Wednesday, 4 December 2024
Hard News Team

4 ธันวาคม ของทุกปี ‘วันสิ่งแวดล้อมไทย’ รำลึกถึงพระมหากรุณาธิคุณ ในหลวง ร.9 ที่

วันที่ 4 ธันวาคม ของทุกปี เป็น ‘วันสิ่งแวดล้อมไทย’ กำหนดขึ้นเพื่อระลึกถึงพระมหากรุณาธิคุณของพระบาทสมเด็จพระปรมินทรมหาภูมิพลอดุลยเดช ที่ทรงมีพระราชดำรัสถึงสถานการณ์สิ่งแวดล้อมของประเทศไทย

วันที่ 4 ธันวาคม ของทุกปี เป็น ‘วันสิ่งแวดล้อมไทย’ กำหนดขึ้นเพื่อระลึกถึงพระมหากรุณาธิคุณของพระบาทสมเด็จพระปรมินทรมหาภูมิพลอดุลยเดช ที่ทรงมีพระราชดำรัสถึงสถานการณ์สิ่งแวดล้อมของประเทศไทยและสถานการณ์สิ่งแวดล้อมโลก เมื่อครั้งเสด็จออกให้คณะบุคคลต่าง ๆ เข้าเฝ้าถวายพระพรชัยมงคลเนื่องในวันเฉลิมพระชนมพรรษา ณ ศาลา ดุสิดาลัย พระตำหนัก จิตรลดารโหฐาน เมื่อวันที่ 4 ธันวาคม พ.ศ. 2532 เพื่อตรัสเตือนคนไทยให้ตระหนักถึงความสำคัญของปัญหาสิ่งแวดล้อมที่กำลังทวีความรุนแรงขึ้นทั้งในประเทศไทยและทั่วโลก โดยเฉพาะปัญหาการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศโลก และให้ถือว่าเป็นหน้าที่ของทุกคนที่ต้องร่วมมือกันแก้ไขปัญหาสิ่งแวดล้อมที่เกิดขึ้น โดยพระบาทสมเด็จพระปรมินทรมหาภูมิพลอดุลยเดชได้มีพระราชดำรัสใจความตอนหนึ่งว่า

“วันก่อนนี้เราพูดถึงปัญหาว่า เมืองไทยนี้อีกหน่อยจะแห้ง ไม่มีน้ำเหลือจะต้องไปซื้อน้ำจากต่างประเทศซึ่งก็อาจเป็นได้ แต่เชื่อว่าจะไม่เป็นอย่างนั้นเพราะว่าถ้าคำนวณดูน้ำในประเทศไทยที่ไหลเวียนนั้นยังมีอยู่ เพียงแต่ต้องบริหารให้ดี ถ้าบริหารให้ดีแล้ว มีเหลือเฟือ มีตัวเลขแล้ว แต่ว่ายังไม่ได้ไปแยกแยะตัวเลข เหมือนที่ได้แยกแยะตัวเลขของคาร์บอน น้ำนั้นน่ะ ในโลกมีมากแล้วที่ใช้จริงๆ มันเป็นเศษหนึ่งส่วนหมื่นของน้ำที่มีอยู่ อาจไม่ถึง ก็ต้องบริหารให้ดีเท่านั้นเอง เดี๋ยวนี้ก็มีปัญหาเกี่ยวกับน้ำ น้ำนี้จะต้องใช้ให้ดี คือ น้ำนั้นมีคุณอย่างที่เราใช้สำหรับบริโภค น้ำสำหรับการเกษตร น้ำสำหรับอุตสาหกรรมทั้งหมดนี้ต้องใช้น้ำที่ดี หมายความว่าน้ำที่สะอาด”

“น้ำมีมากในโลก เป็นน้ำทะเลส่วนใหญ่ซึ่งจะใช้อย่างนี้ไม่ได้แล้ว นอกจากนั้นเดี๋ยวนี้ที่กำลังมีมากขึ้นก็คือ น้ำเน่า จะต้องป้องกันไม่ให้มีน้ำเน่า น้ำเน่าจะมีอยู่เสมอ แต่อย่าให้น้ำเน่านั้นเป็นโทษมากเกินไป ฉะนั้น นี่เป็นอีกโครงการหนึ่งที่เราจะต้องปฏิบัติ แล้วก็ถ้าไม่จัดการโดยเร็วเราจะนอนอยู่ในน้ำเน่า น้ำดีจะไม่มีใช้แม้จะไปซื้อน้ำจากต่างประเทศมา ก็กลายเป็นน้ำเน่าหมด เพราะว่าเอามาใช้โดยไม่ได้ระมัดระวัง”

“ถ้าเรามีน้ำแล้วมาใช้อย่างระมัดระวังข้อหนึ่ง และควบคุมน้ำที่เสียอย่างดีอีกข้อหนึ่ง ก็อยู่ได้ เพราะว่าภูมิประเทศของประเทศไทย ‘ยังให้’ ใช้คำว่า ‘ยังให้’ ก็หมายความว่า ยังเหมาะแก่การอยู่กินในประเทศนี้ ไม่ใช่ไม่เหมาะ ประเทศไทยนี้เป็นที่ที่เหมาะมากในการตั้งถิ่นฐาน แต่ว่าต้องรักษาเอาไว้ไม่ทำให้ประเทศไทยซึ่งเป็นสวนเป็นนากลายเป็นทะเลทรายก็ป้องกันได้ ทำได้”

จากพระราชดำรัสของพระบาทสมเด็จพระปรมินทรมหาภูมิพลอดุลยเดช นับเป็นจุดเริ่มต้นในการเคลื่อนไหวของทุกฝ่าย ทั้งหน่วยงานภาครัฐและเอกชนที่หันมาร่วมมือกันริเริ่มโครงการอนุรักษ์สิ่งแวดล้อมและทรัพยากรธรรมชาติ รวมถึงเป็นการปลูกจิตสำนึกของประชาชนให้มีจิตสำนึกในการเห็นความสำคัญของทรัพยากรธรรมชาติ

จากนั้นเมื่อวันที่ 12 พฤศจิกายน พ.ศ 2534 ในการประชุมของคณะรัฐมนตรี (ครม.) ที่ประชุมจึงมีมติเห็นชอบ กำหนดให้วันที่ 4 ธันวาคมของทุกปี เป็นวันสิ่งแวดล้อมไทย

Starbucks เปิดสาขาใหม่บน DMZ จิบกาแฟชมวิวโสมเหนือ จากฝั่งเกาหลีใต้

(3 ธ.ค. 67) Starbucks ได้เปิดร้านกาแฟแห่งใหม่บนหอสังเกตการณ์ในเขตปลอดทหาร (DMZ) ฝั่งเกาหลีใต้ ตั้งอยู่ที่ Aegibong Peace Ecopark ในเมืองกิมโป ห่างจากกรุงโซลประมาณ 20 ไมล์ โดยร้านขนาด 30 ที่นั่งนี้ จะมอบประสบการณ์พิเศษให้ลูกค้าได้จิบกาแฟพร้อมชมวิวข้ามแม่น้ำโจ (Jo River) ไปยังฝั่งเกาหลีเหนือ ท่ามความตึงเครียดระหว่างสองเกาหลี  

สาขาเปิดใหม่ในจุดที่มีความเสี่ยงเช่นนี้เกิดขึ้นในช่วงเวลาที่ความสัมพันธ์ระหว่างเกาหลีใต้และเกาหลีเหนือเผชิญแรงกดดันเพิ่มขึ้น ซึ่งล่าสุดเมื่อเดือนตุลาคม 2024 ผู้นำเกาหลีเหนือ คิม จอง อึน ขู่ว่าจะใช้อาวุธนิวเคลียร์หากถูกโจมตี หลังประธานาธิบดีเกาหลีใต้เตือนว่าการใช้กำลังจะนำไปสู่ "จุดจบของระบอบการปกครองฝั่งเหนือ"  

แม้จะตั้งอยู่ในพื้นที่ที่ถือว่าอันตรายที่สุดแห่งหนึ่งในโลก แต่ Starbucks สาขาใหม่นี้กลับได้รับความนิยมอย่างล้นหลาม นับตั้งแต่เปิดสาขาเมื่อ 29 พฤศจิกายน 2024 ที่ผ่านมา โดยลูกค้าสามารถเพลิดเพลินกับกาแฟ พร้อมชมวิวฟาร์มและอาคารเตี้ย ๆ ในเมืองแกปง (Kaepung) ของฝั่งเกาหลีเหนือ โดยในวันที่อากาศดี ลูกค้าที่มีกล้องส่องทางไกลหรือสมาร์ทโฟนอาจสามารถซูมได้เห็นชีวิตของชาวเกาหลีเหนือที่อาศัยในบริเวณดังกล่าว

ลิม จอง-ชุล (Lim Jong-chul) ชายวัย 80 ปี ผู้เคยเข้าร่วมสงครามเวียดนามและเป็นหนึ่งในลูกค้าร้านนี้กล่าวว่า "ความเคร่งเครียดของพื้นที่ทำให้รู้สึกกดดัน แต่การมี Starbucks อยู่ที่นี่ช่วยสร้างบรรยากาศที่สงบและอบอุ่นขึ้น"  

เมืองกิมโปได้ใช้ความสำคัญทางประวัติศาสตร์ของ DMZ เพื่อพัฒนาเป็นแหล่งท่องเที่ยว โดยนายกเทศมนตรีเมืองกิมโป คิม บยอง-ซู ระบุว่า สถานที่นี้มีความเอกลักษณ์พิเศษ และสะท้อนถึงประวัติศาสตร์ของวัฒนธรรมเกาหลีอย่างแท้จริง  

องค์การการท่องเที่ยวเกาหลี ยังกล่าวว่าการเปิด Starbucks ในพื้นที่ดังกล่าว มีส่วนช่วยให้เพิ่มตัวเลขนักท่องเที่ยวที่เยี่ยมชมเขต DMZ ซึ่งดึงดูดผู้คนจำนวนมากในแต่ละปี  

ทั้งนี้ บริษัททัวร์สองแห่งที่รับหน้าที่พาทัวร์เกาหลีเหนือ เปิดเผยว่า ในเร็วๆนี้ เกาหลีเหนืออาจกำลังเตรียมกลับมาเปิดประเทศรับนักท่องเที่ยวอีกครั้งช่วงสิ้นปี 2024 หลังปิดพรมแดนมานานกว่า 5 ปีตั้งแต่โควิดระบาด

ดรามาสามีคนใต้!! ‘เจี๊ยบ อมรัตน์’ แซะนายกฯ ตอบเฉิ่ม เสี่ยงให้คิดว่าควรมีผัวให้ครบทุกภาค ด้าน ‘คำ ผกา’ ซัดกลับ มีผัวไม่ดียังไง หลายคนอยากมีแต่หาไม่ได้ โดนสวนแนะใช้น้ำยาบ้วนปาก

ศึกแดง-ส้มกลับมาอีกแล้ว หลังนายกรัฐมนตรี แพทองธาร ชินวัตร ถูกดราม่าหนักปมตอบสื่อว่าตนเองไม่ละเลยปัญหาน้ำท่วมภาคใต้ โดยโยงเข้าเรื่องส่วนตัวของตนเองว่า “สามีเป็นคนใต้” ถ้าไม่รักคนใต้คงแต่งงานไม่ได้ จนเกิดเป็นเสียงวิจารณ์อย่างหนัก ถึงความเหมาะสมในการตอบคำถามดังกล่าว

ล่าสุด เจี๊ยบ อมรัตน์ โชคปมิตต์กุล อดีตสส.พรรคก้าวไกล ได้ร่วมวงติเตียนคำตอบดังกล่าวของอุ๊งอิ๊งผ่าน X @AmaratJeab โดยโพสต์ภาพคำพูดของนายกฯ พร้อมกับข้อความ “คำตอบไม่เคยเกินชายคาบ้าน เฉิ่มทุกครั้งที่อ้าปาก แนวคิดคนที่เอาตัวเองเป็นแกนกลางของจักรวาล โลกทั้งใบหมุนรอบตัวฉัน” ทำเอาผู้สนับสนุนขั้วเดียวกันแห่เข้ามาคอมเมนต์เห็นด้วย โดยมองว่าคนที่รับบทบาทเป็นผู้นำประเทศควรมีวุฒิภาวะในการตอบคำถามมากกว่านี้ และไม่พูดเรื่องส่วนตัวรวมกับปัญหาระดับประเทศ

นอกจากนี้ เจี๊ยบ อมรัตน์ ยังโพสต์ข้อความถัดมาระบุว่า “ตอบคำถามยังไง ให้มีความเสี่ยงต้องมีผัวให้ครบทุกภาค” เป็นสาเหตุให้มีทั้งคนที่มองว่านี่เป็นมุกตลกที่ขำขัน ขณะที่ผู้สนับสนุนพรรคเพื่อไทย และชาวเน็ตบางส่วนมองว่านี่ไม่ใช่เรื่องตลก และไม่อยากให้ผู้หญิงคนไหนถูกนำชีวิตมาดูถูกในเชิงตลกร้ายเช่นนี้ ไม่ว่าจะมีตำแหน่งเป็นนายกรัฐมนตรี หรือปุถุชนคนธรรมดาก็ตาม

หลังจากอดีตสส. เจี๊ยบ โพสต์ข้อความดังกล่าว คำ ผกา ตัวแม่ของฝั่งพรรคเพื่อไทยก็ออกมาโต้กลับอย่างเจ็บแสบว่า “มีผัวครบทุกภาคไม่ดียังไงเหรอคะคุณอมรัตน์? ทางนี้ใฝ่ฝันอยากมีตั้งแต่ขั้วโลกเหนือยันขั้วโลกใต้เลยค่ะ เผอิญหาไม่ได้” ทำเอาด้อมส้มและสาวกพรรคแดงตามมาถล่มคอมเมนต์กันยกใหญ่ ซัดกันคนละหมัดอย่างไม่มีใครยอมใคร

ล่าสุดเมื่อช่วงเช้าของวันที่ 3 ธ.ค. 67 ได้แคปภาพข้อความของ คำ ผกา มาโพสต์และตอบกลับว่า “ไม่มีตรงไหนบอกว่าไม่ดี เรื่องหาไม่ได้ดิฉันไม่มีประสบการณ์ แนะนำให้ลองใช้น้ำยาบ้วนปาก ยุคนี้แล้วสงสัยใคร่รู้อะไรเสิร์ชถามกูเกิ้ล ขออนุญาตไม่เกลือกกลั้วด้วยอีก #เจี๊ยบอมรัตน์”

ดูลาดเลาแล้วสงครามโซเชียลคงจะไม่จบลงง่าย ๆ โดยเฉพาะนายกฯ อุ๊งอิ๊ง ที่ไม่ว่าจะขยับตัวไปทางไหนก็เป็นประเด็น แม้แต่ลงสตอรี่คำคมก็ไม่วายจะถูกหยิบยกมาเป็นดราม่า และวิพากษ์วิจารณ์บนโซเชียล แต่ก็คงไม่มีใครคาดคิดว่าเหตุการณ์จะบานปลาย กระทั่งผู้สนับสนุนพรรคเพื่อไทยและพรรคประชาชนหันมาวิวาทะกันเองเช่นนี้ คงต้องติดตามกันต่อว่าปมเล็ก ๆ ที่กลายเป็นมหากาพย์ ‘สามีคนใต้’ จะมีกระแสซบเซาลงจนชาวเน็ตลืมเลือนและเลิกพูดถึงได้วันไหน

‘แสนชัย’ ของขึ้น! โพสต์ฟาดกลับเกรียนคีย์บอร์ด หลังโดนคอมเมนต์ด้อยค่าหาว่า ‘ชกแต่กับหมู’

วันที่ (3 พ.ย. 67) แสนชัย พี.เค.แสนชัยมวยไทยยิม ยอดนักมวยไทย โพสต์เฟซบุ๊กส่วนตัวถึงเกรียนคีย์บอร์ดที่คอมเมนต์ด้อยค่าการชกมวยในปัจจุบันของเจ้าตัว ว่า ขออนุญาตอธิบายในพื้นที่ของผมนิดนะครับ

ขอบคุณสำหรับการติชม แต่ผมก็ต้องชกเลี้ยงครอบครัวผม ไม่ชอบดูก็แค่เลื่อนผ่าน แค่นั้นเองนะครับ ด้วยความเคารพ

ผมอายุ44แล้ว ไม่ต้องบอกผมว่าถ้าเก่งจริงให้ไปชกรายการนั้น รายการนี้หรอก มันขึ้นอยู่กับมุมมองของคุณ ว่าคุณจะมองผมแบบไหน จะมองว่าเก่งหรือไม่เก่ง มันก็ขึ้นอยู่ที่มุมมองของคุณ ผมจะไม่พิสูจน์อะไรแล้ว แค่งานสัมมนาเผยแพร่มวยไทยผมก็เต็มทุกเดือนแล้ว!!!

พร้อมตอบคนที่เข้ามาคอมเมนต์ว่า 
1“คนไทย(บางคน)บอกว่า “ผมชกแต่หมูชกกับเด็กอนุบาลใครก็ชกเหมือนผมได้!!
ตอบ(1)แต่ฝรั่งถามผมว่าคุณชกและทำได้อย่างไรฉันอยากทำได้เหมือนคุณ!!

2.คนไทย(บางคน)บอกว่า “ชกแบบนี้ไม่มีใครอยากดู 
ตอบ(2)แต่ฝรั่งบอกผมว่า ฉันอยากดูและอยากเรียนรู้กับคุณ ช่วยมาสอนฉันที่ประเทศฉันได้ไหมโดยที่ฝรั่งเขาไม่สนว่าผมจะชกกับใคร!! 

นั่นล่ะทำไมผมถึงมีสัมมนาในหลายประเทศ
#คนจะรักชกที่ไหนเขาก็รัก #รักในสไตล์การชกของเรา จบนะ

เมียนมาย้ำลูกเรือประมงปลอดภัยดี แต่ยังไม่ระบุวันปล่อยตัว

กองทัพเมียนมาออกแถลงการณ์เกี่ยวกับเหตุการณ์ยิงเรือประมงไทยในทะเลอันดามันเมื่อช่วงสุดสัปดาห์ที่ผ่านมา โดยอ้างว่าการกระทำดังกล่าว 'เป็นไปตามกฎและระเบียบ' เนื่องจากเรือประมงไทยได้ล่วงล้ำน่านน้ำอาณาเขตของเมียนมา

เหตุการณ์เกิดขึ้นเมื่อวันที่ 30 พฤศจิกายน เวลา 02.40 น. บริเวณนอกชายฝั่งเกาะพยาม จังหวัดระนอง ประมาณ 12 ไมล์ทะเล (ราว 22 กิโลเมตร) เมื่อเรือรบหลายลำของกองทัพเรือเมียนมาโจมตีเรือประมงไทยจำนวน 15 ลำ  

พล.ต.ซอ มิน ตุน โฆษกรัฐบาลทหารเมียนมา เปิดเผยว่า เรือรบของเมียนมาตรวจพบ 'กิจกรรมที่น่าสงสัย' นอกชายฝั่งเกาะสองผ่านเรดาร์ ก่อนระบุว่าเป็นเรือประมงอวนลาก เมียนมาได้ส่งสัญญาณให้เรือหยุดเพื่อตรวจสอบ แต่เรือดังกล่าวกลับหลบหนี ส่งผลให้กองทัพต้องดำเนินการไล่ตามและควบคุมตัว  

“เราปฏิบัติตามกฎระเบียบในการจัดการกับเรือประมงที่ล่วงล้ำน่านน้ำเมียนมา” ซอ มิน ตุน กล่าว พร้อมอ้างว่าได้ตรวจพบ 'วัตถุที่เกี่ยวข้องกับกลุ่มต่อต้าน' บนเรืออวนลาก แม้ว่าวัตถุดังกล่าวจะไม่ใช่อาวุธร้ายแรงถึงชีวิต  

ซอ มิน ตุน ระบุว่า ขณะนี้กำลังดำเนินการสอบสวนเพิ่มเติมในเรื่องดังกล่าว และได้แจ้งข้อมูลต่อเจ้าหน้าที่ไทยแล้ว เขายืนยันว่าผู้ถูกควบคุมตัวซึ่งเป็นชาวไทยและชาวเมียนมา อยู่ใน 'สภาพดี'  

อย่างไรก็ตาม ซอ มิน ตุน ไม่ได้ให้ข้อมูลเพิ่มเติมเกี่ยวกับเงื่อนไขและเวลาปล่อยตัวลูกเรือไทย แต่ย้ำว่า ความสัมพันธ์ระหว่างไทยและเมียนมาในระดับรัฐบาลและกองทัพยังคงดี และมีความพร้อมในการร่วมมือแก้ไขปัญหาที่เกิดขึ้น

‘เอกนัฏ’ ลงใต้ด่วน ร่วมปล่อยคาราวานถุงยังชีพ 5 จังหวัด พร้อมเตรียมออกมาตรการช่วยผู้ประกอบการหลังน้ำลด

(3 ธ.ค. 67) นายเอกนัฏ พร้อมพันธุ์ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงอุตสาหกรรม กล่าวว่า จากกรณีพื้นที่หลายจังหวัดทางภาคใต้ของประเทศไทย ได้ประสบอุทกภัย เนื่องจากฝนตกหนักติดต่อกันหลายวันทำให้เกิดน้ำท่วมฉับพลัน ส่งผลให้ประชาชนได้รับความเสียหายเป็นจำนวนมาก โดยเฉพาะในพื้นที่ 5 จังหวัดได้แก่ สงขลา พัทลุง ยะลา ปัตตานี และนราธิวาส กระทรวงอุตสาหกรรม ได้ติดตามสถานการณ์ดังกล่าวอย่างใกล้ชิด และมีความห่วงใยต่อพี่น้องประชาชนในพื้นที่ อีกทั้งยังส่งผลกระทบต่อผู้ประกอบการ SME และวิสาหกิจชุมชนในพื้นที่ ล่าสุดจากการสำรวจความเสียหายของสถานประกอบการ พบว่า มีโรงงานอุตสาหกรรม 52 แห่ง วิสาหกิจขนาดกลางและขนาดย่อม 14 แห่ง เหมืองแร่ 1 แห่ง มูลค่าความเสียหายรวมกว่า 23 ล้านบาท และมีวิสาหกิจชุมชน 23 แห่ง (ข้อมูลจากศูนย์ CMC สะสมตั้งแต่วันที่ 1 พฤศจิกายน – 2 ธันวาคม 2567) 

กระทรวงอุตสาหกรรม จึงใช้พื้นที่ศูนย์ส่งเสริมอุตสาหกรรมภาคที่ 11 กรมส่งเสริมอุตสาหกรรม จังหวัดสงขลา จัดตั้งเป็น “ศูนย์อุตสาหกรรมรวมใจ ช่วยพี่น้องชาวไทยประสบภัยน้ำท่วม“ รวบรวมสิ่งของเครื่องอุปโภคบริโภค ของใช้จำเป็น และยารักษาโรค เพื่อระดมและลำเลียงไปช่วยพื้นที่ประสบภัยในจังหวัดใกล้เคียง และเป็นศูนย์ประสานหน่วยงานช่วยเหลือผู้ประสบอุทกภัยในพื้นที่ภาคใต้ ติดตามความเสียหาย เตรียมพร้อมมาตรการต่าง ๆ รองรับสถานการณ์หลังน้ำลด กำหนดแผนป้องกันหากเกิดสถานการณ์ดังกล่าวอีกครั้งทั้งในระยะฉับพลัน ทั้งนี้ได้รับการสนับสนุนจากหน่วยงานภาคีเครือข่ายกระทรวงอุตสาหกรรม ภาครัฐ ภาคเอกชน ผู้ประกอบการโรงงานอุตสาหกรรมในพื้นที่ ในการสนับสนุนสิ่งของอุปโภค บริโภค เพื่อส่งมอบเป็นกำลังใจให้กับผู้ประสบอุทกภัยในพื้นที่ 5 จังหวัด บรรเทาความเดือนร้อนเป็นการเร่งด่วน

ด้านนายณัฐพล รังสิตพล ปลัดกระทรวงอุตสาหกรรม กล่าวว่า มอบหมายให้สำนักงานอุตสาหกรรมจังหวัดในพื้นที่ กรมส่งเสริมอุตสาหกรรม กรมอุตสาหกรรมพื้นฐานและการเหมืองแร่ การนิคมอุตสาหกรรมแห่งประเทศไทย ร่วมบูรณาการกับภาคเอกชน จัดตั้งศูนย์ประสานหน่วยงานช่วยเหลือผู้ประสบอุทกภัยในพื้นที่ภาคใต้ ตามนโยบายเร่งด่วนของรัฐมนตรีฯ เอกนัฏ ผ่าน 3 มาตรการ ได้แก่ 1) มาตรการเร่งด่วนช่วยเหลือผู้ประสบภัยอุทกภัยเร่งช่วยเหลือเยียวยาผู้ประกอบการและประชาชนที่ได้รับผลกระทบในพื้นที่ 2) มาตรการฟื้นฟูหลังน้ำลดผ่านการให้คำปรึกษาปัญหาธุรกิจอุตสาหกรรม และช่วยเหลือในการปรับปรุงกระบวนการผลิต ฟื้นฟูเครื่องจักร ระบบไฟฟ้า เพื่อปรับปรุงกระบวนการผลิตให้กลับมาดำเนินการได้ อีกทั้ง ยังมีการสนับสนุนเงินทุนหมุนเวียน เพื่อบรรเทาปัญหาความเดือดร้อนด้านการเงินแก่ผู้ประกอบการอุตสาหกรรม 3) มาตรการเตรียมความพร้อมด้านการป้องกันและแก้ไขปัญหาอุทกภัย ผ่านการจัดทำแผนรองรับการเกิดอุทกภัยเพื่อเตรียมความพร้อมด้านการป้องกันและแก้ไขปัญหาอุทกภัย โดยจัดทำ Check list เมื่อเกิดเหตุอุทกภัย การสร้างผนังกั้นน้ำ สอนวิธีการป้องกันอุปกรณ์เครื่องจักร เป็นต้น 

นางสาวณัฏฐิญา เนตยสุภา อธิบดีกรมส่งเสริมอุตสาหกรรม กล่าวว่า กรมส่งเสริมอุตสาหกรรม หรือ ดีพร้อม (DIPROM) ได้เร่งให้ความช่วยเหลือ ฟื้นฟู และเยียวยา ผ่านการจัดตั้ง “ศูนย์อุตสาหกรรมรวมใจ ช่วยพี่น้องชาวไทยประสบภัยน้ำท่วม” โดยใช้พื้นที่บริเวณศูนย์ส่งเสริมอุตสาหกรรมภาคที่ 11 จังหวัดสงขลา เป็นจุดรวบรวมสิ่งของอุปโภค บริโภค ของใช้จำเป็น และยารักษาโรค บรรจุลง “ถุงอุตสาหกรรมรวมใจ MIND ไม่ทิ้งกัน” เพื่อกระจายไปยังประชาชนที่ได้รับความเดือนร้อน เบื้องต้นได้จัดเตรียมถุงยังชีพ จำนวน 2,500 ชุด โดยในวันนี้ (3 ธันวาคม 2567) จะมีการปล่อยคาราวานรถบรรทุกสำหรับการส่งมอบถุงอุตสาหกรรมรวมใจฯ ให้แก่ประชาชนใน 5 จังหวัดที่ได้รับผลกระทบจากอุทกภัยในพื้นที่ภาคใต้ โดยจะส่งมอบให้จังหวัดละ 500 ชุด ได้แก่ สงขลา พัทลุง นราธิวาส ยะลา และปัตตานี 

“กระทรวงอุตสาหกรรมและภาคีเครือข่าย ขอรวมใจส่งมอบรอยยิ้ม เพื่อเป็นกำลังใจให้กับผู้ประสบอุทกภัยภาคใต้ให้สามารถก้าวข้ามช่วงเวลาที่ยากลำบากไปได้” นายเอกนัฏ กล่าวทิ้งท้าย

ทรัมป์โนมิกส์: เศรษฐกิจของโดนัลด์ ทรัมป์ที่กำลังจะกลับมาเขย่าโลก

ทรัมป์โนมิกส์ (Trumponomics) หมายถึงนโยบายเศรษฐกิจที่ดำเนินการในช่วงที่โดนัลด์ ทรัมป์ ดำรงตำแหน่งประธานาธิบดีสหรัฐฯ (ปี 2017–2021) ซึ่งเน้นไปที่การลดภาษี การลดกฎระเบียบ การคุ้มครองทางการค้า และนโยบาย “America First” โดยมีเป้าหมายเพื่อกระตุ้นการเติบโตภายในประเทศ ลดการขาดดุลการค้า และฟื้นฟูภาคการผลิตและการจ้างงานของสหรัฐฯ 

ในตอนนั้นเองการดำเนินนโยบายทรัมป์โนมิกส์เป็นกรอบนโยบายเศรษฐกิจที่สร้างความแตกแยก เพราะในมุมของผู้สนับสนุนต่างพากันชื่นชมที่นโยบายนี้ที่เน้นความสำคัญของผลประโยชน์ภายในประเทศ ความสามารถในการแข่งขันของบริษัท และการลดกฎระเบียบ ในขณะที่นักวิจารณ์ชี้ให้เห็นถึงความเหลื่อมล้ำที่เพิ่มขึ้น หนี้ที่สูงขึ้น และความตึงเครียดทางการค้า ส่งผลกระทบระยะยาวต่อเศรษฐกิจสหรัฐฯ ยังคงเป็นประเด็นที่ถกเถียงกันรวมไปถึงก่อให้เกิดเสียงวิพากษ์วิจารณ์ไปทั่วโลกอีกด้วย

มินิ วปอ. สนับสนุนกิจกรรมการกุศลงานกาชาดประจำปี 2567

เมื่อวานนี้ (2 ธ.ค.67) คณะตัวแทนนักศึกษาหลักสูตร วปอ.บอ. รุ่นที่ 1 หรือที่รู้จักในนาม มินิ วปอ. นำโดย นางสาวณัฐธิดา เทพสุทิน (ที่ 4 จากกลาง) นางรัดเกล้า อินทวงศ์ สุวรรณคีรี  (กลาง) และนางชนิดา คล้ายพันธ์ หัวหน้าฝ่ายนโยบายสาธารณะ บริษัท ติ๊กต๊อก เทคโนโลยีส์ จำกัด (กลางซ้าย) นำสิ่งของมูลค่า 185,000 บาท มอบให้กับสมาคมแม่บ้านกองบัญชาการกองทัพไทย ณ สมาคมแม่บ้านกองบัญชาการกองทัพไทย โดยการมอบมีนางปัญญดา หนุนภักดี นายกสมาคมแม่บ้านกองบัญชาการกองทัพไทย (กลางขวา) ให้เกียรติเป็นตัวแทนสมาคมฯ รับมอบสิ่งของ เพื่อนำไปสนับสนุนกิจกรรมการกุศลงานกาชาดประจําปี 2567 ที่จะมีการจัดขึ้นทั้งหมด 12 วัน 12 คืน ตั้งแต่วันที่ 11-22 ธันวาคม 2567

สิ่งของที่ คณะตัวแทนนักศึกษาหลักสูตร วปอ.บอ. รุ่นที่ 1 นำมามอบมีหลากหลาย เช่น จักรยานจาก ดร.ณัฐนัย อนันตรัมพร ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท อินเตอร์ลิ้งค์ เทเลคอม จำกัด (มหาชน), ปลากระป๋อง จากนางสาววรรณศิริ เหล่าศิริชน กรรมการบริหารบริษัทซี เวลท์ โฟรเซ่น ฟู้ด จำกัด อีกทั้ง เครื่องใช้ไฟฟ้า จากนายพสุ ลิปตพัลลภและนาย สกลกรย์ สระกวี บริษัท บิทคับ แคปปิตอล กรุ๊ป โฮลดิ้งส์ จำกัด เป็นต้น

จีนปูพื้นฐานด้านปัญญาประดิษฐ์ในชั้นเรียน เปิดสอนในหลักสูตรตั้งแต่ชั้นประถม-มัธยมต้น

(3 ธ.ค.67) กระทรวงศึกษาธิการของจีนเปิดเผยแผนยกระดับการศึกษาด้านปัญญาประดิษฐ์ (AI) สำหรับเด็กรุ่นใหม่ เพื่อเตรียมความพร้อมในการก้าวเข้าสู่ยุคเทคโนโลยีเกิดใหม่

กระทรวงฯ เรียกร้องความพยายามสำรวจแนวทางการศึกษาด้านปัญญาประดิษฐ์ในโรงเรียนประถมและมัธยม พร้อมเน้นย้ำความจำเป็นในการบ่มเพาะความคิดสร้างสรรค์ ความสนใจวิทยาศาสตร์ และทักษะดิจิทัลในเด็กนักเรียน

โรงเรียนควรจัดหลักสูตรที่เกี่ยวข้อง ผนวกปัญญาประดิษฐ์เข้าสู่เนื้อหาการเรียนการสอนทั่วไป และประเมินผลอย่างสม่ำเสมอ เพื่อเด็กนักเรียนได้รับประสบการณ์ตรงเกี่ยวกับเทคโนโลยีปัญญาประดิษฐ์ตั้งแต่เริ่มเข้าเรียนชั้นประถม

ครั้นเลื่อนชั้นสู่ประถมปลายและมัธยมต้น เด็กนักเรียนควรมุ่งเน้นทำความเข้าใจและประยุกต์ใช้เทคโนโลยีเหล่านี้ ก่อนจะมีส่วนร่วมสร้างสรรค์โครงการปัญญาประดิษฐ์และสำรวจการประยุกต์ใช้ปัญญาประดิษฐ์ที่ล้ำสมัยในชั้นมัธยมปลาย

แผนริเริ่มนี้มุ่งรวบรวมทรัพยากรที่มีคุณภาพและเพิ่มขีดความสามารถเข้าถึงแพลตฟอร์มการศึกษาอัจฉริยะระดับชาติ ซึ่งจะเพิ่มหมวดหมู่ปัญญาประดิษฐ์ในอนาคตอันใกล้

นอกจากนั้นกระทรวงฯ กระตุ้นวิทยาลัย มหาวิทยาลัย สถาบันวิจัย และบริษัทเทคโนโลยีขั้นสูง เปิดห้องปฏิบัติการปัญญาประดิษฐ์และโถงนิทรรศการให้นักเรียนประถมและมัธยมเข้าถึงด้วย

หวยจิ้นเผิง รัฐมนตรีว่าการกระทรวงฯ เปรียบเปรยปัญญาประดิษฐ์เป็น 'กุญแจทอง' สำหรับระบบการศึกษา และตอกย้ำศักยภาพของปัญญาประดิษฐ์ในการกำหนดทิศทางอนาคตของการศึกษา พร้อมกับคว้าโอกาสและรับมือความท้าทาย

ก่อนหน้านี้เมื่อเดือนกุมภาพันธ์ 2024 จีนคัดเลือกโรงเรียน 184 แห่ง เป็นฐานนำร่องการสำรวจปรัชญา ต้นแบบ และโครงการการศึกษาด้านปัญญาประดิษฐ์ โดยมีเป้าหมายพัฒนากรณีตัวอย่างและประสบการณ์ที่สามารถต่อยอด ซึ่งจีนจะเพิ่มฐานนำร่องดังกล่าวในอนาคต

ทรัมป์แนะทรูโด จบปัญหากำแพงภาษี ด้วยการรวมชาติเป็นส่วนหนึ่งของสหรัฐฯ

(3 ธ.ค. 67) เมื่อวันศุกร์ที่ผ่านมา นายกรัฐมนตรีจัสติน ทรูโด ได้เดินทางไปยังมาร์อาลาโก้ สถานที่ตากอากาศของว่าที่ประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ ในรัฐฟลอริด้า โดยไม่แจ้งให้ทราบล่วงหน้าเพื่อหารือเป็นการส่วนตัว

การเยือนครั้งนี้มีขึ้นหลังจากที่ก่อนหน้านั้น โดนัลด์ ทรัมป์ ออกมาขู่ว่าแคนาดาอาจจะโดนกำแพงภาษีสินค้านำเข้าจากแคนาดาและเม็กซิโก 25% เมื่อกลับเข้าสู่ทำเนียบขาว เพื่อบีบบังคับให้เร่งจัดการกับปัญหายาเสพติดและผู้อพยพที่เข้ามาในสหรัฐ โดยเรื่องนี้ส่งผลให้เกิดความกังวลว่าสงครามการค้าในภูมิภาคอาจจะเกิดขึ้น นายกทรูโดจึงรีบรุดหารือเป็นการส่วนตัวกับทรัมป์

ในระหว่างการหารือมื้อค่ำของสองผู้นำ นายกแคนาดาได้รับปากว่าจะแก้ปัญเรื่องภาษีศุลกากรแต่ก็อาจมีข้อจำกัดบางประการในประเด็นที่รัฐบาลท้องถิ่นในบางแคว้นของแคนาดาที่มีอาณาเขตติดกับพรมแดนสหรัฐฯ สามารถกำหนดอัตราภาษีศุลกากรได้ด้วยตนเอง 

ทรูโดกล่าวกับทรัมป์ว่า เขาไม่สามารถเรียกเก็บภาษีนำเข้าได้เพราะจะทำลายเศรษฐกิจของแคนาดาอย่างสิ้นเชิง อีกทั้งเป็นสิทธิ์ของรัฐบาลแคว้นท้องถิ่น ซึ่งทรัมป์ตอบเชิงติดตลกว่า 

"ถ้าแคนาดาไม่สามารถจัดการปัญหาภาษีศุลกากรได้ ประเทศคุณก็คงไม่สามารถเลี่ยงกำแพงภาษีสหรัฐได้ เว้นเสียแต่บางแคว้นของแคนาดาจะเข้าร่วมเป็นรัฐที่ 51 ของสหรัฐฯ" อย่างไรก็ตาม สื่อสหรัฐรายงานผลการหารือในมื้อค่ำเป็นเวลา 3 ชั่วโมงของสองผู้นำเป็นไปอย่างราบรื่น


© Copyright 2021, All rights reserved. THE STATES TIMES
Take Me Top