Saturday, 27 April 2024
ปูติน

ประธานาธิบดี วลาดิเมียร์ ปูติน ยันรัสเซียไม่ใช่ตัวการทำราคาอาหารทั่วโลกถีบตัวสูงขึ้น ชี้การส่งออกธัญพืชจากยูเครนยังสามารถทำได้โดยใช้เบลารุสเป็นทางผ่าน

ประธานาธิบดี วลาดิเมียร์ ปูติน ระบุว่า ชาติตะวันตกพยายามปกปิดความผิดพลาดจากนโยบายของตัวเองด้วยการกล่าวโทษรัสเซียว่าเป็นตัวการที่ทำให้ตลาดอาหารโลกเกิดปัญหา

ส่วนรายงานข่าวที่อ้างว่า รัสเซียขัดขวางยูเครนไม่ให้ส่งออกธัญพืชเป็นเรื่องไม่จริง โดย ปูติน แนะนำว่าวิธีแก้ไขปัญหานี้ที่ง่ายที่สุดคือการส่งออกผ่านประเทศเบลารุส ซึ่งจะไม่ถูกฝ่ายใดขัดขวางแน่นอน แต่ประเทศตะวันตกจะต้องยกเลิกมาตรการคว่ำบาตรที่ใช้กับเบลารุสก่อน

นอกจากนี้ ปูติน ยังเตือนว่า ปัญหาขาดแคลนสินค้าในตลาดอาหารโลกมีแนวโน้มจะเลวร้ายลงไปอีก เพราะสหรัฐและอังกฤษใช้มาตรการคว่ำบาตรสินค้าประเภทปุ๋ยที่ผลิตในรัสเซีย

โดยตอนนี้รัสเซียได้ควบคุมพื่นที่ชายฝั่งทางภาคใต้ของยูครนเอาไว้ได้ รวมทั้งเส้นทางที่เชื่อมต่อกับท่าเรือต่าง ๆ ในทะเลดำ ซึ่งเรือรบของรัสเซียประจำการอยู่ ขณะที่รัฐบาลรัสเซียย้ำมาตลอดว่าการที่ยูเครนไม่สามารถส่งออกธัญพืชเป็นเพราะนโยบายของรัฐบาลยูเครนและสหรัฐฯเอง

ขณะที่วานนี้ (6 มิถุนายน 2565) ประธานาธิบดี อเล็กซานเดอนร์ ลูคาเชนโก ผู้นำเบลารุส ระบุว่า พร้อมจะเปิดทางให้ยูเครนส่งธัญพืชไปยังเยอรมนี โปแลนด์ และ ท่าเรือในทะเลบอลติก แต่มีเงื่อนไขว่าสินค้าจากเบลารุสต้องได้รับอนุญาตให้ส่งสินค้าออกจากท่าเรือเหล่านี้เช่นกัน

ส่วน ประธานาธิบดี แมกกี้ ซอล ผู้นำเซเนกัล ในฐานะประธานสหภาพแอฟริกา ที่เดินทางเยือนรัสเซีย ระบุด้วยว่าประธานาธิบดี ปูติน รับปากจะอำนวยความความสะดวกในการส่งออกธัญพืชผ่านท่าเรือในยูเครน หรือผ่านแม่น้ำดานูบของโรมาเนีย

ขณะเดียวกัน อันนาเลนา แบร์บ็อค รัฐมนตรีต่างประเทศเยอรมนี ระบุว่า สงครามระหว่างยูเครน และ รัสเซีย ทำให้ราคาอาหารและพลังงานในโลกถีบตัวเพิ่มสูงขึ้นเป็นอย่างมาก การสู้รบที่เกิดขึ้น ได้กลายเป็นวิกฤติของโลก และประชากรโลก 50 ล้านคน โดยเฉพาะในแอฟริกาและตะวันออกกลาง จะต้องเผชิญกับความหิวโหยในอีกไม่กี่เดือนข้างหน้า หากไม่สามารถหาหนทางขนส่งธัญพืชออกจากยูเครนได้ ซึ่งปฏิบัติการทางทหารต่อยูเครนที่ยืดเยื้ออาจเรียกได้ว่าเป็น “สงครามธัญพืช”

'ปูติน' พร้อมโจมตีเป้าหมายที่ไม่เคยโจมตีก่อนหน้า หากว่า 'สหรัฐฯ' ส่งขีปนาวุธพิสัยไกลให้ยูเครน

6 มิ.ย.65 สำนักข่าวซินหัวรายงานว่า วลาดิเมียร์ ปูติน ประธานาธิบดีรัสเซีย เปิดเผยในการให้สัมภาษณ์ที่ออกอากาศวันอาทิตย์ (5 มิ.ย.) ว่ารัสเซียจะ ‘หาข้อสรุปอันเหมาะสม’ และโจมตีเป้าหมายใหม่ หากสหรัฐฯ ส่งมอบขีปนาวุธพิสัยไกลให้ยูเครน

“รัสเซียจะหาข้อสรุปอันเหมาะสม และใช้อาวุธของเราโจมตีกลุ่มเป้าหมายที่ไม่เคยโจมตีมาก่อน หากมีการส่งมอบขีปนาวุธพิสัยไกลให้ยูเครน” ปูตินเผยกับสถานีโทรทัศน์รอสซียา 1

ปูติน เสริมว่า กองทัพยูเครนมีระบบที่คล้ายคลึงกันนี้อยู่แล้ว การส่งมอบอาวุธดังกล่าวจึงไม่ก่อให้เกิดการเปลี่ยนแปลงอันใด ทว่ามีแต่จะทำให้ความขัดแย้งยืดเยื้อเท่านั้น ขณะเดียวกัน ปูติน ได้เผยการสนทนาทางโทรศัพท์กับเหล่าผู้นำยุโรปเมื่อวันที่ 28 พ.ค. ด้วยว่า การจัดหาอาวุธจะส่งผลให้สถานการณ์ไร้เสถียรภาพยิ่งขึ้น และทำให้วิกฤตมนุษยธรรมในยูเครนย่ำแย่ลง

คุณปู่ชาวญี่ปุ่น ทำตุ๊กตาฟางสาปแช่ง 'ปูติน' เหตุไม่พอใจที่รัสเซียรุกรานยูเครน

คุณปู่ชาวญี่ปุ่นวัย 72 ปี ถูกจับกุมเมื่อวันพุธ (15 มิ.ย.) ตามคำกล่าวหาเอาตุ๊กตาฟางติดภาพใบหน้าของประธานาธิบดีวลาดิมีร์ ปูติน แห่งรัสเซีย ตอกตะปูติดกับต้นไม้ศักดิ์สิทธิ์ต้นหนึ่ง บริเวณศาลเจ้าใกล้กรุงโตเกียว ในความพยายามสาปแช่งขอให้ผู้นำแดนหมีขาวเสียชีวิต จากความขุ่นเคืองที่มีต้นตอจากปฏิบัติการรุกรานยูเครน

ตำรวจในเมืองมัตสึโดะ จังหวัดชิบะ ระบุว่านายมิตซูโนบุ ฮิโนะ ถูกจับกุมฐานต้องสงสัยก่อความเสียหายแก่ทรัพย์สินและบุกรุก

ภาพที่ปรากฏบนสื่อสังคมออนไลน์ พบเห็นตุ๊กตาฟางไม้ที่ติดภาพใบหน้าของปูติน ถูกตอกตะปูติดกับต้นไม้ และมีข้อความเขียนสาปแช่งให้ผู้นำรัสเซียเสียชีวิต

ฮิโนะ ถูกกล่าวหาบุกรุกเข้าไปในบริเวณศาลเจ้ามิคาซูกิของเมืองมัตสึโดะ ตอนเวลาราวๆ 14.20 น. ของวันที่ 19 พฤษภาคม และทำให้ต้นไม้ศักดิ์สิทธิ์ของศาลเจ้าเป็นรู ด้วยการตอกตะปูยึดตุ๊กตาฟางติดกับต้นไม้

ชาวมะกันไม่โทษ ‘ปูติน’ เหตุ ‘ก๊าซ-น้ำมันแพง’ แต่ส่วนใหญ่ชี้เป้าไปที่ ‘ไบเดน-เดโมแครต’

ข้อมูลจากสำนักโพล Rasmussen poll เมื่อ (21 มิ.ย.65) พบชาวสหรัฐฯ เพียงแค่ 11% ที่เชื่อว่าประธานาธิบดีวลาดิมีร์ ปูติน แห่งรัสเซีย ควรถูกกล่าวโทษต่อราคาเชื้อเพลิงที่พุ่งสูงในสหรัฐฯ แต่ยิ่งไปกว่านั้น ส่วนใหญ่ชี้เป้าไปที่ประธานาธิบดีโจ ไบเดน 

ในโพลของ Rasmussen ที่จัดทำเมื่อสัปดาห์ที่แล้ว พบว่ามีผู้ตอบแบบสอบถามมากกว่าหนึ่งครั้ง (52%) ที่ชี้ว่านโยบายทางพลังงานแย่ ๆ ของผู้นำสหรัฐฯ คือ ต้นตอที่ทำให้ราคาพลังงานพุ่งสูงจนผู้คนเริ่มจ่ายไม่ไหว นั่นหมายความว่าคำจำกัดความ ‘การขึ้นราคาของปูติน’ ที่รัฐบาลสหรัฐฯ พยายามป้อนสู่ความคิดของประชาชน ดูเหมือนจะไม่ได้ผลใด ๆ 

ขณะที่บางส่วนไม่กล่าวโทษทั้ง ไบเดน และ ปูติน แต่เลือกที่จะโทษไปยังบรรดาบริษัทพลังงานทั้งหลาย โดยมีผู้ตอบแบบสอบถาม 29% ชี้ว่าอุตสาหกรรมพลังงานกำลังกอบโกยผลประโยชน์จากภาวะไร้เสถียรภาพทางภูมิรัฐศาสตร์ ผ่านการปรับขึ้นราคาเชื้อเพลิง

สำหรับสถานการณ์ด้านพลังในสหรัฐฯ ตอนนี้ แม้จะมีการห้ามนำเข้าน้ำมันและก๊าซของรัสเซียในเดือนมีนาคม แต่ในความเป็นจริง คือ มอสโกยังป้อนอุปทานน้ำมันแก่อเมริกา แต่ก็คิดเป็นสัดส่วนเพียงแค่ 2% เท่านั้น เพราะโดยสุทธิแล้ว สหรัฐฯ คือ ชาติผู้ส่งออกก๊าซ นั่นจึงทำให้คำกล่าวอ้างที่ว่ารัสเซีย คือ ผู้อยู่เบื้องหลังราคาที่พุ่งสูงเป็นประวัติการณ์ตามสถานีบริการทั้งหลายนั้น เป็นไปไม่ได้เลย

ทั้งนี้ราคาพลังงานที่พุ่งสูง ยังเป็นตัวแปรสำคัญก่อนถึงศึกเลือกตั้งกลางเทอม (ส.ส.-ส.ว.)ของสหรัฐฯ ในช่วงปลายปี โดยผู้มีสิทธิออกเสียงราว 92% บอกว่าราคาก๊าซ น้ำมันทำความร้อนและเชื้อเพลิงอื่น ๆ ที่พุ่งทะยาน เป็นปัญหาร้ายแรงสำหรับพวกเขา และจากผลสำรวจของ Rasmussen poll นั้น มีมากถึง 68% ที่เรียกปัญหาดังกล่าวว่า ‘ร้ายแรงมาก’

‘ปูติน’ เผย BRICS จ่อลดอำนาจเงินตะวันตก เตรียมตั้งทุนสำรองระหว่างประเทศขึ้นใหม่

ประธานาธิบดีวลาดิมีร์ ปูติน แห่งรัสเซีย เปิดเผยว่ากลุ่ม BRICS ซึ่งประกอบไปด้วย บราซิล, รัสเซีย, อินเดีย, จีน และแอฟริกาใต้ กำลังดำเนินการจัดตั้งทุนสำรองระหว่างประเทศใหม่บนพื้นฐานระบบตะกร้าเงินของประเทศสมาชิก เพื่อลดการพึ่งพิงระบบการเงินตะวันตก

รายงานจากอาร์ทีนิวส์ เผยว่า ประธานาธิบดีรัสเซีย สมาชิกของ BRICS กำลังอยู่ระหว่างการพัฒนากลไกทางเลือกที่มีความน่าเชื่อถือสำหรับการชำระเงินระหว่างประเทศด้วยเช่นกัน โดยคำพูดของปูติน สอดคล้องกับคำแถลงของกลุ่ม BRICS ก่อนหน้านี้ ที่บอกว่าพวกเขากำลังดำเนินการจัดตั้งเครือข่ายการชำระเงินร่วม เพื่อลดการพึ่งพิงระบบการเงินของตะวันตก ขณะเดียวกัน บรรดาประเทศสมาชิก BRICS กำลังเพิ่มการใช้สกุลเงินท้องถิ่นในการซื้อขายระหว่างกันอย่างเข้มข้นขึ้นด้วย

ด้าน Global Times ก็ได้รายงานด้วยว่า บรรดาผู้ค้าทั้งหลายในกลุ่ม BRICS ต่างมองเห็นความเป็นไปได้ที่จะใช้เงินสกุลท้องถิ่นในกลุ่มประเทศของตนเอง โดยเฉพาะเงินหยวน เป็นอีกหนึ่งสกุลหลักในการเจรจาทำธุรกรรมทางการค้าข้ามพรมแดนระหว่างกัน โดยเป็นส่วนหนึ่งในความพยายามมองหาทางเลือกอื่นนอกจากสกุลเงินดอลลาร์ ที่จะนำมาใช้เป็นตัวกลางชำระหนี้ระหว่างประเทศภายในกลุ่ม BRICS

บรรดาผู้เชี่ยวชาญ ระบุว่า แม้อิทธิพลของเงินดอลลาร์สหรัฐฯ จะยังคงครอบงำเวทีการค้าโลก แต่ความสัมพันธ์ทางเศรษฐกิจและการค้าที่ใกล้ชิดยิ่งขึ้นในกลุ่มประเทศสมาชิก BRICS บวกกับความร่วมมือเพิ่มเติมด้านต่างๆ ในอนาคต ได้เพิ่มโอกาสความเป็นไปได้ที่จะชำระหนี้ด้วยเงินสกุลเงินท้องถิ่นของแต่ละประเทศมากขึ้น

กลุ่มสาวยูเครนรวมตัว ‘ถ่ายนู้ด’ หาทุนสู้ศึกรัสเซีย ลั่น!! หยุดโปรเจกต์นี้ ต่อเมื่อ ‘ปูติน’ ตาย

กลุ่มคอนเทนต์ครีเอเตอร์สาวยูเครนแลก ‘ภาพนู้ด’ กับเงินสดเพื่อนำไปสนับสนุนทหารที่ทำสงครามต่อต้านรัสเซีย ล่าสุดระดมเงินทุนกันได้แล้วกว่า 642,000 ปอนด์ หรือเกือบ 28 ล้านบาท

ผู้หญิงกลุ่มนี้มารวมตัวกันภายใต้โครงการที่ชื่อว่า ‘TerOnlyFans’ (มาจากคำว่า ‘Territorial Defense’ กับ ‘Onlyfans’) โดยปัจจุบันมีสมาชิก 38 คนที่เสนอมอบภาพนู้ดของตัวเองให้แก่ผู้ที่บริจาคเงินแก่องค์กรการกุศลต่าง ๆ ของยูเครน

นาสตาเซีย นาสโก (Nastassia Nasko) สาวเบลารุสวัย 23 ปี ซึ่งเคยอาศัยอยู่ที่กรุงเคียฟก่อนจะเกิดสงคราม และเป็นผู้ก่อตั้งกลุ่ม เล่าว่า จุดเริ่มต้นมันมาจากตอนที่เธอทวีตข้อความขอให้ใครสักคนช่วยเหลือเพื่อนของเธอที่ติดอยู่ในเมืองคาร์คีฟ (Kharkiv) และพูดเล่นๆ ว่าจะถ่ายนู้ดส่งให้เป็นการตอบแทน 

จากนั้นปรากฏว่าภายใน 5 นาที มีผู้ส่งข้อความตอบรับข้อเสนอของเธอมากกว่า 10 ข้อความ และเพื่อนของเธอก็ได้รับการช่วยเหลือให้ออกจากเมืองคาร์คีฟได้อย่างปลอดภัยจริง ๆ ทำให้เธอเกิดปิ๊งไอเดียถ่ายนู้ดเพื่อ ‘ช่วยชาติ’ ซะเลยดีกว่า

ปัจจุบัน นาสโก และคอนเทนต์ครีเอเตอร์ร่วมอุดมการณ์อีกเกือบ 40 ชีวิตที่ทำโครงการ TerOnlyFans สามารถระดมเงินทุนได้แล้ว 642,605 ปอนด์ และมอบมันให้มูลนิธิเพื่อการกุศล 11 แห่ง โดยมีตั้งแต่สวนสัตว์กรุงมินสก์เรื่อยไปจนถึง ‘กองพันอาซอฟ’ ที่สู้รบกับรัสเซียอยู่ในยูเครนตะวันออก

'ไบเดน' แนะชาวอเมริกันให้ 'ทำใจ' เรื่องราคาน้ำมัน คาดว่าจะแพงขึ้นเรื่อยๆ จนกว่า 'ปูติน' จะแพ้สงคราม

ประธานาธิบดี โจ ไบเดน แห่งสหรัฐฯ ออกมาเตือนชาวอเมริกันให้ 'ทำใจ' ว่าอาจจะต้องจ่ายค่าน้ำมันแพง 'ต่อไปเรื่อยๆ' จนกว่าประธานาธิบดี วลาดิมีร์ ปูติน จะพ่ายแพ้สงครามในยูเครน

ระหว่างที่ ไบเดน เปิดแถลงข่าวในการประชุมซัมมิตผู้นำนาโตที่กรุงมาดริดเมื่อวันพฤหัสบดี (30 มิ.ย.) ผู้สื่อข่าวคนหนึ่งได้ยิงคำถามว่า “ผู้ขับขี่ยวดยานชาวอเมริกันและทั่วโลกจะต้องจ่ายค่าเชื้อเพลิงแพงเพื่อสงครามครั้งนี้ไปอีกนานแค่ไหน”

คำตอบของผู้นำสหรัฐฯ ก็คือ “นานเท่าไหร่ก็เท่านั้น หากมันจะทำให้รัสเซียไม่สามารถเอาชนะยูเครน และรุกรานต่อไปยังที่อื่นๆ”

ราคาน้ำมันเฉลี่ยในสหรัฐฯ พุ่งสูงสุดเป็นประวัติการณ์ไปอยู่ที่ 5 ดอลลาร์สหรัฐต่อแกลลอนในเดือนนี้ แม้ว่า ไบเดน จะสั่งปล่อยน้ำมันออกจากคลังสำรองทางยุทธศาสตร์เพื่อช่วยควบคุมราคาแล้วก็ตามที

ผู้นำสหรัฐฯ ยังเรียกร้องให้สภาคองเกรสงดเก็บภาษีน้ำมันชั่วคราวเป็นเวลา 3 เดือนเพื่อลดภาระให้แก่ผู้บริโภค ทว่าก็เผชิญเสียงคัดค้านจากคนในพรรคเดโมแครตเอง

ผลสำรวจความคิดเห็นโดย Associated Press-NORC Center for Public Affairs Research ที่เผยแพร่เมื่อวันพุธ (29) พบว่า คนอเมริกัน 60% รู้สึก 'ไม่พอใจ' ในภาวะผู้นำของ โจ ไบเดน และในแง่ของการบริหารจัดการเศรษฐกิจนั้นมีผู้ที่ตอบว่า 'ไม่พอใจ' เกือบ 70%

‘ปูติน’ ไฟเขียว!! ขยายสถานะพลเรือนรัสเซีย แก่ชาวยูเครนทุกคนที่ยื่นขอ ได้อย่างรวดเร็ว

‘ปูติน’ ลงนามผ่านกฎหมายขยายการให้สถานะพลเรือนรัสเซียด้วยวิธีรวดเร็ว ไปถึงชาวยูเครนทั้งประเทศแล้ว

เมื่อ 11 ก.ค. 65 ประธานาธิบดี วลาดิเมียร์ ปูติน ของรัสเซีย ได้ลงนามผ่านกฎหมายขยายการให้สถานะพลเรือนรัสเซีย ‘ด้วยวิธีรวดเร็ว’ หรือ Fast Track ให้แก่ชาวยูเครนทุกคน หรือต่อจากนี้ไป ชาวยูเครนทุกคนจะมีสิทธิ์ยื่นคำขอเป็นพลเรือนรัสเซียด้วยวิธีรวดเร็วได้นั่นเอง 

ก่อนหน้านี้รัสเซียจะให้สถานะพลเรือนรัสเซียด้วยวิธีรวดเร็วแก่ผู้ที่อาศัยอยู่ในจังหวัดโดเนตสก์และลูฮันสก์ ในภูมิภาคดอนบาส ทางตะวันออกของยูเครนเท่านั้น โดยเริ่มมาตั้งแต่ปี 2019 ต่อมาได้ขยายไปถึงผู้อยู่อาศัยในเมืองซาปอริซเซีย และเมืองเคอร์ซอน ทางใต้ของยูเครนด้วยเมื่อเดือนพฤษภาคมปีนี้ หลังจาก 2 เมืองนี้อยู่ใต้การควบคุมของรัสเซีย 

ทว่าในส่วนของการลงนามผ่านกฎหมายรอบล่าสุดนี้ จะมีผลขยายไปถึงชาวยูเครนทั้งประเทศด้วย!!

'สะพานแห่งสันติภาพ' ส่อวุ่น!! หลัง 'อังกฤษ' ชี้!! 'ปูติน' ไม่มีสิทธิ์ในการประชุมสุดยอด G20

"ประธานาธิบดี วลาดิมีร์ ปูติน แห่งรัสเซีย ไม่มี 'สิทธิทางศีลธรรม' ที่จะเข้าร่วมการประชุมสุดยอดผู้นำกลุ่ม 20 ชาติในอินโดนีเซีย" โฆษกรัฐมนตรีต่างประเทศของสหราชอาณาจักร กล่าวหลังจากเมื่อต้นสัปดาห์ก่อน ผู้นำชาวอินโดนีเซียเผยว่า ทั้งรัสเซียและยูเครนยอมรับประเทศของเขาเป็น 'สะพานแห่งสันติภาพ'

โดยเมื่อวันเสาร์ที่ผ่านมา (20 ส.ค. 65) ประธานาธิบดีโจโค วิโดโด (Joko Widodo) ของอินโดนีเซียยืนยันว่าปูตินและประธานาธิบดี สี จิ้นผิง (Xi Jinping) ของจีนกำลังวางแผนที่จะเข้าร่วมการประชุมสุดยอด G20 ในเดือนพฤศจิกายนนี้

นอกจากนี้ วิโดโด ยังได้เชิญประธานาธิบดียูเครน โวโลดิเมียร์ เซเลนสกี (Volodymyr Zelenskyy) ซึ่งไม่ใช่สมาชิก G20 เข้าร่วมการประชุมสุดยอด โดยกล่าวว่า เขาจะเข้าร่วมอย่างน้อยในรูปแบบเสมือนจริง (ออนไลน์)

โดยในการโทรศัพท์ครั้งล่าสุด ปูตินและวิโดโด ก็ได้พูดคุยถึงการเตรียมการสำหรับงานใหญ่ ซึ่งปูตินยอมรับคำเชิญของวิโดโดเข้าร่วมการประชุมสุดยอดในเดือนมิถุนายน แต่เครมลินไม่ได้ยืนยันว่าผู้นำรัสเซียจะเดินทางไปยังเมืองบาหลีหรือไม่

แต่โฆษกทำเนียบขาว ได้กล่าวไว้ว่า หากปูติน 'เข้าร่วม G20 แล้ว เซเลนสกี ก็ควรเข้าร่วมด้วย'

อย่างไรก็ตาม โฆษกของรัฐมนตรีต่างประเทศ ลิซ ทรัสส์ (Liz Truss) กล่าวว่า "รัสเซียไม่มีสิทธิทางศีลธรรมที่จะเข้าร่วมการประชุม G20 ขณะที่การรุกรานในยูเครนยังคงดำเนินอยู่"

ทรัสส์ เคยกล่าวไว้ก่อนหน้านี้ว่า การเผชิญหน้ากับปูตินต่อหน้าพันธมิตรอย่างอินเดียและอินโดนีเซียเป็นสิ่งสำคัญ “ฉันจะไปที่นั่น และฉันจะโทรหาปูติน” เธอบอกกับการอภิปรายทางโทรทัศน์เมื่อวันที่ 25 กรกฎาคม

อย่างไรก็ตาม ประธานาธิบดี วลาดิมีร์ ปูติน แห่งรัสเซีย และประธานาธิบดีสี จิ้นผิง ของจีน กำลังวางแผนที่จะเข้าร่วมการประชุมสุดยอด Group of 20 (G20) ที่บาหลีในเดือนพฤศจิกายนปีนี้ ตามการระบุของผู้นำชาวอินโดนีเซีย

ด้าน อดีตรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลังของสหราชอาณาจักร ริชี ซูนัก (Rishi Sunak) ก็ได้วิพากษ์วิจารณ์การตัดสินใจเชิญปูติน โดยเรียกร้องให้ G20 ห้ามมิให้เข้าร่วมงานจนกว่าเขาจะยุติสงครามในยูเครน

“พันธมิตร G20 และพันธมิตรของเรามีความรับผิดชอบร่วมกันในการเรียกพฤติกรรมที่น่ารังเกียจของปูตินออกมา” โฆษกของ Sunak กล่าว “เราจำเป็นต้องส่งข้อความที่หนักแน่นถึงปูตินว่าเขาไม่มีที่นั่งที่โต๊ะ เว้นแต่และจนกว่าเขาจะยุติสงครามที่ผิดกฎหมายในยูเครน”

หน่วยข่าวกรองรัสเซียฟันธง ยูเครนอยู่เบื้องหลัง เหตุลอบสังหารลูกสาว ‘มันสมอง’ ของปูติน

หน่วยข่าวกรองด้านความมั่นคงของรัสเซีย (FSB) ยืนยัน สายลับยูเครนอยู่เบี้องหลังแผนลอบสังหาร ‘ดาร์ยา ดูกินา’ บุตรสาวของ ‘อเล็กซานเดอร์ ดูกิน’ นักการเมืองผู้เป็น ‘มันสมอง’ ของ ‘วลาดิมีร์ ปูติน’ ประธานาธิบดีแห่งรัสเซีย อย่างแน่นอน 

ดาร์ยา ดูกินา ในวัย 29 ปี ประกอบอาชีพเป็นผู้สื่อข่าวจากสถานีโทรทัศน์ช่อง Tsargrad ที่เป็นกระบอกเสียงให้กับรัฐบาลมอสโคว และเป็นบุตรสาวของ อเล็กซานเดอร์ ดูกิน ที่เป็นหนึ่งในผู้นำแนวคิดอุดมการณ์รักชาติของรัสเซีย และยังได้ชื่อว่าเป็นมันสมองของปูติน ได้เสียชีวิตจากเหตุลอบวางระเบิดคาร์บอมบ์ หลังจากกลับจากงานเทศกาลวัฒนธรรมเมื่อช่วงค่ำวันเสาร์ที่ 20 สิงหาคมที่ผ่านมา 

โดยระเบิดได้ถูกติดตั้งไว้ในรถยนต์ SUV Toyota Land Cruiser ซึ่งแหล่งข่าวระบุว่าเป็นของอเล็กซานเดอร์ ดูกิน พ่อของเธอ แต่เกิดเปลี่ยนใจขับรถคันอื่นแทน ผู้รับเคราะห์จึงเป็น ดาร์ยา ดูกินา ที่เสียชีวิตทันทีในที่เกิดเหตุ


TRENDING
© Copyright 2021, All rights reserved. THE STATES TIMES
Take Me Top