Friday, 26 April 2024
NEWS

สมุทรปราการ- “พระครูแจ้” ทำบุญใหญ่!! เนื่องในโอกาสอายุวัฒนมงคลครบ 62 ปี เดินหน้าช่วยเหลือผู้ยากไร้ “รถโรงฟรี”

ที่วัดบางพลีใหญ่กลาง ต.บางพลีใหญ่ อ.บางพลี จ.สมุทรปราการ คณะศิษย์ยานุศิษย์ ข้าราชการทุกหมู่เหล่าตลอดจนประชาชนจำนวนมากร่วมเดินทางมาแสดงมุทิตาสักการะ เนื่องในวันคล้ายวันเกิด อายุวัฒนมงคลครบรอบ 62 ปี พระครูปลัดสุวัฒนศีลคุณ เจ้าอาวาสวัดบางพลีใหญ่กลาง

ท่านพระครูปลัดสุวัฒนศีลคุณ (พระครูแจ้) เจ้าอาวาสวัดบางพลีใหญ่กลาง จัดพิธีทำบุญตักบาตรและถวายภัตตาหารเพลแด่พระสงฆ์ผู้ทรงสมณศักดิ์จากวัดต่างๆ ตลอดจนคณะสงฆ์วัดบางพลีใหญ่กลาง ต่างร่วมแสดงมุทิตาสักการะ เนื่องในโอกาสวันคล้ายวันเกิดอายุวัฒนมงคลครบ 62 ปี

โดยมีท่าน พระครูวิทูรกิจจาทร  (พระครูจาบ) รักษาการเจ้าอาวาสวัดหนามแดง พร้อมด้วยคณะสงฆ์วัดบางพลีใหญ่กลาง ประกอบพิธีเจริญชัยมงคลคาถา โดยมีคณะไวยาวัจกรวัดบางพลีใหญ่กลาง ผู้นำท้องถิ่น กำนัน ผู้ใหญ่บ้าน  คณะผู้บริหาร คณะแพทย์พยาบาล คณะครู ข้าราชการตำรวจ ตลอดจนคณะศิษย์ยานุศิษย์และพี่น้องประชาชนจำนวนมากร่วมในพิธีแสดงมุทิตาสักการะท่านพระครูปลัดสุวัฒนศีลคุณ เจ้าอาวาสวัดบางพลีใหญ่กลาง

โดยท่าน พระครูปลัดสุวัฒนศีลคุณ เปิดเผยว่า วันนี้เนื่องในโอกาสครบรอบ อายุวัฒนมงคลครบ 62 ปี ถือโอกาสนี้ทำการเปิดที่พักตำรวจจราจร (ป้อมตำรวจ) จำนวน 2 แห่ง ในเขตพื้นที่ สภ.บางแก้ว โดยทางวัดบางพลีใหญ่กลางดำเนินการช่วยเหลือในการปรับปรุงซ่อมแซมสถานที่พักตำรวจจราจร หรือป้อมตำรวจให้ใหม่เพื่อให้ข้าราชการตำรวจจราจรปฎิบัติหน้าที่ได้อย่างเต็มที่ในการดูแลรับใช้พี่น้องประชาชน

อีกทั้ง ทางวัดบางพลีใหญ่กลาง เดินหน้าช่วยเหลือประชาชนผู้ยากไร้ที่ไม่มีเงินเผาศพ ศพไร้ญาติ ซึ่งทางวัดจะดำเนินการเผาให้ฟรีทุกกรณีโดยไม่เสียค่าใช้จ่ายแต่อย่างใด พร้อมทั้ง ทางวัดจัดเตรียมรถตู้ไว้คอยบริการรับศพฟรี ภายในพื้นที่จังหวัดสมุทรปราการ ภายใต้โครงการ แบ่งปันน้ำใจช่วยเหลือสังคม (รถโรงฟรี) โดยท่านพระครูปลัดสุวัฒนศีลคุณ (พระครูแจ้) เจ้าอาวาสวัดบางพลีใหญ่กลาง ผู้ริเริ่มโครงการในการให้ความช่วยเหลือประชาชนผู้ยากไร้ ประกอบกับ ที่ผ่านมาทางวัดบางพลีใหญ่กลางก็ดำเนินการช่วยเหลือเผาศพโควิด-19 ให้ฟรี โดยไม่เรียกร้องค่าใช้จ่ายแต่อย่างใดมาจำนวนหลายร้อยศพแล้ว และในวันนี้ก็จะดำเนินการช่วยเผาศพผู้เสียชีวิตด้วยโรค โควิด -19 จำนวน 2 ราย ที่เสียชีวิตด้วยโรคโควิดเช่นเดียวกัน

คิว-ข่าวสมุทรปราการ รายงาน

สวนนงนุชพัทยา ต้อนรับรัฐมนตรีว่าการกระทรวงศึกษาธิการ เปิดการประชุมประจำปี “สพฐ. โปร่งใส ร่วมใจต้านทุจริต” ณ ศูนย์ประชุมและแสดงสินค้านานาชาติ (NICE)

วันนี้สวนนงนุชพัทยาโดยนายกัมพล ตันสัจจา ประธานสวนนงนุชพัทยา ต้อนรับรัฐมนตรีว่าการกระทรวงศึกษาธิการ พลตำรวจเอกเพิ่มพูน ชิดชอบ  และบุคลากรที่เข้ามาจัดประชุมอบรม บุคลากร สังกัด สพฐ. ประจำปีงบประมาณ พ.ศ. 2567 โครงการ “สพฐ. โปร่งใส ร่วมใจต้านทุจริต” จำนวน 1,050 ท่าน ระหว่างวันที่ 19-20 เมษายน 2567 ณ ศูนย์ประชุมและแสดงสินค้านานาชาตินงนุชพัทยา(NICE)   สวนนงนุชพัทยา จังหวัดชลบุรี  

หลังพิธีเปิดการอบรม ทางคณะร่วมปลูกต้นไม้ ที่สวนรุกขชาติ บริเวณเขาบันไดกฤษ ซึ่งเป็นโครงการรวบรวมพันธุ์ไม้และปลูกไม้ยืนต้นชนิดต่างๆที่มีมูลค่าและหายากจากทั่วทุกมุมโลกมาปลูกไว้ ต้นไม้ที่นำมาปลูกในวันนี้คือต้นไทรนิโครธ และการอนุรักษ์พันธุ์ไม้เป็นอีกสิ่งหนึ่งที่ทางสวนนงนุชพัทยาดำเนินการมาอย่างต่อเนื่อง

จากนั้นได้นำท่านรัฐมนตรีว่าการกระทรวงศึกษาธิการ และคณะเยี่ยมชมสวนสวยมากกว่า 50 สวน บนพื้นที่ 1,700 ไร่ โดยเฉพาะศูนย์เรียนรู้ในสวนนงนุชพัทยาเด็กจะได้สัมผัสแหล่งเรียนรู้ในเรื่องต้นไม้ เรื่องสัตว์ วัฒนธรรม ศาสนา และอาหารไทย จะทำให้ในอนาคตเด็กๆจะรู้สึกชอบสิ่งต่าง ๆเหล่านี้โดยไม่รู้ตัว จึงเป็นสถานที่เหมาะกับเด็ก นักเรียน และนักท่องเที่ยวทั่วไป

สุนัข ‘ซาร่า’ ขาดใจอย่างทรมาน เพราะเทศบาลจับผิดวิธี แต่ปิดบังความจริง แล้วบอกว่า “หมาหลุด หนีหายไป”

(19 เม.ย. 67) กรณีโซเชียลประกาศตามหาหมาไทยเพศผู้ วัย 4 ปี ชื่อ 'ซาร่า' หลังเจ้าของบ้านติดต่อให้เทศบาลมาจับตัวไป ด้วยเหตุผลที่ว่าซาร่ากัดเจ้าของ ต่อมาหมาซาร่าหายตัวไปอย่างไร้ร่องรอยในขณะขนย้าย กลุ่มคนรักสัตว์จึงประกาศตามหา พร้อมตั้งเงินรางวัลหลักแสน

ล่าสุด มูลนิธิวอชด็อก ไทยแลนด์ Watchdog Thailand Foundation - WDT รายงานว่า นายชูเกียรติ บุญมี นายกเทศมนตรี ต.บางบาล จ.พระนครศรีอยุธยา ได้เปิดเผยแล้วว่า สุนัชชื่อ 'ซาร่า' ตายแล้ว เพราะการจับผิดวิธีของเจ้าหน้าที่เทศบาล ซึ่งมีทีมจับ 5 ราย

“สุนัขตกใจดิ้นสะบัด ทีมจับกดหัวลงพื้นเพื่อจับสุนัข อีกคนช่วยกดปากกดตัวเพื่อให้สุนัขนิ่ง ระหว่างนั้นหมาช็อกหยุดหายใจ ทีมเทศบาลต่างกลัวความผิดที่ทำหมาตายจึงนำร่างไปฝัง แล้วปิดบังความจริงด้วยการบอกว่า หมาหลุด หนีหายไป”

ทั้งนี้เพจรักสัตว์ ‘มะลิ กะปิ’ ได้โพสต์แสดงความเสียใจเกี่ยวกับประเด็นนี้ นายกเทศบาลรับสารภาพแล้วว่า ซาร่าตายตั้งแต่วันแรกที่ถึงเทศบาล

จากการจับผิดวิธี นั่นคือจุดเริ่มต้นของการโกหกปิดบัง ประชาชนคนรักสัตว์ทั้งประเทศ นี่ไงความจริง ความจริงตามที่เราบอก อยู่ที่ว่าจะยอมรับเมื่อไหร่ สุดท้ายก็ต้องยอมรับ  

'พลโทนันทเดช' หยัน!! ซื้อบ้านเก่าของปรีดีที่ฝรั่งเศส แค่ละครฉากหนึ่ง ชี้!! เป็นการลงทุนแค่สลึงเดียว แต่คิดจะเอากลับคืนมาเป็นล้าน

(19 เม.ย. 67) พล.ท.นันทเดช เมฆสวัสดิ์ อดีตหัวหน้าศูนย์ปฏิบัติการพิเศษ ศูนย์รักษาความปลอดภัยแห่งชาติ (ศรภ.) โพสต์เฟซบุ๊กระบุว่า...

บ้านเก่าของอาจารย์ปรีดี ที่ฝรั่งเศส หรือจะเป็นร้านกาแฟอีกร้านหนึ่งแค่นั้น

การเรียนรู้ประวัติศาสตร์ เท่ากับเป็นการมองย้อนหลังไปหารากเหง้าของตัวเอง เพราะประวัติศาสตร์ คือ ต้นธารของสังคม และชีวิตผู้คนไม่ว่าจะเป็นไพร่ ผู้ดี หรือชนชั้นปกครอง โดยเฉพาะประวัติศาสตร์ที่เกี่ยวข้องกับการปฎิวัติ 24 มิถุนา 2475 ซึ่งในปัจจุบันมีผู้เขียนถึงกันมากมายหลายแง่มุม หลายทัศนะ แล้วแต่ความใกล้ชิดกับผู้คนในประวัติศาสตร์ หรือความเชื่อที่ได้รับมา หรือผลประโยชน์ที่ผูกพันกับตัวเอง จนกล่าวได้ว่า ไม่มีใครเป็นกลางได้จริงในเหตุการณ์ 24 มิถุนา 2475 แค่ดูหนังสือที่ขายในท้องตลาดเกี่ยวกับเรื่องนี้ จะเห็นได้ว่า มีแต่ผู้เขียนที่แข่งขันกันชื่นชมต่อคณะราษฎรเกือบ 80%

ดังนั้นเหตุการณ์ 24 มิถุนา 2475 จึงถูกนำมาผลิตเป็นหนังสือ ขายแล้วขายเล่า ไม่รู้จักจบสิ้น โดยไม่มีใครสนใจว่าข้อเท็จจริงในประวัติศาสตร์จะเป็นอย่างไร แค่ขอให้ตัวเองเก็บเกี่ยวผลประโยชน์จากชื่อ คณะราษฎร เท่านั้นก็พอ 

การซื้อบ้านเก่าของอาจารย์ ปรีดี ที่ฝรั่งเศส ก็คล้ายคลึงกัน มันเป็นแค่ละครฉากหนึ่งของพรรคการเมือง พรรคหนึ่ง ที่พิมพ์หนังสือออกมาขายเด็ก แล้วไม่มีคนอ่าน จึงลงทุนซื้อบ้านของ อาจารย์ปรีดี ซึ่งอุปมาเหมือนเป็นการลงทุนแค่สลึงเดียว แต่จะเอากลับคืนมาเป็นล้าน ยิ่งกว่าซื้อทองเก็งกำไร เห็นแล้วก็น่าสงสาร คณะราษฎร ที่วันเวลาผ่านมากว่า 90 ปีแล้ว ก็ยังถูกนำมาใช้เพื่อผลประโยชน์ของกลุ่มบุคคลเพียงบางกลุ่ม ..ก็แค่นั้นเอง

ทหารใหม่ยุคเศรษฐา มาแล้วเน้นคุณภาพชีวิตหลังกองทัพขานรับปรับปรุงสถานที่รับพลัดหนึ่ง

บิ๊กทินสั่ง กองทัพเร่งปรับปรุงอาคารสถานที่รับทหารใหม่ผลัดหนึ่ง ทบ.ขานรับ สั่งยกเลิกนอนมุ้งจัดมุ้งลวดพร้อมเพิ่มสปริงเกอร์ลดร้อน มั่นใจเน้นคุณภาพทหารใหม่ไทยยุคใหม่ต้องไม่แพ้ชาติใดในโลก 

นายจิรายุ ห่วงทรัพย์ โฆษกกระทรวงกลาโหม เปิดเผยว่า หลังการจบห้วงวาระการเกณฑ์ทหาร ตั้งแต่ วันที่ 2 ถึง 12 เมษายน ที่ผ่านมาพบว่านโยบายของรัฐบาลโดยกระทรวงกลาโหมในการจูงใจให้มีผู้มาสมัครการเกณฑ์ทหารนั้นประสบความสำเร็จอย่างมาก โดยปีนี้มีผู้มาคัดเลือกทหารแบบสมัครใจกว่า สี่หมื่นนายสูงกว่าทุกๆปีที่ผ่านมา ซึ่งนโยบายนี้เป็นนโยบายที่รัฐบาลกำหนดไว้ว่าจะต้องนำไปสู่การยกเลิกการเกณฑ์ทหารในอนาคตอันใกล้นี้  โดยนายสุทิน คลังแสง รัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหมได้ให้นโยบายต่อเหล่าทัพที่จะต้องรับทหารใหม่ผลัด 1 เข้ากองทัพในเดือนพฤษภาคมนี้ โดยให้แต่ละเหล่าทัพไปสำรวจและเร่งดำเนินการพัฒนาปรับปรุงสถานที่ต่างๆ ที่ทหารใหม่จะต้องเข้ามาประจำการใช้ อาทิ สถานที่ฝึก โรงนอน เป็นต้น         

ทั้งนี้ในส่วนของกองทัพทหารบกได้รายงานว่า ผู้บัญชาการทหารบกได้สั่งการให้สำรวจและพัฒนาปรับปรุงสถานที่ต่างๆ ของกองทัพบกทั่วประเทศที่จะต้องรับทหารใหม่โดยให้ดำเนินการปรับปรุงโรงนอนทหารใหม่จำนวน 366 แห่ง ทั่วประเทศแล้วโดยล่าสุดได้เพิ่มระบบการระบายอากาศให้ดีขึ้น ซึ่งจะทำให้น้อง ๆ ทหารใหม่พักผ่อนได้สบายมากขึ้น เพื่อคุณภาพในการพัฒนากำลังพลโดยยึดหลักการพัฒนาคุณภาพทรัพยากรมนุษย์ ของประเทศ ให้ดีขึ้น       

นายจิรายุ กล่าวต่อไปว่า กองทัพบก ได้ขานรับนโยบายรัฐบาลเป็นนโยบายเร่งด่วน โดยล่าสุด กองทัพบกได้ให้หน่วยทหารช่างเร่งดำเนินการปรับปรุงโรงนอน ทหารใหม่แล้วอาทิ ติดมุ้งลวดโรงนอน และทยอยยกเลิกการนอนกางมุ้ง นอกจากนี้ยังเพิ่มระบบระบายอากาศด้วยการเพิ่มพัดลมขนาดใหญ่เพื่อทำให้อากาศหมุนเวียน นอกจากนั้นดำเนินการจัดทำระบบสปริงเกอร์ รดน้ำหลังคาไล่ความร้อนสะสมออกจากหลังคาและเพดาน ทำให้โรงนอนอากาศดีขึ้นอีกด้วย ทั้งนี้กระทรวงทางกลาโหม ได้รับรายงานจากกรมการทหารช่างของกองทัพบก ว่าจะดำเนินให้เสร็จเรียบร้อย ก่อนวันที่ 1 พฤษภาคมนี้เพื่อพร้อม ต้อนรับทหารใหม่ผลัด1 ที่จะ มารายงานตัวในช่วง เดือนพฤษภาคนี้ ส่วนกองทัพอื่นๆอยู่ระหว่างการดำเนินการตามนโยบายของรัฐบาลเช่นเดียวกัน

อุทยานฯสิมิลัน ดักซุ่มวางแผนจับกุมคนแอบวางลอบดักจับสัตว์น้ำตามที่ได้รับแจ้งแล้ว คาดไหวตัวทันจึงเตรียมเข้าเก็บกู้

วันที่ 18 เมษายน 2567 นายอรรถพล เจริญชันษา อธิบดีกรมอุทยานแห่งชาติ สัตว์ป่า และพันธุ์พืช เปิดเผยว่า ตามที่เพจ Thon Thamrongnawawawat ซึ่งโพสต์ข้อความระบุว่าเกาะตาชัย เป็นเกาะที่เราพยายามเก็บไว้เพื่อรักษาธรรมชาติในยุคที่โลกกำลังย่ำแย่ การลักลอบจับสัตว์น้ำในพื้นที่ไม่ควรเกิดขึ้นโดยเด็ดขาด เพื่อนธรณ์ที่ไปดำน้ำแถวนั้นกรุณาแจ้งมาว่าพบลอบ จึงได้ประสานอธิบดีกรมทะเล ในฐานะประธานคณะที่ปรึกษาอุทยานทางทะเลเรียบร้อยแล้ว คงมีการจัดการอย่างรวดเร็ว

สำหรับกรณีดังกล่าว อธิบดีกรมอุทยานแห่งชาติฯ ได้รับรายงานจากนายโดม จันทร์สุวรรณ หัวหน้าอุทยานแห่งชาติหมู่เกาะสิมิลัน ว่าได้รับข้อมูลและรูปภาพจากนักดำน้ำ ซึ่งส่งข้อมูลและรูปภาพ ให้กับเพจของอาจารย์ธรณ์ฯเช่นกัน ซึ่งหัวหน้าอุทยานแห่งชาติหมู่เกาะสิมิลัน ได้มอบหมายให้เจ้าหน้าที่เข้าดำเนินการ ใช้มีดกรีดทำลายลอบดักสัตว์น้ำดังกล่าวในทันที พร้อมทั้งได้วางแผนดักรอเพื่อจับกุมผู้กระทำผิด  โดยมีความจำเป็นที่ยังไม่อาจกู้ลอบดักสัตว์น้ำที่มีผู้ลักลอบวางไว้ขึ้นมาก่อนได้  เนื่องจากต้องการซุ่มจับกุมตัวผู้กระทำผิดให้ได้ พร้อมกับลอบดักสัตว์น้ำของกลาง แต่คาดว่าผู้กระทำผิด อาจรู้ตัวว่าเจ้าหน้าที่ได้มีการตรวจค้นพบลอบดังกล่าวแล้ว จึงไม่กลับมากู้ลอบ  อย่างไรก็ตาม อุทยานหมู่เกาะสิมิลัน ได้เน้นย้ำการเฝ้าระวังไม่ให้มีการลักลอบเข้าไปกระทำผิดอย่างเข้มงวด โดยมีเจ้าหน้าที่คอยลาดตระเวนสอดส่องบริเวณโดยรอบเกาะตาชัยอย่างสม่ำเสมอ เพื่อรักษาทรัพยากรใต้ท้องทะเลให้คงอยู่อย่างปลอดภัย ทั้งนี้อุทยานหมู่เกาะสิมิลัน จะเข้าดำเนินการเก็บกู้ลอบดังกล่าว ในวันพรุ่งนี้ (19 เมษายน 2567)

ส่งมอบพลังใจผ่านรถเข็นวีลแชร์ให้ผู้พิการที่ยากไร้ โดย ตำรวจภูธรภาค 1 ร่วมกับ มูลนิธิหัวใจบริสุทธิ์

วันที่ 19 เมษายน 2567 นางเธียรรัตน์ นะวะมะวัฒน์ ประธานมูลนิธิหัวใจบริสุทธิ์ และนางสาวนภสร ลำธารทอง รองประธานเจ้าหน้าที่ฝ่ายการสื่อสารแบรนด์และสื่อสารองค์กร พร้อมด้วยทีมงานมวลชนสัมพันธ์ (CSR) กลุ่มไทยสมายล์ลงพื้นที่มอบรถเข็นวีลแชร์ และอุปกรณ์เพื่อช่วยเหลือผู้สูงอายุ ผู้พิการ และผู้ยากไร้ ณ ห้องรับรองชั้น 1 ตำรวจภูธร ภาค 1 โดยมี พล.ต.ท.จิรสันต์ แก้วแสงเอก ผู้บัญชาการตำรวจภูธรภาค 1 เป็นผู้รับมอบ ประธานมูลนิธิหัวใจบริสุทธิ์ เปิดเผยว่า มูลนิธิฯ  นำรถเข็นวีลแชร์เพื่อช่วยเหลือผู้สูงอายุ ผู้พิการ และผู้ยากไร้ จำนวน 10 คัน โดยรับการสนับสนุนจาก กลุ่มไทยสมายล์ (รถและเรือโดยสารสาธารณะพลังงานไฟฟ้า) มามอบผ่านตำรวจภูธรภาค 1 เพื่ออำนวยความสะดวกสำหรับประชาชนทั่วไป ผู้พิการที่มาทำกิจธุระ รวมถึงแจ้งความร้องทุกข์ที่สถานีตำรวจต่างๆ การที่มูลนิธิหัวใจบริสุทธิ์ได้นำอุปกรณ์เพื่อช่วยเหลือผู้สูงอายุ ผู้พิการ และผู้ยากไร้ มามอบผ่านตำรวจภูธรภาค 1 ในครั้งนี้ เพื่อต้องการเป็นส่วนหนึ่งในการช่วยเหลือผู้ป่วย ผู้สูงอายุ ผู้พิการ และผู้ยากไร้ ที่มาติดต่อธุระทางราชการกับเจ้าหน้าที่ตำรวจ ถือเป็นกิจกรรมหนึ่งซึ่งสอดคล้องกับวัตถุประสงค์ของมูลนิธิในด้านการสร้างสาธารณประโยชน์ต่อสังคม และชุมชน

ด้าน พล.ต.ท.จิรสันต์ แก้วแสงเอก ผู้บัญชาการตำรวจภูธรภาค 1 กล่าวว่า ต้องขอบคุณทางมูลนิธิหัวใจบริสุทธิ์ ที่ได้มามอบรถเข็นวีลแชร์ให้แก่ตำรวจภูธรภาค 1 ในครั้งนี้ สำหรับรถเข็นวีลแชร์ที่ทางมูลนิธิฯมอบให้ จะถูกจัดสรรไปยังสถานีตำรวจที่อยู่ในความดูแลของเราทั้ง 9 จังหวัด 134 สถานี (ได้แก่ นนทบุรี ปทุมธานี สมุทรปราการ อยุธยา สระบุรี อ่างทอง ลพบุรี สิงห์บุรี ชัยนาท) ทั้งนี้เพื่ออำนวยความสะดวกให้แก่พี่น้องประชาชนที่เข้ามาติดต่อราชการกับเจ้าหน้าที่ตำรวจ

‘กีรติ รัชโน’ ปลัดพาณิชย์ เสียชีวิตอย่างสงบ ในวัย 56 ปี หลังเข้ารับการรักษาตัวจากอาการป่วยวูบ-ล้มในบ้านพัก

(19 เม.ย. 67) ผู้สื่อข่าวรายงานว่า นายกีรติ รัชโน ปลัดกระทรวงพาณิชย์ ซึ่งมีอาการป่วยวูบและล้มที่บ้านพัก เมื่อคืนวันที่ 10 เม.ย.ที่ผ่านมา ก่อนส่งตัวเข้ารับการรักษาที่โรงพยาบาลรามาธิบดีนั้น

ล่าสุดทางครอบครัวรัชโน แจ้งให้ทราบว่า “พ่อจั่น ได้จากไปแล้วอย่างสงบ ในวันที่ 19 เม.ย. 2567 เวลา 03.28 น. ก่อนที่พ่อจั่นจะจากไป พระอาจารย์ไพศาล วิสาโล ได้เทศน์นำทางก่อนลมหายใจสุดท้ายผ่านทางโทรศัพท์”

“ร่างกายเสมือนเป็นบ้าน บ้านของคุณกีรติตอนนี้กำลังจะผุพัง เราจึงไม่ควรไปห่วงหาอาลัยในบ้านที่กำลังจะพังทลายหลังนี้ เมื่อถึงเวลาที่บ้านพังลงมาแล้วก็ขอให้สละบ้านหลังนี้ เพื่อไปยังบ้านหลังใหม่ที่ดีกว่า บ้านที่สร้างจากคุณงามความดีตลอดชีวิตที่คุณกีรติได้สั่งสมมา”

“คุณกีรติไม่ต้องเป็นห่วงคนในครอบครัว ทั้งคุณแม่ ภรรยา และลูกทั้งสองคน ทุกคนจะสามารถอยู่ได้อย่างดีด้วยคุณงามความดีที่คุณกีรติได้ทำไว้ แม้ว่าคุณกีรติจะไม่อยู่แล้ว”

“ตอนนี้คุณกีรติกำลังจะต้องเดินทางไกล สัมภาระอะไรต่าง ๆ ที่ไม่จำเป็นก็ไม่ต้องเอาไป ความห่วงใยกังวลใจทั้งหลายก็ทิ้งเอาไว้ ขอให้เอาพระรัตนตรัยเป็นสิ่งนำทางในการเดินทางไกลครั้งนี้ สิ่งที่ติดตัวไปคือความดีและบุญกุศลที่สร้างสมมา”

“พ่อจั่นได้อยู่ท่ามกลางครอบครัวอย่างใกล้ชิดจนลมหายใจสุดท้าย และพ่อจั่นได้เดินทางไปสู่สุคติแล้ว หมายกำหนดงานศพจะแจ้งให้ทุกท่านทราบอีกครั้งหนึ่ง”

ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ก่อนหน้านี้สมัยที่ดำรงตำแหน่งอธิบดีกรมการค้าต่างประเทศ นายกีรติ ได้ขอย้ายออกจากตำแหน่ง เนื่องจากมีปัญหาสุขภาพ พบว่า เส้นเลือดในสมองมีปัญหา แต่ต่อมาได้กลับเข้ารับราชการอีกครั้ง เมื่อปี 2564 ในตำแหน่งรองปลัดกระทรวงพาณิชย์ ก่อนจะขึ้นดำรงตำแหน่งปลัดกระทรวงพาณิชย์ แทนปลัดกระทรวงคนเก่าที่เกษียณอายุ 30 ก.ย. 2565

ผู้สื่อข่าวรายงานว่า เมื่อวันที่ 17 เม.ย.67 บุตรสาวของนายกีรติ โพสต์ข้อความว่า “ขออนุญาตรายงานอาการปัจจุบันของคุณพ่อค่ะ วันนี้คุณพ่อมี ชีพจรเร็ว ความดันต่ำ สาเหตุจากการติดเชื้อในกระแสเลือดค่ะ ซึ่งอาการอยู่ช่วงที่วิกฤต ทางครอบครัวอยากใช้เวลากับคุณพ่อให้ได้มากที่สุด จึงขออนุญาตงดเยี่ยมคุณพ่อในช่วงนี้ค่ะ ทางครอบครัวขอขอบคุณความห่วงใยและกำลังใจจากทุกท่าน และขออภัยในความไม่สะดวกค่ะขอบพระคุณค่ะ”

สำหรับประวัติ นายกีรติ รัชโน เกิดเมื่อวันที่ 25 พ.ย. 2510 ปัจจุบันอายุ 56 ปี มีชื่อเลนว่า ‘จั่น’ จบชั้นประถมจากโรงเรียนเซนต์คาเบรียล, ชั้นมัธยมศึกษาจากโรงเรียนสวนกุหลาบวิทยาลัย , ปริญญาตรี คณะรัฐศาสตรบัณฑิต จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย สาขาสังคมวิทยา, จบปริญญาโท คณะรัฐประศาสนศาสตร์ สาขาการคลัง สถาบันบัณฑิตพัฒนบริหารศาสตร์ และระดับปริญญาเอก บริหารธุรกิจ ยูไนเต็ด สเตตส์ อินเตอร์เนชั่นแนล ยูนิเวอร์ซิตี้ สาขาธุรกิจระหว่างประเทศ และการตลาดระหว่างประเทศ

>> ประสบการณ์การทำงาน

ปัจจุบัน - ปลัดกระทรวงพาณิชย์
พ.ศ. 2564 - 2565 รองปลัดกระทรวงพาณิชย์
พ.ศ. 2562 - 2563 อธิบดีกรมการค้าต่างประเทศ
พ.ศ. 2561 - 2562 ผู้ตรวจราชการกระทรวงพาณิชย์
พ.ศ. 2559 - 2562 รองอธิบดีกรมการค้าต่างประเทศ กระทรวงพาณิชย์
พ.ศ. 2556 - 2559 ผู้อำนวยการกองบริหารการค้าสินค้าทั่วไป กรมการค้าต่างประเทศ
พ.ศ. 2554 - 2556 ผู้เชี่ยวชาญเฉพาะด้านสินค้าข้อตกลง กรมการค้าต่างประเทศ
พ.ศ. 2553 - 2554 ผู้อำนวยการกองนโยบายการค้าและพัฒนาระบบบริหาร

>> ผ่านการอบรม

- หลักสูตรนักบริหารระดับสูง : ผู้นำที่มีวิสัยทัศน์และคุณธรรม (นบส.) รุ่น 79
- หลักสูตรผู้บริหารระดับสูงด้านการค้าและการพาณิชย์ (TEPCoT) รุ่นที่ 11
- หลักสูตรการป้องกันราชอาณาจักร รุ่นที่ 63 (วปอ.63)

>> เครื่องราชอิสริยาภรณ์ชั้นสูงสุดที่ได้รับ

- มหาวชิรมงกุฎ
- ประถมาภรณ์ช้างเผือก

อธิบดีกรมอุทยานฯ สั่งชุดพญาเสือล่านายทุนสั่งเต่าปูลู ส่งนอกหลังจับผู้กระทำผิดได้ที่อุทยานผาแดง เกรงลุกลามไปในพื้นที่ป่าอื่นๆล่าสุดพบหลักฐานทั้งคนกลางและชาวต่างชาติคนสั่งซื้อ

วันที่ 18 เมษายน 2567 นายอรรถพล เจริญชันษา อธิบดีกรมอุทยานแห่งชาติ สัตว์ป่า และพันธุ์พืช เปิดเผยว่าได้รับรายงานจากนายกริชสยาม คงสตรี ผู้อำนวยการสำนักบริหารพื้นที่อนุรักษ์ที่ 16 เชียงใหม่ โดยเมื่อวันที่ 16 เมษายน 2567 ที่ผ่านมานายประกาศิต  ระวิวรรณ หัวหน้าอุทยานแห่งชาติผาแดง ได้มอบหมายให้เจ้าหน้าที่อุทยานแห่งชาติผาแดง ร่วมกับชุดทหารชุดเฉพาะกิจไชยานุภาพ บก.ผาดง ร่วมกันตั้งจุดสกัดเพื่อคัดกรองคนเข้าป่า ตามยุทธการเสือเฝ้าป่าบริเวณบ้านรินหลวง หมู่ 3 ต.เมืองนะ อ.เชียงดาว จ.เชียงใหม่ 

กระทั่งเวลาประมาณ 21.30 น. ของวันดังกล่าว พบชายขับรถจักรยานยนต์เพื่อจะผ่านด่านตรวจ มีท่าทางพิรุธ เจ้าหน้าที่จึงทำการตรวจค้น พบ เต่าปูลู ในกระสอบปุ๋ยซุกซ่อนอยู่ในกระเป๋าเป้ที่สะพายอีกชั้นหนึ่ง จำนวน 17 ตัว (16 ตัวยังมีชีวิตอยู่ 1 ตัว ได้ตายไปแล้ว) น้ำหนักรวม 7.8 ก.ก. เจ้าหน้าที่จึงทำการจับกุมชายดังกล่าวไว้เนื่องจากเต่าปูลูเป็นสัตว์ป่าคุ้มครอง ตามพระราชบัญญัติสงวนและคุ้มครองสัตว์ป่า พ.ศ.2562 พร้อมทำการสอบสวนขยายผล ทราบชื่อผู้ต้องหาภายหลัง ชื่อนาย ยูดะ อายุ 50 ปี ราษฎรบ้านแกน้อย (หย่อมบ้านนาศิริ) ต.เมืองนะ อ.เชียงดาว จ.เชียงใหม่ 

จากคำให้การของนายยูดะ ฯ ให้การว่า ตนได้รับการว่าจ้างจากนายแดง ไม่ทราบนามสกุล คนอำเภอพร้าว จังหวัดเชียงใหม่ ซึ่งรู้จักตอนไปทำงานด้วยกันที่ในเมืองเชียงใหม่เมื่อประมาณเดือนที่แล้ว ซึ่งได้ติดต่อกันผ่านช่องทาง messager โดยนายแดงใช้ชื่อดาเนียล  ซึ่งจากการตรวจสอบพบข้อความการสนทนาซื้อขายเต่าปูลูและการนัดหมายส่งของ โดยนายแดงได้ว่าจ้างให้หาเต่าปูลู โดยจะให้ค่าจ้างหลังส่งเต่าเสร็จ ในราคากิโลกรัมละ 2,400 บาท ซึ่งนายยูดะ ฯ ได้ทำการล่าตั้งแต่วันที่ 6 เม.ย.67 เป็นต้นมาใช้เวลาล่าอยู่ประมาณ 10 วัน และได้นัดหมายส่งเต่าปูลูกันที่บ้านห้วยป่าฮ่อม หมู่ 5 ต.ทุ่งข้าวพวง อ.เชียงดาว จ.เชียงใหม่ แต่มาโดนเจ้าหน้าที่จับเสียก่อน เจ้าหน้าที่ได้ขอเพื่อตรวจสารเสพติด โดยการตรวจปัสสาวะหาสารเสพติดเบื้องต้น ผลตรวจเป็นบวก คือ พบสารเสพติดหรือพิษในร่างกาย ซึ่งรับสารภาพว่าเสพยาบ้า 1เม็ดครึ่ง เมื่อ4วันที่แล้ว ในระหว่างการล่าเต่าปูลู 

โดยเมื่อวันที่ 17เม.ย.67 เจ้าหน้าที่ให้นายยูดะ ฯ พาไปชี้จุดเกิดเหตุว่าจับเต่าปูลูมาจากที่ใด ครั้นจนมาถึงจุดที่นายยูดะฯ พามา คือป่าต้นน้ำบ้านนาศิริ บริวณลำห้วยน้ำเฮื้อง หรือลำห้วยผาแดง พิกัด 485753E 2176440 N ซึ่งอยู่ในเขตอุทยานแห่งชาติผาแดง โดยเต่าปูลูเป็นสัตว์ป่าคุ้มครองประเภทที่ 1 ตาม พ.ร.บ. สงวนและคุ้มครองสัตว์ป่า พ.ศ.2562 ห้ามผู้ใดล่า ค้า หรือครอบครอง รวมทั้งซากของสัตว์ป่าดังกล่าว ผู้ใดฝ่าฝืนมีความผิดตามกฎหมาย เจ้าหน้าที่จึงนำตัวผู้ต้องหา ส่งพนักงานสอบสวน สภ.นาหวาย เพื่อดำเนินคดีตามกฎหมายและแจ้งข้อกล่าว ดังนี้ 

1. ฐาน ร่วมกัน นำสัตว์ป่าออกไปหรือกระทำให้เป็นอันตรายแก่สัตว์ป่าด้วยประการใด ๆ ในเขตอุทยานแห่งชาติ ตาม พ.ร.บ.อุทยานแห่งชาติ พ.ศ. 2562 มาตรา 19 (3) และ มาตรา 43 ผู้ใดฝ่าฝืน ต้องระวางโทษจำคุกไม่เกินห้าปี หรือ ปรับไม่เกินห้าแสนบาท หรือทั้งจำทั้งปรับ

 2. ฐาน เข้าไปในอุทยานแห่งชาติ ต้องปฏิบัติตามคำสั่งของพนักงานเจ้าหน้าที่ซึ่งได้สั่งให้ปฏิบัติตามระเบียบที่อธิบดีกำหนด ตาม พ.ร.บ.อุทยานแห่งชาติ พ.ศ. 2562 มาตรา 20 และ มาตรา 47 ตามประกาศอุทยานแห่งชาติผาแดง ฉบับลงวันที่ 31 มกราคม 2567 เรื่องห้ามเข้าไปในเขตป่าอุทยานแห่งชาติผาแดง ผู้ใดฝ่าฝืนต้องระวางโทษ ปรับไม่เกินหนึ่งแสนบาท

 3. ฐาน ร่วมกัน ล่าสัตว์ป่าคุ้มครอง ตาม พ.ร.บ.สงวนและคุ้มครองสัตว์ป่า พ.ศ. 2562 มาตรา 12 และ มาตรา 89 ผู้ใดฝ่าฝืน ต้องระวางโทษจำคุกไม่เกินสิบปี หรือ ปรับไม่เกินหนึ่งล้านบาท หรือทั้งจำทั้งปรับ

4. ฐาน ร่วมกัน มีไว้ครอบครองซึ่งสัตว์ป่าคุ้มครอง หรือซากสัตว์ป่าคุ้มครอง ตาม พ.ร.บ.สงวนและคุ้มครองสัตว์ป่า พ.ศ. 2562 มาตรา 17 และมาตรา 92 ผู้ใดฝ่าฝืน ต้องระวางโทษจำคุกไม่เกินห้าปี หรือ ปรับไม่เกินห้าแสนบาท หรือทั้งจำทั้งปรับ

5.ฐาน ร่วมกัน ค้าสัตว์ป่าคุ้มครอง ซากสัตว์ป่าดังกล่าว หรือผลิตภัณฑ์จากซากสัตว์ป่าดังกล่าวตาม พ.ร.บ.สงวนและคุ้มครองสัตว์ป่า พ.ศ. 2562 มาตรา 29 และมาตรา 89 ผู้ใดฝ่าฝืน ต้องระวางโทษจำคุกไม่เกินสิบปี หรือ ปรับไม่เกินหนึ่งล้านบาท หรือทั้งจำทั้งปรับ

ทั้งนี้ นายอรรถพลฯ อธิบดีกรมอุทยานแห่งชาติฯ ได้กำชับสั่งการให้หัวหน้าหน่วยงานพื้นที่ป่าอนุรักษ์ทุกแห่ง เข้มงวดสอดส่องดูแลการล่าสัตว์ในพื้นที่โดยเฉพาะเต่าปูลู ซึ่งเป็นสัตว์ป่าคุ้มครองหายาก เพื่อป้องกันขบวนการลักลอบจับเต่าปูลู โดยหากพบการกระทำผิด ให้จับกุมดำเนินคดีตามกฎหมายอย่างเฉียบขาดทุกราย ล่าสุดได้สั่งชุดพญาเสือดำเนินการสืบสวนหาตัวกลุ่มนายทุนผู้อยู่เบื้องหลังที่สั่งเต่าปูลูส่งนอก หลังจับกุมผู้กระทำผิดได้ที่อุทยานแห่งชาติผาแดง เกรงลุกลามไปในพื้นที่ป่าอื่นๆ เนื่องจากพบหลักฐานทั้งคนกลางและชาวต่างชาติซึ่งเป็นคนสั่งซื้อ

'สนง.สลากฯ-มูลนิธิสถาบันพระปกเกล้าฯ' เปิดตัว 'SEED PROJECT ปี 4' มุ่งสร้างจิตสำนึกเยาวชนรักบ้านเกิด พัฒนาท้องถิ่น 5 ภาคทั่วไทย

เมื่อวานนี้ (18 เม.ย. 67) สำนักงานสลากกินแบ่งรัฐบาล มูลนิธินักศึกษาสถาบันพระปกเกล้าเพื่อสังคม และเครือข่ายเยาวชน SEED Thailand ได้จัดงานแถลงข่าวเปิดตัวโครงการ SEED Project ปี 4 สร้างผู้นำเยาวชน พาท้องถิ่นสู่สากล ณ โรงภาพยนตร์ ลิโด้ กรุงเทพมหานครฯ 

โดยงานนี้มีวัตถุประสงค์เพื่อเผยแพร่ความรู้ ความเข้าใจที่ถูกต้องเกี่ยวกับสถาบันหลักของชาติ ผ่านการสัมมนาอบรมเชิงปฏิบัติการ เพื่อเปิดพื้นที่แกนนำเยาวชนให้รู้จักปรับการใช้ชีวิตได้อย่างเหมาะสม และมีส่วนร่วมในการดำเนินกิจกรรม สร้างเครือข่ายเยาวชนให้มีจิตใจสำนึกรักบ้านเกิด ให้มีส่วนร่วมในการพัฒนาชุมชนท้องถิ่น และสร้างพื้นที่ให้เยาวชนได้นำเสนอความคิดเกี่ยวการทำโครงการ กิจกรรมในการพัฒนาชุมชนในบ้านเกิด พร้อมปฏิบัติโครงการนำร่องในภูมิภาคต่าง ๆ จำนวน 5 ภูมิภาค ได้แก่ ภาคใต้ตอนบน ภาคใต้ตอนล่าง ภาคตะวันออกเฉียงเหนือ ภาคเหนือ และภาคกลาง 

โดยภายในงานแถลงข่าว ได้มีช่วงเสวนาโดยตัวแทนเยาวชน SEED Thailand ที่ได้ทำโครงการเพื่อสังคม และชุมชน ดำเนินรายการโดย นางสาวธนธร ศิระพัฒน์ ต่อจากนั้นช่วงต่อได้มีการดำเนินการแถลงข่าว เปิดตัวโครงการ SEED Project ปี 4 My Future Hometown สร้างผู้นำเยาวชน พาท้องถิ่นสู่สากล โดยผู้ร่วมแถลงข่าว ประกอบด้วย พันโท หนุน ศันสนาคม ผู้อำนวยการสำนักงานสลากกินแบ่งรัฐบาล ศาสตราจารย์กิตติคุณ ดร.บวรศักดิ์ อุวรรณโณ ประธานมูลนิธินักศึกษาสถาบันพระปกเกล้าเพื่อสังคม และ ดร.ดาวน้อย สุทธินิภาพันธ์ กรรมการและเลขานุการ มูลนิธินักศึกษาสถาบันพระปกเกล้าเพื่อสังคม 

ช่วงสุดท้ายได้มีการเสวนา เรื่อง พลเมืองยุคนี้ต้อง Ready to be Citizen New Gen ประกอบด้วยผู้ร่วมเสวนา ได้แก่ นายพชรพรรษ์ ประจวบลาภ เลขาธิการสถาบันยุวทัศน์แห่งประเทศไทย นางสาวชนนิกานต์ สุพิทยาพร นางสาวไทยประจำปี 2566 นายชลวิศว์ วงศ์ศรีวอ พิธีกร ผู้สื่อข่าวและสื่อมวลชน และนายเวหา ตั้งสมบูรณ์ ผู้พัฒนาแพลตฟอร์มระบบ SEED ID ร่วมเสวนาในประเด็นการเป็นคนรุ่นใหม่ที่สามารถเป็นพลเมืองที่ดีของสังคมท่ามกลางเทคโนโลยีและสื่อที่สามารถใช้ให้เป็นประโยชน์ เสร็จการเสวนาจากนั้นจึงมีการร่วมถ่ายภาพหมู่ และเสร็จสิ้นการแถลงข่าว

โครงการ SEED Project ปี 4 ได้รับการสนับสนุนอย่างต่อเนื่องจากสำนักงานสลากกินแบ่งรัฐบาล โดยมีภารกิจและเป้าหมาย จะมีการดำเนินโครงการนำร่องในภูมิภาคต่าง ๆ จำนวน 5 ภูมิภาค ได้แก่ ภาคใต้ตอนบน ภาคใต้ตอนล่าง ภาคตะวันออกเฉียงเหนือ และภาคกลาง และจะมีโครงการนำร่องจากเยาวชนในแต่ละภูมิภาคเพื่อพัฒนาชุมชน ทั้งหมด 25 โครงการ  

เครือข่ายเยาวชน SEED Thailand มีจุดมุ่งหมายเพื่อต้องการพัฒนาและส่งเสริมเยาวชนในระดับท้องถิ่นทั่วประเทศให้กลายเป็นเยาวชนพลังบวกที่มีจิตสำนึกรักบ้านเกิดและมีความเข้าใจที่ถูกต้องเกี่ยวกับสถาบันหลักของชาติ โดยสร้างเครือข่ายเยาวชนรุ่นใหม่ภายใต้สังคมยุคดิจิทัล ผ่านการเปิดพื้นที่สาธารณะในการนำเสนอความคิดและวิธีการในการพัฒนาชุมชนบ้านเกิดและประเทศชาติให้เจริญยิ่งขึ้น 

โดยหยิบยกอัตลักษณ์ท้องถิ่นมาต่อยอดให้เกิดเป็นวิสาหกิจชุมชนรูปแบบใหม่ เพื่อสร้างงาน สร้างรายได้และความมั่นคงในชีวิตให้กับท้องถิ่นและประเทศชาติ รวมถึงมุ่งหวังที่จะสร้างเครือข่ายเด็กและเยาวชนให้มีความเข้าใจต่อสถาบันหลักของชาติ อย่างถูกต้อง และเติบโตเป็นเมล็ดพันธุ์อันดีงามที่พร้อมจะเติบโตและส่งต่อพลังบวกให้เยาวชน โดยภารกิจของ SEED Thailand มีดังนี้ 

1.เรื่องเล่าบ้านเรา 
2.ของดีบ้านเรา 
และ 3.พัฒนาบ้านเรา 

โดยในปี 2024 SEED Thailand เครือข่ายได้มีภารกิจใหม่ก็คือ Local to Global เยาวชนไทยพาท้องถิ่นสู่สากล โครงการ SEED Thailand เราได้มีการเริ่มทำมาตลอดระยะเวลา 4 ปีโดยที่ผ่านมาเรามีเครือข่ายเยาวชนผู้นำอยู่ทั่วประเทศทั้งในระดับอุดมศึกษาและมัธยมศึกษา ในปัจจุบันเครือข่ายเยาวชนได้มีเยาวชนกว่า 8,000 คนทั่วประเทศไทย 

‘ดร.เอ้’ แนะ!! รัฐบาล-กทม. 4 วิธีขนย้าย ‘แคดเมียม’ ให้ปลอดภัย พร้อมย้ำ ขอให้คิดถึง-ห่วงใยประชาชนเหมือนคนในครอบครัว

(19 เม.ย.67) นายสุชัชวีร์ สุวรรณสวัสดิ์ รองหัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์ ดูแลกทม. กล่าวว่า ตนไม่เห็นด้วยกับการเตรียมขนย้ายกากแคดเมียมกลับไปยังบ่อฝังกลบที่ จ.ตาก ที่รัฐบาลให้ข้อมูล จึงขอแนะนำ กทม. และรัฐบาล รีบทำ 4 ข้อ ด่วน คือ

1. ต้อง ‘บรรจุถุงกากแคดเมียมเข้าตู้คอนเทนเนอร์แล้วปิดมิดชิด’ รอการยกขนย้าย ทำตามหลักมาตรฐานสากล
2. ต้องรีบลำเลียงไปพื้นที่ปลอดภัยโดยด่วน ‘เพราะยิ่งอยู่นาน’ ไม่มีใครการันตีว่า สารพิษจะไม่รั่วไหล ยิ่งมีโอกาสฝนตกได้ทุกวัน รัฐบาลแจ้งผ่านสื่อปลายทาง ไม่พร้อม ชาวบ้านก็เสี่ยงสูง อันตรายมากถ้ายังนิ่งอยู่ที่เดิม และเท่าที่ทราบพื้นที่ของรัฐที่ว่างเปล่า ห่างไกลแหล่งน้ำ ชุมชน หรือเช่าพื้นที่เอกชนก็มีว่างเปล่าปลอดภัย ไกลชุมชนมากมาย

นายสุชัชวีร์ กล่าวต่อว่า 3. ต้อง ‘เตรียมพื้นที่ฝังกลบ’ ควรเคลียร์พื้นที่ให้พื้นผิวเรียบ ก่อนจะใช้ HDPE (High Density Polyethylene) พลาสติกพอลิเอทิลีน พลาสติกที่มีความหนาแน่นสูง ในการรองรับแคดเมียมจำนวนมาก ทนต่อแรงฉีกขาด และควรคำนึงถึงความปลอดภัยต่อชุมชน หากจะกลับไปที่เดิม คงทำแบบเดิมไม่ได้ อันตรายมาก ฝุ่นจากการถมกากแคดเมียมจะเข้มข้น เป็นพิษร้าย กระจายคลุ้ง ชาวบ้านรับเต็ม ๆ

และ 4. ต้อง ‘เตรียมรถบรรทุกที่รับตู้คอนเทนเนอร์แบบปิด’ การขนย้ายไม่ใช่ใส่รถบรรทุกฝาเปิด แคดเมียมระเหยสู่อากาศ หากฝนตกยิ่งอันตราย สารพิษกระจาย และต้องไม่ขนถ่ายไปถ่ายมา อันตรายที่สุด มีความเป็นห่วงคนทำงานเพราะเสี่ยงมะเร็ง ดังนั้นตู้คอนเทนเนอร์ต้องเปิดได้สองครั้ง คือ เปิดตอนบรรจุถุงกากแคดเมียม กับเปิดตอนนำออกมาฝังกลบในที่ปลอดภัยเท่านั้น

“ขอให้คิดถึงและห่วงใยประชาชนเหมือนคนในครอบครัวท่าน เพราะหากสารพิษอยู่ติดรั้วบ้านท่าน ท่านจะรอไหมครับ” นายสุชัชวีร์ กล่าว

กองสารนิเทศเชิญชวนร่วมงาน “ใต้ร่มพระบารมี 242 ปี กรุงรัตนโกสินทร์” สวดชุดไทยชมวังฟังเพลง ณ พิพิธภัณฑ์ตำรวจ วังปารุสกวัน 21 – 25 เมษายนนี้

พิพิธภัณฑ์ตำรวจ สำนักงานตำรวจแห่งชาติ เป็น 1 ในพิพิธภัณฑ์รอบเกาะรัตนโกสินทร์ เข้าร่วมกิจกรรมในงาน “ใต้ร่มพระบารมี 242 ปี กรุงรัตนโกสินทร์” เชิญชวนพี่น้องประชาชนเยี่ยมชมพิพิธภัณฑ์ตำรวจ วังปารุสกวัน ระหว่างวันที่ 21-25 เมษายนนี้ ตั้งแต่เวลา 09.00-19.00 น. 

พล.ต.ต.หญิง สมพร พูลเกษม ผู้บังคับการกองสารนิเทศ เปิดเผยว่า ตามที่กระทรวงวัฒนธรรม โดยคณะกรรมการจัดงานใต้ร่มพระบารมี 242 ปี กรุงรัตนโกสินทร์ กำหนดจัดงาน “ใต้ร่มพระบารมี 242 ปี กรุงรัตนโกสินทร์ ระหว่างวันที่ 21-25 เมษายน 2567 ณ พิพิธภัณฑสถานแห่งชาติ พระนคร , โรงละครแห่งชาติ และบริเวณรอบเกาะรัตนโกสินทร์ ซึ่งการจัดงานดังกล่าวจัดขึ้นเป็นประจำทุกปี โดยมีวัตถุประสงค์การจัดงานเพื่อน้อมรำลึกในพระมหากรุณาธิคุณของพระบาทสมเด็จพระพุทธยอดฟ้าจุฬาโลกมหาราช ปฐมกษัตริย์แห่งราชวงศ์จักรี ที่ทรงสถาปนากรุงรัตนโกสินทร์ และเพื่อเทิดพระเกียรติพระมหากษัตริย์ไทยทุกพระองค์ในราชวงศ์จักรี ที่ได้ทรงนำพาและพัฒนาประเทศให้เป็นปึกแผ่นและมีความเจริญรุ่งเรืองมาครบรอบ 242 ปี 

สำหรับในส่วนของสำนักงานตำรวจแห่งชาติ กองสารนิเทศได้เปิดพิพิธภัณฑ์ตำรวจ วังปารุสกวัน ตั้งอยู่บริเวณหัวมุมถนนพิษณุโลก ตัดกับถนนราชดำเนินนอก แขวงและเขตดุสิต กรุงเทพมหานคร เพื่อให้พี่น้องประชาชนได้เยี่ยมชมและร่วมกิจกรรม ในระหว่างวันที่ 21-25 เมษายน 2567 ตั้งแต่เวลา 09.00 - 19.00 น. โดยมีการจัดกิจกรรมนำชมตำหนักจิตรลดา และอาคารเรือนกระจก, กิจกรรมเชิงวัฒนธรรม, การแสดงการปฏิบัติหน้าที่ของสุนัขตำรวจและม้าตำรวจ และรับชมดนตรีในสวน พร้อมขอเชิญชวนผู้ร่วมงานสวมใส่ชุดไทย เพื่อร่วมเก็บบันทึกภาพบรรยากาศอันสวยงาม

ทั้งนี้ สำหรับผู้ที่สนใจเข้าร่วมกิจกรรมสามารถสอบถามรายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่หมายเลขโทรศัพท์ 0-2282-5057 หรือทาง http://www.facebook.com/policemuseum.parus

องค์บุญแห่งล้านนา ครูบาธรรมชัย เจ้าอาวาสวัดศรีพันต้น ทอดผ้าป่า ยกช่อฟ้า ทำพิธีไม้ค้ำจุน ศิลปิน ดารา นักร้องศิษยานุศิษย์พุทธศาสนิกชนทั่วประเทศเข้าร่วมพิธี เป็นจำนวนมาก

เมื่อวันที่ 17 เมษายน 2567 ที่ผ่านมา ที่สำนักสงฆ์ปฏิบัติธรรมชัยตำบลในเวียงอำเภอเมืองน่าน จังหวัดน่าน
องค์บุญแห่งล้านนา ครูบาธรรมชัย เจ้าอาวาสวัดศรีพันต้น สำนักสงฆ์ปฏิบัติธรรมชัย จังหวัดน่านและ สำนักปฏิบัติธรรม ธรรมชัย แผ่นดินทอง อำเภอ หนองเสือ จังหวัดปทุมธานี จัดพิธีทอดผ้าป่า ยกช่อฟ้า พิธีไม้ค้ำจุน ได้รับเมตตาจากพระเดชพระคุณพระราชศาสนาภิบาล เจ้าคณะจังหวัดน่าน เป็นประธานในพิธียกช่อฟ้าอุโบสถ บารมีธรรม
พิธียกช่อฟ้าถือว่าเป็นพิธีที่สำคัญมากในความเชื่อเนื่อง จากเป็นการยกส่วน บนสุดของอาคารศาสนาสถาน หรือพระราชวัง

โดยมีคติความเชื่อว่าหากใครได้ร่วมบุญยกช่อฟ้าแล้วนับเป็นมหากุศลอย่างยิ่ง เนื่องจากเป็นส่วนสูงสุด และถือว่าเป็นการทำให้อาคารสมบูรณ์ตามความเชื่อถือว่าบุญยกช่อฟ้าเป็นบุญที่ศักดิ์สิทธิ์และยิ่งใหญ่ ผู้ประกอบด้วยบุญญาธิการสูงส่งเท่านั้นจึงจะยกช่อฟ้าได้ มิฉะนั้นต้องใช้วิธีร่วม รวมกันเป็นหมู่เหล่าเพื่อให้บุญนั้นเกิดมากพอที่จะยกช่อฟ้าได้ ซึ่งอนิสงส์ ของการยกช่อฟ้าจะทำให้ชะตาชีวิตสูงส่งมีจิตใจใฝ่ดี ความก้าวหน้ามีเกียรติมีความสง่างาม วัดแห่งหนึ่งสร้างอุโบสถเสร็จแล้วจะมีพิธียกช่อฟ้าเพียงแค่ครั้งเดียว งานมหาบุญในครั้งนี้ศิษย์ยานุศิษย์ องค์บุญแห่งล้านนา ครูบาธรรมชัย เจ้าอาวาสวัดศรีพันต้นจากหลายจังหวัดทั่วประเทศ หลั่งไหลร่วมพิธีงานบุญเป็นจำนวนมากโดยมีกิจกรรมขบวนแห่ไม้ค้ำสะหลี สืบทอดเจตนาแห่งเมืองล้านนา สร้างความสามัคคีในชุมชนครั่งนี้มีกว่า 17 ชุมชน เข้าร่วมขบวนแห่ อย่างยิ่งใหญ่ ระยะทาง รถติด ยาวกว่า 5 กิโลเมตร เริ่มงาน ขบวนแห่ ตั้งแต่ ตั้งแต่ 8 โมงเช้า ไปจนถึง 10 โมง พร้อมด้วยหัวหน้าส่วนราชการตลอดจนองค์กรปกครองส่วนท้องถิ่นกำนันผุ้ใหญ่บ้านชาวบ้านทุกคนพร้อมใจกัน มาร่วมงานบุญ เพื่อถวาย แด่ครูบาธรรมชัย และพิธีแบบล้านนา ถือเป็นงานบุญที่หาชมยาก งานนี้ ศิลปินดารานักแสดง นักร้องดัง นายวสุธร พันธุ์พาณิชย์(ซานต้า) คิม ธิติสรรค์ กู้ดเบิร์น  โปงลางสะออน ลูลู่ลาล่าร่วมงานกันอย่างคับคั่ง งานครั้งนี้โปงลางสะออน ลูลู่ลาล่า รำถวาย และร้องเพลงถวาย ครูบาธรรมชัย เพลงด้วยพรครูบาธรรมชัย เพลงนี้แต่งขึ้นจากเรื่องจริง ที่เธอ ทั้งสองประสบปัญหาชีวิต แล้วคือพลิกชีวิต ด้วยบารมีครูบาธรรมชัย แนะนำและวิธี จนกระทั่ง ชีวิตของเธอเปลี่ยน จากร้ายกลายเป็นดี เหมือนฝัน  ยังมีนักร้อง ชื่อดัง จากค่าย v6 Music ที่ขนนำรับรอง ซึ่งมียอดวิว กว่า 100 ล้านวิว ไม่ว่าจะเป็นบอส ธีรพงษ์ รวมถึงขวัญ โฆสิตา ที่มาร่วมร้องเพลง ในงานบุญครั้งนี้

'เพจวงในพม่า' ถามนักข่าวดัง 'ฐปณีย์ เอียดศรีไชย' ข้ามแดนไปทำข่าวให้ KNU แบบนี้ ถูกต้องหรือไม่?

ไม่นานมานี้ เพจ 'LOOK Myanmar' ซึ่งนำเสนอมุมมอง แนวคิดและชีวิตความเป็นอยู่วัฒนธรรมของคนพม่า ได้โพสต์ภาพและข้อความ ระบุว่า...

"ขอสอบถามไปทางคุณแยม ตำรวจตรวจคนเข้าเมืองและกระทรวงการต่างประเทศหน่อย

ข้อแรกคุณแยมเข้าไปทำข่าวในแผ่นดินกะเหรี่ยงไปทางไหน ข้ามแดนถูกต้องตามกฎหมายไทยหรือเปล่า แล้วถ้าไม่ได้ผ่านแดนแบบถูกต้องตามกฎหมายไทย คุณแยมทำผิดกฎหมายไทยหรือไม่ ประเด็นนี้ฝากคุณแยมช่วยชี้แจง และตำรวจตรวจคนเข้าเมืองช่วยตรวจสอบด้วย

#เพราะคนไทยย่อมอยู่ภายใต้กฎหมายไทยไม่มียกเว้น

ข้อ 2 ในฐานะสื่อมวลชน การนำเสนอข่าวแบบนี้จะกระทบความสัมพันธ์ระหว่างประเทศไหม ฝากกระทรวงการต่างประเทศ ฝ่ายปกครองและท่านนายกรัฐมนตรีพิจารณาที"

ทั้งนี้ คอมเมนต์ของชาวโซเชียลได้แสดงความห่วงใยการรายงานข่าวดังกล่าวเช่นกัน อาทิ...

- สื่อควรเป็นกลางนะ เรื่องระหว่างประเทศด้วย
- หาเรื่องให้คนพม่าเข้าใจว่าประเทศไทยเข้าข้างกะเหรี่ยง ทำเป็นโชว์เหนือ เข้าคลุกวงใน 
- ด่านที่เมียวดี น่าจะยังเปิดนะครับ
- ผมเคยยุให้คุณนักข่าวไปทำสกู๊ป ไอ้เดวิด กับ FBS ว่ามันทำอะไรในไทยบ้าง ไม่เห็นจะตอบ น่าสนใจกว่าเยอะ 
- ระวังลูกหลงบ้างนะแยม เขาต่อสู้กันคงไม่มีเวลามาป้องกัน 
- ฝากถามด้วย เอาเงินซื้ออาวุธมาจากไหน? 
- ขอเตือนสักคำนะคะน้อง ในฐานะคนไทยด้วยกัน แค่พรี่เป็นประชาชน ข้าแผ่นดินธรรมดา ที่ถือเอาชาติและแผ่นดินไทย เป็นสิ่งสำคัญที่สุดในชีวิตค่ะ... ปัญหาในดินแดนเพื่อนบ้าน เป็นเรื่องละเอียดอ่อน ที่ประเทศไทย คนไทย โดยเฉพาะสื่อ ต้องระมัดระวังในการทำข่าว หาข่าว เสนอข่าวนะคะ...ใช่ค่ะ สื่อมีสิทธิเสรีภาพในการหาเสนอข่าว #แต่ให้ระมัดระวังการแสดงออกและข่าวที่นำเสนอ 

‘กทม.’ ปักหมุด!! 10 จุดเติม ‘น้ำดื่มฟรี’ ทั่วกรุงเทพฯ ช่วยลดการใช้ขวดพลาสติก เล็งขยายเพิ่มอีก 200 จุด

(18 เม.ย. 67) นายชัชชาติ สิทธิพันธุ์ ผู้ว่าราชการกรุงเทพมหานคร เยี่ยมจุดบริการเติมน้ำดื่มตามโครงการ ‘Bottle Free Seas ลดก่อน ล้นโลก’ บริเวณอุโมงค์หน้าพระลาน และท่ามหาราช ภายใต้นโยบาย ‘น้ำดื่มสะอาด ปลอดภัย ฟรี ทั่วกรุง’

โดยกล่าวว่า กรุงเทพมหานคร ร่วมกับมูลนิธิความยุติธรรมสิ่งแวดล้อม (Environmental Justice Foundation: EJF) ทำการติดตั้งตู้กดน้ำดื่มฟรี เพื่อบริการประชาชน และลดพลาสติกแบบใช้ครั้งเดียวไปพร้อมกัน ซึ่งทุกการกดเติมน้ำที่ตู้ 1 ครั้ง จะถือเป็นการลดการใช้ขวดน้ำพลาสติก 1 ขวด

>>เปิด 10 จุดเติมน้ำฟรี ‘ดื่มน้ำฟรี’ ดับร้อนทั่วกรุง ปัจจุบันมีการติดตั้งตู้กดน้ำดื่มฟรีแล้ว 10 แห่ง ได้แก่ 

1. บริเวณประตู 6 สวนเบญจกิติ 
2. สนามพิกเคิลบอล สวนเบญจกิติ 
3. หอศิลปวัฒนธรรมแห่งกรุงเทพมหานคร (BACC) 
4. ลานหน้าศาลพระตรีมูรติ เซ็นทรัลเวิลด์ 

5. ป้ายรถเมล์ติดแอร์ หน้าซีคอนสแควร์ ศรีนครินทร์ 
6. ฟอร์จูนทาวน์ พระราม 9 
7. สวนธนบุรีรมย์ เขตทุ่งครุ 

8. สวนรถไฟหรือสวนวชิรเบญจทัศ เขตจตุจักร 
9. อุโมงค์หน้าพระลาน เขตพระนคร 
10. ท่ามหาราช เขตพระนคร

>>แผนดำเนินการติดตั้งตู้กดน้ำดื่มฟรี 200 จุดทั่วกรุงเทพฯ
โดยในส่วนของกรุงเทพมหานคร มีแผนดำเนินการติดตั้งตู้กดน้ำดื่มฟรี 200 จุด ที่ศูนย์บริการสาธารณสุขทุกแห่ง สำนักงานเขตทุกเขต และสวนสาธารณะ 

ซึ่งขณะนี้ได้เริ่มดำเนินการแล้ว รวมถึงประสานความร่วมมือกับภาคเอกชนในการใช้พื้นที่เพื่อติดตั้งตู้กดน้ำเพื่ออำนวยความสะดวก และบริการประชาชนอย่างทั่วถึง

“ต้องขอบคุณ EJF ที่ช่วยทําสิ่งดี ๆ ให้คนกรุงเทพฯ สิ่งสําคัญคือ ต้องร่วมมือกับภาคเอกชน มูลนิธิต่าง ๆ ต้องเชิญชวนมาร่วมกัน ตึกต่าง ๆ ที่มีติดตั้งทุกตึก ที่ทำงานออฟฟิศต่าง ๆ รวมถึงหน่วยงานราชการ ถ้าร่วมมือร่วมใจกันจะติดตั้งครบตามเป้าที่กำหนดในพริบตาเดียว แต่ถ้าให้ กทม. ติดตั้งเองทุกแห่งอาจจะช้านิดนึง” ผู้ว่าฯ ชัชชาติ กล่าว

>>ผลการดำเนินโครงการฯ ลดพลาสติกแบบใช้ครั้งเดียว
ผลการดำเนินโครงการฯ ตั้งแต่ช่วงเดือนสิงหาคม 2566 เป็นต้นมา สามารถลดการใช้ขวดพลาสติกไปแล้ว 456,894 ขวด


© Copyright 2021, All rights reserved. THE STATES TIMES
Take Me Top