Wednesday, 2 July 2025
NEWS

ผู้บัญชาการทัพเรือภาคที่ 1 ตรวจเยี่ยมตรวจสอบความพร้อม การปฏิบัติการทางเรือสนับสนุนการปฏิบัติการทางอากาศยาน ด้วยอากาศยานไร้คนขับ (UAV) ของหน่วยต่าง ๆ ในพื้นที่ชายแดนทางทะเล ภาคตะวันออก

เมื่อวานนี้ (20 มิ.ย. 68) พลเรือโท อาภา ชพานนท์ ผู้บัญชาการทัพเรือภาคที่ 1 พร้อมด้วย พลเรือตรี รังสรรค์ บัวเผือก รองผู้บัญชาการทัพเรือภาคที่ 1 ได้เดินทางตรวจเยี่ยมการตรวจสอบความพร้อม การปฏิบัติการทางเรือสนับสนุนการปฏิบัติการทางอากาศยาน ด้วยอากาศยานไร้คนขับ (UAV) ของหน่วยต่าง ๆ ในพื้นที่ชายแดนทางทะเล ภาคตะวันออก ในพื้นที่รับผิดชอบของ ทรภ.1 

การตรวจสอบความพร้อมในครั้งนี้สืบเนื่องจาก เรือหลวงนเรศวร ซึ่งเป็นเรือฟรีเกตสมรรถนะสูง ได้ออกปฏิบัติราชการตามแผนลาดตระเวนประจำวงรอบ ปกติในเขตพื้นที่ชายแดนทางทะเลฝั่งตะวันออก จึงได้ใช้โอกาสนี้บูรณาการร่วมกับหน่วยกำลังต่าง ๆ เพื่อให้เกิดความคุ้มค่าในการใช้งบประมาณ และเพิ่มประสิทธิภาพการฝึก

การฝึกประกอบด้วย การปฏิบัติการร่วมระหว่างเรือกับอากาศยานไร้คนขับ การติดต่อสื่อสาร การแลกเป้าหมายทางยุทธวิธี รวมถึงการฝึกสนับสนุนการยิงฝั่งด้วยปืนใหญ่เรือ ร่วมกันระหว่าง ร.ล.นเรศวร อากาศยาน ในทรภ.1 เรือใน มชด./1 และหน่วยปฏิบัติการในพื้นที่บริเวณเกาะกูด จว.ตราด 

การฝึกในครั้งนี้มีวัตถุประสงค์เพื่อทดสอบขีดความสามารถของหน่วยในพื้นที่ รวมถึงความพร้อมในการสนับสนุนการปฏิบัติการทางยุทธ ทั้งด้านกำลังพล ยุทโธปกรณ์ ขั้นตอนการปฏิบัติ และการแก้ไขข้อขัดข้องที่อาจเกิดขึ้น เพื่อให้หน่วยสามารถตอบสนองต่อสถานการณ์ต่างๆ ที่อาจจะเกิดขึ้น ได้อย่างทันท่วงทีและมีประสิทธิภาพ เพื่อธำรงไว้ซึ่งอธิปไตยของชาติ และผลประโยชน์ของประเทศในพื้นที่ทางทะเล บรรลุวัตถุประสงค์ของกองทัพเรือ คือเป็นกองทัพเรือ ที่ประชาชนเชื่อมั่นและภาคภูมิใจ

ผบ.ทบ. ขอคนไทยสามัคคี ย้ำกองทัพยึดประชาธิปไตย-ปกป้องชาติ

เมื่อวันที่ (19 มิ.ย. 68) ที่กองบัญชาการกองทัพบก พลตรี วินธัย สุวารี โฆษกกองทัพบก เปิดเผยว่า จากสถานการณ์ปัจจุบันที่มีข้อมูลและความคิดเห็นหลากหลายซึ่งส่งผลกระทบต่อสังคมวงกว้าง พลเอก พนา แคล้วปลอดทุกข์ ผู้บัญชาการทหารบก ได้แสดงความห่วงใยต่อสถานการณ์ดังกล่าว

ผู้บัญชาการทหารบกขอให้ประชาชนเชื่อมั่นในกองทัพบก ซึ่งยืนยันจุดยืนในการยึดมั่นระบอบประชาธิปไตยอันมีพระมหากษัตริย์ทรงเป็นประมุข และจะปฏิบัติหน้าที่ในการปกป้องอธิปไตยของชาติภายใต้กลไกที่มีอยู่ อย่างเต็มความสามารถ

ทั้งนี้ ได้เน้นย้ำว่าสิ่งสำคัญที่สุดในช่วงเวลานี้คือความสามัคคีของคนไทย โดยต้องร่วมกันยึดถือผลประโยชน์ของชาติเป็นหลัก และปกป้องประเทศจากผู้ไม่หวังดีอย่างพร้อมเพรียงกัน

สมุทรปราการ-ครบรอบ 63 ปี พุทธชาติ เชื้อไทย อดีตรองนายก อบจ.สมุทรปราการ นักการเมืองร่วมอวยพร

เมื่อวานนี้ (20 มิ.ย. 68) ที่ผ่านมา ที่สถานตากอากาศบางปู กรมพลาธิการทหารบก ถ.สุขุมวิท ต.บางปูใหม่ อ.เมือง สมุทรปราการ นายพุทธชาติ เชื้อไทย อดีตรองนายก อบจ.สมุทรปราการ พร้อมด้วย นางณิชากร เชื้อไทย ได้จัดงานเลี้ยงรับประทานอาหารค่ำ 

เนื่องในโอกาสวันคล้ายวันเกิดซึ่งทั้งสองท่านได้มีวันเกิดและเดือนเกิดที่ตรงกัน คือวันที่ 20 มิถุนายน ภายในงานได้รับเกียรติจาก นายสุนทร ปานแสงทอง นายก อบจ.สมุทรปราการ ให้เกียรติเดินทางมาเป็นประธานและร่วมรับประทานอาหาร พร้อมทั้งนำกระเช้าดอกไม้มาร่วมอวยพรและร่วมแสดงความยินดี

นอกจากนี้ ยังมีคณะผู้บริหาร อบจ.สมุทรปราการ อาทิเช่น นายอัครวัฒน์ อัศวเหม รองนายกฯ นายวรพร อัศวเหม อดีตประธานสภาเทศบาลตำบลบางปู รวมถึงยังมีคณะผู้บริหารท้องถิ่น นำโดย นาวาเอกอนุศักดิ์ นาคทิม นายกเทศมนตรีตำบลบางเมือง นายวชิรเชษฐ์ รุ่งธวัฒน์วงศ์ นายกเทศมนตรีตำบลเทพารักษ์ 

นายจรูญ ยังประภากร กรรมการบริหารฟาร์มจรเข้และสวนสัตว์สมุทรปราการ พล.ต.ท.เผ่าไทย ทองธิว นายพิพัฒน์ วรสิทธิดำรง นายกสมาคมข้าราชการและพนักงานจ้างท้องถิ่นแห่งประเทศไทย ตลอดจนคณะสมาชิกสภา อบจ.สมุทรปราการ และแขกผู้มีเกียรติจำนวนมากต่างเดินทางมาร่วมอวยพร เนื่องในโอกาสวันคล้ายวันเกิดนายพุทธชาติ เชื้อไทย อดีตรองนายก อบจ.สมุทรปราการ และนางณิชากร เชื้อไทย โดยมี นายสิทธิชัย เชื้อไทย เลขานุการนายก อบจ.สมุทรปราการ และครอบครัวเชื้อไทยร่วมให้การต้อนรับ

อุบล​ฯ​ -​แม่ทัพภาคที่ 2 นำคณะ พสบ.ทภ.2 รุ่นที่ 2 เยี่ยมทหารบาดเจ็บเหตุ ฮ.ตก พร้อมมอบกระเช้าและเงินเป็นกำลังใจ

เมื่อวานนี้ (20 มิ.ย.68) เวลา 16.00 น. พลโท บุญสิน พาดกลาง แม่ทัพภาคที่ 2 พร้อมคณะนักศึกษาหลักสูตรพัฒนาสัมพันธ์ระดับผู้บริหาร กองทัพภาคที่ 2 รุ่นที่ 2 (พสบ.ทภ.2 รุ่นที่ 2) เดินทางเข้าเยี่ยมมอบกระเช้าผลไม้ และเงินเพื่อให้กำลังใจนายทหาร 8 นาย ที่ได้รับบาดเจ็บจากอุบัติเหตุ เฮลิคอปเตอร์ตกกระแทกพื้น ขณะปฏิบัติภารกิจผลัดเปลี่ยนกำลังพลและส่งเสบียงยังฐานปฏิบัติการชายแดนไทย-กัมพูชาในพื้นที่ อำเภอน้ำยืน จังหวัดอุบลราชธานี และถูกส่งมารักษาตัวที่โรงพยาบาลค่ายสรรพสิทธิประสงค์ มณฑลทหารบกที่ 22 อำเภอวารินชำราบ จังหวัดอุบลราชธานี โดยมีแพทย์ พยาบาล และบุคลากรทางการแพทย์ มารอมอบดอกไม้และถ่ายเซลฟี่กับแม่ทัพภาคที่ 2 เป็นจำนวนมาก

โดยผู้บาดเจ็บประกอบด้วยทหารพรานจาก กรมทหารพรานที่ 23 จำนวน 5 นาย, นักบิน 2 นาย และช่างเครื่องอีก 1 นาย  และในโอกาสเดียวกัน นางสาวธนชนก สุริยเดชสกุล ผู้แทนนักศึกษา พสบ.ทภ.2 รุ่นที่ 2 ได้ร่วมมอบเงินสนับสนุนเพื่อเป็นกำลังใจแก่ทหารผู้บาดเจ็บ พร้อมกล่าวให้กำลังใจและชื่นชมในความเสียสละในการปฏิบัติหน้าที่เพื่อชาติด้วย

ทั้งนี้ ทหารที่ได้รับบัตรเจ็บขณะนี้มีอาการปลอดภัยทั้งหมด โดยมีเพียงทหารพราน 1 นาย ที่ได้รับบาดเจ็บมากกว่านายอื่น เนื่องจากขาซ้ายหักและแพทย์ผู้รักษาได้การผ่าตัดใส่เครื่องยึดให้เป็นเรียบร้อยแล้ว

พลโท บุญสิน ได้กล่าวให้กําลังใจนายทหารที่บาดเจ็บและครอบครัวที่มาเฝ้า โดยได้สอบถามถึงอาการทหารที่ได้รับบาดเจ็บแต่ละคนด้วยความห่วงใยว่าเป็นอย่างไรบ้าง โดยมีแพทย์ผู้ให้การรักษาได้อธิบายถึงขั้นตอนการรักษาผู้บาดเจ็บแต่ละรายว่าได้ให้การรักษาอย่างไร ซึ่งส่วนใหญ่ยังคงมีอาการบาดเจ็บเนื่องจากการถูกกระแทกอย่างแรงบริเวณแขนขาและชายโครง โดยแม่ทัพภาคที่ 2 ได้กล่าวอวยพรให้ทหารทุกนายหายจากอาการบาดเจ็บเป็นปกติโดยเร็ววัน

#บุญสินพาดกลาง #แม่ทัพภาคที่2 #เยี่ยมทหารบาดเจ็บ #เฮลิคอปเตอร์ตก #โรงพยาบาลค่ายสรรพสิทธิประสงค์ #วารินชำราบ #อุบลราชธานี #ศาลโลก #ชายแดนไทยกัมพูชา #ทหารไทย #ทหารกัมพูชา #ทหารเขมร #ข่าวด่วน  #ความมั่นคงชายแดน #ข่าวสุรินทร์ #ชายแดนไทยกัมพูชา #พนมดงรัก #สุรินทร์ #ปะทะชายแดน #ThaiArmy #BorderConflict #ปราสาทตาเมือนธม #ปราสาทตาควาย #ปราสาทตาเมือนโต๊ด #ช่องบก #สามเหลี่ยมมรกต #ข่าววันนี้​

กต. ยันไทยไม่ตัดสัมพันธ์กัมพูชา แจงเหตุเรียกทูตกลับมาหารือตามปกติ

เมื่อวานนี้ (20 มิ.ย.68) กรมสารนิเทศ กระทรวงการต่างประเทศ ออกแถลงการณ์ชี้แจงกระแสข่าวกรณีไทยตัดความสัมพันธ์ทางการทูตกับกัมพูชา โดยยืนยันว่าไม่มีการตัดความสัมพันธ์แต่อย่างใด การเชิญเอกอัครราชทูตไทยประจำกรุงพนมเปญกลับมา เป็นเพียงการหารือข้อราชการตามปกติ

การชี้แจงดังกล่าวมีขึ้นท่ามกลางสถานการณ์ตึงเครียดบริเวณชายแดนไทย-กัมพูชา ภายหลังเกิดข้อพิพาทจากกรณีทหารกัมพูชารุกล้ำอธิปไตยไทย และไทยตอบโต้ด้วยมาตรการควบคุมเวลาเปิด-ปิดด่านชายแดน ขณะที่กัมพูชาก็มีคำสั่งห้ามนำเข้าผลไม้จากไทย

ผู้สื่อข่าวรายงานเพิ่มเติมว่า การเชิญกลับมาหารือครั้งนี้ มีเพียงนายตุลย์ ไตรโสรัส เอกอัครราชทูตไทย ณ กรุงพนมเปญ ที่ถูกเรียกตัวกลับมา ส่วนภารกิจทางการทูตในกัมพูชายังคงดำเนินการตามปกติ โดยไม่มีการลดระดับความสัมพันธ์ระหว่างสองประเทศแต่อย่างใด

กรมการขนส่งทหารเรือจัดกิจกรรมบำเพ็ญสาธารณประโยชน์ เนื่องในวันเฉลิมพระชนมพรรษาสมเด็จพระนางเจ้าฯ พระบรมราชินี 3 มิถุนายน 2568

เมื่อวานนี้ (20 มิ.ย.68) พลเรือตรี ศุภสิทธิ์  บูรณะโอสถ เจ้ากรมการขนส่งทหารเรือ พร้อมคณะฯ ร่วมเปิดกิจกรรมบำเพ็ญสาธารณประโยชน์ เนื่องในวันเฉลิมพระชนมพรรษาสมเด็จพระนางเจ้าฯ พระบรมราชินี 3 มิถุนายน 2568 ณ วัดชิโนรสารามวรวิหาร เขตบางกอกน้อย กรุงเทพฯ 

การจัดกิจกรรมฯ ในครั้งนี้ เพื่อให้กำลังพลได้แสดงออกถึงความเป็นจิตอาสาและแสดงออกถึงความจงรักภักดีและเทิดทูนสถาบันพระมหากษัตริย์ อีกทั้ง ยังเป็นการบูรณะพัฒนาพื้นที่ที่เป็นประโยชน์ต่อวัดและชุมชนอีกด้วย

ผบช.ภ.2 เช็กความพร้อม ยุทโธปกรณ์ ตำรวจสระแก้ว เติมขวัญกำลังใจ พร้อมระวังป้องกันภัยพื้นที่อ่อนไหว

เมื่อวานนี้ (20 มิ.ย.68) พล.ต.ท.ยิ่งยศ เทพจำนงค์ ผู้บัญชาการตำรวจภูธรภาค 2 (ผบช.ภ.2)  เดินทางลงพื้นที่จังหวัดสระแก้ว ซึ่งมีชายแดนติดต่อประเทศกัมพูชา ตรวจเยี่ยมกองกำกับการสืบสวน ตำรวจภูธรจังหวัดสระแก้ว (กก.สส.ภ.จว.สระแก้ว) และสถานีตำรวจที่มีพื้นที่ติดต่อแนวชายแดน เร่งรัดการสืบสวนสอบสวนปราบปรามอาชญากรรม   แนวชายแดน ตรวจความพร้อมของกำลังพลในการสนับสนุนการปฏิบัติแนวชายแดน กำชับการปฏิบัติ พร้อมรับฟังปัญหาอุปสรรคเพื่อแก้ไขให้การปฏิบัติภารกิจดูแลความปลอดภัยในชีวิตและทรัพย์สินของประชาชนในพื้นที่ เป็นไปอย่างมีประสิทธิภาพ

“วันนี้เดินทางลงพื้นที่ตรวจความพร้อมของกำลังพล ยุทโธปกรณ์ในการป้องกันภัยอาชญากรรมในเขตพื้นที่ จว.สระแก้ว และตรวจความพร้อมในการระวังป้องกันพื้นที่ที่มีความอ่อนไหวทางด้านความมั่นคง พื้นที่รอยต่อชายแดนประเทศเพื่อนบ้าน และได้ตรวจเยี่ยมสถานีตำรวจตามแนวชายแดน เพื่อบำรุงขวัญ ให้กำลังใจตำรวจทุกนายให้มีความพร้อมในการปฏิบัติหน้าที่ดูแลความปลอดภัยในชีวิตและทรัพย์สินของพี่น้องประชาชน” ผบช.ภ.2 กล่าว 

ผบช.ภ. 2 กล่าวด้วยว่า จากสถานการณ์ข้อพิพาทแนวชายแดน ตำรวจรับผิดชอบดูแลความสงบเรียบร้อย ดูแลประชาชนในพื้นที่ส่วนหลัง จึงตรวจสอบความพร้อมของกำลังพล และอุปกรณ์ในการเฝ้าระวังและพร้อมปฏิบัติในสถานการณ์ชายแดน ซักถามปัญหาข้อขัดข้อง เพื่อเร่งดำเนินการแก้ไข ให้กำลังใจกำลังพล โดยจากการตรวจเยี่ยมวันนี้ชมเชยในความพร้อมของกำลังพลทุกด้าน รวมถึงกำลังใจดี พร้อมปฏิบัติหน้าที่ดูแลประชาชน

ทัพเรือ ปิดอบรมการป้องกันนิวเคลียร์ ชีวะ เคมี โฆษกหมีร่วมรับประกาศนียบัตร

พลเรือตรี วชิรวิชญ์ ขาวคม เจ้ากรมวิทยาศาสตร์ทหารเรือ เป็นประธานในพิธีปิดหลักสูตรการป้องกันนิวเคลียร์ ชีวะ เคมี ชั้นสัญญาบัตร รุ่นที่ 13 ณ ห้อง วศ.สัมพันธ์ ชั้น 2 กรมวิทยาศาสตร์ทหารเรือ เขตทวีวัฒนา กรุงเทพฯ          

โดยมีวัตถุประสงค์ เพื่อให้ผู้ที่สำเร็จการศึกษา มีความรู้ความเข้าใจในเรื่องสงครามนิวเคลียร์ ชีวะ เคมี และการต่อต้านการก่อการร้ายที่มีการใช้อาวุธทำลายล้างสูง รวมทั้งสามารถปฏิบัติหน้าที่นายทหารสัญญาบัตร ฝ่ายอำนวยการของหน่วย ในการดำเนินการป้องกันและลดอันตราย จากอาวุธนิวเคลียร์ ชีวะ เคมี ได้อย่างมีประสิทธิภาพ 

ซึ่งในรุ่นนี้มี พ.ต.ท.ดร.ศักดิ์สุนทร เปรมานนท์ โฆษกพิเศษ ศรชล. เข้ารับการอบรมด้วย

ฮุน เซน โพสต์ภาพเมื่อเดือน เม.ย. 68 ที่เคยพา 'นายกฯ อิ๊งค์' ชมห้องพักของ 'ทักษิณ-ยิ่งลักษณ์' ในบ้านกรุงพนมเปญ ลั่นความสัมพันธ์ 30 ปีถูกทำลายเพราะคลิปเสียงหลุด

(20 มิ.ย. 68) เวลาประมาณ 13.10 น. สมเด็จ ฮุน เซน ประธานวุฒิสภากัมพูชา โพสต์ภาพการพา น.ส.แพทองธาร ชินวัตร นายกรัฐมนตรี ไปชมห้องที่ นายทักษิณ ชินวัตร และ น.ส.ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร เคยเข้าพัก

ฮุน เซน ยังระบุข้อความว่า “ทั้งข้าพเจ้าและรัฐบาลกัมพูชาต่างก็เคยให้การสนับสนุนอดีตนายกรัฐมนตรีทักษิณ ชินวัตร และยิ่งลักษณ์ ชินวัตร ซึ่งเป็นบิดาและอาของนายกรัฐมนตรีไทยคนปัจจุบัน”

“ในการเยือนกัมพูชาอย่างเป็นทางการของนายกรัฐมนตรีไทยเมื่อเดือน เม.ย. 68 นอกจากการเยือนอย่างเป็นทางการแล้ว เรายังได้จัดงานเลี้ยงภายในครอบครัว โดย ‘อุ๊งอิ๊งค์’ นายกรัฐมนตรีไทย และสามีของเธอ ได้รับประทานอาหารค่ำที่บ้านพักของข้าพเจ้า”

“ก่อนเดินทางกลับ นายกรัฐมนตรีไทยได้ขอเข้าชมห้องที่บิดาและอาของเธอเคยพัก บ้านของข้าพเจ้าได้สงวนห้องไว้ให้พวกเขา 2 ห้อง ห้องหนึ่งมีชื่อว่า ‘ห้องทักษิณ’ และอีกห้องหนึ่งชื่อว่า ‘ห้องยิ่งลักษณ์’ สามีของนายกรัฐมนตรีไทยได้ถ่ายภาพและบันทึกวิดีโอห้องทั้งสองห้องไว้”

“ความสัมพันธ์อันแนบแน่นระหว่างสองครอบครัวมานานกว่า 30 ปี ถูกทำลายลงเมื่อการสนทนาทางโทรศัพท์เกิดรั่วไหลโดยฝีมือเจ้าหน้าที่กัมพูชารายหนึ่ง ซึ่งโกรธเคืองที่ข้าพเจ้าและนายกรัฐมนตรีกัมพูชาถูกดูหมิ่น โดยกล่าวหาว่าเราไม่มีความเป็นมืออาชีพ”

มูลนิธิป่อเต็กตึ๊ง เดินหน้าบรรเทาทุกข์จากสภาวะอากาศร้อนแก่สถานศึกษาในถิ่นทุรกันดาร รุดส่งมอบชุดพัดลมเพดาน แขวนผนัง และตั้งพื้น พร้อมค่าพาหนะ ค่าติดตั้งพัดลม แก่โรงเรียนที่ขาดแคลนเพิ่มอีก 5 จังหวัด รวมมูลค่ากว่า 9 แสนบาท

ระหว่างวันที่ 13 -19 มิถุนายน พ.ศ. 2568 ที่ผ่านมา มูลนิธิป่อเต็กตึ๊ง นำโดย  นายสุรพงศ์ เสรฐภักดี กรรมการและรองเหรัญญิก พร้อมด้วย นายชูเดช เตชะไพบูลย์ ผู้ช่วยกรรมการฯ นางศิริพร กระจ่างหล้า ผู้จัดการฝ่ายสังคมสงเคราะห์ นางสาวดวงชุตา ติยะพจนพรกุล ผู้ช่วยผู้จัดการฝ่ายสังคมสงเคราะห์ และ นางสาวศุภรัตน์ สมบัติเจริญไทย หัวหน้าแผนกส่งเสริมการศึกษาและอาชีพ ลงพื้นที่มอบชุดพัดลมเพดาน แขวนผนัง และตั้งพื้น ในโครงการ พัดลมคลายร้อน สร้างสุข เพื่อน้องถิ่นทุรกันดาร ครั้งที่ 2 ให้แก่สถานศึกษาในถิ่นทุรกันดาร ประกอบด้วยจังหวัดสมุทรสาคร เพชรบุรี ระยอง ตราด และสระแก้ว รวม 5 จังหวัด 25 โรงเรียน  พร้อมมอบค่าพาหนะให้แก่โรงเรียนๆ ละ 2,000 บาท และค่าติดตั้งพัดลมแก่โรงเรียนๆ ละ 3,000 บาท นอกจากนี้มูลนิธิฯ ยังได้มอบชุดนักเรียน ให้แก่นักเรียนทั้ง 25 โรงเรียน รวม 750 ชุด รวมงบประมาณทั้งสิ้น 987,050 บาท (เก้าแสนแปดหมื่นเจ็ดพันห้าสิบบาทถ้วน) เพื่อลดสภาวะอากาศร้อนภายในโรงเรียน ให้นักเรียน ครู และบุคลากรในโรงเรียนได้คลายร้อนและมีสมาธิในการเรียนการสอน โดยมี ผู้แทนจากหน่วยงานรัฐเป็นประธานในพิธี พร้อมด้วย มูลนิธิฯ / สมาคมจีนประจำจังหวัดต่างๆ เป็นผู้ประสานงานและร่วมในพิธี 

โครงการพัดลมคลายร้อน สร้างสุข เพื่อน้องถิ่นทุรกันดาร มูลนิธิป่อเต็กตึ๊ง โดย นายวิเชียร เตชะไพบูลย์ ประธานกรรมการ ห่วงใยนักเรียน ครู และบุคลากรในสถานศึกษาถิ่นทุรกันดารที่ขาดแคลนพัดลม จึงมอบหมายให้คณะกรรมการมูลนิธิฯ จัดทีมฝ่ายสังคมสงเคราะห์ เร่งดำเนินการโครงการ พัดลมคลายร้อน สร้างสุข เพื่อน้องถิ่นทุรกันดาร นำร่องเมื่อปี พ.ศ. 2567 ที่ผ่านมา โดยมอบชุดพัดลมแก่สถานศึกษาในพื้นที่จังหวัดสระบุรี ลพบุรี กาญจนบุรี สุพรรณบุรี และราชบุรี รวม 5 จังหวัด  25 โรงเรียน  และได้ขยายพื้นที่บรรเทาทุกข์ต่อเนื่องในปี พ.ศ. 2568 รวมการดำเนินการโครงการพัดลมคลายร้อน สร้างสุข เพื่อน้องถิ่นทุรกันดารแล้ว 10 จังหวัด 50 โรงเรียน คิดเป็นมูลค่ากว่า 1.5 ล้านบาท 
  

ตลอดระยะเวลากว่า 115 ปีที่ผ่านมา มูลนิธิป่อเต็กตึ๊ง  ได้ขยายขอบข่ายโครงการต่าง ๆ ออกไปอย่างกว้างขวาง ไม่เพียงแต่บำบัดทุกข์ บำรุงสุข แก่ผู้ตกทุกข์ได้ยากโดยไม่จำกัดเชื้อชาติ  ชนชั้น และศาสนา เท่านั้น แต่ยังได้พัฒนาคุณภาพชีวิตอีกในหลาย ๆ ทาง รวมถึงสนับสนุนด้านการศึกษา เพื่อให้เป็นองค์กรสาธารณกุศลที่ช่วยเหลือประชาชนอย่างครบวงจรในทุกๆ ด้าน ต่อไป ภายใต้ปณิธานมูลนิธิป่อเต็กตึ๊ง “ช่วยชีวิต รักษาชีวิต สร้างชีวิต”

ติดต่อสอบถาม ตามข่าวสาร และกิจกรรมการช่วยเหลือของมูลนิธิป่อเต็กตึ๊ง ได้ที่เฟซบุ๊ก แฟนเพจ www.facebook.com/atpohtecktung

** มูลนิธิป่อเต็กตึ๊ง ช่วยชีวิต รักษาชีวิต สร้างชีวิต **

(สุรินทร์) มทบ.25 จัดพิธีรับพระราชทานเมล็ดพันธุ์ข้าว จากสมเด็จพระกนิษฐาธิราชเจ้า กรมสมเด็จพระเทพรัตนราชสุดาฯ สยามบรมราชกุมารี

สมเด็จพระกนิษฐาธิราชเจ้า กรมสมเด็จพระเทพรัตนราชสุดาฯ สยามบรมราชกุมารี ทรงพระกรุณาโปรดเกล้าฯ พระราชทานเมล็ดพันธุ์ข้าวหอมมะลิ 105 จำนวน 225 กิโลกรัม จากศูนย์พัฒนาพันธุ์พืชจักรพันธ์เพ็ญศิริ จังหวัดสุรินทร์  โดย พลตรี ไชยนคร กิจคณะ ผู้บัญชาการมณฑลทหารบกที่ 25 เป็นประธานในพิธีรับพระราชทานเมล็ดพันธุ์ข้าว ให้แก่ โครงการทหารพันธุ์ดี มณฑลทหารบกที่ 25 

เพื่อปลูกบนเนื้อที่ 15 ไร่ และเมล็ดพันธุ์ข้าวหอมมะลิ 105 มอบให้แก่กำลังพล มณฑลทหารบกที่ 25 จำนวน 10 นาย ส่งผลให้ข้าราชการและผู้รับมอบเมล็ดพันธุ์ข้าวฯ มีความรู้สึกปลื้มปิติและสำนึกในพระมหากรุณาธิคุณอันหาที่สุดไม่ได้ ที่ได้ทรงพระเมตตาและห่วงใยความเป็นอยู่ของราษฎรทุกหมู่เหล่า ซึ่งมี คุณสายธาร กิจคณะ ประธานสมาคมแม่บ้าน ทบ. สาขา มณฑลทหารบกที่ 25 พร้อมด้วยจิตอาสาพระราชทาน มณฑลทหารบกที่ 25, เจ้าหน้าที่ศูนย์พัฒนาพันธุ์พืชจักรพันธ์เพ็ญศิริ จังหวัดสุรินทร์, เจ้าหน้าที่โครงการทหารพันธุ์ดี มณฑลทหารบกที่ 25และกำลังพล มณฑลทหารบกที่ 25 เข้าร่วมในพิธี ณ ห้องรับรอง 1 กองบัญชาการ มณฑลทหารบกที่ 25

รัฐบาลมาเลเซีย จ่อสร้างกำแพงติดกล้องชายแดนไทย หวังปิดทางลอบขนยาเสพติด และป้องกันการรุกราน

(20 มิ.ย. 68) รัฐบาลมาเลเซียกำลังพิจารณาสร้างกำแพงและติดกล้องวงจรปิดบริเวณชายแดนที่ติดกับประเทศไทย โดยเฉพาะในรัฐกลันตัน ซึ่งอยู่ติดกับจังหวัดนราธิวาส เพื่อควบคุมการลักลอบขนยาเสพติดและรักษาความมั่นคงของชาติ

ชัมซูล อานูอาร์ นาซาราห์ รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงมหาดไทยมาเลเซีย ระบุว่าการควบคุมชายแดนเป็นเรื่องสำคัญอย่างยิ่ง เพราะหากปล่อยให้ชายแดนรั่วไหล จะนำไปสู่ปัญหายาเสพติดและความรุนแรง พร้อมเผยว่ากำลังตรวจสอบข้อมูลข่าวกรองเพื่อวางจุดติดตั้งกล้องและโครงสร้างรักษาความปลอดภัย

เขาย้ำว่านโยบายนี้ไม่เพียงคุ้มครองพื้นที่ชายแดน แต่มีผลในระดับประเทศ โดยเป้าหมายหลักคือการทำให้ประเทศปลอดภัย ควบคุมได้ และไม่ถูกคุกคามจากภายนอกได้ง่าย

ก่อนหน้านี้ ผู้บัญชาการตำรวจรัฐกลันตันเสนอให้สร้างกำแพงตลอดแนวชายแดนไทย-มาเลเซีย ซึ่งยาวราว 45 กิโลเมตร ชี้ว่าเป็นมาตรการควบคุมชายแดนที่มีประสิทธิภาพที่สุดในสถานการณ์ปัจจุบัน

‘บิ๊กเล็ก’ หัวหน้าทีมไทยแลนด์ มองคลิปเสียง ฮุนเซน แผนแยบยล ยิงกระสุนนัดเดียวได้นกทั้งรัง แต่จะไม่ยอมให้เขาสมหวัง พร้อมฝากประเทศไทยไว้ในมือของคนกล้าคิด กล้าทำ กล้าร่วมกันรักษาแผ่นดินนี้

พลเอก ณัฐพล นาคพาณิชย์ รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงกลาโหม/ผู้อำนวยการศูนย์เฉพาะกิจบริหารสถานการณ์บริเวณชายแดนไทย-กัมพูชา กล่าวในการประชุมศูนย์เฉพาะกิจบริหารสถานการณ์บริเวณชายแดนไทย-กัมพูชา (ศบ.ทก.) เมื่อวันที่ (19 มิ.ย.68) ว่า ในช่วงเวลา 4–5 เดือนที่ผ่านมา ประเทศไทยต้องเผชิญกับสถานการณ์ที่เปราะบางและท้าทายตามแนวชายแดนไทย–กัมพูชา  ความตึงเครียดที่เกิดขึ้น ไม่เพียงแต่ท้าทายอธิปไตยของชาติ หากยังทดสอบความพร้อมของเรา ในฐานะคนไทย ที่ต้องยืนหยัดอย่างมั่นคง ด้วยสติ ปัญญา และความสามัคคี

รัฐบาลจึงมีมติให้จัดตั้ง “ศูนย์เฉพาะกิจบริหารสถานการณ์บริเวณชายแดนไทย–กัมพูชา” หรือ “Team Thailand” ขึ้น โดยมอบหมายให้ผมทำหน้าที่หัวหน้าทีม  พร้อมด้วยหัวหน้าส่วนราชการ คณะผู้บริหารระดับสูง จากส่วนราชการที่เกี่ยวข้องและจำเป็น เพื่อทำหน้าที่ติดตามสถานการณ์ และทำหน้าที่บูรณาการและขับเคลื่อนส่วนราชการ และหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง เพื่อคลี่คลายสถานการณ์ดังกล่าวให้กลับมาสู่ความสงบสุขโดยเร็ว และอย่างมีศักดิ์ศรี

วานนี้ ประเทศของเราต้องเผชิญกับอุบัติการณ์ทางการเมืองที่ไม่มีใครคาดคิด คลิปเสียงการสนทนาระหว่างผู้นำระดับสูงของไทยและกัมพูชา ถูกเผยแพร่ออกมาโดยเจตนาหวังผลร้ายต่อประเทศไทย อย่างแน่นอน 

แต่ผมขอเรียนอย่างหนักแน่นว่า เหตุการณ์นี้ไม่ใช่เรื่องบังเอิญ หากแต่เป็นส่วนหนึ่งของการวางแผนการที่ซับซ้อน มีเป้าหมายที่ลึกซึ้งและแยบยลจากฝ่ายตรงข้าม การปล่อยคลิปเสียงในครั้งนี้ ไม่ได้เป็นเพียงการหวังผลทางการทูต แต่เป็นการ “ยิงกระสุนนัดเดียว เพื่อหวังจะได้นกทั้งรัง” และเราจะไม่ยอมให้เขาสมหวัง เป็นอันขาด

ในส่วนของการเมือง ผมขอไม่กล่าวถึง ให้เป็นไปตามกลไกการเมืองที่เหมาะสม แต่ในส่วนของ “Team Thailand” ผมขอยืนยันว่าศูนย์เฉพาะกิจนี้ หรือทีมงานนี้  เกิดขึ้นมาเพื่อรองรับเหตุไม่คาดฝัน อย่างวันนี้ และจะต้องเดินหน้าต่อไป 

นาทีนี้ เราต้องมองไปข้างหน้า มองไปที่ประชาชน มองไปยังชายแดนที่ร้อนระอุ และถามตัวเราเองว่า…เราจะทำอย่างไร ให้แผ่นดินนี้มีแต่ความสงบสุข มีความสามัคคี มีความร่มเย็น บริเวณชายแดนมีความสงบเรียบร้อย และประชาชนปลอดภัย สามารถดำรงชีวิตประจำวันอย่างสงบสุข เช่นเดิม

ผมขอวิงวอนให้ทุกท่านร่วมใจกัน “บูรณาการและขับเคลื่อนงานระยะสั้น“ ...”ติดตาม ให้ข้อเสนอแนะ และสนับสนุนงานระยะยาว” ให้ความสำคัญสูงสุดกับความสงบเรียบร้อยและความมั่นคงของแผ่นดิน ด้วยหลัก “รอบคอบ รอบด้าน ใช้สติ สร้างสันติ” โดยยึดถือผลประโยชน์ของชาติเป็นสิ่งสำคัญยิ่ง

ผมกราบขอความกรุณาจากทุกท่าน ในการที่จะเสียสละทุ่มเท กำลังกาย กำลังใจ และกำลังสติปัญญา ฝ่าฟันวิกฤติชาติครั้งนี้ไปให้ได้

ขอให้เราทำงานด้วยการให้เกียรติซึ่งกันและกัน ถกแถลงกันด้วยเหตุผล ด้วยความอดทนอดกลั้น และยืนหยัดบนหลักการแห่งความร่วมมือร่วมใจ ผนึกกำลังกันเป็นหนึ่งเดียว ไม่หวั่นไหวต่อการยั่วยุ และไม่ปล่อยให้ความแตกแยกทางอุดมการณ์ความคิด มาบั่นทอนความเป็นหนึ่งเดียวของเรา

แม้วันหนึ่งข้างหน้า ผมจะไม่ได้อยู่ ณ จุดนี้ แต่ผมขอฝากใจของผมไว้กับทุกท่าน ขอฝากประเทศไทยไว้ในมือของคนกล้าคิด กล้าทำ กล้าร่วมกันรักษาแผ่นดินนี้ อย่างสง่างาม

อินเตอร์ลิ้งค์ฯ จัดการแข่งขัน 'Cabling Contest ปีที่ 13' เฟ้นหา 5 ทีมแกร่งภาคเหนือ สู่รอบชิงชัย คว้าถ้วยพระราชทานฯ ก้าวเป็นสุดยอดทักษะสายสัญญาณ ระดับประเทศ

เปิดสนามประลองฝีมือ เปิดตัวเต็ง 5 ทีมสถาบันแรก ที่ผสานทักษะ และเทคโนโลยี วันนี้ (18 มิ.ย. 68) บริษัท อินเตอร์ลิ้งค์ คอมมิวนิเคชั่น จำกัด (มหาชน) จัดการแข่งขัน 'สุดยอดทักษะสายสัญญาณ (Cabling Contest ปีที่ 13)' รอบคัดเลือกเฟ้นหาตัวแทนภาคเหนือ ภายใต้การสนับสนุนจาก สำนักนายกรัฐมนตรี กระทรวงดิจิทัลเพื่อเศรษฐกิจและสังคม กระทรวงศึกษาธิการ พร้อมถ้วยพระราชทานจากสมเด็จพระกนิษฐาธิราชเจ้า กรมสมเด็จพระเทพรัตนราชสุดาฯ พร้อมเงินรางวัลและถ้วยเกียรติยศ รวมมูลค่ากว่า 400,000 บาท

เป็นความมุ่งมั่นที่ บริษัทฯ ได้นำความเชี่ยวชาญด้านระบบโครงข่ายสายสัญญาณ จากสินค้า และอุปกรณ์ LINK AMERICAN & GERMAN RACK ที่เป็นมาตรฐาน STANDARD มีมาตรฐานสากลการันตี และมี SOLUTION ดีเยี่ยมที่ตอบโจทย์ทุกงานระบบอย่างมีเสถียรภาพ พร้อมกับมีเป้าหมายสำคัญในการส่งเสริมการเรียนรู้ และพัฒนาทักษะด้านระบบโครงข่ายสายสัญญาณในกลุ่มเยาวชน นิสิต นักศึกษา ให้มีความรู้ ความสามารถที่ทันสมัย ตอบโจทย์อุตสาหกรรมเทคโนโลยีสารสนเทศและการสื่อสารในยุคดิจิทัล

โดยงานนี้ ยังได้รับเกียรติจาก นายสมบัติ อนันตรัมพร ประธานกรรมการ บริษัท อินเตอร์ลิ้งค์ คอมมิวนิเคชั่น จำกัด (มหาชน) ผู้ให้การสนับสนุนหลักของการแข่งขัน มาร่วมให้โอวาท ถ่ายทอดประสบการณ์ตรง และสร้างแรงบันดาลใจให้แก่ผู้เข้าแข่งขันทุกสถาบันในวันนี้อีกด้วย

ในปีนี้ การแข่งขันยังคงจัดขึ้นอย่างเข้มข้น และจัดขึ้นอย่างต่อเนื่องเป็นปีที่ 13 ในรูปแบบออนไลน์ โดยในวันที่จัดงานนี้ เป็นการแข่งขันในรอบคัดเลือกภาคเหนือ เพื่อเฟ้นหาสุดยอดฝีมือจากตัวแทนสถาบันการศึกษาทั่วภูมิภาค ที่จะผ่านเข้าสู่รอบชิงชนะเลิศ โดยมีเพียง 5 สถาบัน ประจำภาคเหนือเพียงเท่านั้น ที่จะได้สิทธิ์เข้าแข่งขันรอบสุดท้ายเพื่อชิง ถ้วยพระราชทานจากสมเด็จพระกนิษฐาธิราชเจ้า กรมสมเด็จพระเทพรัตนราชสุดาฯ พร้อมเงินรางวัล และถ้วยเกียรติยศ รวมมูลค่ากว่า 400,000 บาท

โดยในช่วงเช้า จะเริ่มต้นด้วยการให้ความรู้พื้นฐานด้านระบบสายสัญญาณ ในหัวข้อ “Moving Forward with Innovation: Cabling Infrastructure for Future Solutions (Design – Installation – Solution)” โดยได้รับเกียรติจาก นายภาคภูมิ พลธร Technical and Products Training Manager จากบริษัท อินเตอร์ลิ้งค์ฯ เป็นวิทยากรให้ความรู้เกี่ยวกับนวัตกรรมระบบสายสัญญาณ และแนวทางออกแบบ ติดตั้ง เพื่อรองรับการเปลี่ยนผ่านสู่อนาคตพร้อมการแข่งขันภาคทฤษฎี เพื่อประเมินความรู้ความเข้าใจของผู้เข้าแข่งขัน และในช่วงบ่าย จะเป็นการแข่งขันภาคปฏิบัติ ซึ่งเป็นหัวใจสำคัญในการวัดผลทักษะที่แท้จริงของแต่ละทีม โดยบรรยากาศเป็นไปอย่างเข้มข้น เต็มไปด้วยพลัง ความมุ่งมั่น และศักดิ์ศรีของแต่ละสถาบันที่เข้าร่วม

ซึ่งก่อนเข้าสู่การสนามของแข่งขันในภาคปฏิบัติ ผู้เข้าแข่งขันจะได้รับฟังคำชี้แจง กติกาการแข่งขัน จากทีมวิทยากรผู้เชี่ยวชาญ เพื่อเตรียมความพร้อม และทำความเข้าใจขั้นตอนต่าง ๆ ของการแข่งขันในรอบนี้ โดยมี ผู้เข้าแข่งขันจากทั่วทุกสถาบันในภูมิภาคเหนือ สมัครเข้าแข่งขันอย่างล้นหลาม และแข่งขันกันอย่างดุเดือดเข้มข้นอีกด้วย

และสำหรับผู้ที่ไม่ได้เข้าร่วมการแข่งขัน ทุกท่านจะสามารถติดตามชมการถ่ายทอดสด กิจกรรมตลอดทั้งวันได้ผ่านระบบ Zoom และช่องทางออนไลน์ของบริษัท เพื่อมาร่วมลุ้นว่า 5 สถาบันการศึกษาจากภาคเหนือแห่งใด จะคว้าสิทธิ์เข้าสู่ รอบชิงชนะเลิศระดับประเทศ และเข้าใกล้โอกาสในการคว้าถ้วยพระราชทานอันทรงเกียรติไปครองและในที่สุด! ได้ 5 ทีมตัวแทนจากภาคเหนือ ที่ฝ่าฟันศึกแห่งศักดิ์ศรี และผ่านเข้ารอบชิงชนะเลิศ เพื่อชิง ถ้วยพระราชทานฯ แล้ว ได้แก่
1. วิทยาลัยอาชีวศึกษาลำปาง
2.วิทยาลัยเทคนิคพิษณุโลก
3.วิทยาลัยการอาชีพฝาง
4.วิทยาลัยเทคนิคพิจิตร
5.วิทยาลัยเทคนิคอุตรดิตถ์

บริษัท อินเตอร์ลิ้งค์ คอมมิวนิเคชั่น จำกัด (มหาชน) จึงขอเป็นอีกหนึ่งพลังในการสนับสนุนการศึกษาด้านเทคโนโลยี ช่วยสานต่อพันธกิจในการส่งเสริมการศึกษา พัฒนาทักษะ และเสริมสร้างศักยภาพด้านเทคโนโลยีสารสนเทศให้กับเยาวชนทั่วประเทศ สร้างแรงบันดาลใจ และประสบการณ์จริงที่หาไม่ได้จากห้องเรียน พร้อมผลักดันให้เยาวชนไทยก้าวทันการเปลี่ยนแปลงสู่ยุคดิจิทัลอย่างมั่นคง เพื่อพัฒนาทักษะของเยาวชนไทยอย่างต่อเนื่อง พร้อมผลักดันให้อุตสาหกรรมโครงข่ายสายสัญญาณของประเทศเติบโตอย่างแข็งแกร่งต่อไป

สำหรับการแข่งขัน 'สุดยอดทักษะสายสัญญาณ Cabling Contest ปีที่ 13' รอบคัดเลือกยังไม่จบเพียงเท่านี้ โดยรอบถัดไปจะจัดขึ้น เพื่อเฟ้นหาสุดยอด 5 ทีมตัวแทนภาคใต้ที่จะผ่านเข้าสู่รอบชิงชนะเลิศระดับประเทศ จึงขอเชิญทุกท่านติดตาม และร่วมเป็นกำลังใจให้กับเยาวชนคนเก่งจากทั่วภาคใต้ ในการแข่งขันรอบคัดเลือก วันที่ 16 กรกฎาคม 2568

มาร่วมลุ้น และร่วมเชียร์ไปด้วยกันว่า สถาบันใดจะคว้าตั๋วสู่รอบชิงชนะเลิศ บนเวทีแห่งเกียรติยศนี้! และเตรียมพบกับรอบชิงชนะเลิศระดับประเทศที่จะรวมตัวแทนจากทั่วประเทศมาประชันทักษะครั้งยิ่งใหญ่ เพื่อชิงความเป็นหนึ่งด้านโครงข่ายสายสัญญาณ

สามารถสอบถามรายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ ฝ่ายการตลาดและสื่อสารองค์กร โทร 02-666-1111 ต่อ 1705 
สนใจสมัครแข่งขันได้ที่ : http://cablingcontest.net/home2.php   
สนใจเข้าร่วมสัมมนา ฟรี ได้ที่ https://interlink.co.th/seminar/seminar_view?seminar_id=116  

นี่แหละสังคมไทย!! สังคมที่กฎหมายมักจะทำอะไรไม่ได้กับ ‘คนไม่ดีนอกคุก’

(19 มิ.ย. 68) นี่แหละสังคมไทย!! สังคมที่กฎหมายมักจะทำอะไรไม่ได้กับ ‘คนไม่ดีนอกคุก’ บางคน >> ‘เอิร์น วัดใหญ่’ บทเรียนชีวิต!! เปลี่ยน ‘ทรชน’ สู่ ‘สุจริตชน’ l CONTRIBUTOR EP.32

ติดตามเนื้อหาเต็มได้ที่ >> https://www.youtube.com/watch?v=BSMFXnao5CM&t=640s


© Copyright 2021, All rights reserved. THE STATES TIMES
Take Me Top