Saturday, 27 April 2024
NEWS

ตำรวจภาค 4 เปิดปฏิบัติการทลายอาวุธปืนออนไลน์ ลุยค้น 152 จุดทั่วอีสานเหนือ ตามนโยบายของ พล.ต.อ.กิตติ์รัฐ พันธุ์เพ็ชร์ รอง ผบ.ตร.รรท.ผบ.ตร. ให้กวาดล้างจับกุมผู้ลักลอบจำหน่ายอาวุธปืนออนไลน์ ซึ่งมีแพร่ระบาดอยู่ในปัจจุบัน ล่าสุด พล.ต.ท.สรายุทธ สงวนโภคัย ผ

ตามนโยบายของ พล.ต.อ.กิตติ์รัฐ พันธุ์เพ็ชร์ รอง ผบ.ตร.รรท.ผบ.ตร. ให้กวาดล้างจับกุมผู้ลักลอบจำหน่ายอาวุธปืนออนไลน์ ซึ่งมีแพร่ระบาดอยู่ในปัจจุบัน  ล่าสุด พล.ต.ท.สรายุทธ สงวนโภคัย ผบช.ภ.4  ได้สั่งการให้ตำรวจภาค 4 ปูพรม ปิดล้อมตรวจค้นผู้จำหน่ายอาวุธปืนออนไลน์ โดยให้ปฏิบัติการพร้อมกัน ทั้ง 12 ภ.จว. คือ ภ.จว.กาฬสินธุ์, ขอนแก่น, นครพนม, บึงกาฬ, มหาสารคาม, มุกดาหาร, ร้อยเอ็ด, เลย, สกลนคร, หนองคาย, หนองบัวลำภู และ อุดรธานี ตั้งแต่ช่วงเช้าของวันที่ 24 เม.ย.67 โดยได้เข้าตรวจค้นรวม 152 เป้าหมาย สามารถจับกุมผู้ต้องหาได้ 47 ราย ตรวจยึดอาวุธปืนรวม 68 กระบอก, เครื่องกระสุนปืน 1,471 นัด, ยาบ้า 50 เม็ด, บุหรี่ไฟฟ้า 50 อัน และ น้ำยาบุหรี่ไฟฟ้า 380 อัน

พล.ต.ท.สรายุทธ กล่าวว่า ปฏิบัติการครั้งนี้ เป็นไปตามนโยบายของ พล.ต.อ.กิตติ์รัฐ พันธุ์เพ็ชร์ รอง ผบ.ตร.รรท.ผบ.ตร. ที่ให้กวาดล้างจับกุมผู้จำหน่ายอาวุธปืนออนไลน์ และจับกุมผู้ครอบครองอาวุธปืนผิดกฎหมาย โดยตั้งแต่ช่วงเทศกาลสงกรานต์ ตำรวจภาค 4 ได้มีการระดมกวาดล้างอาชญากรรมทุกประเภทอย่างต่อเนื่อง เพื่อความปลอดภัยของพี่น้องประชาชน สำหรับอาวุธปืนและเครื่องกระสุนปืนที่จับกุมได้ เป็นการตัดโอกาสไม่ให้นำไปใช้ก่อเหตุที่เป็นอันตรายต่อชีวิตและทรัพย์สินของพี่น้องประชาชน  โดยตนได้สั่งกำชับตำรวจภาค 4 สืบสวนจับกุมอย่างเข้มข้นต่อไป พล.ต.ท.สรายุทธ กล่าวในที่สุด

‘ป้ามุกดา’ วัย 59 ปี สะบัดแปรงสีละเลงรั้วบ้าน บอก!! ไม่เคยเรียน ‘ศิลปะ-วาดภาพ’ มาก่อน

(25 เม.ย. 67) ใครเห็นก็ว้าว... ที่หมู่บ้านปิ่นสุวรรณ หมู่ 1 ต.ปากแคว อ.เมือง จ.สุโขทัย มีคุณป้าคนหนึ่งชื่อว่า นางจันทร์หอม สุรกานนท์ หรือ ‘ป้ามุกดา’ อายุ 59 ปี เป็นแม่ค้าไข่เค็มและทำก๋วยเตี๋ยวพวงส่งขาย ไม่เคยเรียนศิลปะ แล้วก็ไม่เคยวาดภาพอะไรที่ไหนมาก่อน แต่ด้วยความรู้สึกเสียดายสีทาบ้านที่เหลือ ก็เลยหิ้วถังมานั่งละเลงสีวาดรั้วบ้านเล่น ๆ ตามจินตนาการของตัวเอง ปรากฏเมื่อผลงานเสร็จ ใครเห็นก็ต้องร้องว้าว และทึ่งไปตาม ๆ กัน กับฝีมือการวาดภาพครั้งแรกของคุณป้า ที่เรียกได้ว่าระดับเทพเลยทีเดียว

ป้ามุกดา บอกว่า เรียนจบ ปวช.สาขาวิชาคหกรรมศาสตร์ อาชีพปัจจุบันผลิตไข่เค็ม และทำก๋วยเตี๋ยวพวงสุโขทัยส่งขายตามออเดอร์ ส่วนเรื่องภาพวาดรั้วบ้านที่กลายเป็นกระแสดังในโซเชียล บางคนไม่เชื่อว่าป้าไม่มีความรู้ด้านศิลปะ ขอยืนยันอีกครั้งว่าไม่มีความรู้ด้านนี้จริง ๆ แล้วก็ยังงงตัวเองอยู่เลยว่าวาดออกมาได้อย่างไร

“จุดเริ่มต้นในการวาดภาพเกิดขึ้นเมื่อปีที่แล้ว ป้าจ้างช่างให้มาทาสีบ้านแล้วสีมันเหลือ รู้สึกเสียดายก็เลยเอาไปทากำแพงรั้วรอบบ้านเล่น ๆ แต่มันดูโล่ง ๆ ก็เลยซื้อสีมาเพิ่ม วาดเติมแต่งต้นไม้ ดอกไม้ พอคนผ่านมาเห็นชมว่าสวย ใจป้าก็มีพลัง จึงตั้งใจวาดอย่างจริงจัง 3 เดือนกว่าจะเสร็จ ได้ผลงานออกมาอย่างที่เห็น”

ป้ามุกดา บอกอีกว่า ภาพที่วาดไว้บนกำแพงนั้น ประกอบด้วยชื่อภาพ น้ำตกจากฟากฟ้า, มวลหมู่แห่งดวงดาว, ป่าหลากสี, หุบเขาสีเขียว, ทุ่งดอกบัวตอง, ดงดอกคูน, น้ำตกหกสาวน้อย และทุ่งดอกทานตะวัน ทั้งหมดเกิดจากจินตนาการล้วนๆ วาดไปไอเดียผุดไป พลังมีมาแต่ละวันไม่เท่ากัน แต่ถ้าวันไหนป้างอนลุง วันนั้นบอกเลยไอเดียกระฉูด เพราะป้าจะไม่มองหน้าลุง มุ่งแต่วาดภาพอย่างเดียว

'ครม.' มีมติแต่งตั้ง 'อ.พงษ์ภาณุ เศวตรุนทร์' นั่งประธานกรรมการองค์การบริหารจัดการก๊าซเรือนกระจก

เมื่อวันที่ 23 เม.ย.67 คณะรัฐมนตรี มีมติแต่งตั้ง โยกย้าย หลายตำแหน่ง โดยหนึ่งในตำแหน่งที่กำลังถูกจับตามอง คือ การแต่งตั้ง 'ประธานกรรมการและกรรมการผู้ทรงคุณวุฒิในคณะกรรมการองค์การบริหารจัดการก๊าซเรือนกระจก' 

โดยจะมาสานต่อภารกิจในการสนับสนุนการประเมินผลการลดการปลดปล่อยก๊าซเรือนกระจกและผลกระทบที่เกิดขึ้น ส่งเสริมและพัฒนาศักยภาพ ตลอดจนให้คำแนะนำแก่หน่วยงานภาครัฐและภาคเอกชนเกี่ยวกับการจัดการก๊าซเรือนกระจก เผยแพร่และประชาสัมพันธ์เกี่ยวกับการจัดการก๊าซเรือนกระจก ส่งเสริมและสนับสนุนการดำเนินงานด้านการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศ

ทั้งนี้ ทางคณะรัฐมนตรีมีมติเห็นชอบตามที่รัฐมนตรีว่าการกระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมเสนอแต่งตั้งประธานกรรมการและกรรมการผู้ทรงคุณวุฒิในคณะกรรมการองค์การบริหารจัดการก๊าซเรือนกระจก รวม 6 คน แทนประธานกรรมการและกรรมการผู้ทรงคุณวุฒิเดิมที่พ้นจากตำแหน่งเนื่องจากขอลาออก ดังนี้...

1. นายพงษ์ภาณุ เศวตรุนทร์ ประธานกรรมการ
2. นายพิสิทธิ์ ปทุมบาล กรรมการผู้ทรงคุณวุฒิด้านการบริหารธุรกิจ
3. นายบัณฑิต ลิ้มมีโชคชัย กรรมการผู้ทรงคุณวุฒิด้านพลังงาน
4. นายสุเมธ ตั้งประเสริฐ กรรมการผู้ทรงคุณวุฒิด้านวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี
5. นายนิคม แหลมสัก กรรมการผู้ทรงคุณวุฒิด้านป่าไม้
6. นายภานุวัฒน์ ตริยางกูรศรี กรรมการผู้ทรงคุณวุฒิด้านการอุตสาหกรรม

ทั้งนี้ ตั้งแต่วันที่ 23 เมษายน 2567 เป็นต้นไป

ภายหลังรับทราบเรื่อง อาจารย์พงษ์ภาณุ เศวตรุนทร์ ในฐานะประธานกรรมการองค์การบริหารจัดการก๊าซเรือนกระจก ได้โพสต์ข้อความผ่านเฟซบุ๊กส่วนตัว ว่า...

"In pursuit of a net zero world : โลกสีเขียวคืออนาคตของเราและลูกหลาน ขอบคุณรัฐบาลที่ให้ความไว้วางใจ"

สำหรับ อาจารย์พงษ์ภาณุ เศวตรุนทร์ เคยดำรงตำแหน่งอดีตปลัดกระทรวงท่องเที่ยวและกีฬา, อดีตรองปลัดกระทรวงการคลัง และผู้เชี่ยวชาญด้านเศรษฐศาสตร์ระดับประเทศ 

นอกจากนี้ ยังเป็นผู้ทรงเกียรติที่มาร่วมพูดคุยในรายการ Easy Econ ซึ่งออกอากาศทางสถานีวิทยุ ส.ทร. FM93.0 MHz และสื่อออนไลน์ ในเครือ THE STATES TIMES เกี่ยวกับประเด็นด้านเศรษฐกิจ, การเงิน, ธุรกิจ, นวัตกรรม และกระแสสังคมที่สำคัญ ๆ ทั้งในและต่างประเทศอีกด้วย

สืบนครบาลวางแผนรวบ คุณหมอ(ทิพย์)ปลา อ้างเป็นศัลยแพทย์ระบบสมองตุ๋นบุคคลากรทางการแพทย์และข้าราชการ สูญเงินหลักล้าน

ตามนโยบายของ พล.ต.อ.กิตติ์รัฐ พันธุ์เพ็ชร์ รรท.ผบ.ตร., พล.ต.อ.ธนา ชูวงศ์ รอง ผบ.ตร., พล.ต.ท.ธัชชัย ปิตะนีละบุตร ผู้ช่วย ผบ.ตร. และ พล.ต.ท.ธิติ แสงสว่าง ผบช.น. ให้ปราบปรามกลุ่มหรือบุคคลที่กระทำความผิดในทุกรูปแบบ ที่สร้างความเดือนร้อนให้กับประชาชนผู้สุจริตจำนวนมาก โรงพยาบาลย่านพญาไท ตรวจสอบพบมีบุคคลแอบอ้างเป็นแพทย์ โดยใช้ชื่อว่าหมอปลา และมีการหลอกลวง

ผู้เสียหายต้องใช้เงินในการชดใช้ให้ญาติคนตายที่ ตนได้เป็นคนผ่าตัดแล้วเสียชีวิตลง ผู้เสียหายโอนรวมเป็นเงินมูลค่าเสียหายทั้งสิ้น 1,283,620 บาท ซึ่งต่อมาผู้เสียหายพบว่าไม่มีความเกี่ยวข้องใดๆกับโรงพยาบาล

เมื่อวันที่ 24 เม.ย.67 พล.ต.ท.ธิติ แสงสว่าง ผบช.น. , พล.ต.ต.นพศิลป์ พูลสวัสดิ์ รอง ผบช.น. ได้สั่งการให้ พล.ต.ต.ธีรเดช ธรรมสุธีร์ ผบก.สส.บช.น., พ.ต.อ.เกียรติศักดิ์ สระทองออย รอง ผบก.สส.บช.น., พ.ต.อ.อิสเรศ ปาลาพงศ์ รอง ผบก.สส.บช.น. , พ.ต.อ.นิวัฒน์ พึ่งอุทัยศรีรอง ผบก.สส.บช.น. , พ.ต.อ.อรรชวศิษฏ์ ศรีบุณยมานนทน์ ผกก.สส.3 บก.สส.บช.น. , พ.ต.ท.วิโรฒ จนุบุษย์, พ.ต.ท.นิธิ ปิยะพันธุ์ รอง ผกก.สส.3 บก.สส.บช.น. พ.ต.ต.ธัญพีรสิษฐ์ จุลพิภพ สว.กก.สส.3 บก.สส.บช.น., ร.ต.อ.ปรินทร์ ส่วนบุญ รอง สว.กก.สส.3ฯ, ร.ต.อ.นิคม นาชัยภูมิรอง สว.กก.สส.3ฯ, ร.ต.อ.ชัยยุทธ ศักดิ์เพชร รอง สว.กก.สส.3ฯ กับพวกจับกุมตัว 

น.ส.สุวรรณอำภา หรือปลา อินทยาวงค์ อายุ 35 ปี ที่อยู่ 62/310 ซอยเสรีไทย 72 แขวงมีนบุรี เขตมีนบุรี กรุงเทพมหานคร ซึ่งเป็นผู้ต้องหาตามหมายจับ ศาลแขวงราชบุรี ที่ จ.52/2567 ลงวันที่ 18 เมษายน 2567 

ความผิดฐาน “ฉ้อโกง และ นำเข้าสู่ระบบคอมพิวเตอร์ ซึ่งข้อมูลคอมพิวเตอร์ที่บิดเบือน หรือปลอมไม่ว่าทั้งหมดหรือบางส่วน หรือข้อมูลคอมพิวเตอร์อันเป็นเท็จ โดยประการที่น่าจะเกิดความเสียหายแก่ผู้อื่น”

โดยก่อนการจับกุม สืบนครบาลได้รับข้อมูลว่า คณะแพทยศาสตร์โรงพยาบาลย่านพญาไท พบผู้ที่ใช้ชื่อว่า สุวรรณอำภา อินทยาวงศ์ ปลอมบัตรประจำตัวบุคลากรของคณะแพทยศาสตร์โรงพยาบาลฯ ซึ่งบัตรประจำตัวที่ปลอมขึ้นมานั้น เป็นบัตรรุ่นเก่าของคณะฯ ซึ่งไม่ได้ใช้แล้วในปัจจุบัน โดยนำบัตรดังกล่าวไปใช้ในการแอบอ้างตนว่าเป็นศัลยแพทย์ระบบสมองของคณะแพทยศาสตร์โรงพยาบาลฯ และนำไปหลอกลวงเอาเงินจากคนไข้และเจ้าหน้าที่ภายในโรงพยาบาลฯ หลายราย โดยคณะแพทยศาสตร์โรงพยาบาลฯ ดำเนินการตรวจสอบแล้วพบว่าไม่มีบุคคลที่ใช้ชื่อดังกล่าวเป็นบุคลากรของคณะแพทยศาสตร์โรงพยาบาลฯ และไม่ใช่ผู้ที่มีความเกี่ยวข้องกับคณะแพทยศาสตร์โรงพยาบาลฯ ซึ่งทำให้คณะแพทยศาสตร์โรงพยาบาลฯ ได้รับความเสียหาย

ต่อมาเจ้าหน้าที่ สืบนครบาล ได้ตรวจสอบพบว่าบุคคลดังกล่าคือ น.ส.สุวรรณอำภา หรือปลา อายุ 35 ปี ซึ่งมีหมายจับติดตัวของศาลแขวงราชบุรี โดยพฤติการณ์คือ เมื่อประมาณเดือน มกราคม 2563 ขณะที่ผู้เสียหายใช้เฟสบุ๊คและได้มีบัญชีผู้ใช้งาน เฟสบุ๊คชื่อ“ข้อมูล ส่วนตัว” ได้เพิ่มเพื่อนทางเฟสบุ๊คของผู้เสียหาย จากนั้นเฟสบุ๊คดังกล่าวได้ทักข้อความมาพูดคุยและได้แนะนำตัวว่าเป็นแพทย์โรงพยาบาลรามาธิบดี ชื่อว่า น.ส.สุวรรณอำภา หรือปลา ผู้เสียหายก็พูดคุยกันมาเรื่อยๆจนได้คบหากัน โดย น.ส.สุวรรณอำภา หรือปลา จะเดินทางมาหาผู้เสียหายที่ อ.เมืองราชบุรี ทุกๆสัปดาห์ ครั้งละประมาณ 2 วันแล้วก็จะนั่งรถโดยสารกลับไปกรุงเทพฯ โดยบอกผู้เสียหายว่าจะไปทำงานที่โรงพยาบาลดังกล่าว และบางสัปดาห์ผู้เสียหายจะขับรถไปรับที่หน้าโรงพยาบาล แล้วก็ไปส่งด้วย เป็นเช่นนี้อยู่ตลอดเวลาที่คบหากัน 

ซึ่งต่อมาประมาณเดือนเมษายน 2566 ผู้เสียหายและ น.ส.สุวรรณอำภา หรือปลาฯ ได้เลิกรากันแต่ปรากฎว่าช่วงก่อนที่จะเลิกกันนั้น น.ส.สุวรรณอำภา ได้มาขอให้ผู้เสียหายหาเงินจำนวนประมาณ 300,000 บาท อ้างกับผู้เสียหายต้องใช้เงินในการชดใช้ให้ญาติคนตายที่ ตนได้เป็นคนผ่าตัดแล้วเสียชีวิตลง ผู้เสียหายเชื่อว่าเป็นเรื่องจริงจึงเอาเงินผู้เสียหายโอนให้ไปจำนวนหลายครั้ง รวมเป็นเงินมูลค่าเสียหายทั้งสิ้น 1,283,620 บาท ซึ่งต่อมาผู้เสียหายพบว่า น.ส.สุวรรณอำภา ไม่มีความเกี่ยวข้องใดๆกับโรงพยาบาลรามาธิบดีและไม่ได้เป็นแพทย์หรือเจ้าหน้าที่ของโรงพยาบาลรามาธิบดีแต่อย่างใด ซึ่งต่อมาพนักงานสอบสวนได้ยื่นต่อศาลขออนุมัติหมายจับ และสืบนครบาลได้ติดตามจับกุมตัว ผู้ต้องหาขณะที่แต่งกายในชุดบุคคลากรทางการแพทย์ของโรงพยาบาลฯและมีชื่อของผู้ต้องหาเป็นภาษาอังกฤษที่หน้าอกเสื้อด้านซ้ายอีกด้วยได้ จากนั้นได้นำตัวส่ง สภ.เมืองราชบุรี ครับดำเนินคดีตามกฎหมายต่อไป

ผู้ต้องหาให้การ รับสารภาพตลอดข้อกล่าวหา โดย จบ มัธยมศึกษาปีที่ 6 โรงเรียน ในจังหวัดนครราชสีมา ไม่เคย ประวัติการตั้งโทษหรือเคย ถูกจับ มาก่อน

พล.ต.ต.ธีรเดช ธรรมสุธีร์ ผบก.สส.บช.น กล่าวว่า การหลอกลวงมีหลายรูปแบบ แอบอ้างว่าเป็นเจ้าหน้าที่สายอาชีพต่างๆ จึงขอให้ประชาชนอย่าได้หลงเชื่อ และฝากเตือนประชาชนเกี่ยวกับการถูกหลอกลวง หลอกให้รัก ผ่านการพูดคุยในสื่อสังคมออนไลน์ในแอพพลิเคชั่นต่างๆ ถึงแม้จะมีการนัดพบเจอทำความรู้จักกันแล้ว แต่มิจฉาชีพยังสามารถมีวิธีการในการหลอกลวงปกปิดตัวตนที่แท้จริง หรืออวดอ้างหน้าที่การงานที่ดี ทำให้ผู้เสียหายหลงเชื่อและเสียทรัพย์สินมูลค่าสูงได้ 

วธ. สืบสานศิลปวัฒนธรรมการแสดงดนตรีพื้นบ้านไทย 4 ภาค ร่วมเทิดพระเกียรติสมเด็จพระกนิษฐาธิราชเจ้า กรมสมเด็จพระเทพรัตนราชสุดาฯ สยามบรมราชกุมารี จัดการประกวดดนตรีและการแสดงพื้นบ้าน ชิงเงินรางวัล 1,000,000 บาท

กระทรวงวัฒนธรรม โดยกรมส่งเสริมวัฒนธรรม จัดการประกวดดนตรีและการแสดงพื้นบ้าน ถ้วยพระราชทานสมเด็จพระกนิษฐาธิราชเจ้า กรมสมเด็จพระเทพรัตนราชสุดาฯ สยามบรมราชกุมารี พุทธศักราช 2567 “รวมศิลป์ แผ่นดินสยาม”เพื่อเทิดพระเกียรติสมเด็จพระกนิษฐาธิราชเจ้า กรมสมเด็จพระเทพรัตนราชสุดาฯ สยามบรมราชกุมารี ในฐานะที่ทรงเป็นวิศิษฏศิลปิน และเพื่อเป็นการเปิดพื้นที่ให้แก่เด็ก เยาวชน และประชาชน สร้างมิติใหม่ให้วัฒนธรรมมีความร่วมสมัย ยกระดับขีดความสามารถของดนตรี พัฒนาเทคนิคทางการแสดง ให้เกิดมูลค่าเพิ่มให้กับศิลปวัฒนธรรมไทย โดยมีนายเสริมศักดิ์ พงษ์พานิช รัฐมนตรีว่าการกระทรวงวัฒนธรรม เป็นประธานแถลงข่าว ณ หอประชุมเล็ก ศูนย์วัฒนธรรมแห่งประเทศไทย
 
วันที่ 24 เมษายน 2567 นายเสริมศักดิ์ พงษ์พานิช รมต.วธ. กล่าวว่า ดนตรีและการแสดงพื้นบ้าน เป็นมรดกภูมิปัญญาทางวัฒนธรรมที่บรรพบุรุษได้สร้างผลงานไว้ ซึ่งแต่ละพื้นที่แต่ละภูมิภาคจะมีเอกลักษณ์ของดนตรีและการแสดงพื้นบ้านเฉพาะตัวที่เห็นได้อย่างชัดเจน ในปัจจุบันดนตรีและการแสดงพื้นบ้านได้มีการเปลี่ยนแปลงไปตามกระแสโลกาภิวัตน์ หากไม่ช่วยกันอนุรักษ์ สืบสาน รักษาและต่อยอด อาจจะเสี่ยงต่อการสูญหายได้  กรมส่งเสริมวัฒนธรรม มีความมุ่งมั่นในการส่งเสริม อนุรักษ์ ผลักดันให้ศิลปะ ดนตรีและการแสดงพื้นบ้านทั้ง 4 ภาค ให้คงอยู่ ผ่านการสานต่ออย่างสร้างสรรค์ของเด็กและเยาวชนมาตลอดตั้งแต่พุทธศักราช ๒๕๔๙ จนถึงปัจจุบัน  ซึ่งปีนี้เป็นปีที่ 16  ผ่านกิจกรรมการประกวดดนตรีและการแสดงพื้นบ้าน  สำหรับการประกวดดนตรีและการแสดงพื้นบ้านในปีนี้ ยังคงจัดประกวดภายใต้แนวคิด “รวมศิลป์ แผ่นดินสยาม” ซึ่งจัดต่อเนื่องมาตั้งแต่ปี 2562 ปีนี้เป็นปีที่ 6 โดยเปิดโอกาสให้คณะนักแสดงได้มีโอกาสในการสร้างสรรค์ชุดการแสดงที่บ่งบอกถึงอัตลักษณ์ของวิถีชีวิต ความเชื่อ พิธีกรรม วรรณคดี วรรณกรรมพื้นบ้าน ประเพณี ที่สื่อให้เห็นถึงอัตลักษณ์ของแต่ละภูมิภาค  
         
ด้าน นายโกวิท ผกามาศ อธิบดีกรมส่งเสริมเสริม กล่าวต่อว่า  สำหรับปีพุทธศักราช 2567 กรมส่งเสริมวัฒนธรรม ได้จัดประกวดดนตรีและการแสดงพื้นบ้าน “รวมศิลป์ แผ่นดินสยาม” เพื่อมุ่งส่งเสริม รักษา ต่อยอด และเปิดพื้นที่ให้ศิลปินพื้นบ้านในแขนงต่าง ๆ ทั้งเด็ก เยาวชน และประชาชนได้มีโอกาสร่วมถ่ายทอดศิลปวัฒนธรรมการแสดง และมรดกภูมิปัญญาทางวัฒนธรรมท้องถิ่น ไปสู่สายตาประชาชน ซึ่ง สวธ.เปิดรับสมัครผู้ที่สนใจเข้าร่วมประกวดมาตั้งแต่วันที่ 30 มกราคม 2567  ถึงวันที่ 31 มีนาคม 2567 ที่ผ่านมา โดยมีคณะนักแสดงที่ได้รับการพิจารณาคัดเลือกให้ผ่านเข้าสู่รอบชิงชนะเลิศ  ภาคละ 5 คณะ  รวมทั้งสิ้น 20 คณะ และได้กำหนดการประกวดการแสดงรวมศิลป์พื้นบ้าน 4 ภาค ดังนี้

1.การประกวดรวมศิลป์พื้นบ้านภาคเหนือ ในวันพุธที่ 8 พฤษภาคม 2567 ณ Convention Hall เซ็นทรัลเชียงใหม่ แอร์พอร์ต จังหวัดเชียงใหม่ 
 2. การประกวดรวมศิลป์พื้นบ้านภาคกลาง ในวันอังคารที่ 21 พฤษภาคม 2567  ณ Convention Hall เซ็นทรัล เวสต์เกต จังหวัดนนทบุรี        
3. การประกวดรวมศิลป์พื้นบ้านภาคตะวันออกเฉียงเหนือ  ในวันพุธที่ 12 มิถุนายน 2567 ณ Convention Hall เซ็นทรัล อุดรธานี จังหวัดอุดรธานี  
4. การประกวดรวมศิลป์พื้นบ้านภาคใต้  ในวันพุธที่ 18 มิถุนายน 2567  ณ Convention Hall เซ็นทรัลเฟสติวัล หาดใหญ่ จังหวัดสงขลา    
 
สำหรับผู้ชนะการประกวดแต่ละประเภทจะได้รับรางวัล ดังนี้
1. รางวัลชนะเลิศ ได้รับถ้วยรางวัลพระราชทานฯ และเงินรางวัลจากกรมส่งเสริมวัฒนธรรม จำนวน 100,000 บาท (หนึ่งแสนบาทถ้วน) พร้อมเกียรติบัตร
2. รางวัลรองชนะเลิศ อันดับ 1 ได้รับถ้วยรางวัลจากรัฐมนตรีว่าการกระทรวงวัฒนธรรม และเงินรางวัลจากกรมส่งเสริมวัฒนธรรม จำนวน 80,000 บาท (แปดหมื่นบาทถ้วน) พร้อมเกียรติบัตร
3. รางวัลรองชนะเลิศ อันดับ 2 ได้รับถ้วยรางวัลจากปลัดกระทรวงวัฒนธรรม และเงินรางวัลจากกรมส่งเสริมวัฒนธรรม จำนวน 50,000 บาท (ห้าหมื่นบาทถ้วน) 
พร้อมเกียรติบัตร
4. รางวัลชมเชย ภาคละ 2 รางวัล ได้รับเงินรางวัลจากกรมส่งเสริมวัฒนธรรม รางวัลละ 10,000 บาท (หนึ่งหมื่นบาทถ้วน) พร้อมเกียรติบัตร

เจนกิจ นัดไธสง-รุ่ง รายงาน

รองผู้บัญชาการทหารเรือรับการเยี่ยมคำนับจาก พล.ร.ต.Justin Jones , Deputy Chief joint operation (รองผู้บัญชาการหน่วยปฎิบัติการร่วม กองทัพออสเตรเลีย) ในโอกาสเดินทางเยือนประเทศไทย

วันที่ 24 เม.ย. พล.ร.อ.สุวิน  แจ้งยอดสุข รองผู้บัญชาการทหารเรือ เป็นผู้แทนผู้บัญชาการทหารเรือ รับการเยี่ยมคำนับจาก พล.ร.ต.Justin  Jones , Deputy Chief joint operation (รองผู้บัญชาการหน่วยปฎิบัติการร่วม กองทัพออสเตรเลีย) ในโอกาสเดินทางเยือนประเทศไทย เพื่อเข้าร่วมงานรวัน ANZAC DAY 2024 ณ กองบัญชาการกองทัพเรือ พื้นที่วังนันทอุทยาน เขตบางกอกน้อย กรุงเทพมหานคร

ทั้งนี้ พล.ร.ต.Justin  Jones จะได้รับการเลื่อนตำแหน่งเป็นผู้บัญชาการหน่วยปฏิบัติการร่วม กองทัพออสเตรเลีย ตั้งแต่ ก.ค.67 ซึ่งการเข้าเยี่ยมคำนับในครั้งนี้มีวัตถุประสงค์เพื่อเข้าหารือเป็นกรณีพิเศษ ประกอบด้วยหัวข้อ
- การฝึก Cobra Gold (การใช้พื้นที่สนามบินอู่ตะเภา) และการฝึกต่างๆ 
- การปฏิบัติงานในภูมิภาคของกองทัพออสเตรเลีย
- การสัมมนา Indo-Pacific Endeavour 2024 (หัวข้อกฎหมายทะเล)
- การแลกเปลี่ยนข้อมูลข่าวสาร

ไทยและออสเตรเลียสถาปนาความสัมพันธ์ทางการทูตตั้งแต่ 19 ธ.ค.2495 โดยมีความสัมพันธ์ระหว่างกองทัพเรือ กับกองทัพออสเตรเลียด้านต่างๆ อาทิ ด้านการแลกเปลี่ยนการเยือน , ด้านการศึกษา , ด้านการประชุม , ด้านการฝึก (ทั้งการฝึกผสมทวิภาคี และการฝึกผสมพหุภาคี) รวมถึงการเยือนในครั้งนี้จะเป็นการยืนยันถึงความสัมพันธ์ที่ดีให้แน่นแฟ้นยิ่งขึ้นในอนาคตต่อไป

สมนึก เชื้อสนุก รายงาน

องค์การสวนสัตว์แห่งประเทศไทย ลุยผสมเทียมช้างเลี้ยงครั้งแรกในโครงการคชอาณาจักร จังหวัดสุรินทร์

การดำเนินงานดังกล่าวมีวัตถุประสงค์ เพื่อพัฒนานวัตกรรมทางการสืบพันธุ์และนำเทคนิคการผสมเทียมมาใช้ในช้างเลี้ยง ซึ่งนักวิชาการหลายท่านเชื่อว่าเริ่มประสบปัญหาเลือดชิดและอาจส่งผลถึงความหลากหลายทางพันธุกรรมของช้างเลี้ยงในประเทศไทยในอนาคต รวมทั้งแก้ไขปัญหาของช้างที่ไม่สามารถผสมพันธุ์ได้เองตามธรรมชาติอีกด้วย

โดยเริ่มจากการเก็บน้ำเชื้อช้างเลี้ยงเพศผู้ คือ พลายขนุนและพลายโจ้ เพื่อนำน้ำเชื้อมาแช่เย็น พร้อมตรวจประเมินคุณภาพ และนำมาผสมเทียมกับช้างเลี้ยงเพศเมีย คือ พังน้ำหวานและพังแสนหลวง ที่ได้มีการคำนวณวงรอบการตกไข่จากนักวิทยาศาสตร์สวนสัตว์แล้วพบว่าพร้อมผสมเทียมในระหว่างวันที่ 22 - 25 เมษายน 2567 นอกจากนี้ยังมีการใช้น้ำเชื้อช้างแช่แข็งของพลายเปี๊ยก พลายมงคล จากธนาคารทางพันธุกรรมสัตว์ป่าขององค์การสวนสัตว์แห่งประเทศไทยมาใช้ผสมเทียมด้วย

ทั้งนี้ นายอรรถพร ศรีเหรัญ ผู้อำนวยการองค์การสวนสัตว์แห่งประเทศไทย ได้มอบหมายให้สัตวแพทย์และนักวิทยาศาสตร์สวนสัตว์ ผู้เชี่ยวชาญ จากสถาบันอนุรักษ์และวิจัยสัตว์ สวนสัตว์เปิดเขาเขียว และโครงการคชอาณาจักร จังหวัดสุรินทร์ ดำเนินการโดยเร่งด่วนเพื่ออนุรักษ์ ฟื้นฟู และปกป้องการสูญเสียทรัพยากรสัตว์ป่าที่สำคัญของไทยในระยะยาว ตามแผนยุทธศาสตร์ฯ ขององค์กร

การดำเนินงานดังกล่าวได้รับการสนับสนุนสัตวแพทย์ผู้เชี่ยวชาญเรื่องช้างจากศูนย์อนุรักษ์ช้างไทย จังหวัดลำปาง สถาบันคชบาลแห่งชาติ องค์การอุตสาหกรรมป่าไม้ และคณะสัตวแพทยศาสตร์ มหาวิทยาลัยมหาสารคาม รวมถึงวัสดุอุปกรณ์ในการผสมเทียมจากบริษัท STORZ ประเทศไทย 

และได้รับความร่วมมือเป็นอย่างดีจากเจ้าของช้างภายในจังหวัดสุรินทร์ ได้แก่ นายนิมิต อินทร์สำราญ นายเกือง อินทร์สำราญ นางแดง งามสง่า และนายชาญชัย สมเจตนา ซึ่งทางคณะทำงานต้องขอขอบคุณทุกท่านเป็นอย่างสูง

ร่วมเป็นกำลังใจและติดตามการดำเนินงานในระยะต่อไปได้ที่เพจ @สถาบันอนุรักษ์และวิจัยสัตว์ Animal Conservation and Research Institute

'บิ๊กโจ๊ก' ลั่น!!! ใครอยากเป็น ผบ.ตร.ให้มาขอกันดีๆ พร้อมพาไปกราบ 'พล.ต.อ.เผ่า' อดีตอธิบดีกรมตำรวจ

(24 เม.ย.67) ที่สำนักงานคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการฟอกเงิน (ปปง.) พล.ต.อ.สุรเชษฐ์ หักพาล อดีตรองผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ (อดีตรอง ผบ.ตร.) หรือ ‘บิ๊กโจ๊ก’ เดินทางมาเพื่อยื่นหนังสือคัดค้านการใช้หลักฐานการตรวจสอบเส้นทางการเงินของพนักงานสอบสวนเครือข่ายมินนี่ ของ สน.ทุ่งมหาเมฆ และ สน.เตาปูน ที่ส่งให้ ปปง.ไปก่อนหน้านี้ ว่าไม่สามารถนำมาประกอบสำนวนได้ เนื่องจากเป็นการสอบสวนโดยมิชอบ โดยมี นายวิทยา นีติธรรม โฆษกสำนักงาน ปปง.เป็นตัวแทนรับหนังสือ

โดย พล.ต.อ.สุรเชษฐ์ กล่าวว่า ที่มายื่นหนังสือในวันนี้ เพราะต้องการให้ ปปง.ไปตรวจสอบว่าข้อเท็จจริงที่ สน.ทุ่งมหาเมฆ และ สน.เตาปูน สอบสวนคดีความผิดที่มีมูลค่าเกินกว่า 300 ล้าน ตามหลักกฎหมายจะต้องส่งให้พนักงานสอบสวนของกรมสอบสวนคดีพิเศษ หรือ ดีเอสไอ ตำรวจจะสอบสวนเองไม่ได้ เมื่อสอบสวนโดยไม่มีอำนาจ การทำรายงานข้อเท็จจริงและความผิดฟอกเงินต่าง ๆ ส่งมาให้ ปปง.นั้นก็จะมิชอบด้วย ปปง.จะไม่สามารถนำเอาไปดำเนินการยึดอายัดทรัพย์สินต่าง ๆ หรือดำเนินการอย่างใดอย่างหนึ่งได้ ดังนั้น กระบวนการทั้งหมดก็จะเป็นโมฆะทั้งหมด ต้องเริ่มกระบวนการสอบสวนใหม่อย่างเป็นธรรม คดีไหนเป็นความผิดเกี่ยวกับเจ้าหน้าที่รัฐอำนาจสอบสวนต้องเป็นของ ปปช.ก็ต้องส่ง ปปช.ภายไหน 30 วัน คดีไหนเป็นอำนาจของดีเอสไอ ก็ต้องส่งดีเอสไอ ตนเองจึงได้มายื่นหนังสือคัดค้านและชี้แจงให้ ปปง.เล็งเห็นข้อเท็จจริงในส่วนนี้

ส่วนกระบวนการต่อไปของตนเอง จะเป็นการล่ารายชื่อ 20,000 รายชื่อ เพื่อส่งข้อมูลให้ประธานสภา เพื่อให้ดำเนินการยื่นสอบจริยธรรมและถอดถอน นายสุชาติ ตระกูลเกษมสุข กรรมการ ปปช.ต่อไป

ส่วนกรณีที่มีทนายคนดังออกมาแฉเส้นทางการเงินเว็บพนันออนไลน์ที่เชื่อมโยงไปถึงครอบครัวและคนใกล้ชิดของ พล.ต.อ.สุรเชษฐ์ นั้น พล.ต.อ.สุรเชษฐ์ กล่าวว่า เป็นเพียงเรื่องเก่า เปิดมานานแล้ว ก็ให้ว่ากันไป ใครอยากเปิดก็เปิดไป ไม่เป็นไร เป็นเรื่องที่อยู่ในสำนวนทั้งหมดแล้ว ลูกน้องตนเองอยู่ในกระบวนการกระทำความผิดก็จริง แต่ตนเองไม่ได้อยู่ในกระบวนการกระทำความผิด เงินของลูกน้อง ไม่ใช่ของตนเอง เมื่อมีขบวนการพยายามโยงความผิดมาที่ตนเอง ก็ต้องต่อสู้กันไป สุดท้ายศาล หรือ ปปช.จะเป็นผู้ตัดสินเอง

ส่วนตนเองจะได้รับความชอบธรรม และกลับมาก่อนการแต่งตั้ง ผบ.ตร.ในเดือนกันยายนนี้หรือไม่ พล.ต.อ.สุรเชษฐ์ ระบุว่า เรื่องการแต่งตั้งก็ว่ากันไป เป็นคนละส่วนกัน แต่การสืบสอบสวนเรื่องคดีย้ำว่า ทุกอย่างต้องยึดหลักกฎหมาย ไม่งั้นบ้านเมืองก็เดินต่อไปไม่ได้ ก่อนจะบอกว่า ตนเองผิดหรือถูก การสืบสวนต้องชอบด้วยกฎหมายก่อน ไม่ใช่สอบสวนแบบอาญาเถื่อน พร้อมทั้งยืนยันทิ้งท้าย หากสุดท้ายตนเองได้กลับไปเข้ารับตำแหน่งหรือได้เป็นผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ จะไม่มีการเช็กผิดใคร ไม่ใช่คนอาฆาตแค้นใคร ทำบุญหมด

พล.ต.อ.สุรเชษฐ์ กล่าวว่า ในวันพรุ่งนี้ (25 เม.ย.) เวลา 10.00 น.จะเดินทางไปยื่นหนังสือร้องเรียนกับคณะกรรมการพิทักษ์คุณธรรม ยื่นผ่านสำนักงาน ก.ตร.ขอให้เพิกถอนคำสั่งที่ให้ออกจากราชการ ว่าเป็นคำสั่งที่ไม่ชอบด้วยกฎหมาย และหากได้พบกับ พล.ต.อ.กิตติ์รัฐ พันธุ์เพ็ชร์ รรท.ผบ.ตร. ก็ไม่มีอะไรอยากจะถาม แต่ถ้าใครอยากจะเป็น ผบ.ตร.ก็มาคุยกับตนเองได้ ตนเองยินดี ตนเองยอม เพราะยังอยู่อีกหลายปี และจะพาไปกราบรูปปั้น พล.ต.อ.เผ่า ศรียานนท์ อดีตอธิบดีกรมตำรวจ และพาไปกราบนายกรัฐมนตรี ว่าอย่าไปหลอกท่านอีก

ย้อนคำแนะนำ 'พล.อ.ประยุทธ์' ชวนคนไทยเปิดแอร์ 27 องศา+พัดลม เพิ่มการเคลื่อนที่ของอากาศ ลดอุณหภูมิ ประหยัดค่าไฟได้มากโข

หากย้อนไปเมื่อต้นปี 2565 ซึ่งระหว่างนั้น เป็นช่วงที่เกิดสถานการณ์ความขัดแย้งระหว่างรัสเซีย-ยูเครน จนส่งผลต่อวิกฤตราคาพลังงานโลกเพิ่มสูงขึ้นเป็นประวัติการณ์ รวมถึงส่งผลกระทบเป็นวงกว้างต่อเศรษฐกิจโลก

พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา องคมนตรี และอดีตนายกรัฐมนตรีคนที่ 29 ห่วงใยประชาชนที่ได้รับผลกระทบจากวิกฤตราคาพลังงาน จึงสั่งการหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง เร่งออกมาตรการบรรเทาผลกระทบประชาชนให้มากที่สุด

โดยระหว่างนั้น ทางกระทรวงพลังงาน ได้มีข้อแนะนำการประหยัดพลังงานในส่วนของ Work From Home ให้ประหยัดพลังงาน โดยปิดสวิทช์หรือถอดปลั๊กอุปกรณ์ไฟฟ้าทุกครั้งหลังใช้งานเสร็จ ตั้งค่าคอมพิวเตอร์ในโหมด Sleep ปิดหน้าจอคอมพิวเตอร์เมื่อไม่มีการใช้งานนานกว่า 15 นาที ไม่เปิดโทรทัศน์ทิ้งไว้ เปิดใช้ตู้เย็นเท่าที่จำเป็น ปิดตู้เย็นให้สนิททุกครั้ง ละลายน้ำแข็งอย่างสม่ำเสมอ

ขณะที่ พล.อ.ประยุทธ์ ได้แนะนำการใช้เครื่องปรับอากาศ หรือแอร์แก่คนไทยว่า ควรเปิดแอร์ที่อุณหภูมิ 27 องศาเซลเซียส พร้อมเปิดพัดลมตั้งพื้นควบคู่กัน เพื่อช่วยเพิ่มการเคลื่อนที่ของอากาศในห้อง และช่วยลดอุณหภูมิลงได้ 2 องศาเซลเซียส โดยจะช่วยให้ประหยัดไฟมากกว่าการเปิดแอร์ที่ 23-24 องศาอย่างเดียว รวมทั้งควรทำความสะอาดแผ่นกรองอากาศทุกเดือนและล้างแอร์ทุก 6 เดือน จะช่วยทำให้อากาศบริสุทธิ์และประหยัดไฟ ซึ่งวิธีใช้แอร์ดังกล่าวจะช่วยประหยัดค่าไฟลงได้ 10-30%

อย่างไรก็ตาม แนวทางที่ลุงตู่แนะ ได้กลับมาเป็นกระแสอีกครั้ง เมื่อผู้ใช้งาน Youtube บัญชี CLEAR ENERGY ได้ทำคลิปวิดีโอทดสอบค่าไฟ หากเปิดแอร์แบบ 25 องศาเซลเซียส กับ 27 องศาเซลเซียส พร้อมพัดลม โดยเทียบให้รู้ว่าแบบไหนกินไฟเท่าไหร่ แล้วค่าไฟแตกต่างกันเยอะหรือไม่

โดยในคลิปจะเห็นได้ว่าเขาวัดกระแสไฟฟ้าระหว่างเปิดแอร์ 25 องศาเซลเซียส ได้ที่ 8.58 แอมป์ และวัดกระแสไฟฟ้าระหว่างเปิดแอร์ 27 องศาเซลเซียส พร้อมพัดลม ได้ที่ 4.36 แอมป์

จากนั้น เริ่มเปิดแอร์ 25 องศาเซลเซียส โดยเปิดวันละ 9 ชั่วโมง 8 โมงเช้า ถึง 5 โมงเย็น แบบนี้ทุกวันเป็นเวลา 1 เดือน และลองคิดคำนวณจากค่าไฟ 4.4 บาทต่อหน่วย ก็ได้ผลลัพธ์ของค่าไฟที่จะต้องเสียอยู่ที่ 2,244 บาท

ขณะเดียวกัน ถ้าเปิดแอร์ 27 องศาเซลเซียส พร้อมพัดลม ในเวลาและตัวแปรการคำนวณแบบเดียวกัน จะเสียค่าไฟอยู่ที่ 1,140 บาท

สรุปแล้วค่าไฟ จากการเปิด แอร์ 27 องศาเซลเซียส บวกพัดลม จะประหยัดลดลงถึง 1,104 บาทต่อเดือน หรือคิดเป็น 49.22% หรือเกือบครึ่งเลยทีเดียวเมื่อเทียบกับเปิดแอร์ที่ 25 องศาเซลเซียส

ลุงตู่ผู้มาก่อนกาลเสมอ...

'กฟภ.' เตือน!! อย่าเปิดๆ ปิดๆ เครื่องปรับอากาศ เพราะช่วงที่กินไฟที่สุดคือ ช่วงที่แอร์สตาร์ตมอเตอร์

(24 เม.ย.67) หลายคนคงคาใจกับคำถาม ที่ผู้ใช้เครื่องปรับอากาศ หรือ แอร์ ว่าระหว่างปิด ๆ เปิด ๆ แอร์ กับ เปิดแอร์ต่อเนื่องยาว ๆ โดยสิ่งหนึ่งที่เรามักจะเข้าใจผิด คือคิดว่าการเปิดแอร์ต่อเนื่องนาน ๆ จะทำให้กินไฟมาก เพราะเครื่องปรับอากาศทำงานนาน

ล่าสุดเฟซบุ๊ก 'การไฟฟ้าส่วนภูมิภาค PEA' ได้ออกมาโพสต์ภาพพร้อมข้อความว่า...

ร้อนระอุแบบนี้ ขาดแอร์ก็แทบขาดใจ แต่จะเปิดแอร์ยังไงให้เราไม่ช็อตฟิลกับบิลค่าไฟตอนสิ้นเดือน เซฟไทยขอแนะนำทริกดี ๆ ในการเปิดแอร์ช่วงหน้าร้อน ที่ยังเย็นฉ่ำ ๆ แต่ไม่ทำให้ค่าไฟไม่พุ่งกระหน่ำตาม ลองไปทำตามกันนะ….

1. เลือกขนาด BTU แอร์ให้เหมาะกับพื้นที่ห้อง เพื่อให้แอร์ทำงานได้อย่างเต็มประสิทธิภาพ และแอร์ขนาด 9,000-21,000 BTU เหมาะกับห้องขนาดเล็กถึงปานกลางอย่างคอนโด แอร์ขนาด 21,000-30,000 BTU เหมาะกับห้องขนาดกลางถึงใหญ่ เช่น ห้องนั่งเล่น ห้องโถง ส่วนแอร์ขนาดใหญ่ 30,000-36,000 BTU เหมาะกับห้องขนาดใหญ่ เช่น โฮมออฟฟิศ ร้านอาหาร คาเฟ่ เป็นต้น

2. เปิดแอร์ 26-27 องศาฯ ควบคู่กับเปิดพัดลม การเปิดพัดลมช่วยอีกทางจะเป็นการระบายความร้อน เพิ่มการเคลื่อนที่ของอากาศภายในห้อง และทำให้อุณหภูมิในห้องเย็นเร็วขึ้น อีกทั้งยังช่วยลดค่าไฟลงได้ 10%

3. ล้างแอร์เป็นประจำทุก 6 เดือน หมั่นล้างแผ่นกรองแอร์เป็นประจำทุก 1 เดือน และล้างแอร์ทุก ๆ 6 เดือน เพื่อกำจัดฝุ่นที่เกาะกรังอยู่ภายใน ซึ่งจะทำให้แอร์ทำงานได้อย่างเต็มกำลัง

4. ปิดแอร์เมื่อไม่ใช้งาน และไม่ควรปิด ๆ เปิด ๆ แอร์บ่อย ๆ การปล่อยให้แอร์ทำงานยาวนานต่อเนื่อง ย่อมดีกว่าการเปิด ๆ ปิด ๆ แอร์เพราะช่วงการทำงานของแอร์ที่กินไฟที่สุดคือ ช่วงที่เราเริ่มเปิดแอร์ และสตาร์ตมอเตอร์ เพราะฉะนั้นยิ่งเปิดแอร์บ่อย ก็ยิ่งกินไฟมากยิ่งขึ้น

5. ตั้งเวลาปิดแอร์ ช่วยเซฟค่าไฟ การตั้งเวลาปิดแอร์เป็นการควบคุมชั่วโมงการใช้แอร์ที่เหมาะสมที่สุด โดยเฉพาะเวลากลางคืนที่อากาศไม่ได้ร้อนมากจนเกินไป อาจหันไปใช้พัดลมแทน

6. ปิดประตู หน้าต่างในห้องให้สนิท ยิ่งภายในห้องมีช่องให้ลมแอร์เล็ดลอดผ่านไปหรือลมร้อนจากภายนอกผ่านเข้ามามากเท่าไหร่ ก็ยิ่งทำให้แอร์ต้องทำงานหนักเพื่อรักษาอุณหภูมิความเย็นให้คงที่

'หนุ่มเมา' ควงมีดเดินป่วนโรงพยาบาล อ้างมาขอพาราเซตามอล สะท้อน!! ความปลอดภัย 'ชีวิตแพทย์-บุคลากร' น่าห่วง

(24 เม.ย.67) ผู้สื่อข่าวรายงานว่า เจ้าหน้าที่กู้ภัยฉะเชิงเทรา พร้อมด้วย ร.ต.อ.ไกรศักดิ์ เฉยฉิว รอง สวป.สภ.บางปะกง กำลังเจ้าหน้าที่สายตรวจ นำอุปกรณ์ไม้ง่ามเข้าสกัดเหตุความวุ่นวาย หลังมีชายคนหนึ่งเมาพกมีดเข้ามาโรงพยาบาลจุฬารัตน์ 11 หมู่ 1 ตงบางวัว อ.บางปะกง จ.ฉะเชิงเทรา

โดยชายคนดังกล่าว ได้พกมีดเข้ามาโรงพยาบาล แล้วเดินป่วนขึ้นไปถึงชั้น 7 ของตึก ทำให้หมอและพยาบาลที่เข้าเวรอยู่ต้องปิดประตูในห้องที่ทำงานเพื่อความปลอดภัย

ต่อมาเจ้าหน้าที่เวรเปลได้เดินตามหาชายคนดังกล่าว จนมาพบว่าแอบเข้าไปหลับในห้องสังเกตอาการผู้ป่วย โดยวางอาวุธมีดยาว 1 ฟุต ไว้ข้างตัว จึงรีบโทรแจ้งตำรวจ ก่อนที่เจ้าหน้าที่ตำรวจจะบุกเข้าทำการจับกุมชายคนดังกล่าวทันที

จากการตรวจสอบพบว่าชายคนดังกล่าวคือ นายนิกร จันทร์เรือง อายุ 31 ปี อยู่ในอาการมึนเมา และเปิดเสียงสวดมนต์ในมือถือ ก่อนที่ตำรวจจะควบคุมตัวไปที่ สภ.บางปะกง

ด้าน ร.ต.อ.ไกรศักดิ์ กล่าวว่า ก่อนหน้านี้ นายนิกร ขี่รถจักรยานยนต์พาคนเมาที่นอนข้างทางมาส่งที่โรงพัก โดยให้นอนอยู่ที่หน้าโรงพัก แล้วรีบขี่รถจักรยานยนต์ออกไปทันที ซึ่ง นายนิกร บอกว่าตนมีอาการปวดหัวเลยขี่รถไปโรงพยาบาลจุฬารัตน์ 11 เพื่อจะหาหมอเอายาแก้ปวดหัวเท่านั้น แต่จำไม่ได้ว่าต้องไปที่ห้องไหน จึงเดินไปทั่ว ก่อนจะง่วงนอน เลยเดินหาห้องนอนพักผ่อน ส่วนมีดแค่พกไว้ป้องกันตัวเฉย ๆ

มูลนิธิหัวใจบริสุทธิ์ มอบรถเข็นวีลแชร์ แก่สำนักงานจัดหางาน จ.นนทบุรี เติมกำลังใจให้ผู้สูงอายุ ผู้พิการ และผู้ยากไร้

วันที่ 24 เมษายน 2567 นางเธียรรัตน์ นะวะมะวัฒน์ ประธานมูลนิธิหัวใจบริสุทธิ์ พร้อมด้วยทีมงานมวลชนสัมพันธ์ (CSR) กลุ่มไทยสมายล์ ลงพื้นที่มอบรถเข็นวีลแชร์ แก่สำนักงานจัดหางานจังหวัดนนทบุรี และผ้าอ้อมผู้ใหญ่
เพื่อช่วยเหลือผู้สูงอายุ ผู้พิการ และผู้ยากไร้ ที่สำนักงานแรงงาน จังหวัดนนทบุรี ศาลากลางจังหวัด ชั้น 1 (อาคาร 3 ชั้น) ถนนรัตนาธิเบศร์ ตำบลบางกระสอ อำเภอเมืองนนทบุรี จังหวัดนนทบุรี

นางเธียรรัตน์ กล่าวว่า ในวันนี้ดิฉันในนามประธานมูลนิธิหัวใจบริสุทธิ์ ได้ร่วมมือกับ สำนักงานจัดหางานจังหวัดนนทบุรี พร้อมด้วยทีมงานมวลชนสัมพันธ์ (CSR) กลุ่มไทยสมายล์ นำอุปกรณ์เพื่อช่วยเหลือผู้สูงอายุ ผู้พิการและผู้ยากไร้ ประกอบไปด้วย รถเข็นวีลแชร์ และผ้าอ้อมผู้ใหญ่ ซึ่งได้รับการสนับสนุนจาก กลุ่มไทยสมายล์ (รถและเรือโดยสารสาธารณะพลังงานไฟฟ้า) โดยมอบรถเข็นวีลแชร์ แก่สำนักงานจัดหางานจังหวัดนนทบุรี สำหรับอำนวยความสะดวกแก่ประชาชนที่เข้ามาติดต่อใช้บริการที่สำนักงานฯ นอกจากนี้ ยังได้รับการติดต่อประสานงานจาก นางสุนทรี วิลาทอง จัดหางานจังหวัดนนทบุรี ให้นำผ้าอ้อมผู้ใหญ่ มามอบให้กับ นายพรศักดิ์ คงนุช (อายุ 58 ปี) ซึ่งเป็นกลุ่มเปราะบาง มีฐานะยากจน และประสบปัญหาความเดือดร้อนทางสังคม การที่มูลนิธิหัวใจบริสุทธิ์ได้นำอุปกรณ์เพื่อช่วยเหลือผู้สูงอายุ ผู้พิการและผู้ยากไร้ มามอบในครั้งนี้ เพื่อต้องการเป็นส่วนหนึ่งในการช่วยเหลือ บรรเทาความเดือดร้อน มอบกำลังใจ ให้แก่ผู้ป่วย ผู้สูงอายุ ผู้พิการ และผู้ยากไร้ ซึ่งถือเป็นกิจกรรมหนึ่งซึ่งสอดคล้องกับวัตถุประสงค์ของมูลนิธิในด้านการสร้างสาธารณประโยชน์ต่อชุมชน สังคม และที่สำคัญจะเป็นประโยชน์อย่างยิ่งกับผู้สูงอายุ ผู้พิการ และผู้ยากไร้ 

แม่เผยคลิป ‘ลูกน้อย’ ทำ ‘ลาบูบู้’ เล่นเอง เหตุราคาดีดแรงซื้อไม่ได้ ด้านชาวเน็ตเอ็นดู!! ความใสซื่อ-ไม่รู้จักฟุ่มเฟือย-รู้คุณค่าของเงิน

(24 เม.ย. 67) เรียกว่ากระแส ‘ลาบูบู้’ (Labubu) มาแรงแบบทั่วบ้านทั่วเมือง จากที่หายากอยู่แล้ว พอสาว ‘ลิซ่า’ ถือ ก็ยิ่งหายากและราคาพุ่งทยานมากขึ้นไปอีก บางคนพร้อมจ่ายก็ยอมเสียแพงกว่าราคาปกติให้ได้มา แต่บางคนที่ไม่พร้อมก็จำต้องตัดใจ

เช่นเดียวกับคุณแม่ผู้ใช้ติ๊กต็อกรายหนึ่งที่ได้โพสต์คลิปวิดีโอ เป็นภาพ ลาบูบู้ เวอร์ชันตุ๊กตากระดาษทำเองของลูกน้อย

ซึ่งเจ้าของคลิปขึ้นข้อความว่า เมื่อแม่กลับมาเห็นลาบูบู้ของลูก ลูกพูดว่าลาบูบู้ของหนูน่ารักไหม หนูทำเองเพราะมันแพงซื้อไม่ได้ แม่ขอโทษนะ ที่แม่ซื้อให้หนูไม่ได้ พร้อมระบุแคปชันว่า “แม่ขอโทษนะลูก แม่จะพยายามเก็บเงินซื้อให้หนูนะลูก”

หลังคลิปนี้ถูกโพสต์ไปก็มีผู้คนเข้าชมกว่า 6 ล้านครั้ง คนที่ได้เห็นต่างรู้สึกจุกอกกับความใสซื่อของเด็กน้อย ที่รู้ว่า ลาบูบู้ เป็นของเล่นราคาแพงเกินไป จึงเลือกที่จะสร้างความสุขจากสิ่งของใกล้ตัวแทน

จากนั้นก็มีคนเข้ามาเสนอตัวจะซื้อของจริงให้ แต่ทางคุณแม่ก็ปฏิเสธ บอกว่า “ขอบคุณพี่ที่เมตตาน้องนะคะ แต่คุณแม่คิดว่าตอนนี้มันราคาสูงไปค่ะ เราน่าจะรอให้ราคามันลดลงมาปกติได้ค่ะ คุณแม่ไม่อยากรบกวนพวกพี่ ๆ ด้วยค่ะ คุณแม่เกรงใจทุกคนมากค่ะ ขอบคุณพี่ ๆ ทุกคนที่ใจดีมากค่ะ”

ทำเอาหลายคนแห่เข้ามาชมทัศคติที่ดีของทั้งแม่และลูก ลูกก็ไม่ฟุ่มเฟือย รู้จักคุณค่าของเงินตั้งแต่ยังเด็ก ไม่งอแงจะเอาของแพง ส่วนแม่ก็ไม่อยากได้ของคนอื่นทั้งที่ไม่จำเป็น แม้จะมีคนเสนอให้ฟรี สอนให้ลูกรู้จักความเหมาะสม

มูลนิธิป่อเต็กตึ๊ง ซับน้ำตา บรรเทาทุกข์ผู้ประสบอัคคีภัยบริเวณตลาดสดเทศบาลรัตนบุรี อำเภอรัตนบุรี จังหวัดสุรินทร์

วันนี้ (วันพุธที่ 24 เมษายน 2567) มูลนิธิป่อเต็กตึ๊ง นำโดย นายวิชิต ชินวงศ์วรกุล รองประธานกรรมการ พร้อมด้วย นางศิริกุล โอภาสวงศ์ กรรมการและเลขาธิการ  นางจินดา บุญลาภทวีโชค กรรมการตรวจสอบ นายชาญกิจ วิทยาวรากรณ์ กรรมการ และนางศิริพร กระจ่างหล้า ผู้จัดการฝ่ายสังคมสงเคราะห์ นำทีมลงพื้นที่ให้ความช่วยเหลือผู้ประสบอัคคีภัย จำนวน 32 ครอบครัว 81 คน โดยมอบเงินสดคนละ 3,000 บาท พร้อมมอบเครื่องอุปโภคบริโภครายครอบครัว 18 ชุด รายบุคคล 14 ชุด รวมมูลค่าการช่วยเหลือทั้งสิ้น 309,000 บาท (สามแสนเก้าพันบาทถ้วน) โดยมี นายตวงอัฐ บุตรวิชา นายอำเภอรัตนบุรี พร้อมด้วย นายวีระ เทพวงศ์ศิริรัตน์ นายกเทศมนตรีตำบลรัตนบุรี และ คณะมูลนิธิสุรินทร์สามัคคีกุศลสถานสงเคราะห์ (จิบเต็กเซี่ยงตึ๊ง) และ คณะมูลนิธิสุรินทร์ฌาปนกิจสงเคราะห์ (ไต่ฮงกง) ร่วมในพิธี ณ บริเวณตลาดสดเทศบาลรัตนบุรี อำเภอรัตนบุรี จังหวัดสุรินทร์

ตลอดระยะเวลากว่า 114 ปี มูลนิธิป่อเต็กตึ๊ง ได้ขยายขอบข่ายโครงการต่าง ๆ ออกไปอย่างกว้างขวาง ไม่เพียงแต่บำบัดทุกข์ บำรุงสุข แก่ผู้ตกทุกข์ได้ยากโดยไม่จำกัดเชื้อชาติ  ศาสนา  เท่านั้น แต่ยังได้พัฒนาคุณภาพชีวิตอีกในหลาย ๆ ทาง เพื่อเป็นองค์กรสาธารณกุศลที่ช่วยเหลือประชาชนครบวงจรในทุกๆ ด้าน ดังปณิธาน มูลนิธิป่อเต็กตึ๊ง ช่วยชีวิต รักษาชีวิต สร้างชีวิต ต่อไป

ติดตามข่าวสาร และกิจกรรมงานสาธารณกุศลมูลนิธิป่อเต็กตึ๊งได้ที่ เว็บไซต์ www.pohtecktung.org และ เฟซบุ๊ก แฟนเพจ www.facebook.com/atpohtecktung

มูลนิธิป่อเต็กตึ๊ง ช่วยชีวิต รักษาชีวิต สร้างชีวิต”
#แอปพลิเคชัน และ #สายด่วนป่อเต็กตึ๊ง1418
#ช่วยจริงอุ่นใจแม้ในนาทีฉุกเฉิน

“พล.ต.อ.กิตติ์รัฐฯ” ให้กำลังใจเยาวชนในการแข่งขันกีฬานักเรียนโรงเรียนตำรวจตระเวนชายแดน ครั้งที่ 10 "สองเล เกมส์" ซึ่งมีนักเรียนกว่าพันคนทั่วประเทศร่วมแข่งขัน

วันนี้ (24 เมษายน 2567) เวลา 11.00 น. พล.ต.อ.กิตติ์รัฐ พันธุ์เพ็ชร์ รองผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ รักษาราชการแทนผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ (รอง ผบ.ตร.รรท.ผบ.ตร.) เดินทางไปให้กำลังใจนักเรียนระดับประถมศึกษาสังกัดโรงเรียนตำรวจตระเวนชายแดน ในการแข่งขันกีฬานักเรียนโรงเรียนตำรวจตระเวนชายแดน ครั้งที่ 10 ประจำปี 2567 ชิงถ้วยพระพระราชทานสมเด็จพระกนิษฐาธิราชเจ้า กรมสมเด็จพระเทพรัตนราชสุดาฯ สยามบรมราชกุมารี “สองเลเกมส์” ที่สนามกีฬาราชนิเวศน์กรีฑาสถาน กองกำกับการ 1 กองบังคับการฝึกพิเศษ (ค่ายพระรามหก) กองบัญชาการตำรวจตระเวนชายแดน อ.ชะอำ จ.เพชรบุรี โดยมี พล.ต.ท.ยงเกียรติ มนปราณีต ผู้บัญชาการตำรวจตระเวนชายแดน พร้อมคณะ ร่วมต้อนรับอย่างอบอุ่น สำหรับการแข่งขันในครั้งนี้ มีกองบังคับการตำรวจตระเวนชายแดนภาค 4 เป็นเจ้าภาพจัดการแข่งขัน จัดขึ้นระหว่างวันที่ 22-25 เมษายนนี้ โดยมีนักเรียนโรงเรียนตำรวจตระเวนชายแดน 1,400 คนทั่วประเทศร่วมการแข่งขัน

พล.ต.อ.กิตติ์รัฐฯ ได้ขอบคุณและชื่นชมกรมพลศึกษาและกองบัญชาการตำรวจตระเวนชายแดน ที่ได้ร่วมกันจัดการแข่งขันกีฬาในครั้งนี้ เพื่อเสริมสร้างประสบการณ์ใหม่ให้กับน้องๆ นักเรียนโรงเรียนตำรวจตระเวนชายแดนจากทั่วประเทศ ในโอกาสนี้ พล.ต.อ.กิตติ์รัฐฯ ได้มอบเหรียญรางวัลให้แก่นักกีฬาที่ชนะการแข่งขันกรีฑา รุ่นอายุไม่เกิน 14 ปี ด้วย


© Copyright 2021, All rights reserved. THE STATES TIMES
Take Me Top