Sunday, 11 May 2025
Hard News Team

ก.แรงงาน ร่วม อินเตอร์ลิงค์และเครือข่าย เฟ้นหาสุดยอดเยาวชนด้านเน็ตเวิร์ก ปีที่ 9

กระทรวงแรงงาน โดยกรมพัฒนาฝีมือแรงงาน ร่วมกับ บริษัท อินเตอร์ลิงค์ คอมมิวนิเคชั่น จำกัด (มหาชน)  สำนักนายกรัฐมนตรี กระทรวงดิจิทัลเพื่อเศรษฐกิจและสังคม กระทรวงการอุดมศึกษา วิทยาศาสตร์ วิจัยและนวัตกรรม กระทรวงศึกษาธิการ และสมาคมเคเบิลลิงค์ไทย ยกระดับทักษะเยาวชนไทย จัดการแข่งขันสุดยอดทักษะสายสัญญาณและเน็ตเวิร์ก ปีที่ 9 ชิงถ้วยพระราชทาน พร้อมรับเงินรางวัล 400,000 บาท 

นางดรุณี  นิธิทวีกุล  รองอธิบดีกรมพัฒนาฝีมือแรงงาน (กพร.) กระทรวงแรงงาน เปิดเผยว่า นายสุชาติ  ชมกลิ่น รัฐมนตรีว่าการกระทรวงแรงงาน และศาสตราจารย์ นฤมล  ภิญโญสินวัฒน์ รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงแรงงาน มีนโยบายด้านการบูรณาการร่วมภาคีเครือข่ายตามแนวทางประชารัฐในการพัฒนาทักษะนักเรียน นักศึกษาให้มีความพร้อมเป็นแรงงานคุณภาพในอนาคต ได้มอบหมายให้ กระทรวงแรงงาน โดยกรมพัฒนาฝีมือแรงงาน ร่วมกับ บริษัท อินเตอร์ลิงค์ คอมมิวนิเคชั่น จำกัด (มหาชน) สำนักนายกรัฐมนตรี กระทรวงดิจิทัลเพื่อเศรษฐกิจและสังคม กระทรวงการอุดมศึกษา วิทยาศาสตร์ วิจัยและนวัตกรรม กระทรวงศึกษาธิการ และสมาคมเคเบิลลิงค์ไทย ส่งเสริมการเรียนรู้ความเข้าใจพื้นฐานทางด้านวิศวกรรมระบบสายสัญญาณและอุปกรณ์การสื่อสาร และอุปกรณ์กระจายสัญญาณได้อย่างถูกต้อง สามารถต่อยอดการใช้งานแนวทางใหม่ๆ ได้อย่างมีประสิทธิภาพ พร้อมทั้งเปิดโอกาสให้เยาวชนไทยได้พัฒนาทักษะความรู้ในการใช้ทรัพยากรที่ต้องนำเข้าจากต่างประเทศอย่างคุ้มค่า และช่วยกระตุ้นสถาบันการศึกษาให้พัฒนา ผลิตผู้เชี่ยวชาญเฉพาะทางในด้านนี้ให้เพิ่มมากขึ้นในอนาคต 
   
รองอธิบดี กล่าวต่อไปว่า ในปี 2564 กพร.ได้ร่วมจัดการแข่งขันสุดยอดทักษะสายสัญญาณและเน็ตเวิร์ก ปีที่ 9 ชิงถ้วยรางวัลพระราชทานจากสมเด็จพระกนิษฐาธิราชเจ้า กรมสมเด็จพระเทพรัตนราชสุดาฯ สยามบรมราชกุมารี  และเงินรางวัล 400,000 บาท ซึ่งจะมีพิธีเปิดการแข่งขันในวันที่ 11 สิงหาคม 2564 ณ บริษัท อินเตอร์ลิ้งค์ คอมมิวนิเคชั่น จำกัด (มหาชน) สำนักงานใหญ่ ผ่านโปรแกรมออนไลน์ Zoom Meeting โดยการแข่งขันแบ่งออกเป็น 2 ช่วง ประกอบด้วย รอบคัดเลือก จะคัดเลือกผู้ชนะในแต่ละภูมิภาคจากทั่วประเทศ ระหว่างเดือนกรกฎาคม – พฤศจิกายน 2564 จำนวน 55 คน จากทั้งหมด 5 ภาค ได้แก่ ภาคกลางและกรุงเทพฯ ภาค ภาคตะวันออก ภาคใต้ และภาคเหนือ เพื่อเข้าค่ายทำกิจกรรม CSR เป็นเวลา 3 วัน ระหว่างวันที่ 25-27 พฤศจิกายน 2564 ซึ่งจะมีการปรับเปลี่ยนรูปแบบของกิจกรรมเป็นแบบออนไลน์ทั้งหมด ทั้งนี้ ผู้เข้ารอบทั้ง 55 คน จะได้รับมอบชุดเครื่องมือ มูลค่า 2,000 บาท พร้อมใบประกาศนียบัตร และจะได้รับการพิจารณาเข้าทำงานในเครือของบริษัทฯ ภายหลังจากจบการศึกษาด้วย และรอบชิงชนะเลิศ  โดยผู้ชนะเลิศจะได้รับทุนการศึกษา 50,000 บาท พร้อมถ้วยรางวัลพระราชทานฯ และประกาศเกียรติคุณ รองชนะเลิศ รับทุนฯ 30,000 บาท พร้อมถ้วยรางวัลจากนายกรัฐมนตรี รางวัลที่ 3 รับทุนฯ 10,000 บาท พร้อมถ้วยรางวัล และรางวัลชมเชย รับทุนฯ 5,000 บาท 
        
คุณสมบัติผู้สมัครต้องเป็นนิสิต นักศึกษาตั้งแต่ระดับอาชีวศึกษาขึ้นไป จนถึงนักศึกษามหาวิทยาลัยระดับปริญญาตรีอายุไม่เกิน 25 ปี  ต้องมีสถาบันการศึกษาและอาจารย์ที่ปรึกษารับรองโดยเป็นตัวแทนของสถาบันไม่เกิน 2 คนต่อสถาบัน ซึ่งผู้สมัครจะต้องกำลังศึกษาอยู่ในเขตพื้นที่ของภูมิภาคนั้นๆ ผู้ที่เคยผ่านการแข่งขันในรอบคัดเลือกในปีอื่น ๆ ไม่สามารถสมัครเข้าร่วมแข่งขันซ้ำได้อีก สอบถามรายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ บริษัท อินเตอร์ลิ้งค์ คอมมิวนิเคชั่น จำกัด (มหาชน) ฝ่ายการตลาดและสื่อสารองค์กร 02-6661111 ต่อ 368-374 หรือสมัครออนไลน์ได้ที่เว็บไซต์ http://cablingandnetworkingcontest.com อีเมล [email protected] รองอธิบดีกล่าวทิ้งท้าย

พท.แนะ พปชร.ประกาศให้ชัดเสนอ “บิ๊กตู่” เป็นนายกฯ อีก พรรคร่วมรบ.ยืนยันไม่ถอนตัว หนุน “ประยุทธ์” เป็นนายกฯ ต่อ เย้ยรอรับผลหลัง ลต.ได้เลย

นายอนุสรณ์ เอี่ยมสะอาด รองหัวหน้าพรรคเพื่อไทย กล่าวกรณี พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกฯ พร้อมแกนนำพรรคร่วมรัฐบาล ออกมาย้ำภาพความสัมพันธ์ ท่ามกลางกระแสเรียกร้องให้พรรคร่วมรัฐบาลถอนตัว หลังล้มเหลวในการแก้ปัญหาโควิด-19 ว่า ตัวเลขผู้ติดเชื้อพุ่ง ผู้เสียชีวิตเพิ่มยิ่งกว่านิวไฮ จนอาจเป็นนิวนิวไฮ มาตรการล็อกดาวน์ต้องขยายจาก 13 จังหวัด เป็น 29 จังหวัดสีแดงเข้ม เป็นหลักฐานยืนยันว่ามาตรการล็อกดาวน์ของรัฐบาล ไม่สามารถแก้ปัญหาได้เลย แม้รัฐบาลจะไอโอว่าไม่ทิ้งประชาชน แต่ประชาชนเกือบทั้งประเทศได้ทิ้งรัฐบาลไปนานแล้ว พรรคร่วมรัฐบาลเชื่อมั่นพล.อ.ประยุทธ์ สวนทางกับประชาชนที่ไม่หลงเหลือความเชื่อมั่นให้กับรัฐบาล ดารา คนรุ่นใหม่ ประชาชนทุกภาคส่วนออกมาคอลเอาต์ เดือดร้อนกันถ้วนหน้า ทุกอย่างต้องรอ ตั้งแต่รอวัคซีน รอตรวจ รอเตียง รอหมอ จนถึงรอเมรุ น่าเสียใจที่นักการเมืองมาจากการเลือกตั้งของประชาชน แต่ไม่รับรู้ความเดือดร้อนของประชาชน พรรคร่วมรัฐบาลมีสิทธิตัดสินใจอยู่กับพล.อ.ประยุทธ์ แต่เมื่อกล้าท้าทายความรู้สึกของประชาชน ถึงวันเลือกตั้งต้องรอฟังและเคารพการตัดสินใจของประชาชน ยอมรับชะตากรรมจากการตัดสินใจสวนทางกับประชาชน 

นายอนุสรณ์ กล่าวต่อว่า ภาพการอุ้มชู พายเรือให้พล.อ.ประยุทธ์นั่ง ไม่สนใจปัญหาเดือดร้อนความทุกข์ยากของประชาชน จะอยู่ในความทรงจำของประชาชนอย่างยาวนาน เพื่อให้เป็นหลักฐานชัด ขอให้พรรคร่วมรัฐบาลดำเนินการยืนยัน 3 ข้อดังนี้ 1.พรรคร่วมรัฐบาลทุกพรรคควรออกมายืนยันว่าจะไม่ถอนตัวจากการร่วมรัฐบาล 2.พรรคพลังประชารัฐควรออกมายืนยันให้ชัดว่าจะเสนอชื่อพล.อ.ประยุทธ์เป็นนายกฯ ในการเลือกตั้งครั้งหน้า 3.พรรคร่วมรัฐบาลควรออกมายืนยันจะสนับสนุนพล.อ.ประยุทธ์เป็นนายกฯ ในการเลือกตั้งครั้งหน้า ทั้งนี้ การอภิปรายไม่ไว้วางใจที่กำลังจะเกิดขึ้น จะเป็นการทำหน้าที่ครั้งสำคัญของพรรคร่วมฝ่ายค้าน ส่วนจะมีอภิปรายรัฐมนตรีจากพรรคร่วมรัฐบาลด้วยหรือไม่นั้น จะหารือกันต่อไป

“ขอให้พรรคร่วมรัฐบาลทุกพรรค จำวันที่พวกท่านเชื่อมั่นพล.อ.ประยุทธ์ จำวันที่ท้าทายประชาชนไว้ให้ดี เมื่อได้ตัดสินใจแล้ว ต้องรอรับผลการตัดสินใจของประชาชนในวันเลือกตั้ง และก้มหน้ายอมรับผลนั้นให้ได้” นายอนุสรณ์ กล่าว

พรบ. ทุนรัฐวิสาหกิจเปิดทางให้มูลค่าสินทรัพย์รัฐบาลเพิ่มกว่า1 ล้านล้านบาท จาก ปตท. และ ทอท.

คณะกรรมาธิการวิสามัญพิจารณาร่างงบประมาณรายจ่ายประจำปี 2565 ได้ประชุมร่วมกับผู้บริหารสูงสุดของรัฐวิสาหกิจต่าง ๆ คือ ปตท. การไฟฟ้าทั้ง 3 ทีโอที+กสท. กสทช. การท่าอากาศยาน และ องค์การเภสัช

ดร.พิสิฐ ลี้อาธรรม ในฐานะรองประธาน ได้สอบถามข้อมูลเกี่ยวกับฐานะการเงินของรัฐวิสาหกิจต่าง ๆ และขอให้แต่ละแห่งต้องบริหารการเงินให้ดีเพราะงบประมาณของรัฐในอนาคตจะไม่มีงบเพื่อสนับสนับสนุนรัฐวิสาหกิจเช่นในอดีต ปตท. และการท่าอากาศยานได้รับความสำเร็จในการเข้าจดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์ แต่น่าเสียดายที่ไฟฟ้าและโทรคมนาคมพลาดโอกาส เมื่อ 20 ปีก่อนที่ตนผลักดันพระราชบัญญัติทุนรัฐวิสาหกิจเข้าสู่การพิจารณาของรัฐสภา ได้ถูกต่อต้านอย่างมาก จนถูกกล่าวหาว่าเป็นกฎหมายขายชาติ 

แต่ผลในปัจจุบันปรากฏว่ามูลค่าทุนของ ปตท. ที่รัฐเคยถือไว้ก่อนเข้าตลาดได้เพิ่มจาก 30,000  ล้านบาท เป็น 600,000 ล้านบาท ในปัจจุบันและทุนของการท่าอากาศยานได้เพิ่มจาก 5,747 ล้านบาทเป็น 575,000 ล้านบาท รวมทั้งสองแห่งเท่ากับว่า พรบ. ทุนฯ ได้เปิดทางให้มูลค่าทุนของรัฐบาลเพิ่มขึ้นกว่า 1 ล้านล้านบาท นอกเหนือจากเงินปันผลที่ได้รับอีกกว่า 1 ล้านล้านบาทในรอบ 20 ปีที่ผ่านมา โดยที่กระทรวงการคลังยังถือหุ้นใน ปตท. และ ทอท. 60 % และ 70 % ตามลำดับ

ดร.พิสิฐ กล่าวชม ปตท. ในความสำเร็จที่ผ่านมาจนได้เป็นบริษัทที่มี ฐานะเป็นอันดับ 1 ในตลาดหลักทรัพย์ โดยได้ขยายสัดส่วนในตลาดน้ำมันจาก 10% มาเป็น 40% ในปัจจุบัน นอกจากการเน้นการค้า LNG ปตท. ยังพยายามสร้างธุรกิจใหม่ เช่น แบตเตอรี่รถยนต์ไฟฟ้า รวมทั้งการผลิตรถ EV 
ส่วนการไฟฟ้าทั้ง 3 ผลจาก COVID-19 ทำให้กำไรลดลงเกือบครึ่งหนึ่ง ดร.พิสิฐ ขอให้มุ่งหน้าพัฒนาพลังงานไฟฟ้าจากแสงอาทิตย์ โดยเฉพาะในพื้นที่ห่างไกล

สำหรับการควบรวมทีโอทีและ กสท. จะมีการลดพนักงานโดยการให้สมัครใจลาออกพร้อมค่าสอบแทนเป็นแรงจูงใจถึง 6,000 นายในรอบ 3 ปี ดร.พิสิฐ ขอให้มีการดูแลให้คนที่ออกมีการยกระดับความรู้ (reskill) เพื่อกลับเข้าตลาดแรงงานอย่างมีคุณภาพและขอให้พิจารณาการให้บริการ free WiFi โดยเฉพาะเพื่อการศึกษาในยุคของ WFH และให้ดูตัวอย่างของออสเตรเลียที่สามารถชักนำให้ Facebook ต้องจ่ายเงินเพื่อช่วยสื่อสารมวลชนที่ถูกกระทบจากการเปลี่ยนแปลงที่เกิดขึ้น

สำหรับการท่าอากาศยานในรอบ 3 ปี มีความเสียหายจากคนไม่เดินทางเพราะ COVID-19 รวมเป็นการตกต่ำของรายได้ถึง 100,000 ล้าน แต่ฐานะการเงินของ ทอท. ก็ยังมั่นคง อาจไม่จำเป็นต้องรับความช่วยเหลือจากรัฐ

คนรุ่นใหม่ ปชป. วอน ศบค. และ กพท. ทบทวนเดินทางด้วยบัสมาใช้เครื่องบินแทนสำหรับนักท่องเที่ยวภูเก็ต แซนด์บ๊อกซ์  เหตุใช้เวลาเดินทางกว่า 14 ชม. เสี่ยงติดเชื้อ 

นางดรุณวรรณ ชาญพิพัฒนชัย รองโฆษกพรรคประชาธิปัตย์ เปิดเผยว่าจากมาตรการยกระดับระลอกใหม่ ของศบค. เมื่อวันที่ 17 กรกฎาคม 2564 ได้ส่งผลให้ทางสำนักงานการบินพลเรือนแห่งประเทศไทย (กพท.) ได้ออกประกาศห้ามสายการบินรับส่งผู้โดยสารเข้าหรือออกพื้นที่สีแดงเข้ม ตั้งแต่วันที่ 21 กรกฎาคม ที่ผ่านมา ทำให้เที่ยวบินทุกสายในประเทศ ต้องหยุดทำการบินทันที เพื่อรองรับมาตรการควบคุมโรค

จากมาตรการดังกล่าว ทำให้สายการบินไม่สามารถทำการบินเที่ยวบินในประเทศที่ท่าอากาศยานสุวรรณภูมิ และท่าอากาศยานดอนเมืองได้ ขณะที่บางสายการบินย้ายฐานการบินไปยังท่าอากาศยานอู่ตะเภา จ.ระยอง เพื่อให้บริการผู้โดยสาร แต่หลังจากที่ ศบค. ได้ประกาศพื้นที่ควบคุมสถานการณ์โควิด-19 เพิ่มเป็น 29 จังหวัด ในวันที่ 1 ส.ค. โดยพบว่าจังหวัดระยองเป็นพื้นที่ควบคุมสูงสุดและเข้มงวด (พื้นที่สีแดงเข้ม) ทำให้ไม่สามารถทำการบินได้ตั้งแต่วันที่ 3 ส.ค.เป็นต้นไป จึงส่งผลกระทบกับการเดินทางของนักท่องเที่ยวภายใต้โครงการ “ภูเก็ต แซนด์บ็อกซ์”

ภาครัฐจึงได้จัดโครงการ “ภูเก็ต แซนด์บ็อกซ์ เอ็กเปรส บัส” เพื่อทดแทนเครื่องบินที่ไม่สามารถทำการบินได้ และรถโดยสารประจำทางที่หยุดให้บริการเดินรถ ให้บริการเฉพาะผู้โดยสารโครงการภูเก็ตแซนด์บ็อกซ์ ผู้ติดตามและสมาชิกครอบครัวของผู้โดยสารเท่านั้น ต้นทางจังหวัดภูเก็ต ปลายทางท่าอากาศยานสุวรรณภูมิ เดินทางจากภูเก็ตตั้งแต่ 05.00 น. ถึงกรุงเทพมหานครเวลา 21.00 น. ใช้เวลาเดินทาง 14 ชั่วโมง ใน ขณะที่การโดยสารทางเครื่องบิน ใช้เวลาเพียง 1.30 ชั่วโมงเท่านั้น 

นายพันธ์พิสุทธิ์ นุราช หนึ่งในคนรุ่นใหม่พรรคประชาธิปัตย์ ที่มีอาชีพเป็นนักบิน และเป็นส่วนหนึ่งของทีมอาสาศูนย์ประสานงานฉุกเฉินในสถานการณ์ฉุกเฉินโควิด-19 พรรคประชาธิปัตย์ (ศปฉ.) ได้มีความเห็นต่อประเด็นดังกล่าวว่าการที่ผู้โดยสารต้องใช้เวลาอยู่บนรถบัสถึง 14 ชั่วโมงเป็นอย่างน้อย ในการเดินทางร่วมกับผู้โดยสารท่านอื่นที่อาจมีความเสี่ยงต่อการติดเชื้อ ในขณะที่การโดยสารทางเครื่องบินนั้นมีความเสี่ยงน้อยกว่ากันมาก ไม่ว่าจะเป็นปัจจัยในเรื่องของระบบระบายอากาศ และระยะเวลาในการเดินทางที่สั้นกว่า 
“จาก 14 วันที่ผ่านมา (21 กรกฎาคม - 3 สิงหาคม) ตั้งแต่การประกาศหยุดบินครั้งแรก 14 วัน ก่อนที่จะมีการต่อขยายนั้น จะพบว่าไม่สามารถช่วยควบคุมสถานการณ์ได้เลย ผู้ติดเชื้อยังคงสูงทุกวัน ซึ่งชี้ให้เห็นว่าอาจเป็นแนวทางที่ไม่ได้ผล แต่ในทางกลับกันเป็นการซ้ำเติมสถานการณ์ให้ซ้ำร้ายยิ่งกว่าเดิม” นายพันธ์พิสุทธิ์ กล่าว

นายพันธ์พิสุทธ์ ยังกล่าวต่อด้วยว่านอกจากนี้การปิดการบินในประเทศยังทำให้คนมีความจำเป็นต้องเดินทางในระยะทางไกล ต้องหาหนทางอื่นในการเดินทางอย่างหลีกเลี่ยงไม่ได้ และเป็นการผลักดันคนกว่า 20,000 ชีวิตเป็นอย่างน้อยในอุตสาหกรรมนี้ให้กลายเป็นคนตกงานหรือว่างงานทันที จึงอยากให้ ศบค. และ กพท. ทบทวนการหยุดบินในประเทศแบบ ”เร่งด่วน” เพื่อบรรเทาความเดือดร้อนของประชาชนในกลุ่มที่มีความจำเป็นในการเดินทาง และเป็นการช่วยเหลือกลุ่มสายการบินให้ต่อลมหายใจต่อไปได้ โดยอาจเพิ่มมาตรการบางอย่างในการเดินทางเพื่อลดความเสี่ยง เช่นการนั่งเว้นที่ หรือแม้กระทั่งใช้เอกสารยืนยันการฉีดวัคซีน หรือผลตรวจโควิดมาใช้เป็นเครื่องมือในการลดความเสี่ยงต่อไป

‘ราเมศ’ เผย ‘ชินวรณ์’ ยังตามติด แก้ รธน. 

นายราเมศ รัตนะเชวง โฆษกพรรคประชาธิปัตย์ ได้กล่าวถึงกระบวนการแก้ไขรัฐธรรมนูญที่ขณะนี้อยู่ในชั้นคณะกรรมาธิการว่า กรณีการแก้ไขเพิ่มเติมรัฐธรรมนูญยังคงเดินหน้าตามกระบวนการที่รัฐธรรมนูญกำหนดไว้คืออยู่ในชั้นการพิจารณา 

กรรมาธิการในส่วนของพรรคที่ 3 คน คือนายบัญญัติ บรรทัดฐาน ส.ส.บัญชีรายชื่อ นายชินวรณ์ บุณยเกียรติ นายชัยชนะ เดชเดโช ส.ส.จังหวัดนครศรีธรรมราช ก็ยังคงติดตามและทำงานในชั้นคณะกรรมาธิการอย่างเต็มที่ ทั้งการแสวงหาแนวร่วม พูดคุยเพื่อให้กรรมาธิการมีความเห็นสอดคล้องไปในทิศทางเดียวกัน และที่สำคัญ นายชินวรณ์ ซึ่งเป็นหลักสำคัญในการเชื่อมความเข้าใจ และความเห็นพ้องต้องกันกับบุคคลในพรรคและในส่วนของพรรคต่างๆด้วย ซึ่งคาดว่าเมื่อสถานการณ์ดีขึ้นก็จะมีการประชุมพรรคเพื่อพูดคุยเรื่องการแก้ไขเพิ่มเติมรัฐธรรมนูญ เหตุเพราะมีสมาชิกรัฐสภายื่นคำแปรญัตติมาหลายคน ก็มีความจำเป็นต้องพูดคุยทำความเข้าใจกับ ส.ส.ของพรรคเพื่อให้ได้ทราบว่าทิศทางของกรรมาธิการจะเป็นไปในทิศทางใดในเรื่องโครงสร้างระบบเลือกตั้งทั้งหมด วันนี้ก็จะมีการประชุมคณะกรรมาธิการในส่วนของการแก้ไขเพิ่มเติมรัฐธรรมนูญ เพื่อกำหนดกรอบการพิจารณาให้มีประสิทธิภาพ ในส่วนของพรรคเชื่อว่าจะมีการพิจารณาแก้ไขเพิ่มเติมรัฐธรรมนูญทันในสมัยประชุมนี้ 

นายราเมศ กล่าวว่า การแก้ไขรัฐธรรมนูญพรรคได้มีจุดยืนชัดเจนเพื่อแก้ไขเพิ่มเติมให้รัฐธรรมนูญมีความเป็นประชาธิปไตยมากยิ่งขึ้น ภายใต้หลักการปกครองระบบประชาธิปไตยอันมีพระมหากษัตริย์ทรงเป็นประมุข ส่วนการแก้ไขเพิ่มเติมรัฐธรรมนูญแล้วจะมีการยุบสภาหรือไม่คงไม่สามารถตอบได้เพราะเป็นเรื่องของอนาคตและเป็นอำนาจของนายกรัฐมนตรี

รมว.แรงงาน ส่งทีมแพทย์ตรวจโควิด-19 แก่ชุดเฉพาะกิจฯ เพื่อสร้างความมั่นใจก่อนออกปฏิบัติภารกิจปราบปรามคนต่างด้าวผิดกฎหมายทั่วประเทศ

พล.ต.ต.นันทชาติ ศุภมงคล หัวหน้าคณะอำนวยการชุดเฉพาะกิจฯ พร้อมอธิบดีกรมการจัดหางาน ตรวจเยี่ยมการทำงานของทีมแพทย์ที่มาตรวจคัดกรองเชื้อไวรัสโควิด-19 ให้แก่เจ้าหน้าที่ชุดเฉพาะกิจตรวจสอบ ปราบปราม จับกุมและดำเนินคดีคนต่างด้าวทำงานผิดกฎหมาย ในสถานการณ์การแพร่ระบาดของโรคติดเชื้อไวรัสโควิด-19 ก่อนออกไปปฏิบัติภารกิจ ด้านตรวจสอบ ปราบปรามและประชาสัมพันธ์นายจ้างไม่ให้ใช้แรงงานต่างด้าวเถื่อน 

นายไพโรจน์ โชติกเสถียร อธิบดีกรมการจัดหางาน เปิดเผยว่า นายสุชาติ ชมกลิ่น รัฐมนตรีว่าการกระทรวงแรงงาน ได้มอบหมายให้ พล.ต.ต. นันทชาติ ศุภมงคล ประจำสำนักเลขาธิการนายกรัฐมนตรี ปฏิบัติหน้าที่ประจำกระทรวงแรงงาน ในฐานะหัวหน้าคณะอำนวยการของชุดเฉพาะกิจฯ ประสานทีมแพทย์จากสถานพยาบาลเอกชน เข้ามาตรวจคัดกรองหาเชื้อไวรัสโควิด-19 ให้แก่เจ้าหน้าที่ชุดเฉพาะกิจตรวจสอบ ปราบปราม จับกุมและดำเนินคดีคนต่างด้าวทำงานผิดกฎหมาย ในสถานการณ์การแพร่ระบาดของโรคติดเชื้อไวรัสโควิด-19 ทั้ง 5 ชุด รวม 30 นาย พร้อมมอบนโยบายแก่คณะอำนวยการและชุดเฉพาะกิจฯ 


ให้มุ่งเน้นสร้างการรับรู้การใช้แรงงานต่างด้าวถูกฎหมายกับกลุ่มเป้าหมายที่เป็นนายจ้าง/สถานประกอบการ และแรงงานต่างด้าวที่ทำงานอยู่ในสถานประกอบการ เพื่อป้องกันมิให้มีการจ้างแรงงานผิดกฎหมายโดยเฉพาะกลุ่มแรงงานต่างด้าวที่ลักลอบเข้าเมือง ซึ่งเป็นกลุ่มที่สุ่มเสี่ยงต่อการเป็นพาหะแพร่เชื้อไวรัสโควิด-19 ตามข้อสั่งการของ นายกรัฐมนตรี พลเอก ประยุทธ์ จันทร์โอชา ที่สั่งการต่อรัฐมนตรีว่าการกระทรวงแรงงานขณะเดินทางไปตรวจเยี่ยมศูนย์อีกวัคซีนทางเลือกชิโนฟาร์ม ราชวิทยาลัยจุฬาภรณ์ ณ บริษัทโทรคมนาคมแห่งชาติ จำกัด (มหาชน) เขตหลักสี่ กรุงเทพมหานคร เมื่อวันที่ 25 มิถุนายนที่ผ่านมา โดยกำชับให้กระทรวงแรงงาน ร่วมกับ กระทรวงกลาโหม และหน่วยงานที่เกี่ยวข้องเร่งดำเนินการตรวจโรงงานเพื่อป้องกันปัญหาแรงงานต่างด้าวที่ลักลอบทำงานอย่างผิดกฎหมาย และให้ดำเนินการตามกฎหมายทันที หากตรวจพบการกระทำผิด รวมทั้งกวดขันการเฝ้าระวังการลักลอบเข้าเมืองแบบผิดกฎหมายตามพื้นที่แนวชายแดน

นายไพโรจน์  กล่าวต่อไปว่า  ชุดเฉพาะกิจตรวจสอบ ปราบปรามจับกุมและดำเนินคดีคนต่างด้าวทำงานผิดกฎหมายฯ เป็นชุดที่บูรณาการระหว่างพนักงานเจ้าหน้าที่ในสังกัดกรมการจัดหางาน และเจ้าหน้าที่จากสำนักงานตรวจคนเข้าเมือง ซึ่งก่อนที่ชุดเฉพาะกิจดังกล่าวจะออกปฏิบัติการตรวจสอบ ปราบปราม จับกุม และดำเนินคดีกับคนต่างด้าวที่ลักลอบทำงานผิดกฎหมาย ตลอดจนนายจ้าง/สถานประกอบการที่จ้างแรงงานต่างด้าว ทุกท้องที่ทั่วราชอาณาจักร เพื่อความปลอดภัยของเจ้าหน้าที่ และแรงงานในสถานประกอบการจึงกำหนดให้มีการตรวจคัดกรองเชื้อเพื่อป้องกันการแพร่ระบาด โดยผลการตรวจวิเคราะห์เชื้อโควิด -19 พบว่า ไม่พบเชื้อโควิด-19 ทั้ง 30 นาย หลังจากนี้จะออกปฏิบัติการตลอดเดือนสิงหาคม 2564 ซึ่งหากตรวจพบนายจ้างที่รับคนต่างด้าวเข้าทำงานโดยไม่มีใบอนุญาตทำงาน จะมีโทษปรับตั้งแต่ 10,000 – 100,000 บาท ต่อคนต่างด้าวหนึ่งคน หากทำผิดซ้ำมีโทษถึงจำคุก และห้ามจ้างคนต่างด้าวทำงานอีก 3 ปี ส่วนคนต่างด้าวที่ลักลอบทำงานโดยไม่ได้รับอนุญาตมีโทษปรับตั้งแต่ 5,000 – 50,000 บาท และถูกส่งตัวกลับออกไปนอกราชอาณาจักร และไม่สามารถขอรับใบอนุญาตทำงานได้จนกว่าจะพ้นโทษมาแล้วเป็นระยะเวลา 2 ปี 

“ทั้งนี้หากผู้ใดพบเห็นหรือสงสัยว่ามีคนต่างด้าวลักลอบทำงานผิดกฎหมาย สามารถแจ้งเบาะแสได้ที่สำนักงานจัดหางานจังหวัดทุกจังหวัด สำนักงานจัดหางานกรุงเทพมหานครพื้นที่  1-10 หรือ สายด่วนกระทรวงแรงงาน โทร.1506 กด 2 กรมการจัดหางาน หรือสายด่วนกรมการจัดหางาน โทร.1694 หรือแจ้งเบาะแสโดยตรงที่กองทะเบียนจัดหางานกลางและคุ้มครองคนหางาน โทร. 02 354 1729” อธิบดีกรมการจัดหางานกล่าว

ลูกชายนายพลโบเมียะ เสียชีวิตด้วยโรคโควิด-19 หลังจากเข้ารับการรักษาอาการป่วยนานหลายวัน

4 ส.ค. 64 มีรายงานข่าวจากชายแดนไทย-เมียนมา ว่าพันเอกเนโซ เมียะ หรือผู้การเตเร ผู้บังคับกองพันรบพิเศษ ซึ่งเป็นผู้นำกองกำลัง Karen National Liberation Army-Peace Council - KNLA PC ลูกชายนายพลโบเมียะ อดีตประธานาธิบดีสหภาพแห่งชาติกะเหรี่ยงอิสระ The Karen National Union - KNU ได้เสียชีวิตแล้ว จากการติดเชื้อไวรัส Covid-19 หลังจากเข้ารับการรักษาอาการป่วยนานหลายวัน ที่โรงพยาบาลเอกชนแห่งหนึ่งใน อ.แม่สอด แต่อาการไม่ดีขึ้น กระทั่งเสียชีวิตที่โรงพยาบาล เมื่อคืนวันที่ 3 สิงหาคม ที่ผ่านมา

พันเอกเนโซเมียะ หรือผู้การเตเรก่อนเสียชีวิตนั้นเป็นผู้นำกำลังคนสำคัญคนหนึ่งของกองกำลัง KNLA PC ในตำแหน่งผู้บังคับการรบพิเศษ ที่ทำงานอย่างมุ่งมั่นจริงจังในการทำงาน เพื่อชาติพันธุ์กะเหรี่ยงกอซูเล (Kawthoolei) เหมือนนายพลโบเมียะผู้เป็นบิดา และเป็นน้องชายนายพลเนอดา เมียะ บุตรชายคนโตของนายพลโบเมียะ ผู้นำกองกำลัง Karen National Defence Organization (KNDO) ซึ่งทุกกองกำลังนั้นอยู่ในฝ่ายของ KNU ทั้งหมด

ล่าสุดกองกำลังกระเหรี่ยงและองค์แห่งชาติกระเหรี่ยง ได้ออกมาประกาศอย่างเป็นทางการถึงการเสียชีวิตครั้งนี้แล้ว และแจ้งให้ประชาชนกับกำลังพลทางทหารขอให้อยู่ที่ในที่มั่น ห้ามเคลื่อนไหว ขอพรจากพระเจ้าเพื่อรำลึกได้ที่บ้านเนื่องจากจะไม่มีการเชิญบุคคลหรือทำพิธีทางศาสนาแต่อย่างใด

พันเอกเนโซเมียะ หรือ เตเร เป็นบุตรชายคนเล็กของ นายพลโบเมียะ อดีตผู้นำสูงสุดของสหภาพกระเหรี่ยง เข้าร่วมกับกองกำลัง - KNLA PC มากว่า 6 ปี และเป็นผู้ชักชวนให้สมาชิกชนกลุ่มน้อยกะเหรี่ยงในเมียนมา สร้างกระบวนการสันติภาพ และหันมาทำการค้าแทนการสู้รบอยู่อย่างสงบ ซึ่งก็สามารถทำได้ในระดับที่ดีมาก

สำหรับพันเอกเนโซเมียะ อายุประมาณ 48 ปี นั้น เพิ่งขึ้นมาดำรงตำแหน่ง รองผู้บัญชาการทหารสูงสุดทหารเคเอ็นยู.เคเอ็นแอล พีซี. หลังจากที่พลเอกทิ่นหม่อง อดีตผู้บัญชาการทหารสูงสุดได้เสียชีวิตลง และให้พลเอกก้อทอ ขึ้นไปดำรงตำแหน่งผู้บัญชาการทหารสูงสุด สำหรับสถานการณ์โรคโควิด-19 ขณะนี้ได้มีการระบาดในหมู่ทหารกะเหรี่ยงทุกกลุ่มตามแนวชายแดนอย่างมาก ตั้งแต่นายทหารระดับสูง ลงไปถึงพลทหาร และก่อนหน้านี้เมื่อวันที่ 21 กรกฎาคม 2564 พลเอกมูเซ ผู้บัญชาการทหารกะเหรี่ยงดีเคบีเอ.หรือ กะเหรี่ยงพุทธเพื่อประชาธิปไตยได้เสียชีวิตด้วยโรคโควิด-19 เช่นกันที่โรงพยาบาลทหารเมืองย่างกุ้ง


ที่มา : https://www.thaipost.net/main/detail/112142

https://www.matichon.co.th/covid19/thai-covid19/news_2866144


Q : ประกันอะไร? ได้ตั้ง 4 ต่อ!!

A : ก็ประกันภัยรถยนต์จาก @THESHOPTIMES ไง!!

>> ฟรี!!! ประกันภัยอุบัติเหตุส่วนบุคคล (PA) 100,000 บาท

>> รับคอมมิชชั่นหรือส่วนลดทันที ในอัตราที่สูงกว่า แถมได้สิทธิซื้อประกัน พ.ร.บ.ราคาถูกตลอดชีพ

>> สามารถผ่อนได้สูงสุด 6 งวด ดอกเบี้ย 0% โดยไม่ต้องใช้บัตรเครดิต

>> แถมขายดีมีรายได้เพิ่มให้กับตัวเองด้วย

***สนใจติดต่อ Line@ THE SHOPS TIMES คลิก????https://lin.ee/vfTXud9

ทำความรู้จักฮีโร่โอลิมปิกคนล่าสุด ‘แต้ว-สุดาพร สีสอนดี’

ลุ้นสุด ๆ กันไป สำหรับเจ้าแต้ว-สุดาพร สีสอนดี นักกีฬามวยหญิงไทย ที่ลงทำการแข่งขันชกมวยสากลสมัครเล่นในรอบ 8 คนสุดท้าย ศึกโอลิมปิกเกมส์ 2020 ก่อนจะเอาชนะนักชกจากสหราชอาณาจักร ผ่านเข้าสู่รอบรองชนะเลิศได้เป็นผลสำเร็จ

แต่ก่อนจะถึงวันชิงเหรียญเงิน ในวันที่ 5 สิงหาคมนี้ เรามาทำความรู้จักกับ ‘ฮีโร่เหรียญทองแดงคนล่าสุด’ และนี่คือเรื่องราวชีวิตของนักมวยหญิงวัย 29 ปี อ่านจาก 6 หมัดต่อจากนี้ แล้วคุณจะรู้จักเธอดีมากยิ่งขึ้น!


Q : ประกันอะไร? ได้ตั้ง 4 ต่อ!!

A : ก็ประกันภัยรถยนต์จาก @THESHOPTIMES ไง!!

>> ฟรี!!! ประกันภัยอุบัติเหตุส่วนบุคคล (PA) 100,000 บาท

>> รับคอมมิชชั่นหรือส่วนลดทันที ในอัตราที่สูงกว่า แถมได้สิทธิซื้อประกัน พ.ร.บ.ราคาถูกตลอดชีพ

>> สามารถผ่อนได้สูงสุด 6 งวด ดอกเบี้ย 0% โดยไม่ต้องใช้บัตรเครดิต

>> แถมขายดีมีรายได้เพิ่มให้กับตัวเองด้วย

***สนใจติดต่อ Line@ THE SHOPS TIMES คลิก????https://lin.ee/vfTXud9

“ธนกร” เผยรัฐเตรียมนำระบบ “BKK HI Care” เป็นเครื่องมือช่วยหมอติดตามผู้ป่วย Home Isolation ตามนโยบาย "บิ๊กตู่” แจง ยาฟาวิพิราเวียร์ตั้งแต่ตุลาคม 2564 จะผลิตได้ไม่น้อยกว่า 40 ล้านเม็ดต่อเดือน มั่นใจมีเพียงพอรักษา

นายธนกร วังบุญคงชนะ เลขานุการรัฐมนตรีประจำสำนักนายกรัฐมนตรี  โฆษกประจำศูนย์บริหารสถานการณ์เศรษฐกิจจากผลกระทบจากการระบาดของโรคติเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 (ศบศ.) กล่าวว่า สำนักงานพัฒนารัฐบาลดิจิทัล (องค์การมหาชน) (สพร.) ภายใต้กำกับของนายอนุชา นาคาศัย รัฐมนตรีประจำสำนักนายกรัฐมนตรี ร่วมกับสำนักงานพัฒนาวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยีแห่งชาติ (สวทช.) สำนักงานหลักประกันสุขภาพแห่งชาติ (สปสช.) สำนักอนามัยกรุงเทพมหานคร และบริษัท โทรคมนาคมแห่งชาติ จำกัด (มหาชน) ได้พัฒนาระบบที่เรียกว่า “BKK HI Care” ในการติดตามและดูแลผู้ป่วยกลุ่มสีเหลืองและสีเขียว ที่รักษา-กักตัวที่บ้าน (Home Isolation) หรือที่ชุมชน (Community Isolation) อย่างใกล้ชิด ตลอดจนผู้ป่วยสามารถรายงานและรับคำแนะนำการรักษาที่ถูกต้องจากแพทย์และพยาบาล เช่น การวัดอุณหภูมิร่างกาย และการวัดค่าความอิ่มตัวของออกซิเจนในเลือดตามเวลาที่กำหนด แล้วแจ้งผลให้ทางสถาบัน/โรงพยาบาลทราบทันที ซึ่งระบบนี้ดำเนินการผ่าน Line Application โดยการสแกน QR Code หรือแอดไลน์ เมื่อมีการตรวจพบเชื้อโควิด-19 จากสถานพยาบาลที่ผู้ป่วยได้เข้าทำการตรวจเชื้อหรือรักษา โดยไม่ต้องโหลดแอพพลิเคชันใหม่
    
นายธนกร กล่าวว่า ปัจจุบันมีสถานพยาบาลในกรุงเทพฯ ที่เข้าร่วมโครงการฯ แล้ว จำนวน 285 แห่ง มีผู้ป่วยที่อยู่ในระบบแล้วกว่า 9,000 ราย ซึ่งจะช่วยทำให้ 1 คลินิกชุมชนดูแลผู้ป่วยได้ถึง 200 ราย หรือแพทย์ 1 ท่าน ดูแลผู้ป่วยได้ถึง 30 ราย พร้อมกันนี้ยังสามารถช่วยเก็บบันทึกรายงานการรักษารายวัน การสั่งยา การวัดอุณหภูมิ และอาหารที่รับแต่ละวัน โดยระบบนี้จะเป็นเครื่องมือสำคัญให้กับสถาบัน/โรงพยาบาลในการติดตามดูแลผู้ป่วยโควิด- 19 ที่เป็นผู้ป่วยสีเขียว รักษาตัวอยู่ที่บ้านได้ ซึ่งจะได้รับคำแนะนำจากคุณหมอ ในการปฏิบัติตัวที่ถูกต้อง โดยผู้ป่วยจะได้รับการดูแลแบบโทรเวชกรรม (Telemedicine) ซึ่งหากผู้ป่วยแสดงอาการที่มีข้อบ่งชี้ต้องรักษาตัวในโรงพยาบาล ทางสถาบัน/โรงพยาบาลจะรับผู้ป่วยเข้ามารักษาได้อย่างสะดวก เป็นช่องทางให้ประชาชนสามารถรายงานสุขภาพที่เข้าถึงได้โดยง่าย โดยระบบนี้ แพทย์ พยาบาล สามารถเข้าถึงผ่านมือถือ Tablet หรือ PC ได้ ซึ่งครอบคลุมทั้ง Windows, Android และ IOS ทั้งนี้ แนวทางการดูแลรักษาผู้ป่วย Home Isolation ผ่าน “BKK HI Care” มีดังนี้

1.มอบชุดสำหรับ Home Isolation (BKK HI CARE kit) ซึ่งประกอบไปด้วย หน้ากากอนามัย แอลกอฮอล์เจล/ สเปรย์/ ถุงแดง แผ่นพับคำแนะนำในการปฏิบัติตัว แผ่นบันทึกอาการ (กรณี ไม่มี Smart phone) Pulse oximeter (เครื่องวัดระดับออกซิเจนในเลือด) Digital thermometer (เครื่องวัดอุณหภูมิแบบดิจิทัล) และยาฟ้าทะลายโจรหรือยาฟาวิพิราเวียร์ 2.บริการจัดส่งอาหารทุกวัน 3.ให้ผู้ป่วยวัดอุณหภูมิร่างกาย และวัดปริมาณออกซิเจนในร่างกาย วันละ 2 ครั้ง และรายงานอาการ และ4.เจ้าหน้าที่จากศูนย์บริการสาธารณสุข ติดตามดูแล สังเกตอาการผู้ป่วย ผ่านระบบ BKK HI Care /โทรศัพท์ เป็นระยะเวลา 14 วัน ซึ่งโครงการดังกล่าวเป็นการสนองนโยบายของ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี และรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม ในการนำดิจิตอลมาบริหารงาน
    
นายธนกร กล่าวว่า ปัจจุบันรัฐบาลดำเนินการจัดหายาฟาวิพิราเวียร์ให้เพียงพอ ทั้งการนำเข้าจากต่างประเทศ และการผลิตเองในประเทศ โดยขณะนี้องค์การเภสัชกรรม (อภ.) เริ่มผลิตได้ และจะทยอยส่งมอบตั้งแต่เดือนสิงหาคมนี้เป็นต้นไป ซึ่งขณะนี้มีศักยภาพการผลิตอยู่ที่เดือนละ 2-4 ล้านเม็ด แต่ในเดือนกันยายนคาดว่าจะผลิตได้จำนวน 23 ล้านเม็ด และตั้งแต่เดือนตุลาคม 2564 เป็นต้น ไปจะสามารถผลิตได้ไม่น้อยกว่า 40 ล้านเม็ดต่อเดือน ทั้งนี้ ปัจจุบันกระทรวงสาธารณสุขดำเนินการจ่ายให้ผู้ป่วยโควิด-19 ที่ทำ Home Isolation โดยพิจารณาให้ยาฟ้าทะลายโจรหรือยาฟาวิพิราเวียร์ตามระดับอาการด้วยแล้ว ดังนั้นขอให้ประชามั่นใจว่า ยาฟาวิพิราเวียร์มีเพียงพอต่อการรักษาอย่างแน่นอน

กกร. ปรับลดการเติบโตจีดีพีของไทยปี 2564 อีกครั้งจากเดิมอยู่ในกรอบ 0-1.5% เหลือ -1.5 - 0% หลังรัฐขยายระยะเวลาล็อกดาวน์ แต่ปรับการส่งออกเพิ่มจาก 8-10% เป็น 10-12% จากการฟื้นตัวของศก.โลก แต่ยังคงต้องคุมไม่ให้เกิดการระบาดในโรงงาน

กกร. ปรับลดการเติบโตจีดีพีของไทยปี 2564 อีกครั้งจากเดิมอยู่ในกรอบ 0-1.5% เหลือ -1.5 - 0% หลังรัฐขยายระยะเวลาล็อกดาวน์ แต่ปรับการส่งออกเพิ่มจาก 8-10% เป็น 10-12% จากการฟื้นตัวของศก.โลก แต่ยังคงต้องคุมไม่ให้เกิดการระบาดในโรงงาน ค้านรัฐหากเดินหน้า Full Lockdown

นายผยง ศรีวณิช ประธานสมาคมธนาคารไทย ในฐานะประธานที่ประชุมคณะกรรมการร่วมภาคเอกชน 3 สถาบัน (กกร.) ระบุว่า เศรษฐกิจไทยวิกฤติและถลำลึกกว่าที่คาดไว้และเสี่ยงเข้าสู่ภาวะถดถอยต่อเนื่องเป็นปีที่ 2 จากผลกระทบโควิด-19 ระลอกใหม่ แม้เศรษฐกิจโลกจะฟื้นตัว เพราะเรายังไม่สบความสำเร็จในการควบคุมโควิด-19 ยังไม่อาจกระจายวัคซีนได้มาก แม้มีการใช้มาตรการล็อกดาวน์ มา 14 วันแล้วก็ตาม ทำให้ภาครัฐต้องขยายมาตรการ Lockdown ออกไปอีกจนถึงสิ้นเดือนสิงหาคม และขยายวงกว้างออกไปหลายจังหวัดซึ่งประเมินว่ากระทบคิดเป็น 300,000-400,000 ล้านบาท เศรษฐกิจไทยในช่วงที่เหลือของปีจึงอยู่ในภาวะที่ฟื้นตัวได้ยาก ธุรกิจทุกส่วนได้รับผลกระทบรุนแรงทั้ง เอสเอ็มอี แรงงาน ไม่เว้นแม้กระทั่งส่งออก และจากการหารือต่างเห็นพ้องกันว่ารัฐบาลไม่ควรดำเนินมาตรการควบคุมการแพร่ระบาดโดย Full lockdown โดยควรต้องอยู่กับมันให้ได้แต่ต้องมีวัคซีนและชุดตรวจเชื้อเร่งด่วน (Antigen Test Kit) หรือ ATK ที่เพียงพอ

นอกจากนี้ รัฐต้องเตรียมมาตรการเยียวยาเศรษฐกิจให้พร้อมเพราะภาคธุรกิจและภาคครัวเรือนตกอยู่ภายใต้ความเสี่ยงโดยภาคครัวเรือนเผชิญภาระหนี้ที่เพิ่มสูงกว่า 90% ต่อจีดีพี และต้องการการเยียวยาเพื่อชดเชยรายได้ที่หดหายไปและการฟื้นฟู การเตรียมพร้อมงบประมาณซึ่งเพดานหนี้สาธารณะควรขยายให้มากกว่า 60% ต่อจีดีพี เป็น 65-70% เพื่อให้เหมาะสมกับภารกิจในการเยียวยาและฟื้นฟูเศรษฐกิจในภาวะวิกฤต รวมไปถึงการจัดลำดับความสำคัญของงบประมาณภายใต้สถานการณ์ฉุกเฉิน

ธนาคารแห่งประเทศไทยจำเป็นต้องพิจารณาแนวทางในการผ่อนคลายนโยบายการเงินและมาตรการกับสถาบันการเงินเพิ่มเติมภายใต้ข้อจำกัดที่อัตราดอกเบี้ยนโยบายอยู่ใกล้ระดับ 0% เพื่อช่วยรักษาเสถียรภาพของระบบการเงินของประเทศ

ขณะเดียวกันกกร.เห็นว่าควรขยายระยะเวลาการลดภาษีที่ดินและสิ่งปลูกสร้างลง 90% ออกไปอีก 1 ปี ของการจัดเก็บภาษี ปีภาษี 2565 (ให้มีผลบังคับใช้ตั้งแต่วันที่ 1 มกราคม 2565 จนถึงวันที่ 31 ธันวาคม 2565) เพิ่มสัดส่วนการค้ำประกันความเสียหายผ่านบรรษัทประกันสินเชื่ออุตสาหกรรมขนาดย่อม (บสย.) เป็น 60% ขึ้นไป ขอกรมสรรพากร ยกเว้นภาษี SMEs 3 ปี โดยจะต้องทำบัญชีเดียวและยื่นภาษีผ่านระบบ E-Tax รัฐบาลควรมีคำสั่งเดียว (Single Command) ในการสั่งการบริหารจัดการสถานการณ์โควิด-19 และให้เอกชนนำเข้าวัคซีนได้อย่างเสรีโดยไม่ต้องผ่านผู้ผลิตหรือผู้แทนจำหน่ายและหน่วยงานรัฐ ภายใต้การกำกับดูแลจากภาครัฐ

โดยภาครัฐเป็นผู้ออกใบสั่งซื้อและออกค่าใช้จ่าย ให้สำนักงานคณะกรรมการอาหารและยาหรือ อย. เร่งอนุมัติวัคซีนยี่ห้ออื่น ๆ โดยไม่ต้องรอบริษัทวัคซีนนำเอกสารมายื่น ขอให้ภาครัฐสนับสนุนการลดหย่อนภาษี 2 เท่า สำหรับภาคเอกชนที่มีค่าใช้จ่ายในการซื้อชุดตรวจโควิด-19 แบบเร่งด่วน (Antigen Test Kit) และค่าวัคซีนป้องกันโควิด-19 ให้เอกชนช่วยดำเนินการสนับสนุนการผลิตและจัดหายา "ฟาวิพิราเวียร์" ที่กำลังมีความต้องการสูง เป็นต้น

นายสุพันธ์ มงคลสุธี ประธานสภาอุตสาหกรรมแห่งประเทศไทย (ส.อ.ท.) กล่าวว่า กกร.ได้เน้นย้ำมาโดยตลอดว่าการจัดหาวัคซีนเป็นหัวใจของการแก้ไขปัญหาดังกล่าว โดยเห็นว่าวัคซีนทางเลือกควรจะมีเพิ่มขึ้น ซึ่งขณะนี้เอกชนมีค่าใช้จ่ายในการป้องกันดูแลสูงขึ้นโดย ATK ต้องซื้อไว้ตรวจพนักงานอย่างเพียงพอจึงเห็นว่ารัฐควรจะสนับสนุนค่าใช้จ่ายดังกล่าวส่วนหนึ่งซึ่งคิดว่าเป็นเงินไม่มากเมื่อเทียบกับจำนวนเงินที่รัฐต้องใช้เยียวยาซึ่งภาคเอกชนยืนยันว่าไม่เห็นด้วยหากรัฐจะมีการล็อกดาวน์เต็มรูปแบบโดยห้ามออกจากบ้าน หรือ Full Lockdown เพราะจะยิ่งซ้ำเติมเศรษฐกิจที่ขณะนี้ก็ย่ำแย่อยู่แล้วและเศรษฐกิจไทยอาจต่ำสุดในภูมิภาค

นายสนั่น อังอุบลกุล ประธานกรรมการหอการค้าไทย และสภาหอการค้าแห่งประเทศไทย กล่ววว่า วัคซีนยังเป็นสิ่งสำคัญที่รัฐต้องเร่งจัดหา รวมไปถึง ATK ที่เอกชนมองว่ารัฐควรจะช่วยเหลือเอกชนในส่วนนี้ และยืนยันว่าไม่เห็นด้วยกับ Full Lockdown เพราะหากไม่สามารถจัดวัคซีนแยกคนป่วยที่กลุ่มสุ่มเสี่ยงออกจากกัน ระบบสาธารณสุขเอาไม่อยู่ เศรษฐกิจก็พังลงได้เช่นกัน


© Copyright 2021, All rights reserved. THE STATES TIMES
Take Me Top