Wednesday, 18 September 2024
WORLD

เปิดตัว ‘หุ่นยนต์นวดระบบ AI’ ครั้งแรกของโลกในนครนิวยอร์ก มาพร้อมฟังชัน ‘สแกนกล้ามเนื้อ’ ช่วยให้นวดได้แม่นยำ-ตรงจุดยิ่งขึ้น

(2 ก.ย. 67) ปฏิเสธไม่ได้เลยว่า เมื่อยุคแห่งปัญญาประดิษฐ์มาถึง ทุกอาชีพของมนุษย์มีสิทธิ์ที่จะถูก Disruption ไม่ทางใด ก็ทางหนึ่ง ไม่เว้นแม้แต่อาชีพผู้ให้บริการนวดบำบัด เพื่อผ่อนคลาย หนึ่งในบริการที่นักท่องเที่ยวหลายคนชื่นชอบ และยังเป็นศาสตร์วิชาชีพที่สร้างชื่อเสียงให้แก่ประเทศไทยด้วย 

แต่วันนี้ อาชีพนี้กำลังจะถูกท้าทายด้วย หุ่นยนต์ AI รุ่นล่าสุด ที่พัฒนาโดยบริษัท Aescape ที่ก่อตั้งขึ้นโดย ‘อิริค ลิทแมน’ ในปี 2017 โดยได้หยิบเอานวัตกรรมหุ่นยนต์ AI มาประยุกต์ให้เข้ากับไลฟ์สไตล์ของผู้คน 

ซึ่งหุ่นยนต์นวดนี้ ก็เกิดจากไอเดียของตัวเขาเอง ที่ต้องเดินทางขึ้นเครื่องบินบ่อย จนมีปัญหากับกระดูกหมอนรองคอ ที่ทำให้เขาต้องใช้บริการนวดบำบัดเป็นประจำแทบทุกวันตลอดระยะเวลาหลายเดือน ที่ไม่สะดวกกับตารางการทำงานของเขา

ความยุ่งยากในการนัดจองนวด ทำให้เขาคิดหาทางเลือกอื่น เพื่อจะได้นวดทุกวัน ในช่วงเวลาที่สะดวก โดยไม่จำเป็นต้องไปสปา

ไม่เชื่อก็ต้องเชื่อว่า ไอเดียของเขาขายได้ และได้รับเงินทุนสนับสนุนถึง 80 ล้านดอลลาร์ และใช้เวลาถึง 7 ปีในการพัฒนาไอเดียของเขาให้กลายเป็นหุ่นยนต์นวดระบบ AI ที่สามารถปรับระดับได้ตัวแรกของโลก และเพิ่งจะเปิดตัวเมื่อเดือนมีนาคม 2024 ที่ผ่านมา 

และตอนนี้ หุ่นยนต์นวดของ Aescape ก็มีให้บริการแล้ว ที่โรงแรม Lotte New York Palace, โรงยิม Equinox บางสาขา และ ที่ Press Modern Massage สาขา Union Square ในนครนิวยอร์ก โดย ลิทแมน มีแผนการขยายพันธมิตรผู้ให้บริการหุ่นยนต์นวดเพิ่มขึ้นเรื่อย ๆ ในเร็ว ๆ นี้

ทีนี้ลองมาฟังความเห็นของผู้เช่าซื้อหุ่นยนต์นวด Aescape รายใหญ่ตอนนี้ ซึ่งก็คือ Lotte New York Palace โดย ทริสตินา ดามิโก ผู้อำนวยการแผนกสปาของโรงแรม และยังเป็นนักนวดบำบัดที่มีใบรับรองวิชาชีพ และเธอก็ชื่นชมหุ่นยนต์นวดตัวนี้ว่า เหมาะที่จะใช้ในโรงแรมหรูระดับ Lotte Palace ที่มีห้องพักมากถึง 900 ห้อง และเป็นที่นิยมจากทั้งนักธุรกิจและนักท่องเที่ยว ที่แต่ละคนมีความต้องการที่แตกต่างกัน 

และตั้งแต่เปิดบริการหุ่นยนต์นวดในเดือนกรกฎาคมเป็นต้นมา ก็มียอดนัดจองนวดกับหุ่นยนต์เข้ามาเป็นจำนวนมาก ทั้งจากแขกของโรงแรม และ ชาวนิวยอร์กในย่านมิดทาวน์ แมนฮัตตัน ที่นิยมแวะมานวดในช่วงพักกลางวันเพื่อผ่อนคลาย ก่อนกลับไปทำงานในช่วงบ่าย 

อิริค ลิทแมน เจ้าของธุรกิจหุ่นยนต์นวด อ้างอิงตัวเลขการประเมินจาก Global Wellness Institute ว่า ธุรกิจตลาดสายสุขภาพทั่วโลกมีโอกาสโตได้ถึง 7.4 ล้านล้านเหรียญภายในปี 2025 ซึ่งหุ่นยนต์นวดที่คุณสามารถจองได้ตลอดเวลาที่ต้องการ สามารถเข้ามาเติมเต็มในตลาดที่กำลังขยายตัวนี้ได้ 

ที่ลิทแมนมั่นใจเช่นนั้น เพราะปัญหาการขาดแคลนบุคลากร และนักนวดบำบัดจำนวนมากในปัจจุบัน จึงเป็นโอกาสดีสำหรับธุรกิจหุ่นยนต์นวดของเขา ถึงแม้ลักษณะ และสไตล์จะแตกต่างจากการนวดด้วยมือมนุษย์ 

แต่ด้วยความฉลาดของระบบ AI ที่มีเซนเซอร์ในการสแกนจุดบนกล้ามเนื้อของมนุษย์ได้ถึง 1.2 ล้านจุด สามารถเก็บข้อมูลเฉพาะตัวของลูกค้าแต่ละคนได้ และสามารถปรับน้ำหนักการนวดได้ จนถึงจุดที่ลูกค้าแต่ละคนพอใจ ซึ่งลูกค้าจะได้รับประสบการณ์นวดเหมือนเดิมทุกครั้งที่มาใช้บริการ จึงให้ความรู้สึกเหมือนทุกคนเป็นลูกค้าประจำ

และอีกหนึ่งจุดขายที่แก้ปัญหาให้กับลูกค้าที่ไม่สบายใจที่ต้องแก้ผ้าต่อหน้าคนแปลกหน้า เมื่อเข้ารับบริการนวด เพราะการนวดด้วยหุ่นยนต์ ลูกค้าจำเป็นต้องสวมเสื้อ ที่ทำจากผ้าสแปนเด็กซ์ชนิดพิเศษที่เป็นลิขสิทธิ์ของแบรนด์ ซึ่งออกแบบมาเพื่อลดการเสียดสีระหว่างหุ่นยนต์กับผิวหนังมนุษย์โดยเฉพาะ นอกจากจะปลอดภัยแล้ว ยังลดความรู้สึกลำบากใจของลูกค้าหลายคนเมื่อมาใช้บริการนวดด้วย 

เพียงแต่ข้อจำกัดของหุ่นยนต์นวดในตอนนี้ สามารถนวดได้เฉพาะบริเวณแผ่นหลังเท่านั้น ยังไม่ได้พัฒนาให้สร้างสามารถนวดบริเวณขา และ ฝ่าเท้าได้ แต่ก็เหมาะสำหรับผู้ที่ต้องการ การนวดทรีตเมนต์แบบระยะสั้น ราคาไม่แพง และจองได้ง่าย ก็น่าจะเหมาะกับหุ่นยนต์นวดรุ่นใหม่เครื่องนี้ ที่สามารถจองผ่านแอปพลิเคชันของโรงแรม Lotte New York Palace โดยจะคิดค่าบริการอยู่ที่ 75 ดอลลาร์สำหรับการนวด 30 นาที

นี่เป็นเพียงจุดเริ่มต้นเล็ก ๆ สำหรับการเปลี่ยนแปลงในโลกยุค AI ที่กำลังจะเกิดขึ้นในไม่ช้า ที่หุ่นยนต์ถูกยกระดับเพื่อทำงานแทนมนุษย์ ส่วนมนุษย์กลับต้องไปทำงานแทนหุ่นยนต์ ที่มีหน้าที่เพียงนำทางลูกค้ามาใช้บริการกับหุ่นยนต์นวดเท่านั้น เป็นการเปลี่ยนแปลงตามยุคสมัยที่เราไม่อาจต่อต้านได้ แต่มนุษย์เราสามารถปรับตัวเองเพื่ออยู่ร่วมกับเทคโนโลยีในอนาคตให้ได้นั่นเอง

'ช้างแฝด' เกิดใหม่ในเมียนมา เป็น 'เพศเมีย' และ 'เพศผู้' ถือเป็นครั้งที่ 12 ในประเทศ นับตั้งแต่มีบันทึกเมื่อปี 1960

(2 ก.ย. 67) สำนักข่าวซินหัว รายงานว่า แม่ช้างวัย 21 ปีที่ปางช้างหวิ่นกะบ่อ ในภูมิภาคพะโคของเมียนมา ได้ให้กำเนิดลูกช้างฝาแฝดเพศผู้และเพศเมียเมื่อวันที่ 26 ส.ค. โดยการเกิดของลูกช้างฝาแฝดนั้นเป็นเรื่องที่พบได้ยาก และถือเป็นช้างแฝดที่ลืมตาดูโลกเป็นครั้งที่ 12 ในเมียนมานับตั้งแต่มีบันทึกเมื่อปี 1960

โดยเมื่อวันอาทิตย์ (1 ก.ย.67) เจ้าหน้าที่สัตวแพทย์ประจำปางช้างให้สัมภาษณ์กับสำนักข่าวซินหัวว่า แม่ช้างเพิร์ล แซนดาร์ ออกลูกช้างตัวแรกเป็นเพศเมีย ตัวที่สองเป็นเพศผู้ และทั้งสองเกิดห่างกันราว 4 นาที

รายงานระบุว่าช่วง 2 วันแรกลูกช้างฝาแฝดไม่สามารถดื่มนมจากแม่ได้ จึงต้องให้นมจากขวดแทน ส่วนในวันที่ 3 ลูกช้างฝาแฝดจึงเริ่มดื่มนมจากเต้าของแม่ ซึ่งมีคุณค่าทางโภชนาการและเป็นประโยชน์ต่อพวกมันมากกว่า

ปัจจุบันมีช้างทั้งหมด 9 เชือกในปางช้างหวิ่นกะบ่อ ซึ่งรวมถึงลูกช้างฝาแฝดดังกล่าว โดยเจ้าหน้าที่ต่างตั้งใจที่จะดูแลช้างแฝดสองตัวนี้เป็นพิเศษเนื่องจากการเกิดช้างแฝดมักไม่เกิดขึ้นบ่อย

'อียิปต์' โชว์นวัตกรรมอิฐจากถุงพลาสติก ทนทานกว่าคอนกรีต 2 เท่า แถมช่วยรีไซเคิลถุงขยะพลาสติกได้ 5,000 ล้านใบ ภายในปี 2025

(2 ก.ย. 67) TNN Tech รายงานว่า สตาร์ตอัปในประเทศอียิปต์เผยนวัตกรรมการนำขยะถุงพลาสติกในประเทศมารีไซเคิลใหม่ ให้กลายเป็นก้อนอิฐ โดยอ้างว่าผลิตออกมาเป็น 'ก้อนอิฐสำหรับงานก่อสร้าง' ที่มีความแข็งแกร่งกว่าคอนกรีตทั่วไปมากถึง 2 เท่า

สตาร์ตอัปแห่งนี้มีชื่อว่า 'ไทล์กรีน' (TileGreen) ซึ่งได้พัฒนาเทคโนโลยีใหม่ในการเปลี่ยนเศษขยะถุงพลาสติกเก่า ๆ ให้กลายเป็นก้อนอิฐ โดยจะผสมเข้ากับวัสดุพอลิเมอร์ ขยะถุงขยะพลาสติกที่เจอทั่วไป และวัสดุธรรมชาติอย่างกรวดและทราย เพื่อขึ้นรูปเป็นวัสดุก่ออิฐตามที่ต้องการ 

โดยกระบวนการผลิต จะเริ่มจากการนำถุงขยะพลาสติกไปย่อยเป็นชิ้นเล็ก ๆ พร้อมหลอมรวมเข้ากับวัสดุดังกล่าว จากนั้นจะรีดออกมาเป็นแผ่น แล้วนำมาขึ้นรูปในแม่พิมพ์ ซึ่งใช้การบีบอัดด้วยแรงดันสูงและการให้ความร้อนเพื่อเพิ่มความแข็ง ผลลัพธ์ที่ได้ ก็จะมีลักษณะเป็นก้อนอิฐผิวหยาบ เหมาะสำหรับการใช้ปูพื้นภายนอกอาคาร เช่น พื้นฟุตพาท หรือพื้นลานกิจกรรม 

ทั้งนี้บริษัทเผยว่าสำหรับในประเทศอียิปต์ มีอัตราการผลิตขยะพลาสติกมากถึงราว 4,500,000 ตันต่อปี แต่มีอัตราการรีไซเคิลขยะพลาสติก อยู่ที่ระหว่างร้อยละ 10 ถึง 15 เท่านั้น ซึ่งแสดงให้เห็นว่ายังมีช่องว่างขนาดใหญ่ ของขยะพลาสติกที่ไม่ถูกนำมารีไซเคิล

บริษัทจึงต้องการที่จะพัฒนาเทคโนโลยีที่จะมาช่วยแก้ไขปัญหานี้ โดยจะมุ่งเน้นไปที่การเลือกใช้ขยะพลาสติก ที่ไม่สามารถรีไซเคิลได้อย่างปลอดภัย เช่น ถุงพลาสติกแบบใช้ครั้งเดียว หรือภาชนะบรรจุอาหารอื่น ๆ โดยขยะเหล่านี้ มักถูกทิ้งบนถนน หรือถูกเผา ซึ่งก่อให้เกิดก๊าซคาร์บอนไดออกไซด์ หนึ่งในที่ตัวการที่ทำให้เกิดภาวะโลกร้อน 

ดังนั้นการที่บริษัทออกไอเดียนำถุงขยะพลาสติก มารีไซเคิลเป็นก้อนอิฐที่สามารถนำกลับมาใช้ประโยชน์ได้ใหม่ จึงช่วยลดจำนวนขยะพลาสติกที่จะถูกเผาทำลายไปในแต่ละปีได้ และยังช่วยลดปัจจัย ที่ก่อให้เกิดปัญหาสิ่งแวดล้อมได้อีกด้วย

สำหรับกำลังการผลิตปัจจุบัน ของโรงงานบริษัทที่ตั้งอยู่ในกรุงไคโร สามารถผลิตก้อนอิฐจากถุงขยะพลาสติกนี้ได้ประมาณ 5,000 ก้อนต่อเดือน ทั้งนี้บริษัทมีแผนที่จะต่อยอดผลิตภัณฑ์ให้กว้างขึ้น เช่น การผลิตเป็นอิฐปูพื้น เสา ผลิตภัณฑ์สำเร็จรูปต่าง ๆ รวมถึงเฟอร์นิเจอร์ในเมือง และมีเป้าหมายที่จะรีไซเคิลถุงขยะพลาสติกให้ได้ 5,000 ล้านใบ ภายในปี 2025 นี้

'รัสเซีย' ลั่น!! 'รัสเซีย-ยูเครน' ไม่ได้เป็นรัฐภาคีของธรรมนูญกรุงโรม เท่ากับศาลอาญาโลกไม่มีสิทธิสั่ง 'มองโกเลีย' รวบ 'ปูติน' ระหว่างการเยือน

(2 ก.ย. 67) นาย ดมิทรี เปสคอฟ โฆษกของวังเครมลิน กล่าวกับกลุ่มผู้สื่อข่าวเมื่อวันศุกร์ที่ผ่านมาว่า มอสโกไม่กังวลเกี่ยวกับหมายจับของศาลอาญาระหว่างประเทศที่ให้จับกุมนาย วลาดิมีร์ ปูติน  ประธานาธิบดีของรัสเซีย พร้อมเน้นว่าทุกประเด็นปัญหาในความเป็นไปได้ที่เกี่ยวข้องกับการเดินทางเยือนของปูตินจะได้รับการจัดการแยกกันเป็นการล่วงหน้า 

จากการกล่าวหาว่า ประธานาธิบดีรัสเซียได้ทำการบังคับเนรเทศประชาชนอย่างผิดกฎหมายและบังคับขนย้ายประชากร (เด็ก) จากพื้นที่ยึดครองในยูเครน ไปยังสหพันธรัฐรัสเซีย 

นาย ฟาดิ เอล-อับดัลเลาะห์ โฆษกของศาลอาญาระหว่างประเทศ ให้สัมภาษณ์กับสำนักข่าวบีบีซีในวันศุกร์ที่ผ่านมาเช่นกันว่า ทุกรัฐที่ลงนามในธรรมนูญกรุงโรม "มีพันธสัญญาที่ต้องให้ความร่วมมือ สอดคล้องกับบทบัญญัติภาค 9 ของธรรมนูญกรุงโรม" ทั้งนี้ ธรรมนูญกรุงโรม เป็นสนธิสัญญาระหว่างประเทศที่จัดตั้งศาลแห่งนี้ขึ้นมา และทางมองโกเลียได้ให้สัตยาบันรับรองในปี 2002

"ในกรณีที่ไม่ให้ความร่วมมือ บรรดาผู้พิพากษาของศาลอาญาระหว่างประเทศ อาจดำเนินการตรวจสอบผลกระทบในเรื่องดังกล่าว และแจ้งต่อสมัชชารัฐภาคีแห่งธรรมนูญกรุงโรมในเรื่องนี้ จากนั้นทางสมัชชาฯ จะเป็นคนตัดสินใจใช้มาตรการใดๆ ที่พวกเขาเล็งเห็นว่ามีความเหมาะสม" เอล-อับดัลเลาะห์กล่าว

อย่างไรก็ตาม ธรรมนูญกรุงโรมได้ให้ข้อยกเว้น ครั้งที่การจับกุมใดๆ นั้นเป็นการละเมิดพันธสัญญาในสนธิสัญญาหนึ่งที่ทำไว้กับประเทศอื่น หรือละเมิดเอกสิทธิ์คุ้มกันทางการทูตของบุคคลหรือสินทรัพย์ของประเทศที่ 3

อ้างอิงจากรัฐบาลในกรุงเคียฟ ทางยูเครนได้ยื่นคำร้องอย่างเป็นทางการ เรียกร้องให้ มองโกเลียทำการจับกุมนายวลาดิมีร์ ปูติน เช่นกัน ทว่าต่อมา ทางโฆษกของวังเครมลินยังคงปฏิเสธคำกล่าวอ้างในการจับกุมดังกล่าวว่าเป็นเรื่องไร้สาระ โดยเน้นว่าการอพยพพลเรือนออกจากพื้นที่สู้รบไม่ใช่อาชญากรรม ยิ่งไปกว่านั้นทั้งรัสเซียและยูเครน ก็ไม่ได้เป็นรัฐภาคีของธรรมนูญกรุงโรม นั่้นหมายความว่าศาลอาญาระหว่างประเทศไม่มีขอบเขตอำนาจในเรื่องนี้

'หนุ่มสาวลาว' เมินเข้ามหาวิทยาลัย แห่เรียนภาษาจีนแทน หลัง 'นักท่องเที่ยว-การลงทุน' จากแดนมังกรพุ่งสูง

(2 ก.ย. 67) เยาวชนจำนวนมากมองว่าการเรียนภาษาจีนเป็นหนทางในการหาเงินในประเทศที่กำลังประสบปัญหาเศรษฐกิจ ทั้งเงินเฟ้อสูงและค่าเงินที่อ่อนค่าลง ที่ส่งผลให้ชาวลาวจำนวนมากไปหางานทำในไทย การเรียนภาษาจีนกำลังได้รับความนิยมในช่วงไม่กี่ปีที่ผ่านมา เมื่อปักกิ่งเร่งลงทุนในประเทศยากจนในเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ที่ไม่มีทางออกสู่ทะเลแห่งนี้ ทั้งสร้างเขื่อน ถนน และโรงไฟฟ้า

เมื่อปีที่ผ่านมา บริษัทจีนได้ลงทุนในโครงการต่างๆ ในลาวรวม 17 โครงการ มูลค่า 986 ล้านดอลลาร์ ที่กำลังจะทำให้จีนกลายเป็นคู่ค้ารายใหญ่ที่สุดในไม่ช้าแทนที่ไทย กระทรวงวางแผนและการลงทุนระบุเมื่อเดือน ก.พ.

หลายคนลงเรียนภาษาจีนกลางที่สถาบันขงจื๊อ ที่ถูกวิพากษ์วิจารณ์ในสหรัฐฯ และที่อื่นๆ เนื่องจากเชื่อมโยงกับปฏิบัติการอิทธิพลของพรรคคอมมิวนิสต์จีน

เจ้าหน้าที่ฝ่ายลงทะเบียนระบุว่าสถาบันขงจื๊อของมหาวิทยาลัยสุภานุวงศ์ ในหลวงพระบาง มีคนสมัครเรียนจนเต็ม

“เราเห็นนักท่องเที่ยวจีนในพื้นที่มากขึ้น และคนท้องถิ่นที่นี่ก็เรียนภาษาจีนกันมากขึ้นด้วย” เจ้าหน้าที่ระบุ

“มีโรงเรียนเอกชนของลาวหลายแห่งที่สอนภาษาจีน เพราะตลาดจีนกำลังขยายตัว นักท่องเที่ยวและธุรกิจของจีนเข้ามาที่เมืองและประเทศมากขึ้น” ชาวลาวคนหนึ่งที่ส่งลูกสาวไปเรียนภาษาจีนในหลวงพระบาง กล่าว

ในขณะเดียวกัน มหาวิทยาลัยแห่งชาติลาวในนครหลวงเวียงจันทน์รายงานว่ามีนักเรียนเข้าสอบเอนทรานซ์เพียง 5,457 คนเท่านั้น แม้จะเปิดรับถึง 7,700 คนก็ตาม

ส่วนมหาวิทยาลัยสะหวันนะเขต ทางตอนใต้ของประเทศ ระบุว่ามีนักเรียนเข้าสอบในปีนี้เพียง 329 คน แม้ว่าทางมหาวิทยาลัยมีแผนรับนักศึกษาใหม่ 1,500 คน

และแม้แต่ในมหาวิทยาลัย ภาษาจีนก็กลายเป็นวิชาที่ได้รับความนิยมมากที่สุด รวมถึงมหาวิทยาลัยแห่งชาติลาวด้วย

“ภาษาจีนเป็นวิชาที่ได้รับความนิยมมากที่สุดในสถานศึกษาต่างๆ กระทั่งผู้ใหญ่เองก็เรียนภาษาจีนด้วย มีการลงทุนจากจีนในประเทศของเรามากขึ้น ดังนั้นผู้คนจึงเรียนภาษาจีนกันมากขึ้นเรื่อยๆ พวกเขาหวังว่าภาษาจีนจะช่วยให้พวกเขาได้งานและรายได้ที่ดีขึ้น” อาจารย์ในมหาวิทยาลัยแห่งชาติลาว ระบุ

นอกจากนี้ การสมัครเข้าเรียนก็ลดลงเรื่อยๆ ท่ามกลางภาวะเศรษฐกิจตกต่ำ

สำนักข่าววิทยุเอเชียเสรีรายงานในเดือน มิ.ย.ว่า นักเรียนในระดับมัธยมต้นและมัธยมปลายระบุว่าพวกเขาออกจากโรงเรียนเพราะเศรษฐกิจของประเทศตกต่ำ และการขาดโอกาสในการทำงาน

จำนวนผู้สำเร็จการศึกษาจากโรงเรียนเหล่านี้ลดลงในช่วง 3 ปีที่ผ่านมา เนื่องจากเงินเฟ้อเพิ่มสูงทำให้ค่าอาหารและค่าเดินทางเพิ่มขึ้น ทำให้ครอบครัวต่างๆ เผชิญกับความยากลำบากในการจ่ายค่าอุปกรณ์การเรียนและชุดนักเรียน

จำนวนนักท่องเที่ยวจีนเพิ่มขึ้นหลังจากลาวกำหนดให้ปี 2567 เป็นปีท่องเที่ยวลาว เพื่อสร้างงานและสร้างรายได้จากสกุลเงินต่างประเทศ ท่ามกลางภาวะเศรษฐกิจตกต่ำ และหลังจากปิดประเทศไป 3 ปี เนื่องจากการระบาดของโควิด

“นั่นเป็นสาเหตุว่าทำไมชาวลาวจำนวนมากสนใจเรียนภาษาจีน คนที่พูดภาษาจีนได้ไม่เพียงแต่สามารถทำงานเป็นมัคคุเทศก์ได้เท่านั้น แต่ยังสามารถทำงานในโรงแรมและในธุรกิจของจีนได้ด้วย” มัคคุเทศก์ในหลวงพระบาง กล่าว

“พูดอีกอย่างคือคนที่มีทักษะการพูดภาษาจีนมีโอกาสดีกว่าที่จะได้งานและค่าจ้างที่ดีกว่า” มัคคุเทศก์คนเดิม กล่าว

ครูโรงเรียนเอกชนแห่งหนึ่งในแขวงหลวงน้ำทา ทางตอนเหนือของลาว กล่าวกับสำนักข่าววิทยุเอเชียเสรีว่าสำหรับปีการศึกษาหน้า โรงเรียนของเขาจะเปิดหลักสูตรภาษาจีนเพิ่มและชั้นเรียนหลังเลิกเรียน

ผู้อำนวยการของโรงเรียนเอกชนแห่งหนึ่งในแขวงหลวงพระบางกล่าวว่าโรงเรียนของเขาต้องการครูชาวจีนจำนวนมาก ไม่ใช่ครูชาวลาวที่สามารถสอนจีนได้

ไวรัล 'ยาดมหงส์ไทย' ใช้ดีจนคู่ต่อสู้ยังขอลอง ส่วนเจ้าของยาดม ดมซะจนชนะเลิศงานนี้

(2 ก.ย. 67) จากเพจ 'HiFight Thailand แชร์ข่าววงการเกมต่อสู้' ได้โพสต์ข้อความ ระบุว่า...

ยาดมหงส์ไทย ใช้ดีจนคู่ต่อสู้ยังขอไปดมด้วย

จากงานแข่ง Tekken 8 ที่ Emirates Showdown รอบรองชนะเลิศ เจ้าของยาดมคือ kkokkoma จากเกาหลีใต้ ที่ดมยาดมจนชนะเลิศงานนี้อีกด้วย

'เมียนมาถูกกฎหมาย' เหลืออด!! ซัดแรงงานเถื่อน 'เรียกร้องสิทธิ์-ด่าคนไทย' เมล็ดพันธุ์จาก 'NGO-คนได้สัญชาติ' หนุนหลัง ทำพม่าดีๆ ในไทยลำบาก

กลายเป็นประเด็นทางสังคมในไทยไปแล้ว เมื่อชาวเมียนมา ซึ่งเป็นคนที่ทำงานอย่างถูกต้องตามกฎหมาย หรือกลุ่ม White Collar เริ่มออกมาตอบโต้กลับกับกลุ่ม Blue Collar ที่ส่วนใหญ่เป็นแรงงานเถื่อนหรือเดินทางเข้ามาในประเทศไทยอย่างผิดกฎหมายไม่ว่าจะด้วยวิธีการใดก็ตาม ตั้งแต่เรื่องที่มีการเรียกร้องสิทธิความเท่าเทียมเสมือนประหนึ่งประเทศไทยอยู่ภายใต้การปกครองของเมียนมา หรือการที่มีคลิปออกมาด่าคนไทยที่เข้ามาคอมเมนต์ในคลิปที่กลุ่มพม่าทำผิดกฎหมายบ้านเมืองของไทย จนไม่รู้ว่าใครจะต้องกลัวใครกันแล้ว

ว่ากันว่ากลุ่มเหล่านี้มีเหล่า NGO และกลุ่มสมาคมช่วยเหลือแรงงานพม่าที่พร้อมจะยื่นมือเข้ามา ซึ่งคนที่ทำงานตรงนี้ส่วนใหญ่จะเป็นคนพม่าที่อยู่ไทยมาก่อนและได้สัญชาติไทยไปแล้ว พร้อมทั้งแนะนำชี้ทางให้เห็นว่าคนพวกนี้จะต้องทำอย่างไร ดำเนินการอย่างไรเพื่อให้ตนเองพ้นผิด รวมถึงหลุดพ้นจากการเป็นจำเลยในสังคมไทย เป็นต้น

อย่างที่เราเห็นในปัจจุบันนี้ ว่าคนไทยเป็นคนง่าย ๆ มีคนบอกบท ให้ยกมือไหว้ ขอโทษออกสื่อ ก็จบ แต่ความจริงนั้นสะท้อนอีกแบบ เพราะการที่เราให้อภัยกันอย่างง่าย ๆ นั้น ทำให้คนอื่น ๆ ที่เห็นไม่กลัว และออกมาทำคลิปเลียนแบบกันเต็มโซเชียลเต็มไปหมด ดังที่เราเห็นได้จากคลิปหนุ่มบางบอนที่ถูกคนพม่าเอามาเลียนแบบเป็นกระแสอยู่ทุกวันนี้  

ในขณะที่ฝั่งชาวเมียนมา White Collar ต่างออกคลิปมาขอโทษขอโพยคนไทย พร้อมขอบคุณคนไทยที่ให้โอกาส ให้ที่อยู่ที่พักพิงให้เขาเหล่านั้น มีเงิน มีทอง สามารถจับจ่ายซื้อของ ทำบุญ ทำทาน ได้ตามที่เขาได้ตั้งใจ  

เอย่า คงบอกได้แค่ว่า คนไทยเข้าใจนะคะ เวลามีปลาเน่าสักตัว ก็มักจะส่งกลิ่นเหม็นกลบปลาดีไปหมด แต่การที่จะกำจัดปลาเน่านั้น หากจะปล่อยให้เป็นหน้าที่ของคนไทยฝ่ายเดียวคงจะไม่ได้แล้ว  

ดังนั้นพวกชาวเมียนมาดี ๆ ที่อยากอยู่อย่างสงบสุขเหมือนในอดีต คงต้องร่วมมือกับคนไทยในการสร้างสังคมที่น่าอยู่

เอย่า จำได้ว่าคนไทยเรามีความทรงจำที่ดีกับชาวเมียนมาประดุจเพื่อนบ้านที่แสนดีฉันใด ความรู้สึกแบบนั้นคงไม่สามารถสร้างได้จากฝั่งคนไทยเพียงฝ่ายเดียวฉันนั้น

ชาวเมียนมาต้องให้ความร่วมมือในการสอดส่องดูแลจัดการให้คนไม่ดี ไม่ให้มีอำนาจ หรือรวมตัวกันเป็นแก๊งอั้งยี่ได้ และคนพม่าที่ดีในสังคมไทยก็ต้องช่วยเป็นหูเป็นตาให้กับเจ้าหน้าที่ไทยในการจัดการกับกลุ่มนอกกฎหมาย หรือผู้ที่ต้องการใช้ประเทศไทยมาเป็นที่ซ่องสุมหรือกบดานด้วยเช่นกัน

อ้อ!! ที่กล่าวเช่นนี้ ก็ใช่ว่าคนไทยจะไม่มีความสามารถหาทางหรือจัดการได้เองนะคะ...

เพียงแต่ว่า ถ้าวันใดประเทศไทยไม่ต้องการคนชาติคุณขึ้นมาจริง ๆ วันนั้นพวกคุณอาจจะไม่มีโอกาสได้กลับมาเหยียบบ้านนี้เมืองนี้อีกเลย 

เรายื่นโอกาสให้คุณ เพื่อให้คุณแสดงออกว่าคุณมีความรักในประเทศนี้ เคารพกฎหมาย กติกาของบ้านเมืองนี้ ไม่ใช่ช่วยคนของคุณแบบผิด ๆ เหมือนที่ทุกวันนี้เราเห็น ๆ กันอยู่

อุกอาจ!! 'แก๊งวัยรุ่นมะกัน' รวมพลปล้นร้าน 7-Eleven มูลค่าความเสียหาย 40,000 เหรียญสหรัฐ พบ!! ไม่ใช่ครั้งแรก

(29 ส.ค. 67) เพจ 'World Forum ข่าวสารต่างประเทศ' ได้เผยแพร่ภาพการปล้นร้านสะดวกซื้อ 'เซเว่นอีเลฟเว่น' (7 Eleven) โดยวัยรุ่นที่มีการรวมตัวกันประมาณ 30-50 คน

ทั้งนี้ วัยรุ่นกลุ่มดังกล่าว ได้เข้าปล้น 7-Eleven สาขา ซานเปโดร ลอสแอนเจลิส ประมาณ เวลา 01:39 น. ของวันเสาร์ที่ 24/08/2024  

จากรายงาน คนร้ายได้ขโมยบุหรี่ไปกว่า 1,000 ซอง ตั๋วล็อตเตอรี่ และเครื่องคิดเงิน 2 เครื่อง ที่มีเงินสดอยู่ข้างในประมาณ 5,000 เหรียญสหรัฐฯ ก่อนจะหลบหนีไปได้ เบื้องต้นมูลค่าความเสียหายจากการประเมินอยู่ที่ 40,000 เหรียญสหรัฐ

เหตุการณ์นี้ไม่ใช่ครั้งแรก เพราะก่อนหน้านั้นช่วงเดือนสิงหาคม 7-Eleven หลายสาขาในลอสแอนเจลิส ก็เคยถูกปล้นมาแล้ว เพียงแต่ไม่แน่ชัดว่าเป็นวัยรุ่นกลุ่มเดียวกันหรือไม่ ซึ่งขณะนี้ทางเมืองลอสแองเจลลิสได้ขอเพิ่มกำลังตำรวจเพื่อตรวจตราเพิ่มขึ้นแล้ว

‘เมียนมา’ แปรรูป ‘กล้วยเหลือทิ้ง’ สู่สินค้ามูลค่าเพิ่ม เนรมิตเป็น ‘รองเท้าแตะ-เสื่อ-ผ้าเช็ดตัว-กระเป๋า’

(29 ส.ค. 67) สำนักข่าวซินหัว รายงานว่า เมียนมากำลังดำเนินงานแปรรูปกล้วยเหลือทิ้งภายในประเทศให้เป็นผลิตภัณฑ์ที่มีมูลค่าเพิ่ม ซึ่งช่วยเพิ่มรายได้แก่เกษตรกรท้องถิ่นและสร้างโอกาสทางธุรกิจใหม่ โดยส่วนใหญ่ใช้วัตถุดิบกล้วยเหลือทิ้งจากภูมิภาคอิรวดี, มัณฑะเลย์ และพะโค ซึ่งเป็นแหล่งเพาะปลูกกล้วยสำคัญ

รายงานระบุว่า หลายภูมิภาคและรัฐของเมียนมา เช่น พะโค, อิรวดี, ฉาน ,มัณฑะเลย์ และย่างกุ้ง ได้เปิดสอนการแปรรูปกล้วยเหลือทิ้งเป็นผลิตภัณฑ์ที่มีมูลค่าเพิ่ม โดยผลิตภัณฑ์ที่ทำมาจากกล้วยเหลือทิ้ง ได้แก่ รองเท้าแตะ เสื่อ ผ้าเช็ดตัว และกระเป๋า

อู มยิน เตง ผู้ก่อตั้งกรีน บานานา เมียนมา (Green Banana Myanmar) กล่าวว่า การใช้ผลิตภัณฑ์จากกล้วยเหล่านี้ไม่ได้ส่งผลกระทบเชิงลบต่อสิ่งแวดล้อมเหมือนผลิตภัณฑ์พลาสติก

ขณะเดียวกันเมียนมาดำเนินโครงการสร้างความตระหนักรู้เกี่ยวกับประโยชน์ของการเพาะปลูกกล้วย รวมถึงโอกาสจำหน่ายลำต้นกล้วยเป็นรายได้เสริม

อนึ่ง กรีน บานานา เมียนมา กำลังทำงานร่วมกับสำนักการพัฒนาชนบท เพื่อจัดการฝึกอบรม และกำลังเปิดหลักสูตรตามโรงเรียนวัดด้วย

เปิดฉาก ‘พาราลิมปิกเกมส์ 2024’ ณ กรุงปารีส สุดอลังการ ‘แวว สายสุนีย์-ฟิว อธิวัฒน์’ นำทัพนักกีฬาไทยร่วมขบวนพาเหรด

(29 ส.ค. 67) ผู้สื่อข่าวรายงานว่า การแข่งขันกีฬาพาราลิมปิกเกมครั้งที่ 17 ที่กรุงปารีสเมืองหลวงของประเทศฝรั่งเศส ได้ฤกษ์เปิดฉากเมื่อวันพุธที่ 28 สิงหาคมที่ผ่านมาอย่างเป็นทางการ ในครั้งนี้มีทั้งหมด 169 ทีมเข้าแข่งขัน ประกอบด้วย 167 ประเทศภาคีสมาชิก, ทีมเรฟูจี หรือทีมผู้ลี้ภัย และ NPA ทีม จากรัสเซีย กับเบลารุส เข้าร่วมการแข่งขันมีทั้งหมด 22 ชนิดกีฬาชิงชัยทั้งสิ้น 549 เหรียญทอง 

เริ่มต้นด้วย ‘ขบวนพาเหรด’ จากประตูชัยนโปเลียน หรือ อาร์กเดอทรียงฟ์เดอเลตวล ไปบนถนน ฌ็อง-เซลิเซ่ ซึ่งจะมีคณะผู้แทนจากทั่วโลกเข้าร่วมกับนักกีฬาและเจ้าหน้าที่กว่า 6,000 คน พร้อมการแสดงแสงสีเสียง ผ่านธีมที่ใช้ครั้งนี้เป็นการนำเสนอเกี่ยวกับร่างกายมนุษย์และ ‘ประวัติศาสตร์และความขัดแย้ง’ โดยมี โธมัส จอลลี่ เป็นผู้กำกับ ซึ่งเป็นคนเดียวกับที่กำกับ-ออกแบบพิธีเปิดโอลิมปิกเกมส์ 2024 และการออกแบบท่าเต้นโดย อเล็กซานเดอร์ เอ๊คมัน ก่อนจะสิ้นสุดที่ พลาส เดอ ลา คองคอร์ด เออร์บัน สปอร์ตส์ พาร์ค

โดยทีมชาติไทย ‘แวว สายสุนีย์ จ๊ะนะ’ และ ‘ฟิว อธิวัฒน์ แพงเหนือ’ นำทัพนักกีฬาพาราลิมปิกทีมชาติไทย เดินเข้าสู่พิธีเปิด พร้อมกับเจ้าภาพแสดงชุดแรก เวลคัมทูปารีส

สำหรับการแข่งขันจะมีขึ้นระหว่างวันที่ 28 สิงหาคม - 8 กันยายน 2567

หนุ่มอินเดียทำคลิปแสดงสีหน้าขยะแขยงเมื่อเห็นอาหารชาติอื่น เจอมติทัวร์ชาวเน็ต 'อินเดียไม่ควรแซะประเทศอื่นเรื่องอาหาร'

(29 ส.ค. 67) กลายเป็นประเด็นในโซเชียล เมื่อหนุ่มอินเดียคนหนึ่งทำคลิปรีแอคชั่นอาหารประเทศต่าง ๆ ในคลิปมีอาหารจากหลากหลายชาติ ซึ่งมีอาหารไทยรวมอยู่ด้วย ทั้งเมนูต้มแซ่บปลาดุก หอยทอดกระทะร้อน และต้มแซ่บเครื่องในวัว โดยทำท่าทางคล้ายขยะแขยงอาหาร เห็นอาหารแล้วจะอาเจียน ชวนให้เข้าใจว่าอาหารต่าง ๆ ที่อยู่ในคลิปนั้นไม่น่าทาน เป็นอาหารที่แย่

งานนี้ชาวเน็ตไม่รอช้า เรียกได้ว่าทัวร์ลงแบบนานาชาติ มีความเห็นหลากหลายภาษาใต้คลิปดังกล่าว แน่นอนชาวเน็ตไทยไม่พลาดขบวน แสดงความเห็น 

"ประเทศนายหนักกว่าเราอีกนะ อร่อยให้ 6 สกปรกให้ 10" 
"มีแต่ของอร่อยทั้งนั้นนี่หว่าา" 
"มันสะอาดเกินไปหรือยังไง" 
"สภาพ ไม่น่าทำท่าอ้วกแบบนั้นเลย"
"อินเดียไม่ควรแซะประเทศอื่นและอาหาร"

ส่วนความเห็นต่างชาติก็คอมเมนต์แรง "It's too clean for you to eat, right? It has to be dirty like the ones you've eaten before for it to be delicious.”

"มันสะอาดเกินกว่าจะกินใช่ไหม? มันจะต้องสกปรกเหมือนอาหารที่คุณเคยกินมาก่อนถึงจะอร่อยหรอ"

บ้างถามกลับว่า "How about your country?" แล้วประเทศของคุณละเป็นยังไง

'รัฐสภาเกาหลีใต้' ผ่านร่างกฎหมาย 'พรบ.คูฮารา' ใครไม่เคยเลี้ยงดูหรือเคยทำร้ายผู้ตายมาก่อน หมดสิทธิ์ในมรดก

(29 ส.ค. 67) จากเพจ 'ข่าวสารบันเทิงจีน' ได้เปิดเผยว่า เมื่อวานนี้ 28 ส.ค.2024 รัฐสภาเกาหลีใต้ผ่านร่างกฎหมาย 'พรบ.คูฮารา' ด้วยคะแนนเสียงเห็นชอบ 284 เสียง ไม่เห็นด้วย 0 เสียง และงดออกเสียง 2 เสียง การแก้ไขกฎหมายนี้จะมีผลบังคับใช้ในปี 2026

เนื้อหาของกฎหมายมีใจความว่า "ผู้ปกครอง ญาติสนิททางสายเลือด เช่น พ่อแม่ พี่น้อง ปู่ย่า ตายาย ที่ไม่มีส่วนในการเลี้ยงดูช่วยเหลือกันมา หรือเคยกระทำการล่วงละเมิดอย่างร้ายแรงต่อผู้ตายมาก่อน จะไม่มีสิทธิ์ในมรดกของผู้ตาย"

กฎหมายนี้มาจาก นส.คูฮารา อดีตสมาชิกเกิร์ลกรุ๊ปวง KARA ผู้มีส่วนสำคัญในการไขคดีไนท์คลับ Burning S un และเธอตกเป็นเหยื่อขบวนการ 'คลิปลับ' จนเป็นโรคซึมเศร้า และฆ่าตัวตายในปี 2019

ภายหลังเธอเสียชีวิตได้ทิ้งมรดกเอาไว้เป็นเงินถึง 150 ล้านบาท และจู่ๆ คุณแม่ของคูฮารา ที่ทอดทิ้งเธอไปตั้งแต่เด็กๆ ก็ปรากฏตัวมาขอแบ่งมรดกครึ่งหนึ่งของ คูฮารา ตามสิทธิ์ของผู้เป็นแม่

แต่ คูอินโฮ พี่ชายแท้ๆ ของคูฮารา คัดค้านสิทธิ์รับมรดกของแม่ เนื่องจากได้ทอดทิ้งลูกไปตั้งแต่วัยเด็กรวมเวลากว่า 20 ปี ไม่เคยส่งเสียเลี้ยงดูเขากับน้องสาวเลย ทำให้ชีวิตของ ฮารา ขาดความสุขในวัยเด็ก เป็นสาเหตุให้เธอเป็นโรคซึมเศร้า โดยมีหลักฐานจากจดหมายลาตายของเธอที่บอกว่ารู้สึกอัดอั้นตันใจกับครอบครัว

แต่ในที่สุดเมื่อเรื่องนี้มีการฟ้องร้องกันในศาล ศาลเกาหลีใต้ตัดสินให้แบ่งมรดกให้แม่ของ คูฮารา 40% ตามกฏหมายของเกาหลีที่ระบุว่า "บุคคลเมื่อเสียชีวิตและไม่ได้ทำพินัยกรรมไว้ มรดกย่อมตกเป็นของพ่อแม่ในฐานะผู้ให้กำเนิด"

คูอินโฮ พี่ชายของ คูฮารา จึงรณรงค์ทางอินเตอร์เน็ตให้แก้กฎหมายฉบับนี้ และมีผู้ลงชื่อสนับสนุนนับล้านคน จึงเป็นที่มาของ ชื่อ 'พรบ.คูฮารา' หรือ Goo Hara Act

'ทัพฟ้าไทย' เลือก ‘กริพเพน’ บรรจุฝูงบินรบใหม่เหนือ F-16 เผย!! ข้อเสนอผู้ผลิตจากสวีเดนตอบโจทย์ไทยมากกว่าของสหรัฐฯ

(28 ส.ค. 67) สื่อต่างประเทศรายงานข่าวกองทัพอากาศไทยตัดสินใจเลือกเครื่องบินขับไล่กริพเพน (Gripen) บรรจุเข้าฝูงบินขับไล่โจมตีฝูงใหม่ โดยมองว่าข้อเสนอซึ่งผู้ผลิตสัญชาติสวีเดนให้มานั้นตอบโจทย์ความต้องการของไทยมากกว่า F-16 จากอเมริกา

กองทัพอากาศไทยระบุในคำแถลงที่เผยแพร่วานนี้ (27ส.ค.) ว่า "คณะกรรมการพิจารณาเลือกแบบ ได้กำหนดขั้นตอนและเกณฑ์การพิจารณาที่ละเอียดรอบคอบ โดยใช้ระยะเวลากว่า 10 เดือนในการดำเนินการ จึงสามารถสรุปได้ว่าเครื่องบินขับไล่โจมตีแบบ JAS 39 Gripen E/F มีขีดความสามารถที่ตอบสนองความต้องการทางยุทธการตามหลักนิยมและยุทธศาสตร์ของกองทัพอากาศ ทั้งยังมีอิสระในการใช้งาน และสามารถพัฒนาต่อยอดนำไปสู่การเพิ่มศักยภาพการปฏิบัติการร่วมหลายมิติ (Multi-Domain Operations) ระหว่างกองทัพอากาศร่วมกับกองบัญชาการกองทัพไทย กองทัพบก กองทัพเรือ และหน่วยงานความมั่นคงต่าง ๆ ภายใต้แนวความคิดการปฏิบัติการที่ใช้เครือข่ายเป็นศูนย์กลางได้อย่างมีประสิทธิภาพในอนาคต"

ทอ.ยังระบุด้วยว่า “การพิจารณาดำเนินโครงการดังกล่าวจะต้องทำด้วยความละเอียดรอบคอบ เพื่อให้เกิดความคุ้มค่าในการจัดหาเครื่องบินขับไล่โจมตีในการปฏิบัติภารกิจป้องกันประเทศไปอีกอย่างน้อย 30 ปี”

สำหรับเครื่องบินขับไล่ F-16 รุ่นใหม่ล่าสุดจากบริษัท ล็อกฮีด มาร์ติน ก็ยังอยู่ในการพิจารณา โดยการตัดสินใจขั้นสุดท้ายนั้นขึ้นอยู่กับรัฐบาลไทย

ทั้งนี้ โครงการจัดซื้อฝูงบินกริพเพนมีวัตถุประสงค์เพื่อนำมาทดแทนฝูงบินขับไล่ F-16 A/B ซึ่งใช้งานมาตั้งแต่ปลายทศวรรษ 1980

กองทัพอากาศไทยยังไม่ได้เผยรายละเอียดว่าจะมีการจัดซื้อเครื่องบินขับไล่กริพเพนทั้งหมดกี่ลำ แต่มีรายงานจากสื่อที่เชี่ยวชาญด้านการทหารออกมาให้ข้อมูลเมื่อช่วงต้นปีนี้ว่า ไทยน่าจะมีแผนจัดซื้อประมาณ 12 ลำ

ปัจจุบันไทยมีฝูงบินขับไล่กริพเพนรุ่นเก่าใช้งานอยู่ 11 ลำ และมีฝูงบิน F-16 อยู่อีกหลายสิบลำ

ด้านบริษัท ซาบ (Saab) ซึ่งเป็นผู้ผลิตเครื่องบินกริพเพนได้ออกมาแสดงความยินดีต่อการตัดสินใจของกองทัพอากาศไทย

“เราสามารถยืนยันได้ว่า กองทัพอากาศไทยได้แถลงต่อสาธารณชนแล้วว่ามีความสนใจที่จะสั่งซื้อฝูงบินขับไล่กริพเพน ซึ่งถือเป็นข่าวดีมากสำหรับซาบและสวีเดน” แมทเทียส รัดสตรอม ผู้จัดการฝ่ายสื่อของซาบ ให้สัมภาษณ์กับเอเอฟพี

“ณ ขณะนี้ยังไม่ได้มีการทำสัญญาหรือมีคำสั่งซื้อเข้ามา แต่เราก็รอคอยที่จะได้หารือเพิ่มเติมกับกองทัพอากาศไทยและหน่วยงานที่เกี่ยวข้องของไทย”

รู้จัก ABA Centers of America เครือข่ายคลินิกรักษาโรคออทิสติก หนึ่งในบริษัทที่เติบโตเร็วที่สุดในสหรัฐฯ เพราะเร็วกว่า-เชี่ยวชาญกว่า

(28 ส.ค. 67) ABA Centers of America ซึ่งมีสำนักงานใหญ่ในเมือง Fort Lauderdale มลรัฐ Florida เป็นหนึ่งในบริษัทเอกชนที่เติบโตเร็วที่สุดในสหรัฐอเมริกา โดยได้รับการจัดอันดับที่ 5 ในรายชื่อ Inc. 5000 ประจำปีนี้ ให้เป็นหนึ่งในบริษัทที่เติบโตเร็วที่สุดจาก 5,000 แห่งในสหรัฐฯ พิจารณาจากการเติบโตของรายได้ในช่วง 3 ปีที่ผ่านมา 

Christopher Barnett ผู้ก่อตั้ง ABA Centers of America เผยถึงว่า ABA Centers of America ในฐานะผู้ให้บริการบำบัดสำหรับเด็กออทิสติก โดยบริษัทฯ ก่อตั้งขึ้นในปี 2020 ซึ่งตอนนั้น Barnett เริ่มทำธุรกิจด้วยวัยเพียง 18 ปี และเขามีเพียงวุฒิการศึกษา GED (เทียบเท่ามัธยมปลาย) แต่ด้วยการเป็นทั้งนายหน้าอสังหาริมทรัพย์, เจ้าของบริษัทพัฒนาอสังหาริมทรัพย์, นายหน้าจำนอง และผู้รับเหมา ทำให้เมื่ออายุ 20 ต้น ๆ เขาสามารถปิดการทำธุรกรรมได้ 150 ล้านเหรียญสหรัฐต่อปีกันเลยทีเดียว

ต่อมา Barnett ได้ก้าวเข้าสู่วงการการดูแลสุขภาพในปี 2013 และเป็นหุ้นส่วนผู้จัดการของกลุ่มดูแลสุขภาพพฤติกรรมชั้นนำ ซึ่งรวมถึง บริษัทให้บริการด้านการดูแลสุขภาพจิต, บริษัทให้บริการเรียกเก็บเงินทางการแพทย์ และบริษัทห้องปฏิบัติการทางการแพทย์ 

ปี 2020 ในฐานะผู้ปกครองของเด็กออทิสติก เขาได้ก่อตั้ง ABA Centers of America ขึ้นเพื่อทำลายกรอบการรอคอยบริการแบบเดิม ๆ ที่วนเวียนเป็นระยะเวลาหลายปีแก่บรรดาผู้ที่แสวงหาการวินิจฉัยหรือการรักษาโรคออทิสติก ในขณะเดียวกันก็เพื่อมอบความเป็นเลิศทางคลินิกในระดับสูงสุดในรูปแบบที่สร้างขึ้น เพื่ออุทิศให้แก่ลูกสาวของเขา ซึ่งเป็นหนึ่งในผู้ป่วยออทิสติก

ด้วยความมุ่งมั่นของ Barnett ซึ่งพยายามหาวิธีการต่าง ๆ เพื่อรักษาลูกสาวของเขาเอง จากปัญหาที่เขาพบเจอเริ่มต้นจากการนัดหมายเพื่อวินิจฉัยโรคที่อาจต้องใช้เวลาถึงสี่ถึงหกเดือน หรืออาจจะนานกว่านั้นด้วยซ้ำ และจริง ๆ แล้ว การเริ่มต้นการรักษาอาจต้องใช้เวลาหนึ่งหรือสองปี จนเคยมีคนไข้ที่ต้องรอคิวนานกว่านั้นด้วยซ้ำ บางครั้งอาจนานสามถึงหกปี นั่นคือ สถานการณ์การรักษาโรคออทิสติกในสหรัฐอเมริกา จนกระทั่งได้มีการก่อตั้ง ABA Centers of America ขึ้นมา บริษัทฯ สามารถฝ่าฟันอุปสรรคเหล่านั้นได้ โดยเสนอการนัดหมายเพื่อวินิจฉัยโรคออทิสติกในบางครั้งภายในเวลาเพียง 45 วัน และทำให้เด็ก ๆ เข้ารับการบำบัดได้เร็วกว่าคู่แข่งมาก 

ABA Centers of America สามารถลดเวลาในการรอการนัดหมายได้ ด้วยกระบวนการภายในซึ่งได้รับการปรับปรุงเพื่อให้สามารถวินิจฉัยรักษาเด็ก ๆ ได้อย่างรวดเร็วโดยไม่ต้องรอคิวนาน ด้วยทีมงานที่มีทั้งประสบการณ์และความสามารถ คัดเลือกบุคลากรที่มีความสามารถสูง ซึ่งนำกระบวนการใหม่ ๆ และแนวทางที่ดีกว่ามาสู่องค์กรในทุก ๆ วัน ทำให้บริษัทฯ เติบโตอย่างรวดเร็วและมีคลินิกเพิ่มขึ้นเรื่อย ๆ มีการจ้างพนักงานใหม่ได้รวดเร็วพอ ๆ กับลูกค้ารายใหม่ที่เพิ่มขึ้น ขยายความสามารถในการเติบโตได้อย่างกว้างขวางและทำสิ่งต่าง ๆ เหล่านี้ได้ดีและมากขึ้น อันเนื่องมาจากรูปแบบทางการจัดการทางเงิน และวิธีการในการดำเนินการกับลูกค้ารายใหม่ 

ด้วยการสรรหาบุคลากร ถือเป็นความท้าทายในอุตสาหกรรมสุขภาพจิต ABA Centers of America สามารถจ้างพนักงานได้อย่างรวดเร็ว เพราะนักวิเคราะห์พฤติกรรมที่ผ่านการรับรองเป็นหนึ่งในตำแหน่งงานที่หายากที่สุดในอุตสาหกรรมนี้ และเป็นตำแหน่งที่มีความต้องการมากที่สุด ซึ่งก็คือ นักวิเคราะห์พฤติกรรมที่ผ่านการรับรอง นักบำบัดที่ออกแบบและดูแลแผนการบำบัด ขณะนี้ในอเมริกา มีนักวิเคราะห์พฤติกรรมที่ผ่านการรับรองประมาณ 50,000 ถึง 60,000 คน และไม่นานมานี้ บริษัทฯ ได้ทำการค้นคว้าเกี่ยวกับจำนวนตำแหน่งงานว่างสำหรับตำแหน่งดังกล่าว ซึ่งมีจำนวน 80,000 ถึง 90,000 ตำแหน่ง นั่นหมายความว่ามีความต้องการตำแหน่งงานดังกล่าวสูงมาก และตลาดไม่มีนักวิเคราะห์พฤติกรรมที่ผ่านการรับรองเพียงพอที่จะตอบสนองความต้องการดังกล่าว นั่นเป็นสาเหตุสำคัญประการหนึ่งที่ทำให้เด็ก ๆ ต้องรอคอยอยู่ในรายชื่อรอทั่วประเทศ เนื่องจากตำแหน่งสำคัญตำแหน่งหนึ่งมีไม่เพียงพอ 

>> ABA Centers of America บริจาคเงิน 1ล้านดอลลาร์สหรัฐให้ Temple University

วิธีหนึ่งที่ทำให้ ABA Centers of America สามารถรับมือกับปัญหานี้ได้คือ ผ่านโปรแกรม Temple University ของบริษัทฯ เอง ซึ่งบริษัทฯ ได้สร้าง ABA Centers Autism Lab ขึ้นมา ซึ่งช่วยให้บริษัทฯ สามารถทำการวิจัยในสาขานี้ และยังสามารถฝึกอบรมนักศึกษาได้อีกด้วย เมื่อบริษัทฯ ได้พนักงานที่เข้าเกณฑ์สำหรับโปรแกรมปริญญาโทที่ Temple U. บริษัทฯ ก็จะจ่ายค่าเล่าเรียนทั้งหมดให้กับพวกเขา ขณะนี้บริษัทฯ มีพนักงานราว 25 คนที่กำลังเรียนปริญญาโทเพื่อเป็นนักวิเคราะห์พฤติกรรมที่ผ่านการรับรอง (BCBA) และบริษัทฯ จะดำเนินการต่อไปเพื่อให้โปรแกรมนั้นเติบโตขึ้น นั่นคือหนึ่งในวิธีที่บริษัทฯ ไม่เพียงแต่สามารถหา BCBA ได้มากขึ้นเพื่อตอบสนองความต้องการ แต่ยังสามารถคัดเลือกและนำบุคลากรที่มีความสามารถสูงมาสู่องค์กรได้อีกด้วย

ABA Centers of America สร้างสมดุลให้กับการเติบโตและความยั่งยืนได้ ในแบบ de novo บริษัทฯ สามารถทำทั้งหมดนี้ได้โดยไม่ต้องผ่านการเข้าซื้อกิจการขนาดใหญ่ ด้วยการซื้อสิ่งอำนวยความสะดวกที่มีขนาดเล็กกว่า ในขณะที่ยังคงสร้างความแตกต่างให้กับธุรกิจนี้โดยลดเวลาการรอคอยและให้เด็ก ๆ เข้ารับการดูแลได้เร็วขึ้น นั่นเป็นแรงผลักดันการเติบโตของบริษัทฯ ไปพร้อม ๆ กัน การสามารถคัดเลือกและรักษาบุคลากรที่มีความสามารถสูงไว้ได้ ถือเป็นกลยุทธ์การเติบโตที่ดำเนินต่อไปได้ด้วยตัวเองและช่วยให้บริษัทฯ สามารถขยายธุรกิจไปทั่วประเทศได้อย่างต่อเนื่อง 

แนวคิดของ ABA Centers of America มองว่าการเปิดคลินิกใหม่มีประโยชน์มากกว่าการเข้าซื้อคลินิกที่มีอยู่ เพราะการไม่ได้พึ่งพา [การซื้อกิจการ] ด้วยโมเดลที่ยอดเยี่ยมและคิดมาอย่างดีสำหรับการเปิดคลินิกใหม่ในพื้นที่ใหม่ ๆ ซึ่งบริษัทฯ ได้ทำมาหลายครั้งแล้ว และทำได้ดีมากจนสามารถเปิดคลินิกใหม่ได้เร็วที่สุดเท่าที่จะทำได้ ตอนนี้บริษัทฯ มีคลินิกประมาณ 30 แห่ง และน่าจะมีมากกว่า 50 แห่งภายในสิ้นปีนี้ (2024) พร้อมกับแผนการเติบโตในอนาคตที่ชัดเจนไปจนถึงปี 2025 เช่นเดียวกับบริษัทอื่น ๆ เช่นเดียวกับสตาร์ตอัปอื่น ๆ ซึ่งก็มีข้อผิดพลาดระหว่างทาง แต่สามารถเรียนรู้จากข้อผิดพลาดเหล่านั้น และวางแผนกลยุทธ์ขององค์กรให้เป็นจริงได้ ABA Centers ได้เติบโตจนกลายเป็นองค์กรที่มีชื่อเสียง จนได้รับการยอมรับว่าเป็นบริษัทเอกชนที่เติบโตเร็วที่สุดอันดับ 5 ในรายชื่อ Inc. 5000 แห่งชาติประจำปี 2024 ทั้งยังได้รับการเสนอชื่อในรายชื่อ Inc. Best in Business ประจำปี 2023 อีกด้วย

'ออสเตรเลีย' สั่งลดจำนวนนักศึกษาต่างชาติเข้าประเทศปีหน้า 'แก้ปัญหาคนล้นเมือง-ราคาที่อยู่อาศัยพุ่ง' ฟากมหาวิทยาลัยไม่ปลื้ม

(28 ส.ค.67) บลูมเบิร์กรายงานว่า เมื่อวันที่ 27 ส.ค.67 ออสเตรเลีย ได้กลายเป็นประเทศล่าสุดที่เตรียมกวาดล้างปัญหานักศึกษาต่างชาติล้นเมือง ซึ่งเป็นข้อวิตกที่สืบเนื่องกับปัญหาประชากรล้นเข้าเมืองออสเตรเลียจำนวนมากในช่วงระยะหลัง ตามหลังแคนาดา, เนเธอร์แลนด์ และอังกฤษ ที่ล้วนใช้มาตรการจำกัดนี้ไปแล้ว

ทั้งนี้จากรายงานโดยอ้างอิงจากรอยเตอร์ส ระบุว่า รัฐบาลพรรคแรงงานของนายกรัฐมนตรี แอนโทนี อัลบานิส ได้ประกาศเมื่อวันอังคาร (27) ว่า ในปี 2025 จำนวนเพดานนักศึกษาต่างชาติจะเหลือแค่ 270,000 คนเท่านั้น

"ภายใต้นโยบายนี้ รัฐบาลแคนเบอร์ราจะจำกัดจำนวนนักศึกษาต่างชาติใหม่ที่ 145,000 คนสำหรับมหาวิทยาลัยต่าง ๆ และอีก 95,000 คนสำหรับคอร์สฝึกฝีมือแรงงาน" รัฐมนตรีการศึกษาออสเตรเลีย เจสัน แคลร์ (Jason Clare) แถลงข่าว (27)

สำหรับออสเตรเลีย มีนักศึกษาต่างชาติเกือบ 600,000 คนที่ได้รับวีซ่านักศึกษาเดินทางเข้าประเทศในปี 2023 ซึ่งถือเป็นตัวเลขสูงเป็นประวัติศาสตร์เมื่อเทียบกับปีก่อนหน้า

รอยเตอร์ส รายงานว่า ในงานแถลงข่าววันอังคาร (27) แคลร์ ได้กล่าวด้วยว่า “มีนักศึกษาต่างชาติมากกว่า 10% อยู่ตามมหาวิทยาลัยต่าง ๆ ของเรา โดยในปัจจุบันมีจำนวนสูงกว่าช่วงก่อนวิกฤตโควิด-19 และอีกกว่า 50% อยู่ในสถาบันเอกชนฝึกอบรมคอร์สอาชีพ”

ด้านรัฐมนตรีการศึกษาออสเตรเลีย แถลงว่า "รัฐบาลพรรคแรงงานออสเตรเลียจะแจ้งไปยังมหาวิทยาลัยต่าง ๆ สำหรับการลดเพดานจำนวนการรับนักศึกษาเหล่านั้นต่อไป"

ฟาก สมาคมการศึกษาอุดมศึกษาเอกชนออสเตรเลีย (The Independent Tertiary Education Council Australia) ได้ออกแถลงการณ์ว่า "มหาวิทยาลัยต้องการข้อมูลเพิ่มในการเปลี่ยนแปลงนี้" โดยชี้ว่า "การประกาศของรัฐบาลทำให้เกิดคำถามมากกว่าคำตอบ"

รอยเตอร์ส รายงานต่อว่า ทางมหาวิทยาลัยเมลเบิร์น ก็ได้มีกล่าวผ่านแถลงการณ์ว่า ทางมหาวิทยาลัยได้รับแจ้งการจำกัดเพดาน แต่ยังไม่เปิดเผยเพิ่มเติม นอกจากระบุว่า กำลังอยู่ระหว่างการประเมินทางด้านการเงินและปัจจัยแทรกซ้อนอื่น ๆ

"การจำกัดเพดานนักศึกษาต่างชาติ จะส่งผลร้ายต่อมหาวิทยาลัยของพวกเรา, ภาคส่วนการศึกษาระดับสูงโดยรวม และต่อประเทศเป็นเวลาอีกหลายปีหลังจากนี้' รองอธิการบดีมหาวิทยาลัยเมลเบิร์น ศาสตราจารย์ ดันแคน มาสเคลล์ (Prof. Duncan Maskell) แถลง

ขณะที่ เดวิด ลอยด์ (David Lloyd) ประธานกรรมการสมาคมมหาวิทยาลัยออสเตรเลีย (Universities Australia) ชี้ว่า "การตั้งเพดานรับนักศึกษาเหมือนเป็นการติดเบรกให้กับภาคอุตสาหกรรมการศึกษาระดับอุดมศึกษาออสเตรเลียที่มีชื่อเสียง"

ด้าน บลูมเบิร์ก รายงานว่า การสนับสนุนเข้าเมืองในออสเตรเลียตกลงในจุดต่ำสุดของรอบ 5 ปี อ้างอิงจากโพลสำรวจของ Essential ที่ได้เผยแพร่วันอังคาร (27) โดย 42% ของผู้ตอบแบบสอบถามต่างกล่าวว่า ส่งผลกระทบทางลบต่อออสเตรเลีย

ทั้งนี้ นักศึกษาต่างชาติสร้างรายได้ราว 32,500 พันล้านดอลลาร์ออสเตรเลีย (22 พันล้านดอลลาร์สหรัฐฯ) ให้แก่ระบบเศรษฐกิจแดนจิงโจ้ในปี 2023 และทำให้ภาคการศึกษาระดับอุดมศึกษาออสเตรเลียกลายเป็นภาคบริการส่งออกสูงสุดของประเทศ


© Copyright 2021, All rights reserved. THE STATES TIMES
Take Me Top