Saturday, 5 July 2025
Hard News Team

รมว.สุชาติ สักการะสิ่งศักดิ์สิทธิ์ พร้อมมอบของที่ระลึกผู้เกษียณฯ เนื่องในวันคล้ายวันสถาปนาครบรอบ 28 ปี กระทรวงแรงงาน 

นายสุชาติ ชมกลิ่น รัฐมนตรีว่าการกระทรวงแรงงาน เป็นประธานในพิธีกราบสักการะ และถวายพวงมาลัยสิ่งศักดิ์สิทธิ์ประจำกระทรวงแรงงาน ประกอบด้วย พระพุทธสุทธิธรรมบพิตร พระพุทธชินราช พระภูมิชัยมงคล และท้าวมหาพรหมณ์เทวฤทธิ์ และพิธีถวายความเคารพหน้าพระบรมฉายาลักษณ์พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวเนื่องในโอกาสครบรอบวันคล้ายวันสถาปนากระทรวงแรงงาน ประจำปี พ.ศ.2564 โดยมี นายสุรชัย ชัยตระกูลทอง ผู้ช่วยรัฐมนตรีประจำกระทรวงแรงงาน นายพรศักดิ์ เจริญประเสริฐ ผู้ช่วยรัฐมนตรีประจำนายกรัฐมนตรี นางธิวัลรัตน์ อังกินันทน์ ที่ปรึกษารัฐมนตรีว่าการกระทรวงแรงงาน นายสุเทพ ชิตยวงษ์ เลขานุการรัฐมนตรีว่าการกระทรวงแรงงาน พล.ต.ต.นันทชาติ ศุภมงคล ประจำสำนักเลขาธิการนายกรัฐมนตรี ปฏิบัติหน้าที่ประจำกระทรวงแรงงาน นางเธียรรัตน์ นะวะมะวัฒน์ โฆษกกระทรวงแรงงาน (ฝ่ายการเมือง) นายสุทธิ สุโกศล ปลัดกระทรวงแรงงาน พร้อมด้วยผู้บริหารระดับสูงกระทรวงแรงงาน เข้าร่วมในครั้งนี้ด้วย ณ บริเวณกระทรวงแรงงาน 

จากนั้น นายสุชาติ ชมกลิ่น รัฐมนตรีว่าการกระทรวงแรงงาน เป็นประธานในพิธีมอบของที่ระลึกสำหรับผู้เกษียณอายุราชการประจำปี พ.ศ. 2564 ณ ห้องจอมพล ป.พิบูลสงคราม ชั้น 5 อาคารกระทรวงแรงงาน ซึ่งมีการถ่ายทอดสดผ่านระบบ VDO Conference และ Facebook Live โดย นายสุชาติ กล่าวว่า กระทรวงแรงงาน ได้เริ่มก่อตั้งมาตั้งแต่ปี พ.ศ.2536 จนถึงปัจจุบัน รวม 28 ปี จากอดีตจนถึงปัจจุบันภารกิจของกระทรวงแรงงานมีการปรับเปลี่ยน และเพิ่มขึ้นเป็นจำนวนมาก โดยเฉพาะในปีงบประมาณ พ.ศ. 2564 กระทรวงแรงงาน ต้องเผชิญกับวิกฤตในหลายๆ ด้าน ทั้งจากสถานการณ์การแพร่ระบาดของโรคโควิด-19 ซึ่งส่งผลกระทบต่อสถานการณ์ทั่วโลก รวมทั้งประเทศไทย ซึ่งได้รับผลกระทบทั้งด้านเศรษฐกิจ และสังคม โดยเฉพาะภาคแรงงานและสถานประกอบกิจการ  ซึ่งเป็นสิ่งท้าทายให้กระทรวงแรงงานต้องเร่งแก้ไขปัญหา เพื่อรักษาเสถียรภาพทางเศรษฐกิจ สร้างความเชื่อมั่นให้กับนักลงทุนทั้งชาวไทยและชาวต่างชาติ รักษาระดับการจ้างงาน พร้อมทั้งสร้างขวัญกำลังใจให้กับพี่น้องผู้ใช้แรงงาน โดยกระทรวงแรงงานได้มีมาตรการป้องกัน แก้ไข และเยียวยาในหลายด้าน ได้แก่ 

1) ด้านการพัฒนาทักษะฝีมือ โดยการ up-skill re-skill และ new-skill เพื่อพัฒนาศักยภาพแรงงานให้สอดคล้องกับสถานการณ์และตลาดแรงงานในยุค New Normal

2) ด้านการส่งเสริมการมีงานทำ จัดงาน Job Expo Thailand 2020 ล้านงานเพื่อล้านคน เตรียมตำแหน่งงานผ่านแพลตฟอร์มไทยมีงานทำ ส่งแรงงานไทยไปทำงานต่างประเทศ จัดระเบียบแรงงานต่างด้าว ตลอดจนดูแลคุณภาพชีวิตผู้ใช้แรงงานให้เหมาะสม

3) ด้านคุ้มครองและแก้ไขปัญหาแรงงาน บริหารจัดการกองทุนสงเคราะห์ลูกจ้างและใช้ระบบแรงงานสัมพันธ์ให้เกิดประโยชน์ต่อผู้ใช้แรงงาน แก้ไขปัญหาการถูกเลิกจ้างไม่เป็นธรรม

4) การดูแลผู้ประกันตนที่อยู่ในระบบประกันสังคม โดยการจ่ายเงินเยียวยา การลดเงินสมทบ การตรวจโรคโควิด-19 เชิงรุกแก่ผู้ประกันตนในสถานประกอบกิจการ แคมป์คนงาน การฉีดวัคซีนโควิดแก่ผู้ประกันตนในกรุงเทพมหานครและจังหวัดเศรษฐกิจ การจัดหา Hospitel รองรับผู้ประกันตนที่ป่วยโควิด ดำเนินโครงการ Factory Sandbox เพื่อสร้างภูมิคุ้มกันให้แรงงานและสร้างความเชื่อมั่น  ในการขับเคลื่อนระบบเศรษฐกิจในภาคการผลิต 

อดีตผู้บำบัดจากวัดท่าพุ พร้อมทนายความ และหมอปลา เข้าแจ้งความให้ดำเนินคดีศูนย์บำบัด ‘วัดท่าพุฯ’ เมืองกาญจน์ ชี้เป็นกระบวนการจัดหาผู้บำบัด เข้าข่ายค้ามนุษย์

อดีตผู้บำบัดจากวัดท่าพุ พร้อมด้วยทนายความและหมอปลา เข้าแจ้งความกองปราบปราม (บก.ป.) ให้ดำเนินคดีผู้เกี่ยวข้องกับศูนย์บำบัดข้อหาค้ามนุษย์ เชื่อทำเป็นขบวนการตั้งแต่จัดหาผู้บำบัด การนำพา การเรียกรับเงินผลประโยชน์ หลังแจ้งความลงบันทึกประจำวันที่ สภ.ด่านมะขามเตี้ย แต่เจ้าหน้าที่กลับนิ่งเฉย 

วันที่ 22 ก.ย. 64 ที่กองบังคับการปราบปราม (บก.ป.) นายไพศาล เรืองฤทธิ์ ทนายความ พร้อมด้วย นายจิรพันธ์ เพชรขาว หรือหมอปลา พาผู้เสียหายซึ่งเป็นอดีตผู้บำบัดจากศูนย์สงเคราะห์บำบัดฟื้นฟูสมรรถภาพผู้ติดยาเสพติด วัดท่าพุราษฎร์บำรุง ต.ด่านมะขามเตี้ย อ.ด่านมะขามเตี้ย จ.กาญจนบุรี ประมาณ 10 คน เข้าแจ้งความกับพนักงานสอบสวน กก.5 บก.ป. เพื่อดำเนินคดีกับผู้ที่เกี่ยวข้องกับศูนย์บำบัด ในข้อหาค้ามนุษย์ หลังจากก่อนหน้านี้ได้มีการเข้าช่วยเหลือผู้ที่เข้ารับบำบัดกว่า 216 คน เมื่อวันที่ 20 กันยายนที่ผ่านมา เพราะได้รับการร้องเรียนจากกลุ่มอดีตผู้เข้ารับการบำบัดว่าขั้นตอนการบำบัดไม่ถูกสุขลักษณะ มีการทำร้ายและทรมานโดยให้อดอาหาร เรียกรับเงินการเข้าบำบัด และเรียกเก็บค่าใช้จ่ายรายเดือน รวมทั้งหากจะออกจากศูนย์บำบัดดังกล่าวก็ต้องจ่ายเงินอีก

ยานแม่ใหม่ 'SCBX' ก้าวสำคัญของ 'ธ.ไทยพาณิชย์' แปรสภาพธุรกิจ สู่บริษัทเทคโนโลยีเต็มตัว

หลังจากมีข่าว SCB หรือธนาคารไทยพาณิชย์เกี่ยวกับการนำบริษัทออกจากตลาด และจะมีการแลกหุ้นบริษัทใหม่ ชื่อว่า 'SCBX' ก็ทำให้เกิดการตั้งคำถามว่า SCB ทำเช่นนี้ไปเพื่ออะไร? 

เรื่องนี้ เพจ 'ลงทุนแมน' ได้สรุปประเด็น SCBX ยานแม่ใหม่ของ SCB ไว้อย่างชัดเจน โดยระบุว่า... 

ทางบริษัทได้ให้เหตุผลว่าการจัดตั้ง SCBX ขึ้น เพื่อทำให้ธุรกิจยังคงมีความสามารถในการแข่งขันและเติบโตได้ โดย SCB ให้คำนิยามกับ SCBX ว่าเป็น Mothership หรือ “ยานแม่”

เพราะปัจจุบัน แม้ว่า SCB จะมีธุรกิจอื่น ๆ ที่นอกเหนือจากสถาบันการเงิน เช่น SCB10X ที่ดำเนินธุรกิจที่เกี่ยวข้องกับเทคโนโลยี 

แต่ด้วยความที่ยังอยู่ภายใต้โครงสร้างของแบงก์ จึงทำให้มีข้อจำกัดและดำเนินกิจการได้ไม่เต็มที่

โดยโครงสร้างใหม่ภายใต้บริษัทแม่อย่าง SCBX จะทำให้บริษัทสามารถแบ่งรูปแบบของธุรกิจได้เป็น 2 ส่วนหลัก ๆ ก็คือ... 

1.) ธุรกิจ Cash Cow ซึ่งก็คือ ธุรกิจธนาคาร ธุรกิจประกัน
2.) ธุรกิจ New Growth

จากการแบ่งกลุ่มธุรกิจ จะเห็นได้ว่า SCB พยายามแยกธุรกิจแบงก์กับธุรกิจอื่นออกจากกัน
ซึ่งก็จะทำให้ธุรกิจใหม่ ไม่ต้องอยู่ภายใต้กรอบและกฎเกณฑ์ของธุรกิจธนาคารเดิม

และจากการแถลงเกี่ยวกับธุรกิจ New Growth
สิ่งที่เห็น ก็คือ SCB จะย่อยแต่ละธุรกิจออกเป็นบริษัทย่อย ซึ่งแต่ละบริษัท ก็จะมีทีมและมีผู้บริหาร ซึ่งแยกออกจากกันโดยสิ้นเชิง เช่น... 

- Card X บริษัทที่โอนกิจการออกมาจาก SCB (Spin-Off) ทำธุรกิจสินเชื่อส่วนบุคคลและบัตรเครดิต โดยน่าจะจดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์ได้ในเร็ว ๆ นี้

- Alpha X บริษัทที่ร่วมมือกับ Millennium Group ปล่อยสินเชื่อให้กับเจ้าของรถหรูและยานพาหนะทางน้ำ เช่น เรือยอช์ต

- Tech X ร่วมมือกับบริษัทเทคโนโลยีระดับโลก ทำธุรกิจเทคโนโลยี

- AISCB ร่วมมือกับ AIS ทำสินเชื่อ Digital

โดยบริษัท ก็ได้ตั้งเป้าหมายให้แต่ละบริษัทย่อย สามารถเติบโตและ IPO เข้าตลาดหลักทรัพย์ได้ด้วยตัวเอง

ซึ่งการเติบโตที่ว่านั้น ก็จะรวมไปถึงการรุกธุรกิจไปยังต่างประเทศในระดับภูมิภาค เช่น อินโดนีเซียและเวียดนาม เพื่อสร้างการเติบโตให้กับฐานลูกค้า ที่ปัจจุบันมีอยู่ 14 ล้านราย ให้เป็น 200 ล้านราย

โดยบริษัททั้งหมดในเครือ มีมูลค่ารวมกันราว “1 ล้านล้านบาท” ในอนาคต

ในขณะเดียวกัน SCB ก็ได้ประกาศจัดตั้งกองทุน Venture Capital ขนาด 600 - 800 ล้านดอลลาร์สหรัฐ (ประมาณ 20,100 - 26,800 ล้านบาท) ร่วมกับเครือซีพี โดยมุ่งเน้นการลงทุนในธุรกิจเทคโนโลยีด้านบล็อกเชน, สินทรัพย์ดิจิทัล, Decentralized Finance, FinTech และเทคโนโลยีอื่น ๆ

โดยกองทุน Venture Capital นี้ เครือเจริญโภคภัณฑ์และกลุ่มธนาคารไทยพาณิชย์ จะลงทุนเป็นจำนวนเงิน ฝ่ายละ 100 ล้านดอลลาร์สหรัฐ ส่วนที่เหลือจะระดมทุนจากนักลงทุนที่ได้รับการรับรอง (Accredited Investor)

สำหรับทีม SCB10X เดิม บางส่วนก็จะเข้ามาร่วมทำงานใน Venture Capital ใหม่นี้

นอกจากนั้น SCBX ที่เป็นยานแม่ที่ทำตัวเป็นบริษัทโฮลดิงก็ยังถือหุ้นในอีกหลายธุรกิจ เช่น... 

- Auto X ธุรกิจปล่อยสินเชื่อ ลีสซิ่ง เน้นกลุ่มรากหญ้า

- SCB Securities ทำธุรกิจหลักทรัพย์ ซึ่ง SCB Securities จะถือหุ้นใน Token X ที่ดูแลเกี่ยวกับสินทรัพย์ดิจิทัล

- Purple Ventures ที่ทำธุรกิจส่งอาหารชื่อ Robinhood ที่ทุกคนน่าจะรู้จักกันดี

- SCB ABACUS ที่ทำธุรกิจปล่อยสินเชื่อออนไลน์ “เงินทันเด้อ” โดยใช้เทคโนโลยี AI ที่เพิ่งคว้าเงินระดมทุน 400 ล้านบาท

กองทัพอากาศสหรัฐส่งหนังสือเชิญ 2 เสืออากาศ ไทย “บิ๊กป้อง” และ”บิ๊กจิ๋ว”  ร่วมพิธีจารึกชื่อลงในแผ่นป้ายของ Air University ในฐานะศิษย์เก่าที่มีความเจริญก้าวหน้าในการรับราชการ

พลอากาศโท เจมส์ บี เฮกเกอร์ ผู้บัญชาการและประธาน Air University แจ้งในนามของผู้บัญชาการทหารอากาศสหรัฐ ได้ทำหนังสือเชิญ พลอากาศเอก นภาเดช ธูปะเตมีย์ ประธานคณะที่ปรึกษากองทัพอากาศ ว่าที่ ผู้บัญชาการทหารอากาศ และพลอากาศเอกเดชอุดม คงศรี ผู้ช่วยผู้บัญชาการทหารอากาศ ร่วมงาน Chief of Staff of the Air Force and Chief Master Sergeant of the Air Force International Honor Roll ในวันที่ 3 พ.ย.2564 ณ ฐานทัพอากาศ Maxwell มลรัฐอลาบามา สหรัฐอเมริกา

ทั้งนี้ พลอากาศเอก นภาเดช ธูปะเตมีย์  เคยเข้ารับการศึกษา หลักสูตรเสนาธิการทหารอากาศสหรัฐ (Air command &Staff College) และเมื่อสำเร็จการศึกษาได้รับราชการในกองทัพอากาศ มีความเจริญก้าวหน้าจนได้ดำรงตำแหน่งประธานคณะที่ปรึกษากองทัพอากาศและได้รับพระบรมราชโองการโปรดเกล้าฯให้ดำรงตำแหน่งผู้บัญชาการทหารอากาศคนที่ 28 ในวันที่ 1 ต.ค.64 และ พลอากาศเอก เดชอุดม คงศรี เคยเข้ารับการศึกษาหลักสูตร วิทยาลัยการทัพอากาศ สหรัฐ (Air war College) ณ Air University ฐานทัพอากาศ Maxwell มลรัฐอลาบามา สหรัฐอเมริกา และเมื่อสำเร็จการศึกษาได้รับราชการในกองทัพอากาศ มีความเจริญก้าวหน้าดำรงตำแหน่งผู้ช่วยผู้บัญชาการทหารอากาศ

พท.เย้ย “ประยุทธ์” แพ้ “ประวิตร” แม้แต่ ส.ส.พปชร.ก็ไม่เอา ถึงเวลารับความจริง ยุติบทบาท ชี้ไปต่อลำบาก

นายอนุสรณ์ เอี่ยมสะอาด รองหัวหน้าพรรคเพื่อไทย (พท.) กล่าวกรณีการแยกตัวลงพื้นที่ของ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกฯ กับ พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ รองนายกฯ และหัวหน้าพรรคพลังประชารัฐ ปรากฏว่า ส.ส.พรรคไปร่วมคณะรับนายกฯ แค่ 9 คน แต่แห่ไปต้อนรับหัวหน้าพรรค 55 คนว่า พล.อ.ประยุทธ์มักทำอะไรผิดที่ผิดเวลา ตอนโควิดวิกฤตหนักสุด ประชาชนเรียกร้องให้ใส่ชุด PPE ลงพื้นที่ให้กำลังใจประชาชน แต่กลับเวิร์กฟรอมโฮมในค่ายทหาร มีเพียงนักรบเสื้อกาวน์ที่ยืนหยัดสู้โควิดเพื่อประชาชน รอจนโควิดซา พล.อ.ประยุทธ์ถึงค่อยออกมา ประชาชนไม่ได้ประโยชน์จากการลงพื้นที่ประลองกำลัง เพื่อแก้ปัญหาทางการเมืองภายในพรรครัฐบาล อยู่มาเกือบ 8 ปีเพิ่งคิดจะมาพลิกโฉมประเทศ ในขณะที่ประชาชนเกือบร้อยละ 70 สะท้อนผ่านนิด้าโพล ถึงเวลาที่พล.อ.ประยุทธ์ควรยุติบทบาททางการเมืองได้แล้ว เพราะบริหารงานล้มเหลว ขาดภาวะผู้นำ ไม่มีศักยภาพ ไม่สามารถแก้ไขปัญหาภายในประเทศได้ ส่งผลกระทบให้ประชาชนเดือดร้อน

'ม.จ.จุลเจิม' โพสต์ข้อความตั้งคำถาม ‘ขบวนการยุติธรรม’ ไร้น้ำยาหรือหลิ่วตา ถึงปล่อยให้เผาพระบรมฉายาลักษณ์ได้ทุกวัน

ม.จ.จุลเจิม ยุคล หรือ 'ท่านใหม่' โพสต์ข้อความในเพจเฟซบุ๊กชื่อ จุลเจิม ยุคล ระบุว่า...

ไร้น้ำยาหรือหลิ่วตา

คน (เด็กๆ) แค่หยิบมือเดียวเผาพระบรมฉายาลักษณ์ได้แทบทุกวัน และกำลังขยายไปเผาป้าย หรืออนุสาวรีย์ ที่มีความหมายของสถาบันฯ กันเป็นรายวัน จนกระทั่งล่าสุด หน่วยราชการบางแห่งถึงกับต้องไปปลดภาพพระบรมฉายาลักษณ์ ออกกันหลายแห่ง เพราะเกรงว่าจะถูกเผา ถูกสาดสี ฯลฯ แล้วจะถูกตำหนิ ถูกเพ่งเล็ง จากผู้บังคับบัญชาหรือจากประชาชนที่ไม่สามารถปกป้องได้

ป.ป.ช. เผย คืบ ไต่สวน สหายแสง จ่อชง กก.ชุดใหญ่ เคาะ มีมูลพอแจ้งข้อกล่าวหาหรือไม่

แหล่งข่าวจากสำนักงาน ป.ป.ช. ให้สัมภาษณ์ถึงกรณีที่คณะกรรมาธิการ (กมธ.) ป้องกันและปราบปรามการทุจริตประพฤติมิชอบ สภาผู้แทนราษฎร เตรียมยื่นเรื่องร้องเรียนต่อคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ (ป.ป.ช.) กล่าวหา นายศุภชัย โพธิ์สุ ส.ส.พรรคภูมิใจไทย และรองประธานสภาผู้แทนราษฎร คนที่ 2 แจ้งถือครองที่ดินของรัฐ (น.ส.2)โดยมิชอบ ซึ่งแจ้งถือครองไว้ในบัญชีแสดงรายการทรัพย์สินและหนี้สิน ทั้งที่ไม่มีสิทธิในการถือครอง ว่า กรณีของนายศุภชัย โพธิ์สุ คณะกรรมการ ป.ป.ช. มีมติตั้งคณะอนุกรรมการไต่สวนไปแล้ว โดยอาจจะต้องมีข้อมูลพิจารณาเพิ่มเติมว่า ข้อกล่าวหานั้นมีมูลหรือไม่ คาดว่าเร็ว ๆ นี้ จะมีการสรุปสำนวนเข้าสู่ที่ประชุมคณะกรรมการ ป.ป.ช. เพื่อพิจารณาว่าข้อกล่าวหานั้นมีมูลหรือไม่ หากมีจะมีการแจ้งข้อกล่าวหา และให้นายศุภชัยมาชี้แจงแก้ข้อกล่าวหาต่อไป

เมื่อถามถึงกรณีนักการเมืองแจ้งถือครองที่ดิน น.ส.2 ทำได้หรือไม่ แหล่งข่าว กล่าวว่า เดิมที่ดินดังกล่าวเป็นสิทธิในการถือครอง ไม่ต้องแจ้งในบัญชีแสดงรายการทรัพย์สินและหนี้สิน คล้ายคลึงกับการถือครอง ภ.บ.ท.5 เพราะเป็นที่ดินของรัฐ แต่ปัจจุบันมีบางรายได้แจ้งในบัญชีทรัพย์สินเข้ามาบ้าง ดังนั้นเมื่อแจ้งว่า ป.ป.ช. ต้องตรวจสอบ หากปรากฏกรณีว่าถือครองไม่ถูกต้อง เช่น กรณีของ น.ส.ปารีณา ไกรคุปต์ ส.ส.ราชบุรี พรรคพลังประชารัฐ ไม่ได้เป็นความผิดต่อตำแหน่งหน้าที่ แต่เป็นความผิดตามมาตรฐานจริยธรรมอย่างร้ายแรง

'ศรีสุวรรณ' จ่อร้อง กกต. ปม 'แอมมี่-บุ๊ง' โพสต์ พาดพิง เพื่อไทย หนุนม็อบ ส่อขัดพรบ.พรรคการเมือง

นายศรีสุวรรณ จรรยา เลขาธิการสมาคมองค์การพิทักษ์รัฐธรรมนูญไทยเปิดเผยว่า ตนจะเดินทางไปยื่นคำร้องต่อคณะกรรมการการเลือกตั้ง(กกต.)เพื่อให้ไต่สวนและวินิจฉัยกรณีที่ปรากฎเป็นการทั่วไปว่านายไชยอมร แก้ววิบูลย์พันธ์ หรือ แอมมี่ เดอะบอททอมบลูส์ หนึ่งในแกนนำการเคลื่อนไหวชุมนุมที่ผิดกฎหมาย และผู้ต้องหาคดี ม.112 ได้โพสต์ข้อความลงในเฟซบุ๊ก กล่าวพาดพิงพรรคเพื่อไทยว่า“เพื่อไทยที่สู้ไปกราบไป ที่คอยสนับสนุนเงินทุนบ้าง” ต่อมานายปกรณ์ พรชีวางกูร หรือ บุ๊ง นักเคลื่อนไหวทางการเมืองผู้เปิดบัญชีรับบริจาคเพื่อสนับสนุนกลุ่มราษฎร ได้โพสต์ข้อความในลักษณะเดียวกันว่า“เพื่อไทยไม่ควรทำการเมือง กล้าๆกลัวๆ ไม่ต้องกลัวว่ามาแตะม็อบแล้วจะโดนยุบอะไรหรอก ถ้าโดนยุบเพราะต่อสู้ ยังไงพวกเราก็เลือกแน่ เหมือนทุกครั้งที่ผ่านมา เคยสนับสนุนอะไรในการต่อสู้มาเยอะแยะ แต่ไม่เคยประกาศออกสื่ออะไรใดๆ ทุกๆครั้งเลือกที่จะวางเอาไว้เงียบๆ แล้วเดินออกไป”
   
 

'สุดารัตน์' บินพบ 'แทมมี่' จับมือร่วมสู้โควิด แสวงหาความร่วมมือสนับสนุนวัคซีน mRNA ให้ไทยเพิ่ม รวมทั้งผลักดันการส่งออกสินค้าไทยไปขายสหรัฐฯ  หลังเศรษฐกิจสหรัฐฯฟื้นตัว กำลังซื้อกลับมาอย่างรวดเร็ว

ตามเวลาประเทศไทย คุณหญิงสุดารัตน์ เกยุราพันธุ์ ประธานพรรคไทยสร้างไทย ได้เข้าพบนางแทมมี่ ดักเวิร์ธ สมาชิกวุฒิสภาแห่งสหรัฐอเมริกา พรรคเดโมแคท จากรัฐอิลลินอยส์ ณ สำนักงานวุฒิสมาชิกแทมมี่ ที่กรุงวอชิงตันดีซี

โดยคุณหญิงสุดารัตน์ และวุฒิสมาชิกแทมมี่ ได้หารือกันถึงความร่วมมือระหว่างไทยและอเมริกาในการต่อสู้กับการระบาด covid 19 ซึ่งสว.แทมมี่ มีส่วนสำคัญในการสนับสนุนให้รัฐบาลสหรัฐ บริจาควัคซีนไฟเซอร์จำนวน 2.5 ล้านโดส ให้ประเทศไทย  สว.แทมมี่ได้แสดงความห่วงใยต่อการแพร่ระบาดของ covid 19 ในไทย และประสงค์จะช่วยผลักดันรัฐบาลสหรัฐ ให้บริจาควัคซีนให้ประเทศไทยเพิ่มเติม จากที่ได้แสดงเจตจำนงบริจาคไปแล้ว 2.5 ล้านโดส
และส่งมอบมาแล้ว 1.5 ล้านโดส

ซึ่ง สว. แทมมี่ ดักเวิร์ธกล่าวว่าสหรัฐพร้อมที่จะส่งมอบวัคซีนที่เหลืออีก 1 ล้านโดส แต่ขณะนี้รัฐบาลไทย ยังไม่ส่งเอกสารตอบรับมา จึงทำให้ยังไม่สามารถส่งมอบอีก 1 ล้านโดสที่เหลือให้ชาวไทยได้ นอกจากนี้ สว.แทมมี่ ได้แสดงความเห็นว่าถ้าประเทศไทยรีบดำเนินการเข้าโครงการโคแวค จะทำให้ไทยมีโอกาสในการได้รับจัดสรรวัคซีนเพิ่มเติม เพื่อมาเร่งฉีดให้คนไทยได้มากขึ้น ซึ่งสหรัฐพร้อมจะสนับสนุนวัคซีนให้ประเทศที่เข้าโครงการโคแวค ใน อินโด แปซิฟิก หลายประเทศ เช่น อินโดนีเซีย ได้ 12.6 ล้านโดส เกาหลีใต้ได้ 1.5 ล้านโดสเป็นต้น

คุณหญิงสุดารัตน์ ได้ใช้โอกาสนี้ในการขอบคุณรัฐบาลสหรัฐ โดยเฉพาะท่านสว.แทมมี่ ที่มีส่วนสำคัญในการผลักดันให้มีการจัดสรรวัคซีนจำนวน 2.5 ล้านโดสให้ประเทศไทย และหวังในความร่วมมือในการจัดสรรวัคซีนเพิ่มเติมให้ชาวไทย

โดยคุณหญิงสุดารัตน์ ได้เสนอว่าท้องถิ่นของประเทศไทยหลายแห่งมีความพร้อมและประสงค์จะซื้อวัคซีน mRNA ที่ FDA สหรัฐ รับรองอย่างเต็มรูปแบบแล้ว เพื่อไปฉีดให้ประชาชนในแต่ละพื้นที่ได้ทั่วถึง เร็วขึ้น โดยท้องถิ่นมีเงินสะสมอยู่หลายแสนล้าน จึงขอให้สว.แทมมี่ ช่วยสนับสนุนเรื่องนี้ด้วย ซึ่งทางสว.แทมมี่ได้ตอบรับที่จะประสานงานให้ แต่ต้องขึ้นอยู่กับรัฐบาลไทยจะเปิดทางให้หรือไม่ด้วย

“วิษณุ” แย้ม กฎหมายโรคติดต่อฉบับแก้ไขให้อำนาจประกาศเคอร์ฟิว-ห้ามชุมนุมได้ แม้ยกเลิก ศบค.-พ.ร.ก.ฉุกเฉิน

‘วิษณุ’ เผย พ.ร.ก.แก้ไข พ.ร.บ.โรคติดต่อฯ มีผลบังคับใช้หลังประกาศในราชกิจจานุเบกษา จากนั้นจะยกเลิกการใช้ พ.ร.ก.ฉุกเฉิน ส่งผลให้ยุบ ศบค.โดยปริยาย แต่ กฎหมายใหม่ให้อำนาจประกาศเคอร์ฟิว-ห้ามคนชุมนุมเพื่อสกัดโรคระบาดได้ เผยเหตุออกเป็น พ.ร.ก.เพราะเร่งด่วน หากเป็น พ.ร.บ.ต้องผ่านสภา ใช้เวลาหลายเดือน

นายวิษณุ เครืองาม รองนายกรัฐมนตรี กล่าวถึงกรณีคณะรัฐมนตรี (ครม.) เห็นชอบร่างพระราชกำหนด (พ.ร.ก.) แก้ไขเพิ่มเติมพระราชบัญญัติ (พ.ร.บ.) โรคติดต่อ พ.ศ. 2558 ว่าร่าง พ.ร.ก.ฉบับนี้จะมีผลบังคับใช้หลังจากประกาศลงในราชกิจจานุเบกษา จากนั้นจะยกเลิกการบังคับใช้ พ.ร.ก.การบริหารราชการในสถานการณ์ฉุกเฉิน พ.ศ. 2548 (พ.ร.ก.ฉุกเฉินฯ) ทำให้ศูนย์บริหารสถานการณ์การแพร่ระบาดของโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 หรือ ศบค.ต้องหมดไป เพราะเป็นสิ่งตั้งขึ้นตามอำนาจของ พ.ร.ก.ฉุกเฉินฯ แต่กฎหมายฉบับใหม่ ไม่ว่าเป็นในรูปของร่าง พ.ร.ก.โรคติดต่อฯ หรือร่าง พ.ร.บ.โรคติดต่อฉบับแก้ไขเพิ่มเติมฯ มีหมวดที่ว่าด้วยสถานการณ์ฉุกเฉินด้านสาธารณสุขที่เปิดช่องให้สามารถตั้งหน่วยหรือศูนย์ขึ้นมาทำงานแทน ศบค. 

ซึ่งกรณีของโรคโควิด รัฐบาลสามารถใช้ชื่อ ศบค. สำหรับการตั้งศูนย์ใหม่ได้ ส่วนโครงสร้างหรือองค์ประกอบของศูนย์หรือหน่วยที่จะถูกตั้งขึ้นใหม่เป็นอย่างไรนั้น ขึ้นอยู่กับการพิจารณาของผู้ที่เกี่ยวข้องหรือผู้ที่มีอำนาจตามกฎหมายฉบับใหม่


© Copyright 2021, All rights reserved. THE STATES TIMES
Take Me Top