชาวโลก อย่าลืมว่าถ้าเราไม่อยากให้ใครมาดูถูกชาติเราหรือคนในชาติเรา ก็ควรเริ่มต้นจากการไม่ดูถูกใครเช่นกัน
อีกเรื่องเป็นเรื่องที่ ครม. เห็นชอบจะมอบสัญชาติไทยให้แก่ คนไร้สัญชาติ 483,000 คน โดยตั้งเป้ามอบให้แก่คน 4 กลุ่มที่เป็นผู้ที่อพยพมาอยู่ที่ประเทศไทยเป็นเวลานาน
กลุ่มที่ 1 คือ ตั้งแต่ปี 2527-2542 มีประมาณ 120,000 คน
กลุ่มที่ 2 เมื่อปี 2548-2554 มีประมาณ 215,000 คน
ส่วนกลุ่มที่ 3 กลุ่มบุตรที่เกิดในราชอาณาจักรไทย ของชนกลุ่มน้อย มีประมาณ 29,000 คน
กลุ่มที่ 4 กลุ่มบุตรที่เกิดในราชอาณาจักรไทย ของบุคคลที่ไม่มีสถานะทางทะเบียนโดยมีการสำรวจไปแล้วประมาณ 113,000 คน
ประเด็นคือทาง ครม. รับทราบไหมว่าที่ผ่านมามีการคอร์รัปชันทางทำบัตรหัว 0 และสวมบัตรคนตายกันมากมาย โดยเฉพาะราคาสวมบัตรคนตายพุ่งไปเป็นหลักล้านและนั่นเองทำให้คนบางกลุ่มไม่เชื่อว่าจำนวนนี้คือจำนวนที่แท้จริง แต่นี่คือการฟอกขาวในคนต่างด้าวจำนวนหนึ่งที่มีเงินพอหาซื้อบัตรหัว 0 หรือบัตรคนตายเข้ามาเป็นคนไทยได้อย่าง
เอย่าขอแนะนำว่ารัฐบาลควรให้มีการสอบสัมภาษณ์ด้วยก็ดีนะ ถ้าอยู่ไทยมานานจริงควรพูดไทยได้ อ่านไทยคล่อง เขียนไทยเป็น มิฉะนั้นคงได้ฟอกขาวให้ตนบางคนได้เป็นคนไทยสมใจอยาก