Sunday, 11 May 2025
Hard News Team

พิธา ลิ้มเจริญรัตน์ หัวหน้าพรรคก้าวไกล แสดงความเห็นต่อสถานการณ์โควิด-19 ย้ำ ไม่ได้คัดค้านการล็อกดาวน์ แต่การล็อกดาวน์ต้องไม่สูญเปล่า ต้องเจ็บแล้วจบ ขณะนั้นอัตราการตรวจพบเชื้อในไทยสูงกว่า 5% ติดต่อกัน 2 สัปดาห์ซึ่งเป็นตัวเลขตามเพดานของ WHO ว่าต้องล็อกดาวน์

พิธา ลิ้มเจริญรัตน์ หัวหน้าพรรคก้าวไกล แสดงความเห็นต่อสถานการณ์โควิด-19 ผ่านเฟซบุ๊กเพจ โดยระบุว่า ในช่วงปลายเดือนมิถุนายนที่ผ่านมา เคยได้ชี้แจงไว้ว่า ไม่ได้คัดค้านการล็อกดาวน์ แต่การล็อกดาวน์ต้องไม่สูญเปล่า ต้องเจ็บแล้วจบ ขณะนั้นอัตราการตรวจพบเชื้อในไทยสูงกว่า 5% ติดต่อกัน 2 สัปดาห์ซึ่งเป็นตัวเลขตามเพดานของ WHO ว่าต้องล็อกดาวน์

“ตัวเลขอัตราการตรวจพบเชื้อมีนัยยะสำคัญอย่างไร ในช่วงที่สหรัฐอเมริกากำลังระบาดหนักที่สุด มีอัตราการตรวจพบเชื้ออยู่ที่ 15% ในขณะที่อินเดียมีอัตราการตรวจพบเชื้อนี้ที่ 23% ในส่วนของประเทศไทยตอนนี้ จากข้อมูลของกรมวิทยาศาสตร์การแพทย์ เมื่อวันที่ 31 ก.ค. ที่ผ่านมา พบว่าอัตราการตรวจพบเชื้อโควิดในประเทศไทยสูงถึง 24% และแนวโน้มกำลังสูงขึ้นเรื่อย ๆ อย่างน่ากลัว ตัวเลขนี้ตีความเป็นอื่นไม่ได้เลยนอกเหนือจากหายนะ การล็อกดาวน์ของเรากำลังสูญเปล่า และในครั้งนี้ ประชาชนจะเจ็บแต่ไม่จบ เจ็บแล้วเจ็บเล่า โดยที่รัฐบาลก็อยู่ในสภาวะไร้ประสิทธิภาพเกินกว่าที่จะช่วยเหลืออะไรได้”

พิธา ระบุต่อไปว่า วิกฤตการณ์ที่รุนแรงขึ้นในขณะนี้ แสดงให้เห็นแล้วว่า พล.อ.ประยุทธ์ ในฐานะนายกรัฐมนตรี ล้มเหลวในการจัดการวิกฤติอย่างสิ้นเชิง ทั้งที่มีการออกมาตรการล็อกดาวน์ มีอำนาจเต็มจาก พ.ร.ก.ฉุกเฉิน ที่รวบอำนาจไว้ในมือ และมีเงินจาก พ.ร.ก.เงินกู้ 2 ฉบับจำนวนเงินกว่า 1.5 ล้านล้านบาทสาเหตุหนึ่งที่อัตราการตรวจพบเชื้อในไทยสูงขึ้นในช่วงที่มีการล็อกดาวน์ ก็เพราะตัวเลขการตรวจน้อยลง จากข้อมูลของกรมวิทยาศาสตร์การแพทย์ ในสัปดาห์ 11-17 ก.ค. มีการตรวจเฉลี่ย 6.9 หมื่นตัวอย่างต่อวัน ในสัปดาห์ 18-24 ก.ค. 6.75 หมื่นตัวอย่างต่อวัน ในสัปดาห์ 25-31 ก.ค. 6.18 หมื่นตัวอย่างต่อวัน

“การล็อกดาวน์ที่จะไม่ให้สูญเปล่านั้น ต้องมีการตรวจเชิงรุก การตรวจต้องมากขึ้นไม่ใช่น้อยลง เพื่อที่จะแยกปลาออกจากน้ำ เพื่อทำการรักษาและยุติการระบาดให้ได้เร็วที่สุด ตัวอย่างของการตรวจเชิงรุกประชากรทั้งเมืองในต่างประเทศก็มีให้เห็นมาแล้วไม่ว่าจะเป็นเมืองที่ประชากรหลักพันอย่าง Vò ที่อิตาลี หลักหมื่นอย่าง Bolinas, California ที่สหรัฐฯ หลักแสนอย่าง Southampton ที่อังกฤษ และหลักล้านอย่างอู่ฮั่น ที่กล่าวมานี้ไม่ได้หมายความว่ารัฐบาลต้องบังคับทุกคนให้มาตรวจโควิด แต่ศักยภาพในการตรวจ RT-PCR ของประเทศเราอยู่ที่ประมาณ 70,000 ตัวอย่างต่อวันและไม่เพิ่มขึ้นมาตั้งแต่เดือน เม.ย. แล้ว รัฐบาลต้องมีการตรวจเชิงรุกและขยายศักยภาพในการตรวจมากกว่านี้”

พิธา ยังย้ำว่า การล็อกดาวน์ให้ไม่สูญเปล่า รัฐบาลต้องเยียวยาประชาชนให้ทั่วถึง จึงขอแสดงความกังวลต่อมาตรการเยียวยานายจ้างและลูกจ้างนอกระบบประกันสังคม โดยการให้นายจ้างมาเข้าระบบประกันสังคม เพราะจากแผนการดำเนินงานและแผนการเบิกจ่ายเงินเยียวยาตามผลการพิจารณาของคณะกรรมการกลั่นกรองการใช้จ่ายเงินกู้ 26/2564 เมื่อ 23 ก.ค. 2564 นายจ้างที่มาขึ้นทะเบียนประกันสังคมรายใหม่จะต้องได้รับการตรวจสอบข้อมูลจากกรมสวัสดิการและคุ้มครองแรงงาน โดยจากตารางเวลาการดำเนินงาน อาจจะได้เงินเยียวยาล่าช้าถึงเดือนตุลาคม

“ผมขอย้ำอีกครั้ง ว่าปัญหาของรัฐบาลประยุทธ์ไม่ใช่ไม่มีงบประมาณมาใช้ในการเยียวยาประชาชนและแก้ปัญหาโควิด-19 จากดูตัวเลขการอนุมัติงบกลาง รายการเงินสำรองจ่ายกรณีฉุกเฉินจำเป็น และรายการแก้ปัญหาโควิด-19 ของปีงบ 64 ที่ตั้งเอาไว้รวมกัน 140,000 ล้านบาท จากที่สืบค้นได้ใน มติ ครม. (นอกจากนั้นจะมีเอาไปใช้ในทางลับอะไรอีกผมไม่ทราบ) พบว่ามีการอนุมัติแค่ 46,000 ล้านบาท หรือไม่ถึง 1 ใน 3 ของงบกลางที่ขอในปี 64 ไม่นับว่ามีเอกสารสำนักงบประมาณของรัฐสภารายงานว่า ณ วันที่ 30 มิ.ย. 64 มีการเบิกจ่ายแค่ประมาณ 12,000 ล้านบาทเท่านั้น (ไม่ถึง 10%) นี่ยังไม่นับ พ.ร.ก.เงินกู้ 5 แสนล้านบาท ที่รัฐบาลออกมาได้จะ 3 เดือนแล้ว แต่ยังเป็น black box หรือ “พื้นที่ดำมืด” ที่เรายังไม่ทราบว่ารัฐบาลเอางบไปทำอะไรบ้าง

“ทุกปัญหา เราต้องแก้ให้ตรงจุด ตอนนี้ปัญหาวิกฤตของประเทศไม่ใช่ปัญหางบประมาณ แต่เป็นปัญหาเรื่องความสามารถของผู้นำและคณะ ผมจึงขอเสนอไปยังทุกท่านว่า ถ้าเราอยากออกจากวิกฤตนี้ ต้องมีการเปลี่ยนแปลงตัวผู้นำและคณะ คืนอำนาจให้ประชาชนรวมถึงแก้ไขปัญหาโครงสร้างการเมืองไทยโดยเร่งด่วน เพื่อป้องกันไม่ให้ผู้มีอำนาจ แต่ไร้ความสามารถกลุ่มเดิมกลับมาได้อีก” พิธา ระบุ


Q : ประกันอะไร? ได้ตั้ง 4 ต่อ!!

A : ก็ประกันภัยรถยนต์จาก @THESHOPTIMES ไง!!

>> ฟรี!!! ประกันภัยอุบัติเหตุส่วนบุคคล (PA) 100,000 บาท

>> รับคอมมิชชั่นหรือส่วนลดทันที ในอัตราที่สูงกว่า แถมได้สิทธิซื้อประกัน พ.ร.บ.ราคาถูกตลอดชีพ

>> สามารถผ่อนได้สูงสุด 6 งวด ดอกเบี้ย 0% โดยไม่ต้องใช้บัตรเครดิต

>> แถมขายดีมีรายได้เพิ่มให้กับตัวเองด้วย

***สนใจติดต่อ Line@ THE SHOPS TIMES คลิก????https://lin.ee/vfTXud9

'ศปก.ศบค.' ยัน ร้านอาหาร ในห้างให้ขายเดลิเวอรี่เท่านั้น ย้ำ!! ยึดตามข้อกำหนดศบค. เล็ง เปิดพื้นที่ในซุปเปอร์ฯ ให้ร้านนำอาหารมาขายแจมได้

4 ส.ค. 64 รายงานข่าวจากศูนย์ปฏิบัติการศูนย์บริหารสถานการณ์การแพร่ระบาดของโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 (โควิด-19) ศปก.ศบค. เปิดเผยผลประชุมศปก.ศบค.เมื่อช่วงเช้าวันเดียวกันนี้ ถึงกรณีการเปิดร้านอาหารในห้างสรรพสินค้าที่ให้ขายแบบเดลิเวอรี่เพียงอย่างเดียว ตามที่ประกาศในข้อกำหนด แต่ไม่อนุญาตให้ซื้อกลับบ้าน แต่เมื่อมีประชาชนและผู้ประกอบการร้านอาหารส่วนหนึ่งร้องเรียนให้ผ่อนปรนมาตรการดังกล่าวเพื่อให้สามารถซื้อกลับบ้าน (take away) ได้

รายงานข่าวแจ้งว่า ที่ประชุมจึงหยิบประเด็นดังกล่าวมาหารือและมีข้อสรุป ว่า สามารถให้ซื้ออาหารกลับบ้านได้ เฉพาะร้านที่ตั้งอยู่พื้นที่ภายในบริเวณซุปเปอร์มาร์เก็ตเท่านั้น แต่ร้านอาหารที่ตั้งเป็นร้านเดี่ยวภายในห้างสรรพสินค้า ไม่ใช่ในพื้นที่ซุปเปอร์มาร์เก็ตให้จำหน่ายได้รูปแบบเดียว คือ 'เดลิเวอรี่' เท่านั้น

โดยแนวทางยึดตามข้อกำหนดของศบค.เนื่องจากในที่ประชุมพูดคุยว่ามีข้อกังวลหากเปิดร้านอาหาร ที่ตั้งเป็นร้านเดี่ยวในห้างสรรพสินค้าให้ซื้อกลับบ้านได้ จะทำให้เกิดปัญหาประชาชนเข้าไปแออัดในพื้นที่ห้างสรรพสินค้า ซึ่งเป็นพื้นที่เสี่ยง ทำให้เกิดแพร่ระบาดได้ง่าย อีกทั้งให้ยึดตามข้อกำหนดศบค.ที่ระบุชัดเจนว่าไม่ต้องการให้มีการเคลื่อนย้ายจากบ้าน

“แต่อย่างไรก็ตามได้ขอให้ซุปเปอร์มาร์เก็ตขยายพื้นที่เพิ่มเติม เพื่อให้ร้านอาหารเดี่ยวในห้างสามารถนำอาหารมาวางจำหน่ายในพื้นที่ซุปเปอร์มาร์เก็ตด้วยได้”

ทั้งนี้เมื่อได้ข้อสรุป ทางกทม.จะออกเป็นประกาศแนวทางปฎิบัติโดยละเอียดอีกครั้ง และจะประกาศให้ทราบอย่างเป็นทางการ ส่วนจังหวัดอื่นในพื้นที่ควบคุมสูงสุดและเข้มงวดหรือพื้นที่สีแดงเข้ม ให้ทางผู้ว่าฯ พิจารณา รายละเอียดก่อนประกาศแนวทางจังหวัดต่อไป


Q : ประกันอะไร? ได้ตั้ง 4 ต่อ!!

A : ก็ประกันภัยรถยนต์จาก @THESHOPTIMES ไง!!

>> ฟรี!!! ประกันภัยอุบัติเหตุส่วนบุคคล (PA) 100,000 บาท

>> รับคอมมิชชั่นหรือส่วนลดทันที ในอัตราที่สูงกว่า แถมได้สิทธิซื้อประกัน พ.ร.บ.ราคาถูกตลอดชีพ

>> สามารถผ่อนได้สูงสุด 6 งวด ดอกเบี้ย 0% โดยไม่ต้องใช้บัตรเครดิต

>> แถมขายดีมีรายได้เพิ่มให้กับตัวเองด้วย

***สนใจติดต่อ Line@ THE SHOPS TIMES คลิก????https://lin.ee/vfTXud9

นิวยอร์กซิตี กลายเป็นเมืองหลักแห่งแรกของสหรัฐฯ ที่บังคับแสดงหลักฐานพิสูจน์ผ่านการฉีดวัคซีนโควิด-19 สำหรับเข้าไปในร้านอาหาร สถานออกกำลังกายและธุรกิจอื่น ๆ จากคำแถลงของนายกเทศมนตรีบิล เดอ บราซิโอ

นิวยอร์กซิตี กลายเป็นเมืองหลักแห่งแรกของสหรัฐฯ ที่บังคับแสดงหลักฐานพิสูจน์ผ่านการฉีดวัคซีนโควิด-19 สำหรับเข้าไปในร้านอาหาร สถานออกกำลังกายและธุรกิจอื่น ๆ จากคำแถลงของนายกเทศมนตรีบิล เดอ บราซิโอ ในวันอังคาร (3 ส.ค.)

ด้วยวัคซีนสามารถเข้าถึงได้ในวงกว้าง บรรดาผู้นำทางการเมืองทั้งหลายจึงเลือกหนทางแห่งการฉีดวัคซีนและสวมหน้ากากสำหรับต่อสู้กับการแพร่ระบาดของไวรัสโคโรนาสายพันธุ์ใหม่ระลอกปัจจุบัน แทนการออกคำสั่งปิดธุรกิจและบังคับประชาชนชาวเมริกันหยุดอยู่บ้านดังเช่นปีที่แล้ว

รัฐบาลกลางสหรัฐฯ และรัฐต่าง ๆ หลายแห่ง เช่นเดียวกับโรงพยาบาลและมหาวิทยาลัยบางแห่ง ได้บังคับลูกจ้างฉีดวัคซีน และในวันอังคาร (3 ส.ค.) ไทสัน ฟู้ดส์ กลายเป็นหนึ่งในนายจ้างเอกชนรายใหญ่ที่สุดที่บังคับพนักงานทุกคนฉีดวัคซีนเพื่อต่อสู้กับไวรัสที่คร่าชีวิตผู้คนในประเทศแห่งนี้ไปแล้วกว่า 600,000 ราย

นโยบายของเมืองนิวยอร์กซิตี คือ กำหนดให้ประชาชนแสดงเอกสารพิสูจน์ว่าฉีดวัคซีนแล้วอย่างน้อย 1 เข็ม และจะมีผลบังคับใช้ตั้งแต่วันที่ 13 กันยายนเป็นต้นไป อย่างไรก็ตามเป็นที่คาดหมายว่ามันจะถูกต่อต้านอย่างแข็งขัน ดังเช่นเมื่อครั้งออกคำสั่งบังคับสวมหน้ากากและหยุดอยู่บ้านเมื่อปีที่แล้ว

ในฝรั่งเศส การกำหนดข้อบังคับแสดงบัตรรับรองการฉีดวัคซีนของรัฐบาล กระตุ้นให้เกิดการประท้วงใหญ่ และบ่อยครั้งเลี้ยวเข้าสู่ความรุนแรง จนตำรวจต้องใช้แก๊สน้ำตาเข้าสลายการชุมนุม

พาสปอร์ตวัคซีนของรัฐบาลเป็นที่ถกเถียงกันหนักหน่วงในหมู่ประชาชนชาวสหรัฐฯ โดยเฉพาะในบรรดากลุ่มคนหัวอนุรักษ์นิยม "มันถึงเวลาแล้วที่ทุกคนต้องมองวัคซีนว่าเป็นสิ่งจำเป็นอย่างแท้จริง สำหรับการมีชีวิตที่ดี สมบูรณ์และแข็งแรง" เดอ บลาซิโอ จากพรรคเดโมแครตกล่าวระหว่างแถลงข่าว

จากข้อมูลของเมือง พบว่าจนถึงตอนนี้มีชาวนิวยอร์กราว ๆ 60% ที่ฉีดวัคซีนโควิด-19 แล้วอย่างน้อย 1 เข็ม แต่ในบางพื้นที่ ในนั้นรวมถึงชุมชนคนยากจนขนาดใหญ่และประชาคมคนผิวสี ยังมีอัตราการฉีดวัคซีนในระดับต่ำมาก

คำแถลงของเมืองนิวยอร์ก มีขึ้นในขณะที่เคสผู้ติดเชื้อไวรัสโคโรนาสายพันธุ์ใหม่เพิ่มสูุงขึ้นทั่วประเทศ โดยที่รัฐฟลอริดาและลุยเซียนากลายเป็นจุดล่อแหลมล่าสุด โรงพยาบาลต่าง ๆ กำลังเข้าสู่ภาวะตึงเครียด

ทั้งฟลอริดาและลุยเซียนา ต่างรายงานมีจำนวนคนไข้โควิด-19 ที่เข้ารักษาตัวในโรงพยาบาล สูงที่สุดนับตั้งแต่เกิดการแพร่ระบาด และแพทย์คนหนึ่งถึงขั้นเตือนว่ามันเป็นวันที่มืดมิดที่สุดเท่าที่เคยมีมา

จนถึงวันอังคาร (3 ส.ค.) มีคนไข้มากกว่า 11,300 คนที่เข้ารักษาตัวตามโรงพยาบาลต่าง ๆ ในรัฐฟลอริดา ทำให้ฟลอริดากลายเป็นรัฐที่กำลังเผชิญการแพร่ระบาดของไวรัสโคโรนายสายพันธุ์ใหม่เลวร้ายที่สุดในสหรัฐฯ รัฐแห่งนี้มีคนไข้โควิด-19 ที่เข้ารักษาตัวในโรงพยาบาล คิดเป็นสัดส่วน 1 ใน 4 ของคนไข้โควิด-19 ที่เข้ารักษาตัวตามโรงพยาบาลต่าง ๆ ทั่วประเทศ

แมรี เมย์ฮิว ประธานสมาคมโรงพยาบาลแห่งฟลอริดา ระบุว่า การแพร่ระบาดระลอกล่าสุด ส่งผลให้จำนวนคนไข้โควิด-19 เข้ารักษาตัวในโรงพยาบาลเพิ่มขึ้นจาก 2,000 คนเป็น 10,000 คน ภายในเวลาไม่ถึง 30 วัน แม้ตัวเลขผู้เสียชีวิตยังคงอยู่ในระดับต่ำกว่าจุดพีกสุดก็ตาม


ที่มา : https://mgronline.com/around/detail/9640000076114


Q : ประกันอะไร? ได้ตั้ง 4 ต่อ!!

A : ก็ประกันภัยรถยนต์จาก @THESHOPTIMES ไง!!

>> ฟรี!!! ประกันภัยอุบัติเหตุส่วนบุคคล (PA) 100,000 บาท

>> รับคอมมิชชั่นหรือส่วนลดทันที ในอัตราที่สูงกว่า แถมได้สิทธิซื้อประกัน พ.ร.บ.ราคาถูกตลอดชีพ

>> สามารถผ่อนได้สูงสุด 6 งวด ดอกเบี้ย 0% โดยไม่ต้องใช้บัตรเครดิต

>> แถมขายดีมีรายได้เพิ่มให้กับตัวเองด้วย

***สนใจติดต่อ Line@ THE SHOPS TIMES คลิก????https://lin.ee/vfTXud9

แม่ทัพภาคที่ 4 ตรวจเยี่ยมการปฏิบัติ ศูนย์เฝ้าระวังและติดตามสถานการณ์ไวรัสโคโรน่า 2019 ชายแดนไทย-เมียนมา​ ด้านจังหวัดระนอง ชุมพร สกัดกั้นสิ่งผิดกฎหมายทุกชนิด ควบคู่กับการป้องกันไวรัสโควิด19

(4 ส.ค.64)​ ค่ายรัตนรังสรรค์ ตำบลราชกรูด อำเภอเมือง จังหวัดระนอง พลโท เกรียงไกร ศรีรักษ์ แม่ทัพภาคที่ 4 /ผู้อำนวยการรักษาความมั่นคงภายในภาค 4 ตรวจเยี่ยมติดตามการปฏิบัติงานของ "ศูนย์เฝ้าระวังและติดตามสถานการณ์ไวรัสโคโรน่า 2019 ตามแนวชายแดนไทย-เมียนมา ด้านจังหวัดระนอง ชุมพร และการสกัดกั้นแรงงานต่างด้าว" โดยมีพลตรีศานติ ศกุนตนาค ผู้บัญชาการกองพลทหารราบที่ 5/ ผู้บัญชาการกองกำลังเทพสตรี หัวหน้าส่วนราชการ หน่วยงานที่เกี่ยวข้อง ให้การต้อนรับและร่วมประชุม

โดยแม่ทัพภาคที่ 4 ได้รับฟังบรรยายการสรุปผลการปฏิบัติงาน พิจารณาหารือถึงปัญหาข้อขัดข้องในห้วงที่ผ่านมา ทั้งการสกัดกั้นผู้ลักลอบหลบหนีเข้าเมืองตามแนวชายแดน รวมไปถึงการลักลอบนำสิ่งผิดกฎหมายเข้ามายังราชอาณาจักร ตลอดจนมอบนโยบายการปฏิบัติการสกัดกั้น โดยให้ปฏิบัติตามพันธกิจของกองทัพบก 3 ประการ ได้แก่ การเฝ้าตรวจและป้องกันชายแดน การจัดระเบียบพื้นที่ และการแก้ไขปัญหาความมั่นคงในพื้นที่ชายแดน ตลอดจนการประสานความร่วมมือกับประเทศเพื่อนบ้าน ยังคงเฝ้าระวังป้องกัน สกัดกั้นการลักลอบหลบหนีเข้าเมืองโดยผิดกดหมายตามช่องทางธรรมชาติ นำไปสู่การขยายผลจับกุมขบวนการ ตลอดจนการสกัดกั้นการลักลอบนำเข้าสินค้าทางการเกษตร การสกัดกั้นการลักลอบนำถังอ็อกซิเจนออกนอกราชอาณาจักร โดยกำชับเจ้าหน้าที่วางกำลังเฝ้าตรวจ ร่วมกับทุกภาคส่วนที่เกี่ยวข้อง เพิ่มความถี่เฝ้าระวังพื้นที่ และการกระทำสิ่งผิดกฎหมายตามแนวชายแดนอย่างเข้มข้นทุกตารางนิ้ว โดยปฏิบัติตามมาตรการป้องกันการแพร่ระบาดของเชื้อไวรัสโควิด - 19 ตามแนวชายแดนควบคู่กัน เเละให้การช่วยเหลือประชาชนในทุกโอกาส

พลโท เกรียงไกร ศรีรักษ์ แม่ทัพภาคที่ 4 /ผู้อำนวยการรักษาความมั่นคงภายในภาค 4 กล่าวว่า "จากสถานการณ์ในประเทศเพื่อนบ้าน บริเวณชายแดนไทยเมียนมา​ ที่ผ่านมีการติดตาม เฝ้าระวังสถานการณ์ตามแนวชายแดน และผลกระทบที่อาจจะเกิดขึ้นจากการลักลอบเข้าเมืองอย่างผิดกฎหมายของแรงงานต่างด้าวที่จะเข้ามายังประเทศไทยอย่างต่อเนื่อง ทั้งการเดินทางมาทำงาน และผู้ที่ได้รับผลกระทบจากสถานการณ์การแพร่ระบาดของเชื้อไวรัส Covid-19 ในส่วนของพื้นที่ภาคใต้ 254 กม. ที่มีชายแดนติดกับประเทศเมียนมา​ ด้านจังหวัดชุมพร จังหวัดระนอง โดยสถานการณ์ของไวรัส Covid-19 ทั้ง 2 จังหวัด 

"อาจจะมีตัวเลขที่ขยับขึ้นแต่ยังคงอยู่ในสถานการณ์ที่สามารถควบคุม และรองรับได้ แต่หากมีปัจจัยภายนอกสถานการณ์ของไวรัส Covid-19 จากประเทศเพื่อนบ้าน ซึ่งหากมีการลักลอบ และการอพยพเข้ามาทำให้จะต้องมีการบริหารสถานการณ์ ยากลำบากมากยิ่งขึ้น

"เพราะฉะนั้นในส่วนของพื้นที่แนวชายแดนไทยเมียนมา ด้านจังหวัดชุมพร จังหวัดระนอง ในวันนี้ให้จัดตั้งศูนย์เฝ้าระวังติดตามสถานการณ์โคโรนา 2019 ตามแนวชายแดนไทยเมียนมาขึ้นมา โดยให้กองกำลังเทพสตรีเป็นผู้ดำเนินการในการจัดตั้ง เพื่อติดตามสถานการณ์ด้านการข่าว ทั้งในการแพร่ระบาดของเชื้อไวรัส Covid-19 การเข้ามาของแรงงานต่างด้าวที่อาจมีการเคลื่อนย้ายเข้ามา บริเวณขอบแนวชายแดน ซึ่งจำเป็นที่จะต้องใช้งานด้านการข่าวจากทุกหน่วยในการประเมินสถานการณ์ เพื่อรองรับหากมีการอพยพที่อาจจะส่งผลกระทบต่อสถานการณ์ภายใน 2 จังหวัด

"สำหรับการปฏิบัติงานมีการจัดกำลังเฝ้าตรวจตามแนวชายแดนอย่างเข้มงวด เเละเต็มกำลัง ในส่วนของกองกำลังเทพสตรี โดยหน่วยเฉพาะกิจกรมทหารราบที่ 25 มีขั้นตอนปฏิบัติอยู่ด้วยกัน 3 ขั้น ทั้งการเฝ้าระวังตามแนวชายแดนทางทะเล ลำน้ำ การตั้งจุดตรวจ จุดสกัด ด่านความมั่นคง จุดข้าม จุดล่อแหลมต่างๆ และเส้นทางรองได้ร่วมมือกับจังหวัดชุมพร จังหวัดระนอง บูรณาการกำลังกับอาสาสมัครรักษาดินแดน ตำรวจภูธร และหน่วยเฉพาะกิจกรมทหารราบที่ 25 ซึ่งมีการแปรสภาพเป็นจุดตรวจคัดกรอง โดยเพิ่มอาสาสมัครสาธารณสุข เพื่อดูแลเรื่องการตรวจ Covid-19 จะเห็นได้ว่าในช่วงที่ผ่านมามีการจับกุม ผู้ลักลอบเข้ามาอย่างผิดกฎหมาย รวมทั้งการนำพามาได้โดยตลอด" 

ในส่วนของการสกัดกั้นแรงงานต่างด้าวหลบหนีเข้าเมือง ไทย – เมียนมา (ระนอง-ชุมพร) มีสภาพพื้นที่ปฏิบัติการ และมีช่องทาง ท่าข้าม ที่ลุยข้าม จำนวน 39 จุด ประกอบด้วย  ช่องทางที่ถูกต้องตามกฎหมาย 5 ช่องทาง, จุดผ่านแดนถาวร 4 จุด, จุดผ่อนปรนการค้าชายแดน 1 จุด, ช่องทางที่ไม่ถูกต้องตามกฎหมาย 34 ช่องทาง, ช่องทางธรรมชาติ 9 ช่องทาง, ท่าข้าม 18 ท่าข้าม และที่ลุยข้ามมาได้ จำนวน 7 แห่ง

มีการวางกำลังจัดวางกำลังเป็น 3 แนว คือ...

แนวที่ 1 พื้นที่ตามแนวชายแดนกำลังทางบก โดยวางกำลังเป็นชุดเฝ้าตรวจชายแดน จำนวน 9 ชุดเฝ้าตรวจชายแดน เพื่อลาดตระเวนเฝ้าตรวจ ควบคุมภูมิประเทศสำคัญตามแนวชายแดน และเสริมช่องว่างด้วยชุดปฏิบัติการทางบก จำนวน 8 ชุดปฏิบัติการ เพื่อลาดตระเวนเฝ้าตรวจตามแนวชายแดน, กำลังทางน้ำ วางกำลัง 1 จุดตรวจ (จุดตรวจเกาะสะระนีย์) และ 1 ชุดปฏิบัติการทางน้ำ (ชุดปฏิบัติการลาดตระเวนทางน้ำและชายฝั่ง หรือชุดปฏิบัติการฉลาม)

แนวที่ 2 พื้นที่ชั้นกลาง จัดตั้งด่านตรวจ จุดตรวจ/จุดสกัด จำนวน 6 จุด ประกอบด้วย พื้นที่จังหวัดระนอง จำนวน 5 จุด และพื้นที่จังหวัดชุมพร จำนวน 1 จุด มีการจัดเตรียมกำลัง 1 หมวดปืนเล็กเป็นกองหนุน ปฏิบัติภารกิจเชิงรุกตามแผนเผชิญเหตุและหรือภาพข่าวที่ปรากฏ

และแนวที่ 3 พื้นที่ชั้นใน เป็นการตั้งจุดตรวจร่วมของฝ่ายปกครองในการสกัดกั้นเส้นทางหลบเลี่ยงจุดตรวจสำคัญ พื้นที่ จังหวัดระนอง จำนวน 5 จุดตรวจ และพื้นที่ จังหวัดชุมพร (อำเภอท่าแซะ) จำนวน 4 จุดตรวจ และมีการวางกำลังเพิ่มเติม จำนวน 10 ชุดปฏิบัติการ ในภารกิจเฝ้าระวังตามแนวชายแดนไทย-เมียนมา สกัดกั้นสิ่งผิดกฎหมายทุกชนิดเข้ามาในราชอาณาจักร ควบคู่กับการป้องกันไวรัสโควิด 19 ด้วย

ที่มา: นายปรีชา สถิตย์เรืองศักดิ์ / หาดใหญ่ จ.สงขลา

ส่องเม็ดเงินโฆษณาครึ่งปี 64 สื่อโฆษณาดิจิทัลมาแรง

นายสินิตย์ เลิศไกร รมช.พาณิชย์ เปิดเผยการจดทะเบียนจัดตั้งธุรกิจของกรมพัฒนาธุรกิจการค้า พบว่า ในปี 2564 (มกราคม-มิถุนายน) ว่า ธุรกิจโฆษณา มีจำนวนการจดทะเบียนฯ ใหม่ ทั้งสิ้น 557 ราย เพิ่มขึ้น 26.59% เมื่อเทียบกับช่วงเวลาเดียวกันของปีก่อน และทุนจดทะเบียนของธุรกิจโฆษณาในช่วงครึ่งปีแรก ปี 2564 มีจำนวน 893.15 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 59.39% ถือเป็นการส่งสัญญาณแนวโน้มการฟื้นตัวที่ดีของธุรกิจโฆษณาในประเทศไทย หลังสถานการณ์โควิด-19 ทำให้พฤติกรรมผู้บริโภคเปลี่ยนแปลงไป มีการทำงานและเรียนผ่านออนไลน์ที่บ้านมากขึ้น

ทั้งนี้จากสถานการณ์ดังกล่าวส่งผลให้ปริมาณการใช้งานระบบออนไลน์ การใช้โซเชียลมีเดีย และการรับชมทีวีผ่านอินเทอร์เน็ตเพิ่มขึ้นตามไปด้วย โดยสถิติการใช้อินเทอร์เน็ตบนมือถือของผู้ใช้งานอายุระหว่าง 16-64 ปี ในประเทศไทย พบว่า มีการใช้งานเฉลี่ย 5.07 ชั่วโมงต่อวัน ซึ่งมากเป็นอันดับที่ 3 ของโลก และหากนับรวมการใช้อินเทอร์เน็ตทั้งระบบ คนไทยมีการใช้อินเทอร์เน็ตเพิ่มขึ้นเป็นเฉลี่ยวันละ 10 ชั่วโมง หรือคิดเป็น 41% ของการใช้เวลาภายใน 1 วัน

ดังนั้น ภาคธุรกิจจึงควรให้ความสำคัญและหันมาประกอบธุรกิจ ทำการตลาดบนโลกออนไลน์มากขึ้น สอดคล้องกับข้อมูลเม็ดเงินโฆษณาดิจิทัล ปี 2563 ของสมาคมโฆษณาดิจิทัล (ประเทศไทย) ที่ภาคธุรกิจมีการใช้งบประมาณซื้อสื่อโฆษณาดิจิทัลมูลค่าสูงถึง 21,058 ล้านบาท เติบโตขึ้น 8% เมื่อเทียบกับปี 2562 ที่มีมูลค่า 19,555 ล้านบาท และข้อมูลของบริษัท นีลเส็น ประเทศไทย จำกัด รายงานว่า ช่วงครึ่งปีแรกของปี 2564 มีการใช้เงินโฆษณาผ่านสื่อประชาสัมพันธ์ทุกช่องทางรวมแล้วจำนวน 53,640 ล้านบาท


Q : ประกันอะไร? ได้ตั้ง 4 ต่อ!!

A : ก็ประกันภัยรถยนต์จาก @THESHOPTIMES ไง!!

>> ฟรี!!! ประกันภัยอุบัติเหตุส่วนบุคคล (PA) 100,000 บาท

>> รับคอมมิชชั่นหรือส่วนลดทันที ในอัตราที่สูงกว่า แถมได้สิทธิซื้อประกัน พ.ร.บ.ราคาถูกตลอดชีพ

>> สามารถผ่อนได้สูงสุด 6 งวด ดอกเบี้ย 0% โดยไม่ต้องใช้บัตรเครดิต

>> แถมขายดีมีรายได้เพิ่มให้กับตัวเองด้วย

***สนใจติดต่อ Line@ THE SHOPS TIMES คลิก????https://lin.ee/vfTXud9

กนง.เสียงแตกคงดอกเบี้ย 0.5% หั่นจีดีพี เหลือเติบโต 0.7%

นายทิตนันทิ์ มัลลิกะมาส ผู้ช่วยผู้ว่าการ สายนโยบายการเงิน ธนาคารแห่งประเทศไทย (ธปท.) เปิดเผยว่า ที่ประชุมคณะกรรมการนโยบายการเงิน (กนง.) มีมติ 4 : 2 เสียง ให้คงอัตราดอกเบี้ยนโยบายไว้ที่ระดับ 0.5% โดยกรรมการ 2 เสียงข้างน้อยเสนอให้ปรับลดอัตราดอกเบี้ย 0.25% เพื่อช่วยพยุงเศรษฐกิจและรองรับแนวโน้มเสี่ยงสูงในระยะข้างหน้า โดย กนง.มองว่าเศรษฐกิจไทยปี 2564 ได้รับผลกระทบจากการระบาดของโควิดมากกว่าที่ประเมินไว้ ซึ่งโจทย์สำคัญ คือ ต้องเร่งควบคุมการแพร่ระบาด และกระจายวัคซีนอย่างทั่วถึงและรวดเร็ว เพื่อฟื้นความเชื่อมั่นของประชาชน และให้กิจกรรมทางเศรษฐกิจกลับมาโดยเร็ว  

พร้อมกันนี้ กนง. ยังปรับลดคาดการณ์อัตราการขยายตัวทางเศรษฐกิจ (จีดีพี) ของไทยในปี 2564 ลดลงเหลือเติบโต 0.7% จากเดิมคาดไว้ที่ 1.8% และในปี 2565 จะเติบโตเพิ่มเป็น 3.7% จากเดิมคาดไว้ที่ 3.9% เนื่องจากผลกระทบจากการแพร่ระบาดของโควิด-19 ยืดเยื้อและรุนแรงกว่าที่ประเมินไว้ รวมทั้งนโยบายการเปิดประเทศล่าช้า ความเชื่อมั่นของนักท่องเที่ยวต่างชาติลดลง แม้ว่าจะมีปัจจัยสนับสนุนคือมาตรการช่วยเหลือของภาครัฐที่คาดว่าจะออกมาเพิ่มเติม แนวโน้มการส่งออกสินค้าดีกว่าคาดก็ตาม

ทั้งนี้ กนง. มองว่าสถานการณ์โควิดรอบใหม่จะส่งผลกระทบกับเศรษฐกิจทั้งในปีนี้และต่อเนื่องถึงในปีหน้า จึงควรจะต้องเตรียมรับมือความเสี่ยงที่จะเกิดขึ้น โดยประเด็นสำคัญที่ต้องติดตาม คือ สถานการณ์โควิด-19 พัฒนาการด้านวัคซีนทั้งประสิทธิภาพและการกระจายวัคซีน รวมถึงนโยบายการควบคุมโรคและนโยบายการเปิดรับนักท่องเที่ยวต่างชาติ รวมทั้งสถานการณ์การแพร่ระบาดในต่างประเทศ โดยเฉพาะจากการกลายพันธุ์ของเชื้อไวรัส, ปัญหา supply disruption ซึ่งอาจส่งผลกระทบต่อภาคการส่งออกสินค้า 

รวมทั้งความต่อเนื่องของแรงสนับสนุนจากมาตรการภาครัฐทั้งมาตรการทางการคลังและมาตรการช่วยเหลือด้านการเงินแก่ภาคธุรกิจ ขณะที่นโยบายสาธารณะ จะต้องเตรียมพร้อมเพื่อรองรับต่อความไม่แน่นอนที่อาจจะเกิดขึ้น โดยโจทย์สำคัญของเศรษฐกิจไทย คือ ต้องคุมการแพร่ระบาดให้ได้ มาตรการการเงินการคลัง ต้องช่วยประคองไม่ให้เศรษฐกิจทรุด และช่วยให้เศรษฐกิจไทยผ่านพ้นวิกฤติไปให้ได้

พท.แถลงย้ำชัดตัดเงินเข้างบกลางเพื่อแก้โควิด ปชช.เท่านั้น ปัดให้ “ประยุทธ์” ถลุงตามอำเภอใจ ชี้มีกลไกตรวจสอบ ลั่นอย่าทำร้าย ปชช.

นายประเสริฐ จันทรรวงทอง เลขาธิการพรรคเพื่อไทย นายวรวัจน์ เอื้ออภิญญกุล รองประธานกรรมาธิการงบประมาณปี 65 และ นพ.ชลน่าน ศรีแก้ว ส.ส.น่าน พรรค พท.แถลงข่าวเรื่องงบกลางเพื่อแก้ปัญหาโควิด-19 ว่า เราตระหนักถึงสถานการณ์ การแพร่ระบาดส่งผลให้มีผู้ติดเชื้อและผู้เสียชีวิตจำนวนมาก ดังนั้นในส่วนของการปรับลดในชั้นอนุฯ จึงช่วยกันปรับลดโดยหลายพรรคช่วยกัน เห็นว่าควรนำมาใช้แก้ปัหาโควิด เพราะเงินจำนวนนี้รัฐบาลไม่ต้องไปกู้เงิน ประชาชนไม่ต้องแบกภาระหนี้ ทั้งนี้ มีคำถามเกี่ยวกับการใช้งบกลางช่วงที่ผ่านมา คือเอางบกลางไปให้พล.อ.ประยุทธ์ใช้ โดยสิ่งที่กรรมาธิการของพรรคพท.คิดและตัดสินใจนั้น คือเอางบกลางเป็นงบโควิด  เป็นงบให้กับพี่น้องประชาชนที่ได้รับผลกระทบจากโควิด ยืนยันได้จากคำขอในการใช้งบกลางของรัฐบาล และกรรมาธิการสามารถตั้งเป็นข้อสังเกตไว้ในร่าง พ.ร.บ.งบประมาณได้ เราเห็นโดยสุจริตว่าการเอาไว้ในงบกลางจะปลอดภัยจากปัญหาการถูกกล่าวหาว่าการแปรญัตติ ทำให้ ส.ส.หรือกรรมาธิการมีส่วนโดยทางตรงหรือทางอ้อมในการใช้งบประมาณตามข้อวิตกกังวลของหลายฝ่าย ซึ่งเป็นความผิดถึงขั้นมีโทษทางอาญา และเป็นเหตุให้พ้นจากตำแหน่ง

นายประเสริฐ กล่าวต่อว่า การใช้งบกลางมีเหตุผลในกรณีฉุกเฉิน มีความจำเป็นเร่งด่วน ไม่ได้ตั้งงบปกติไว้ มีระเบียบการใช้งบกลางรองรับมิได้หมายความว่าจะสามารถใช้ได้โดยปราศจากการตรวจสอบ ในความเป็นจริงข้อเสนอว่าจะนำงบที่ปรับลดไปใช้อะไร ย่อมขึ้นอยู่กับการตัดสินใจของกรรมาธิการแต่ละท่าน แม้ว่าพรรคพท.จะเห็นด้วยกับพรรคร่วมฝ่ายค้านบางพรรคให้เอาไปใช้ในทางใด ในความเป็นจริงก็ไม่อาจที่จะเป็นมติของกรรมาธิการเสียงข้างมากได้อยู่แล้ว ดังนั้น ที่เถียงกันอยู่นี้ คือเถียงกันในประเด็นที่ไม่สามารถเอาชนะฝ่ายรัฐบาลได้ เป็นการทำลายตัวเองด้วยกันโดยเปล่าประโยชน์ ทั้งนี้ ขอย้ำการตัดสินใจของกรรมาธิการของพรรค พท. ไม่เกี่ยวกับสถานภาพการยอมรับในตัว พล.อ.ประยุทธ์ และรัฐบาล ซึ่งเรายังยืนยันว่าไร้ประสิทธิภาพ ไร้ความสามารถในการบริหารประเทศ และจะยื่นอภิปรายไม่ไว้วางใจเร็วๆ นี้ เป็นการตัดสินใจโดยสุจริต ปราศจากผลประโยชน์ใดๆ อยู่บนพื้นฐานว่างบส่วนนี้ควรนำไปใช้ช่วยเหลือพี่น้องประชาชนซึ่งกำลังลำบากแสนสาหัสจากพิษภัยของโควิด และมีแนวโน้มว่าจะยืดเยื้อไม่อาจจบสิ้นไปได้โดยง่าย

“ส่วนคำกล่าวที่ว่าเอางบกลางไปให้ พล.อ.ประยุทธ์ใช้ จะเอาไปใช้อย่างไรก็ได้ เอาไปซื้ออาวุธมายิงประชาชน จึงเป็นคำกล่าวที่เกินเลยข้อเท็จจริงไปมาก เป็นไปไม่ได้ ส่วนที่อ้างว่าเอาไปไว้ในงบกลางคือการรื้อฟื้นงบส.ส.จะเกิดการวิ่งเต้นเหมือนในอดีต หรือแบ่งเค้กกันนั้น ท่ามกลางการมีมาตรา 144 ที่เอาผิดทั้ง ส.ส.กรรมาธิการ รวมไปถึง ครม.เจ้าหน้าที่ประจำ จะมีกรณีนั้นเกิดขึ้นได้หรือ เราไม่เคยคิดถึงประโยชน์ส่วนตัว แต่ต้องทำให้เกิดประโยชน์กับประชาชนสูงสุด ผมขอใช้คำว่างบกลางว่างบโควิดเพื่อประชาชน” นายประเสริฐ กล่าว

นายประเสริฐ กล่าวว่า ส่วนที่มีคนกล่าวอ้างว่าเราไม่ให้ความสำคัญกับท้องถิ่น หรือกระทรวงอื่นๆนั้น เราให้ความสำคัญกับท้องถิ่นตลอดมา แต่หากไปพิจารณาดูรายการในงบประมาณหน่วยงานต่างๆ ที่กล่าวมานั้นมิได้มีแผนงานหรือรายการงบประมาณที่จะนำไปใช้แก้ปัญหาโควิดไว้เลย และการนำงบประมาณส่วนนี้ไปไว้ในงบกลาง มิได้หมายความว่าหน่วยงานอื่นๆ จะไม่สามารถใช้งบประมาณในส่วนนี้ได้ ยังสามารถที่จะมีคำขอใช้งบประมาณในส่วนนี้ได้  เพียงแค่ต้องเป็นกรณีนำไปใช้เพื่อช่วยเหลือพี่น้องประชาชนในกรณีโควิดเท่านั้น ทั้งนี้ พรรคพท.ยืนยันว่าการตัดสินใจของกรรมาธิการของพรรคเพื่อไทยเป็นไปโดยรอบคอบ สุจริต คำนึงถึงผลประโยชน์ของประชาชน ระมัดระวังมิให้ตกเป็นเหยื่อทางการเมืองในสถานการณ์ทางการเมืองที่มีความร้อนแรงอยู่ในขณะนี้ เป็นการตัดสินใจที่อยู่บนสภาพความเป็นจริง บนสภาพที่เป็นฝ่ายค้านในรัฐสภา แยกมิตร แยกศัตรู ไม่ทำร้ายใคร สภาพความจริงคือการต่อสู้ไป ยืนยันไปก็ไม่ชนะ แทนที่จะหาทางเอาชนะ แต่ไม่อยากให้เรามาทะเลาะกันเองในเรื่องที่ไม่ชนะ เราต้องต่อสู้กับความไม่ชอบมาพากลของรัฐบาลอีก ทั้งนี้ เราสามารถตรวจสอบได้การใช้งบได้ ทั้งการยื่นญัตติ หรือการตั้งกระทู้ถามที่ฝ่ายค้านตรวจสอบได้ และงบกลางตามระเบียบที่เขียนไว้ชัด 

ด้านนายวรวัจน์ ​กล่าวว่า งบประมาณมีกฎเกณฑ์และระเบียบวิธีการค่อนข้างมาก วันนี้เราต้องยอมรับก่อนว่าวิกฤตจากสถานการณ์โควิดค่อนข้างมาก งบ 3.1 ล้านล้านบาทนั้น มาจากการที่หน่วยงานต่างๆทำเรื่องขอไปยังไปรัฐบาล กมธ.ทำการปรับลดงบประมาณจากส่วนที่เราเห็นว่ามีความจำเป็นน้อย หรือไม่เข้ากับสถานการณ์ การจัดงบประมาณปี 65 เป็นการจัดตามแผนเดิมที่ไม่มีเรื่องของโควิดอยู่เลย เพราะจัดทำงบฯตั้งแต่เดือนปลายปี 63 ซึ่งขณะนั้นสถานการณ์โควิดดีขึ้นจากการระบาดรอบแรก มีเพียงแผนงบกลางเท่านั้นที่เขียนให้ใช้เงินในเรื่องโควิดได้ เมื่อเราเห็นว่าสถานการณ์โควิดที่ทวีความรุนแรงขึ้น เราจึงตัดสินใจนำเงินไปใส่ไว้ในแผนที่สามารถนำมาใช้ในเรื่องที่เกี่ยวกับโควิดได้ นั้นคือแผนงานงบกลาง ที่ถามว่าทำไมให้งบกับท้องถิ่นนั้น ก็ไม่มีเรื่องของคำขอการแก้ปัญหาโควิดเช่นเดียวกัน ในส่วนของกองทุนประกันสังคมและกองทุนเพื่อการศึกษา หรือแม้แต่เรื่องหลักประกันสุขภาพ ก็ไม่มีคำขอเกี่ยวกับการแก้ไขปัญหาโควิด-19 เลย ทั้งนี้ ที่บอกว่าตีเช็กเปล่านั้นไม่เป็นความจริง เพราะไม่สามารถใช้งบเป็นอย่างอื่นได้นอกเหนือคำขอ ต้องระบุรายการให้ชัดเจน 

“ต้องแยกความไม่ไว้วางใจ พล.อ.ประยุทธ์กับสถานการณ์โควิด เราเลือกการแก้ปัญหาโควิดให้พี่น้องประชาชนก่อน อย่าตัดโอกาสประชาชน ถือเป็นความประมาท ผิดพลาดที่ไม่มีหน่วยงานใดที่จัดสรรงบเพื่อโควิดเลย ทั้งนี้ สี่ปีข้างหน้าอย่าเลือกคนที่เราไม่ไว้วางใจเข้ามาอีก” นายวรวัจน์ กล่าว

นพ.ชลน่าน กล่าวว่า ที่มีการกล่าวหาว่าพรรคพท.เอางบไปใส่งบกลางเพื่อให้ พล.อ.ประยุทธ์ใช้ตามอำเภอใจ ใช้งบซื้อกระสุนยางมายิงประชาชนนั้น เป็นข้อหาที่รุนแรงจริงๆ ยืนยันว่าไม่เกี่ยวกับงบก้อนนี้ เราไม่ได้ให้ พล.อ.ประยุทธ์เอางบไปยิงประชาชน ถ้าเป็นอย่างนั้นต้องช่วยกันประณาม ทั้งนี้ ในส่วนของงบ 1.6 หมื่นล้าน คำอภิปรายของ ส.ส.ทุกคนในวาระแรก พูดตรงกันว่าต้องนำเงินมาใช้แก้ไขสถานกาณ์โควิดให้มากที่สุด ดังนั้นกรรมาธิการฯ เสียงข้างมาก พรรคร่วมรัฐบาลและพรรคพท.ระบุว่าเมื่อตัดงบแล้ว ต้องนำมาใช้เพื่อแก้ปัญหาโควิดโดยตรง เราพยายามหาช่องทางที่นำไปใช้ซึ่งก็คืองบกลางที่มีวัตถุประสงค์เฉพาะเพื่อแก้ปัญหาโคิดเท่านั้น เราจึงจัดงบเพื่อประชาชน แต่โชคร้าย คือนายกฯ เป็นผู้รับผิดชอบบริหารจัดการงบกลาง ส่วนจะว่าตีเช็กเปล่าหรือไม่นั้น หน้าที่ของกรรมาธิการฯ คืออนุมัติงบตามคำขอ ซึ่งพล.อ.ประยุทธ์จะใช้ตามอำเภอใจไม่ได้เพราะมีกฎหมายกำกับ เช่น พ.ร.บ.เงินคงคลัง หรือ พ.ร.บ.วิธีการงบประมาณฯ  กำหนดไว้ชัดว่าต้องใช้ตามวิธีงบประมาณ และมีระเบียบว่าด้วยการบริหารงบประมาณรายจ่ายงบกลางรายการเงินสำรองจ่ายเพื่อกรณีฉุกเฉินหรือจำเป็น พ.ศ.2562 ระเบียบนี้กำหนดแม้กระทั่งว่าหน่วยรับงบที่จะแก้โควิดต้องทำคำขอขึ้นมา จึงไม่ใช่การตีเช็กเปล่า ที่สำคัญสภาฯ มีบันทึกแนบท้ายร่างกฎหมายว่างบ 1.6 หมื่นล้านเพื่อแก้ปัญหาเยียวย่โควิดเท่านั้น นอกจากนี้มีระบบการตรวจสอบโดยกรรมาธิการสามัญ เช่น กรรมาธิการสาธารณสุข หรือกรรมาธิการแรงงานที่เกี่ยวข้อง ก็สามารถเรียกดูข้อมูลต่างๆ ได้ 

“แม้จะเป็นประเด็นระหว่างพรรคการเมือง แต่ก็เป็นการตรวจสอบการทำหน้าที่ของผู้แทนของเขา พรรคพท.อดทนเพื่อประชาชน เราทำถูกตามกฎหมายและรัฐธรรมนูญ เราไม่ได้ให้งบกลางไปใช้ซื้ออาวุธทำร้ายประชาชน แต่โชคร้ายที่ พล.อ.ประยุทธ์เป็นคนใช้ ถามว่าทำไมเราไม่เอาคนไร้ความสามารถออกไป แล้วหาคนที่มีความสามารถมาบริหาร ช่วยกันทำให้ พล.อ.ประยุทธ์ออกไป อย่าทำร้ายประชาชนด้วยการไม่ให้เงิน พล.อ.ประยุทธ์ไม่ดี เอา พล.อ.ประยุทธ์ออกไป เราต้องช่วยกัน แต่ไม่ใช่ทำร้ายพี่น้องประชาชนโดยการไม่ให้เงินเขา เขาไม่มีข้าวกิน ไม่มีออกซิเจน ไม่มีเครื่องตรวจ เงิน 1.6 หมื่นล้านบาทนี้มีประโยชน์ต่อเขามาก ที่จะทำให้เขาไม่ตาย การทำงานของ กมธ.พรรคพท. เรามั่นใจในความสุจริต” นพ.ชลน่าน กล่าวและว่า ในวาระสอง เราจะอภิปรายสนับสนุนกรรมาธิการฯ ว่าทำเพื่อประชาชน ใครที่หากินกับโรคระบาด คนๆ นั้นจะเป็นผู้เสียหายเองในที่สุด เพราะไปหากินกับซากศพประชาชน 

เมื่อถามว่าที่ผ่านมา เช่น งบประมาณปี 64 หลังจากที่ตัดแล้วเอาไปไว้ตรงส่วนไหน นายวรวัจน์​ กล่าวว่า มีการโอนงบฯไปไว้งบกลางเพื่อแก้ไขสถานการณ์โควิดบางส่วน เพราะปีที่แล้วเรามีแผนงบตรงนี้ตั้งไว้ แต่ปีนี้ งบฯ 3.1 ล้านล้านบาทไม่มีเรื่องที่เกี่ยวกับโควิดเลย ดังนั้นในส่วนนี้เราจึงตัดสินใจเอางบฯ 1.6 หมื่นล้านบาทนี้ไปไว้ที่งบฯกลาง เพื่อให้มีงบฯในส่วนของโควิด นี่คือความผิดพลาดของการจัดสรรงบฯ 65 ที่ไม่มีหน่วยงานใดจัดสรรงบฯ เพื่อแก้ไขปัญหาโควิดเลย เป็นความประมาทอย่างยิ่ง เราเพียงมาช่วยแก้ปัญหาที่ปลายเหตุเท่านั้นเอง 

ทูต UK เตือน ‘หม่อง’! อีก 1 สัปดาห์ คลื่นโควิดซัด ‘พม่า’ อาจลามหนักกว่าครึ่งประเทศ! | Knowledge Times EP.7

???? รอบรู้แบบรู้ลึก ในรายการ ‘KnowledgeTimes’

???? ทูต UK เตือน ‘หม่อง’! อีก 1 สัปดาห์ คลื่นโควิดซัด ‘พม่า’ อาจลามหนักกว่าครึ่งประเทศ!

เอกอัครราชทูตสหราชอาณาจักรประจำสหประชาชาติ(UN) เตือนเมื่อวันพฤหัสบดีที่ 29 กรกฎาคม ที่ผ่านมาว่า ประชากรราวครึ่งประเทศจากทั้งหมด 54 ล้านคนของเมียนมา อาจติดเชื้อโควิด-19 ภายใน 1 สัปดาห์

เมียนมาตกอยู่ในสถานการณ์โกลาหลวุ่นวาย ซึ่งย่ำแย่ลงนับตั้งแต่เกิด “รัฐประหาร” เมื่อวันที่ 1 กุมภาพันธ์ 2564 ขณะที่ ”นางอองซานซูจี” ที่ปรึกษาแห่งรัฐ ,ประธานาธิบดีและผู้นำคนอื่น ๆ ของพรรคสันนิบาตแห่งชาติเพื่อประชาธิปไตย ถูกทหารเมียนมาควบคุมตัว และประกาศสถานการณ์ฉุกเฉินว่ามีการถ่ายโอนอำนาจให้แก่พลเอกอาวุโส “มี่น ออง ไลง์” ผู้บัญชาการทหารสูงสุด จนทำให้เกิดการประท้วงครั้งใหญ่ในเมียนมา

ด้วยเหตุนี้ ทำให้โรงพยาบาลหลายแห่งไม่พร้อมรับมือกับจำนวนผู้ป่วยติดเชื้อที่เพิ่มขึ้น เนื่องจากเจ้าหน้าที่ทางการแพทย์จำนวนมากละทิ้งหน้าที่เพื่อไปประท้วงการรัฐประหาร ซึ่งประเมินว่ากองกำลังของรัฐบาลทหารได้ดำเนินการโจมตีเจ้าหน้าที่ทางการแพทย์ และทำลายสิ่งอำนวยความสะดวกต่าง ๆ มากกว่า 260 ครั้ง รวมถึงควบคุมตัวเจ้าหน้าที่ทางการแพทย์ไป ส่งผลให้ระบบสาธารณสุขในเมียนมาเกือบล่มสลาย และมีสถานพยาบาลเหลือเพียง 40% ที่ยังสามารถดำเนินการได้

ในขณะที่สหรัฐฯ สหราชอาณาจักร และประเทศอื่น ๆ กำหนดมาตรการคว่ำบาตรเล่นงานคณะผู้ปกครองทหาร ต่อการยึดอำนาจและใช้กำลังปราบปรามผู้ประท้วงเรียกร้องประชาธิปไตย ซึ่งคร่าชีวิตไปแล้วหลายร้อยราย

‘บาร์บารา วู้ดเวิร์ด’ เอกอัครราชทูตผู้แทนถาวรสหราชอาณาจักรประจำสหประชาชาติ บอกกับที่คณะมนตรีความมั่นคงแห่งสหประชาชาติ ระหว่างพูดคุยหารือกันอย่างไม่เป็นทางการเกี่ยวกับสถานการณ์ในเมียนมาเผยว่า...ไวรัสกำลังแพร่กระจายไปทั่วอย่างรวดเร็ว จากการคาดการณ์ ภายใน 1 สัปดาห์ข้างหน้า ครึ่งหนึ่งของประชากรเมียนมาอาจติดโควิด-19 พร้อมทั้งเรียกร้องให้คณะมนตรีรับรองมติ 2565 ให้มีการหยุดยิงในเขตความขัดแย้ง เพื่อสามารถส่งมอบวัคซีนป้องกันโควิด-19 ได้อย่างปลอดภัย

ซึ่งยอดผู้ติดเชื้อในเมียนมาเพิ่มขึ้นต่อเนื่องมาตั้งแต่เดือนมิถุนายน โดยรายงานผู้ติดเชื้อในเมียนมาเมื่อวันที่ 29 กรกฎาคม มากกว่า 5,000 คน และเสียชีวิตเกิน 300 คน แต่นักวิเคราะห์ชี้ว่ายอดผู้ป่วยและผู้เสียชีวิตจริงน่าจะสูงกว่านี้มาก เนื่องจากจำนวนผู้ติดเชื้อดังกล่าว มาจากกระบวนการตรวจหาเชื้อทั่วประเทศเพียง 13,763 คนเท่านั้น เช่นเดียวกับที่สื่อท้องถิ่นหลายสำนักยังรายงานว่า ที่นครย่างกุ้งแห่งเดียว มีการฌาปนกิจเผาศพผู้เสียชีวิตวันละกว่า 1,000 คน ซึ่งในจำนวนนี้ ก็มีนักโทษในเรือนจำอินเซง ผู้ที่เคยออกไปประท้วงเรียกร้องประชาธิปไตยด้วย

อย่างไรก็ตาม ‘จอ โม ตุน’ ทูตเมียนมาประจำองค์การสหประชาชาติ ขอให้สหประชาชาติ (UN) โดยเฉพาะอย่างยิ่งคณะมนตรีความมั่นคง ให้จัดตั้งกลไกการตรวจสอบเพื่อให้การฉีดวัคซีนโควิด-19 และการให้ความช่วยเหลือด้านมนุษยธรรมเป็นไปอย่างมีประสิทธิภาพ พร้อมกล่าวด้วยว่า ท่ามกลางกระแสโจมตีรัฐบาลทหารเมียนมามีการเลือกปฏิบัติเรื่องการช่วยเหลือ

เนื่องจากที่ผ่านมาเมียนมาสั่งซื้อวัคซีน 4 ล้านโดสจากจีนเมื่อต้นเดือน และได้รับการบริจาคจากอินเดีย 1.5 ล้านโดสเมื่อต้นปี ขณะที่จีนบริจาควัคซีนซิโนฟาร์มเมื่อสัปดาห์ก่อน แต่เน้นไปที่กลุ่มคนตามแนวชายแดนจีน-เมียนมาเป็นหลักก่อน ซึ่งยังไม่รวมที่จีนจะบริจาคให้เพิ่มอีก 2 ล้านโดส จนถึงขณะนี้มีประชาชนราว 1.75 ล้านคนเท่านั้นที่ได้รับวัคซีน

และก่อนหน้านี้กลุ่มแพทย์ไร้พรมแดนและสหประชาชาติ(UN) แสดงความกังวลด้วยว่า จากการที่เมียนมาฉีดวัคซีนครบโดสให้ประชากรได้เพียง 2.8 เปอร์เซ็นต์ ประกอบกับการลุกลามของเชื้อกลายพันธุ์เดลตา อาจส่งผลให้เมียนมากลายเป็นประเทศ ‘ซุปเปอร์สเปรดเดอร์’ ในเวลาไม่ช้า!

โดยทั้งนี้ จากข้อมูลที่ได้รับการเปิดเผยอย่างเป็นทางการระบุว่า ยอดติดเชื้อสะสมของเมียนมาอยู่ที่ 289,333 คน เสียชีวิตรวม 8,552 คน


Q : ประกันอะไร? ได้ตั้ง 4 ต่อ!!
A : ก็ประกันภัยรถยนต์จาก @THESHOPTIMES ไง!! 
>> ฟรี!!! ประกันภัยอุบัติเหตุส่วนบุคคล (PA) 100,000 บาท
>> รับคอมมิชชั่นหรือส่วนลดทันที ในอัตราที่สูงกว่า แถมได้สิทธิซื้อประกัน พ.ร.บ.ราคาถูกตลอดชีพ
>> สามารถผ่อนได้สูงสุด 6 งวด ดอกเบี้ย 0% โดยไม่ต้องใช้บัตรเครดิต
>> แถมขายดีมีรายได้เพิ่มให้กับตัวเองด้วย
***สนใจติดต่อ Line@ THE SHOPS TIMES คลิก????https://lin.ee/vfTXud9

เปิดทำเนียบ นักชกเหรียญทองโอลิมปิกของไทย กว่า 25 ปีที่ผ่านมา

วันนี้เมื่อ 25 ปีก่อน (4 ส.ค. 2539) คนไทยได้เฮกันลั่นประเทศ เนื่องจาก สมรักษ์ คำสิงห์ นักมวยสากลสมัครเล่นของไทย สามารถเอาชนะคู่แข่งในรอบชิงชนะเลิศ คว้าเหรียญทองในโอลิมปิกเกมส์ 1996 ที่จัดขึ้นที่เมืองแอตแลนต้า ประเทศสหรัฐอเมริกาได้สำเร็จ ถือเป็นเหรียญทองประวัติศาสตร์ เหรียญแรกของประเทศไทยในกีฬาโอลิมปิกอีกด้วย

และต่อจากนั้นอีก 12 ปี ประเทศไทยก็ไม่เคยขาดแคลน ‘เหรียญทองโอลิมปิก’ อีกเลย โดยโอลิมปิกปี 2000 ที่ซิดนีย์ ประเทศออสเตรเลีย วิจารณ์ พลฤทธิ์ นักมวยโนเนมร่างเล็ก ก็หักปากกาเซียน สามารถคว้าเหรียญทองในรุ่นฟลายเวต มาให้คนไทยได้เชยชมอีกครั้ง

ต่อมาในโอลิมปิกปี 2004 เจ้าเติ้ล-มนัส บุญจำนงค์ นักมวยมันสมองอีกคนของไทย ก็สามารถคว้าเหรียญทองจากการแข่งขันโอลิมปิกส์ที่กรุงเอเธนส์ ประเทศกรีซ แถมโอลิมปิกหนนั้น ยังถือเป็นความสำเร็จของนักกีฬามวยของไทย นอกจากเจ้าเติ้ลจะได้เหรียญทองแล้ว ยังมีนักมวยไทยคว้าเหรียญเงินจากผลงานของ วรพจน์ เพชรขุ้ม และอีกหนึ่งเหรียญทองแดงจาก สุริยา ปราสาทหินพิมาย

ต่อจากนั้นอีก 4 ปี ในโอลิมปิกเกมส์ปี 2008 ที่กรุงปักกิ่ง ประเทศจีน นักมวยเจ้าของประโยคทอง ‘ผมเจ็บมาเยอะ’ สมจิตร จงจอหอ ก็คว้าเหรียญทองในรุ่นไลต์ฟลายเวต ให้กับประเทศไทยได้อีกครั้ง

แม้ต่อมาในโอลิมปิกเกมส์ปี 2012 แก้ว พงษ์ประยูร จะคว้าเหรียญเงินให้กับทีมชาติไทยได้ แต่ทัพนักกีฬามวยของไทยก็ไม่สามารถคว้า 'เหรียญทอง‘ ได้อีกเลย นับถึงวันนี้กว่า 13 ปีมาแล้ว

ไล่เรียงไทม์ไลน์มายาวขนาดนี้ เพราะเชื่อเหลือเกินว่า พรุ่งนี้ 5 สิงหาคม เวลา 12.00 น. เจ้าแต้ว-สุดาพร สีสอนดี นักมวยหนึ่งเดียวของไทยในเวลานี้ จะสามารถทำผลงานผ่านรอบรองฯ เข้าไปสู่รอบชิงชนะเลิศ และจะคว้าเหรียญทองที่รอคอยมาให้จงได้ สู้! สู้! สุดาพร


Q : ประกันอะไร? ได้ตั้ง 4 ต่อ!!

A : ก็ประกันภัยรถยนต์จาก @THESHOPTIMES ไง!!

>> ฟรี!!! ประกันภัยอุบัติเหตุส่วนบุคคล (PA) 100,000 บาท

>> รับคอมมิชชั่นหรือส่วนลดทันที ในอัตราที่สูงกว่า แถมได้สิทธิซื้อประกัน พ.ร.บ.ราคาถูกตลอดชีพ

>> สามารถผ่อนได้สูงสุด 6 งวด ดอกเบี้ย 0% โดยไม่ต้องใช้บัตรเครดิต

>> แถมขายดีมีรายได้เพิ่มให้กับตัวเองด้วย

***สนใจติดต่อ Line@ THE SHOPS TIMES คลิก????https://lin.ee/vfTXud9

Made in Thailand เกิด!! รัฐจัดซื้อจัดจ้าง ต้องมีสินค้าไทย ไม่งั้นอด! กับ ‘ดร.ตั้น กฤชนนท์’ | Click on Clear THE TOPIC EP.17

???? Made in Thailand แดนไทยทำเอง!!

???? Exclusive วันนี้ !! ห่วงโซ่เศรษฐกิจ...จะเป็นเช่นไร หากรัฐจัดซื้อจัดจ้าง ‘ต้องใช้สินค้าไทย’ ??

รายการ Click on Clear THE TOPIC จับประเด็น เน้นความรู้ ที่จะพาไปร่วมเจาะลึกกับ...

‘ดร.ตั้น กฤชนนท์ อัยยปัญญา’

เลขานุการรัฐมนตรีว่าการกระทรวงอุตสาหกรรม

ใน Topic : Made in Thailand เกิด!! รัฐจัดซื้อจัดจ้าง ต้องมีสินค้าไทย ไม่งั้นอด!!!

เวลา 2 ทุ่มตรง รับชมไปพร้อมกัน !!

ดำเนินรายการโดย ปริม กุญชนิตา กุญชร ณ อยุธยา PROGRAM DIRECTOR THE STATES TIMES

ช่องทางรับชม LIVE

.

.


Q : ประกันอะไร? ได้ตั้ง 4 ต่อ!!
A : ก็ประกันภัยรถยนต์จาก @THESHOPTIMES ไง!! 
>> ฟรี!!! ประกันภัยอุบัติเหตุส่วนบุคคล (PA) 100,000 บาท
>> รับคอมมิชชั่นหรือส่วนลดทันที ในอัตราที่สูงกว่า แถมได้สิทธิซื้อประกัน พ.ร.บ.ราคาถูกตลอดชีพ
>> สามารถผ่อนได้สูงสุด 6 งวด ดอกเบี้ย 0% โดยไม่ต้องใช้บัตรเครดิต
>> แถมขายดีมีรายได้เพิ่มให้กับตัวเองด้วย
***สนใจติดต่อ Line@ THE SHOPS TIMES คลิก????https://lin.ee/vfTXud9


© Copyright 2021, All rights reserved. THE STATES TIMES
Take Me Top