(17 มี.ค. 68) ราฟาเอล กลุกส์มันน์ (Raphaël Glucksmann) นักการเมืองฝ่ายกลางซ้ายจากพรรค Place Publique และสมาชิกรัฐสภายุโรป (European Parliament) ได้กล่าวระหว่างการประชุมพรรคว่า รัฐบาลสหรัฐฯ ควรคืนเทพีเสรีภาพให้กับฝรั่งเศส โดยให้เหตุผลว่าสหรัฐฯ ในปัจจุบันไม่ได้เป็นตัวแทนของค่านิยมประชาธิปไตยและเสรีภาพ ซึ่งเป็นหลักการสำคัญที่ฝรั่งเศสยึดถือเมื่อครั้งที่มอบอนุสาวรีย์ดังกล่าวให้กับอเมริกา
“เราควรนำเทพีเสรีภาพกลับคืนมา เพราะสหรัฐฯ ไม่ได้สะท้อนคุณค่าที่ทำให้เราตัดสินใจมอบอนุสาวรีย์นี้ให้พวกเขาอีกต่อไป” กลุกส์มันน์ กล่าวในที่ประชุม พร้อมระบุว่าในช่วงหลายปีที่ผ่านมา ทิศทางทางการเมืองของสหรัฐฯ มีแนวโน้มถดถอยจากแนวคิดประชาธิปไตยและความเป็นเสรีนิยม ซึ่งเป็นหัวใจสำคัญของการมอบเทพีเสรีภาพให้เป็นของขวัญแก่สหรัฐฯ ในปี ค.ศ.1886
เทพีเสรีภาพ (Statue of Liberty) เป็นสัญลักษณ์แห่งเสรีภาพและประชาธิปไตย ซึ่งฝรั่งเศสได้มอบให้แก่สหรัฐฯ เพื่อเป็นสัญลักษณ์ของมิตรภาพระหว่างทั้งสองชาติ และเป็นอนุสรณ์ถึงอุดมการณ์เสรีภาพที่ทั้งสองประเทศเคยมีร่วมกัน
การเรียกร้องของกลุกส์มันน์สะท้อนถึงความกังวลของนักการเมืองบางส่วนในยุโรปที่มองว่า บทบาทของสหรัฐฯ ในเวทีโลกกำลังเปลี่ยนไป และอาจไม่ยึดมั่นในหลักการเสรีภาพและประชาธิปไตยเช่นในอดีต อย่างไรก็ตาม คำกล่าวของเขาก็อาจกลายเป็นประเด็นถกเถียงทั้งในฝรั่งเศสและในสหรัฐฯ เกี่ยวกับสถานะของเทพีเสรีภาพในฐานะสัญลักษณ์ของเสรีภาพระดับโลก
อย่างไรก็ตามยังไม่มีปฏิกิริยาจากรัฐบาลสหรัฐฯ ต่อคำเรียกร้องของกลุกส์มันน์ แต่แน่นอนว่าความคิดเห็นดังกล่าวอาจกระตุ้นให้เกิดการถกเถียงเกี่ยวกับบทบาทของสหรัฐฯ ในฐานะผู้นำประชาธิปไตยของโลกในยุคปัจจุบัน
นอกจากนี้ กลุกส์มันน์ เคยออกมาโจมตี การตัดงบประมาณด้านวิจัยของสหรัฐฯ ในยุครัฐบาลโดนัลด์ ทรัมป์ โดยระบุว่าการลดงบสนับสนุนสถาบันวิจัยและโครงการทางวิทยาศาสตร์ของอเมริกาทำให้เกิด ความเสียหายต่อความก้าวหน้าทางวิทยาศาสตร์ระดับโลก
“การตัดงบประมาณในสถาบันวิจัยของสหรัฐฯ เป็นการทำลายรากฐานของนวัตกรรมและความก้าวหน้าทางวิทยาศาสตร์ ซึ่งขัดแย้งกับคุณค่าของความก้าวหน้าทางปัญญาที่เราควรปกป้อง” กลุกส์มันน์กล่าว
ผลกระทบจากนโยบายดังกล่าวส่งผลให้รัฐบาลฝรั่งเศสเริ่มเดินหน้าดึงดูดนักวิจัยจากสหรัฐฯ ให้เข้ามาทำงานในฝรั่งเศส โดยมีการริเริ่มโครงการให้ เงินทุนสนับสนุนและโอกาสด้านการวิจัยที่มั่นคงมากขึ้น สำหรับนักวิทยาศาสตร์ที่ได้รับผลกระทบจากการลดงบประมาณในอเมริกา
แผนการดังกล่าวสอดคล้องกับเป้าหมายของฝรั่งเศสที่ต้องการยกระดับบทบาทของประเทศในฐานะศูนย์กลางด้านการวิจัยและนวัตกรรมของยุโรป โดยเฉพาะอย่างยิ่งในช่วงเวลาที่บางประเทศกำลังลดการลงทุนในภาควิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี
นโยบายดึงดูดนักวิจัยต่างชาติของฝรั่งเศสไม่ได้เพิ่งเกิดขึ้นในยุครัฐบาลปัจจุบัน ก่อนหน้านี้ ประธานาธิบดีเอ็มมานูเอล มาครง ก็เคยประกาศโครงการ "Make Our Planet Great Again" เพื่อเชิญชวนนักวิทยาศาสตร์จากทั่วโลก โดยเฉพาะนักวิจัยด้านสิ่งแวดล้อมที่ได้รับผลกระทบจากนโยบายของทรัมป์ ให้มาทำงานในฝรั่งเศส
ขณะที่การตัดงบประมาณด้านวิจัยของสหรัฐฯ กลายเป็นประเด็นที่ถูกวิพากษ์วิจารณ์ในหลายวงการ กลุกส์มันน์ชี้ว่า ฝรั่งเศสควรฉวยโอกาสนี้เพื่อเสริมสร้างศักยภาพทางวิทยาศาสตร์ของตัวเอง และต้อนรับนักวิจัยที่กำลังมองหาสภาพแวดล้อมที่สนับสนุนการทำงานอย่างแท้จริง