Tuesday, 1 July 2025
NEWS

‘ฮุน มาเนต’ ขู่ฟ่อ ‘กัมพูชา’ เหมือนงูนอนนิ่งแต่พร้อมกัด ส่งคำเตือนถึงไทย ลั่นมีมาตรการอีกเพียบที่ยังไม่ใช้

(23 มิ.ย. 68) ฮุน มาเนต นายกรัฐมนตรีกัมพูชา กล่าวในการประชุมใหญ่สหพันธ์เยาวชนแห่งชาติกัมพูชาเมื่อ 23 มิ.ย. ว่า ท่าทีของกัมพูชาต่อความตึงเครียดชายแดนกับไทยนั้น “เหมือนงู” ซึ่งปกตินิ่งเงียบ แต่หากถูกรุกรานก็พร้อมตอบโต้รุนแรงทันที เพื่อปกป้องอธิปไตยและศักดิ์ศรีของชาติ

บุตรชายคนโตจากจำนวนบุตร 5 คนของ ฮุน เซน อดีตนายกรัฐมนตรีกัมพูชา ย้ำว่ากัมพูชาไม่ใช่ฝ่ายเริ่มความขัดแย้ง แต่พร้อมใช้มาตรการตอบโต้ทุกเมื่อ โดยยกตัวอย่างกรณีไทยปรับเวลาเปิด-ปิดด่านชายแดนฝ่ายเดียว กัมพูชาก็ปรับตามทันทีเพื่อแสดงจุดยืน ไม่ยอมอยู่ในสถานะฝ่ายเสียเปรียบ และเพื่อให้ฝ่ายไทยรู้สึกถึงแรงสะท้อนกลับ

ในประเด็นการขู่ตัดไฟและอินเทอร์เน็ตจากไทย ฮุน มาเนต ระบุว่าได้สั่งให้หน่วยงานกัมพูชาตัดการพึ่งพาทันที เปลี่ยนไปใช้แหล่งพลังงานภายในประเทศเพื่อไม่ให้ประชาชนเดือดร้อน พร้อมกล่าวว่า ความเคลื่อนไหวเหล่านี้เป็นการตอบโต้ ไม่ใช่การยั่วยุ

ส่วนข้อพิพาทบริเวณปราสาทตาเมือนธม และสามเหลี่ยมมรกต รัฐบาลกัมพูชาตัดสินใจนำเรื่องเข้าสู่ศาลโลก โดยไม่ผ่านกลไกทวิภาคี JBC และไม่แจ้งฝ่ายไทยล่วงหน้า ถือเป็นการเดินเกมรุกที่สะท้อนความเด็ดขาดของผู้นำ

ฮุน มาเนต ย้ำว่าทุกมาตรการของกัมพูชาเป็นผลจากการวิเคราะห์อย่างรอบคอบ ไม่ใช่การตัดสินใจแบบใช้อารมณ์ พร้อมส่งสารถึงไทยว่า หากยังเดินเกมกดดัน กัมพูชาก็พร้อมโต้กลับอย่างเต็มรูปแบบ และยังมี “ทางเลือกอีกมาก” ที่ยังไม่ถูกเปิดใช้

โฆษกฮุนเซน หยามไทยไม่กล้ายอมรับความพ่ายแพ้ ชี้ไทยจองหอง-ดื้อดึง จะยิ่งเจ็บทั้งเศรษฐกิจและการเมือง

(23 มิ.ย. 68) เพ็ญ โบนา โฆษกรัฐบาลกัมพูชา ออกแถลงการณ์อย่างแข็งกร้าวผ่านสื่อสังคมออนไลน์ ตอบโต้ความตึงเครียดบริเวณชายแดนไทย-กัมพูชา โดยระบุว่าไทยเป็นฝ่ายเริ่มกดดันก่อน ทั้งปิดชายแดนฝ่ายเดียวและขู่ตัดการเชื่อมต่อด้านพลังงานและเศรษฐกิจ จนทำให้กัมพูชาต้องตอบโต้กลับอย่างจริงจัง

โฆษกกัมพูชา เปิดเผยว่า กองทัพไทยและนักการเมืองบางกลุ่ม รวมถึงฝ่ายหัวรุนแรง มีทัศนคติล้าหลัง มองกัมพูชาอย่างดูแคลน คิดว่าประเทศเพื่อนบ้านยังพึ่งพาไทยเหมือนในอดีต ทั้งที่ปัจจุบันกัมพูชาแข็งแกร่งขึ้นและไม่ยอมถูกกดดันอีกต่อไป

หนึ่งในมาตรการตอบโต้ที่ถูกนำมาใช้คือ การระงับการนำเข้าน้ำมันและก๊าซจากไทย ซึ่งโฆษกระบุว่าไทยเริ่มรู้แล้วว่าแรงกดดันไม่ได้ผล และกัมพูชาคือฝ่ายที่เคลื่อนไหวก่อนด้วยซ้ำ ทำให้ความเสียหายที่เกิดขึ้นกลับย้อนคืนสู่ไทยเอง

เพ็ญ โบนา ยังเผยอีกว่าไทยพยายามติดต่อผู้นำกัมพูชาทั้งฮุน มาเน็ต และฮุน เซน เพื่อเจรจาอย่างลับ ๆ แต่กัมพูชาไม่หลงกล เพราะมองว่าเป็นเพียงกลยุทธ์ทางการทูตที่แฝงเจตนาอย่างไม่จริงใจ ภายใต้ฉากหน้าว่าเป็นมิตร

ทั้งนี้  โฆษกรัฐบาลกัมพูชายืนยันไม่ต้องการความขัดแย้ง แต่จะไม่ยอมถูกมองข้ามอีกต่อไป พร้อมเตือนว่าหากไทยยังยึดถือความหยิ่งผยอง สถานการณ์จะยิ่งเลวร้ายลง ทั้งเศรษฐกิจ การเมือง และความรู้สึกของประชาชนภายในประเทศเอง

เป้าหมายของนายทุนคือ ต้องเขี่ยพีระพันธุ์

(23 มิ.ย.68) เพจเฟซบุ๊ก ‘Roytu NP’ ได้โพสต์ข้อความว่า...

เกมครั้งนี้ลึกกว่าที่คิด

สังคมรับรู้แล้วว่าเงาดำที่คอยกำกับการแสดงอยู่ข้างหลังการเคลื่อนไหวของกลุ่มกบฏในพรรครวมไทยสร้างชาติคือทุนพลังงานที่กำลังจะเสียผลประโยชน์จากการทำงานของพีระพันธุ์ 

เป้าหมายของนายทุนคือ ต้องเขี่ยพีระพันธุ์ ออกไปให้พ้นเส้นทางกระทรวงพลังงานให้ได้ ถ้ากลุ่มกบฏทำสำเร็จก็จะได้รับผลตอบแทนคือตำแหน่งเจ้ากระทรวงและอื่นๆที่แต่ละคนปรารถนา

เริ่มแรกทุกคนมั่นใจในพลังเงินและคอนเนคชั่นของนายทุนว่าปึ้กมาก 

มาถึงวันนี้สิ่งที่เกิดขึ้นกลับไม่เป็นเช่นนั้น พีระพันธุ์ยังคุมกระทรวงพลังงานได้เหมือนเดิม แต่พวกตัวเองกลับไม่ได้อะไรเพิ่มเติม จนต้องออกมาโวยวายขอโควตารัฐมนตรีในฝั่งตนเองเพิ่ม

คำถามคือ 
ทุนพลังงานที่ว่าแน่ทำไมยังพ่ายแพ้ต่อพีระพันธุ์ ? 

ทำไมถึงยังเขี่ยพีระพันธุ์ออกไปจากกระทรวงพลังงานไม่ได้ ? 

หรือเบื้องหลังพีระพันธุ์มีใครเป็นแบ็คให้สู้กับนายทุนต่อไป ? 

และหรือนี่คือลางร้ายของเสือนอนกินว่าถึงเวลาแล้วที่จะต้องโดนสะสาง !?

นับจากนี้ไปให้ดูจำนวนสมาชิกของกลุ่มกบฏว่าจะเพิ่มขึ้น เท่าเดิม หรือว่าลดลง เพราะเกมมันได้ออกมาหน้านี้แล้ว 

การนัดกินข้าวกับนายทุนเย็นวันนี้ก็บวก ลบ คูณ หาร ให้ดีว่าจะไปต่อหรือพอแค่นี้ ถ้าจะไปต่อก็ขออย่าให้โดนหลอกใช้ก็แล้วกัน

สำนักงานตำรวจแห่งชาติ ระดมกวาดล้างอาชญากรรมเกี่ยวกับอาวุธปืน เครื่องกระสุนปืน และสืบสวนจับกุมบุคคลตามหมายจับ วันที่ 14 -20 มิถุนายน 2568 ภายใต้แผนยุทธการ “ปิดเมือง สยบโจร โค่นอิทธิพล”

(23 มิ.ย. 68) เวลา 13.00 น. พล.ต.อ.กิตติ์รัฐ พันธุ์เพ็ชร์ ผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ (ผบ.ตร.) เป็นประธานการแถลงผลการระดมกวาดล้างอาชญากรรมในภาพรวมของสำนักงานตำรวจแห่งชาติ ภายใต้แผนยุทธการ “ปิดเมือง สยบโจร โค่นอิทธิพล” ระหว่างวันที่ 14 – 20 มิถุนายน 2568 (รวม 7 วัน) โดยมี พล.ต.อ.ธนา ชูวงศ์ รอง ผบ.ตร. , พล.ต.อ.ธนายุตม์ วุฒิจรัสธำรงค์ ที่ปรึกษาพิเศษ ตร. , พล.ต.อ.อัคราเดช พิมลศรี ที่ปรึกษาพิเศษ ตร. , พล.ต.ท.ณพวัฒน์ อารยางกูร ผู้ช่วย ผบ.ตร. , พล.ต.ท.กฤษฎา สุรเชษฐพงษ์ ผู้ช่วย ผบ.ตร. , พล.ต.ท.สมประสงค์ เย็นท้วม ผู้ช่วย ผบ.ตร. ร่วมแถลง ณ ห้องศรียานนท์ อาคาร 1 สำนักงานตำรวจแห่งชาติ

ผบ.ตร. กล่าวว่า ในห้วงเวลาที่ผ่านมาเกิดอาชญากรรม โดยผู้ก่อเหตุมักใช้อาวุธปืนในการก่อเหตุ และมีแนวโน้มสูงขึ้น จึงได้สั่งการให้กองบัญชาการตำรวจนครบาล , ตำรวจภูธรภาค 1 - 9 , กองบัญชาการตำรวจสอบสวนกลาง , กองบัญชาการตำรวจปราบปรามยาเสพติด , สำนักงานตรวจคนเข้าเมือง , กองบัญชาการตำรวจตระเวนชายแดน , กองบัญชาการตำรวจสืบสวนสอบสวนอาชญากรรมทางเทคโนโลยี และ กองบัญชาการตำรวจท่องเที่ยว ระดมกวาดล้างอาชญากรรมในห้วงระหว่างวันที่ 14 -20 มิถุนายน 2568 เพื่อเป็นการป้องกันปราบปรามอาชญากรรมที่จะมีผลกระทบต่อการดำรงชีวิตของพี่น้องประชาชน โดยมีเป้าหมายหลักคือการปราบปรามการกระทำความผิดเกี่ยวกับอาวุธปืน เครื่องกระสุนปืน และวัตถุระเบิด และการติดตามจับกุมบุคคลตามหมายจับที่ยังหลบหนี โดยมอบหมายให้ พล.ต.อ.ธนายุตม์ วุฒิจรัสธำรงค์ ที่ปรึกษาพิเศษ ตร. เป็นผู้ควบคุมสั่งการ

การปฏิบัติการในครั้งนี้มีขึ้นในห้วงวันที่ 14 – 20 มิถุนายน 2568 (รวม 7 วัน) ภายใต้แผนยุทธการ “ปิดเมือง สยบโจร โค่นอิทธิพล” โดยยึดหลักการ “เชิงรุก จริงจัง และต่อเนื่อง” เพื่อสร้างความเชื่อมั่นและความปลอดภัยให้กับพี่น้องประชาชน โดยมีผลปฏิบัติในภาพรวม ดังนี้ 

1. จับกุมผู้กระทำความผิดเกี่ยวกับอาวุธปืน เครื่องกระสุนปืน และวัตถุระเบิด : จำนวน 4,590 คดี ผู้ต้องหา 3,686 คน แบ่งเป็น

1.1 ความผิดเกี่ยวกับอาวุธปืนทั่วไป (On Ground) : ตรวจยึดอาวุธปืน จำนวน 4,422 กระบอก , เครื่องกระสุนปืน จำนวน 26,490 นัด , วัตถุระเบิด จำนวน 606 ลูก แบ่งเป็น วัตถุระเบิดแบบมาตรฐาน จำนวน 37 ลูก , วัตถุระเบิดแสวงเครื่อง/ประกอบเอง ได้แก่ ระเบิดปิงปอง ระเบิดไปท์บอม จำนวน 569 ลูก

1.2 ความผิดเกี่ยวกับอาวุธปืนทางออนไลน์ (Online) : ตรวจยึดอาวุธปืน จำนวน 165 กระบอก , เครื่องกระสุนปืน จำนวน 9,184 นัด , วัตถุระเบิด จำนวน 5 ลูก แบ่งเป็น วัตถุระเบิดแบบมาตรฐาน จำนวน 3 ลูก , วัตถุระเบิดแสวงเครื่อง/ประกอบเอง ได้แก่ ระเบิดปิงปอง ระเบิดไปท์บอม จำนวน 2 ลูก

2. จับกุมบุคคลตามหมายจับ : จับกุมบุคคลกระทำความผิดตามหมายจับค้างเก่า (ตั้งแต่วันที่ 1 ตุลาคม 2547 ถึง 30 กันยายน 2567) , หมายใหม่ (ตั้งแต่วันที่ 1 ตุลาคม 2567 ถึงปัจจุบัน) และหมายจับศาล (คดีอาญา) รวมทั้งสิ้น 13,962 หมาย ผู้ต้องหา จำนวน 9,951 คน
 
นอกจากนี้ ผบ.ตร. กล่าวว่า การดำเนินการดังกล่าวเป็นไปตามนโยบายรัฐบาลในการขับเคลื่อนประเทศ บังคับใช้กฎหมาย ความมั่นคงภายในและความสงบเรียบร้อยของประเทศ โดยสำนักงานตำรวจแห่งชาติจะบังคับใช้กฎหมายต่อภัยคุกคามในทุกรูปแบบ พร้อมเร่งรัดการดำเนินคดีกับผู้กระทำผิดตามกระบวนการยุติธรรมอย่างเด็ดขาด จริงจัง ซึ่งได้กำชับให้ทุกหน่วยดำเนินการตามกฎหมายและยุทธวิธี เพื่อสร้างความเชื่อมั่นให้กับพี่น้องประชาชน

การปฏิบัติการในครั้งนี้ สำนักงานตำรวจแห่งชาติขอขอบคุณทุกภาคส่วนและพี่น้องประชาชนที่ให้ความร่วมมือเป็นอย่างดี สำนักงานตำรวจแห่งชาติจะมุ่งมั่นทำงาน โดยจะป้องกัน ปราบปราม สืบสวนจับกุมอาชญากรรมในทุกรูปแบบอย่างต่อเนื่อง เพื่อให้ประชาชนเชื่อมั่นศรัทธาและมีความปลอดภัยในชีวิตและทรัพย์สิน และขอฝากประชาสัมพันธ์กับพี่น้องประชาชน หากมีเบาะแส เรื่องร้องเรียนเกี่ยวกับคดีอาชญากรรมหรือเรื่องอื่นๆ สามารถแจ้งได้ที่สายด่วน 191 หรือสายด่วน 1599 ได้ตลอด 24 ชั่วโมง

‘คัน นากามูระ’ นักสู้ญี่ปุ่นสุดห้าว ประกาศท้าทาย ‘บอสชาตรี’ ลั่นจะขอไล่เก็บซุปตาร์ ONE ทุกคน

(22 มิ.ย. 68) คัน นากามูระ นักชกญี่ปุ่นจากรายการ RISE ประกาศพร้อมไล่ล่าเก็บชัยเหนือนักมวยใน ONE ทั้งหมด หากเขาสามารถคว้าแชมป์มาครองได้

โดย คัน นากามูระ  นักคิกบ็อกซิ่ง ชาวญี่ปุ่น ที่เพิ่งชนะน็อกยก 4 เหนือ ยูกิ คาซาฮาร่า ในศึก RISE WORLD SERIES YOKOHAMA 2025 ได้ประกาศแแบบสุดเดือดถึง ชาตรี ศิษย์ยอดธง ซีอีโอ วัน แชมเปียนชิพ พร้อมไล่เก็บนักสู้ตัวท็อปให้หมด

ก่อนหน้านี้ "บอสชาตรี" เคยบอกเอาไว้ว่าอยากให้ เพชรพนมรุ้ง เกียรติหมู่ 9 เข้ามาแข่งขันในวัน แชมเปียนชิพ ถ้าหมดสัญญาจาก GLORY หากอยากพิสูจน์ตัวเอง เนื่องจากในรายการดังกล่าวคู่ชกส่วนใหญ่ในรุ่นเฟเธอร์เวต ยังไม่เก่งเท่าที่ควร

"ชาตรี ศิษย์ยอดธง จาก ONE พูดจาไร้สาระมาตลอด เมื่อผมกลายเป็นแชมป์โลกแล้ว ผมจะไปไล่ล่านักสู้ชั้นนำของ ONE ทั้งหมดและทำลายพวกเขาให้สิ้นซาก เมื่อผมเอาชนะนักสู้หลักของพวกเขาได้หมด ผมจะกลายเป็นนักสู้ที่ดีที่สุดในโลก”

ทั้งนี้ต้องรอดูว่า คัน นากามูระ มีโอกาสจะมาชกในวัน แชมเปียนชิพ หรือไม่ หลังช่วงที่ผ่านมามีนักชกญี่ปุ่นฝีมือดีหลายคนข้ามฟากจาก K1 และ RISE ย้ายเข้ามาชกที่ ONE เป็นจำนวนมาก

‘ขี้คุกเขียนรูป’ เผยจุดเปลี่ยนให้หันตอบแทนสังคม เพียงสบสายตาและเสียงขอบคุณของเด็กที่ไร้เดียงสา

(22 มิ.ย. 68) นายวรรณวัฒน์ หาญรุ่งเรืองกิจ เจ้าของเพจเฟซบุ๊ก ‘ขี้คุกเขียนรูป’ โพสต์ข้อความว่า ...

เด็กคนนี้‼️ที่เปลี่ยนความคิดผม ให้หันกลับมามองสังคม

เรื่องมีอยู่ว่าวันนั้นผมได้รับเชิญไปเป็นวิทยากรและไปร่วมทำกิจกรรมกับเด็กที่ต่างจังหวัดซึ่งเป็นเด็กด้อยโอกาส และในกิจกรรมก็จะมีการแจกทุนการศึกษาเด็กรวมถึงสิ่งของอุปกรณ์กีฬาให้กับเด็กโรงเรียนนี้ และเด็กคนนี้แหละที่เปลี่ยนความคิดผมให้หันกลับมาช่วยเหลือสังคม วันนั้นได้มอบทุนการศึกษาให้เด็กคนนี้จำนวน 500 บาท

สิ่งที่ที่สำคัญมันไม่ใช่เงินในซองสีขาว  แต่เป็นสายตาและเสียงขอบคุณของเด็กที่ไร้เดียงสาหันมาสบตาผมแล้วขอบคุณด้วยใจที่บริสุทธิ์ของเด็ก 

มันเลยทำให้เราคิดว่ายังมีเด็กที่ด้อยโอกาสอีกมากในประเทศไทย  เมื่อวันไหนที่เรามีแล้ว เราจะหัน ช่วยเหลือเด็กเหล่านี้บ้าง อย่างน้อยๆ ก็ให้เขาได้มีชีวิตที่ดีขึ้นบ้างแค่นั้น

เปิดปูม ‘สหรัฐฯ’ เป็นไม้เบื่อไม้เมากับ ‘อิหร่าน’ เหตุเพราะไม่ยอมอยู่ใต้อาณัติอย่างที่เคยเป็น

(22 มิ.ย. 68) วินทร์ เลียววาริณ ศิลปินแห่งชาติ สาขาวรรณศิลป์ ประจำปี พ.ศ. 2556 และเป็นนักเขียนที่ได้รับ รางวัลซีไรต์ โพสต์เฟซบุ๊ก ว่า เรื่องตลกเรื่องหนึ่งของเหตุการณ์สหรัฐฯโจมตีอิหร่านในครั้งนี้คือ Ted Cruz วุฒิสมาชิกที่กระหายสงครามและยุให้รบ ยังไม่รู้เลยว่าอิหร่านมีพลเมืองเท่าไร มีเชื้อชาติใดบ้าง รู้แต่ว่าต้องทำลายประเทศนี้ให้ราบ 

การที่ Ted Cruz ผู้เคยลงสมัครเป็นประธานาธิบดีไม่รู้เรื่องการเมืองโลก เป็นเรื่องน่ากังวลใจ พอๆ กับรัฐมนตรีกลาโหมไม่รู้ว่าโลกมีประเทศกลุ่มอาเซียน

ชาวตะวันตกจำนวนมากไม่รู้จักอิหร่านเลย ยังคิดว่าอิหร่านเป็นพวกอาหรับ และอาหรับเป็นพวกเลวร้าย ความจริงอิหร่านไม่ใช่อาหรับ ตุรกีก็ไม่ใช่อาหรับ

อิหร่านคือพวกเปอร์เซีย ใช้ภาษาฟาร์ซี เปอร์เซียเป็นอาณาจักรเก่าแก่ของโลก พังไปเพราะพวกมองโกล 

เปอร์เซียเป็นศูนย์กลางวิทยาการของโลกในอดีต ศาสตร์ต่างๆ ที่มีคำว่า 'อัล' คิดค้นโดยพวกเปอร์เซีย เช่น อัลกอริทึม พีชคณิต (Algebra) เป็นต้น

ดีที่อยู่ไกลนะ ไม่งั้นคงโดนบางประเทศเคลมไปแล้ว

เปอร์เซียส่งอิทธิพลไปทั่วโลกในอดีต ลัทธิเม้งก้าแห่ง ดาบมังกรหยก ก็มาจากเปอร์เซีย

ชาวเปอร์เซียที่อพยพมาอยู่สยามตั้งแต่สมัยอยุธยา เช่น เฉกอะหมัด เป็นข้าราชการระดับสูงของไทย

ชาวเปอร์เซียก็คือต้นตระกูลบุนนาค บุรานนท์ ศุภมิตร ศรีเพ็ญ เป็นต้น

อเมริกันมีภาพลบกับพวกอิหร่านเพราะเหตุการณ์อิหร่านจับชาวเมริกัน 66 คนเป็นตัวประกันในปี 1979 หลังจากเกิดปฏิวัติอิหร่านในปีนั้น ราชวงศ์ปาลาวีถูกโค่น ชาห์เรซา ปาลาวีหนีไปสหรัฐฯ เปลี่ยนชื่อประเทศเป็นสาธารณรัฐอิสลามแห่งอิหร่าน

ในช่วงสงครามโลกครั้งที่สอง อังกฤษยึดครองอิหร่าน ปลดชาห์ นายกฯคือ Mohammad Mosaddegh อนุญาตให้บริษัทน้ำมันของอังกฤษเข้าไปหาผลประโยชน์ เขาปกครองจนปี 1953 ก็ถูกสหรัฐฯและอังกฤษล้มผ่านการรัฐประหาร เพราะ Mohammad Mosaddegh ไม่ยอมตะวันตกบางเรื่อง

สหรัฐฯตั้งชาห์ปาลาวีขึ้นมาครองอำนาจ เพราะโปรตะวันตก ตอนนั้นเองบริษัทน้ำมันสหรัฐฯก็เข้าไปในอิหร่าน อิหร่านเป็นประเทศที่ทันสมัยแบบตะวันตก จนเมื่อชาห์เรซา ปาลาวี ถูกโค่น ตั้งแต่นั้นมา สหรัฐฯก็เป็นศัตรูกับอิหร่านอย่างเปิดเผย

เหตุการณ์อิหร่านจับชาวเมริกัน 66 คนเป็นตัวประกันถูกสร้างเป็นหนังเรื่อง Argo ยิ่งตอกย้ำภาพอิหร่านเป็นคนเลวร้าย (หนังได้รับรางวัลภาพยนตร์ยอดเยี่ยมออสการ์)

เล่ากันว่าก่อนการเลือกตั้งประธานาธิบดีสหรัฐฯปี 1980 รอนัลด์ เรแกน ส่งคนไปเจรจากับฝ่ายอิหร่านลับๆ ให้ปล่อยตัวประกัน ทำให้เขาชนะ จิมมี คาร์เตอร์ แต่เหตุการณ์นี้ไม่มีใครยอมรับว่าจริง

เล่ามาทั้งหมดนี้ก็เพื่อให้รู้ว่า เวลาอ่านเหตุการณ์ใดๆ ต้องรู้ประวัติศาสตร์ด้วย
เพราะที่สำคัญกว่า 'what' คือ 'why'

‘อั้ม อธิชาติ’ เดินทางให้กำลังใจถึงฐานทหารสุรินทร์ พร้อมจัดโซลาร์เซลล์ - ยารักษาโรค - สิ่งของจำเป็นเพียบ

(22 มิ.ย. 68) อั้ม อธิชาติ ชุมมานนท์ นักแสดงชื่อดัง ได้เดินทางไปมอบอุปกรณ์ช่วยเหลือทหารในพื้นที่จังหวัดสุรินทร์ โดยเพจข่าวทหารระบุว่า "น้องจัดให้พี่ตลอด!" เสียงชื่นชมจากใจทหารผู้พิทักษ์ อั้ม อธิชาติ บุคคลที่คอยประสานงานและส่งมอบความช่วยเหลือไม่ขาดสาย ล่าสุดได้ส่งตรงโซลาร์เซลล์ อุปกรณ์สำคัญสำหรับผลิตกระแสไฟฟ้า รวมถึงยารักษาโรคและสิ่งของจำเป็นอีกมากมาย ถึงฐานปฏิบัติการของทหารในพื้นที่จังหวัดสุรินทร์ เพื่อสนับสนุนการปฏิบัติภารกิจและดูแลความเป็นอยู่ของกำลังพลอย่างต่อเนื่อง

การส่งมอบครั้งนี้ อั้ม อธิชาติคำนึงถึงความสะดวกและปลอดภัย โดยนำสิ่งของไปส่งมอบถึงที่ฐานโดยตรง ตอกย้ำความมุ่งมั่นในการเป็นส่วนหนึ่งของการดูแลทหารหาญผู้เสียสละเพื่อชาติ การช่วยเหลือดังกล่าวสะท้อนถึงน้ำใจและความห่วงใยที่ภาคประชาชนมีต่อเจ้าหน้าที่ผู้ปฏิบัติงานในพื้นที่ห่างไกล

‘ฮุน มาเนต’ นายกฯ กัมพูชา สั่งปิด 2 ด่านชายแดน ตอบโต้ ‘กองทัพภาค 2’ ปิดจุดผ่อนปรน ‘ช่องสายตะกู’ บุรีรัมย์

(22 มิ.ย.68)  เมื่อเวลา 07.00 น. ‘ฮุน มาเนต’ นายกรัฐมนตรีกัมพูชา โพสต์เฟซบุ๊กว่า “เมื่อคืนที่ผ่านมา (วันที่ 21 มิถุนายน) ท่านผู้ว่าราชการจังหวัด Oddar Meanchey ได้รายงานให้ผมทราบว่า ทหารภาค 2 ของกองทัพไทย เพิ่งออกหนังสือแจ้งว่า ทางฝั่งไทยจะปิดประตู Say Taku-Jobkkir ในเขต Banteay Ompil, Oddar Mean จังหวัดเชย ตั้งแต่วันนี้เป็นต้นไป

อนุมัติให้ ท่านผู้ว่าฯ ปิดประตูนี้ในกัมพูชาถาวร  นอกจากประตูนี้แล้ว ผมสั่งให้ท่านผู้ว่าฯ ปิดประตูอีกประตูหนึ่ง ประตูชายแดนดํา อ.อันหลงเวง จ.อุดรมีชัย ตั้งแต่วันนี้เป็นต้นไป และแจ้งทางฝั่งไทยด้วย

ตั้งแต่วันที่ 7 มิถุนายน 2025 กองทัพไทยได้ใช้มาตรการปิดชายแดนและปรับเปลี่ยนเวลาปิด-เปิดประตูชายแดนระหว่างสองประเทศ โดยไม่คิดถึงผลกระทบต่อการเดินทางของประชาชนทั้ง 2 ประเทศ

กัมพูชาไม่เคยมีเจตนาที่จะสร้างความลําบากแก่ประชาชนของทั้งสองประเทศที่อาศัยอยู่ใน หรือเดินทางผ่านประตูชายแดน แต่กองทัพไทยยังใช้วิธีนี้โทษกัมพูชา เขมรกับเราอยู่เสมอ

เป็นเรื่องแปลกที่ผู้นําการเมืองไทย รวมถึงนายกรัฐมนตรีไทย มักจะขอเจรจาเปิดขอบเขต เพื่อคืนความปกติ แต่ในขณะเดียวกัน กองทัพไทยยังคงปิดประตู หรือปรับเวลาปิดประตู ตามที่ตนต้องการเป็นฝ่ายเดียว

ไม่รู้ว่าเป็นวิธีการหรือกลยุทธ์ในการทํางานระหว่างรัฐบาลไทยกับกองทัพไทย เพราะดูเหมือนจะไม่มีข้อตกลงภายในและหลักการที่ชัดเจน คนหนึ่งขอให้การเจรจาต่อรองทวิภาคีเพื่อเปิดประตูสู่ความปกติอีกครั้ง ในขณะที่อีกคนยังคงปิดประตูอย่างเดียว

สําหรับกัมพูชา เราได้รับการสนับสนุนจากผู้นําประเทศสู่กองทัพแนวหน้า ถ้านายกฯ สั่งอะไรมา ทุกสถาบันชาติและชาติ รวมทั้งกองทัพบก ให้ใช้คําสั่งนั้นเป็นสำคัญ

เกี่ยวกับการเปิดประตูชายแดนระหว่างกัมพูชาและประเทศไทย ขอย้ำว่ากัมพูชายังคงจุดยืนเดิมว่า ไม่จําเป็นต้องเจรจาต่อรองทวิภาคีในการเปิดชายแดนระหว่างสองประเทศ

ถ้าฝั่งไทยต้องการเปิดประตูสู่ความปกติจริงๆ ก็ทําได้ง่ายและรวดเร็ว กองทัพไทย ที่ปิดประตูทางเดียวเป็นคนแรก ต้องเปิดประตูทางเดียวอีกครั้ง เพราะก่อนวันที่ 7 มิถุนายน 2025 กัมพูชาจะเปิดให้บริการอีกครั้งในอีก 5 ชั่วโมง นี่เป็นวิธีแก้ปัญหาที่ง่ายมาก โดยไม่ต้องต่อรองหรือเสียเวลา ต้องการเพียงจุดยืนของความต้องการจากฝั่งไทย“

บุรีรัมย์ ด่วน สั่งปิดด่านช่องสายตะกู ตำบลจันทบเพชร อำเภอบ้านกรวด จังหวัดบุรีรัมย์ 

(21 มิ.ย. 68) ผู้สื่อข่าวรายงานว่า พลโท บุญสิน พาดกลาง แม่ทัพภาคที่ 2 เซ็นหนังสือคำสั่ง ว่าด้วยเรื่องอนุมัติปิดจุดผ่อนปรนการค้าช่องสายตะกู ตำบลจันทบเพชร อำเภอบ้านกรวด จังหวัดบุรีรัมย์ จากคำสั่งกองทัพภาคที่ 2 ว่าด้วยเรื่องอนุมัติปิดจุดผ่อนปรนการค้าช่องสายตะกู ตำบลจันทบเพชร อำเภอบ้านกรวด จังหวัดบุรีรัมย์ โดยระบุว่า

ตามคำสั่งกองทัพบก (เฉพาะ) ที่ 806 /2568  เรื่องการควบคุม การเปิด - ปิดจุดผ่านแดนทุกประเภทตามแนวชายแดนไทย - กัมพูชา เพื่อความปลอดภัยของประชาชน ให้กองทัพภาคที่2

โดยกองกำลังสุรนารี มีอำนาจการควบคุมการเปิด - ปิดจุดผ่านแดนทุกประเภทตามแนวชายแดน ไทย - กัมพูชา ในพื้นที่รับผิดชอบ ของกองกำลังสุรนารี วิธีการและเงื่อนไขหรือเงื่อนเวลา ที่จำเป็นเหมาะสม ในพื้นที่รับผิดชอบของกองกำลังสุรนารี

เพื่อปกป้องอธิปไตยและบูรณาภาพแห่งดินแดนของประเทศไทย การรักษาความปลอดภัยในชีวิตและทรัพย์สินของประชาชนชาวไทย พร้อมทั้งให้เกิดความเหมาะสมต่อการปฏิบัติภารกิจในพื้นที่ชายแดนและความมั่นคงของประเทศไทย

กองทัพภาคที่ 2 จึงอนุมัติให้ปิดจุดผ่อนปรน การค้าช่องสายตะกู ตำบลจันทบเพชร อำเภอบ้านกรวด จังหวัดบุรีรัมย์ ตั้งแต่วันที่ 21  มิถุนายน 2568 เป็นต้นไป

พลโท บุญสิน พาดกลาง แม่ทัพภาคที่ 2

ธีรยุทธ์ ชำนาญกอง 
ผู้สื่อข่าว จ.บุรีรัมย์ รายงาน

สธ. เชิดชูผลงานเครือข่ายดีเด่นทั่วประเทศ สร้างคนไทยรอบรู้ผลิตภัณฑ์สุขภาพ

(22 มิ.ย. 68) ปลัดกระทรวงสาธารณสุข มอบรางวัลผลงานเครือข่ายโดดเด่นดีเยี่ยม Best of the Best ในการคุ้มครองผู้บริโภคด้านผลิตภัณฑ์สุขภาพ ให้แก่เครือข่าย อย. จากผลงานโดดเด่นของโรงเรียน อย.น้อย เครือข่าย บวร.ร. และภาคประชาชน รวม 106 รางวัล ที่ร่วมขับเคลื่อนแนวคิด "คนไทยคิดได้ใช้เป็น" สร้างความรอบรู้ด้านผลิตภัณฑ์สุขภาพ ลดพฤติกรรมเสี่ยง NCDs สร้างสุขภาวะที่ดี

20 มิถุนายน 2568 นายแพทย์โอภาส การย์กวินพงศ์ ปลัดกระทรวงสาธารณสุขประธานงานมอบรางวัลผลงานเครือข่ายโดดเด่นดีเยี่ยม Best of the Best ในการคุ้มครองผู้บริโภคด้านผลิตภัณฑ์สุขภาพ เปิดเผยว่า กระทรวงสาธารณสุขมุ่งขับเคลื่อนพัฒนาระบบสาธารณสุขให้เข้มแข็ง และมีความมั่นคงทางสุขภาพยิ่งขึ้น ภายใต้เป้าหมาย "ยกระดับการสาธารณสุขไทย สุขภาพแข็งแรงทุกวัย เศรษฐกิจสุขภาพไทยมั่นคง" โดยหนึ่งใน 7 นโยบายสำคัญของกระทรวงสาธารณสุขในปี พ.ศ. 2568 คือการสร้างความเข้มแข็งเครือข่ายสุขภาพภาคประชาชน เพื่อส่งเสริมงานสุขภาพเชิงรุกในชุมชน รวมถึงส่งเสริมสิทธิด้านสุขภาพของประชาชนทุกกลุ่ม และการมอบรางวัลในวันนี้เป็นส่วนหนึ่งของการ ขับเคลื่อนนโยบายดังกล่าว เพื่อเป็นกำลังใจให้แก่เครือข่ายที่ช่วยขับเคลื่อนงานด้านการคุ้มครองผู้บริโภค ได้อย่างมีประสิทธิภาพ

นายแพทย์สุรโชค ต่างวิวัฒน์ เลขาธิการคณะกรรมการอาหารและยา กล่าวเพิ่มเติมว่า อย. ได้ขับเคลื่อนการสร้างความรอบรู้ด้านผลิตภัณฑ์สุขภาพมาอย่างต่อเนื่อง โดยผ่านเครือข่ายครอบคลุม 3 กลุ่มวัย ได้แก่ วัยเด็ก/เยาวชน วัยทำงาน และวัยสูงอายุควบคู่ไปกับการพัฒนาทักษะสำคัญ 3 ด้าน คือ รู้ไว แจ้งไว และทำไว เพื่อช่วยสื่อสารและตอบโต้ปัจจัยเสี่ยงของปัญหาด้านผลิตภัณฑ์สุขภาพ ดำเนินงานโดยใช้ชุมชนเป็นฐาน ภายใต้แนวคิด “คนไทยคิดได้ ใช้เป็น” ซึ่งเครือข่ายมีส่วนสำคัญในการสร้างความรอบรู้ด้านสุขภาพตามพันธกิจ อย. และมีความโดดเด่นในการขับเคลื่อนกิจกรรมลดโรคไม่ติดต่อเรื้อรัง (NCDs) ซึ่งเป็นนโยบายสำคัญของกระทรวงสาธารณสุข โดยเครือข่ายต่าง ๆ ทั้งโรงเรียน อย.น้อย, ชุมชน บวร.ร. และหน่วยงานภาคประชาชน มีบทบาทสำคัญในการเผยแพร่ข่าวสารและให้ความรู้ด้านผลิตภัณฑ์สุขภาพที่ถูกต้อง แก่ประชาชนในชุมชน ซึ่งจะนำไปสู่การลดพฤติกรรมเสี่ยงด้านสุขภาพและส่งเสริมการมีสุขภาวะที่ดีสิ่งนี้สอดคล้องกับนโยบายของกระทรวงสาธารณสุขที่เน้นการส่งเสริมสุขภาพทุกมิติเพื่อลดโรค NCDs และผลักดันแนวคิดเวชศาสตร์วิถีชีวิตและสุขภาพองค์รวมสู่การปฏิบัติ ปัจจุบัน อย. มีเครือข่ายที่ ร่วมดำเนินงานอยู่ทั่วประเทศ 18,648 โรงเรียน อย.น้อย 259 ชุมชน บวร.ร. และ 36 หน่วยงานภาคประชาชน 

โดยการมอบรางวัลครั้งนี้ มีผลงานที่ส่งเข้าร่วมคัดเลือก
จากทั่วประเทศกว่า 200 ผลงาน ซึ่งคณะกรรมการได้พิจารณาผลงานที่มีความโดดเด่นดีเยี่ยมสมควรได้รับ
รางวัลรวม 106 รางวัล และในงานนี้ยังเป็นเวทีการแสดงผลงานและแลกเปลี่ยนประสบการณ์การดำเนินงาน เพื่อเป็นต้นแบบและสร้างแรงบันดาลใจในการขับเคลื่อนงานให้แก่เครือข่ายอื่น ๆ ต่อไป

เจนกิจ นัดไธสง รายงาน

เชียงใหม่-สมาคมมัคคุเทศก์เชียงใหม่ จัดกิจกรรม“วันมัคคุเทศก์ไทย ”ประจำปี 2568 

(21 มิ.ย. 68) เวลา 08.00-15.00 น. นายอิทธิรัฐ สินารักษ์ ท่องเที่ยวและกีฬาจังหวัดเชียงใหม่ ให้เกียรติมาเป็นประธานในงาน วันมัคคุเทศก์ไทย ประจำปี 2568 โดยมีนางพิกุล เรืองไชย  นายกสมาคมมัคคุเทศก์เชียงใหม่ กล่าวรายงาน พร้อมด้วย นายทะเบียนธุรกิจนำเที่ยวและมัคคุเทศก์สาขาภาคเหนือ ประธานสภาอุตสาหกรรมท่องเที่ยวจังหวัดเชียงใหม่ นายกสมาคมธุรกิจท่องเที่ยวจังหวัดเชียงใหม่ ผู้มีเกียรติ และมัคคุเทศก์อาชีพเชียงใหม่ทุกภาษาร่วมงาน ณ ห้องประชุมเชียงแสน โรงแรมดวงตะวัน จังหวัดเชียงใหม่ 

นายอิทธิรัฐ สินารักษ์ ท่องเที่ยวและกีฬาจังหวัดเชียงใหม่ "วันมัคคุเทศก์ไทย"ตรงกับวันที่ 21 มิถุนายนของทุกปี ซึ่งเป็นวันประสูติของพลเอกสมเด็จพระเจ้าบรมวงศ์เธอกรมพระชาดำรงราชานุภาพ "พระบิดาแห่งประวัติศาสตร์และโบราณคดี และพระบิดาแห่งมัคคุเทศก์ไทย"มัคคุเทศก์คือหัวใจสำคัญของการท่องเที่ยว ผู้หน้าที่เป็นผู้เชื่อมโยงวัฒนธรรม เป็นสะพานที่นำพาเรื่องราวอันงดงามของไทยไปสู่สายตาชาวโลก มัคคุเทศก์ไม่ใช่แค่ผู้ให้ข้อมูล แต่เป็นทูตวัฒนธรรม ที่ทำหน้าที่เผยแพร่เอกลักษณ์ของชาติ บทบาทของมัคคุเทศก์ครอบคลุมหลายมิติ 

อาทิ ผู้เผยแพร่วัฒนธรรมและประวัติศาสตร์ ผู้สร้างความประทับใจแรกให้กับนักท่องเที่ยว ผู้จัดการประสบการณ์การเดินทาง และผู้ขับเคลื่อนเศรษฐกิจ เบื้องหลังรอยยิ้มและการบริการอันน่าประทับใจ มัคคุเทศก์ไทยหลายท่านต้องเผชิญกับความท้าทายและความเสียสละมากมาย เพื่อให้แน่ใจว่านักท่องเที่ยวจะได้รับประสบการณ์ที่ดีที่สุด ความทุ่มเทเหล่านี้สะท้อนผ่านหลากหลายแง่มุม

ด้วยบทบาทหน้าที่เหล่านี้ทำให้มัคคุเทศก์ไทยเป็นที่ยอมรับและได้รับคำชื่นชมจากนักท่องเที่ยวทั่วโลก พวกเขา คือผู้สร้างชื่อเสียง และภาพลักษณ์ที่ดีงามให้กับประเทศไทยอย่างแท้จริง ขอส่งกำลังใจไปยังมัคคุเทศก์ไทยทุกท่าน จงภาคภูมิใจในอาชีพนี้ และมุ่งมั่นพัฒนาตนเองต่อไป เพื่อเป็นกำลังสำคัญในการยกระดับการท่องเที่ยวไทยให้ก้าวไกลและยั่งยืนในเวทีระดับโลก

นางพิกุล เรืองไชย นายกสมาคมมัคคุเทศก์เชียงใหม่ กล่าวว่า สมาคมมัคคุเทศก์เชียงใหม่ จัดกิจกรรมวันมัคคุเทศก์ไทย ประจำปี 2568 เพื่อน้อมรำลึกถึงในพระกรุณาธิคุณแห่งองค์พระบิดามัคคุเทศก์ไทย พลเอกสมเด็จพระเจ้าบรมวงศ์เธอ กรมพระยาดำรงราชานุภาพ ผู้มีคุณูปการต่อการประสิทธิ์ประสาทตำราวิชาความรู้ด้านประวัติศาสตร์ โบราณคดีและองค์ความรู้ที่หลากหลายให้กับมัคคุเทศก์ไทย ได้ศึกษาค้นคว้าเจริญรอยตามพระอัจฉริยภาพของพระองค์ท่าน

การจัดงานวันมัคคุเทศก์ไทย โดยสมาคมมัคคุเทศก์เชียงใหม่ ได้ดำเนินการจัดงานอย่างต่อเนื่องทุกปี เป็นวาระ และภารกิจสำคัญที่ตั้งปณิธานยึดมั่นดำเนินงาน และสานต่อสืบไป ในการตระหนักถึงความสำคัญแห่งพระบิดามัคคุเทศก์ไทย โดยในภาคเช้าเป็นส่วนของพิธีการ
การแสดงฟ้อนทิพยมาลา และฟ้อนเล็บล้านนา แสดงโดยสมาชิกชมรมช่างฟ้อน สมาคมมัคคุเทศก์เชียงใหม่
ถวายแด่พระบิดามัคคุเทศก์ไทย และวางพานพุ่ม ต่อด้วยการรับฟังคำบรรยายที่เกี่ยวข้องกับวิชาชีพมัคคุเทศก์ 

และในภาคค่ำ เป็นการทำกิจกรรมเลี้ยงอาหารเย็นที่บ้านพักคนชรา และมอบของใช้ที่จำเป็นแก่ผู้สูงอายุ 
ณ บ้านธรรมปกรณ์ จังหวัดเชียงใหม่ จำนวน 150 คน 
ผู้ร่วมงานในวันนี้ ประกอบไปด้วย ตัวแทนจากองค์กรภาครัฐ องค์กรภาคเอกชน มหาวิทยาลัยที่มีสาขาวิชาท่องเที่ยว สมาคมต่างๆในเครือข่ายการท่องเที่ยว และมัคคุเทศก์อาชีพทุกภาษา รวมทั้งทั้งสิ้น 150 คน

ไทยค้นพบซากสัตว์ดึกดำบรรพ์ 130 ล้านปี ที่สระแก้ว ตั้งชื่อ ‘การูแดปเทอรัส บุฟโตติ’ เทอโรซอร์ตัวแรกของไทย

(21 มิ.ย. 68) ประเทศไทยค้นพบ 'เทอโรซอร์' หรือสัตว์เลื้อยคลานบินได้เป็นครั้งแรกในประเทศ จากซากฟอสซิลขากรรไกรบนของสิ่งมีชีวิตชนิดใหม่ที่ชื่อ การูแดปเทอรัส บุฟโตติ อายุประมาณ 130 ล้านปี ในชั้นหินหมวดเสาขัว บริเวณอ่างเก็บน้ำพระปรง จังหวัดสระแก้ว นับเป็นสัตว์ครองฟ้าร่วมยุคไดโนเสาร์ที่เคยมีชีวิตอยู่ในภูมิภาคนี้

เทอโรซอร์ชนิดนี้ถูกจัดให้อยู่ในกลุ่มเทอโรแดคทิลลอยด์ วงศ์นาโธซอรีน มีลักษณะเด่นคือปากกว้างคล้ายนกปากช้อน ฟันแหลมเรียวเหมาะกับการจับปลา และมีช่วงปีกกว้างประมาณ 2.5 เมตร การตั้งชื่อ การูแดปเทอรัส มาจากคำว่า 'ปีกครุฑ' ส่วน บุฟโตติ ตั้งเพื่อเป็นเกียรติแก่ ดร.เอริก บุฟโต นักบรรพชีวินวิทยาชาวฝรั่งเศส ผู้มีบทบาทในไทยมายาวนาน

ดร.ศิตะ มานิตกุล นักวิจัยผู้นำทีมค้นพบเผยว่า การพบขากรรไกรบนที่ค่อนข้างสมบูรณ์ รวมถึงฟันอีก 5 ซี่ เป็นข้อมูลสำคัญต่อการศึกษาสายวิวัฒนาการของเทอโรซอร์ เพราะก่อนหน้านี้ไทยเคยพบแค่ฟันหรือกระดูกชิ้นเล็ก การค้นพบครั้งนี้จึงช่วยยืนยันถึงความหลากหลายของสิ่งมีชีวิตในยุคครีเทเชียสของเอเชียตะวันออกเฉียงใต้

จุดค้นพบอยู่ที่แหล่งซากดึกดำบรรพ์พระปรง อำเภอวัฒนานคร ซึ่งเป็นพื้นที่สำคัญที่เคยพบไดโนเสาร์กินพืช เต่า จระเข้ และสัตว์น้ำจืดอื่น ๆ ตั้งแต่ปี 2545 การค้นพบเทอโรซอร์ล่าสุดช่วยตอกย้ำศักยภาพทางบรรพชีวินวิทยาของภาคตะวันออกที่สามารถเทียบชั้นภาคตะวันออกเฉียงเหนือได้

ทั้งนี้ กรมทรัพยากรธรณีประกาศให้แหล่งพระปรงเป็นพื้นที่ศึกษาวิจัยและอนุรักษ์ โดยจัดแถลงข่าวร่วมกับมหาวิทยาลัยมหาสารคามเมื่อวันที่ 18 มิถุนายนที่ผ่านมา การค้นพบครั้งนี้ไม่เพียงเติมเต็มภาพวิวัฒนาการของสัตว์โบราณ แต่ยังสะท้อนถึงความสำคัญของการอนุรักษ์ซากดึกดำบรรพ์ซึ่งถือเป็นสมบัติของแผ่นดินไทย

ผู้บัญชาการทัพเรือภาคที่ 1 ตรวจเยี่ยมตรวจสอบความพร้อม การปฏิบัติการทางเรือสนับสนุนการปฏิบัติการทางอากาศยาน ด้วยอากาศยานไร้คนขับ (UAV) ของหน่วยต่าง ๆ ในพื้นที่ชายแดนทางทะเล ภาคตะวันออก

เมื่อวานนี้ (20 มิ.ย. 68) พลเรือโท อาภา ชพานนท์ ผู้บัญชาการทัพเรือภาคที่ 1 พร้อมด้วย พลเรือตรี รังสรรค์ บัวเผือก รองผู้บัญชาการทัพเรือภาคที่ 1 ได้เดินทางตรวจเยี่ยมการตรวจสอบความพร้อม การปฏิบัติการทางเรือสนับสนุนการปฏิบัติการทางอากาศยาน ด้วยอากาศยานไร้คนขับ (UAV) ของหน่วยต่าง ๆ ในพื้นที่ชายแดนทางทะเล ภาคตะวันออก ในพื้นที่รับผิดชอบของ ทรภ.1 

การตรวจสอบความพร้อมในครั้งนี้สืบเนื่องจาก เรือหลวงนเรศวร ซึ่งเป็นเรือฟรีเกตสมรรถนะสูง ได้ออกปฏิบัติราชการตามแผนลาดตระเวนประจำวงรอบ ปกติในเขตพื้นที่ชายแดนทางทะเลฝั่งตะวันออก จึงได้ใช้โอกาสนี้บูรณาการร่วมกับหน่วยกำลังต่าง ๆ เพื่อให้เกิดความคุ้มค่าในการใช้งบประมาณ และเพิ่มประสิทธิภาพการฝึก

การฝึกประกอบด้วย การปฏิบัติการร่วมระหว่างเรือกับอากาศยานไร้คนขับ การติดต่อสื่อสาร การแลกเป้าหมายทางยุทธวิธี รวมถึงการฝึกสนับสนุนการยิงฝั่งด้วยปืนใหญ่เรือ ร่วมกันระหว่าง ร.ล.นเรศวร อากาศยาน ในทรภ.1 เรือใน มชด./1 และหน่วยปฏิบัติการในพื้นที่บริเวณเกาะกูด จว.ตราด 

การฝึกในครั้งนี้มีวัตถุประสงค์เพื่อทดสอบขีดความสามารถของหน่วยในพื้นที่ รวมถึงความพร้อมในการสนับสนุนการปฏิบัติการทางยุทธ ทั้งด้านกำลังพล ยุทโธปกรณ์ ขั้นตอนการปฏิบัติ และการแก้ไขข้อขัดข้องที่อาจเกิดขึ้น เพื่อให้หน่วยสามารถตอบสนองต่อสถานการณ์ต่างๆ ที่อาจจะเกิดขึ้น ได้อย่างทันท่วงทีและมีประสิทธิภาพ เพื่อธำรงไว้ซึ่งอธิปไตยของชาติ และผลประโยชน์ของประเทศในพื้นที่ทางทะเล บรรลุวัตถุประสงค์ของกองทัพเรือ คือเป็นกองทัพเรือ ที่ประชาชนเชื่อมั่นและภาคภูมิใจ

ผบ.ทบ. ขอคนไทยสามัคคี ย้ำกองทัพยึดประชาธิปไตย-ปกป้องชาติ

เมื่อวันที่ (19 มิ.ย. 68) ที่กองบัญชาการกองทัพบก พลตรี วินธัย สุวารี โฆษกกองทัพบก เปิดเผยว่า จากสถานการณ์ปัจจุบันที่มีข้อมูลและความคิดเห็นหลากหลายซึ่งส่งผลกระทบต่อสังคมวงกว้าง พลเอก พนา แคล้วปลอดทุกข์ ผู้บัญชาการทหารบก ได้แสดงความห่วงใยต่อสถานการณ์ดังกล่าว

ผู้บัญชาการทหารบกขอให้ประชาชนเชื่อมั่นในกองทัพบก ซึ่งยืนยันจุดยืนในการยึดมั่นระบอบประชาธิปไตยอันมีพระมหากษัตริย์ทรงเป็นประมุข และจะปฏิบัติหน้าที่ในการปกป้องอธิปไตยของชาติภายใต้กลไกที่มีอยู่ อย่างเต็มความสามารถ

ทั้งนี้ ได้เน้นย้ำว่าสิ่งสำคัญที่สุดในช่วงเวลานี้คือความสามัคคีของคนไทย โดยต้องร่วมกันยึดถือผลประโยชน์ของชาติเป็นหลัก และปกป้องประเทศจากผู้ไม่หวังดีอย่างพร้อมเพรียงกัน


© Copyright 2021, All rights reserved. THE STATES TIMES
Take Me Top