Wednesday, 2 April 2025
WORLD

นักวิจัยสหรัฐฯ พบข้อบกพร่องร้ายแรงใน Find My ชี้!! อาจเป็น ‘ภัยคุกคาม’ ต่อความมั่นคงของชาติ

(9 มี.ค. 68) ทีมนักวิจัยจากมหาวิทยาลัยจอร์จ เมสันในมลรัฐเวอร์จิเนียค้นพบปัญหาในเครือข่ายแอปพลิเคชัน Find My ของ Apple ที่ดาวน์โหลดและเปิดใช้งานตามค่าเริ่มต้น โดยเตือนว่าอาจเป็นภัยคุกคามต่อความมั่นคงของชาติ แอปพลิเคชัน Find My ช่วยให้ผู้ใช้ค้นหาอุปกรณ์ AirTags และอุปกรณ์ต่าง ๆ ที่เป็นผลิตภัณฑ์ของ Apple ที่สูญหายได้ ปัญหาจากการโจมตีนี้ถูกทีมนักวิจัยตั้งชื่อว่า 'nRootTag' ซึ่งจะหลอกเครือข่าย Find My ให้คิดว่าอุปกรณ์ที่รองรับ Bluetooth เป็น AirTag ที่สูญหาย ช่วยให้ผู้ก่ออาชญากรรมทางไซเบอร์สามารถแอบติดตามอุปกรณ์ดังกล่าวได้โดยเจ้าของผู้ใช้ไม่รู้ตัว
.
Find My เป็นแอปพลิเคชันบริการติดตามอุปกรณ์ต่าง ๆ ที่สร้างโดย Apple Inc. ซึ่งช่วยให้ผู้ใช้สามารถติดตามตำแหน่งของอุปกรณ์ iOS , iPadOS , macOS , watchOS , visionOS , tvOS , AirPods , AirTags และอุปกรณ์เสริมของบุคคลที่สามผ่านบัญชี iCloud ที่เชื่อมต่อ โดยผู้ใช้ยังสามารถแสดงตำแหน่งทางภูมิศาสตร์ของอุปกรณ์หลักให้ผู้อื่นเข้าดูได้ และสามารถดูตำแหน่งของผู้อื่นที่เลือกแชร์ตำแหน่งของตนได้ด้วย Find My เปิดตัวพร้อมกับ iOS 13 เมื่อวันที่ 19 กันยายน 2019 ด้วยการผสานฟังก์ชันของ Find My iPhone เดิม (รู้จักกันในชื่อ Find My Mac บนคอมพิวเตอร์ Mac) และ Find My Friends เข้าเป็นแอปพลิเคชันเดียวบน watchOS โดย Find My จะแบ่งออกเป็นสามแอปพลิเคชันที่แตกต่างกันคือ (1)ค้นหาอุปกรณ์ (2)ค้นหาบุคคล และ (3)ค้นหารายการ
.
ใน iOS 9 ทั้ง Find My iPhone และ Find My Friends กลายเป็นแอปพลิเคชันในตัว และไม่สามารถลบออกจากอุปกรณ์ได้ ในการเปิดตัว iOS 13 และ macOS 10.15 ฟังก์ชันการทำงานของทั้ง Find My iPhone และ Find My Friends ได้ถูกผสมผสานเข้าเป็นแอปพลิเคชันเดียว โดยมีชื่อว่า Find My ซึ่งช่วยให้ผู้ใช้สามารถแชร์ตำแหน่งอุปกรณ์ของตนกับผู้ติดต่อที่ ใช้อุปกรณ์ iOS, iPadOS หรือ macOS ได้เป็นเวลา 1 ชั่วโมง จนกว่าจะสิ้นสุดวันหรือไม่มีกำหนด เมื่อแชร์แล้ว ผู้อื่นจะสามารถดูตำแหน่งที่แน่นอนของอุปกรณ์ของบุคคลนั้นบนแผนที่ และสามารถรับเส้นทางไปยังตำแหน่งของบุคคลนั้นได้ สามารถตั้งค่าการแจ้งเตือนเพื่อแจ้งให้ผู้ใช้ทราบเมื่อมีคนออกจากหรือมาถึงตำแหน่งที่กำหนด
.
โดยที่ ผู้ใช้สามารถค้นหาตำแหน่งของอุปกรณ์ Apple ของตนและเปิดเสียงบนอุปกรณ์ด้วยระดับเสียงสูงสุด อุปกรณ์ยังสามารถถูกทำเครื่องหมายว่าสูญหายได้ โดยล็อกอุปกรณ์ด้วยรหัสผ่านและระงับการใช้งานฟีเจอร์สำคัญ เช่น Apple Wallet โหมดสูญหายยังอนุญาตให้ผู้ใช้ฝากข้อความและข้อมูลติดต่อไว้บนหน้าจอล็อกของอุปกรณ์ได้อีกด้วย ทั้งนี้ผู้ใช้สามารถเลือกที่จะลบอุปกรณ์นี้ได้ โดยสามารถทั้งลบเนื้อหาและการตั้งค่าทั้งหมด ซึ่งจะมีประโยชน์หากอุปกรณ์มีข้อมูลที่ละเอียดอ่อน อย่างไรก็ตาม หลังจากดำเนินการลบแล้วจะไม่สามารถค้นหาอุปกรณ์นี้ได้อีกต่อไป หลังจากลบข้อมูลเสร็จสิ้น ข้อความจะยังคงแสดงขึ้นและอุปกรณ์จะถูกล็อกการเปิดใช้งาน ซึ่งจะทำให้ผู้อื่นใช้งานหรือขายอุปกรณ์ได้ยาก ต้องใช้รหัสผ่าน Apple ID เพื่อปิด Find My ออกจากระบบ iCloud ลบข้อมูลอุปกรณ์ หรือเปิดใช้งานอุปกรณ์อีกครั้งหลังจากล็อกการเปิดใช้งาน 
.
ในขณะที่ Find My และ Find My Friends ซึ่งเป็นโปรแกรมก่อนหน้ามีปัญหาเกี่ยวกับความเป็นส่วนตัวที่เกิดจากการติดตามตำแหน่งของผู้ใช้โดยไม่มีการแจ้งให้ทราบ คุณลักษณะด้านความปลอดภัยหลายประการหมายความว่า ผู้ใช้จะแบ่งปันตำแหน่งของตนกับบุคคลที่ตนเลือกเท่านั้น และสามารถเพิกถอนสิทธิ์ได้ทุกเมื่อ "เพื่อน" สามารถติดตามได้เฉพาะผู้ใช้ที่ยอมรับคำขอเข้าถึงเท่านั้น ผู้ใช้สามารถลบบุคคลออกจากการเข้าถึงได้ตลอดเวลาหรือทำให้การติดตามใช้งานหรือระงับเป็นการชั่วคราว ตั้งแต่ iOS 15 เป็นต้นมา Apple ได้เพิ่มคุณสมบัติในการค้นหา iPhone 11 หรือใหม่กว่าได้นานถึง 5 ชั่วโมงหลังจากแบตเตอรี่หมด หรือนานถึง 24 ชั่วโมงหากผู้ใช้ปิดเครื่องด้วยตนเอง (ยกเว้นรุ่น iPhone SE) ผ่านคุณสมบัติสำรองพลังงาน หากต้องการมีสิทธิ์เรียกร้องสิทธิ์สำหรับ iPhone ที่ถูกขโมยหรือสูญหายโดยได้รับความคุ้มครองจาก AppleCare+ พร้อมความคุ้มครองการโจรกรรมและสูญหาย ฟังก์ชัน Find My จะต้องเปิดใช้งานอยู่ในอุปกรณ์ของผู้ใช้
.
Qiang Zeng หนึ่งทีมนักวิจัยบอกว่า "ปัญหาหลักคือ การโจมตีของ 'nRootTag' ได้เปลี่ยนเครือข่าย Find My ของ Apple ซึ่งประกอบด้วย iPhone และอุปกรณ์ Apple อื่น ๆ จำนวน 1,500 ล้านเครื่องให้กลายเป็นระบบจารกรรมระดับโลกที่ใหญ่ที่สุดในโลก โดยที่ผู้โจมตีไม่ต้องเสียค่าใช้จ่ายใด ๆ เลย" ตัวอย่างเช่น 'อุปกรณ์ Bluetooth เพียงเครื่องเดียวที่ติดไวรัสในหน่วยขีปนาวุธนิวเคลียร์เคลื่อนที่เชิงยุทธศาสตร์อาจทำให้ผู้โจมตีสามารถติดตามการเคลื่อนไหวได้'
.
นอกจากนี้ Zeng ยังอธิบายด้วยว่าข้อบกพร่องดังกล่าวอาจทำให้ศัตรูสามารถ "ตรวจสอบการเคลื่อนไหวของหน่วยฯ" ได้ แม้ว่า "หน่วยฯ จะหลีกเลี่ยงการเชื่อมต่ออินเทอร์เน็ตและปิดใช้งานโมดูล GPS ทั้งหมด แต่ iPhone ที่อยู่ใกล้เคียงก็ยังสามารถรายงานตำแหน่ง GPS ของอุปกรณ์ที่ติดไวรัสไปยังคลาวด์ของ Apple ได้" แม้ว่าทีมนักวิจัยจะไม่ได้ให้รายละเอียดการทำงานของ 'nRootTag' แต่พวกเขาบอกว่าการทดสอบแสดงให้เห็นว่า "การโจมตีของ 'nRootTag' ที่น่ากังวลนั้นมีอัตราความสำเร็จสูงถึง 90%"
.
โดยทีมนักวิจัยสามารถระบุตำแหน่งของอุปกรณ์ของ Apple ได้ภายในระยะ 10 ฟุต ติดตามเส้นทางของ จักรยานไฟฟ้าที่กำลังเคลื่อนที่ผ่านเมือง จำลองเส้นทางการบินที่แน่นอน และระบุหมายเลขเที่ยวบินของคอนโซลเกมที่นำขึ้นเครื่องบินได้ อย่างไรก็ตาม Zeng และ Junming Chen นักวิจัยอีกผู้หนึ่งได้แสดงความกังวลเพิ่มเติมเกี่ยวกับภัยจากการคุกคาม การสะกดรอย ต่อผู้ใช้อุปกรณ์ต่าง ๆ ของ Apple ตลอดจนภัยคุกคามต่อความมั่นคงของชาติที่อาจเกิดขึ้นจากการโจมตีของ 'nRootTag' ได้ในอนาคต

‘สนามบินฮ่องกง’ นำชิ้นส่วนประวัติศาสตร์ กลับมามีชีวิตอีกครั้ง สร้าง ‘กำแพงเมืองเกาลูน’ ขึ้นมาใหม่ในล็อบบี้ ก่อนที่จะถูกรื้อถอน

(9 มี.ค. 68) เพจเฟซบุ๊ก ‘Jaroensook Limbanchongkit Pone’ โพสต์ข้อความระบุว่า ...

#สนามบินฮ่องกง ได้นำชิ้นส่วนประวัติศาสตร์ที่น่าสนใจกลับมามีชีวิตอีกครั้งด้วยการสร้าง #กำแพงเมืองเกาลูน ขึ้นมาใหม่ในล็อบบี้ ก่อนที่จะถูกรื้อถอนในปี 1994 

กำแพงเมืองเกาลูนเป็นที่เลื่องลือว่าเป็นสถานที่ที่มีประชากรหนาแน่นที่สุดในโลก โดยมีผู้อยู่อาศัย 33,000 คนเบียดเสียดกันอยู่ในตึกเดียว พื้นที่ที่มีประชากรหนาแน่นนี้กลายเป็นตำนานด้วยบรรยากาศที่วุ่นวายแต่มีชีวิตชีวา ซึ่งแทบไม่มีกฎระเบียบอย่างเป็นทางการ และชุมชนก็เติบโตขึ้นจนกลายเป็นภูมิทัศน์เมืองที่ซับซ้อนและเปลี่ยนแปลงอยู่ตลอดเวลา

เนื่องจากไม่มีการวางผังเมืองที่เหมาะสม เมืองที่มีกำแพงล้อมรอบจึงกลายเป็นเขาวงกตที่มีตรอกซอกซอยแคบๆ และอาคารหลายชั้น ทำให้กลายเป็นพื้นที่ที่ซับซ้อนและแทบจะเดินไปไหนมาไหนไม่ได้เลย แม้จะมีสภาพความเป็นอยู่ที่เลวร้าย 

แต่เมืองนี้ก็กลายเป็นชุมชนที่เจริญรุ่งเรือง มีครอบครัว ธุรกิจขนาดเล็ก และอุตสาหกรรมต่างๆ อยู่ร่วมกันในสภาพแวดล้อมที่แออัด 
ผู้คนในเมืองที่มีกำแพงล้อมรอบเกาลูนแสดงให้เห็นถึงความอดทนและความเฉลียวฉลาดอย่างน่าทึ่ง โดยพวกเขาค้นหาวิธีที่จะทำให้ชีวิตที่คับแคบและขาดแคลนทรัพยากรของพวกเขาประสบความสำเร็จ

กำแพงเมืองเกาลูนยังคงเป็นสัญลักษณ์ของการอยู่รอดและการปรับตัวในเมือง ดึงดูดจินตนาการของผู้ที่เรียนรู้เกี่ยวกับประวัติศาสตร์ของเมืองนี้ 
แบบจำลองในสนามบินฮ่องกงทำหน้าที่เป็นเครื่องบรรณาการให้กับการตั้งถิ่นฐานอันพิเศษนี้ โดยให้ผู้เยี่ยมชมได้สัมผัสกับโลกที่ไม่เหมือนใคร มีชีวิตชีวา และไม่ธรรมดาที่เคยดำรงอยู่ภายในขอบเขตของเมืองที่หนาแน่นแห่งนี้

‘ทรัมป์’ เล็ง!! ถอนทหาร 35,000 นาย ย้ายจาก ‘เยอรมนี’ ไป!! ‘ฮังการี’

(9 มี.ค. 68) โดนัลด์ ทรัมป์ กำลังพิจารณาสร้างแรงสั่นสะเทือนครั้งใหญ่ในยุโรปด้วยการ ถอนทหารอเมริกัน 35,000 นายออกจากเยอรมนี ซึ่งหากเกิดขึ้นจริง จะเป็นการเปลี่ยนเกมด้านความมั่นคงของ NATO และอาจทำให้สัมพันธ์สหรัฐฯ–ยุโรปเดือดพล่านยิ่งขึ้น

แหล่งข่าวจากทำเนียบขาวเผยว่า “ทรัมป์หงุดหงิดกับยุโรป เพราะพวกเขาดูเหมือนจะเร่งสถานการณ์ไปสู่สงคราม” ซึ่งไม่ใช่เรื่องใหม่ เพราะทรัมป์เคยส่งสัญญาณหลายครั้งว่า สหรัฐฯ จะไม่คุ้มกันประเทศที่ไม่ลงทุนด้านความมั่นคงของตัวเองอย่างจริงจัง

ฮังการี - เป้าหมายใหม่ของกองกำลังสหรัฐฯ?

The Telegraph รายงานว่า เป้าหมายที่เป็นไปได้ของการโยกย้ายครั้งนี้คือ "ฮังการี" ประเทศที่รักษาความสัมพันธ์ใกล้ชิดกับรัสเซียมาโดยตลอด และเพิ่งสร้างแรงกระเพื่อมใน EU ด้วยการวีโต้มาตรการสนับสนุนยูเครนเมื่อวันที่ 6 มีนาคมที่ผ่านมา

วิกเตอร์ ออร์บาน นายกรัฐมนตรีฮังการี เป็นหนึ่งในผู้นำยุโรปที่มักค้านการคว่ำบาตรรัสเซีย ซึ่งทำให้หลายฝ่ายสงสัยว่า การที่ทรัมป์อาจย้ายทหารไปที่นั่นเป็นการเดินเกมในลักษณะใดกันแน่ เพราะหากเกิดขึ้นจริง ก็หมายความว่าสหรัฐฯ กำลังส่งสัญญาณถึง NATO ว่า “จ่ายเยอะ—ได้เยอะ, จ่ายน้อย—จัดการตัวเอง”

โฆษกด้านความมั่นคงแห่งชาติของสหรัฐฯ ไบรอัน ฮิวจ์ส ให้ความเห็นว่า "แม้ยังไม่มีการประกาศอย่างเป็นทางการ แต่การโยกย้ายกำลังทหารเป็นเรื่องที่กองทัพสหรัฐฯ พิจารณาอยู่เสมอ เพื่อตอบสนองต่อภัยคุกคามในปัจจุบัน" ซึ่งฟังดูเหมือนแถลงการณ์กลาง ๆ แต่แปลเป็นภาษาชัด ๆ ได้ว่า "เรากำลังหาทางออกที่ดีที่สุดให้ตัวเอง"

NATO สะเทือน!! ทรัมป์ไม่สนใจ สมาชิกที่จ่ายไม่ถึงเป้า

ทรัมป์ย้ำหลายครั้งว่า ประเทศสมาชิก NATO ต้องเพิ่มงบประมาณกลาโหมให้เป็นไปตามเกณฑ์ ซึ่งในปี 2024 มีเพียง 23 จาก 32 ประเทศ เท่านั้นที่ทำได้ โดย โปแลนด์ เป็นประเทศที่ลงทุนหนักสุดที่ 4.1% ของ GDP ขณะที่สหรัฐฯ ใช้ 3.4% ซึ่งทรัมป์มองว่า "เป็นภาระที่อเมริกันชนไม่ควรต้องแบก"

ทรัมป์เคยพูดตรง ๆ ว่า "ถ้าคุณไม่จ่าย ผมก็ไม่ช่วย" และถึงขั้นบอกว่า “ถ้าประเทศไหนใน NATO ไม่ยอมจ่าย ผมจะปล่อยให้รัสเซียจัดการเอง” ซึ่งนับว่าเป็นคำเตือนที่ชัดเจน และอาจเป็นเหตุผลว่าทำไมทรัมป์ถึงสนใจย้ายกำลังไปประเทศที่ "จริงจัง" เรื่องงบกลาโหมมากกว่า

เยอรมนีอาจต้องรับมือเอง หากทรัมป์เดินหน้าถอนกำลัง

หากแผนนี้เดินหน้าจริง เยอรมนีอาจต้องเผชิญหน้ากับความท้าทายทางความมั่นคงแบบไม่เคยมีมาก่อน เนื่องจากฐานทัพสหรัฐฯ หลายแห่งในเยอรมนี เช่น Ramstein Air Base และ กองบัญชาการสหรัฐฯ ประจำยุโรป ล้วนเป็นหัวใจสำคัญของ NATO ในยุโรป

การถอนกำลังออกจากเยอรมนีจะเป็นการตัดแรงสนับสนุนที่สำคัญสำหรับ NATO และอาจทำให้เยอรมนีต้อง เร่งเพิ่มงบกลาโหม และพิจารณาทางเลือกใหม่ ๆ ในการปกป้องประเทศของตนเอง

ในขณะที่ยุโรปกำลังจับตาว่าสหรัฐฯ จะดำเนินนโยบายนี้อย่างไร สัญญาณจากทรัมป์ดูเหมือนจะชัดเจนว่า “อเมริกาไม่ใช่ผู้คุ้มกันฟรี ๆ อีกต่อไป” และ NATO อาจต้องเตรียมพร้อมรับมือกับอนาคตที่แตกต่างไปจากเดิมอย่างสิ้นเชิง

มันจบแล้วกี้ บทเรียนของ ‘ขี้ข้า’ ประเทศมหาอำนาจ หลัง ‘เซเลนสกี’ ถูกถีบออกมาจาก ‘ห้องทำงานรูปไข่’

เป็นมีมไปทั่วโลกหลังที่ประธานาธิบดีของสหรัฐอเมริกา โดนัลด์ ทรัมป์ เรียกประธานาธิบดีของยูเครน โวโลดีมีร์ เซเลนสกีไปหารือแต่สุดท้ายกลายเป็นภาพที่เซเลนสกีถูกถีบออกมาจากห้องทำงานรูปไข่ นั่นทำให้ประเทศอื่นๆที่ยืนเคียงข้างยูเครนอย่างยุโรปสั่นคลอน เพราะหากมองกลับไปถึงจุดเริ่มต้นของสงครามคือการที่ยูเครนต้องการจะเข้านาโต้ โดยการสนับสนุนจากชาติสมาชิกนาโต้โดยเฉพาะสหรัฐอเมริกาภายใต้การนำของประธานาธิบดี โจ ไบเดน ในเวลานั้น

ย้อนกลับไปในการประชุมสุดยอดผู้นำองค์การสนธิสัญญาแอตแลนติกเหนือ หรือ NATO (North Atlantic Treaty Organization) ประจำปี 2024 ซึ่งจัดขึ้นที่กรุงวอชิงตัน ดี.ซี. สหรัฐอเมริกา ระหว่างวันที่ 9-11กรกฎาคมที่ผ่านมา มีการประกาศถึงกร้าวในที่ประชุม NATO ระบุข้อความชัดเจนในปฏิญญาวอชิงตันว่า “พันธมิตร NATO จะยับยั้งและป้องกันภัยคุกคามทางอากาศและขีปนาวุธทั้งหมดด้วยการปรับปรุงการป้องกันทางอากาศและขีปนาวุธแบบผสมผสาน” และยืนยันว่า “NATO ยังคงมุ่งมั่นที่จะดำเนินการตามขั้นตอนที่จำเป็นทั้งหมด เพื่อรับประกันความน่าเชื่อถือ ความมีประสิทธิผล ความปลอดภัย และความมั่นคงของภารกิจป้องปรามด้วยนิวเคลียร์” โดยขณะนั้นพี่ใหญ่ของนาโต้คือ สหรัฐอเมริกา นั่นเอง

คำถามคือเวลาเปลี่ยน คนเปลี่ยน นโยบายระดับชาติเปลี่ยนได้หรือ….?

ต้องยอมรับข้อหนึ่งว่าชาติสมาชิกนาโต้ในยุโรปต้องไขว้เขวเมื่อประธานาธิบดีทรัมป์ขึ้นมาและประกาศกร้าวว่าจะเป็นคนกลางเพื่อจบปัญหาสงครามยูเครน จุดนี้นี่แหละที่ทำให้การสนทนา 10 นาทีสุดท้ายเปลี่ยนความสัมพันธ์ระหว่างยูเครนและสหรัฐจาก ดีล เป็น โดดเดี่ยว  หากมองว่ามาถึงวันนี้ที่ยูเครนเข้าประเทศชาติ และพลเรือนมาเป็นตัวแปรในขณะที่สหรัฐอเมริกาไม่ได้รับผลกระทบอะไรเลย แถมยังมาขอเรียกร้องค่าใช้จ่ายที่วันนั้นสัญญาว่าจะให้เองตามที่ปรากฏในหน้าสื่อ ทำให้เซเลนสกี ถึงเลือกที่จะพูดว่าก็ใช่ไงสงครามมันไม่ได้เกิดที่หน้าบ้านคุณนี่ และคำนี้นี่แหละที่ทำให้โดนัลด์ ทรัมป์สติหลุด

นับตั้งแต่เหตุการณ์ที่อ่าวเพิร์ล ฮาร์เบอร์มา อเมริกาก็ซ่อนตัวอยู่หลังสงครามมาตลอด แม้ฝ่ายตนจะบอบช้ำจากการทำสงครามแต่หากเทียบกับคนในประเทศที่อเมริกาไปทำสงครามนั้น เทียบความสูญเสียกันไม่ได้เลยแถมการทำสงครามที่ผ่านมาหลายครั้งอเมริกาเลือกจะใช้วิธีการใช้ตัวแทนในการทำสงครามไม่ว่าจะในยูเครน ตะวันออกกลางหรือแม้กระทั่งใกล้บ้านเราอย่างผู้ก่อการร้ายทางภาคใต้หรือข้างบ้านเราอย่างสงครามระหว่างกองทัพกะเหรี่ยงและกองทัพเมียนมา  หลายครั้งจะเห็นได้ว่าการที่ฝ่ายต่อต้านมีอาวุธที่ทันสมัยขนาดกองทัพเมียนมายังไม่มีนั่นคงไม่ใช่ว่าอยู่ดีๆกองกำลังเหล่านี้จะสามารถผลิตมันขึ้นมาเองได้หากไม่ได้มีเงินทุนจัดหาและสนับนุน

จากที่มีรายการรายงานเมื่อวันที่ 4 กุมภาพันธ์ ที่ผ่านมาว่า มีการตรวจพบหลักฐานสำคัญที่ชี้ให้เห็นว่ากลุ่ม NGO สัญชาติอเมริกันและ USAIDS ให้การสนับสนุนทั้งด้านเงินทุนและยุทโธปกรณ์ให้กับเครือข่ายกบฏในพื้นที่ โดยหลักฐานที่พบประกอบด้วยเอกสารการโอนเงิน จากเครือข่าย NGO และ USAIDS ไปยังบุคคลที่มีความเชื่อมโยงกับกลุ่มกบฏ  อาวุธและอุปกรณ์สื่อสาร บางส่วนที่ตรวจพบมีเครื่องหมายของหน่วยงานที่เกี่ยวข้องกับ NGO ต่างชาติ  รวมถึงข้อมูลปฏิบัติการลับ ที่บ่งชี้ว่าเงินทุนที่ได้รับจากองค์กรเหล่านี้ ถูกนำไปใช้เพื่อสนับสนุนกิจกรรมที่เป็นภัยต่อความมั่นคงของไทย  นั่นเป็นหลักฐานชั้นดีที่แสดงให้เห็นว่าองค์กรเหล่านี้เคลื่อนไหวภายใต้คำสั่งลับของสหรัฐฯนั่นเอง  เช่นกันในฝั่งเมียนมาก็มีรายงานว่าองค์กร NGO อย่าง Free Burma Ranger ก็เป็นหนึ่งในองค์กรที่รับเงินทุนจาก NGO เหล่านี้ด้วยเช่นกันในการสนับสนุนสงครามให้แก่กองกำลังกะเหรี่ยงที่ทำสงครามกับกองทัพเมียนมาในช่วงเวลาที่ผ่านมา

ทรัมป์มองออกว่าการที่เขาจ่ายเงินไปในสงครามแบบนี้มันคือการจ่ายเงินไปให้คนอื่นใช้แต่ผลที่ได้ในแต่ละที่ไม่ได้เกิดประโยชน์กับสหรัฐฯอย่างเป็นรูปธรรมเลย หากสหรัฐฯจะมองใหม่ว่าเข้าไปขอคืนดีกับผู้นำกองทัพเมียนมาและช่วยเมียนมาแก้ปัญหาภายในประเทศนั่นอาจจะทำให้เมียนมามีทางเลือกที่จะไม่ไปคบค้ากับจีนและรัสเซียมากไปกว่านี้  ซึ่งน่าจะเป็นการหยุดการแผ่ขยายอำนาจของจีนและรัสเซียในภูมิภาคนี้ได้ด้วย

สุดท้ายเอย่าก็หวังแค่ว่ากลุ่มกองกำลังทั้งหลายคงได้ตระหนักถึงสิ่งที่สหรัฐฯ กระทำกับยูเครน  หากกองกำลังเหล่านั้นคิดแค่เพียงว่า “สู้แล้วรวย” คนซวยคือชาวบ้านที่เป็นกองเชียร์ต่อไป แต่หากคิดได้ว่าที่เขาให้มาไม่มีอะไรฟรี  หากคิดถึงคนของตัวเองในวันที่สหรัฐฯจะมาขอค่าอาวุธคืนโดยจ่ายเป็นทรัพยากรที่คุณมี  คุณจะยอมไหม  อย่างน้อยวันนี้กี้ก็เห็นธาตุแท้ของอเมริกาแล้ว

รัสเซียไม่ใช่ศัตรูของประชาชนยุโรป ศัตรูตัวจริงของพวกคุณ(ประชาชนยุโรป) คือผู้นำของพวกคุณเองนั่นแหละ

(9 มี.ค. 68) อินฟลูทวีตในเอ็กซ์ ข่าวแถลงการณ์ของปูติน ต่อประเทศในยุโรป ที่ได้รับอนุญาตให้ถ่ายทอดทางทีวีช่องหนึ่งของโครเอเชีย

ปูตินแถลงต่อยุโรปว่า ”รัสเซียไม่เคยเป็น และจะไม่เป็นศัตรูของยุโรป“

“พวกเรา(รัสเซีย) ไม่ต้องการทรัพยากร หรือความมั่งคั่งจากยุโรป พวกเรามีทรัพยากรของตนเอง และมีความมั่งคั่งในระดับหนึ่ง ว่าไปแล้วรัสเซียเป็นประเทศที่มั่งคั่งที่สุดในโลก ในเชิงความมั่งคั่งของทรัพยากรธรรมชาติ”

”พวกเราไม่ได้ต้องการดินแดนของพวกคุณ ดูจากแผนที่สิ! แผ่นดินรัสเซียนั้นกว้างใหญ่ขนาดไหน ขนาดของพื้นที่รัสเซียกว้างใหญ่เป็นเท่าตัวของทั้งยุโรปเสียอีก แล้วทำไมพวกคุณถึงคิดว่าพวกเราจะมายึดเอาแผ่นดินของคุณไป อีกอย่างพวกเราเอาไปทำประโยชน์อะไร”

“ทำไมพวกคุณถึงคิด(ไปเอง) ว่ารัสเซียเป็นศัตรูของยุโรป? พวกเราไปสร้างความเสียหายอะไรไว้ให้แก่พวกคุณ?”

“ใช่พวกเราไหม ที่เคยขายแก๊ส และวัตถุดิบเพื่อการผลิตในราคาที่ถูกกว่า ”มิตรประเทศ“ ที่กำลังขายให้พวกคุณอยู่ในปัจจุบัน? ”

“ใช่พวกเราไหม ในอดีตที่ยอมพลีชีพกว่า 20 ล้านคนในสงครามโลกครั้งที่สอง เพื่อช่วยพวกคุณจัดการกับนาซี?”

“ใช่พวกเราไหม ที่เป็นประเทศแรกที่ยื่นมือเข้าช่วยเหลือ แก้สถานการณ์โรคระบาด(โควิด19) ในยุโรป?“

”ใช่พวกเราไหม ที่ให้ความช่วยเหลือทุกครั้งที่เกิดภัยธรรมชาติกับประเทศในยุโรป?“

แน่นอนว่า “คำตอบ” ของทุกคำถามข้างต้นคือ“ใช่เป็นรัสเซีย”

“แล้วเช่นนั้น รัสเซียได้ไปทำอะไรไว้กับยุโรป จนพวกคุณถึงได้เกลียดชังเราได้ถึงปานนั้น?”

ปูตินปิดแถลงการณ์ว่า คนยุโรปน่าจะถึงเวลาถามตัวเองแล้วว่าใครกันแน่ ที่เป็นศัตรูของพวกเขา

”รัสเซียไม่ใช่ศัตรูของประชาชนยุโรป ศัตรูตัวจริงของพวกคุณ(ประชาชนยุโรป) คือผู้นำของพวกคุณเองนั่นแหละ!!

‘อ.เจษฎา เด่นดวงบริพันธ์’ เผย!! ‘โรงไฟฟ้านิวเคลียร์’ ที่ ‘รัสเซีย’ จะสร้างให้ ‘เมียนมา’ ชี้!! ใช้เครื่องปฏิกรณ์นิวเคลียร์แบบ SMR เล็ก ทันสมัย ไม่กระจายกัมมันตรังสี มาที่ไทย

(8 มี.ค. 68) รศ.ดร.เจษฎา เด่นดวงบริพันธ์ อาจารย์ประจำภาควิชาชีววิทยา คณะวิทยาศาสตร์ จุฬาฯ และนักสื่อสารวิทยาศาสตร์ ได้โพสต์เฟซบุ๊ก ระบุว่า …

"โรงไฟฟ้านิวเคลียร์ ที่รัสเซียจะสร้างให้เมียนมา น่าจะเป็นแบบนี้ครับ"

ตอนนี้ กำลังเป็นข่าวฮอตเลย กับเรื่องที่ พล.อ.อาวุโส มินอ่องหล่าย ของประเทศเมียนมา และประธานาธิบดีวลาดิมีร์ ปูติน ได้ลงนามร่วมกันที่จะสร้างโรงไฟฟ้านิวเคลียร์ ขึ้นในเขตเศรษฐกิจพิเศษทวาย ซึ่งห่างจากชายแดนไทยที่จังหวัดกาญจนบุรีแค่ 132 กิโลเมตร และห่างจากกรุงเทพฯ แค่ 300 กิโลเมตร ทำเอาหลายต่อหลายคนกังวลว่า จะเกิดผลกระทบอะไรตามมาหรือเปล่าถ้าเกิดอุบัติเหตุขึ้น ?

ปัญหาคือตอนนี้ยังไม่มีการเปิดเผยรายละเอียดของโรงไฟฟ้านิวเคลียร์ดังกล่าว ว่าจะใช้เทคโนโลยีอะไรบ้าง มีเพียงแค่บอกว่า จะมีขนาดกำลังการผลิต 110 เมกะวัตต์ และใช้เทคโนโลยีของรัสเซียเอง ตามบันทึก MOU เพื่อพัฒนาการนำพลังงานนิวเคลียร์มาใช้อย่างสันติ ที่ลงนามไปตั้งแต่กุมภาพันธ์ 2565 แล้ว

ผมก็ได้สอบถามไปทางผู้เชี่ยวชาญด้านพลังงานนิวเคลียร์ ของจุฬาฯ คือ อาจารย์ดิว (ผศ. ดร. พงษ์แพทย์ เพ่งวาณิชย์) ภาควิชาวิศวกรรมนิวเคลียร์ คณะวิศวกรรมศาสตร์ จุฬาฯ .. 

อาจารย์ดิว ให้ความเห็นว่า แม้ตอนนี้จะยังไม่มีรายงานถึงชนิดของเครื่องปฏิกรณ์นิวเคลียร์ที่เมียนมาจะใช้ แต่ก็น่าจะเป็นเครื่อง RITM-200N จำนวน 2 เครื่อง (เครื่องละ 55 เมกะวัตต์) ตามแบบที่รัสเซียไปเซ็นสัญญาสร้างให้กับประเทศอุซเบกิสถาน เมื่อปีที่แล้ว (มิถุนายน 2024) เพราะปรกติจะไม่ค่อยมีการออกแบบดีไซน์เครื่องกันใหม่บ่อยๆ อย่างมากก็เอาแบบเดิมนี้ไปปรับขยายกำลังการผลิต

ซึ่งถ้าเป็นเช่นนั้น ก็น่าจะอยู่ในกลุ่มของเครื่องปฏิกรณ์นิวเคลียร์ ชุดโมดุลาร์ ขนาดเล็ก หรือที่เรียกว่า SMR (small modular reactor) คล้ายกับที่ผมเคยติดตามคณะทำงานของการไฟฟ้าฝ่ายผลิต ไปดูงานที่เกาะไหหลำ ประเทศจีนมาแล้ว และไทยเรากำลังสนใจอย่างยิ่งที่จะนำเอามาใช้ผลิตไฟฟ้าบ้าง

โรงงานไฟฟ้าที่ใช้เครื่องปฏิกรณ์นิวเคลียร์แบบ SMR นี้ มีขนาดเล็กและทันสมัยมาก อุปกรณ์หลักทุกอย่างอยู่ในชุดโมดุลเดียวกัน และติดตั้งอยู่ภายใต้อาคารหลังเดียวได้ มีกำลังการผลิตไฟฟ้าไม่ได้สูงมากนัก (เช่น เหมาะกับการจ่ายไฟฟ้าในกับเมืองๆ เดียว หรือกับพวกศูนย์เดต้าเซนเตอร์ ของบริษัทเทค ) ทำให้สามารถควบคุมความปลอดภัยได้ง่ายและในวงแคบ แค่ระดับไม่เกิน 1 กิโลเมตรเท่านั้น .. จึงมั่นใจได้ว่า ไม่ได้จะเกิดอันตรายในวงกว้าง เหมือนอย่างโรงไฟฟ้าโบราณ แบบเชอร์โนบิล ที่จะแพร่กระจายกัมมันตรังสีมาถึงไทยเราได้

(แต่ๆๆ อันนี้เป็นเทคโนโลยีที่สร้างโดยรัสเซีย และให้เมียนมาดูแลต่อ ซึ่งก็ยังมีสงครามกลางเมืองกันอยู่ .. ถึงจะมีหน่วยงานสากล อย่าง IAEA มากำกับ ผมก็รับประกันความปลอดภัยไม่ได้เต็มปากเต็มคำนะครับ ฮะๆ)

เอาข้อมูลเกี่ยวกับเครื่องปฏิกรณ์นิวเคลียร์ RITM-200N ที่รัสเซียขายและติดตั้งให้กับอุซเบกิสถาน มาให้อ่านด้านล่างนี้ครับ

- ภายหลังจากที่มีการเยือนอย่างเป็นทางการของประธานาธิบดีวลาดิมีร์ ปูตินแห่งรัสเซียไปยังอุซเบกิสถานแล้ว เมื่อเดือนมิถุนายน ปี 2024 หน่วยงานกลางว่าด้วยพลังงานปรมาณู (หรือ Rosatom) ของประเทศรัสเซีย ได้ลงนามสัญญาเพื่อสร้างโรงไฟฟ้านิวเคลียร์ขนาดเล็กแบบโมดูลาร์ (small modular reactor nuclear power plant หรือ SNPP) ที่ออกแบบโดยรัสเซีย ในประเทศอุซเบกิสถาน นับเป็นการส่งออกโรงไฟฟ้า SNPP ขั้นสูงเป็นครั้งแรกของโลก และจะลงมือสร้างโดยทันที โครงการนี้จะใช้เงินจากอุซเบกิสถาน โดยไม่กู้จากรัฐบาลรัสเซีย

- โรงไฟฟ้านิวเคลียร์ที่จะสร้างขึ้นในอุซเบกิสถาน จะกลายเป็นแหล่งพลังงานไฟฟ้าพื้นฐาน สำหรับระบบพลังงานของประเทศ โดยเครื่องปฏิกรณ์หน่วยแรก มีกำหนดจะเริ่มทำงานในปลายปี 2029 และเครื่องต่อไปจะค่อยๆ ถูกเปิดใช้งานทีละหน่วย ตามประมาณการความต้องการพลังงานของอุซเบกิสถาน ที่จะเพิ่มขึ้นเกือบ 2 เท่า ภายในปี 2050 โดยอุชเบกิสถานสนใจทั้งโครงการสร้างโรงไฟฟ้านิวเคลียร์แบบโมดูลาร์ขนาดเล็กนี้ และโรงไฟฟ้านิวเคลียร์ขนาดใหญ่

- โครงการนี้ จะก่อสร้างโรงไฟฟ้านิวเคลียร์ขนาด 330 เมกะวัตต์ ในภูมิภาค Jizzakh ของอุซเบกิสถาน และโรงไฟฟ้าจะใช้เครื่องปฏิกรณ์ขนาดเล็กแบบโมดูลาร์ 6 เครื่อง แต่ละเครื่องมีกำลัง 55 เมกะวัตต์ (รวมเป็น 330 เมกะวัตต์) โดยมีบริษัท AtomStroyExport (ASE) ของรัสเซียเป็นผู้รับเหมาก่อสร้างหลัก และให้บริษัทอื่นๆ ในประเทศเมียนมา เข้าร่วมโครงการก่อสร้างนิวเคลียร์อย่างกว้างขวางด้วย
(บริษัท AtomStroyExport เป็นบริษัทรับเหมาหลักของรัสเซีย ที่มีความเชี่ยวชาญด้านการก่อสร้างโรงไฟฟ้านิวเคลียร์ โดยเป็นส่วนหนึ่งของ Rosatom มีประสบการณ์ในการก่อสร้างโรงไฟฟ้านิวเคลียร์หลายแห่งทั่วโลก เช่น โรงไฟฟ้านิวเคลียร์ Kudankulam ในอินเดีย โรงไฟฟ้านิวเคลียร์ Bushehr ในอิหร่าน และโรงไฟฟ้านิวเคลียร์ Akkuyu ในตุรกี และมีบทบาทสำคัญในการสร้างโรงไฟฟ้า SNPP ในอุซเบกิสถาน ซึ่งเป็นโครงการส่งออก SNPP แห่งแรกของโลก )

- ได้มีการสำรวจทางวิศวกรรมบนบริเวณที่จะสร้าง เพื่อยืนยันความเหมาะสมสำหรับโรงไฟฟ้านิวเคลียร์ ซึ่ง ASE กล่าวว่างานก่อสร้างบนสถานที่ จะเริ่มในเดือนกันยายน 2024 โดยเริ่มจากการสำรวจที่ดิน และการจัดตั้งค่ายก่อสร้างและโครงสร้างพื้นฐาน 

- สำหรับเครื่องปฏิกรณ์ตามข้อตกลง จะใช้เครื่องปฏิกรณ์ RITM-200 แบบระบายความร้อนด้วยน้ำ ซึ่งมีอายุการใช้งาน 60 ปี งานออกแบบเครื่องปฏิกรณ์เริ่มขึ้นในปี 2001 โดยบริษัทวิศวกรรมนิวเคลียร์ OKBM Afrikantov ในเครือของ Rosatom 

- ข้อดีสำคัญที่สุดของ RITM-200 คือ มีการติดตั้งหน่วยผลิตไอน้ำขนาดเล็ก รวมเอาไว้อยู่ในเครื่องปฏิกรณ์ (ไม่ได้แยกส่วน เหมือนพวกเครื่องปฏิกรณ์ขนาดใหญ่ ทำให้ลดความเสี่ยงในการเกิดอุบัติเหตุอันตรายลง) มีแกนเครื่องปฏิกรณ์ที่มีพลังงานสูง และมีเครื่องกำเนิดไอน้ำ ที่มีพื้นผิวแลกเปลี่ยนความร้อน ขนาดกะทัดรัด นอกจากนี้ ระบบความปลอดภัยและควบคุมของเครื่องนั้น เป็นไปตามข้อกำหนดล่าสุด ด้านความปลอดภัยโดยธรรมชาติและการปกป้องสิ่งแวดล้อม และใช้งานง่าย

- ตั้งแต่ปี 2012 มีเครื่องปฏิกรณ์ RITM-200 จำนวน 10 เครื่อง ได้ถูกผลิตขึ้นสำหรับเรือตัดน้ำแข็งนิวเคลียร์อเนกประสงค์ ห้าลำของรัสเซีย ตาม Project 22220 โดยเครื่องปฏิกรณ์ 6 เครื่อง ได้ติดตั้งบนเรือตัดน้ำแข็ง Arktika, Sibir และ Ural ซึ่งใช้งานอยู่ ขณะที่มีการก่อสร้างอีก 2 ลำ คือเรือ Yakutia และ Chukotka ที่กำลังจะเสร็จสิ้น

- เครื่องปฏิกรณ์ RITM-200 ยังจะถูกติดตั้งเป็นโรงไฟฟ้าพลังงานนิวเคลียร์ลอยน้ำ เพื่อจ่ายพลังงานให้กับเหมือง Baimsky GOK ใน Chukotka อีกด้วย และมีการดัดแปลงการออกแบบของเครื่องปฏิกรณ์รุ่นนี้ เพื่อนำไปใช้เป็นเครื่องปฏิกรณ์หน่วยที่ 1 ของโรงไฟฟ้า SNPP ของสาธารณรัฐ Yakutian หนึ่งในเขตปกครองของสหพันธรัฐรัสเซีย 

- โรงไฟฟ้าพลังงานนิวเคลียร์ ชนิด SNPP นั้นกำลังเป็นที่ต้องการ โดยมีหลายประเทศที่มีความสนใจในเครื่องปฏิกรณ์ขนาดเล็กแบบโมดูลาร์ ที่ออกแบบโดยรัสเซีย ซึ่งเมื่อปลายเดือนพฤษภาคม ปี 2024 รัฐบาลรัสเซียได้อนุมัติร่างข้อตกลงเกี่ยวกับหลักการพื้นฐานของความร่วมมือ ในการก่อสร้างโรงไฟฟ้านิวเคลียร์ขนาดเล็กในเมียนมา ข้อตกลงดังกล่าวมีเป้าหมายที่จะสร้าง SNPP ที่มีกำลังไฟฟ้าขั้นต่ำ 110 เมกะวัตต์ในประเทศนี้ และโรงไฟฟ้านี้จะติดตั้งเครื่องปฏิกรณ์แบบระบายความร้อนด้วยน้ำ ของรัสเซีย

- โรงไฟฟ้า SNPP ที่ใช้เครื่องปฏิกรณ์ RITM-200 นั้น ไม่ใช่เทคโนโลยีเดียวที่ประเทศอื่นๆ สนใจ ปลายเดือนพฤษภาคม 2024 ที่ผ่านมา อเล็กซีย์ ลิคาเชฟ ได้จัดการประชุมตามปกติกับ อจิต คุมาร โมฮันตี้ ประธานคณะกรรมการพลังงานปรมาณูของอินเดียและเลขานุการของรัฐบาลอินเดีย กระทรวงพลังงานปรมาณู พวกเขาได้พบกันที่ Seversk ณ สถานที่ก่อสร้างโรงงานผลิตพลังงานสาธิตที่จะประกอบด้วยเครื่องปฏิกรณ์ BREST-300-OD แบบนิวตรอนเร็ว ระบายความร้อนด้วยตะกั่ว และหน่วยแปรรูปเชื้อเพลิงที่ใช้แล้วและการผลิตเชื้อเพลิงใหม่/การผลิตเชื้อเพลิงใหม่ บนสถานที่ ซึ่งสร้างขึ้นภายใต้โครงการ Proryv (ภาษารัสเซีย แปลว่า 'การพัฒนา') ซึ่งตามการจำแนกประเภทของ IAEA เครื่อง BREST-OD-300 นี้ ถูกจัดประเภทเป็นเครื่องปฏิกรณ์กำลังต่ำ (สูงสุด 300 เมกะวัตต์)

‘Zuchongzhi-3’ คอมพิวเตอร์ควอนตัมใหม่ของจีน ทำลายสถิติของ Google ถึงล้านเท่า เร็วกว่า!! ‘ซูเปอร์คอมพิวเตอร์ที่ดีที่สุด’ ถึง 15 เท่า ถือเป็นการก้าวกระโดด ครั้งยิ่งใหญ่

(8 มี.ค. 68) เพจเฟซบุ๊ก ‘Jaroensook Limbanchongkit Pone’ โพสต์ข้อความระบุว่า ...

จีนเพิ่งแซงหน้าในการแข่งขันด้านควอนตัม ด้วยการเปิดตัว Zuchongzhi-3 ซึ่งเป็นเครื่องที่มีคิวบิต 105 ตัว ซึ่งทำให้โปรเซสเซอร์ Sycamore ของ Google ดูช้า

นักวิจัยกล่าวว่าเจ้าควอนตัมตัวนี้ทำการคำนวณได้เร็วกว่าผลลัพธ์ล่าสุดของ Google ถึง 1 ล้านเท่า และเร็วกว่าซูเปอร์คอมพิวเตอร์ที่ดีที่สุดถึง 15 เท่า ด้วยอำนาจสูงสุดของควอนตัมที่อยู่ในสภาวะเสี่ยง ความก้าวหน้าอย่างรวดเร็วของจีนกำลังก่อให้เกิดสัญญาณเตือนภัยในโลกแห่งเทคโนโลยี ด้าน The Independent เผย จีนก้าวกระโดดในการแข่งขันด้านอาวุธคอมพิวเตอร์ควอนตัม

Zuchongzhi-3 ของจีนเพิ่งจะแซงหน้าการประมวลผลแบบคลาสสิกไปเมื่อไม่นานนี้ โดยสามารถรันงานต่าง ๆ ได้เร็วกว่าซูเปอร์คอมพิวเตอร์ชั้นนำในปัจจุบันถึงหลายล้านล้านเท่า 

ทำลายสถิติควอนตัมล่าสุดของ Google ได้ถึง 6 อันดับ ตามคำกล่าวของนักวิจัยจากมหาวิทยาลัยวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยีแห่งประเทศจีน:

“เราได้ดำเนินการสุ่มวงจรในระดับที่ใหญ่กว่าที่ Google เคยทำได้สำเร็จก่อนหน้านี้ ส่งผลให้ช่องว่างระหว่างความสามารถในการคำนวณระหว่างการประมวลผลแบบคลาสสิกและแบบควอนตัมกว้างขึ้น”

นี่ไม่ใช่แค่ความยืดหยุ่น - จีนกำลังก้าวไปข้างหน้าในการแข่งขันด้านอาวุธควอนตัมด้วยความก้าวหน้าที่จะช่วยปรับเปลี่ยนรูปลักษณ์ของ AI การค้นพบยา และอนาคตของการประมวลผลข้อมูล

‘ทรัมป์’ เล็ง!! ยกเลิกสถานะ ‘ผู้ลี้ภัยยูเครน’ 2.4 แสนคน ในสหรัฐอเมริกา ถือเป็นการกลับลำ!! จากนโยบายต้อนรับชาวยูเครนในสมัย ‘โจ ไบเดน’

(8 มี.ค. 68) แผนการยกเลิกการคุ้มครองชาวยูเครนเป็นส่วนหนึ่งของความพยายามของรัฐบาลทรัมป์ที่จะยกเลิกสถานะทางกฎหมายของผู้อพยพกว่า 1.8 ล้านคน ที่ได้รับอนุญาตให้เข้าสหรัฐฯ ภายใต้โครงการให้ความช่วยเหลือด้านมนุษยธรรมชั่วคราว ซึ่งริเริ่มในสมัยรัฐบาลไบเดน

เจ้าหน้าที่รัฐบาลทรัมป์และแหล่งข่าวอีกรายหนึ่งเปิดเผยว่า รัฐบาลมีแผนจะเพิกถอนสถานะพักพิงของชาวคิวบา เฮติ นิการากัว และเวเนซุเอลา ราว 530,000 คน ภายในเดือนนี้ โดยแผนการเพิกถอนสถานะพักพิงของคนกลุ่มนี้รายงานครั้งแรกโดยสำนักข่าว CBS News

อีเมลภายในของสำนักงานตรวจคนเข้าเมืองและศุลกากร (ICE) ที่รอยเตอร์ได้รับ ระบุว่า ผู้อพยพที่ถูกเพิกถอนสถานะพักพิงอาจเผชิญกระบวนการเนรเทศแบบเร่งด่วน

ทั้งนี้ โครงการของไบเดนเป็นส่วนหนึ่งของความพยายามในการสร้างช่องทางทางกฎหมายชั่วคราว เพื่อป้องกันการเข้าเมืองอย่างผิดกฎหมายและให้ความช่วยเหลือด้านมนุษยธรรม

นอกจากชาวยูเครน 240,000 คน ที่หนีภัยจากการรุกรานของรัสเซีย และชาวคิวบา เฮติ นิการากัว และเวเนซุเอลา 530,000 คนแล้ว โครงการเหล่านี้ยังครอบคลุมชาวอัฟกานิสถานกว่า 70,000 คน ที่หลบหนีจากการยึดครองของกลุ่มตาลีบัน

อันดรีย์ โดบรีอันสกี ผู้อำนวยการฝ่ายสื่อสารของคณะกรรมการชาวยูเครนแห่งอเมริกา กล่าวว่า “คนเหล่านี้จำนวนมากไม่มีบ้านให้กลับไป เรากำลังพูดถึงคนที่เมืองทั้งเมืองถูกทำลายจนราบ เราจะส่งพวกเขากลับไปที่ไหนกัน ไม่มีอะไรเหลือแล้ว”

ย้อนอดีต ‘เยอรมัน’ จากผู้แพ้สงคราม สู่ประเทศที่มีเศรษฐกิจใหญ่ อันดับหนึ่งของยุโรป ครั้งหนึ่งเคยประสบปัญหาเศรษฐกิจ ค่าเงินมาร์คไร้มูลค่ายิ่งกว่าสกุลเงินของ ‘ซิมบับเว’

(8 มี.ค. 68) เพจ ‘ซิริอุส เป็นชื่อของดวงดาว’ ได้โพสต์ข้อความ ระบุว่า ...

รู้หรือไม่? เยอรมันประเทศที่มีขนาดเศรษฐกิจใหญ่เป็นอันหนึ่งของยุโรป และ อันดับสามของโลก ครั้งหนึ่งเคยประสบปัญหาเศรษฐกิจอย่างรุนแรงส่งผลให้ค่าเงินมาร์คไร้มูลค่ายิ่งกว่าสกุลเงินของซิมบับเว และเวเนซุเอลา ในปัจจุบัน

หลังพ่ายแพ้สงครามโลกครั้งที่1 ในปี ค.ศ. 1923 เยอรมันประสบปัญหาเงินเฟ้อที่รุนแรงที่สุดครั้งนึงของโลก ถึงขั้นที่ประชาชนต้องขนเงินเป็นแสนๆ ล้านมาร์ค ใส่ตะกร้าเพื่อไปจ่ายตลาด

เมื่อสงครามโลกครั้งที่1 สิ้นสุดลง อัตราแลกเปลี่ยนสกุลเงินเยอรมัน(ดอยช์มาร์ค)อยู่ที่ราวๆ 1เหรียญสหรัฐ = 4มาร์ค และดิ่งลงไปแตะที่ 1เหรียญสหรัฐ = 4.2 ล้านล้านมาร์ค ในปี 1923 ..... ล้านสองครั้งนะครับ

ทำให้เยอรมันต้องพิมพ์ธนบัตรที่มีมูลค่าหน้าธนบัตรสูงลิบ ฉบับละเป็นร้อยเป็นพันล้านมาร์คเข้าสู่ระบบให้ประชาชนใช้จ่ายแทนธนบัตรเดิมที่ไร้มูลค่าลงเรื่อยๆ

ในช่วงวิกฤติ ปัญหาเงินเฟ้อรุนแรงมาก ทำให้ราคาสินค้าต่างๆ พุ่งขึ้นไม่หยุดปรับราคากันตลอดเวลา เงินที่พอจะซื้อขนมปังได้ในตอนเช้า อาจไม่พอซื้อในตอนบ่าย ทำให้ห้างร้านต่างๆ แน่นไปด้วยผู้คนที่เข้าคิวรอซื้อของ และยังทำให้สินค้าอื่นๆ เช่นบุหรี่ ฯลฯ ถูกใช้เป็นของแลกเปลี่ยนแทนเงินที่ไร้เสถียรภาพจนแทบจะไม่เหลือมูลค่า ไร้มูลค่าถึงขนาดที่ ปชช.นำธนบัตรมาเผาแทนฟืน เพราะไม้ฟืนยังมีมูลค่ามากกว่าธนบัตร

วิกฤติเงินเฟ้ออย่างรุนแรงในครั้งนี้ทำให้เงินเก็บทั้งชีวิตของหลายคนมีค่าพอซื้อไข่ได้แค่แผงเดียว หรือ ขนมปังแถวเดียว ซึ่งในช่วงพีคขนมปังแถวนึงมีราคาสูงถึง 200,000,000,000 มาร์ค (สองแสนล้านมาร์ค) ในการซื้อ-ขาย หลายแห่งจึงใช้วิธีชั่งน้ำหนักกองธนบัตรเอา เพราะไม่มีเวลามานั่งนับ

ส่วนชนชั้นกลางที่กินเงินเดือน แม้จะมีความพยายามขึ้นเงินเดือนเพื่อบรรเทาความเดือดร้อน แต่ราคาสินค้าที่พุ่งขึ้นอยู่ตลอดเวลา จะมีราคาสูงกว่าเงินเดือนที่ออกเดือนละครั้งสองครั้งอยู่เสมอ

สาเหตุของวิกฤติเงินเฟ้อที่รุนแรงของเยอรมันมาจาก หลังสงครามโลกครั้งที่1 ยุโรปและสหรัฐต้องเผชิญกับภาวะเศรษฐกิจถดถอยอย่างรุนแรง แต่เยอรมันในฐานะผู้แพ้สงครามฯหนักกว่าใคร เพราะนอกจากต้องแบกหนี้ที่เกิดจากสงครามแล้ว ยังต้องแบกค่าปฏิกรรมสงครามจากสนธิสัญญาแวร์ซาย เท่ากับว่าผลผลิตต่างๆของประเทศส่วนนึงจะกลายเป็นค่าปฏิกรรมสงครามไปแบบเปล่าๆ

สถานการณ์ของเยอรมันที่กำลังเผชิญกับปัญหาเงินเฟ้ออยู่แล้ว ต้องย่ำแย่ลงไปอีกเมื่อไม่สามารถจ่ายค่าปฏิกรรมสงครามในรอบปี 1922

ทำให้ฝรั่งเศสและเบลเยี่ยมส่งกองทัพเข้ายึด Ruhr valley ที่เป็นเขตอุตสาหกรรมหลักของเยอรมัน เพื่อยึดสินค้าที่เยอรมันผลิตได้เป็นค่าปฏิกรรมสงคราม เพราะไม่เชื่อว่าเยอรมันไม่มีจ่าย แต่ตั้งใจเบี้ยวมากกว่า

เยอรมันตอบโต้ด้วยการประกาศชักจูงให้คนงานทั้งหมดหยุดงาน โดยรัฐบาลจะจ่ายเงินเดือนให้ ซึ่งการจ่ายเงินเดือนนี้ก็เป็นการพิมพ์เงินออกมาจ่ายเอาดื้อๆโดยไม่มีสินทรัพย์หนุนหลัง ซ้ำเติมวิกฤติเงินเฟ้อที่สาหัสอยู่แล้วให้หนักขึ้นไปอีก

ฝรั่งเศสตอบโต้อย่างรุนแรงด้วยการยิงคนงานในโรงงานผลิตเหล็ก และ เนรเทศคนที่ไม่ยอมรับคำสั่งจากฝรั่งเศสออกจาก Ruhr valley

เหตุการณ์นี้มีผู้เสียชีวิต 132 คน ถูกเนรเทศกว่า 1.5 แสนคน ส่งผลให้เศรษฐกิจของเยอรมันที่ร่อแร่อยู่แล้วดับสนิท อัตราเงินเฟ้อพุ่งขึ้นอย่างรุนแรงตามที่ได้กล่าวไว้ข้างต้น

ความวุ่นวายของเยอรมันหลังแพ้สงครามโลกครั้งที่1 ได้ส่งผลให้บุรุษผู้หนึ่งปรากฏตัวขึ้นมาอาสานำพาเยอรมันฝ่าวิกฤติที่กำลังเผชิญอยู่ และชื่อของเค้าจะเป็นที่รู้จักและจดจำไปอีกนาน

*****หมายเหตุ*****
จริงๆ แล้ว สหรัฐไม่เห็นด้วยและได้ทักท้วงในการเรียกเก็บค่าปฏิกรรมสงครามจากเยอรมันมากขนาดนั้น เพราะนอกจากจะก่อความเดือดร้อนให้ประชาชนทั่วไปแล้ว ยังอาจก่อให้เกิดปัญหาตามมาในภายหลังอีกด้วย แต่ฝรั่งเศสดึงดันต้องให้เยอรมันจ่ายให้ได้ รวมๆ แล้วๆ เยอรมันต้องจ่ายค่าปฏิกรรมสงครามมูลค่าเทียบเท่าทองคำ 1แสนตัน และเพิ่งจ่ายหมดไปเมื่อปี 2010 หรือเกือบร้อยปีหลังสงครามโลกครั้งที่1 สิ้นสุดลง

การยึดอาณานิคมของเยอรมันและการเรียกเก็บค่าปฏิกรรมสงครามโหดแสนโหด ก็เพื่อกดเยอรมันไม่ให้ฟื้นตัวได้อีก อันอาจเป็นการคุกคามฝรั่งเศสในอนาคต
...... ภูมิศาสตร์ด้านชายแดนตะวันออกของฝรั่งเศสที่ติดกับเยอรมัน ป้องกันยากแต่ง่ายสำหรับเยอรมันที่จะรุกเข้ามา เป็นการอธิบายว่าทำไมฝรั่งเศสจึงต้องสร้างแนวป้องกันบริเวณนั้นที่เรียกว่า 'Maginot Line' ในเวลาต่อมา

อีกปัจจัยหนึ่งก็เชื่อว่าเป็นเพราะ ฝรั่งเศสเจ็บใจมาตั้งแต่สงคราม ฝรั่งเศส-ปรัสเซีย/Franco-Prussian War ปี ค.ศ.1870 ที่ไปแพ้ปรัสเซียอย่างน่าอับอาย เสียดินแดนไปบางส่วน แถมเหล่ารัฐเยอรมันยังไปใช้ Hall of Mirrors ที่พระราชวังแวร์ซาย สัญลักษณ์แห่งความยิ่งใหญ่ของฝรั่งเศสในการประกาศรวมชาติสถาปนาจักรวรรดิเยอรมัน (ปรัสเซียคือชื่อประเทศที่เป็นแกนกลางของรัฐเยอรมันก่อนรวมชาติ)

ต่อมาก็ปรากฏว่า สหรัฐคาดการณ์ถูก ว่าจะก่อให้เกิดความเดือดร้อนและสร้างปัญหาตามมา เพราะอีกไม่นานฮิตเลอร์ได้ปรากฏตัวออกมาท่ามกลางความวุ่นวาย ความไม่พอใจ และ ความสิ้นหวังของชาวเยอรมัน

เพราะสถานการณ์ที่ย่ำแย่ของเยอรมันในตอนนั้น พอฮิตเลอร์ปรากฏตัวออกมาชูนโยบาย 'ชักดาบ' ฯลฯ ประกอบกับการเป็นนักปราศรัยที่เก่งมาก (public speaker) เลยได้รับความนิยม ได้รับการตอบรับจากประชาชนจำนวนมาก
..... แล้วก็เป็นฮิตเลอร์ที่สามารถแก้ปัญหาเศรษฐกิจของเยอรมันได้สำเร็จ นำเยอรมันกลับขึ้นไปเป็นหนึ่งในมหาอำนาจยุโรปได้ในเวลาเพียง 6 ปี

ความสำเร็จของฮิตเลอร์ที่คนส่วนใหญ่ไม่รู้ ส่วนคนที่รู้ก็ไม่ค่อยอยากพูดถึง และ ผลพวงที่ตามมาหลังสงครามโลกครั้งที่ 2 สิ้นสุดลง (ทั้งนี้ ความสำเร็จและผลงานของฮิตเลอร์ที่มีต่อเยอรมันไม่สามารถนำไปหักล้างสิ่งเลวร้ายที่ฮิตเลอร์ได้ทำลงไปเช่นการฆ่าล้างเผ่าพันธุ์ ฯลฯ)

ในช่วงพีค อัตราว่างงานในเยอรมันถึงกับติดลบ ต้องนำเข้าแรงงานจากประเทศเพื่อนบ้าน ในขณะที่ยุโรปและสหรัฐกำลังเผชิญกับภาวะเศรษฐกิจถดถอยอย่างรุนแรง (the great depression) เป็นการกู้คืนศักดิ์ศรี และความเป็นอยู่ของชาวเยอรมันที่สูญเสียไปหลังสงครามโลกครั้งที่ 1 ได้สำเร็จ (ในส่วนอัตราว่างงาน ฮิตเลอร์มีเทคนิคในการตบแต่งตัวเลขอัตราว่างงานโดยเอาคนว่างงาน อันธพาล ฯลฯ เข้ากองทัพ สนับสนุนให้ผู้หญิงแต่งงานมีลูก อยู่บ้านเลี้ยงลูก ฯลฯ )

ฮิตเลอร์เป็นมังสวิรัติและรักสัตว์ บางคนก็เชื่อว่าเป็นเพราะเค้ารักสัตว์เลยกลายมาเป็นมังสวิรัติ เยอรมันภายใต้การนำของฮิตเลอร์ได้ออกกฎหมายคุ้มครองสัตว์ตั้งแต่ช่วงแรกๆที่ครองอำนาจในปี ค.ศ.1933 ซึ่งเป็นชาติแรกๆ ในยุโรป ตามหลังเพียงไอร์แลนด์และอังกฤษ แต่เยอรมันมีเนื้อหาที่เข้มงวด ครอบคลุมมากกว่า เช่น กำหนดให้เจ้าของที่ปล่อยปละละเลยสัตว์เลี้ยงมีความผิดทางกฎหมาย, ห้ามทำร้ายสัตว์หรือทำให้สัตว์ตกอยู่ในอันตราย, ห้ามขุนสัตว์ให้อ้วน (เพื่อนำมาฆ่าเป็นอาหาร) ฯลฯ

เป็นยุคที่วงการวิทยาศาสตร์ การแพทย์ ยา และ นวัตกรรมต่างๆ เฟื่องฟู ก้าวหน้ามาก เพราะรัฐบาลสนับสนุนทุนการวิจัยพัฒนา และ ด้านอื่นๆอย่างจริงจัง เต็มที่

โอลิมปิคที่เยอรมันเป็นเจ้าภาพในปี ค.ศ.1936 เป็นโอลิมปิคครั้งแรกที่มีการถ่ายทอดสด

เป็นยุคที่มีการริเริ่มจัดระบบสวัสดิการสังคม การรักษาพยาบาล การคลอดบุตร การลาคลอด ดูแลสิทธิสตรี ต่อต้านสื่อลามก ฯลฯ

นโยบายสนับสนุนด้านความบันเทิงให้ประชาชนทุกคนเข้าถึงได้ ไม่ว่าจะเป็น โอเปร่า หนัง โรงละคร ฯลฯ ทำให้ประชาชนทุกส่วนเข้าถึงได้ แทนที่เดิมทีจำกัดไว้สำหรับชนชั้นสูงเพราะมีราคาสูงเกินสำหรับคนทั่วไป

โครงการถนนออโต้บาห์น และ รถราคาถูกสำหรับทุกครอบครัว อันเป็นที่มาของรถโฟล์คสวาเกน (โฟล์คเต่า) โครงการรณรงค์ต่อต้านบุหรี่ ซึ่งเป็นอะไรที่ล้ำมากในสมัยเมื่อ 80+ ปีก่อน ฯลฯ ...... ลุงหนวดจิ๋วแกเกลียดบุหรี่

Walther Funk ที่ปรึกษาด้านเศรษฐกิจคนสำคัญของฮิตเลอร์เคยคาดการณ์ไว้แล้วว่า ยุโรปจะต้องรวมกันเข้าเป็นเขตเศรษฐกิจเดียวเหมือนอียูในปัจจุบัน หากเยอรมันชนะสงคราม องค์กรที่เหมือนกับอียูก็น่าจะถูกก่อตั้งขึ้นตั้งแต่สมัยนั้น

เพราะความสำเร็จในด้านต่างๆ ของเยอรมันภายใต้การนำของฮิตเลอร์ซึ่งเกิดที่ออสเตรีย เมื่อกองทัพเยอรมันที่มีฮิตเอลร์ร่วมด้วย เดินทัพเข้าออสเตรียประเทศที่ใช้ภาษาเยอรมัน เลยไม่มีการต่อต้าน แถมประชาชนยังออกมาต้อนรับ มอบดอกไม้ให้ทหารเยอรมันอีกด้วย

ผลพวงจากสงครามโลกครั้งที่ 2 ทำให้อังกฤษ และ ฝรั่งเศสอ่อนแอลงมาก จนต้องยอมปล่อยอาณานิคมของตนในหลายๆ แห่งทั่วโลก (หลายแห่งก็ปล่อยไม่จริง อย่างกลุ่มประเทศแอฟริกาตะวันตก-กลาง อดีตอาณานิคมของฝรั่งเศส)

ส่งผลให้โซเวียตฯกลายเป็นมหาอำนาจทัดเทียมกับสหรัฐในเวลาต่อมา ก่อนที่จะล่มสลายในช่วงยุคปี 1990
..... และยังทำให้ชาวยิวมีประเทศเป็นของตัวเองเป็นครั้งแรกในรอบกว่าสองพันห้าร้อยปี จากการขีดพื้นที่บางส่วนของอาหรับปาเลสไตน์ใส่พานให้
(ถ้าจะว่ากันถึงเชื้อสายยิว ชาวปาเลสไตน์มีเชื้อชายยิวเข้มข้นกว่ายิวอิสราเอลที่อพยพมาจากยุโรป เพราะชาวปาเลสไตน์ก็สืบเชื้อสายมาจากยิวแล้วอยู่กันที่นั่นมาตลอดไม่ได้ไปไหน แต่ภายหลังเปลี่ยนไปนับถือศาสนาอื่น ...... เป็นเรื่องตลกร้ายที่กลุ่มคนที่มีเชื้อสายยิวเข้มข้นน้อยกว่าพยายามก่อตั้งรัฐยิว โดยรุกล้ำยึดครอง ผลักดัน 'เข่นฆ่า' กลุ่มคนที่มีเชื้อสายยิวเข้นข้นกว่าออกไปจากพื้นที่ตรงนั้น)

การพิจารณาคดีที่เนิร์นแบร์ค (Nuremberg trials) ยังเป็นการสร้างบรรทัดฐานให้เหล่าผู้นำฯที่ก่อสงคราม ฆ่าล้างเผ่าพันธุ์ ฯลฯ ต้องรับผิดชอบต่อการกระทำโดยการถูกนำตัวขึ้นพิจารณาคดีฯ และ ข้ออ้างที่ว่า ทำตามคำสั่ง ไม่สามารถใช้ลบล้างความผิดได้
..... หากฮิตเลอร์ไม่ก่อสงคราม บางทีโลกอาจจะจดจำเค้าในอีกแบบหนึ่ง

‘รมว.ต่างประเทศจีน’ ลั่น!! 'ไต้หวัน' เป็นส่วนหนึ่ง ที่มิอาจแบ่งแยกได้ของ ‘ประเทศจีน’ ชี้!! หากสนับสนุน การเรียกร้อง ‘เอกราชไต้หวัน’ เท่ากับแทรกแซงกิจการภายในของจีน

(8 มี.ค. 68) สำนักข่าวซินหัว รายงานว่า ‘หวังอี้’ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการต่างประเทศของจีน แถลงข่าวนอกรอบการประชุมสภานิติบัญญัติระดับชาติว่าประวัติศาสตร์และความจริงยืนยันว่าไต้หวันเป็นส่วนหนึ่งที่มิอาจแบ่งแยกได้ของจีน และปี 2025 ตรงกับวาระครบรอบ 80 ปี การฟื้นฟูไต้หวัน

หวังอี้กล่าวว่าชัยชนะจากสงครามต่อต้านการรุกรานของญี่ปุ่นของประชาชนจีนทำให้ไต้หวันกลับมาอยู่ใต้อำนาจอธิปไตยของจีนในปี 1945 ขณะทั้งปฏิญญาไคโรและปฏิญญาพอตส์ดัม ซึ่งออกโดยกลุ่มประเทศชนะสงครามโลกครั้งที่ 2 ระบุชัดเจนว่าไต้หวันเป็นดินแดนที่ญี่ปุ่นขโมยจากจีนและต้องคืนสู่จีน โดยญี่ปุ่นยอมรับเงื่อนไขของปฏิญญาพอตส์ดัมและประกาศยอมจำนนอย่างไม่มีเงื่อนไข ทั้งหมดนี้ยืนยันอำนาจอธิปไตยของจีนเหนือไต้หวัน และเป็นส่วนสำคัญของระเบียบระหว่างประเทศยุคหลังสงคราม

ข้อมติที่ 2758 ซึ่งสมัชชาใหญ่แห่งสหประชาชาติรับรองในปี 1971 ได้แก้ไขประเด็นการเป็นตัวแทนของจีนทั้งหมด รวมถึงไต้หวัน ในองค์การสหประชาชาติ และตัดความเป็นไปได้ในการสร้าง 'สองจีน' หรือ 'จีนเดียว ไต้หวันเดียว' โดยการอ้างอิงถึงภูมิภาคไต้หวันในองค์การสหประชาชาติคือ 'ไต้หวัน มณฑลของจีน' ดังนั้นไต้หวันไม่เคยเป็นประเทศ ไม่ว่าในอดีตหรืออนาคต

ขณะการเรียกร้อง 'เอกราชไต้หวัน' เท่ากับแบ่งแยกประเทศ การสนับสนุน 'เอกราชไต้หวัน' เท่ากับแทรกแซงกิจการภายในของจีน และการสมรู้ร่วมคิดเกี่ยวกับ 'เอกราชไต้หวัน' เท่ากับบ่อนทำลายเสถียรภาพของช่องแคบไต้หวัน

หวังอี้เน้นย้ำการเคารพอธิปไตยและบูรณภาพแห่งดินแดนของทุกประเทศควรหมายถึงการสนับสนุนการรวมประเทศอย่างสมบูรณ์ของจีน และการยึดมั่นหลักการจีนเดียวควรหมายถึงการต่อต้าน 'เอกราชไต้หวัน' ทุกรูปแบบ ส่วนการแสวงหา 'เอกราชไต้หวัน' จะประสบกับผลกระทบย้อนกลับ และการใช้ไต้หวันควบคุมจีนจะเป็นความพยายามที่ไร้ผล เพราะจีนจะบรรลุการรวมชาติ นี่เป็นเรื่องที่ไม่มีอะไรมาหยุดยั้งได้

เปลี่ยนไปเปลี่ยนมา!! ‘ทรัมป์’ ขู่จะแซงชั่น ‘ปูติน’ ‘สีจิ้นผิง’ แอบอมยิ้ม!!

(8 มี.ค. 68) รศ.ดร.อักษรศรี พานิชสาส์น ผู้เชี่ยวชาญเศรษฐกิจจีน จากคณะเศรษฐศาสตร์ มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ ได้โพสต์ข้อความในเฟซบุ๊ก 'Aksornsri Phanishsarn' โดยมีใจความว่า ...

#จักรพรรดิทรัมป์ ชอบข่มขู่คนอื่น !! 7 มีนา 2025 โพสต์ขู่ #ปูติน อีกแล้ววววว #จอมยุทธ์ไร้กระบวนท่า แบบทรัมป์ชอบกลับลำ/เปลี่ยนไปเปลี่ยนมาแบบนี้ #สีจิ้นผิง แอบอมยิ้ม  

สงสัยทีมงานจักรพรรดิทรัมป์ไม่เคยโชว์ข้อมูลให้แก ลุงทรัมป์แกเลยไม่รู้ว่า การ sanction แบบนี้มันไม่กระทบรัสเซียจ้า

รัสเซียโดนแซงชั่นชุดใหญ่จากพวกฝรั่งรุมถล่มรัสเซีย แต่ตัวเลขเศรษฐกิจ GPD รัสเซียยังโตต่อเนื่อง ปี 2023-2024 แถมโตกว่า ฝรั่งยุโรปหลายประเทศ

รัสเซียมีจีนสุดซี้หนุนอยู่ค่า ทุบยังไงก็ไม่พัง

ฝรั่งยุโรปหลายประเทศซิค่ะ ไปแซงชั่นรัสเซีย แต่เศรษฐกิจตัวเองน่วมเองจ้า (ตย เศรษฐกิจเยอรมันย่ำแย่มากค่า)

นายอำเภออินโดนีเซีย ลั่นขอบริจาคเงินเดือนทั้งหมดช่วยผู้ยากไร้ เพื่อสร้างแรงบันดาลใจและก้าวสู่การเปลี่ยนแปลงของสังคม

(7 มี.ค.68) ฟาห์มี มูฮัมหมัด ฮานิฟ (Fahmi Muhammad Hanif) นายอำเภอเมืองปูร์บาลิงงา ซึ่งเป็นเมืองที่ตั้งอยู่ในจังหวัดจาการ์ตา ของประเทศอินโดนีเซีย ออกมาประกาศอย่างเป็นทางการว่าจะบริจาคเงินเดือนทั้งหมดของตนเองให้กับผู้ยากไร้ และองค์กรการกุศลที่ช่วยเหลือผู้ด้อยโอกาสในสังคม

โดยในการประกาศที่เผยแพร่ผ่านสื่อสังคมออนไลน์ของฟาห์มี ระบุว่า “การช่วยเหลือสังคมและแบ่งปันสิ่งที่เรามีเป็นสิ่งสำคัญที่สุดในชีวิต” เขาเชื่อว่าเงินเดือนที่ได้รับในแต่ละเดือนนั้นสามารถนำไปช่วยเหลือคนที่เดือดร้อน และต้องการความช่วยเหลือมากกว่าแค่การเก็บสะสมไว้เป็นของตัวเอง

การบริจาคเงินเดือนทั้งหมดนี้จะช่วยสนับสนุนโครงการต่างๆ ที่มีเป้าหมายในการลดช่องว่างทางเศรษฐกิจ และยกระดับคุณภาพชีวิตของผู้ที่อยู่ในสภาพยากจน โดยเขามุ่งหวังที่จะสร้างแรงบันดาลใจให้กับผู้อื่นในการร่วมแบ่งปันพร้อมเข้ามาช่วยเหลือสังคม

ฟาห์มียังเสริมว่า “การเป็นส่วนหนึ่งของการเปลี่ยนแปลงในสังคม คือการมีส่วนร่วมในการแก้ปัญหาสังคมอย่างจริงจัง” โดยเขาได้กำหนดให้โครงการการกุศลนี้เป็นส่วนหนึ่งของเป้าหมายในการสร้างความเปลี่ยนแปลงที่ยั่งยืนในชุมชนและประเทศ

ทั้งนี้ บริจาคเงินเดือนทั้งหมดของฟาห์มี มูฮัมหมัด ฮานิฟ ได้รับความชื่นชมเป็นอย่างมาก ทั้งจากสาธารณชนและคนในวงการต่างๆ ซึ่งมองว่าเป็นตัวอย่างที่ดีของผู้นำที่ใส่ใจต่อความยากจนและสังคม

‘หวัง อี้’ ตอกกลับสหรัฐฯ เรื่องภาษี-นโยบายกดดัน คิดให้ดีก่อนใช้โทสะตอบแทนไมตรี

(7 มี.ค. 68) สำนักข่าวซินหัว รายงานว่า หวัง อี้ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการต่างประเทศของจีน แถลงข่าวนอกรอบการประชุมครั้งที่ 3 ของสภาผู้แทนประชาชนแห่งชาติ (NPC) ชุดที่ 14 เกี่ยวกับกรณีสหรัฐฯ กำหนดการจัดเก็บภาษีศุลกากรเพิ่มเติมกับสินค้าจีน โดยใช้ประเด็นเฟนทานิลเป็นข้ออ้าง

ก่อนหน้านี้ สหรัฐอเมริกาได้ประกาศกำหนดการจัดเก็บภาษีศุลกากรเพิ่มเติมกับสินค้าจีนหลายรายการ โดยอ้างว่าการดำเนินการดังกล่าวเป็นมาตรการเพื่อจัดการกับปัญหาการแพร่ระบาดของยาเฟนทานิล (Fentanyl) ในประเทศ

เจ้าหน้าที่สหรัฐฯ ระบุว่าการนำเข้าวัตถุดิบจากจีนที่ใช้ในการผลิตยาเฟนทานิลมีส่วนเกี่ยวข้องกับการเพิ่มขึ้นของปัญหายาเสพติดในประเทศ ดังนั้นการจัดเก็บภาษีเพิ่มเติมจึงถูกมองว่าเป็นวิธีหนึ่งในการลดปริมาณการนำเข้าและควบคุมการแพร่ระบาดของยาเสพติดดังกล่าว

อย่างไรก็ตาม มาตรการดังกล่าวได้รับการวิพากษ์วิจารณ์จากรัฐบาลจีน ซึ่งมองว่าการใช้ภาษีเป็นเครื่องมือทางการค้าผ่านประเด็นยาเสพติดอาจไม่เป็นธรรม จีนเรียกร้องให้สหรัฐฯ ทบทวนมาตรการดังกล่าวและหันมาใช้วิธีการที่สร้างสรรค์และร่วมมือกันในการแก้ไขปัญหายาเสพติด

หวัง อี้ เน้นย้ำว่าสหรัฐฯ ควรพิจารณาการกระทำของตนเองและหลีกเลี่ยงการใช้มาตรการที่ไม่เป็นธรรม ซึ่งอาจส่งผลกระทบต่อความสัมพันธ์ระหว่างประเทศ เขายังเรียกร้องให้สหรัฐฯ แสดงความเคารพต่อความร่วมมือ และความพยายามของจีนในการแก้ไขปัญหายาเสพติด

การแถลงครั้งนี้เกิดขึ้นหลังจากที่สหรัฐฯ ประกาศแผนการจัดเก็บภาษีศุลกากรเพิ่มเติมกับสินค้า ซึ่งจีนได้แสดงความไม่พอใจและคัดค้านอย่างหนักแน่นต่อคำขู่ดังกล่าว โดยย้ำว่าสหรัฐฯ ไม่ควรใช้ประเด็นนี้เป็นข้ออ้างในการกีดกันทางการค้า

ทั้งนี้ หวัง อี้ สรุปว่าความร่วมมือและความเข้าใจระหว่างประเทศเป็นสิ่งสำคัญในการแก้ไขปัญหาระดับโลก และการตอบสนองด้วยมาตรการที่ไม่เป็นธรรมจะไม่เป็นประโยชน์ต่อฝ่ายใด

เกาหลีใต้ อัดฉีด 34,000 ล้านดอลลาร์ เสริมแกร่งอุตสาหกรรมชิปและยานยนต์สู่ระดับโลก

(7 มี.ค. 68) สำนักข่าวรอยเตอร์ รายงานว่า รัฐบาลเกาหลีใต้ประกาศจัดตั้งกองทุนมูลค่า 34,000 ล้านดอลลาร์สหรัฐ (ราว 1.17 พันล้านบาท) เพื่อสนับสนุน อุตสาหกรรมเซมิคอนดักเตอร์และยานยนต์ไฟฟ้า ซึ่งเป็นสองภาคส่วนสำคัญในการขับเคลื่อนเศรษฐกิจและเพิ่มขีดความสามารถในการแข่งขันของประเทศ

นายกรัฐมนตรีฮัน ด็อกซู เปิดเผยว่า กองทุนนี้จะใช้เพื่อ กระตุ้นการลงทุน วิจัย และพัฒนาเทคโนโลยีชั้นสูง โดยเฉพาะในภาคเซมิคอนดักเตอร์ ซึ่งเป็นหัวใจสำคัญของอุตสาหกรรมอิเล็กทรอนิกส์ และอุตสาหกรรมยานยนต์ไฟฟ้าที่กำลังเติบโตอย่างรวดเร็ว

ในช่วงไม่กี่ปีที่ผ่านมา เกาหลีใต้เผชิญกับการแข่งขันที่รุนแรงจากจีนและสหรัฐฯ ในอุตสาหกรรมชิป รวมถึงแรงกดดันจากการเปลี่ยนผ่านสู่พลังงานสะอาดในอุตสาหกรรมยานยนต์ รัฐบาลจึงเดินหน้าผลักดันให้ ซัมซุง อิเล็กทรอนิกส์ และ เอสเค ไฮนิกซ์ ซึ่งเป็นยักษ์ใหญ่ในวงการเซมิคอนดักเตอร์ของประเทศ เพิ่มการลงทุน และขยายขีดความสามารถทางเทคโนโลยี

นอกจากนี้ กองทุนดังกล่าวยังครอบคลุมไปถึง การพัฒนาระบบซัพพลายเชน และการดึงดูดนักลงทุนต่างชาติให้เข้ามามีส่วนร่วมในอุตสาหกรรมยุทธศาสตร์ของประเทศ

การประกาศครั้งนี้ถือเป็นอีกก้าวสำคัญของเกาหลีใต้ในการรักษาความเป็นผู้นำด้านเทคโนโลยีและอุตสาหกรรมแห่งอนาคต ท่ามกลางการแข่งขันที่ดุเดือดในเวทีโลก

มหาวิทยาลัยเจ้อเจียง 'สแตนฟอร์ดจีน' กับบทบาทผู้พลิกโฉมวงการ AI ผ่าน DeepSeek

(6 มี.ค. 68) The Economist รายงานว่า สื่อต่างประเทศกำลังพุ่งไปที่ มหาวิทยาลัยเจ้อเจียง (Zhejiang University) ที่ได้กลายเป็นศูนย์กลางความสนใจของโลก หลังจากเป็นจุดกำเนิดของ DeepSeek บริษัท AI จากจีนที่กำลังท้าทายมหาอำนาจด้านเทคโนโลยีระดับโลก ด้วยการเปิดตัวโมเดล DeepSeek-R1 ที่มีศักยภาพสูงและต้นทุนต่ำกว่าคู่แข่งอย่าง OpenAI และ Google

ด้วยชื่อเสียงของมหาวิทยาลัยเจ้อเจียงที่ได้รับการขนานนามว่าเป็น 'สแตนฟอร์ดแห่งจีน' โดยมหาวิทยาลัยสแตนฟอร์ด (Stanford University) ประเทศสหรัฐอเมริกา ได้รับการยกย่องว่าเป็นหนึ่งในมหาวิทยาลัยชั้นนำของโลก โดยเฉพาะในด้านเทคโนโลยีและนวัตกรรม ซึ่งมีบทบาทสำคัญในการขับเคลื่อน Silicon Valley และสร้างสรรค์บริษัทเทคโนโลยีระดับโลก เช่น Google, Apple, Tesla และ NVIDIA

เป็นที่มาที่ทำให้มหาวิทยาลัยเจ้อเจียงถูกยกย่อง เนื่องจากนักวิจัยและศิษย์เก่าของที่นี่มีบทบาทสำคัญในการพัฒนา AI และเทคโนโลยีล้ำสมัย หนึ่งในนั้นคือ เหวินเฟิง (Liang Wenfeng) ผู้ก่อตั้ง DeepSeek ซึ่งต่อมากลายเป็นบริษัทสตาร์ทอัพด้านปัญญาประดิษฐ์ (AI) ที่กำลังสร้างความฮือฮาในวงการเทคโนโลยี 

บริษัทนี้ได้รับความสนใจอย่างมากในอุตสาหกรรมเทคโนโลยีหลังจากเปิดตัวโมเดล AI ชื่อ R1 เมื่อวันที่ 20 มกราคม 2025 โดย โมเดล R1 ของ DeepSeek มีความสามารถในการให้เหตุผลที่เทียบเท่าหรือเหนือกว่าโมเดล o1 ของ OpenAI โดยใช้ต้นทุนในการพัฒนาที่ต่ำกว่าอย่างมาก โมเดลนี้ใช้ชิป Nvidia H800 ประมาณ 2,000 ตัว คิดเป็นค่าใช้จ่ายประมาณ 5.6 ล้านดอลลาร์สหรัฐ ซึ่งต่ำกว่าการลงทุนของบริษัทเทคโนโลยีในสหรัฐฯ อย่างมาก

ความสำเร็จของ DeepSeek สะท้อนถึงความแข็งแกร่งของมหาวิทยาลัยเจ้อเจียงในการผลิตบุคลากรที่มีความสามารถสูงในด้านเทคโนโลยี นอกจากนี้ มหาวิทยาลัยยังมีเป้าหมายที่จะเป็นมหาวิทยาลัยระดับโลกภายในปี 2027 โดยใช้มหาวิทยาลัยสแตนฟอร์ดเป็นต้นแบบ เพื่อรองรับการเติบโตของ AI และเทคโนโลยีที่เกี่ยวข้อง 

สำหรับมหาวิทยาลัยเจ้อเจียงได้เปิดหลักสูตรเฉพาะด้านปัญญาประดิษฐ์ ซึ่งสนับสนุนให้นักศึกษาได้ทดลองพัฒนาโมเดล AI ของตนเอง รวมถึงเรียนรู้แนวคิดขั้นสูง เช่น Machine Learning, Deep Learning และ Natural Language Processing (NLP) สิ่งนี้เป็นปัจจัยสำคัญที่ทำให้บุคลากรจากมหาวิทยาลัยแห่งนี้มีศักยภาพในการแข่งขันในระดับสากล

จีนกำลังผลักดันให้ AI กลายเป็นเครื่องมือขับเคลื่อนเศรษฐกิจและความมั่นคงของประเทศ โดย DeepSeek ถือเป็นตัวอย่างของบริษัทที่สามารถก้าวขึ้นมาเป็นผู้เล่นสำคัญในอุตสาหกรรม AI ของโลกได้ ด้วยเทคโนโลยีที่ล้ำหน้าและแนวคิดการพัฒนาที่แตกต่าง

ความสำเร็จของ DeepSeek ไม่ได้เป็นเพียงจุดเปลี่ยนของมหาวิทยาลัยเจ้อเจียงเท่านั้น แต่ยังสะท้อนให้เห็นว่า จีนกำลังก้าวขึ้นเป็นผู้นำด้าน AI ของโลกอย่างแท้จริง

ทั้งนี้ วิลเลียม เคอร์บี้ (William Kirby) นักวิชาการผู้เชี่ยวชาญด้านจีนจาก Harvard Business School ได้กล่าวถึงการเติบโตของมหาวิทยาลัยในประเทศจีน โดยเฉพาะมหาวิทยาลัยเจ้อเจียง เขาชี้ให้เห็นว่าการเกิดขึ้นของมหาวิทยาลัยเช่นเจ้อเจียง สะท้อนถึงการเปลี่ยนแปลงที่สำคัญในแวดวงการศึกษาระดับโลก


© Copyright 2021, All rights reserved. THE STATES TIMES
Take Me Top