Friday, 25 April 2025
NEWS

‘ทุงสะเทวี’ นางสงกรานต์ 2568 ผู้เสด็จมาบนหลังครุฑลักษณะไสยาสน์หลับเนตร พร้อมคำทำนายประจำปีนี้ทั้งด้านดีและร้าย

เข้าสู่เทศกาลสงกรานต์ หลายคนคงเคยได้ยินเรื่องราวของ 'นางสงกรานต์' หรือ 'เทวีสงกรานต์' ซึ่งเป็นหนึ่งในธรรมเนียมสำคัญของไทยที่สืบทอดกันมาช้านาน เป็นการทำนายแนวโน้มของปีนั้น ๆ ทั้งในเรื่องของบ้านเมือง เศรษฐกิจ และสภาพอากาศ โดยอิงจากตำแหน่งของดวงดาวตามโหราศาสตร์ไทย 

ใครคือนางสงกรานต์ประจำปี 2568
นางสงกรานต์ประจำปี 2568 มีนามว่า ทุงสะเทวี (หรือทุงษเทวี) เทวีองค์นี้เป็นหนึ่งในเจ็ดนางที่ผลัดเปลี่ยนกันมาในแต่ละปี โดยตำราโบราณระบุไว้ว่าลักษณะของเทวีจะสะท้อนถึงสถานการณ์ในปีนั้น ๆ ไม่ว่าจะเป็นความอุดมสมบูรณ์ ความเปลี่ยนแปลง หรือภัยที่อาจเกิดขึ้น ซึ่งเป็นการผสมผสานระหว่างคติความเชื่อและการดูดวงดาวอย่างลึกซึ้ง เทวีประจำปีจึงเปรียบเสมือน 'โหรหญิง' แห่งจักรวาล ที่มาบอกแนวทางชีวิตของปี 2568 นี้

ในปีนี้ ทุงสะเทวี ทรงพาหนะคือ ครุฑ เสด็จโดยท่านอนหลับเนตร (นอนหลับตา) ซึ่งเป็นลักษณะพิเศษในปีนี้ โดยมีรายละเอียดเพิ่มเติมคือ ทรงพาหุรัด ทัดดอกทับทิม อาภรณ์แก้วปัทมราค ภักษาหารคือผลมะเดื่อ (อุทุมพร) พระหัตถ์ขวาทรงจักร พระหัตถ์ซ้ายทรงสังข์ สื่อถึงพลังอำนาจ การปกป้อง และการรู้แจ้งในสรรพสิ่ง เสด็จมาเหนือหลังครุฑซึ่งเป็นพาหนะสำคัญที่สื่อถึงความมั่นคงและความศักดิ์สิทธิ์ในทางโหราศาสตร์

สำหรับคำทำนายนางสงกรานต์ประจำปี 2568 ปีนี้ตรงกับวันอาทิตย์ ซึ่งตามตำราโบราณถือว่าเป็นวันมหาสงกรานต์ที่ไร่นาเรือกสวน เผือกมัน จะไม่แพงนัก แสดงถึงภาคเกษตรกรรมที่มีแนวโน้มดีขึ้น แต่ในวันเนา (วันจันทร์) กลับมีคำทำนายว่าเกลือจะแพง นางพระยาจะร้อนใจ และมักจะเกิดโรคภัยไข้เจ็บต่าง ๆ ดังนั้นภาพรวมของปีนี้อาจมีทั้งด้านที่ดีและด้านที่ต้องระวังเป็นพิเศษ โดยเฉพาะเรื่องสุขภาพและอารมณ์ของผู้คน

นอกจากนี้ วันพุธเป็นวันเถลิงศก ซึ่งหมายถึงวันเริ่มต้นปีใหม่ไทยอย่างแท้จริง มีคำพยากรณ์ว่า ราชบัณฑิต ปุโรหิตโหราจารย์จะมีสุขสำราญเป็นอันมาก สื่อถึงการที่ผู้รู้ ผู้มีปัญญา หรือคนในวงวิชาการจะได้รับความเคารพนับถือและมีความเจริญก้าวหน้า

และด้วยนางสงกรานต์ปีนี้ เสด็จมาบนหลังครุฑในลักษณะนอนหลับตา (ไสยาสน์หลับเนตร) ซึ่งมีนัยว่า พระมหากษัตริย์จะเจริญรุ่งเรืองดี บ้านเมืองจะมั่นคง แต่อาจมีบางช่วงที่ประชาชนรู้สึกไม่มั่นใจในอนาคต ต้องอาศัยความเข้าใจและความร่วมมือร่วมใจกันมากขึ้น

โดยคำทำนายโดยรวมของปีนี้สะท้อนถึงความเปลี่ยนแปลงที่ทุกคนควรเตรียมตัวรับมือ ด้วยการใช้สติ รอบรู้ และวางแผนอย่างมีเหตุผล ไม่ว่าจะเป็นการวางแผนทางการเงิน การดูแลครอบครัว หรือการเตรียมสุขภาพกายใจให้พร้อมต่อสถานการณ์ไม่แน่นอน เป็นการเตือนให้เราเดินหน้าอย่างมั่นคง ใช้ความอดทนเป็นหลัก ยึดสติเป็นอาวุธ พร้อมเปิดใจเรียนรู้และพัฒนาตนเองในทุกมิติ ไม่ว่าจะเป็นการงาน ครอบครัว หรือสุขภาพ

ททท. ชวนเที่ยวไทยผ่านแคมเปญ “สุขทันที ที่เที่ยวไทย”

เมื่อน้ำสงกรานต์…คือสายน้ำแห่งมิตรภาพระหว่างประเทศ

The Diplomat Splash 2025 โดย Nomad Media คืองานสงกรานต์ที่ไม่ใช่แค่ความสนุก แต่สะท้อนถึงสายสัมพันธ์อันแน่นแฟ้นระหว่างประเทศ

เหล่าทูตานุทูตจากหลายประเทศทั่วโลก พร้อมครอบครัวและเพื่อนๆ มาร่วมเปิดประสบการณ์สงกรานต์ไทยแบบจัดเต็ม

ชุ่มฉ่ำทั้งกาย อบอุ่นทั้งใจ ในเทศกาลแห่งการเริ่มต้นใหม่ที่งดงาม

‘โอ๋ สุดซอย’ นำ!! ‘DSI – ตำรวจสอบสวนกลาง - คณะกรรมการแข่งขันทางการค้า’ บุกทลายโกดัง ‘ซินเคอหยวน’ ค้นยึด เอกสาร เซิร์ฟเวอร์คอมพิวเตอร์ กล้องวงจรปิด

(12 เม.ย. 68) นางสาวฐิติภัสร์ โชติเดชาชัยนันต์ หัวหน้าคณะทำงานรัฐมนตรีว่าการกระทรวงอุตสาหกรรม หรือ ‘หัวหน้าทีมสุดซอย’ ได้โพสต์ข้อความ ถึงกรณี ‘ซินเคอหยวน’ โดยมีใจความว่า ...

ร่วมภารกิจสุดซอย ตรวจค้นและยึดเอกสาร คอมพิวเตอร์ เซิร์ฟเวอร์คอมพิวเตอร์ - กล้องวงจรปิดของ SKY และตรวจสอบเพิ่มเติมในส่วนของโกดังที่อยู่ด้านหลังที่ปิดตาย ยังพบฝุ่นแดงที่ซ่อนไว้อีกกว่า 13,000 ตัน หากรวมกับของเดิมที่พบก่อนหน้า 43,000 ตัน ก็เท่ากับว่ามีฝุ่นแดงที่พบทั้งหมด 56,000 ตัน…ยิ่งตรวจยิ่งเจอ ถือเป็นภารกิจสำคัญที่ต้องขยายผลตรวจสอบต่อไป

ขอขอบคุณความร่วมมือในการปฏิบัติภารกิจจาก DSI (กรมสอบสวนคดีพิเศษ) ตำรวจสอบสวนกลาง (บก.ปทส.) คณะกรรมการการแข่งขันทางการค้า (กขค.) มูลนิธิบูรณะนิเวศ (EARTH) และสื่อมวลชนทุกท่าน ที่ร่วมภารกิจสุดซอยในครั้งนี้ และยังมีอีกหลายภารกิจร่วมกันต่อจากนี้

และที่สำคัญขอขอบคุณ #ทีมสุดซอย สำนักงานปลัดกระทรวงอุตสาหกรรม กรมโรงงานอุตสาหกรรม และสำนักงานมาตรฐานผลิตภัณฑ์อุตสาหกรรม ที่ทำงานกันอย่างหนักตลอดช่วงสัปดาห์ที่ผ่านมา ทั้งเตรียมข้อมูล สืบค้น ตรวจหน้างานเพื่อหาหลักฐานบนข้อเท็จจริง

หลังจากนี้กรมโรงงานอุตสาหกรรมจะส่งข้อมูล เอกสาร เซิร์ฟเวอร์คอมพิวเตอร์-กล้องวงจรปิดทั้งหมด ให้กับ DSI เพื่อตรวจสอบและขยายผลต่อไป

ทีมนักวิจัย มจธ. พัฒนาหุ่นยนต์ต้นแบบ ช่วยกายภาพบำบัด ผู้ป่วยกล้ามเนื้ออ่อนแรง ผสาน!! ‘เทคโนโลยีปัญญาประดิษฐ์ - เกม’ เข้าไว้ด้วยกัน ฟื้นฟูร่างกายแม่นยำ สนุก

(12 เม.ย. 68) ประเทศไทยกำลังก้าวเข้าสู่สังคมผู้สูงอายุอย่างสมบูรณ์ โดยข้อมูลจากสำนักงานสถิติแห่งชาติและหน่วยงานด้านประชากรศาสตร์คาดการณ์ว่า ภายในปี 2583 ประเทศไทยจะมีผู้สูงอายุคิดเป็นสัดส่วนมากกว่า 32% ของประชากรทั้งหมด หรือประมาณ 20 ล้านคน ซึ่งนำมาสู่การเพิ่มขึ้นของโรคเรื้อรังและภาวะเสื่อมของระบบต่าง ๆ ในร่างกาย โดยเฉพาะโรคที่เกี่ยวกับการทำงานของระบบประสาทและกล้ามเนื้อ เช่น โรคกล้ามเนื้ออ่อนแรง (ALS - Amyotrophic Lateral Sclerosis) และโรคกล้ามเนื้ออ่อนแรงไมแอสทีเนียเกรวิส (MG - Myasthenia Gravis) ที่ส่งผลให้ผู้ป่วยสูญเสียความสามารถในการเคลื่อนไหวอย่างต่อเนื่อง และไม่สามารถช่วยเหลือตนเองได้ในที่สุด

การกายภาพบำบัดจึงเป็นส่วนสำคัญในการดูแลผู้ป่วย เพื่อยืดอายุการทำงานของกล้ามเนื้อและรักษาคุณภาพชีวิต อย่างไรก็ตาม ผู้ป่วยจำนวนมากไม่สามารถทำกายภาพได้ต่อเนื่อง เนื่องจากข้อจำกัดด้านร่างกาย สภาพจิตใจ และความเบื่อหน่ายต่อวิธีการเดิม ส่งผลให้ประสิทธิภาพการฟื้นฟูลดลงอย่างมาก

เพื่อแก้ไขข้อจำกัดดังกล่าว ดร.ปฏิยุทธ พรามแก้ว หัวหน้าโครงการ อาจารย์จากโครงการร่วมบริหารหลักสูตรฯ (มีเดีย) คณะสถาปัตยกรรมศาสตร์และการออกแบบ และ ผู้ช่วยศาสตราจารย์ ดร. ฐิตาภรณ์ กนกรัตน คณะวิทยาศาสตร์ มหาวิทยาลัยเทคโนโลยีพระจอมเกล้าธนบุรี ร่วมกับ ผู้ช่วยศาสตราจารย์ ดร.มหศักดิ์ เกตุฉ่ำ มหาวิทยาลัยเทคโนโลยีพระจอมเกล้าพระนครเหนือ ผู้ช่วยศาสตราจารย์ ดร.นฤมล ชูเมือง มหาวิทยาลัยราชภัฏหมู่บ้านจอมบึง และ ดร.วรวุทธิ์ ยิ้มแย้ม มหาวิทยาลัยราชภัฏเพชรบุรี ได้ดำเนินการวิจัยและพัฒนา “หุ่นยนต์ต้นแบบช่วยกายภาพบำบัดผู้ป่วยกล้ามเนื้ออ่อนแรงบริเวณขาโดยใช้ปัญญาประดิษฐ์และเกม” โดยมุ่งเน้นการพัฒนาอุปกรณ์ต้นแบบที่สามารถใช้งานได้จริงในบริบทของผู้ป่วยกล้ามเนื้ออ่อนแรงบริเวณขา พร้อมระบบเกมที่ออกแบบขึ้นโดยเฉพาะสำหรับการกระตุ้นการขยับร่างกายผ่านเกมที่มีเป้าหมายชัดเจน โดยได้รับความร่วมมือจากแพทย์และบุคลากรในโรงพยาบาลผู้สูงอายุบางขุนเทียน ที่นำข้อมูลเชิงลึกและความต้องการของผู้ป่วยมาเป็นโจทย์ในการพัฒนางานวิจัย

“หุ่นยนต์ต้นแบบนี้ประกอบด้วยสององค์ประกอบหลัก ได้แก่ อุปกรณ์กายภาพบำบัดที่ออกแบบตามหลักสรีรศาสตร์ โดยสามารถปรับน้ำหนัก แรงต้าน และตำแหน่งให้เหมาะสมกับสภาพร่างกายของผู้ป่วยแต่ละราย และระบบเกมแบบจำลองสถานการณ์ (Simulation Game) ที่ใช้การขยับกล้ามเนื้อขาเพื่อควบคุมการดำเนินภารกิจในเกม ซึ่งได้รับการออกแบบให้มีลักษณะเหมาะสมกับผู้สูงอายุและผู้ป่วยกลุ่มเป้าหมายโดยเฉพาะ เช่น ขนาดตัวอักษร หน้าจอแสดงผล รูปแบบการโต้ตอบ การวางปุ่ม และระบบให้คะแนนที่ชัดเจนเพื่อให้เห็นพัฒนาการของผู้ใช้งาน ผสานกับการใช้ปัญญาประดิษฐ์ (AI) ในการติดตาม วิเคราะห์ และปรับระดับความยากง่ายของกิจกรรมให้สอดคล้องกับพฤติกรรมการใช้งานจริงของผู้ป่วยแต่ละคน ที่ช่วยให้การฝึกมีประสิทธิภาพสูงขึ้น และสามารถประเมินผลได้แม่นยำขึ้น” ดร.ปฏิยุทธ กล่าวถึงหลักการการทำงานของหุ่นยนต์ต้นแบบ

ผศ.ดร. ฐิตาภรณ์ กล่าวเสริมว่า การพัฒนาหุ่นยนต์ต้นแบบดังกล่าวไม่เพียงสร้างผลลัพธ์ทางเทคโนโลยีเท่านั้น แต่ยังส่งผลกระทบเชิงสังคมและอุตสาหกรรมอย่างเป็นรูปธรรม ตัวอย่างเช่น ความสามารถในการต่อยอดสู่การผลิตเชิงพาณิชย์ในราคาที่ประชาชนสามารถเข้าถึงได้ การนำไปประยุกต์ใช้ในโรงพยาบาล ศูนย์ฟื้นฟู ชุมชนผู้สูงอายุ รวมถึงการใช้งานภายในครัวเรือน ที่ช่วยขยายโอกาสในการเข้าถึงเทคโนโลยีฟื้นฟูสุขภาพอย่างทั่วถึง เพิ่มอัตราการเข้าถึงบริการฟื้นฟูที่มีคุณภาพ ลดภาระงานของบุคลากรทางการแพทย์ในระยะยาว และส่งเสริมให้ผู้ป่วยและครอบครัวมีส่วนร่วมในการฟื้นฟูอย่างต่อเนื่อง โดยไม่จำเป็นต้องใช้งบประมาณสูง

ผลงานวิจัยชิ้นนี้ได้รับรางวัลผลงานประดิษฐ์คิดค้น รางวัลประกาศเกียรติคุณจากสำนักงานการวิจัยแห่งชาติ (วช.) สาขาเทคโนโลยีสารสนเทศและนิเทศศาสตร์ ประจำปี 2568 โดยถือเป็นหนึ่งในโครงการวิจัยที่สามารถนำเทคโนโลยีมาประยุกต์ใช้กับโจทย์ทางสุขภาพได้อย่างเป็นรูปธรรม มีศักยภาพในการพัฒนาต่อยอด และตอบสนองต่อนโยบายด้านสาธารณสุขในสังคมผู้สูงอายุของประเทศไทยได้อย่างมีประสิทธิภาพ

ในระยะต่อไป ทีมวิจัยมีแผนที่จะพัฒนาอุปกรณ์และระบบเกมให้สามารถปรับใช้กับผู้ป่วยกลุ่มอื่น ๆ เช่น ผู้ที่มีภาวะอัมพฤกษ์ อัมพาต หรือผู้ป่วยที่ผ่านการผ่าตัดที่ต้องการฟื้นฟูการเคลื่อนไหว โดยจะประสานความร่วมมือกับหน่วยงานภาครัฐและภาคเอกชนเพื่อเร่งการผลิตต้นแบบให้สามารถใช้จริงได้ในวงกว้าง

“หัวใจสำคัญของงานวิจัยตัวนี้คือ การทำให้ผู้ป่วยรู้สึกว่าเขาดูแลชีวิตของตัวเองได้ เราใช้เทคโนโลยีเข้ามาเพื่อเสริมทั้งร่างกายและจิตใจ ทำให้ผู้ป่วยรู้สึกอยากลุกขึ้นมาสู้อีกครั้งด้วยความต้องการของตัวเอง” ดร.ปฏิยุทธกล่าวปิดท้าย

กระทรวงวัฒนธรรม ร่วมเปิดงาน 'ICONSIAM THAICONIC SONGKRAN CELEBRATION 2025' สาดสนุกมหาสงกรานต์ สายธารแห่งเสน่ห์ไทย ณ ริเวอร์ พาร์ค ไอคอนสยาม

เมื่อวันที่ (10 เม.ย.68) เวลา 16.30 น. นางสาวสุดาวรรณ หวังศุภกิจโกศล รัฐมนตรีว่าการกระทรวงวัฒนธรรม มอบหมายให้นายพลภูมิ วิภัติภูมิประเทศ ผู้ช่วยรัฐมนตรีประจำกระทรวงวัฒนธรรม เป็นประธานในพิธีเปิดงาน “ICONSIAM THAICONIC SONGKRAN CELEBRATION 2025” The legendary Festival of Waters สาดสนุกมหาสงกรานต์ สายธารแห่งเสน่ห์ไทย ณ ริเวอร์ พาร์ค ไอคอนสยาม พร้อมด้วยนายประสพ เรียงเงิน ปลัดกระทรวงวัฒนธรรม นางสาวลิปิการ์ กำลังชัย รองอธิบดีกรมส่งเสริมวัฒนธรรม เข้าร่วมฯ โดยมีนายสุพจน์ ชัยวัฒน์ศิริกุล กรรมการผู้จัดการ บริษัท ไอคอนสยาม จำกัด ผู้บริหาร เครือข่ายพันธมิตร ศิลปิน แขกผู้มีเกียรติ และสื่อมวลชน เข้าร่วมด้วย 

พิธีเปิดงาน 'ICONSIAM THAICONIC SONGKRAN CELEBRATION 2025' จัดอย่างยิ่งใหญ่ โดยได้รับเกียรติจากผู้บริหารระดับสูง ตัวแทนจากภาครัฐและภาคเอกชน รวมถึงนักท่องเที่ยวชาวไทยและต่างประเทศให้ความสนใจเป็นอย่างมากสร้างความตื่นตาตื่นใจด้วยการเปิดตัวนางสงกรานต์ที่มาพร้อมทัพสวรรค์ นางรำ กินรีกินรา และตัวละครจากวรรณคดีไทย ร่วมขบวนแห่กว่า ๔๐ ชีวิต ถ่ายทอดมนต์เสน่ห์ของประเพณีดั้งเดิม ผสานการนำเสนอและถ่ายทอดแบบร่วมสมัยบนแลนด์มาร์กสำคัญของไทยริมแม่น้ำเจ้าพระยา นำโดย "โบว์-เมลดา สุศรี"แปลงโฉมเป็น นางสงกรานต์ ประจำปี ๒๕๖๘ ทรงนามว่า "ทุงสะเทวี"สวมผ้านุ่งไหมยกทอง ผ้ายกเมืองนคร หายากทรงคุณค่านุ่งจีบหน้านางชายสะบัดแบบโบราณ ห่มผ้าสไบสีทองปักประดับดิ้นทอง เลื่อม ลูกปัดคริสตัลสีแดง ออกแบบโดยคุณบิ๊ก-พีรมณฑ์ ชมธวัชนักออกแบบเครื่องแต่งกายชั้นนำของไทยและสวมเครื่องประดับที่รังสรรค์จากทองคำแท้ ทับทิมและเพชรโบราณ ซึ่งเป็นของนักสะสมเครื่องประดับโบราณ คุณโจ๊ก พุทธพงษ์ เพียรเจริญในขบวนแห่ยังมีตัวแทนคนรุ่นใหม่ "วิน-เมธวิน โอภาสเอี่ยมขจร" ร่วมสืบสานประเพณีสงกรานต์ไทย งามสง่าด้วยชุดสูทผ้าไหมทอแขนยาวโจงกระเบนสีแดง ในลุคทันสมัยสากล

💦 การจัดงานมหาสงกรานต์อย่างยิ่งใหญ่ริมแม่น้ำเจ้าพระยาในครั้งนี้ ไอคอนสยาม ผนึกความร่วมมือ กระทรวงวัฒนธรรม กรมส่งเสริมวัฒนธรรม สภาวัฒนธรรมกรุงเทพมหานคร การท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย กรุงเทพมหานคร กรมประชาสัมพันธ์ หน่วยงานภาครัฐที่เกี่ยวข้อง พร้อมพันธมิตรภาคเอกชน ได้แก่ บริษัท ธีซิซ อินเตอร์เนชั่นเเนล จำกัด แบรนด์ Beverly Hills Polo Club, ธนาคารเพื่อการเกษตรและสหกรณ์การเกษตร (ธ.ก.ส.), JisuLife, บริษัท คาร์มาร์ท จำกัด มหาชน แบรนด์ เคที่ดอลล์, บริษัท บุญรอดเทรดดิ้ง จำกัด, บริษัท อังกฤษตรางู (แอล.พี.) จำกัด, บริษัท นิสชิน ฟูดส์ (ไทยแลนด์) จำกัด ร่วมกันจัดงาน “ICONSIAM THAICONIC SONGKRAN CELEBRATION 2025” ในระหว่างวันที่ 10 - 16 เมษายน 2568 ณ ริเวอร์ พาร์ค ไอคอนสยาม เพื่อส่งเสริมและสืบสานคุณค่าทางวัฒนธรรมประเพณีของไทยอย่างยั่งยืน พร้อมเผยแพร่ให้คนทั่วโลกได้ชื่นชม

การจัดงานสงกรานต์ ณ ไอคอนสยาม ตอกย้ำการเป็นจุดหมายปลายทางที่ส่งมอบประสบการณ์ระดับโลกที่ดีที่สุด (Global Experiential Destination) ชูเสน่ห์วัฒนธรรมไทยดึงดูดนักท่องเที่ยวจากทั่วทุกมุมโลก พร้อมส่งมอบประสบการณ์ 5 MUST EXPERIENCES เสน่ห์แห่งสงกรานต์ไทย เพื่อสร้างแม็กเน็ตการท่องเที่ยวส่งเสริมให้ไทยเป็นศูนย์กลางการท่องเที่ยวของภูมิภาคตามนโยบายภาครัฐ เน้นสาดสนุกให้สุดอย่างปลอดภัยด้วยวอเตอร์ทาวเวอร์สูงกว่า 9 เมตร โซนเล่นน้ำสำหรับเด็กเล็ก ประเพณีก่อกองทราย ขบวนแห่สงกรานต์ ประเพณีสรงน้ำพระ และการแสดงวัฒนธรรมไทยอีกมากมายตลอด 7 วัน

รัฐ 'ทุ่มงบ 220 ล้าน' ส่งเสริมภาพยนตร์ ละคร ซีรีส์ สารคดี แอนิเมชันไทย ขับเคลื่อนอุตสาหกรรมสร้างสรรค์ - ผลักดันซอฟต์พาวเวอร์ไทย 

เมื่อวันที่ (10 เม.ย.68) นางสาวสุดาวรรณ หวังศุภกิจโกศล รัฐมนตรีว่าการกระทรวงวัฒนธรรม เปิดเผยว่า THACCA ร่วมกับกระทรวงวัฒนธรรม โดยกรมส่งเสริมวัฒนธรรม และคณะอนุกรรมการขับเคลื่อนอุตสาหกรรมด้านภาพยนตร์ ละคร และซีรีส์ สนับสนุนงบฯ 220 ล้านบาท ส่งเสริมการผลิตภาพยนตร์ ละคร ซีรีส์ สารคดี แอนิเมชันไทย ในการขับเคลื่อนอุตสาหกรรมและส่งเสริมการสร้างซอฟต์พาวเวอร์ไทย เปิดโอกาสให้ผู้ประกอบการ รวมถึงผู้ผลิตสื่อสร้างสรรค์ ครอบคลุมทุกกลุ่มเป้าหมาย ซึ่งเปิดรับการยื่นเอกสารโครงการเพื่อขอรับเงินอุดหนุน ระหว่างวันที่ 6 ม.ค. - 7 ก.พ. 2568 ที่ผ่านมา 

นางสาวสุดาวรรณ กล่าวต่อว่า กระทรวงวัฒนธรรม โดยกรมส่งเสริมวัฒนธรรม ได้แต่งตั้งคณะกรรมการเพื่อการพิจารณาจัดสรรงบฯ ดังกล่าว จำนวน 3 ชุด ดังนี้  1.คณะกรรมการจัดทำหลักเกณฑ์การขอรับเงินอุดหนุนประจำปีงบประมาณ พ.ศ. 2568 2.คณะกรรมการกลั่นกรองและคัดเลือกโครงการที่ขอรับการจัดสรรเงินอุดหนุนประระจำปีงบประมาณ พ.ศ. 2568 และ 3.คณะกรรมการพิจารณาจัดสรรเงินอุดหนุนประจำปีงบประมาณ พ.ศ. 2568 

รมว.วัฒนธรรม  กล่าวว่า ได้รับรายงานว่า ขณะนี้มีโครงการได้ผ่านกระบวนการที่คณะกรรมการพิจารณาจัดสรรงบฯ เรียบร้อยแล้ว 88 โครงการ ครอบคลุมโครงการ 3 หมวดใหญ่ ได้แก่ 1.การสนับสนุนการผลิตภาพยนตร์ ละคร ซีรีส์ สารคดี แอนิเมชันไทย จำนวน 200 ล้านบาท 2.การสนับสนุน Development Funding ภาพยนตร์ ละคร และซีรีส์ (สร้างIP) จำนวน 10 ล้านบาท และ 3.สนับสนุนทุนหนังสันเจาะตลาดโลก จำนวน 10 ล้านบาท โดยได้มีการสนับสนุนงบประมาณในการผลิตให้กับผู้ประกอบการที่สร้างสรรคผลงานที่มีคุณภาพและมีเนื้อหาที่หลากหลาย รายละเอียดการพิจารณาผลฯ ตามประกาศกรมส่งเสริมวัฒนธรรม https://www.culture.go.th/culture_th/download/Newfile/image3530.pdf

“กระทรวงวัฒนธรรมเชื่อมั่นว่าการสนับสนุนครั้งนี้จะเป็นฟันเฟืองสำคัญในการขับเคลื่อนอุตสาหกรรมสร้างสรรค์ เสริมศักยภาพซอฟต์พาวเวอร์ไทย และยกระดับประเทศให้เป็นศูนย์กลางการผลิตภาพยนตร์ ละคร ซีรีส์ สารคดี และแอนิชันในภูมิภาค พร้อมทั้งส่งเสริมอัตลักษณ์ไทยให้เป็นที่รู้จักอย่างกว้างขวางในระดับโลก” นางสาวสุดาวรรณ กล่าว

กระทรวงวัฒนธรรม ร่วมส่งเสริมเยาวชนจิตอาสาปล่อยพลัง (เสียง)สร้างสรรค์ ช่อง7HD สานต่อโครงการชุมทางดาวทอง GLO Miracle Music ซีซัน2

(10 เม.ย.68) นางยุถิกา อิศรางกูร ณ อยุธยา รองปลัดกระทรวงวัฒนธรรม รักษาราชการแทน อธิบดีกรมส่งเสริมวัฒนธรรม ผู้แทนรัฐมนตรีว่าการกระทรวงวัฒนธรรม เป็นประธานเปิดโครงการ ชุมทางดาวทอง “GLO Miracle Music ซีซัน 2” ของเวทีประกวดร้องเพลงลูกทุ่งมาตราฐานระดับประเทศรายการ “ชุมทางดาวทอง” ทางช่อง 7HD โดยมีนางสาวลิปิการ์ กำลังชัย รองอธิบดีกรมส่งเสริมวัฒนธรรม, นางสาววราพรรณ ชัยชนะศิริ รองอธิบดีกรมส่งเสริมวัฒนธรรม, ร้อยตำรวจโท ดร.มนัส โนนุช ประธานมูลนิธิมิราเคิล ออฟไลฟ์ และประธานสภาสังคมสงเคราะห์แห่งประเทศไทยในพระบรมราชูปถัมภ์ , นายพัฒนพงศ์ หนูพันธ์ กรรมการผู้จัดการช่อง 7HD , นายบริพันธ์ ชัยภูมิ ประธานโครงการ มิราเคิล มิวสิค และผู้บริหารบริษัท เซเว่นสตาร์สตูดิโอ จำกัด ให้การต้อนรับ ณ สตูดิโอ ช่อง 7HD

โครงการดังกล่าว เป็นความร่วมมือของกรมส่งเสริมวัฒนธรรม กระทรวงวัฒนธรรม ร่วมกับ มูลนิธิมิราเคิล ออฟไลฟ์ , สำนักงานสลากกินแบ่งรัฐบาล (GLO) , สถานีโทรทัศน์ช่อง 7HD และบริษัท เซเว่นสตาร์สตูดิโอ จำกัด สร้างปรากฏการร่วมกันบนเวทีประกวดร้องเพลงลูกทุ่งมาตราฐานระดับประเทศรายการ “ชุมทางดาวทอง” ทางช่อง 7HD จัดทำโครงการ ชุมทางดาวทอง “GLO Miracle Music ซีซัน 2”  เพื่อส่งเสริมเยาวชนให้แสดงศักยภาพ ร่วมสร้าง Soft Power ผ่านการขับร้องบทเพลงลูกทุ่ง  มุ่งเน้นให้เยาวชนรักชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์ และเพื่อเพิ่มทักษะด้านการร้องเพลง สานต่ออาชีพศิลปินในฝัน 

สำหรับบรรยากาศของการแถลงข่าว เปิดเวทีด้วยความคึกคักจากคณะกลองยาว “โอบะ เสียงเหน่อ” ก่อนพบโชว์ไฮไลท์จาก “อาบูม ธนกร” แชมป์มิราเคิล มิวสิค ซีซัน1 ที่ก้าวสู่เวที “ชุมทางดาวทอง” ในฐานะศิลปินน้องใหม่ป้ายแดงจับไมค์ร้องโชว์ซิงเกิ้ลแรก “สโนไวท์” พร้อมเผยโฉมหน้าน้องๆ ผู้เข้าประกวด 77 คน จากตัวแทน 77 จังหวัด ผู้ผ่านการคัดเลือกจากสภาวัฒนธรรมจังหวัดสู่เวทีประกวดอันทรงเกียรติ 

‘พล.ท.นันทเดช เมฆสวัสดิ์’ โพสต์เฟซ!! ‘นายพอล’ กับ ‘อนาคตที่แสนเศร้า’ ชี้!! แผ่นดินไทย ให้ความสุข ที่ไม่สามารถ ไปหาที่ไหนในโลกได้อีกแล้ว

เมื่อวานนี้ (11 เม.ย. 68) พล.ท.นันทเดช เมฆสวัสดิ์ อดีตหัวหน้าศูนย์ปฏิบัติการพิเศษ ศูนย์รักษาความปลอดภัยแห่งชาติ (ศรภ.) โพสต์เฟซบุ๊ก ว่า...

จากกรณีที่มีการจับกุม นาย พอล แชมเบอร์นักวิชาการของคณะสังคมศาสตร์ ม. นเรศวร ในข้อหา ตาม ม.112 นั้น ได้มีการวิพากษ์ วิจารณ์คัดค้านอย่างกว้างขวาง จากบุคคล หรือ กลุ่มบุคคลที่รับเงิน จากกองทุนต่างชาติซึ่งมีมากพอควรทั้งในกลุ่มนักวิชาการ สื่อมวลชน และ กลุ่ม NGO ที่ออกมาต่อต้านกันในลักษณะขานรับพร้อมเพรียงกันเลยทีเดียว โดยลืมไปกระมังว่าตัวเองก็สัญชาติไทย 

ผมคงบอกไม่ได้ว่า นาย พอลถูกหรือผิดเพราะเรื่องอยู่ในอำนาจของศาลแล้ว แต่ขอนำข้อเท็จจริงมาอ้างอิงไว้สัก 3 กรณีครับ 

นาย พอล มักจะอ้างว่าเป็นผู้เชี่ยวชาญทางด้านการทหาร ซึ่งในความเป็นจริงแล้วไม่มีใครรู้จริงๆ หรอกครับ ไม่เช่นนั้นจะเกิดรัฐประหารมาตั้ง 20 กว่าครั้งได้อย่างไร อย่างดีก็ไปฟัง คุณวาสนา นาน่วม เธอพูดแล้วนำมาจินตนาการต่อ โดยไม่รู้ว่า คุณวาสนา เธอเซียนข่าวขนาดไหน รู้มา 100% เธอ พูดออกมาแค่ 20-30%ให้เป็นเรื่องราวได้ ซึ่งสิ่งที่นายพอล ทำนอกจากไม่รู้จริงแล้ว ยังพูดจนติดปากว่า “เรื่องที่เกี่ยวกับทหารนั้น ต้องเกี่ยวกับวังบ้าง หรือวังสนับสนุนบ้าง” ทั้งๆ ที่ตามข้อเท็จจริงแล้ว ทุกเรื่องมันต้องเกิด“เหตุ”อะไรนำขึ้นมาก่อน ทหารจึงกล้าออกมาทำรัฐประหาร หรือแม้กระทั่งการที่ทหารต้องออกมาแจ้งความจับ นายพอล ก็จะต้องมีสาเหตุอยู่เช่นเดียวกัน 

แต่ นาย พอล มีอคติไม่ยอมพูด หรือเขียน หรือนึกถึงเรื่องที่เป็นต้นเหตุ หรือเรื่องที่ตัวเองทำไว้เลย 

นาย พอลเป็นนักวิชาการในสังกัด คณะสังคมศาสตร์ ม. นเรศวร โดยมีภรรยาเป็นคณบดี ดังนั้น นายพอลจึงมี 2 สถานะ คือ (1) เวลาอยู่ที่มหาวิทยาลัย นายพอล เป็นผู้ใต้บังคับบัญชาของภรรยา และ (2) เป็นบุคคลคนเดียวกันตามกฎหมาย กับท่านคณบดีเมื่อกลับมาที่บ้าน 

ดังนั้น ความคิดอ่านของทั้ง 2 คนจึงน่าจะมีส่วนที่คล้ายคลึงกัน ตัวคณบดี เป็นคนหัวสมัยใหม่ เคยลงชื่อคัดค้านการจับกุม นศ. และกล้าขนาดอนุญาตให้ นายเพนควิน มาพูดบรรยายเปิดงานในภาควิชาการของคณะ โดยระบุให้ เพนควิน อยู่ ในฐานะนักวิชาการ จนโดนชาวบ้าน และ นักศึกษา ในคณะตัวเองออกมาประท้วง ฯลฯ 

นอกจากนั้น คณะสังคมฯ ที่นายพอลสังกัดอยู่ ยังรับทุนของ ยูเสด เอเซียฟาวเดอชั่น ฯลฯ มาทำงาน ซึ่งเป็นที่รู้กันอยู่ทั่วไปว่า แหล่งเงินทุนดังกล่าวหวังผลประโยชน์อะไร จากประเทศไทย ขอเขียนเพียงแค่นี้ ยังมีเรื่องราวอีกมากครับ แต่คดีอยู่ในชั้นศาลแล้ว ผมคงไม่สามารถก้าวก่ายได้ ก็อยากฝากบอกมายัง นายพอล ว่า แผ่นดินไทยที่คุณอยู่มามากกว่า 20 ปีนั้นให้ทั้งความสุข เกียรติยศ เงินทอง ฯ ซึ่งคุณไม่สามารถจะไปหาที่ไหนได้ในโลกนี้อีกแล้ว การที่ต้องเสียสิ่งเหล่านี้ไป ก็เพราะการกระทำของคุณเอง 

ลืมบอกนายพอลไปอีกว่า ตัวเองไม่ได้อยู่ในสหรัฐมานานแล้ว เวลาต้องกลับไปอยู่อีกที อย่าลืมตัวไปว่ายังอยู่ที่เมืองไทย อย่าเผลอไปด่า หรือบ่อนทำลาย ประธานาธิบดีสหรัฐฯเข้าล่ะ เจอโทษแรงและเร็วกว่า แน่ๆ ครับ ทั้งปรับและจำคุก และจะถูกสอดส่อง ติดตามตรวจสอบ ทุกอย่างที่ทำในชีวิตประจำวันอย่างละเอียดละออ จากหน่วยงานความมั่นคงของรัฐ คนที่ด่าประธานาธิบดี นี่น่ะ โดนกฎหมายยิ่งกว่า ม.112 อีก ครับ 

ส่วนใครที่กลัวว่าเรื่องนี้ จะไปซ้ำเติมเรื่องการขึ้นภาษีของสหรัฐฯนั้น ไม่ต้องกลัวหรอกครับ เพราะมันเป็นละครฉากหนึ่งที่เค้าแสดงกับจีนเท่านั้น ประเทศไทยเรามีดีหลายสิบอย่าง ที่สหรัฐฯ ต้องนึกถึงอยู่เสมอ ขนาดทำรัฐประหารกี่ครั้ง ๆ สหรัฐก็แกล้งทำเป็นดุเท่านั้น ไม่กล้าทิ้งประเทศไทยไปจริงๆ หรอกครับ ไทยเราน่ารักจะตาย 

‘นายกฯอิ๊งค์’ เตรียมลงพื้นที่ ‘เชียงใหม่’ ตรวจความปลอดภัย ดูแลนักท่องเที่ยว ชู!! สงกรานต์ ‘ป๋าเวณีปี๋ใหม่เมือง’ ซอฟต์พาวเวอร์ของไทย วัฒนธรรมอันดีงาม

(12 เม.ย. 68) นายจิรายุ ห่วงทรัพย์ โฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี เปิดเผยว่า วันพรุ่งนี้อาทิตย์ที่ 13 เมษายน 2568 นางสาวแพทองธาร ชินวัตร นายกรัฐมนตรี มีกำหนดการเดินทางไปตรวจราชการที่  จังหวัดเชียงใหม่ เพื่อตรวจการดูแลการรักษาความปลอดภัยให้กับนักท่องเที่ยว และการอำนวยความสะดวกในการเดินทางในแหล่งท่องเที่ยวต่างๆ ของภาคเหนือ อาทิ การอำนวยความสะดวกของกองบัญชาการตำรวจภูธรภาค 5 และฝ่ายปกครอง รวมทั้งหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง อาทิ กองทัพ หน่วยแพทย์ต่างๆ ในทุกจังหวัดตามข้อสั่งการของนายกรัฐมนตรี ที่ให้กระทรวงและหน่วยงานที่เกี่ยวข้องไปดำเนินการ ในเรื่องการดูแลช่วงเทศกาลสงกรานต์ เมื่อวันอังคารที่ 8 เมษายน ที่ผ่านมา 

ส่วนการสนับสนุนและการสร้างความมั่นใจให้กับการท่องเที่ยวในพื้นที่ภาคเหนือ และจังหวัดเชียงใหม่ ซึ่งมีนักท่องเที่ยวเป็นจำนวนมากนั้น นายกรัฐมนตรีจะไปเป็นประธาน เปิดงานเทศกาลสงกรานต์ระดับนานาชาติ และร่วมสืบสานประเพณี 'ป๋าเวณีปี๋ใหม่เมือง' จังหวัดเชียงใหม่ โดยวันอาทิตย์ ที่ 13 เมษายน ช่วงเวลาประมาณ 16.30 น. ที่ 'ช่วงประตูท่าแพ' (ฝั่งถนนชัยภูมิ) อำเภอเมืองเชียงใหม่ จังหวัดเชียงใหม่ โดยนายกรัฐมนตรีจะเป็นประธานเปิดงาน  “Amazing Songkran Chiangmai x Boryeong Mud Festival 2025” ซึ่งเป็นความร่วมมือด้านวัฒนธรรมและการท่องเที่ยวระหว่างไทยกับประเทศเกาหลีใต้ 

ภายในงานนี้ นายกรัฐมนตรีจะเป็นประธานเปิดงาน 'อุโมงค์น้ำ Maha Songkran Chiang Mai Amazing Water Splash' และปล่อยขบวน 'ตุ๊ก ตุ๊ก ไทยแลนด์ มหาม่วน มหามันส์' และร่วมกิจกรรมต่างๆ กับนักท่องเที่ยว จากนั้นนายกรัฐมนตรีจะเดินทางไปยังวัดพระสิงห์วรมหาวิหาร อำเภอเมืองเชียงใหม่ จังหวัดเชียงใหม่ เพื่อทำพิธีสรงน้ำพระพุทธสิหิงค์ ซึ่งเป็นพระคู่บ้านคู่เมืองของจังหวัดเชียงใหม่ ก่อนเดินทางต่อไปยัง ลานเมญ่าสแควร์ ศูนย์การค้าเมญ่า อำเภอเมืองเชียงใหม่  เพื่อร่วมกิจกรรม 'SF My Water World Songkran Festival 2025'

นายจิรายุ กล่าวต่อไปว่า ในวันจันทร์ที่ 14 เมษายน 2568 นายกรัฐมนตรีจะร่วมงาน “ป๋าเวณีปี๋ใหม่เมืองสันกำแพง” ณ ชุมชนโหล่งฮิมคาว อำเภอสันกำแพง จังหวัดเชียงใหม่  ภายในงาน จะรับชมการแสดงต้อนรับจากชาวชุมชนโหล่งฮิมคาว และร่วมสรงน้ำพระพุทธรูปและรดน้ำดำหัวผู้สูงอายุอำเภอสันกำแพง ตลอดจนเดินชม 'เทศกาลตามรอยหัตถกรรม ความทรงจำสันกำแพง' ในกิจกรรม '10 โหม้งโหล่งผะญ๋า' และสินค้าของดี OTOP ของอำเภอสันกำแพง

“การลงพื้นที่ของนายกรัฐมนตรี ในช่วงเทศกาลสงกรานต์ครั้งนี้ แสดงให้เห็นถึงนโยบายสำคัญของรัฐบาล ทั้งเรื่องการส่งเสริม วัฒนธรรมประเพณีของประเทศไทย รวมทั้งการสนับสนุนการท่องเที่ยว และนโยบาย 'ซอฟต์พาวเวอร์' ของไทยที่ได้แปรเปลี่ยนมาเป็น สินค้าอันสำคัญของไทย และเป็นการแสดงเจตนารมณ์สำคัญของรัฐบาลในการขับเคลื่อนเศรษฐกิจฐานรากผ่านกิจกรรมวัฒนธรรมและภูมิปัญญาท้องถิ่นอย่างยั่งยืน” นายจิรายุ กล่าว

'พล.ต.ท.สำราญฯ' ตรวจสภาพการจราจร เพื่ออำนวยความสะดวกแก่ประชาชนในเทศกาลสงกรานต์ 

เมื่อวานนี้ (11 เม.ย.68) เวลา 16.30 น. พล.ต.ท.สำราญ นวลมา ผู้ช่วยผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ (ผู้ช่วย ผบ.ตร.) พร้อมด้วย พล.ต.ต.พิทักษ์ อุทัยธรรม รองผู้บัญชาการประจำสำนักงาน ผบ.ตร. , พล.ต.ต.คงกฤช เลิศสิทธิกุล ผู้บังคับการตำรวจทางหลวง ตรวจสภาพการจราจรเพื่ออำนวยความสะดวกแก่ประชาชนในเทศกาลสงกรานต์ 2568 บริเวณถนนพหลโยธิน และทางขึ้นลง M6 จ.สระบุรี

พบว่าการจราจรขาออกกรุงเทพมหานคร ปริมาณรถเริ่มเพิ่มมากขึ้น แต่ยังเคลื่อนตัวได้ คาดว่าปริมาณรถจะหนาแน่นตั้งแต่ช่วงเย็นวันนี้เป็นต้นไปจนถึงวันพรุ่งนี้

ในส่วนของสำนักงานตำรวจแห่งชาติได้จัดให้มีการเตรียมความพร้อมเพื่อรองรับปริมาณรถในทุกเส้นทาง โดยเฉพาะจุดที่มีการรวมตัวของรถเป็นจำนวนมาก เช่น ทางหลวงหมายเลข 1 (ทล.1) ถ.พหลโยธิน กม.54 (บริเวณ ต่างระดับบางประอิน) ซึ่งเป็นจุดรับรถจากวงแหวนตะวันตก รับประชาชนเดินทางมาจากภาคตะวันตก ภาคใต้ ทางลงโทลเวย์ และวงแหวนตะวันออก ซึ่งสำนักงานตำรวจแห่งชาติได้เปิดช่องทางพิเศษเพื่อรองรับปริมาณรถในจุดวิกฤต บริเวณ ทล.1 กม.54 และ 58 เข้าช่องทางพิเศษ กม.74 เละ 85 

ในส่วนของประชาชนที่จะเดินทางไปภาคอีสาน ซึ่งต้องใช้เส้นทาง ถ.มิตรภาพ ทางกรมทางหลวง ได้เปิดใช้ M6 สามารถขึ้นได้ที่ต่างระดับด่านหินกอง ซึ่งมีทางขึ้นที่ ทล.33 กม.82 , ด่านพระพุทธฉาย ขึ้นที่ ทล.1 กม.99 และด่านบ้านนา - แก่งคอย ทล.3222 กม.10 ออกสู่จังหวัดนครราชสีมา ระยะทาง 163 กม. โดยเปิดใช้ขาออกกรุงเทพมหานคร วันที่ 11-13 เมษายน 2568 ส่วนขากลับเข้ากรุงเทพมหานคร วันที่ 15-17 เมษายน 2568 ซึ่งตำรวจทางหลวงคาดการณ์ว่า มอเตอร์เวย์ M6 จะมีประชาชนใช้วันละกว่า 1.8 แสนคัน สามารถแบ่งเบาการจราจร ถ.มิตรภาพ ช่องทางหลัก ได้กว่า 30% ซึ่งตั้งแต่การเปิดใช้ช่วงคืนของวันที่ 11 เมษายน 2568 ที่ผ่านมา ได้เสียงตอบรับที่ดีจากประชาชน ว่าได้รับความสะดวกมากยิ่งขึ้น 

จากนั้น พล.ต.ท.สำราญฯ เดินทางไปยังจุดเปิดช่องทางพิเศษ ทล.1 (ถ.พหลโยธิน) กม.54 ต.ลำไทร อ.วังน้อย จ.พระนครศรีอยุธยา ระยะทาง 4 กิโลเมตร พร้อมรับฟังการบรรยายการเปิดช่องทางพิเศษ และตรวจจุดเปิดช่องทางพิเศษ และกำชับการปฏิบัติหน้าที่ของเจ้าหน้าที่ตำรวจ

พล.ต.ท.สำราญฯ กล่าวว่า ฝากถึงพี่น้องประชาชนที่ใช้ทางมอเตอร์เวย์ M6 ขอให้เตรียมความพร้อมของผู้เดินทางและยานพาหนะ เติมน้ำมันให้พร้อม เนื่องจาก M6 เป็นเส้นทางยาว ไม่มีสถานีบริการน้ำมัน

นอกจากนี้ ขอให้ประชาชนผู้ที่จะเดินทาง เตรียมความพร้อม 4 ด้าน ได้แก่
- เตรียมร่างกาย : พักผ่อนให้เพียงพอก่อนออกเดินทาง
- เตรียมเส้นทาง : ตรวจสอบเส้นทางก่อนออกเดินทาง ทั้งเส้นทางหลักและเส้นทางเลี่ยง เพื่อหลีกเลี่ยงการจราจรหนาแน่น 
- เตรียมยานพาหนะ : ตรวจสอบสภาพรถก่อนออกเดินทาง
- เตรียมอารมณ์ : ทำจิตใจให้เบิกบาน ใจเย็น แม้อาจมีสถานการณ์ที่ไม่พึงพอใจ เพื่อหลีกเลี่ยงการปะทะ วิวาท

ผู้ช่วย ผบ.ตร.ยืนยัน ตำรวจทั่วประเทศพร้อมดูแลอำนวยความสะดวกการจราจรทุกเส้นทาง 

สมุทรปราการ-รดน้ำดำหัว นายก อบจ.สมุทรปราการ ข้าราชการร่วมขอพรสงกรานต์

เมื่อวันที่ (11 เม.ย.68) ที่ผ่านมา ณ บ้านขาวริมน้ำเจ้าพระยา ต.ปากน้ำ อ.เมือง สมุทรปราการ นายสุนทร ปานแสงทอง นายก อบจ.สมุทรปราการ จัดพิธีทำบุญเลี้ยงพระ เนื่องในเทศกาลวันสงกรานต์ ประจำปี 2568 

โดยมีพระครูปลัดไพโรจน์ กตสาโร ผู้ช่วยเจ้าอาวาสวัดในสองวิหาร พระมหาวิโรจน์ อัคคะปัญโญ เจ้าอาวาสวัดพุทธภาวนาราม นำคณะพระภิกษุสงฆ์วัดในสองวิหาร จำนวน 9 รูป เจริญพระพุทธมนต์ โดยคณะผู้บริหารได้ร่วมกันถวายภัตตาหาร ถวายจตุปัจจัยไทยธรรม พระสงฆ์ประพรมน้ำพระพุทธมนต์ เพื่อความเป็นสิริมงคล 

จากนั้น คณะผู้บริหาร คณะสมาชิกสภา อบจ. หัวหน้าส่วนราชการ พนักงาน บุคลากรในสังกัด อบจ.สมุทรปราการ และกลุ่มสมุทรปราการก้าวหน้า ร่วมรดน้ำดำหัวขอพร 

นายสุนทร ปานแสงทอง นายก อบจ.สมุทรปราการ พร้อมด้วย นายฉะโอด รุ่งเรือง ที่ปรึกษานายก อบจ.สมุทรปราการ และนายสมควร ชูไสว ประธานสภา อบจ.สมุทรปราการ ซึ่งเป็นผู้ใหญ่ใน อบจ. 

ภายในพิธีนำโดย นายอัครวัฒน์ อัศวเหม นายวรพร อัศวเหม นายต่อศักดิ์ อัศวเหม รองนายก อบจ.สมุทรปราการ นายสิทธิไชย เชื้อไทย นายพิษณุวัส คำงาม เลขานุการ นายก อบจ.สมุทรปราการ ตลอดจนคณะผู้บริหาร หัวหน้าส่วนราชการหน่วยงานองค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น บุคลากรในสังกัด อบจ.สมุทรปราการ และกลุ่มสมุทรปราการก้าวหน้า เข้าร่วมรดน้ำดำหัวขอพร เพื่อเป็นการแสดงความรักความเคารพนับถือและเป็นการขอพรเพื่อความเป็นสิริมงคลแก่ชีวิต อีกทั้งยังเป็นการอนุรักษ์วัฒนธรรมประเพณีที่ดีงามให้คงอยู่สืบไป

นายกรัฐมนตรีเป็นประธานปล่อยแถวป้องกันปราบปราบอาชญากรรม รักษาความสงบเรียบร้อย การบังคับใช้กฎหมาย และอำนวยความสะดวกด้านการจราจร ช่วงเทศกาลสงกรานต์ ประจำปี 2568 

เมื่อวานนี้  (11 เม.ย.68) เวลา 15.30 น. นางสาวแพทองธาร ชินวัตร นายกรัฐมนตรี เป็นประธานพิธีปล่อยแถวป้องกันปราบปรามอาชญากรรม รักษาความสงบเรียบร้อย การบังคับใช้กฎหมาย และ อำนวยความสะดวก  ด้านการจราจร ในช่วงเทศกาลสงกรานต์ ประจำปี 2568 ของกองบัญชาการตำรวจนครบาล โดยมี พล.ต.อ.กิตติ์รัฐ พันธุ์เพ็ชร์ ผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ (ผบ.ตร.) , พล.ต.ท.สำราญ นวลมา ผู้ช่วย ผบ.ตร. , พล.ต.ท.สยาม บุญสม ผู้บัญชาการตำรวจนครบาล พร้อมด้วยข้าราชการตำรวจสังกัดกองบัญชาการตำรวจนครบาล , กองบัญชาการ ตำรวจท่องเที่ยว , โรงพยาบาลตำรวจ , เจ้าหน้าที่สังกัดกรุงเทพมหานคร และอาสาจราจร สน.ชนะสงคราม รวมจำนวนกว่า 950 นาย เข้าร่วมในพิธีปล่อยแถว ณ ทัองสนามหลวง

ในโอกาสนี้ นายกรัฐมนตรีได้มอบนโยบายและสั่งการให้ทุกหน่วยงานยกระดับการปฏิบัติหน้าที่ให้สูงขึ้น ทั้งด้านการป้องกันและปราบปรามอาชญากรรม ดูแลความปลอดภัยของประชาชนและนักท่องเที่ยว โดยเฉพาะอย่างยิ่งบริเวณจุดจัดงานเทศกาลสงกรานต์ทั่วประเทศ สถานีขนส่ง และจุดบริการต่างๆ ดูแลอำนวยความสะดวกด้านการจราจรให้กับประชาชน เดินทางไปกลับต่างจังหวัดด้วยความปลอดภัย พร้อมบังคับใช้กฎหมายจราจร 10 ข้อหาหลักอย่างเข้มงวด โดยเน้นหนักในขับรถในขณะเมาสุรา ขับรถเร็วเกินกำหนด และกวดขันจับกุมอาชญากรรม อาวุธปืน ยาเสพติด และสิ่งผิดกฎหมายต่างๆ เพื่อให้เกิดความปลอดภัยแก่ประชาชน และประชาสัมพันธ์ให้ประชาชนที่ไม่ได้อยู่บ้าน เข้าร่วม "โครงการร่วมใจ ยกระดับความปลอดภัยบ้านประชาชนช่วงเทศกาลสำคัญ (ฝากบ้าน 4.0)" เพื่อให้เจ้าหน้าที่ได้เข้าไปช่วยสอดส่องดูแลความปลอดภัยในทรัพย์สินในช่วงเทศกาล

ผบ.ตร.กล่าวว่า เจ้าหน้าที่ตำรวจทุกหน่วยทั่วประเทศพร้อมปฏิบัติหน้าที่อย่างเต็มที่ เพื่อดูแลความปลอดภัยในชีวิตและทรัพย์สิน  อำนวยความสะดวกให้กับพี่น้องประชาชน ขอให้ประชาชนมั่นใจ เดินทางกลับภูมิลำเนาและท่องเที่ยวอย่างมีความสุขในช่วงเทศกาลสงกรานต์ หากพบเห็นหรือมีเบาะแสเกี่ยวกับการกระทำความผิด หรือสิ่งของผิดกฎหมายในพื้นที่ หรือในโซเชียลมีเดีย โปรดแจ้งสายด่วน 191 หรือ 1599 หรือสถานีตำรวจท้องที่ ได้ตลอด 24 ชั่วโมง

ตำรวจญี่ปุ่นขอบคุณตำรวจไทยจับกุมหัวหน้าแก๊งใหญ่คอลเซ็นเตอร์

(12 เม.ย.68) พล.ต.อ.ธัชชัย ปิตะนีละบุตร จเรตำรวจแห่งชาติ ในฐานะผู้อำนวยการศูนย์ปราบปรามอาชญากรรมทางเทคโนโลยีสารสนเทศ สำนักงานตำรวจแห่งชาติ (จตร./ผอ.ศปอส.ตร.) เปิดเผยว่า เมื่อวันที่ 9 เมษายน 2568 ได้เข้าร่วมประชุมกับ นายโยชิโนบุ คุสึโนกิ ผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติญี่ปุ่น , นายอาริชิกะ เอกุจิ ผู้บัญชาการตำรวจปราบปรามอาชญากรรม , นายคาสึมิ โอกะซาวาระ ผู้บัญชาการกิจการระหว่างประเทศ สำนักงานตำรวจแห่งชาติญี่ปุ่น/ที่ปรึกษาพิเศษของผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติญี่ปุ่น , นายเรียว ยาสึเอดะ ผู้บัญชาการฝ่ายปฏิบัติการสืบสวนระหว่างประเทศ , นายโยชิตากะ ซาโตะ ผู้บัญชาการตำรวจปราบปรามอาชญากรรม 2  ณสำนักงานผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติญี่ปุ่น (National Police Agency)   

ทั้งนี้ จากกรณีที่ตำรวจไทยได้มีการระดมกวาดล้างขยายผลอย่างต่อเนื่องในการปราบปรามแก๊งคอลเซ็นเตอร์ ซึ่งเมื่อเดือนกุมภาพันธ์ 2568 ที่ผ่านมา ทางตำรวจไทยได้มีการจับกุมนายยามากูชิ ชาวญี่ปุ่น ซึ่งเป็นหัวหน้าแก๊งยามากูชิ-กุมิ ซึ่งเป็นแก๊งอาชญากรรมขนาดใหญ่ที่เป็นที่รู้จักของคนญี่ปุ่น โดยนายยามากูชิ ได้ตั้งแก๊งคอลเซ็นเตอร์อยู่ในประเทศกัมพูชา และเมืองเมีบวดี ประเทศเมียนมา และนายยามากูชิ ได้มาหลบซ่อนตัวอยู่ในแมนชั่นหรูย่านสาทร กรุงเทพมหานคร โดยทำธุรกิจเปิดเว็บไซต์ถ่ายภาพศิลปะราคาแพงบังหน้า 

ต่อมาหลังตำรวจไทยจับกุม นายยามากูชิ และส่งตัวกลับไปถึงประเทศญี่ปุ่น สื่อมวลชนทุกช่องและประชาชนชาวญี่ปุ่นได้ให้ความสนใจอย่างมาก ทางสำนักงานตำรวจแห่งชาติญี่ปุ่นได้จัดทำประกาศนียบัตรขอบคุณตำรวจไทย และรู้สึกยินดีเป็นอย่างยิ่งที่ทางตำรวจไทยจับกุมนายยามากูชิ ได้ 

พล.ต.อ.ธัชชัยฯ กล่าวเพิ่มเติมว่า จากการหารือกับทางตำรวจญี่ปุ่น พบว่าในประเทศญี่ปุ่น ปัญหาการหลอกลวงของแก๊งคอลเซ็นเตอร์เป็นปัญหาใหญ่ของประเทศ ประชาชนจำนวนมากถูกหลอกลวงเอาเงินไปเป็นจำนวนเงินมหาศาล โดยแก๊งคอลเซ็นเตอร์ได้ไปลักลอบตั้งอยู่ในเขตเมืองเมียวดี ประเทศเมียนมา และประเทศกัมพูชา ซึ่งมีนายยามากูชิ เป็นหัวหน้าแก๊ง 

ในการหารือครั้งนี้ ทางไทยและญี่ปุ่นจะร่วมกันปราบปรามแก๊งคอลเซ็นเตอร์ซึ่งสร้างปัญหาให้กับทั้งคนไทยและคนญี่ปุ่นให้หมดไป โดยจะมีการแลกเปลี่ยนข้อมูล และร่วมกันทำงานอย่างใกล้ชิดในการปราบปรามแก๊งคอลเซ็นเตอร์ และเดินหน้ามาตรการระเบิดสะพานโจร เพื่อกำจัดแก๊งคอลเซ็นเตอร์ไม่ให้มาสร้างความเดือดร้อนให้กับประชาชนทั้งสองประเทศต่อไป 

สำนักงานตำรวจแห่งชาติแถลงผลปฏิบัติการระดมกวาดล้างอาชญากรรม เป้าหมายผู้กระทำความผิดเกี่ยวกับ อาวุธปืน เครื่องกระสุนปืน และสืบสวนจับกุมบุคคลตามหมายจับ ในห้วงก่อนเทศกาลสงกรานต์ประจำปี 2568

เมื่อวานนี้ (11 เม.ย.68) เวลา 14.00 น. พล.ต.อ.ธนา ชูวงศ์ รองผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ (รอง ผบ.ตร.) เป็นประธานแถลงผลปฏิบัติการระดมกวาดล้างอาชญากรรม เป้าหมายผู้กระทำความผิดเกี่ยวกับอาวุธปืน เครื่องกระสุนปืน และสืบสวนจับกุมบุคคลตามหมายจับ ในห้วงก่อนเทศกาลสงกรานต์ประจำปี 2568 ณ ห้องศรียานนท์ อาคาร 1 สำนักงานตำรวจแห่งชาติ

ตามนโยบายของรัฐบาลโดย นางสาวแพทองธาร ชินวัตร นายกรัฐมนตรี ในการป้องกันปราบปรามผู้กระทำผิดกฎหมาย โดยมีความห่วงใยประชาชนในห้วงวันหยุดยาวเทศกาลสงกรานต์ ประจำปี 2568 ซึ่งจะมีประชาชนเดินทางกลับภูมิลำเนาหรือท่องเที่ยวในแต่ละภูมิภาคเป็นจำนวนมาก อาจทำให้เกิดผลกระทบต่อปัญหาความไม่ปลอดภัยในชีวิตและทรัพย์สินของประชาชน และการก่อความไม่สงบเรียบร้อยเกิดขึ้นได้ ประกอบกับนโยบายด้านการท่องเที่ยวให้ชาวต่างชาติเข้ามาท่องเที่ยวในประเทศ คาดการณ์ว่าในช่วงเทศกาลสงกรานต์จะมีนักท่องเที่ยวเดินทางมาท่องเที่ยวเป็นจำนวนมาก ซึ่งอาจมีคนร้ายที่เป็นชาวต่างชาติแฝงตัวเข้ามาก่ออาชญากรรมในประเทศ จึงกำชับการป้องกันปราบปรามอาชญากรรม การรักษาความสงบเรียบร้อย การดูแลอำนวยความสะดวกด้านการจราจร การป้องกันและลดอุบัติเหตุทางถนน ในช่วงวันหยุดยาวดังกล่าว

สำนักงานตำรวจแห่งชาติ โดย พล.ต.อ.กิตติ์รัฐ พันธุ์เพ็ชร์ ผบ.ตร. , พล.ต.อ.ธนา ชูวงศ์ รอง ผบ.ตร. , พล.ต.อ.ประจวบ วงศ์สุข รอง ผบ.ตร. , พล.ต.อ.ธนายุตม์ วุฒิจรัสธำรงค์ ที่ปรึกษาพิเศษ ตร. , พล.ต.อ.อัคราเดช พิมลศรี ที่ปรึกษาพิเศษ ตร. และ พล.ต.ท.สำราญ นวลมา ผู้ช่วย ผบ.ตร. จึงสั่งการให้ระดมกวาดล้างอาชญากรรมในห้วงก่อนเทศกาลสงกรานต์ เพื่อป้องกันปราบปรามอาชญากรรมที่จะมีผลกระทบต่อการดำรงชีวิตของพี่น้องประชาชน โดยมีเป้าหมาย ได้แก่ การกระทำความผิดเกี่ยวกับอาวุธปืนและเครื่องกระสุนปืนและวัตถุระเบิด การติดตามจับกุมบุคคลตามหมายจับ และความผิดเกี่ยวกับยาเสพติด โดยสามารถจับกุมผู้กระทำความผิดพร้อมของกลาง ดังนี้

ฝ่ายสืบสวนสอบสวน มอบหมายให้ พล.ต.อ.ธนายุตม์ วุฒิจรัสธำรงค์ ที่ปรึกษาพิเศษ ตร. เป็นผู้ควบคุมสั่งการ การระดมกวาดล้างอาชญากรรม ในภาพรวมของสำนักงานตำรวจแห่งชาติ ภายใต้แผนยุทธการ “พิชิตคนพาล อภิบาลคนดี” โดยระดมกวาดล้างอาชญากรรมระหว่างวันที่ 21 - 30 มีนาคม 2568 (รวม 10 วัน) สามารถจับกุมผู้กระทำความผิดเกี่ยวกับอาวุธปืนและเครื่องกระสุนปืนและวัตถุระเบิด พร้อมของกลาง จำนวน 4,950 คดี ผู้ต้องหา จำนวน 4,339 คน ดังนี้

1. จับกุมอาวุธปืนและเครื่องกระสุนปืน แบ่งเป็น 
- ความผิดเกี่ยวกับอาวุธปืนทั่วไป (On Ground) : ตรวจยึดอาวุธปืน จำนวน 4,934  กระบอก , เครื่องกระสุนปืน จำนวน 30,000  นัด และวัตถุระเบิด จำนวน 725  ลูก แบ่งเป็น วัตถุระเบิดแบบมาตรฐาน ที่ใช้ในราชการทหาร จำนวน  30 ลูก และวัตถุระเบิดแสวงเครื่อง/ประกอบเอง ได้แก่ ระเบิดปิงปอง ระเบิดไปท์บอม จำนวน 695 ลูก

- ความผิดเกี่ยวกับอาวุธปืนทางออนไลน์ (Online) : ตรวจยึดอาวุธปืน จำนวน 464 กระบอก , เครื่องกระสุนปืน จำนวน 9,069 นัด และวัตถุระเบิดแบบมาตรฐาน ที่ใช้ในราชการทหาร จำนวน  22  ลูก

2. จับกุมบุคคลตามหมายจับ : โดยจับกุมบุคคลกระทำความผิดตามหมายจับค้างเก่า (ตั้งแต่วันที่ 1 ตุลาคม 2547 ถึง 30 กันยายน 2567) และหมายใหม่ (ตั้งแต่วันที่ 1 ตุลาคม 2567 ถึงปัจจุบัน) และหมายจับศาล (คดีอาญา) รวมทั้งสิ้น 18,746 หมาย ผู้ต้องหา จำนวน 15,721 คน

ฝ่ายป้องกันปราบปราม ได้มีการระดมกวาดล้างอาชญากรรม ดังนี้
1. วันที่ 21 มีนาคม 2568 ระดมกวาดล้างปราบปรามผู้มีอิทธิพลและมือปืนรับจ้าง ภายใต้แผนยุทธการ “ธรณีนี้ มีขื่อมีแป” เป้าหมาย จำนวน 653 เป้าหมาย ผลการระดมมีผลการปฏิบัติ ตรวจค้นจับกุมผู้กระทำความผิด จำนวน  218 คน ตรวจยึดอาวุธปืน จำนวน 266 กระบอก , เครื่องกระสุนปืน จำนวน  5,743  นัด , วัตถุระเบิด จำนวน 9 ลูก , ยาบ้า จำนวน 17,397.5 เม็ด และยาไอซ์ จำนวน 113.15 กรัม 

2. ห้วงวันที่ 24 - 30 มีนาคม 2568 ระดมกวาดล้างอาชญากรรมจับกุมความผิดเกี่ยวกับหนี้นอกระบบ ผลการระดมมีผลการปฏิบัติ สามารถจับกุมผู้กระทำความผิด จำนวน 593 คดี ผู้ต้องหา จำนวน 595 คน มูลหนี้รวม จำนวน 12,330,300 บาท ของกลางประเมินมูลค่ารวม จำนวน 22,677,335 บาท

จากนั้น พล.ต.อ.ธนาฯ ร่วมตรวจสอบอาวุธปืนของกลาง หน่วยงานต่างๆ รายงานการจับกุมคดีรายสำคัญ ได้แก่ กองบัญชาการตำรวจนครบาล , ตำรวจภูธรภาค 1 – 9 , กองบัญชาการตำรวจสอบสวนกลาง , กองบัญชาการตำรวจปราบปรามยาเสพติด , กองบัญชาการตำรวจสืบสวนสอบสวนอาชญากรรมทางเทคโนโลยี , สำนักงานตรวจคนเข้าเมือง , กองบัญชาการตำรวจตระเวนชายแดน และกองบัญชาการตำรวจท่องเที่ยว 

พล.ต.อ.ธนาฯ กล่าวว่า ในการปฏิบัติการในครั้งนี้ สำนักงานตำรวจแห่งชาติขอขอบคุณทุกภาคส่วน และพี่น้อง ประชาชนที่ให้ความร่วมมือเป็นอย่างดี สำนักงานตำรวจแห่งชาติจะมุ่งมั่นทำงาน โดยจะทำการป้องกันปราบปราม สืบสวนจับกุมอาชญากรรมในทุกรูปแบบอย่างต่อเนื่อง เพื่อให้ประชาชนเชื่อมั่นศรัทธาและมีความปลอดภัยในชีวิตและทรัพย์สิน และขอฝากประชาสัมพันธ์กับพี่น้องประชาชน หากมีเบาะแส เรื่องร้องเรียนเกี่ยวกับเรื่องอาชญากรรมหรือเรื่องอื่นๆ สามารถแจ้งได้ที่สายด่วน 191 หรือ 1599 ได้ตลอด 24 ชั่วโมง

สำนักงานตำรวจแห่งชาติ บูรณาการร่วมอาชีวศึกษา เตรียมพร้อม 150 จุดบริการทั่วประเทศ สั่งการตำรวจจราจรจัดชุดเคลื่อนที่เร็ว พาอาชีวะ-ขนส่งอาสา เข้าช่วยเหลือรถเสียช่วงสงกรานต์

เมื่อวันที่ (10 เม.ย.68) พล.ต.อ.ไกรบุญ ทรวดทรง รองผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ ในฐานะผู้อำนวยการศูนย์บริหารงานจราจร สำนักงานตำรวจแห่งชาติ ได้สั่งการให้เจ้าหน้าที่ตำรวจจราจรทุกพื้นที่ทั่วประเทศบูรณาการช่วยเหลือในกิจกรรม อาชีวะ-ขนส่ง อาสาช่วยประชาชน เทศกาลสงกรานต์ 2568 ซึ่งกระทรวงศึกษาธิการร่วมกับกระทรวงคมนาคม โดย สำนักงานคณะกรรมการการอาชีวศึกษา กรมการขนส่งทางบก และเครือข่ายภาคเอกชน ได้ร่วมจัดกิจกรรม จำนวน 150 จุดทั่วประเทศ เพื่อช่วยเหลือ อำนวยความสะดวกและความปลอดภัยให้กับประชาชนที่เดินทางในช่วงเทศกาลสงกรานต์ 2568

ทั้งนี้ เพื่อให้การช่วยเหลือมีประสิทธิภาพสูงสุด พล.ต.อ.ไกรบุญฯ ได้สั่งการว่า หากมีเหตุรถเสียบนเส้นทางจราจรใกล้เคียงกับจุดตั้งของสถานศึกษาในสังกัดสำนักงานคณะกรรมการการอาชีวศึกษา ให้ตำรวจจราจรในพื้นที่จัดชุดเคลื่อนที่เร็วพร้อมนำอาสาสมัครจากอาชีวศึกษาไปยังจุดเกิดเหตุโดยเร็วที่สุด เพื่อให้การช่วยเหลือร่วมกัน ทั้งในด้านการเคลื่อนย้ายรถออกจากผิวจราจร และการซ่อมแซมเบื้องต้น ณ จุดเกิดเหตุ หากสามารถดำเนินการแก้ไขปัญหาให้แล้วเสร็จภายในระยะเวลาอันสั้น และไม่ส่งผลกระทบต่อการจราจร ให้ดำเนินการในทันที เพื่อป้องกันการจราจรติดขัด และลดความเสี่ยงของการเกิดอุบัติเหตุจากการจอดรถเสียในจุดที่ไม่ปลอดภัย พร้อมกันนี้ ได้กำชับให้เจ้าหน้าที่ตำรวจจราจรในแต่ละพื้นที่ ประสานความร่วมมือกับเจ้าหน้าที่และอาสาสมัครจากสถานศึกษาในจุดบริการอย่างใกล้ชิดตลอดช่วงเทศกาล เพื่อให้สามารถตอบสนองต่อเหตุฉุกเฉินได้อย่างมีประสิทธิภาพ

ทั้งนี้ กิจกรรมอาชีวะ-ขนส่ง อาสาช่วยประชาชน เทศกาลสงกรานต์ 2568 "สงกรานต์ปลอดภัย เดินทางไปไหนก็มีความสุข" จัดขึ้นระหว่างวันที่ 11 - 17 เมษายน 2568 เวลา 06.00 - 18.00 น. จำนวน 150 จุด ทั่วประเทศ โดยมีบริการตรวจเช็คสภาพรถยนต์ 20 รายการ , เปลี่ยนถ่ายน้ำมันเครื่อง หลอดไฟ รถจักรยานยนต์ , ช่วยเหลือกรณีฉุกเฉินระยะ 5 กิโลเมตรจากจุดบริการ , ตรวจเช็คสภาพและชาร์จแบตเตอรี่รถยนต์ไฟฟ้า EV , บริการกาแฟ น้ำดื่ม อินเทอร์เน็ต ชาร์จแบต พักผ่อน นวด สอบถามเส้นทาง ฯลฯ อีกด้วย โดยประชาชนผู้ขับขี่ยานพาหนะสามารถค้นหาจุดบริการทั้ง 150 จุด ได้ที่เว็บไซต์ https://vecrsa.vec.go.th

ประชาชนที่ต้องการความช่วยเหลือกรณีรถเสีย หรือสอบถามเส้นทางการจราจร สามารถติดต่อได้ที่ สายด่วนกองบังคับการตำรวจจราจร 1197 และสายด่วนกองบังคับการตำรวจทางหลวง 1193 ได้ตลอด 24 ชั่วโมง


© Copyright 2021, All rights reserved. THE STATES TIMES
Take Me Top