Saturday, 12 October 2024
Hard News Team

‘จีน’ เรียกเก็บเงินประกันบรั่นดีสูงสุด 39% มาตรการตอบโต้ ‘อียู’ ขึ้นภาษีรถยนต์ไฟฟ้า

(10 ต.ค.67) จีน ตอบโต้การขึ้นภาษีอีวีของสหภาพยุโรป (อียู) โดยเรียกเก็บเงินค้ำประกันการนำเข้า ‘บรั่นดี’ จากอียูประมาณ 30.6% ถึง 39.0% ของมูลค่าการนำเข้า ฝรั่งเศสโดนหนักสุด เพราะครองส่วนแบ่งมากถึง 99% ของบรั่นดีที่จีนนำเข้าจากอียู

วันที่ 8 สิงหาคม 2024 รอยเตอร์ (Reuters) รายงานว่า จีนใช้มาตรการตอบโต้การทุ่มตลาด (Anti-Dumping Measure) ชั่วคราวกับสินค้าบรั่นดีนำเข้าจากสหภาพยุโรป หรืออียู (EU) ส่งผลกระทบหลายแบรนด์ตั้งแต่เฮนเนสซี (Hennessy) จนถึง เรมี่ มาร์ติน (Remy Martin) หลังจากที่สหภาพยุโรปโหวตขึ้นภาษีรถยนต์ไฟฟ้าหรืออีวี (EV) จากจีนเมื่อวันที่ 4 ตุลาคมที่ผ่านมา 

ฝรั่งเศสถูกมองว่าเป็นเป้าหมายของมาตรการนี้ เนื่องจากฝรั่งเศสสนับสนุนการขึ้นภาษีรถอีวีจีน ที่สำคัญจีนนำเข้าบรั่นดีจากฝรั่งเศสคิดเป็น 99% ของการนำเข้าบรั่นดีจากอียูในปี 2023 คิดเป็นมูลค่าแตะ 1,700 ล้านดอลลาร์ (ราว 56,000 ล้านบาท) 

กระทรวงพาณิชย์ของจีนกล่าวว่า การสอบสวนได้กำหนดไว้เบื้องต้นว่า การทุ่มตลาดบรั่นดีจากสหภาพยุโรปเป็นภัยคุกคามต่อภาคอุตสาหกรรมบรั่นดีของจีน และตั้งแต่วันที่ 11 ตุลาคมเป็นต้นไป ผู้นำเข้าบรั่นดีจากอียูจะต้องวางเงินค้ำประกัน (Security Deposits) ซึ่งส่วนใหญ่อยู่ที่อัตราประมาณ 34.8% ถึง 39.0% ของมูลค่านำเข้า

เฮนเนสซี และเรมี่ มาร์ติน เป็นแบรนด์บรั่นดีที่ได้รับผลกระทบมากสุด เนื่องจากผู้นำเข้าบรั่นดี 2 แบรนด์นี้ต้องวางเงินประกันสูงถึง 39.0% และ 38.1% ตามลำดับ ส่วนมาร์แตลล์ (Martell) ถูกเรียกเก็บต่ำสุดที่ 30.6%

เงินค้ำประกันที่เรียกเก็บนี้จะทำให้ต้นทุนล่วงหน้าของการนำเข้าบรั่นดีจากอียูเพิ่มขึ้น กระทรวงพาณิชย์จีนไม่ได้ให้รายละเอียดว่าผู้วางเงินค้ำประกันจะได้รับเงินคืนเมื่อไรและอย่างไร 

มาตรการลงโทษล่าสุดนี้เกิดขึ้นหลังสหภาพยุโรปโหวตขึ้นภาษีรถอีวีและจะบังคับใช้ในวันที่ 1 พฤศจิกายนนี้ ซึ่งก่อนหน้านี้ในเดือนสิงหาคมจีนได้แสดงไมตรีจิตโดยระงับแผนใช้มาตรการตอบโต้การทุ่มตลาดบรั่นดีของสหภาพยุโรป แม้จะพิจารณาแล้วว่าบรั่นดีจากสหภาพยุโรปที่ขายในจีนนั้นขายในราคาต่ำกว่าตลาด ซึ่งในตอนนั้นกระทรวงพาณิชย์จีนระบุว่าการสอบสวนจะสิ้นสุดก่อนวันที่ 5 มกราคม และจะไม่มีการขยายการสืบสวน

กระทรวงพาณิชย์จีนเคยกล่าวก่อนหน้านี้ถึงข้อค้นพบจากการสืบสวนว่า ผู้ผลิตเหล้าจากยุโรปขายบรั่นดีในตลาดจีนที่มีผู้บริโภค 1,400 ล้านคน ในราคาที่มีส่วนเหลื่อมการทุ่มตลาด (Dumping Margin) อยู่ที่ 30.6% ถึง 39% ซึ่งถือเป็นการสร้างความเสียหายต่ออุตสาหกรรมสุราภายในประเทศจีน 

ทั้งนี้ สหภาพยุโรปผ่านมติบังคับใช้อัตราภาษีนำเข้าเพิ่มเติมเป็นเวลา 5 ปี สำหรับรถยนต์ไฟฟ้าจากจีนต่อ โดยกำหนดอัตราภาษี 7.8% สำหรับเทสลา (Tesla) และ 35.3% สำหรับแบรนด์เอ็มจี (MG) ของบริษัทเอสเอไอซี (SAIC) และสำหรับผู้ผลิตรายอื่น ๆ ในจีนที่ไม่ให้ความร่วมมือในการสอบสวน เพิ่มเติมจากอัตราภาษีนำเข้ารถยนต์ทั่วไปที่เก็บ 10% แต่คณะกรรมาธิการยุโรป (European Commission) กล่าวเปิดทางว่า เต็มใจที่จะดำเนินการเจรจาหาทางเลือกอื่นต่อไป แม้จะมีการประกาศขึ้นภาษีแล้วก็ตาม
 

สตูล ตำรวจสอบสวนกลาง (CIB) โดยกองบังคับการตำรวจน้ำร่วมกับตำรวจน้ำสตูล จับกุมหนุ่มเสพยาหนีหมายศาล

กองบัญชาการตำรวจสอบสวนกลาง (CIB) โดย กองบังคับการตำรวจน้ำ (บก.รน.) ภายใต้การอำนวยการของ พล.ต.ท.จิรภพ ภูริเดช ผบช.ก., พล.ต.ต.ภูมินทร์ พุ่มพันธุ์ม่วง รอง ผบช.ก., พ.ต.อ.พรศักดิ์ เลารุจิราลัย รอง ผบก.ป.รรท.ผบก.รน., พ.ต.อ.ธรากร เลิศพรเจริญ รอง ผบก.รน., พ.ต.อ.กมลศักดิ์ วันประดุง ผกก.๙ บก.รน.,พ.ต.ท.บรรเจิด มานะเวช รอง ผกก.๙ บก.รน.,พ.ต.ท.ศุภศิษฏ์ อึ้งสุวรรณพานิช รอง ผกก.๙ บก.รน.,พ.ต.ท.ศุภกิจตา สนุ่นดี สว.ส.รน.๓ กก.๙ บก.รน. สั่งการให้ จนท.ตร.ส.รน.๓ กก.๙ บก.รน. และข้าราชการตำรวจในสังกัดท้ายบันทึกจับกุม

ได้ร่วมจับกุม นายยูโสบ (หรือ โสบ) อยู่บ้านเลขที่ 48 ม.7 ต.เขาขาว อ.ละงู จ.สตูลโดยต้องหาว่ากระทำความผิดฐาน 'มียาเสพติดให้โทษประเภท 1 (เมทแอมเฟตามีน) ไว้ในครอบครองเพื่อเสพโดยไม่ได้รับอนุญาตและเสพติดให้โทษประเภท 1 (เมทแอมเฟตามีน) โดยฝ่าฝืนต่อกฎหมาย' ตามหมายจับของศาลจังหวัดสตูล จ.319/2567 ลงวันที่ 10 กันยายน 2567 สถานที่จับกุม บ้านไม่มีเลขที่ ม.4 ต.กำแพง อ.ละงู จ.สตูล

พฤติการณ์ ในวันที่ 12 มีนาคม 2563 เจ้าหน้าที่ชุดสืบสวน สภ. เขาขาว ได้ทำการตรวจค้นบ้านเลขที่ 48 หมู่ 7 ตำบลเขาขาวอำเภอละงูจังหวัดสตูล ซึ่งเป็นบ้านของนายยูโสบ ฯ  พบว่า นายยูโสบ ฯ กำลังเสพ ยาเสพติดประเภท1(เมทแอมเฟตามีน) จึงได้ทำการจับกุมตัวผู้ต้องหาส่งพนักงานสอบสวน สภ. เขาขาวและ ได้แจ้งข้อกล่าวหา “มียาเสพติดให้โทษประเภท1 (เมนแอมเฟตามีน) ไว้ในครอบครองเพื่อเสพโดยได้รับอนุญาตและเสพสารเสพติดให้โทษประเภท 1(เมนแอมเฟตามีน) โดยฝ่าฝืนต่อกฎหมาย” ดำเนินการส่งศาลตามกฎหมาย เป็นเหตุให้นายยูโสบฯ ถูกจับกุม แต่ทว่าภายหลังจากการส่งตัวไปบำบัด นายยูโสบ ฯ ไม่มารายงานตัว ตามกำหนดนัดหมายของศาล จึงดำเนินการออกหมายจับในเวลาต่อมา

จากนั้นเจ้าพนักงานตำรวจชุดจับกุมได้ออกสืบสวนติดตามจับกุมตัวผู้ต้องหาตามหมายจับของศาลจังหวัดสตูล จ.319/2567 ลงวันที่ 10 กันยายน 2567 พบว่า นายยูโสบ ฯ ผู้ต้องหาตามหมายจับดังกล่าวได้พักอาศัยใน บ้านไม่มีเลขที่ ม.4 ต.กำแพง อ.ละงู จ.สตูล เจ้าพนักงานตำรวจชุดจับกุมจึงได้เดินทางไปตรวจสอบ และเฝ้าสังเกตการณ์อยู่ในบริเวณดังกล่าว จึงได้ดำเนินการสอบถามพลเมืองดีในพื้นที่ในบริเวณใกล้เคียง และได้ข้อมูลว่า นายยูโสบ ฯ ย้ายมาพักอยู่ที่นี่จริง จึงได้มาเฝ้าสังเกตการณ์บริเวณบ้านพัก ฯ (สถานที่จับกุม) ดังกล่าว จนกระทั่ง ได้พบชายซึ่งมีตำหนิรูปพรรณตรงกับผู้ถูกจับกำลังเดินออกมาจากบริเวณบ้านพัก ฯ (สถานที่จับกุม) จึงได้แสดงตนเป็นตำรวจพร้อมบัตรประจำตัวข้าราชการตำรวจ และได้เรียกชื่อผู้ถูกจับ พร้อมแสดงหมายจับให้ผู้ถูกจับดู และผู้ถูกจับตรวจดูแล้วว่าเป็นบุคคลตามหมายจับนี้จริงและไม่เคยถูกจับกุมตามหมายนี้มาก่อน จึงแจ้งให้ทราบว่าจะต้องถูกจับกุมในข้อหาดังกล่าวข้างต้นพร้อมแจ้งสิทธิตามกฎหมายให้ทราบ

‘รองนายกฯประเสริฐ’ เดินหน้าสร้างโอกาสใหม่ประเทศไทย วางกลไกส่งเสริม ‘อุตสาหกรรมอีสปอร์ต-เกม-แอนิเมชันและคาแรกเตอร์’ ปูทางอาชีพคนรุ่นใหม่ ขับเคลื่อนประเทศไทยสู่อนาคต

เมื่อวานนี้ (9 ต.ค.67) นายประเสริฐ จันทรรวงทอง รองนายกรัฐมนตรี และรัฐมนตรีว่าการกระทรวงดิจิทัลเพื่อเศรษฐกิจและสังคม (กระทรวงดีอี)  เปิดเผยถึงการเดินหน้าสร้างโอกาสใหม่ให้กับประเทศไทย เร่งวางกลไกส่งเสริมอุตสาหกรรมอีสปอร์ต เกม และอุตสาหกรรมที่เกี่ยวเนื่องผ่านนโยบาย Esports Games 2025: Overcoming the Thailand’s Challenges ‘แก้ปัญหาสู่โอกาสใหม่ประเทศไทย’ ซึ่งจะเป็นก้าวสำคัญในการยกระดับอุตสาหกรรมเกม คาแรกเตอร์ แอนิเมชัน และอีสปอร์ตทั้งระบบ คาดช่วยขับเคลื่อนมูลค่าอุตสาหกรรมดิจิทัลคอนเทนต์แตะ 1 แสนล้านบาทในอนาคต ว่าหนึ่งในแผนงานสำคัญภายใต้นโยบายการขับเคลื่อนเศรษฐกิจและสังคมดิจิทัลของกระทรวง หรือ The Growth Engine of Thailand คือการสร้างให้ประเทศไทยเป็นโลกใหม่ของอุตสาหกรรมดิจิทัลคอนเทนต์ (New World of Digital Content) ทั้งเกม คาแรกเตอร์ แอนิเมชัน และอีสปอร์ต อีกทั้งเป็นศูนย์กลางของอุตสาหกรรมตลอดทั้งห่วงโซ่ โดย กระทรวงดีอี มองว่า อุตสาหกรรมอีสปอร์ต เกม และอุตสาหกรรมที่เกี่ยวเนื่องคือ ‘โอกาสใหม่ของประเทศไทย’

นายประเสริฐ กล่าวว่า กระทรวงดีอี โดยสำนักงานส่งเสริมเศรษฐกิจดิจิทัล หรือ ดีป้า จึงได้กำหนดนโยบายการส่งเสริมอุตสาหกรรมอีสปอร์ต เกม และอุตสาหกรรมที่เกี่ยวเนื่องในชื่อ Esports Games 2025: Overcoming the Thailand’s Challenges ‘แก้ปัญหาสู่โอกาสใหม่ประเทศไทย’ เพื่อเป็นก้าวสำคัญในการยกระดับอุตสาหกรรมเกม คาแรกเตอร์ แอนิเมชัน และอีสปอร์ตทั้งระบบ โดยภาครัฐจะเร่งต่อยอดความสนใจ พร้อมขับเคลื่อนอุตสาหกรรมใหม่ โดยวางรากฐานการพัฒนากำลังคนรุ่นใหม่ผ่านการเสริมทักษะและความเชี่ยวชาญด้านต่าง ๆ ให้พร้อมรองรับความต้องการภายในประเทศและต่างประเทศ ออกแบบระบบนิเวศและโครงสร้างพื้นฐาน รวมถึงระเบียบและข้อบังคับที่สนับสนุนการขับเคลื่อนอุตสาหกรรมอีสปอร์ต เกม และอุตสาหกรรมที่เกี่ยวเนื่องอย่างเต็มประสิทธิภาพ พร้อมเปิดรับความคิดเห็นและความร่วมมือจากทุกภาคส่วนเพื่อเพิ่มขีดความสามารถทางการแข่งขันของไทยในเวทีโลกอย่างเป็นรูปธรรม 

ด้าน ผศ.ดร.ณัฐพล นิมมานพัชรินทร์ ผู้อำนวยการใหญ่ ดีป้า กล่าวว่า นโยบาย Esports Games 2025: Overcoming the Thailand’s Challenges “แก้ปัญหาสู่โอกาสใหม่ประเทศไทย” ถือเป็นแนวทางส่งเสริมอุตสาหกรรมเกม คาแรกเตอร์ แอนิเมชัน และอีสปอร์ต ตั้งแต่ต้นน้ำถึงปลายน้ำ โดย ดีป้า พร้อมดำเนินการตามแนวทางที่รองนายกรัฐมนตรี และรัฐมนตรีว่าการกระทรวงดีอี มอบหมาย โดยจะต่อยอดแรงบันดาลใจ พร้อมชี้ช่องทางประกอบอาชีพใหม่แก่เด็ก เยาวชน ผู้ที่ชื่นชอบการเล่นเกม นักศึกษาจบใหม่ และบุคลากรในภาคอุตสาหกรรมผ่านกลไกการยกระดับทักษะความเชี่ยวชาญด้านต่าง ๆ เพื่อพัฒนานักกีฬาอีสปอร์ต โค้ช หรือแม้แต่ผู้จัดการแข่งขันในอุตสหากรรมอีสปอร์ต รวมถึงบุคลากรในอาชีพต่าง ๆ ที่เกี่ยวเนื่อง ทั้งนักออกแบบคาแรกเตอร์ นักพัฒนาแอนิเมชัน แอนิเมเตอร์ นักออกแบบสตอรี่ นักพัฒนาเกม ผู้ผลิตเกม ผู้จัดจำหน่ายเกม แอนิเมชัน และคาแรกเตอร์ เป็นต้น

กระทรวงดีอี โดย ดีป้า พร้อมเป็นเจ้าภาพจัดทำร่างพระราชบัญญัติ (พ.ร.บ.) ส่งเสริมอุตสาหกรรมเกม โดยมีวัตถุประสงค์เพื่อพัฒนาแนวทางการขึ้นทะเบียนผู้ประกอบการ ผู้ผลิตและผู้พัฒนาเกม รวมถึงผู้ให้บริการแพลตฟอร์มที่จำหน่ายเกมในประเทศไทย ตลอดจนกำกับดูแลอุตสาหกรรมเกมไทยอย่างเป็นระบบและมีประสิทธิภาพ ควบคู่กับการส่งเสริมอุตสาหกรรมอย่างถูกต้อง สอดคล้องกับยุคสมัยและครอบคลุมในทุกมิติ โดย พ.ร.บ. ดังกล่าวจะช่วยปลดล็อคอุตสาหกรรม สร้างโอกาสใหม่ในการเป็นศูนย์กลางด้านการลงทุนและการพัฒนาอุตสาหกรรมเกมระดับภูมิภาค ซึ่งเกมนับเป็นหนึ่งใน 11 อุตสาหกรรมเป้าหมายซอฟต์พาวเวอร์ที่ นางสาวแพทองธาร ชินวัตร นายกรัฐมนตรี เร่งผลักดัน ดังนั้น พ.ร.บ.ส่งเสริมอุตสาหกรรมเกมจะเป็นกฎหมายของประชาชน เป็นกฎหมายสำหรับอนาคตของเยาวชน และเป็นกฎหมายสำหรับโอกาส โดยคาดว่าจะมีผลบังคับใช้ในปี 2568

นอกจากนี้ กระทรวงดีอี โดย ดีป้า พร้อมสร้างบรรยากาศการลงทุนในอุตสาหกรรมเกม อีสปอร์ต และอุตสาหกรรมที่เกี่ยวเนื่องผ่านการพัฒนาโครงสร้างพื้นฐานอย่างอาคาร Digital Edutainment Complex บนพื้นที่ 20,000 ตารางเมตรในโครงการ Thailand Digital Valley ในอำเภอศรีราชา จังหวัดชลบุรี อาคารที่ถูกออกแบบให้เป็นพื้นที่ทดสอบทดลองนวัตกรรมดิจิทัล และเป็นระบบนิเวศที่จะช่วยขับเคลื่อนอุตสาหกรรมอีสปอร์ต และอุตสาหกรรมเกมไทย และดำเนินการตามแผนพัฒนาทักษะดิจิทัลสำหรับคนไทย (Digital Skill Roadmap) โดยเร่งส่งเสริมทักษะดิจิทัลสำหรับอาชีพใหม่แห่งโลกอนาคตผ่านแผนงานทักษะดิจิทัลสำหรับอาชีพยุคใหม่ (Digital-driven Career)

ทั้งนี้ กระทรวงดีอีโดยดีป้า ยังเตรียมจัดทัวร์นาเมนต์อีสปอร์ตที่ใหญ่ที่สุดในประเทศไทยในเดือนพฤศจิกายนนี้ในชื่อ ‘depa ESPORTS TOURNAMENT’ ภายใต้โครงการ depa ESPORTS โดยจะแบ่งการแข่งขันออกเป็นรอบคัดเลือกระดับภูมิภาคใน 8 ภาคทั่วประเทศ และรอบชิงแชมป์ประเทศไทยที่กรุงเทพฯ ด้วยเหตุนี้ กระทรวงดีอี โดย ดีป้า จึงได้ประเมินว่า ภายในระยะเวลา 1 ปีของการดำเนินนโยบายผ่านโครงการและกิจกรรมต่าง ๆ เพื่อส่งเสริมและสนับสนุนอุตสาหกรรมเกม คาแรกเตอร์ แอนิเมชัน และอีสปอร์ต จะช่วยยกระดับสถานศึกษาทั่วประเทศ 55 แห่ง Upskill และ Reskill ทักษะด้านเกม แอนิเมชัน คาแรกเตอร์ และอีสปอร์ตแก่ประชาชนกว่า 1.5 แสนคน เพิ่มความเชี่ยวชาญเพื่อต่อยอดอาชีพขั้นสูงแก่บุคลากรในภาคอุตสาหกรรมมากกว่า 500 คน ทำให้เกิดการจ้างงาน 30,000 คน กระตุ้นให้เกิดการลงทุนในธุรกิจเกม แอนิเมชัน คาแรกเตอร์ และอีสปอร์ต ทั้งในประเทศและต่างประเทศราว 3,500 ล้านบาท อีกทั้งส่งเสริมธุรกิจเกม แอนิเมชัน คาแรกเตอร์ และอีสปอร์ต 150 บริษัท พร้อมกันนี้ยังประเมินว่า อุตสาหกรรมดิจิทัลคอนเทนต์ไทยมูลค่ารวมกว่า 40,000 ล้านบาทจะขยายตัวต่อเนื่อง และจะขยับสู่ 1 แสนล้านบาทในอนาคต 

กมธ.ทหารฯ วุฒิสภา เตรียมลงพื้นที่หาข้อเท็จจริงกรณี 'พลทหาร ศิริวัฒน์ ใจดี' เสียชีวิตระหว่างการฝึก เพื่อให้ความเป็นธรรมกับทุกฝ่าย

เมื่อวานนี้ (9 ต.ค.67) เวลา 10.30 นาฬิกา ณ ห้องแถลงข่าว ชั้น 1 อาคารรัฐสภา (สส.) คณะกรรมาธิการการทหารและความมั่นคงของรัฐ วุฒิสภา นำโดย นางสาววิธาวีร์ ประทุมสวัสดิ์ โฆษกคณะกรรมาธิการฯ แถลงข่าวเรื่อง กรณีเหตุการณ์เสียชีวิตระหว่างการฝึกของพลทหารประจำการในเหล่าทัพว่า ที่ประชุมคณะกรรมาธิการฯ ได้ปรึกษาหารือเร่งด่วนกรณีพลทหาร ศิริวัฒน์ ใจดี ซึ่งอยู่ระหว่างการฝึกเสียชีวิต โดยมีความเห็นเดียวกันควรเร่งดำเนินการสร้างความชัดเจนและเยียวยาบรรเทาอย่างเหมาะสม รวมถึงต้องมีการศึกษาแนวทางการแก้ไขปัญหาและพัฒนาระบบกำลังพลทางทหารให้สอดคล้องกับภารกิจความมั่นคงในปัจจุบัน ซึ่ง พลเอก สวัสดิ์ ทัศนา ประธานคณะกรรมาธิการฯ ได้มีความห่วงใยและแสดงความเสียใจต่อเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น ซึ่งเป็นสิ่งที่ไม่ควรเกิดขึ้นในการฝึกเหล่าทัพ และเมื่อเกิดขึ้นแล้วจำเป็นต้องเร่งดูแลและสร้างความเชื่อมั่นต่อประชาชนอย่างเร่งด่วน

ดังนั้น ประธานคณะกรรมาธิการฯ จึงได้มอบหมายให้นายไชยยงค์ มณีรุ่งสกุล เลขานุการคณะกรรมาธิการ ลงพื้นที่จังหวัดสงขลา เพื่อให้กำลังใจและเยี่ยมเยียนครอบครัวพลทหารที่เสียชีวิต พร้อมรับทราบข้อเท็จจริงที่เกิดขึ้น และนำเสนอข้อมูลข้อเท็จจริงเบื้องต้นรายงานต่อคณะกรรมาธิการเพื่อจะได้ส่งไปยังหน่วยงานที่เกี่ยวข้องพิจารณาให้เกิดความเป็นธรรม อีกทั้ง มอบหมายให้ว่าที่พันตรี กรพด รุ่งหิรัญวัฒน์ รองประธานคณะกรรมาธิการ คนที่สาม และนาวาตรี วุฒิพงศ์ พงศ์สุวรรณ ที่ปรึกษาคณะกรรมาธิการ ลงพื้นที่รับฟังข้อมูลเบื้องต้นจากหน่วยงานต่าง ๆ ณ กรมสารวัตรทหารเรือ อำเภอสัตหีบ จังหวัดชลบุรี 

ซึ่งเป็นสถานที่เกิดเหตุ เพื่อรับทราบข้อมูลที่สำคัญก่อนนำเข้าสู่กระบวนการเพื่อให้ความเป็นธรรมกับทุกฝ่าย นอกจากนี้ ยังได้มอบหมายให้คณะอนุกรรมาธิการกิจการทหาร ทหารผ่านศึก และสรรพกำลังความมั่นคงเพื่อการช่วยเหลือประชาชนและการพัฒนาประเทศให้ไปพิจารณาศึกษาแนวทางการแก้ไขปัญหาและพัฒนาระบบกำลังพลทางทหารให้สอดคล้องกับภัยคุกคามเป็นกองทัพที่ทันสมัย และมีประสิทธิภาพต่อภารกิจความมั่นคงในปัจจุบันและในอนาคต

10 ตุลาคม ของทุกปีเป็น ‘วันสุขภาพจิตโลก World Mental Health Day’ ร่วมตระหนักถึงความสำคัญของสุขภาพจิต

วันที่ 10 ตุลาคม ของทุกปีเป็นวันสุขภาพจิตโลก (World Mental Health Day) เพื่อให้ผู้คนและสังคมได้เห็นความสำคัญของสุขภาพจิต และเพื่อการป้องกันและบำบัดรักษาผู้ที่เจ็บป่วยทางจิตใจ รวมไปถึงการส่งเสริมให้มีสุขภาพจิตที่ดี

ปัญหาสุขภาพจิต ครอบคลุมหลากหลายปัญหา ตั้งแต่ ภาวะซึมเศร้า โรควิตกกังวล ไปจนถึง โรคจิตเภทหรือโรคอารมณ์สองขั้ว

โดยสิ่งที่กล่าวมาข้างต้นเหล่านี้ ส่งผลกระทบต่อผู้คนหลายล้านคนทั่วโลก ซึ่งตามสถิติแล้วในช่วงชีวิตหนึ่ง 1 ใน 4 คนจะประสบกับปัญหาสุขภาพจิตอย่างใดอย่างหนึ่ง 

ซึ่งถึงแม้ตามสถิตินั้น จะเปิดเผยว่า คนส่วนใหญ่มักประสบกับปัญหาเหล่านี้ แต่สิ่งที่น่าแปลกใจก็คือ ปัญหาสุขภาพจิตนี้ ถือเป็นปัญหาที่ถูกละเลยมากที่สุดในโลกก็ว่าได้

ดังนั้น ในปี 2535 องค์การอนามัยโลก ได้กำหนดให้วันที่ 10 ตุลาคม ของทุกปีเป็น “วันสุขภาพจิตโลก” หรือ World Mental Health Day โดยมีจุดประสงค์เพื่อให้ผู้คนทั่วโลก ตระหนักรู้ และเข้าใจเกี่ยวกับปัญหานี้มากยิ่งขึ้นนั้นเอง

‘คลองแมพ’ แอพดี ๆ จากสำนักระบายน้ำ เช็กปริมาณน้ำในคลองใกล้บ้านแบบเรียลไทม์

(9 ต.ค. 67) ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ‘สำนักระบายน้ำ กรุงเทพมหานคร’ ได้พัฒนาระบบ ‘แผนผังบริหารจัดการน้ำ กรุงเทพมหานคร’ ภายใต้ชื่อ KlongMap หรือ คลองแมพ โดยระบบดังกล่าวสามารถตรวจสอบข้อมูลเกี่ยวกับการจัดการน้ำ โดยข้อมูลจะแสดงเป็นแถบสี ถ้าสีเขียวคือปกติ สีเหลืองคือระดับเฝ้าระวัง และสีแดงคือระดับวิกฤต

ทั้งนี้ข้อมูลที่นำมาประมวลผลจะนำมาจากอัตราการไหลของน้ำในแม่น้ำเจ้าพระยา, ระดับน้ำในคลอง แม่น้ำ ที่ประตูกั้นน้ำ, ค่าระดับความเค็มของน้ำ และคาดการณ์เวลาและระดับของน้ำขึ้น-น้ำลงสูงสุดในแต่ละวัน

ผู้ที่สนใจสามารถเข้าไปตรวจระดับน้ำใกล้บ้านท่านได้ที่ http://weather.bangkok.go.th/KlongMap?fbclid=IwY2xjawFzM8FleHRuA2FlbQIxMAABHQeQxtZrPROuRLviN8aeNYZ_6rWpg2DMskrjeeGxnuKn60NAVeBEt7yksg_aem_FeR2xYlmAozwiAl4VdV8JA

นอกจากนี้สำนักระบายน้ำ กรุงเทพมหานครยังมีอีกหลายระบบ เช่น เรดาห์ตรวจอากาศ และระบบตรวจวัดน้ำบนถนน

เปิดใจครั้งแรก บอสพอล The iCon หลังกระแสดราม่าถาโถมหนัก

(9 ต.ค. 67) นายวรัตน์พล วรัทย์วรกุล หรือ บอสพอล ผู้ก่อตั้งและซีอีโอ อาณาจักรธุรกิจออนไลน์ ดิไอคอนกรุ๊ป (The iCon Group) ได้โพสต์เฟซบุ๊ก ว่า

สวัสดีทุกท่านครับ
ผมขอเรียนชี้แจง
ผ่านทางช่องทางนี้นะครับ

ตลอดระยะเวลาที่ผมทำธุรกิจ
ขายปลีก-ขายส่ง ผ่านระบบตัวแทน
ภายใต้ บริษัทดิไอคอนกรุ๊ป
มาเป็นระยะเวลา 6 ปีกว่าแล้ว

ผมเชื่อมั่นว่า…
ผมดำเนินธุรกิจอย่างถูกต้องโปร่งใส
มาโดยตลอด

แต่จากเหตุการณ์
ที่เกิดเป็นกระแสสังคมขึ้น ณ ขณะนี้
ผมติดตามข้อมูลต่อเนื่องมา
และรู้สึกเสียใจอย่างมาก
ที่เกิดเหตุว่า…
มีผู้เสียหายเกิดขึ้น
เนื่องจากการทำธุรกิจ
กับบริษัทของผม

ผมได้ให้ทีมงานตรวจสอบข้อมูล
ปรากฏมีหลายเคส
ตามที่เกิดดราม่า
ที่ออกมา ต่อว่า ด่าทอบริษัท
กลับไม่ได้เป็น ตัวแทนจำหน่ายของผม
แบบที่เค้ากล่าวอ้างเลย
และมีอีกหลายเคส
ที่ ขายของ กับบริษัทผม
แล้วได้เงินกำไรไปจำนวนมาก
แต่ก็กลับมาต่อว่า ด่าทอ
ในโลกโซเชียลเช่นเดียวกัน

ผมยอมรับตรงๆว่าผม
งง และ สับสนมากครับ
พยามตั้งสติ 
พยามติดตาม ดูข้อมูล
ว่าอันไหนเป็นข้อมูลจริง 
อันไหน เป็นการกลั่นแกล้ง 
ใส่ความ ปลุกปั่น
บ้างก็ด่าเอามัน เอาสะใจ 
โดยมีข้อมูลถึงขั้นที่ว่า
ทำธุรกิจกับบริษัทของผม
แล้วฆ่าตัวตาย
อันนี้คือประเด็นใหญ่ที่สุด
ที่ผมเองไม่เคย ได้รู้มาก่อนเลยครับ

และยังคงสงสัยอยู่ว่า
ถ้าเป็นเรื่องใหญ่ขนาดนี้
แล้วทำไม ?
ถึงไม่มีใครในองค์กร
รู้มาก่อนบ้างเลย

อย่างไรก็ตาม
ถ้าเป็นเรื่องจริง
ผมคงรู้สึกเสียใจมาก
และอยากที่จะ ช่วยเหลือ เยียวยา
ครอบครัวผู้ที่สูญเสีย อย่างเต็มที่ครับ
ขอเพียง ท่านติดต่อกลับมา ที่บริษัท
แต่ขอย้ำอีกครั้งนะครับว่า
ผมไม่เคยทราบข้อมูลมาก่อนจริงๆ

ส่วนที่ถามว่าทำไม
ผมถึงยังไม่ออกมาพูดอะไร
ผมขอตอบตรงๆว่า
เมื่อไตร่ตรองโดยสติแล้ว
ผมคิดว่า…
ไม่ว่าจะตอบ อะไร ออกมา
ในช่วงที่กระแสสังคม
เปรียบเหมือนน้ำเชี่ยว
จากการรับข้อมูล “ทางเดียว” ในตอนนี้
ยิ่งจะเป็นการทำให้สถานการณ์
ที่หนักอยู่แล้ว หนักยิ่งขึ้น

ผมจึงใช้เวลาทั้งหมดในการเตรียม
ข้อมูล ซึ่งเป็นข้อเท็จจริง 
รวมทั้งหลักฐานต่างๆ
ที่จะชี้แจงให้ทราบ
ผ่านกระบวนการยุติธรรม ทางกฎหมาย
ผมพร้อมเข้าสู่กระบวนการ
เพราะผมเชื่อว่า…
เราต่างเป็นสุจริตชน
ที่อยู่ภายใต้ “กฎหมาย”
ไม่ใช่การใช้ “กฎหมู่” 
หรือกระแสสังคม ในการทำลายกัน
ผมพร้อมจะเข้าไป แสดงตัว 
”มอบตัวกับตำรวจ“
ตามที่ตำรวจจะแจ้งให้ทราบทุกเมื่อ
ผมรอพิสูจน์ความจริง อยู่ตรงนี้
ไม่หนีไปไหน แน่นอนครับ!!!
และพร้อม นำข้อเท็จจริง
และหลักฐานทั้งหมด
เข้าชี้แจงผ่าน “กระบวนการยุติธรรม”
ทุกท่านอดใจรอหน่อยนะครับ 
เดี๋ยวความจริงก็จะเปิดเผยออกมา
ให้ทุกท่านทราบ…
ถ้าผมทำผิด ตามที่ถูกกล่าวหา
ผมย่อมจะต้องได้รับโทษทางกฎหมาย
อย่างถึงที่สุด แน่นอนครับ
เมื่อถึงวันนั้นค่อยด่าทอ 
ประณาม เหยียบย่ำ
ผมได้เลยครับ 
เชื่อว่า… ไม่ช้าเกินไป
แต่วันนี้ ผมเป็นผู้บริสุทธิ์ ครับ
และผมเชื่อ ในความบริสุทธิ์ ของผม
ผมส่องกระจกดูตัวเองแล้ว
ผมยังสามารถ สบตาตัวเองได้
“อย่างเต็มตา”
ในขณะเดียวกัน
ผมก็สลดใจ ที่ตัวเอง และ องค์กร
ต้องมาถูกเหยียบย่ำ ทำลาย ต่างๆ นาๆ
ในขณะที่ยังไม่ได้มีการตัดสิน
จากกระบวนการยุติธรรม
ที่พวกเรา เชื่อมั่น เชื่อถือ
ผมอยาก ขอร้อง วิงวอนให้ทุกท่าน 
โปรดให้โอกาสผมและองค์กร
ได้พิสูจน์ตัวเอง
ผ่านกระบวนการยุติธรรม
ก่อนที่จะด่วนตัดสินกัน นะครับ
ขอบคุณครับ

‘มนพร เจริญศรี’ เผย พิจารณาใช้ประโยชน์ที่ดินท่าเรือคลองเตย ขณะนี้ไม่มีแผนผุด ‘Entertainment Complex’ กลางนคร

(9 ต.ค. 67) นางมนพร เจริญศรี รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงคมนาคม เปิดเผยว่า ความคืบหน้าหลังจากที่ นางสาวแพทองธาร ชินวัตร นายกรัฐมนตรี มีคำสั่งตั้งคณะกรรมการพิจารณาแนวทางการใช้ประโยชน์พื้นที่บริเวณท่าเรือกรุงเทพ (คลองเตย) โดยนายสุริยะ จึงรุ่งเรืองกิจ รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงคมนาคม เป็นประธานแล้วนั้น ขณะนี้ นายสุริยะอยู่ระหว่าง จัดสรรกำหนดการประชุมครั้งแรกให้ได้ภายในเดือน ต.ค. 2567 นี้

ทั้งนี้ เบื้องต้น คณะกรรมการพิจารณาแนวทางการใช้ประโยชน์พื้นที่ท่าเรือคลองเตยฯ ได้เตรียมจัดตั้งคณะอนุกรรมการขึ้น 3 ด้าน ได้แก่ ด้านบริหารพื้นที่, ด้านการใช้ประโยชน์พื้นที่, ด้านการดูแลชุมชน  เพื่อทำหน้าที่ดูรายละเอียดในแต่ละเรื่อง นำมาประกอบการพิจารณา

นางมนพรกล่าวว่า ประเด็นสำคัญในตอนนี้คือ ในพื้นที่ของท่าเรือคลองเตย ทางกรมศุลกากรได้นำไม้พะยูงที่ตรวจยึดจากคดีความต่างๆ มาขอใช้พื้นที่ของการท่าเรือแห่งประเทศไทย (กทท.) ประมาณ 20 ไร่ ซึ่งทางกระทรวงคมนาคมเห็นว่า ทางกรมศุลกากรควรขนย้ายออกไปใช้พื้นที่อื่น เนื่องจาก กทท.และกระทรวงเห็นว่า ควรนำพื้นที่ดังกล่าวมาทำประโยชน์ด้านอื่น

ผู้สื่อข่าวถามว่าในการพัฒนาพื้นที่ท่าเรือคลองเตย มีเอกชนรายใดสนใจที่จะเข้ามาลงทุนการทำสถานบันเทิงครบวงจร (Entertainment Complex) หรือไม่ นางมนพรกล่าวว่า ยืนยันว่ารัฐบาลยังไม่มีแผนที่จะทำสถานบันเทิงครบวงจรในขณะนี้ ท่าเรือคลองเตยมีแผนพัฒนาให้เป็นท่าเรืออัจฉริยะ (Smart Port) เท่านั้น ซึ่งมีเนื้อที่ทั้งหมดรวม 2,300 ไร่ แต่ยอมรับว่า ในพื้นที่นี้มีแผนจะจัดสรรบางส่วนพัฒนาเชิงพาณิชย์ เป็นโครงการแบบ Mixed Use  ซึ่งก็มีกลุ่มเอกชนที่สนใจ เช่น  กลุ่มธุรกิจเครือเซ็นทรัล ซึ่งทางเซ็นทรัลเคยทำผลการศึกษาพื้นที่นี้มาก่อน

ส่วนการบริหารจัดการพื้นที่ชุมชนคลองเตย นางมนพรกล่าวว่า กระทรวงคมนาคมไม่ได้มีหน้าที่โดยตรงในการจัดสรรที่อยู่อาศัยให้คนกลุ่มนี้   ในเบื้องต้นจะไม่เข้าไปยุ่งโดยตรง แต่ในแผนพัฒนาพื้นที่ท่าเรือคลองเตย ก็มีแผนที่จะพัฒนาที่อยู่อาศัยให้อยู่แล้ว  โดยสั่งการนายเกรียงไกร ไชยศิริวงศ์สุข ผู้อำนวยการการท่าเรือแห่งประเทศไทย (กทท.) ดูต้นแบบการพัฒนาแฟลตดินแดงใหม่ของการเคหะแห่งชาติ ว่าแนวคิดมีกระบวนการอย่างไร ซึ่งเป็นประเด็นที่จะหารือในการประชุมครั้งแรกนี้ด้วย

สำหรับพื้นที่คลังเก็บน้ำมันของ บจ.เชลล์แห่งประเทศไทย, บมจ.ปตท. และบมจ.บางจากคอร์ปอเรชั่น นั้น นางมนพรกล่าวว่า การย้ายคลังน้ำมันออกจากพื้นที่ไม่ใช่เรื่องง่าย ต้องดูก่อนว่าระยะเวลาเช่าพื้นที่เหลืออีกเท่าไหร่ อย่างไรก็ตาม ได้ให้กทท.เร่งงานถมทะเล เพื่อก่อสร้างท่าเรือแหลมฉบัง ระยะที่ 3 ด้วย เพราะกรณีที่จำเป็นต้องย้ายคลังน้ำมันออกจากท่าเรือคลองเตย ก็น่าจะไปที่แหลมฉบัง ซึ่งต้องมีการพิจารณาแผน ว่าจะจัดเตรียมพื้นที่รองรับอย่างไร และรัฐบาลต้องสนับสนุนอะไรหรือไม่

รัฐบาลอินโดนีเซียสวมใจสิงห์!! สั่งแบน Temu หวั่น!! สร้างความเสียหายจากการ 'ทุ่มตลาด'

(9 ต.ค. 67) หนังสือพิมพ์เซาท์ไชน่ามอร์นิงโพสต์รายงานว่า รัฐบาลอินโดนีเซียได้สั่ง “แบน” แอปพลิเคชัน "เทมู" (Temu) ซึ่งเป็นแพลตฟอร์มอีคอมเมิร์ซยักษ์ใหญ่จากจีน เพื่อปกป้องธุรกิจขนาดกลางและขนาดย่อมในประเทศจากการถูกทำลาย และเพื่อป้องกันไม่ให้สินค้าราคาถูกท่วมตลาด

Temu ถือเป็นบริษัทในเครือของ PDD Holdings เชื่อมต่อโรงงานในจีนกับผู้บริโภคในกว่า 50 ประเทศ เช่น มาเลเซีย ไทย และสหรัฐโดยตรง
สำหรับเหตุผลของการแบน ทางการอินโดนีเซียระบุว่าโมเดลธุรกิจของแพลตฟอร์ม Temu ทำให้ผู้มีส่วนร่วมในห่วงโซ่อุปทานในประเทศอย่าง “ผู้ค้าส่ง” และ “ผู้ขนส่ง” ถูกตัดออกไป จนทำให้บริษัทต่างชาติสามารถรักษาราคาสินค้าให้ต่ำได้ ซึ่งส่งผลกระทบต่อผู้ค้ารายย่อยในอินโดนีเซีย

“ถ้า Temu เข้ามาสร้างความเสียหาย จะมีประโยชน์อะไร? เราจะแบน โดยธุรกิจขนาดย่อมและกลางของเราจะพังทลายได้ หากปล่อยให้ Temu ดำเนินไปโดยไม่มีการควบคุม” บุดดิ อารี เซเทียดี รัฐมนตรีว่าการกระทรวงสื่อสารและสารสนเทศของอินโดฯ กล่าว

ด้านนานดี เฮอร์เดียมาน ประธานสมาคมผู้ประกอบการท้องถิ่น IPKB มองว่า “Temu จะทำลายอุตสาหกรรมท้องถิ่น โดยเฉพาะอุตสาหกรรมสิ่งทอ ซึ่งกำลังเผชิญกับแรงกดดันอย่างมากในอินโดนีเซีย จากการนำเข้าขนาดใหญ่และการทุ่มตลาด”

นานดีกล่าวต่อว่า “อุตสาหกรรมสิ่งทอได้บูรณาการจากธุรกิจต้นน้ำถึงปลายน้ำ และระบบนิเวศนั้นมีความเสี่ยงที่จะถูกทำลายโดยการเข้ามาของสินค้าราคาถูกอย่างไม่ควบคุมในตลาด ความเสี่ยงของการนำเข้าที่ผิดกฎหมาย และสินค้าที่มีคุณภาพต่ำ”

“อุตสาหกรรมสิ่งทอในอินโดนีเซียมีงานให้หลายล้านคน หากแพลตฟอร์ม Temu ครองอุตสาหกรรมสำเร็จ อุตสาหกรรมนี้จะมีความเสี่ยงที่จะประสบกับการลดลงของผลิตภาพและการเพิ่มขึ้นของอัตราว่างงาน” นานดีอธิบาย

นานดียังแนะนำให้รัฐบาลจับตาดูธุรกรรมอีคอมเมิร์ซข้ามพรมแดนอย่างใกล้ชิด เพื่อให้แน่ใจว่าสินค้าที่นำเข้าเป็นไปตามกฎระเบียบท้องถิ่น อีกทั้งรัฐบาลควรช่วยอุตสาหกรรมท้องถิ่น เสริมสร้างความสามารถในการแข่งขันทางธุรกิจโดยการให้แรงจูงใจ ลงทุนในเทคโนโลยี และผลักดันการใช้ผลิตภัณฑ์ในประเทศ

ทั้งนี้ บริษัทวิจัย Momentum Works ระบุว่า อินโดนีเซียมีมูลค่าธุรกรรมอีคอมเมิร์ซอยู่ที่ 52,000 ล้านดอลลาร์ในปีที่ผ่านมา

‘เจือ ราชสีห์’ ยื่นหนังสือ ‘กมธ. คมนาคม วุฒิสภา’ หนุนสร้างสะพานข้ามทะเลสาบ เชื่อมสงขลา – สิงหนคร

9 (ต.ค. 67) นายเจือ ราชสีห์ ปรึกษารองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวง พลังงาน เข้ายื่นหนังสือ ต่อนายวุฒิชาติ กัลยาณมิตร สว. ประธานกรรมาธิการการคมนาคม วุฒิสภา เรื่องขอความอนุเคราะห์สนับสนุนโครงการก่อสร้างสะพานข้ามทะเลสาบสงขลา เพื่อเชื่อมอำเภอสงขลากับอำเภอสิงหนคร จังหวัดสงขลา

โดยระบุว่า ได้รับเรื่องร้องเรียนจากพี่น้องประชาชนในพื้นที่จังหวัดสงขลาและนักท่องเที่ยว ประสบกับปัญหาและความเดือดร้อน ในการข้ามฟากไป มา ระหว่างอำเภอเมืองสงขลา ไปยังอำเภอสิงหนคร ด้วยแพขนานยนต์

ทั้งนี้ เมื่อพิจารณา ลักษณะทางภูมิศาสตร์จังหวัดสงขลา ซึ่งถือเป็นเมืองที่สำคัญประกอบไปด้วย สถานศึกษา ศูนย์ราชการ และศูนย์การค้าทางเศรษฐกิจมีแหล่งท่องเที่ยวที่สำคัญของประเทศ แต่ไม่สามารถเดิน ทางเข้าออก ไปยังตัวเมืองสงขลาได้อย่างสะดวก เพราะเส้นทางการเดินทางมีเพียงแค่ 2 ทาง คือ เดินทางผ่าน สะพานติณสูลานนท์ มีระยะทาง 20 กิโลเมตร และการเดินทางโดยการใช้แพขนานยนต์ จากฝั่งหัวเขาแดง ไปอำเภอสิงหนคร ไปยัง อำเภอเมืองสงขลา ซึ่งปัจจุบันประชาชนส่วนใหญ่ในพื้นที่ และนักท่องเที่ยว ใช้วิธีการเดินทางด้วยแพขนานยนต์ เพื่อข้ามทะเลสาบ เนื่องจากมีระยะทางที่ใกล้กว่า สามารถลดระยะเวลาการเดินทางได้ จึงทำให้มีผู้ใช้บริการแพขนานยนต์เป็นจำนวนมากที่ต้องมารอต่อแถวเข้าคิวเพื่อซื้อตั๋ว โดยเฉพาะในช่วงเวลาเร่งด่วนช่วงเวลาเช้าและช่วงเวลาเย็น 

ดังนั้น จึงส่งผลให้เกิดปัญหา – อุปสรรคในการเดินทางของพี่น้อง ประชาชนเป็นอย่างมาก พี่น้องประชาชนชาวสงขลาและนักท่องเที่ยวจึงมีความต้องการให้ดำเนินการก่อสร้าง สะพานข้ามทะเลสาบสงขลา เพื่อเชื่อมอำเภอเมืองสงขลากับอำเภอสิงหนคร จังหวัดสงขลา ซึ่งโครงการดังกล่าวสามารถช่วยให้พี่น้องประชาชนและนักท่องเที่ยว ได้รับความสะดวกปลอดภัยในการเดินทางสัญจรไป-มา ประหยัดเวลา ระยะทาง และลดค่าใช้จ่ายประจำวันได้ ตลอดถึงสามารถกระตุ้นเศรษฐกิจด้านการท่องเที่ยวของจังหวัดสงขลาได้เป็นอย่างมาก

นายเจือ กล่าวระบุเพิ่มเติมว่า เพื่อเป็นการช่วยแก้ไขปัญหาความเดือดร้อนของพี่น้องประชาชน จึงได้นำส่งเรื่องมายังประธานคณะกรรมาธิการการคมนาคม วุฒิสภา นำเรื่องดังกล่าวบรรจุเข้าที่ประชุมคณะกรรมาธิการ พร้อมกับเชิญตนเองและหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง ประกอบด้วย อธิบดีกรมทางหลวงชนบท, อธิบดีกรมทางหลวง, อธิบดีกรมเจ้าท่า, ผู้ ผู้อำนวยการสำนักนโยบายและแผนการขนส่งและจราจร, ผู้ว่าราชการจังหวัดสงขลา, นายกองค์การบริหารส่วนจังหวัดสงขลา, โยธาธิการและผังเมืองจังหวัดสงขลา, นายกเทศมนตรีนครสงขลา และ นายกเทศมนตรีเมืองสิงหนคร เข้าร่วมประชุมเพื่อชี้แจงเกี่ยวกับประเด็นดังกล่าว

ทางด้านนายวุฒิชาติ กัลยาณมิตร กล่าวว่า หากเป็นความเดือดร้อนของประชาชนหรือส่วนรวม ทางคณะกรรมาธิการการคมนาคม วุฒิสภา ยินดีรับเรื่องไว้ และจะพิจารณาเป็นวาระเร่งด่วน ซึ่งอาจจะมีการเชิญหน่วยงานที่เกี่ยวข้องเข้ามาหารือ จากนั้นจะรายงานให้ทราบต่อไป


© Copyright 2021, All rights reserved. THE STATES TIMES
Take Me Top