Monday, 9 June 2025
Hard News Team

‘ซาอุฯ’ สั่งห้าม!! มุสลิม เข้าเมกกะ หลังไม่มีใบอนุญาตประกอบพิธีฮัจญ์

(3 มิ.ย. 68) ซาอุดีอาระเบียสั่งห้ามไม่ต่ำกว่า 269,000 คนที่ไร้ใบอนุญาตเข้าประกอบพิธิฮัจญ์ที่ถือเป็นพิธีสำคัญครั้งหนึ่งในชีวิตชาวมุสลิมจากการเข้าสู่มหานครเมกกะระหว่างมาตรการกวาดล้างการเดินทางแสวงบุญผิดกฎหมาย

เอพีรายงานวานนี้(2 มิ.ย)ว่า รัฐบาลริยาดกล่าวโทษต่อการแออัดในพิธีฮัดจญ์จากกลุ่มผู้แสวงบุญที่ไม่มีใบอนุญาต ที่ริยาดอ้างว่าผู้เสียชีวิตส่วนใหญ่ในพิธีฮัดจญ์ปีที่แล้วที่เกิดขึ้นท่ามกลางอากาศร้อนจัดสูงถึง 50 องศาเซลเซียสอยู่ในกลุ่มคนที่ไม่มีใบอนุญาต

เอพีชี้ว่าจำนวนของการกวาดล้างผู้แสวงบุญผิดกฎหมายนี้นอกจากจะชี้ได้ถึงตัวเลขจำนวนมากของผู้ที่ไม่ได้ใบอนุญาตจากซาอุฯแต่ยังสะท้อนถึงความต้องการที่สูงในการประกอบพิธีฮัดจญ์ที่มหานครเมกกะ

ปัจจุบันมีชาวมุสลิมอาศัยอยู่ในเมืองเมกกะอย่างเป็นทางการราว 1.4 ล้านคนที่คาดว่าจะมีเป็นจำนวนมากเดินทางเข้ามาอีกไม่กี่วันนี้

ทั้งนี้มีค่าปรับสูงถึง 5,000 ดอลลาร์และมาตรการลงโทษจากรัฐเป็นต้นว่า การเนรเทศสำหรับผู้ที่ประกอบพิธีโดยปราศจากใบอนุญาต

นโยบายนี้รวมไปพลเมืองซาอุฯเองและกลุ่มคนผู้มีถิ่นพำนักในซาอุดีอาระเบีย
ที่งานแถลงข่าวในนครเมกกะ เจ้าหน้าที่แถลงว่าพวกเขาสามารถกวาดล้างผู้แสวงบุญที่ไม่มีใบอนุญาตประกอบพิธีฮัดจญ์ได้จำนวนราว 269,678 คนจากการเข้าสู่มหานครสำเร็จ

อ้างอิงจากกฎผู้ที่มีใบอนุญาตจะสามารถเข้าไปประกอบพิธีได้โดยไม่มีข้อยกเว้นให้กับคนที่อาศัยในเมืองเมกกะอยู่เดิม

เจ้าหน้าที่ซาอุฯได้สั่งลงโทษชาวซาอุฯกว่า 23,000 คนสำหรับการละเมิดกฎพิธีฮัดจญ์และได้สั่งถอนใบอนุญาตบริษัทแสวงบุญพิธีฮัจญ์อีกจำนวน 400 บริษัท

พลโท โมฮัมเหม็ด อัล-โอมารี (Mohammed Al-Omari)ว่า “บรรดานักแสวงบุญอยู่ในสายตาของพวกเรา และใครก็ตามที่ขัดขืนจะอยู่ในมือของพวกเรา”

เป็นครั้งแรกในประวัติศาสตร์ เศรษฐกิจอินเดีย แซงญี่ปุ่นขึ้นมาเป็นอันดับ 4 ของโลก

(3 มิ.ย. 68) เป็นครั้งแรกในประวัติศาสตร์ เศรษฐกิจอินเดียแซงญี่ปุ่นขึ้นมาเป็นอันดับ 4 ของโลกในปีนี้ 2568 รองจาก สหรัฐอเมริกา จีน และ เยอรมนี และคาดการณ์ว่าในปี 2570 จะแซงเยอรมนีขึ้นมาเป็นอันดับ 3 ของโลก

- อินเดีย 4.187 ล้านล้านดอลล่าร์

- ญี่ปุ่น 4.186 ล้านล้านดอลล่าร์

*** ขณะที่ จีนและญี่ปุ่น ประสบปัญหาเศรษฐกิจชะลอตัว เนื่องจากเข้าสู่สังคมผู้สูงอายุ

*** ปัจจุบันอินเดียเป็นประเทศที่มีจำนวนประชากรมากที่สุดในโลก 1,500 ล้านคนซึ่งแซงหน้าจีนมาในปี 2566 ที่ผ่านมา

‘ระยอง’ ไม่ธรรมดา!! แชมป์จุดหมายยอดฮิต ทั้งไทย และเอเชีย ด้วยเสน่ห์ของธรรมชาติริมฝั่งทะเล วัฒนธรรมท้องถิ่น เป็นเอกลักษณ์

(3 มิ.ย. 68) อโกด้า แพลตฟอร์มดิจิทัลด้านการท่องเที่ยว เผยจุดหมายปลายทางยอดนิยมในเอเชียสำหรับผู้ที่ชื่นชอบการเดินทางแบบไม่เร่งรีบ (Slow Travel) โดยมีเมืองชายฝั่งของไทยอย่าง “ระยอง” ขึ้นแท่นอันดับหนึ่งในใจนักเดินทางทั้งในประเทศไทยและในเอเชีย

ฃสำหรับ 3 จุดหมายยอดนิยมของการเดินทางแบบไม่เร่งรีบในเมืองไทย ได้แก่

ระยอง พัทยา และเกาะช้าง ส่วน 9 จุดหมายปลายทางยอดนิยมของการเดินทางแบบไม่เร่งรีบในเอเชีย ประจำปี 2568 มีดั้งนี้

1.ระยอง, ไทย
สวรรค์ริมชายหาดแห่งนี้คือจุดหมายปลายทางในฝันของผู้ที่มองหาความสงบ ท่ามกลางชายหาดที่เงียบสงบและน้ำทะเลที่ใสสะอาด เหมาะสำหรับการหลีกหนีจากความวุ่นวาย นักเดินทางสามารถเพลิดเพลินกับอาหารทะเลสดใหม่จากเรือประมง

เสน่ห์ของระยองอยู่ที่ความเงียบสงบของชายหาดแม่รำพึงที่ทอดยาว ป่าชายเลนสีทองที่ทุ่งโปรงทอง และบรรยากาศสบาย ๆ บนเกาะเสม็ด เหมาะอย่างยิ่งสำหรับการพักใจ ดื่มด่ำกับบรรยากาศ และใช้เวลากับตัวเองอย่างเต็มที่ ระยองจึงเป็นจุดหมายในอุดมคติสำหรับการพักผ่อน เติมพลัง และกลับมาเชื่อมโยงกับธรรมชาติอีกครั้ง

2. กาเลโกวา, อินโดนีเซีย
กาเลโกวาเปรียบดั่งสวรรค์ที่รอให้นักเดินทางมาค้นพบ มีเสน่ห์ที่น่าหลงใหล ชวนให้นักเดินทางชะลอจังหวะชีวิต ดื่มด่ำกับธรรมชาติอันเขียวขจีและวัฒนธรรมท้องถิ่น ทั้งนี้ยังขึ้นชื่อเรื่องนาข้าวสีเขียว สบายตาสถาปัตยกรรมแบบบูกิสดั้งเดิม และการต้อนรับที่อบอุ่นจากชาวบ้าน นักท่องเที่ยวสามารถใช้เวลาเดินเล่นชมตลาดท้องถิ่น ลิ้มรสอาหารอินโดนีเซียต้นตำรับ หรือออกเดินป่าชมเส้นทางธรรมชาติ ซึ่งเต็มเปี่ยมไปด้วยเสน่ห์แห่งความเรียบง่าย เหมาะสำหรับผู้ที่มองหาประสบการณ์การเดินทางที่ไม่เร่งรีบ และมีความหมาย

3.โซล, เกาหลีใต้
แม้ว่าโซลจะเป็นเมืองหลวงที่คึกคัก แต่ก็เป็นอีกหนึ่งจุดหมายปลายทางที่เหมาะกับการท่องเที่ยวแบบไม่เร่งรีบ ไม่ว่าจะเป็นการเดินเล่นไปตามถนนสายประวัติศาสตร์ในหมู่บ้านบุกชอนฮันอก แวะจิบชาในบ้านน้ำชาแบบดั้งเดิม สำรวจตรอกซอกซอยเล็ก ๆ หรือเพลิดเพลินกับบาร์บีคิวเกาหลีรสเข้มข้น นักเดินทางสามารถใช้เวลาอย่างไม่เร่งรีบ ดื่มด่ำกับบรรยากาศ และซึมซับเสน่ห์ของเมืองในทุกย่างก้าว

4.โตเกียว, ญี่ปุ่น
โตเกียวคือเมืองที่ผสานประวัติศาสตร์ ความทันสมัย และวัฒนธรรมเข้าไว้ด้วยกันอย่างลงตัว จึงไม่น่าแปลกใจที่นักเดินทางจำนวนมากสามารถใช้เวลาอยู่ที่นี่ได้อย่างไม่มีเบื่อ ไม่ว่าจะเป็นความคึกคักของย่านชิบุยะ ความสงบเรียบง่ายของย่านยะนะกะ หรือความหลากหลายของรสชาติอาหารที่รอให้นักเดินทางมาค้นพบ โตเกียวคือเมืองที่เต็มไปด้วยเรื่องราวให้สำรวจ เหมาะเป็นอย่างยิ่งสำหรับผู้ที่ต้องการเดินทางในจังหวะของตนเอง และดื่มด่ำกับทุกช่วงเวลาอย่างแท้จริง

5. ญาจาง, เวียดนาม
ด้วยชายฝั่งที่งดงามและบรรยากาศที่ผ่อนคลาย ญาจางจึงเป็นสวรรค์ ของผู้รักทะเลที่อยากใช้เวลาอย่างไม่เร่งรีบ ท่ามกลางแสงแดดอุ่น ลมทะเลเย็นสบาย และหาดทรายขาวละเอียด นอกจากชายหาดแล้ว ญาจางยังมีสถานที่หลากหลายรอให้นักเดินทางมาค้นพบ ไม่ว่าจะเป็นการ เยี่ยมชมปราสาทโพนาคาอันเก่าแก่ ไปจนถึงการแช่บ่อโคลนเพื่อฟื้นฟูร่างกาย บรรยากาศสบาย ๆ ของญาจาง ทำให้ที่นี่เหมาะเป็นอย่างยิ่งสำหรับการท่องเที่ยวแบบไม่เร่งรีบ

6. โบราไกย์, ฟิลิปปินส์
หาดทรายขาวละเอียดและน้ำทะเลใสสะอาดของเกาะโบราไกย์ คือสวรรค์สำหรับผู้ที่อยากปล่อยใจให้ผ่อนคลายและดื่มด่ำกับความงดงามของธรรมชาติอย่างเต็มที่ นอกจากชายหาดชื่อดังแล้ว เกาะแห่งนี้ยังเหมาะกับนักเดินทางที่ชอบการเดินทางแบบไม่เร่งรีบ ที่อยากสัมผัสโลกใต้ทะเลผ่านการดำน้ำลึกหรือดำน้ำตื้น รวมถึงล่องเรือปาราว ชมพระอาทิตย์ตกท่ามกลางลมทะเลเย็นสบาย ด้วยบรรยากาศที่อบอุ่นและทิวทัศน์ที่งดงาม โบราไกย์จึงเป็นจุดหมายปลายทางที่ทำให้นักเดินทางหลายคนหลงลืมเวลา และอยากอยู่ต่ออีกสักวัน

7. ไทเป, ไต้หวัน
ไทเปเป็นเมืองที่ผสมความทันสมัยและความดั้งเดิมเข้าไว้ด้วยกันอย่างลงตัว ทั้งตลาดกลางคืน น้ำพุร้อน และเส้นทางเดินป่า ที่ชวนให้นักเดินทางมาเพลิดเพลินและสำรวจได้อย่างไม่เร่งรีบ โดยสามารถเดินสำรวจถนนต้าวเฉิง ลิ้มลองอาหารท้องถิ่นอย่างเสี่ยวหลงเปา หรือจะไปเที่ยวแบบไปเช้าเย็นกลับที่อุทยานแห่งชาติหยางมิงซาน ด้วยบรรยากาศที่อบอุ่นและวัฒนธรรมที่หลากหลาย ไทเปจึงเป็นเมืองที่เต็มไปด้วยประสบการณ์ที่น่าค้นหา และคุ้มค่ากับการใช้เวลาในการดื่มด่ำกับสถานที่ต่าง ๆ

8. กัวลาลัมเปอร์, มาเลเซีย
นักเดินทางที่ชื่นชอบการท่องเที่ยวแบบไม่เร่งรีบสามารถใช้เวลาในการสำรวจย่านต่างๆ ของกัวลาลัมเปอร์ ตั้งแต่ถนนที่มีสีสันสดใสในย่ายลิตเติ้ลอินเดีย ความงามของสถาปัตยกรรมที่โดดเด่น เช่น ตึกแฝดเปโตรนาส และอาคารสุลต่านอับดุลซาหมัด เป็นอีกหนึ่งจุดเด่นที่คอยดึงดูดให้นักเดินทางต้องหยุดและถ่ายภาพ สำหรับผู้ที่หลงใหลในอาหารก็สามารถเพลิดเพลินกับการลิ้มลองอาหารท้องถิ่นจากร้านสตรีทฟู้ด หรือ ร้านอาหารต่าง ๆ อันหลากหลาย ซึ่งกัวลาลัมเปอร์ได้ผสมผสานระหว่างความดั้งเดิมและความทันสมัยไว้อย่างลงตัว กลายเป็นเป็นจุดหมายปลายทางที่น่าค้นหาสำหรับนักเดินทางที่ต้องการดื่มด่ำกับเมืองนี้และใช้เวลาสำรวจทุกมุมอย่างเต็มที่

9. เจนไน, อินเดีย
มรดกทางวัฒนธรรมอันลึกซึ้ง บรรยากาศศิลปะที่เต็มไปด้วยชีวิตชีวา และเสน่ห์ริมทะเลของเมืองเจนไน ทำให้สถานที่แห่งนี้เป็นจุดหมายปลายทางที่เหมาะสำหรับนักเดินทางที่ต้องการจะชะลอจังหวะชีวิต และดื่มด่ำกับวัฒนธรรมทางตอนใต้ของอินเดีย นักเดินทางสามารถสำรวจวัดโบราณของเมือง เพลิดเพลินกับการเดินเล่นเงียบ ๆ ที่ชายหาดมารีนา หรือชมการแสดงดนตรีคาร์เนติก ความอบอุ่นของการต้อนรับจากคนท้องถิ่นและความหลากหลายทางวัฒนธรรมทำให้เจนไนเป็นเมืองที่คุ้มค่ากับการใช้เวลาในการสำรวจและสัมผัสทุกมุมอย่างแท้จริง

อรรคพร รอดคง ผู้อำนวยการประจำประเทศไทยของอโกด้า เปิดเผยว่า ในโลกยุคปัจจุบันที่ทุกอย่างหมุนไปอย่างรวดเร็ว นักเดินทางจำนวนไม่น้อยเริ่มหันมาให้ความสำคัญกับการเดินทางอย่างไม่เร่งรีบ เพื่อเปิดโอกาสให้ตนเองได้ซึมซับบรรยากาศ วัฒนธรรม และความงดงามของสถานที่ที่ไปเยือนอย่างลึกซึ้ง ที่อโกด้า

“เราภูมิใจที่ได้มีส่วนสนับสนุนแนวทางการเดินทางที่เปี่ยมด้วยความหมายนี้ ด้วยแพลตฟอร์มที่ช่วยให้นักเดินทางค้นหาที่พักและกิจกรรมต่าง ๆ ได้อย่างสะดวก พร้อมเปิดโอกาสให้ทุกคนได้เดินทางในจังหวะของตัวเอง และชื่นชมโลกใบนี้อย่างแท้จริง เอเชียยังเต็มไปด้วยจุดหมายปลายทางที่เหมาะสำหรับการเดินทางแบบไม่เร่งรีบ และ ‘ระยอง’ ก็เป็นหนึ่งในนั้น ด้วยเสน่ห์ของธรรมชาติริมฝั่งทะเล ความเงียบสงบ และวัฒนธรรมท้องถิ่นที่ยังคงความเป็นเอกลักษณ์ ระยองจึงเป็นเมืองที่ชวนให้นักเดินทางได้ใช้เวลาอย่างคุ้มค่า พักผ่อน และดื่มด่ำกับทุกช่วงเวลาอย่างไม่เร่งรีบ” อรรคพรกล่าว

‘ดร.เฉลิมชัย’ รมว.ทส. สั่ง!! ส่งขยะพิษอะลูมิเนียมกว่า 110 ตัน กลับสหรัฐฯ ให้ความสำคัญ ดูแลสิ่งแวดล้อม เพื่อคุณภาพชีวิตที่ดี ของคนไทยทุกคน

(3 มิ.ย. 68) ดร.เฉลิมชัย ศรีอ่อน รัฐมนตรีว่าการกระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม รัฐมนตรีว่าการกระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม (รมว.ทส.) ได้มีข้อสั่งการให้กรมควบคุมมลพิษ (คพ.) ประสานงานกับกรมโรงงานอุตสาหกรรม (กรอ.) และกรมศุลกากร (กศก.) ดำเนินการอย่างเร่งด่วนในการตรวจสอบและส่งกลับตู้สินค้าที่สำแดงเป็นเศษอะลูมิเนียม หลังจากมีการพบการปนเปื้อนของเสียอันตรายประเภทขยะอิเล็กทรอนิกส์ ที่เป็นการนำเข้าจากสหรัฐอเมริกา ณ ท่าเรือแหลมฉบัง จังหวัดชลบุรี

ในเรื่องนี้ นางสาวปรีญาพร สุวรรณเกษ อธิบดีกรมควบคุมมลพิษ ออกมาเปิดเผยว่า จากการตรวจสอบตู้สินค้า 6 ตู้ ปริมาณกว่า 110 ตัน เมื่อวันที่ 20 พฤษภาคมที่ผ่านมา พบว่ามีการปะปนของแผงวงจรอิเล็กทรอนิกส์ที่มีสารตะกั่ว ซึ่งเข้าข่ายเป็นของเสียอันตรายภายใต้อนุสัญญาบาเซลฯ และพระราชบัญญัติวัตถุอันตราย พ.ศ. 2535 การนำเข้าสินค้าอันตรายโดยไม่ได้รับความยินยอมจากประเทศปลายทาง ถือเป็นการเคลื่อนย้ายข้ามแดนของของเสียอันตรายอย่างผิดกฎหมาย โดยเฉพาะอย่างยิ่งกรณีนี้ที่ประเทศสหรัฐอเมริกายังไม่ได้ให้สัตยาบันในอนุสัญญาบาเซลฯ ทำให้ไม่มีสิทธิ์ส่งของเสียอันตรายเข้ามายังประเทศภาคีอย่างประเทศไทยได้

ด้วยความมุ่งมั่นในการปกป้องสิ่งแวดล้อมของประเทศ และความห่วงใยต่อสุขภาพของประชาชน ดร.เฉลิมชัย ศรีอ่อน จึงได้มีข้อสั่งการให้ คพ. ในฐานะศูนย์ประสานงานของอนุสัญญาบาเซลฯ แจ้งเรื่องไปยังสำนักเลขาธิการอนุสัญญาบาเซลฯ และประสาน กรอ. เพื่อแจ้งหน่วยงานผู้มีอำนาจของประเทศสหรัฐอเมริกาให้ดำเนินการตามขั้นตอนทางกฎหมาย นอกจากนี้ยังได้สั่งการให้เร่งส่งกลับของเสียอันตรายดังกล่าวไปยังประเทศต้นทางโดยเร็วที่สุด เพื่อยับยั้งการนำเข้าของเสียผิดกฎหมายเข้าสู่ประเทศไทยอย่างเด็ดขาด

จากข้อสั่งการที่รวดเร็วและเด็ดขาดของ ดร.เฉลิมชัย ศรีอ่อน ได้สะท้อนให้เห็นถึงความจริงจังในการปกป้องประเทศไทยจากการเป็น "ถังขยะโลก" และตอกย้ำวิสัยทัศน์ของหัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์ที่ให้ความสำคัญกับการดูแลสิ่งแวดล้อมเพื่อคุณภาพชีวิตที่ดีของคนไทยทุกคน

กองทัพอากาศ ร่วมยินดีกับ ‘วศิน อิ่มสมัย’ อย่างภาคภูมิใจ เกียรตินิยมอันดับ 1 จาก โรงเรียนนายเรืออากาศสหรัฐอเมริกา

(3 มิ.ย. 68) ชูธงชาติไทย อย่างสมเกียรติ กองทัพอากาศ ขอร่วมแสดงความยินดีกับนักเรียนนายเรืออากาศ วศิน อิ่มสมัย ที่สำเร็จการศึกษาได้รับ "เกียรตินิยมอันดับ 1" จาก โรงเรียนนายเรืออากาศสหรัฐอเมริกา (United States Air Force Academy) สาขาวิชาเอก วิศวกรรมอากาศยาน

นับเป็นอีกหนึ่งความภาคภูมิใจของกองทัพอากาศที่ได้สร้างชื่อเสียงให้กับประเทศชาติ และเป็นตัวอย่างของบุคคลที่มีความมานะพยายามจนประสบความสำเร็จในด้านการศึกษาของกองทัพอากาศ

โฆษก รทสช. ขอบคุณคนไทยโหวต ‘พีระพันธุ์’ นักการเมืองบทบาทโดดเด่น ย้ำ!! มุ่งเดินหน้าทำงาน สร้างประโยชน์ให้ประเทศชาติและคนไทย

(3 มิ.ย. 68) นายอัครเดช วงษ์พิทักษ์โรจน์ สมาชิกสภาผู้แทนราษฎร จังหวัดราชบุรี เขต 4 และโฆษกพรรครวมไทยสร้างชาติ เปิดเผยถึงกรณีผลสำรวจ “ดัชนีการเมืองไทย ประจำเดือนพฤษภาคม 2568” ของสวนดุสิตโพล มหาวิทยาลัยสวนดุสิต ที่ระบุว่า ประชาชนกว่า 24.06% มองว่านายพีระพันธุ์ สาลีรัฐวิภาค รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงพลังงาน หัวหน้าพรรครวมไทยสร้างชาติ เป็นนักการเมืองที่มีบทบาทโดดเด่นมากที่สุดเป็นอันดับ 3 ในเดือนพฤษภาคม 2568

โดยนายอัครเดช กล่าวว่า ต้องขอขอบคุณพ่อแม่พี่น้องประชาชนที่ให้ความไว้วางใจและสนับสนุนนายพีระพันธุ์ และพรรครวมไทยสร้างชาติ มาโดยตลอดต่อเนื่อง จนคะแนนความนิยมของนายพีระพันธุ์ พุ่งขึ้นสู่ท็อป 3 ในรัฐบาลและมีแนวโน้มดียิ่งขึ้นอย่างต่อเนื่อง แม้ในสถานการณ์ปัจจุบันจะมีแรงกดดันจากภายนอกและภายในให้กับนายพีระพันธุ์ และพรรครวมไทยสร้างชาติ 

ทั้งนี้ คะแนนนิยมดังกล่าวจากพ่อแม่พี่น้องถือเป็นขวัญกำลังใจและสิ่งที่มีคุณค่าในการทำงานของนายพีระพันธุ์ และสมาชิกสภาผู้แทนราษฎรของพรรครวมไทยสร้างชาติทุกคน ที่จะยังคงมุ่งมั่นเดินหน้าทำงานต่อเนื่องให้สมกับความไว้วางใจของพ่อแม่พี่น้องทุกคนที่ให้การสนับสนุนพรรค โดยเฉพาะในประเด็นการขับเคลื่อนการปฏิรูปโครงสร้างทางพลังงาน ทั้งค่าไฟและราคาน้ำมัน ที่เป็นนโยบายและเป้าหมายหลักของนายพีระพันธุ์

“สิ่งสำคัญในตอนนี้ คือ การเดินหน้าทำงานเพื่อบ้านเมืองและประเทศชาติ โดยพรรคจะยังคงยึดมั่นหลักในการทำงานที่ยึดถือประโยชน์ของคนไทยเป็นที่ตั้ง ส่วนกระแสข่าวเกี่ยวกับพรรค ขอให้เป็นเรื่องภายในพรรคที่มั่นใจว่าจะสามารถเดินหน้าประสานความเข้าใจ สร้างความร่วมมือและบรรยากาศที่ดีร่วมกันได้ต่อไป เพื่อเดินหน้าทำงานให้ผลประโยชน์สูงสุดตกอยู่กับพ่อแม่พี่น้องคนไทยทุกคน” นายอัครเดช กล่าวทิ้งท้าย

มูลนิธิป่อเต็กตึ๊ง ลงนามถวายพระพรชัยมงคลสมเด็จพระนางเจ้า ฯ พระบรมราชินี เนื่องในโอกาสวันเฉลิมพระชนมพรรษา วันที่ 3 มิถุนายน 2568 ณ ศาลาสหทัยสมาคม พระบรมมหาราชวัง กรุงเทพฯ

(3 มิ.ย. 68) มูลนิธิป่อเต็กตึ๊ง นำโดย นายสัก กอแสงเรือง รองประธานกรรมการ นายวิรุฬ เตชะไพบูลย์ ที่ปรึกษาประธานกรรมการ  นายจารุรัตน์ คุณัตถานนท์ กรรมการและเหรัญญิก นายชาญกิจ วิทยาวรากรณ์ กรรมการ และนายวิศิษฎ์ ลิ้มประนะ กรรมการ นำคณะผู้บริหารมูลนิธิป่อเต็กตึ๊ง และหน่วยงานในเครือ นำแจกันดอกไม้ทูลเกล้าทูลกระหม่อมถวายหน้าพระบรมฉายาลักษณ์ และลงนามถวายพระพรชัยมงคล สมเด็จพระนางเจ้า ฯ พระบรมราชินี เนื่องในโอกาสวันเฉลิมพระชนมพรรษา วันที่ 3 มิถุนายน 2568 ณ ศาลาสหทัยสมาคม ในพระบรมมหาราชวัง กรุงเทพฯ

นราธิวาส-แม่ทัพภาคที่ 4 ตรวจเยี่ยมการปฏิบัติงาน กองบังคับการควบคุมสุริโยทัย จังหวัดนราธิวาส

(2 มิ.ย. 68) พลโท ไพศาล หนูสังข์ แม่ทัพภาคที่ 4 / ผู้อำนวยการรักษาความมั่นคงภายในภาค 4 พร้อมด้วย พลตรี วรเดช เดชรักษา รองแม่ทัพภาคที่ 4 / รองผู้อำนวยการรักษาความมั่นคงภายในภาค 4 ส่วนหน้า และคณะ ได้เดินทางลงพื้นที่จังหวัดนราธิวาส เพื่อตรวจเยี่ยมและติดตามการปฏิบัติงาน ณ กองบังคับการควบคุมสุริโยทัย ค่ายกัลยาณิวัฒนา ตำบลกะลุวอ อำเภอเมือง จังหวัดนราธิวาส

ในการนี้ พลตรี ณรงค์ ตันติสิทธิพร ผู้บัญชาการกองพลทหารราบที่ 15 / ผู้บังคับหน่วยเฉพาะกิจนราธิวาส พร้อมด้วย พันเอก กำธร ศรีเกตุ รองผู้บังคับหน่วยเฉพาะกิจนราธิวาส ผู้บังคับหน่วยในพื้นที่ และกำลังพล ร่วมให้การต้อนรับและเข้าร่วมประชุมสรุปสถานการณ์ด้านความมั่นคง

แม่ทัพภาคที่ 4 ได้รับฟังบรรยายสรุปสถานการณ์ด้านการข่าวในพื้นที่ และรายงานผลการปฏิบัติงานตามภารกิจสำคัญ ทั้งในส่วนของการรักษาความมั่นคงตามนโยบายของผู้บัญชาการศูนย์ปฏิบัติการกองทัพบก และการป้องกันชายแดนตามพันธกิจ 5 ประการ ได้แก่ การเฝ้าตรวจและป้องกันพื้นที่ชายแดน, การเสริมสร้างความมั่นคงในพื้นที่ชายแดน, การแก้ไขปัญหาความมั่นคงในพื้นที่, การประสานความร่วมมือกับประเทศเพื่อนบ้าน และการติดตามข่าวสารและสถานการณ์สำคัญจากประเทศเพื่อนบ้านอย่างใกล้ชิด

นอกจากนี้ ยังมีการติดตามผลการดำเนินงานตามภารกิจเร่งด่วน 5 ด้านของกองอำนวยการรักษาความมั่นคงภายในภาค 4 ส่วนหน้า ได้แก่ การควบคุมพื้นที่และการบังคับใช้กฎหมาย,การป้องกันและแก้ไขปัญหายาเสพติด, การส่งเสริมการอยู่ร่วมกันภายใต้สังคมพหุวัฒนธรรม, การพัฒนาเพื่อเสริมสร้างความมั่นคง, การสร้างความเข้าใจและความไว้วางใจระหว่างรัฐกับประชาชน

ในโอกาสนี้ แม่ทัพภาคที่ 4 ได้เน้นย้ำถึงความสำคัญของการปฏิบัติหน้าที่ด้วยความรอบคอบ ภายใต้มาตรการที่รัดกุมเพื่อป้องกันเหตุการณ์ที่อาจเกิดขึ้นโดยไม่คาดคิด พร้อมเน้นการบูรณาการความร่วมมือระหว่างหน่วยงานภาครัฐและประชาชนในพื้นที่ เพื่อสร้างความมั่นคงอย่างยั่งยืน

📍 ทั้งนี้ ได้ฝากข้อคิดและให้กำลังใจกำลังพลในการปฏิบัติงานให้มีความพร้อม มุ่งมั่นในการดูแลประชาชนด้วยหัวใจแห่งความเสียสละ บนพื้นฐานของการเคารพสิทธิมนุษยชน และส่งเสริมความเข้าใจอันดีระหว่างเจ้าหน้าที่กับชุมชน เพื่อร่วมกันสร้างสันติสุขในพื้นที่จังหวัดชายแดนภาคใต้อย่างยั่งยืน
ข่าว.แวดาโอ๊ะ หะไร จ.นราธิวาส

ทรงพระเจริญ ๓ มิถุนายน วันเฉลิมพระชนมพรรษา สมเด็จพระนางเจ้าสุทิดา พัชรสุธาพิมลลักษณ พระบรมราชินี

ด้วยเกล้าด้วยกระหม่อม
ข้าพระพุทธเจ้า ผู้บริหารและพนักงาน สำนักข่าวออนไลน์ THE STATES TIMES

วันที่ 3 มิถุนายนของทุกปี เป็นวันคล้ายวันเฉลิมพระชนมพรรษา สมเด็จพระนางเจ้าสุทิดา พัชรสุธาพิมลลักษณ พระบรมราชินี 

พระราชประวัติสมเด็จพระนางเจ้าสุทิดา พัชรสุธาพิมลลักษณ พระบรมราชินี คู่พระบารมีรัชกาลที่ 10

สมเด็จพระนางเจ้าสุทิดา พัชรสุธาพิมลลักษณ พระบรมราชินี ทรงพระราชสมภพ เมื่อวันที่ 3 มิถุนายน พ.ศ. 2521 มีพระนามเดิมว่า สุทิดา ติดใจ ทรงสำเร็จการศึกษาหลักสูตรนิเทศศาสตรบัณฑิต คณะนิเทศศาสตร์ มหาวิทยาลัยอัสสัมชัญ จบการศึกษาเมื่อปี พ.ศ.2543 ก่อนที่จะทรงเข้าทำงานเป็นพนักงานต้อนรับของการบินไทย เมื่อปี พ.ศ.2546 - พ.ศ. 2551 หลังจากนั้น ทรงได้รับพระมหากรุณาธิคุณจากพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวมหาวชิราลงกรณ บดินทรเทพยวรางกูร ให้ทรงดำรงตำแหน่งรองผู้บัญชาการ หน่วยบัญชาการถวายความปลอดภัยรักษาพระองค์ (อัตรา พลเอกพิเศษ)

วันที่ 1 พฤษภาคม พ.ศ. 2562 พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวมหาวชิราลงกรณ บดินทรเทพยวรางกูร มีพระราชโองการโปรดเกล้าฯ ทรงประกอบพระราชพิธีราชาภิเษกสมรส และสถาปนาพลเอกหญิง สุทิดา วชิราลงกรณ์ ณ อยุธยา เป็น "สมเด็จพระราชินีสุทิดา" ทรงดำรงตำแหน่งพระอิสริยยศ ฐานันดรศักดิ์แห่งพระราชวงศ์ ต่อมา พระราชพิธีบรมราชาภิเษกอย่างเป็นทางการ จัดขึ้นในวันที่ 4 พฤษภาคม พ.ศ. 2562 พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวมหาวชิราลงกรณ บดินทรเทพยวรางกูร มีพระบรมราชโองการโปรดเกล้าฯ ให้ประกาศสถาปนาเฉลิมพระเกียรติยศสมเด็จพระราชินีสุทิดาขึ้นเป็น "สมเด็จพระนางเจ้าสุทิดา พัชรสุธาพิมลลักษณ พระบรมราชินี"

‘คาร์โรล นาวร็อคกี’ ผู้นำชาตินิยม ชนะเลือกตั้งโปแลนด์ ชูจุดยืนแข็งกร้าว!!..ต้านยูเครน ใกล้ชิดสหรัฐฯ ชนอียู

(2 มิ.ย. 68) คาร์โรล นาวร็อคกี (Karol Nawrocki) ผู้นำสายอนุรักษ์นิยม คว้าชัยชนะในการเลือกตั้งประธานาธิบดีโปแลนด์ด้วยคะแนน 50.89% เฉือนชนะราฟาล ทรัสคอฟสกี นายกเทศมนตรีวอร์ซอผู้แทนสายเสรีนิยม ซึ่งได้ 49.11% ท่ามกลางการขับเคี่ยวอย่างสูสีจนถึงโค้งสุดท้าย โดยก่อนหน้าการเลือกตั้ง ทรัสคอฟสกีมีคะแนนนำเล็กน้อยในโพลเกือบทุกสำนัก

นาวร็อคกี เป็นที่รู้จักจากจุดยืนชาตินิยมแข็งกร้าว และได้รับการสนับสนุนจากอดีตประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ รวมถึงเจ้าหน้าที่ระดับสูงของสหรัฐฯ ซึ่งคาดว่าจะช่วยยกระดับความร่วมมือทางทหารระหว่างโปแลนด์กับสหรัฐฯ แต่ในขณะเดียวกันก็อาจสร้างความตึงเครียดกับสหภาพยุโรปที่ต้องการให้โปแลนด์เดินหน้าไปในทิศทางประชาธิปไตยเสรีนิยม

อย่างไรก็ตาม เส้นทางการเมืองของนาวร็อคกีอาจไม่ราบรื่นนัก เนื่องจากนายกรัฐมนตรีคนปัจจุบัน โดนัลด์ ทัสก์ (Donald Franciszek Tusk) เป็นนักการเมืองสายเสรีนิยมที่มีบทบาทสูงในรัฐบาล ประกอบกับสมาชิกในรัฐสภาโปแลนด์ ยังเป็นพวกฝ่ายซ้ายอีกด้วย ซึ่งอาจทำให้นโยบายของนาวร็อคกีอาจถูกต่อต้านได้

ในเวทีระหว่างประเทศ นาวร็อคกีแสดงจุดยืนชัดเจนว่าไม่สนับสนุนการที่ยูเครนเข้าเป็นสมาชิก NATO และวิจารณ์รัฐบาลเซเลนสกีอย่างรุนแรง พร้อมประกาศลดบทบาทโปแลนด์ในความช่วยเหลือทางทหารต่อยูเครน แม้จะยังคงยืนกรานท่าทีต่อต้านรัสเซียก็ตาม โดยเขาจะเข้ารับตำแหน่งต่อจากอันเดรจ ดูดา ในวันที่ 6 สิงหาคม 2025 นี้


© Copyright 2021, All rights reserved. THE STATES TIMES
Take Me Top