Saturday, 5 July 2025
Hard News Team

“บิ๊กตู่” ยินดีไทยขยับอันดับความสามารถด้านนวัตกรรมสูงที่ 43 ของโลกและคว้าอันดับ 3 ของอาเซียน  แม้ในช่วงโควิด-19 

นายธนกร วังบุญคงชนะ โฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี เปิดเผยว่า พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม ยินดีกับผลการจัดอันดับรายงานดัชนีนวัตกรรมโลก ประจำปี 2564 (Global Innovation Index 2021: GII 2021) โดยองค์การทรัพย์สินทางปัญญาโลก (World Intellectual Property Organization-WIPO) ภายใต้หัวข้อ การติดตามการปรับตัวระบบนวัตกรรมในภาวะวิกฤติโควิด-19 (Tracking Innovation through the COVID-19 Crisis) ซึ่งประเทศไทยได้รับการจัดอันดับที่ 43 จากทั้งหมด 132 ประเทศทั่วโลก และถือเป็นอันดับที่ 3 ของประเทศในกลุ่มอาเซียน รองจากสิงคโปร์และมาเลเซีย และอันดับที่ 5 ของกลุ่มประเทศรายได้ปานกลางโดยการจัดอันดับ GII 2021 มุ่งเน้นการวิเคราะห์ผลกระทบของวิกฤตโควิด-19 ที่มีต่อการพัฒนาระบบนวัตกรรม โดยมีองค์ประกอบมิติชี้วัดนวัตกรรม 7 กลุ่ม ได้แก่ 1) กลุ่มปัจจัยด้านสถาบัน, 2) กลุ่มปัจจัยด้านทุนมนุษย์และการวิจัย, 3) กลุ่มปัจจัยด้านโครงสร้างพื้นฐาน, 4) กลุ่มปัจจัยด้านระบบการตลาด, 5) กลุ่มปัจจัยด้านระบบธุรกิจ, 6) กลุ่มปัจจัยด้านผลผลิตจากองค์ความรู้และเทคโนโลยี และ 7) กลุ่มปัจจัยด้านผลผลิตจากความคิดสร้างสรรค์ 
 
นายธนกร กล่าวว่า ทั้งนี้ ประเทศไทยมีคะแนนโดดเด่นมากที่สุดในกลุ่มปัจจัยด้านระบบการตลาด และกลุ่มปัจจัยด้านระบบธุรกิจ โดยเฉพาะค่าใช้จ่ายมวลรวมภายในประเทศสำหรับการวิจัยและพัฒนาซึ่งลงทุนโดยองค์กรธุรกิจ ไทยยังคงครองอันดับ 1 ต่อเนื่องเป็นปีที่ 2 สะท้อนให้เห็นการลงทุนของภาคเอกชนในไทยที่มุ่งเน้นการเพิ่มขีดความสามารถของธุรกิจด้วยการพัฒนานวัตกรรมมากขึ้น อีกทั้ง ไทยยังเป็นอันดับที่ 9 ของประเทศที่เป็นเจ้าของอนุสิทธิบัตรมากที่สุด นอกจากนี้ กลุ่มปัจจัยด้านโครงสร้างพื้นฐาน ในกลุ่มเทคโนโลยีสารสนเทศและการสื่อสาร มีการปรับอันดับดีขึ้นอย่างก้าวกระโดด จากอันดับที่ 79 เป็นอันดับที่ 60 โดยตัวชี้วัดส่วนใหญ่เป็นเรื่องการเข้าถึงและการใช้งานเทคโนโลยีสารสนเทศและการสื่อสาร รวมถึงการบริการออนไลน์ของภาครัฐ สะท้อนให้เห็นการปรับตัวของภาครัฐและภาคเอกชนในช่วงวิกฤตโควิด-19 
 

'นายกฯ' ย้ำเสริมสร้างความมั่นคงทางอาหาร พลิกโฉมระบบอาหารให้ยั่งยืน เป็นธรรม ในเวที Food Systems Summit 2021

พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม กล่าวถ้อยแถลงในการประชุมสุดยอดผู้นำว่าด้วยระบบอาหารโลก (Food Systems Summit 2021) ณ สหประชาชาติ นครนิวยอร์ก สหรัฐอเมริกา ผ่านระบบการประชุมทางไกล

นายกรัฐมนตรี กล่าวว่า ไทยในฐานะประเทศที่มีภาคเกษตรกรรมขนาดใหญ่ ตระหนักถึงความสำคัญของระบบอาหารต่อความอยู่รอดของทุกชีวิต โดยสถานการณ์โควิด-19 ช่วงที่ผ่านมาได้เผยให้เห็นความเหลื่อมล้ำทางสังคมและความเปราะบางของระบบอาหาร ไทยจึงขอผลักดันให้ประชาคมโลกร่วมมือกันพลิกโฉมระบบอาหารให้ยั่งยืนและสมดุลในทุกมิติ สร้างความมั่นคงทางอาหารที่ปลอดภัย ดีต่อสุขภาพ ทุกคนสามารถเข้าถึงได้ และนำไปสู่การบรรลุเป้าหมายการพัฒนาที่ยั่งยืน (SDGs)

นายกรัฐมนตรี กล่าวว่า หนึ่งในโครงการที่สำเร็จด้านการแก้ไขปัญหาการขาดแคลนอาหารและภาวะทุพโภชนาการในพื้นที่ทุรกันดาร คือ โครงการเกษตรเพื่ออาหารกลางวัน ในพระราชูปถัมภ์สมเด็จพระกนิษฐาธิราชเจ้า กรมสมเด็จพระเทพรัตนราชสุดาฯ สยามบรมราชกุมารี นอกจากนี้ การพลิกโฉมระบบอาหารทั้ง 5 ด้าน ตามข้อเสนอของสหประชาชาติ สอดคล้องกับแนวทางของไทย นโยบายเกษตรและอาหาร “3S” ประกอบด้วย 1. ความปลอดภัยทางอาหาร (Safety) 2. ความมั่นคง (Security) และ3. ความยั่งยืนของทรัพยากรและนิเวศการเกษตร (Sustainability)  

“ประเทศไทยอยู่ระหว่างการขับเคลื่อนโมเดลเศรษฐกิจ BCG ซึ่งตั้งอยู่บนพื้นฐานของยุทธศาสตร์ชาติ 20 ปี หลักปรัชญาของเศรษฐกิจพอเพียง และเป้าหมายการพัฒนาที่ยั่งยืน เพื่อการพัฒนาอย่างสมดุล ยั่งยืนและครอบคลุม ตลอดจน ให้ความสำคัญกับการจัดการทรัพยากรดินและน้ำ ผ่านการร่วมมือกับสหประชาชาติจัดตั้งวันดินโลกและร่วมกับองค์การอาหารและการเกษตรแห่งสหประชาชาติ(FAO) มอบรางวัลให้แก่ ประเทศ องค์กร หรือบุคคลที่มีบทบาทสำคัญในการรักษาหรือจัดการทรัพยากรดินอย่างยั่งยืน”พล.อ.ประยุทธ์ กล่าว

ในช่วงท้าย นายกรัฐมนตรี กล่าวยืนยันความพร้อม ที่จะร่วมมืออย่างใกล้ชิดกับภาคีเครือข่ายภายในและระหว่างประเทศ เสริมสร้างความเข้มแข็งให้กับระบบอาหารโลก นำไปสู่การพลิกโฉมระบบอาหารเพื่อการพัฒนาที่ยั่งยืน หรือ FoodSystems4SDGs ไม่ทิ้งใครไว้ข้างหลัง 

รพ.บุษราคัม เตรียมปิดให้บริการ 30 ก.ย.นี้ จบภารกิจ 130 วัน ดูแลผู้ป่วยกว่า 2 หมื่นคน หลังจำนวนผู้ป่วยติดเชื้อโควิดในกทม.ลดลง ยันมีเตียงเพียงพอ

นพ.กิตติศักดิ์ อักษรวงศ์ ผู้อำนวยการโรงพยาบาลบุษราคัม เปิดเผยว่า เนื่องจากในช่วง 1-2 สัปดาห์ที่ผ่านมามีจำนวนผู้ป่วยใหม่เข้ารับการรักษาที่รพ.บุษราคัมเฉลี่ยเพียง 5 รายต่อวันเท่านั้น เนื่องจากหลังมาตรการล็อกดาวน์ จำนวนผู้ติดเชื้อโควิด-19 ในกทม. มีแนวโน้มลดลงอย่างต่อเนื่อง และเมื่อวันที่ 20 ก.ย. ที่ผ่านมาไม่มีจำนวนผู้ป่วยเก่าในโรงพยาบาลแล้ว ดังนั้นรพ.บุษราคัม ที่เปิดให้บริการตั้งแต่วันที่ 14 พ.ค. 64 รวมเป็นระยะเวลา 130 วัน โดยมีผู้ป่วยสะสมทั้งสิ้น 20,432 ราย จะปิดให้บริการลง ซึ่งจะมีการรื้อถอนโรงพยาบาลให้แล้วเสร็จภายในวันที่ 30 ก.ย. และจะส่งมอบพื้นที่คืนให้อิมแพ็ค เมืองทองธานีในวันที่ 1 ต.ค. นี้

'หมอธีระ' ชี้ ติดเชื้อหลักหมื่นในแต่ละวัน ไม่ใช่ภาวะ 'New Normal ที่ควรยอมรับ'

24 ก.ย. 64 รศ.นพ.ธีระ วรธนารัตน์ คณะแพทยศาสตร์ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย โพสต์เฟซบุ๊ก รายงานสถานการณ์โควิด-19 ทั่วโลก 23 กันยายน 2564 มีเนื้อหาดังนี้

ทะลุ 231 ล้านไปแล้ว

เมื่อวานทั่วโลกติดเพิ่ม 500,679 คน รวมแล้วตอนนี้ 231,343,782 คน ตายเพิ่มอีก 8,453 คน ยอดตายรวม 4,741,457 คน

5 อันดับแรกที่มีจำนวนติดเชื้อต่อวันสูงสุดคือ อเมริกา สหราชอาณาจักร อินเดีย รัสเซีย และบราซิล 

อเมริกา ติดเชื้อเพิ่ม 119,715 คน รวม 43,524,743 คน ตายเพิ่ม 1,916 คน ยอดเสียชีวิตรวม 702,920 คน อัตราตาย 1.6%

อินเดีย ติดเพิ่ม 31,458 คน รวม 33,593,492 คน ตายเพิ่ม 319 คน ยอดเสียชีวิตรวม 446,399 คน อัตราตาย 1.3%

บราซิล ติดเพิ่ม 24,611 คน รวม 21,308,178 คน ตายเพิ่ม 607 คน ยอดเสียชีวิตรวม 592,964 คน อัตราตาย 2.8%

สหราชอาณาจักร ติดเพิ่ม 36,710 คน ยอดรวม 7,565,867 คน ตายเพิ่ม 182 คน ยอดเสียชีวิตรวม 135,803 คน อัตราตาย 1.8%

รัสเซีย ติดเพิ่ม 21,438 คน รวม 7,354,995 คน ตายเพิ่ม 820 คน ยอดเสียชีวิตรวม 201,445 คน อัตราตาย 2.7%

อันดับ 6-10 เป็น ฝรั่งเศส ตุรกี อิหร่าน อาร์เจนติน่า และโคลอมเบีย ติดกันหลักพันถึงหลายหมื่น

หากรวมทวีปเอเชีย ยุโรป และอเมริกาเหนือ พบว่ามีสัดส่วนสูงถึงร้อยละ 90.64 ของจำนวนติดเชื้อใหม่ทั้งหมดต่อวัน

แถบสแกนดิเนเวีย บอลติก และยูเรเชีย ก็มีการติดเชื้อเพิ่มขึ้นหลักร้อยถึงหลักพัน

แถบตะวันออกกลางส่วนใหญ่ยังติดเพิ่มหลักร้อยถึงหลักพัน ยกเว้นอิหร่านติดเพิ่มหลักหมื่นอย่างต่อเนื่อง

ฟิลิปปินส์ และมาเลเซีย ติดเพิ่มกันหลักหมื่น

เวียดนาม ญี่ปุ่น เมียนมาร์ อินโดนีเซีย ออสเตรเลีย สิงคโปร์ และเกาหลีใต้ ติดกันหลักพัน กัมพูชา และลาว ติดเพิ่มหลักร้อย ส่วนจีน และนิวซีแลนด์ ติดเพิ่มหลักสิบ ในขณะที่ฮ่องกง และไต้หวัน ติดเพิ่มต่ำกว่าสิบ

เปิดโปง Facebook​ ทำตัวสองมาตรฐาน!! ผ่อนผันการกรองเนื้อหาเฉพาะบุคคล VIP | NEWS GEN TIMES ชวนคิด กับ กิตติธัช

ทุกอย่างอยู่ในกำมือ!! 'มาร์ก'​

เปิดโปง Facebook​ ทำตัวสองมาตรฐาน!! ผ่อนผันการกรองเนื้อหาเฉพาะบุคคล VIP​ 

ส่วนคนธรรมดาน่ะหรอ!! พลาดนิดพลาดหน่อย​ = แบนยับ!! 

รับชมคลิปเต็มได้ที่ : https://youtu.be/E1RYZi4ZVlc

NEWS GEN TIMES ชวนคิด กับ กิตติธัช

โดย อ.ต้อม - กิตติธัช ชัยประสิทธิ์ นักวิชาการอิสระและอาจารย์ประจำคณะสถาปัตยกรรม ศิลปะและการออกแบบ​ สถาบันเทคโนโลยีพระจอมเกล้าเจ้าคุณทหารลาดกระบัง
.

.
 

สตม. สยบดราม่า ‘ขนมปังเท้าเหยียบ’ ย้ำชัด โรงงานขนมปังดังกล่าวไม่อยู่ในไทย

พ.ต.อ.ภัคพงศ์ สายอุบล รอง ผบก.ตม.1 ในฐานะรองโฆษก สตม. ปฏิบัติหน้าที่แทน โฆษก สตม. เปิดเผยว่า ทาง พล.ต.ท.สมพงษ์ ชิงดวง ผบช.สตม. และ พล.ต.ต.อาชยน ไกรทอง รอง ผบช.สตม./โฆษก สตม. มีความห่วงใยในข้อมูลดังกล่าวที่ถูกต้องหรือบิดเบือน โดยได้รับข้อมูลในตอนแรกเป็นการกล่าวอ้างว่าเป็นพื้นที่ในเขตลาดพร้าว กรุงเทพ แต่เมื่อได้ทำการตรวจสอบแล้วพบว่าอยู่ในต่างประเทศ

จากกรณีที่ปรากฏบนสื่อโซเชียลมีเดีย ภาพวิดีโอซึ่งบันทึกภาพในโรงงานขนมปัง โดยมีคนงานเป็นคนต่างด้าวใช้เท้าเหยียบขนมปังและใช้ลิ้นเลียขนมปังก่อนบรรจุใส่ถุงเพื่อจำหน่าย

จากการตรวจสอบพบว่าวิดีโอดังกล่าวมีแหล่งที่มาจาก สำนักข่าว nation next ที่ใช้สโลแกนว่า News hub for new India ซึ่งเป็นสื่อมวลชนในประเทศอินเดีย โดยได้เผยแพร่ภาพวิดีโอดังกล่าวทางเว็บไซต์ของสำนักข่าวและช่อง YouTube เมื่อวันที่ 18 กันยายน 2021 ที่ผ่านมา

'ปิยบุตร' เตรียมลาปารีส พร้อมขนทัพหนังสือชวนคิด 'ปฏิวัติฝรั่งเศส-รัสเซีย-อนาร์คิสต์' กลับไทย

23 ก.ย. 64 นายปิยบุตร แสงกนกกุล เลขาธิการคณะก้าวหน้า ขณะนี้เดินทางไปหาภรรยาที่ฝรั่งเศส โพสต์ข้อความผ่านเฟซบุ๊ก Piyabutr Saengkanokkul - ปิยบุตร แสงกนกกุล ว่า กำลังเตรียมเก็บกระเป๋าเดินทางกลับประเทศไทยครับ เมื่อไรที่ผมเดินทางมาอยู่ที่ปารีส กิจกรรมที่ทำอยู่เป็นประจำ คือ เข้าร้านหนังสือ ซื้อหนังสือ 

รอบนี้ อยู่ค่อนข้างนาน ก็เลยซื้อเยอะมากกว่าคราวก่อนๆ ลองจัดหมวดหมู่ดู 

รูปแรก อนาร์คิสต์ 

รูปสอง ปฏิวัติฝรั่งเศส 

รูปสาม ปฏิวัติรัสเซีย 

รูปสี่ หลากหลายธีม ได้แก่ ประวัติศาสตร์การเมือง ปรัชญาการเมือง ปรัชญากฎหมาย สังคมวิทยา เศรษฐศาสตร์การเมือง 

รูปห้า หนังสือเรียนภาษาสเปน 

“โฆษกกห.” เผย “นายกฯ” สั่งจับตาขบวนการค้าอาวุธสงครามเชื่อมโยงอาวุธคลังหาย สั่งฟันไม่เลี้ยง หวั่นเชื่อมโยงสร้างควาทรุนแรงนอกปท พร้อมยัน ครม.ไฟเขียวงบกลางกองทัพจ่ายค่าเช่าสถานที่กักตัว คนไทยขอเดินทางกลับปท. ช่วงโควิด ย้ำเงินงวดสุดท้าย ใช้จ่ายโปร่งใส่

ที่กระทรวงกลาโหม พล.ท.คงชีพ ตันตระวาณิชย์ โฆษกกระทรวงกลาโหม กล่าวถึงการสับเปลี่ยนกำลังตามแนวชายแดน ซึ่งประเทศเมียนมามีปัญหาภายในประเทศ ขณะที่ประเทศไทยก็อยู่ในช่วงเปิดประเทศนายกรัฐมนตรีและรมว.กลาโหม ได้สั่งกำชับในเรื่องนี้หรือไม่ ว่า การสับเปลี่ยนกำลังเป็นช่วงรอยต่อของสิ้นปีงบประมาณ 2564 ที่จะต้องมีการสับเปลี่ยนกำลังสถานการณ์ในประเทศเมียนมาในปัจจุบันมีความเสี่ยงที่จะเกิดความรุนแรงมากขึ้น รัฐบาลเอกภาพแห่งชาติของเมียนมา เรียกร้องให้โจมตีทหารเมียนมา ซึ่งเสี่ยงต่อการสู้รบตามแนวชายแดน รวมทั้งเรื่องอาวุธสงคราม ซึ่งจะมีการเคลื่อนไหวของขบวนการค้าอาวุธสงครามในพื้นที่มากขึ้นด้วย นอกจากนี้ จะมีเรื่องการลักลอบเข้าเมืองผิดกฎหมาย ยาเสพติด ย้ำว่ารัฐบาลไม่สนับสนุนการใช้ความรุนแรงในการแก้ปัญหาในเมียนมา และพร้อมที่จะดูแลผลกระทบจากการสู้รบทั้งคนไทยที่อยู่ในประเทศตามแนวชายแดนรวมทั้งชาวเมียนมาที่ได้รับผลกระทบ โดยมีการเตรียมการรองรับไว้แล้ว ทั้งเรื่องสวัสดิภาพและความปลอดภัย มีการเตรียมพื้นที่รองรับตามแนวใช้แดนการให้การช่วยเหลือผู้อพยพภัยจากการสู้รบ ยืนยันว่าพร้อมให้การช่วยเหลือตามหลักมนุษยธรรม

“เรายังไม่มีการเปิดประเทศ พรมแดนทั้งสองฝั่งยังปิดอยู่ การเข้ามาของเพื่อนบ้านถือเป็นการลักลอบเข้าเมืองผิดกฎหมาย แต่ถ้าเราเปิดประเทศแล้วเราก็ต้องดูการคัดกรองมาตรการต่างๆที่จะต้องดำเนินการ เพื่อให้เป็นไปตามข้อตกลงร่วมกันที่เคยตกลงกับประเทศเพื่อนบ้านในเรื่องของแรงงาน ทั้งนี้จะไปโทษเจ้าหน้าที่อย่างเดียวไม่ได้ผู้ประกอบการเองที่ยังเห็นแก่ได้ ยังมีความต้องการแรงงานผิดกฎหมายเข้ามาทำงาน ฉะนั้นเมื่อมีความต้องการขบวนการผู้นำพาก็ต้องเกิดขึ้น ลักลอบนำแรงงานเข้ามา ซึ่งเจ้าหน้าที่จับกุมได้ตลอดทั้งกัมพูชา เมียนมาร์และลาวอย่างต่อเนื่อง”โฆษกกระทรวงกลาโหม กล่าว

พล.ท.คงชีพ กล่าวอีกว่า ทั้งนี้นายกรัฐมนตรีและรมว.กลาโหม มีข้อเน้นย้ำและสั่งการ การเคลื่อนไหวของกลุ่มผู้ค้าอาวุธสงครามที่มีการเคลื่อนไหวมากขึ้นจากที่มีการติดตามความเชื่อมโยง และจับกลุ่มได้ พบว่ามีข้าราชการระดับท้องถิ่นเข้าไปเกี่ยวข้อง เช่น ผู้ช่วยผู้ใหญ่บ้าน ตำบลแสมสาร อำเภอสัตหีบ จังหวัดชลบุรีและมีการขยายผลทำให้พบความเชื่อมโยงของบุคคลในหลายวงการ ซึ่งขณะนี้กำลังดำเนินการสอบสวนเชิงลึกอยู่ ขณะเดียวกันกำลังสอบสวนดูถึงความเชื่อมโยงอาวุธปืนลูกซองและอาวุธปืนพก ของทางราชการที่หายไปด้วย และอาวุธปืนที่ถูกโจรกรรมออกจากกองทัพด้วย  ซึ่งกำลังเชื่อมโยงทั้งหมดขบวนการค้าอาวุธที่นำอาวุธออกไปนอกประเทศแล้วนำมาสร้างความรุนแรง ทั้งนี้ นายกฯและกลาโหมสั่งเอาผิดผู้ที่เกี่ยวข้องทั้งหมดไม่ว่าจะเป็นใครก็แล้วแต่ไม่มียกเว้น และขอให้ดูเส้นทางทางการเงินของผู้ที่เกี่ยวข้องด้วยรวมทั้งให้เพิ่มความระมัดระวังหน่วยงานทางราชการที่มีคลังอาวุธไม่ว่าจะเป็นตำรวจหรือทหาร และฝ่ายปกครองจะต้องดูเรื่องของความปลอดภัยของคลังอาวุธให้เรียบร้อย และให้สืบลึกไปถึงเส้นทางการเงินของผู้ที่เกี่ยวข้องด้วย

พล.ท.คงชีพ กล่าวยอมรับว่าการสับเปลี่ยนกำลังมีผลกระทบ เพราะจะต้องมีการสับเปลี่ยนกำลังและแลกเปลี่ยนข้อมูลเหล่านี้ เพื่อให้หน่วยงานที่จะเปลี่ยนกำลังเข้าไปใหม่ในปีงบประมาณ 2565 สามารถดำเนินการได้อย่างต่อเนื่อง โดยเฉพาะงานด้านการข่าวที่จำเป็นจะต้องแลกเปลี่ยนกัน และเส้นทางที่เป็นพื้นที่เสี่ยงต่อการสู้รบตั้งแต่อำเภอแม่สะเรียง จังหวัดแม่ฮ่องสอน ต่อเนื่องลงมาถึงอำเภอสังขะบุรี จังหวัดกาญจนบุรี คือจังหวัดที่จะต้องเฝ้าระวังเป็นพิเศษ ไม่ว่าจะเป็นเรื่องของยาเสพติด การลักลอบข้ามแนวชายแดน อาวุธสงครามและความรุนแรงที่เกิดจากภัยจากการสู้รบ

เมื่อถามถึงความเชื่อมโยงที่ระบุว่าเป็นเจ้าหน้าที่รัฐเป็นเจ้าหน้าที่ทหารหรือตำรวจหรือไม่ พล.อ.คงชีพ กล่าวว่า มี เป็นทหารที่เกษียณอายุราชการไปแล้วเรากำลังสื่อความเชื่อมโยงอยู่ ขอรวบรวมข้อมูลให้ชัดเจนแล้วจะนำมาเปิดเผยให้ทราบ โดยนายกฯและรมว.กลาโหมยืนยันไม่เอาไว้ ขบวนการค้าอาวุธที่ไปสร้างความรุนแรง

เมื่อถามว่า การเน้นย้ำเรื่องการรักษาความปลอดภัยครั้งอาวุธแสดงว่ามีอาวุธหายจากคลังอาวุธอีกใช่หรือไม่ พล.ท.คงชีพ กล่าวว่า ที่ผ่านมาเราไปตรวจสอบของฝ่ายปกครองก็มี และทหารบางส่วนก็มี เรากำลังตรวจสอบว่ามีการลักลอบโจรกรรมนำออกไปหรือไม่ ซึ่งก็ต้องไปดูแลเรื่องการเก็บรักษาด้วย ทั้งนี้ กองกำลังของฝ่ายตรงข้ามก็มีความเกี่ยวข้องในเรื่องการนำพาอาวุธเข้าไปด้วย ฉะนั้นมีความเชื่อมโยงกันระหว่างกองกำลังชนกลุ่มน้อยในเมียนมากับขบวนการค้าวุธในไทย ส่วนหายไปเท่านั้น ก็มีข่าวออกไปแล้ว แต่ของทางกองทัพยังไม่มีเพิ่ม มีหายไปเพียงนิดหน่อย เช่น ในพื้นที่ชลบุรีที่กล่าวไปข้างต้น

สำนักข่าว กรมประชาสัมพันธ์ กางแผนดัน ‘สื่อออนไลน์’ ในเครือ ร่วมแก้วิกฤตโควิด-19

สำนักข่าว กรมประชาสัมพันธ์ กางแผนดัน ‘สื่อออนไลน์’ ในเครือ ร่วมแก้วิกฤตโควิด-19 ประเดิมจัดสัมมนา ‘สื่อออนไลน์ตรงจุด ฉุดใจลูกค้า ฝ่าวิกฤติโควิด-19’ ดึง 2 กูรูชื่อดัง ถ่ายทอดเทคนิค ‘ใช้ช่องทางค้าขายออนไลน์ให้ปัง’ พร้อมใช้ทุกแพลตฟอร์มสื่อในเครือช่วยตีฆ้อง

ต้องยอมรับว่า ‘สื่อออนไลน์’ กลายเป็นช่องทางสำคัญที่ประชาชนในทุกวันนี้ใช้สื่อสารกัน โดยเฉพาะ
สื่อโซเชียลมีเดียที่คนทั่วโลกเข้าถึงกันได้ง่าย ดังนั้น การที่จะทำให้ประชาชนเข้าถึงข้อมูลข่าวสารต่างๆ ของทางภาครัฐได้มากยิ่งขึ้น บรรดาหน่วยงานภาครัฐ จึงจำเป็นต้องปรับตัวในการนำสื่อออนไลน์แพลตฟอร์มต่างๆ มาปรับใช้ในการสื่อสาร

เพื่อการเข้าถึงข้อมูลที่ถูกต้อง โดยเฉพาะข้อมูลข่าวสารที่สำนักข่าว กรมประชาสัมพันธ์ จำเป็นในช่วงสถานการณ์การแพร่ระบาดของโรคโควิด-19 กรมประชาสัมพันธ์ โดยสำนักข่าว จึงได้ยกระดับการพัฒนาสื่อออนไลน์ ในช่วงที่ผ่านมาอย่างเข้มข้น เผยแพร่ผ่านแพลตฟอร์มต่างๆ เช่น เว็บไซต์ เฟซบุ๊ก และ ทวิตเตอร์ ประชาสัมพันธ์ข้อมูลข่าวสาร ยุทธศาสตร์ชาติ นโยบายสำคัญของรัฐบาล ข่าวทันสถานการณ์ เรื่องที่ประชาชนอยากรู้ ต้องรู้ และควรรู้ อย่างต่อเนื่อง

หลายประเทศในอาเซียนเริ่มทิ้งนโยบายโควิดเป็นศูนย์ หันหน้าสู่การอยู่ร่วมกับโควิด ด้านผู้เชี่ยวชาญกังวล อาจจะเกิดความสูญเสียอีกครั้ง

หลายชาติในอาเซียนละทิ้งนโยบาย “Zero-Covid” หรือ โควิดเป็นศูนย์ เพื่อเปิดประเทศฟื้นฟูเศรษฐกิจ ท่ามกลางความกังวลของผู้เชี่ยวชาญว่าอาจจะสร้างความเสียหายครั้งใหญ่

ผู้เชี่ยวชาญหลายคนมองว่า หากเปิดพรมแดนรับนักท่องเที่ยว ทั้งที่ประชาชนในประเทศที่ได้รับวัคซีนต้านโควิด-19 ครบถ้วน ยังมีจำนวนต่ำอยู่ อาจทำให้ระบบสาธารณสุขต้องรับผู้ป่วยโควิดจนล้นมืออีกครั้ง

สำนักข่าว CNN รายงานว่า โควิด-19 ได้ระบาดหนักในภูมิภาคเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ในช่วงฤดูร้อนที่ผ่านมา เนื่องจากเชื้อไวรัสกลายพันธุ์ Delta ที่แพร่ระบาดได้อย่างรวดเร็ว

แต่หลังจากใช้มาตรการล็อกดาวน์ หรือ จำกัดการเคลื่อนที่ตั้งแต่เดือนมิถุนายน - สิงหาคม เพื่อควบคุมการแพร่ระบาดไวรัสโควิด ขณะนี้หลายชาติในอาเซียน เช่น เวียดนาม อินโดนีเซีย และไทย กำลังละทิ้งนโยบาย “Zero-Covid” หรือ “โควิดเป็นศูนย์” หันมาหาทางใช้ชีวิตอยู่กับโควิด-19 ให้ได้ และกำลังมองหาการฟื้นฟูเศรษฐกิจโดยเฉพาะอุตสาหกรรมการท่องเที่ยว ด้วยการเปิดพรมแดนรับนักเดินทางจากต่างประเทศอีกครั้ง

จบนโยบาย ‘โควิดเป็นศูนย์’

มาเลเซียและอินโดนีเซีย บังคับใช้มาตรการล็อกดาวน์ทั่วประเทศ ขณะที่ไทยและเวียดนามล็อกดาวน์ในพื้นที่ที่มีความเสี่ยงสูง ภายใต้ข้อจำกัดเหล่านี้, ผู้คนนับล้านได้รับคำสั่งให้อยู่บ้าน และห้ามการเดินทางภายในประเทศ โรงเรียนปิดทำการเรียนการสอน การขนส่งสาธารณะถูกระงับ และห้ามการชุมนุม

ผลที่ได้คือ ผู้ติดเชื้อรายใหม่ลดลงทั่วทั้งภูมิภาค แม้ว่าจะยังอยู่ในระดับสูง โดยข้อมูลจากมหาวิทยาลัยจอห์น ฮอปกินส์ระบุว่า ฟิลิปปินส์มีรายงานผู้ป่วยรายใหม่เกือบ 20,000 คนต่อวัน

ส่วนไทย เวียดนาม และมาเลเซีย มีการบันทึกผู้ป่วยรายใหม่ประมาณ 15,000 คน ทุกๆ 24 ชั่วโมง ขณะที่อัตราการติดเชื้อของอินโดนีเซียลดลงมากที่สุด มีรายงานผู้ติดเชื้อ ไม่กี่พันคนต่อวัน

ผ่านจุดพีค เริ่มเปิดประเทศ

จุดสูงสุดของการระบาดเพิ่งผ่านพ้นไป ขณะที่อัตราการฉีดวัคซีนต้านโควิด-19 ก็ยังต่ำมากในหลายพื้นที่ แต่รัฐบาลหลายชาติในอาเซียน ก็เตรียมจะเปิดประเทศรับนักเดินทางต่างชาติอีกครั้งแล้ว

สำนักข่าว Reuters รายงานว่า เวียดนามวางแผนที่จะเปิดเกาะฟูกว๊อก รีสอร์ทตากอากาศชื่อดัง สำหรับนักท่องเที่ยวต่างชาติอีกครั้งในเดือนหน้า รัฐบาลเวียดนามให้เหตุผลว่า แรงกดดันทางเศรษฐกิจทำให้ต้องตัดสินใจเช่นนี้

ด้านรัฐมนตรีกระทรวงการท่องเที่ยวเวียดนามระบุว่า การระบาดของโควิด-19 ส่งผลกระทบร้ายแรง ต่ออุตสาหกรรมการท่องเที่ยว ขณะที่ล่าสุดรายงานจาก CNN ระบุว่า มีประชากรน้อยกว่า 7% ของประชากรที่ได้รับวัคซีนต้านโควิดครบถ้วน

อย่างไรก็ตามเวียดนามก็เพิ่ง ลงนามในข้อตกลงสั่งซื้อวัคซีนอับดาลา 10 ล้านโดสจากคิวบา กลายเป็นประเทศต่างชาติประเทศแรกที่อนุมัติใช้วัคซีนอับดาลาเป็นกรณีฉุกเฉินเมื่อวันเสาร์ที่ผ่านมา (18 กันยายน) คิวบายังจะถ่ายทอดเทคโนโลยีในการผลิตวัคซีนนี้ให้เวียดนามภายในสิ้นปีนี้ด้วย

และก่อนหน้านี้รัฐบาลเวียดนามแถลงบรรลุข้อตกลงเกี่ยวกับการถ่ายโอนเทคโนโลยีสำหรับผลิตวัคซีนต้านโควิด-19 ของรัสเซียและสหรัฐฯ ด้วยความพยายามที่จะเพิ่มขีดความสามารถด้านวัคซีนของประเทศ

เปิดเกาะบาหลีและลังกาวี

อินโดนีเซีย ซึ่งฉีดวัคซีนต้านให้กับประชากรครบถ้วนมากกว่า 16% ได้ผ่อนคลายข้อจำกัดต่างๆ เช่นกัน โดยอนุญาตให้เปิดใช้พื้นที่สาธารณะอีกครั้ง และอนุญาตให้โรงงานกลับมาทำงานได้เต็มประสิทธิภาพ ส่วนนักท่องเที่ยวต่างชาติอาจได้รับอนุญาตให้เข้าไปในบางที่ของประเทศ รวมทั้งเกาะบาหลี ภายในเดือนตุลาคม

มาเลเซีย มีอัตราการฉีดวัคซีนต้านโควิดสูงสุดแห่งหนึ่งในภูมิภาค ประชากรมากกว่า 56% ได้รับการฉีดวัคซีนครบแล้ว เมื่อสัปดาห์ที่แล้วได้เปิดเกาะลังกาวีสถานที่ท่องเที่ยวสำคัญ ให้นักท่องเที่ยวต่างประเทศได้เดินทางไปพักผ่อนอีกครั้ง ขณะที่หลายรัฐได้เริ่มผ่อนคลายมาตรการ และข้อจำกัดต่างๆ สำหรับผู้ได้รับวัคซีนต้านโควิด รวมถึงการรับประทานอาหารภายในร้านและการเดินทางระหว่างรัฐ รัฐบาลมาเลเซียเตรียมจะประกาศเข้าสู่ระยะโควิดเป็นโรคประจำถิ่นในเดือนตุลาคมนี้


© Copyright 2021, All rights reserved. THE STATES TIMES
Take Me Top