Saturday, 12 October 2024
Hard News Team

12 ตุลาคม พ.ศ. 2448 ร.5 ทรงประกาศรวมหอพระสมุด พร้อมจัดตั้ง "หอสมุดสำหรับพระนคร" ต้นกำเนิดหอสมุดแห่งชาติ

12 ตุลาคม พ.ศ. 2448 ในหลวง รัชกาลที่ 5 ทรงประกาศรวมกิจการหอพระสมุดสามแห่ง คือ หอพระมณเฑียรธรรม หอพระสมุดวชิรญาณและหอพุทธศาสนสังคหะ จัดตั้งเป็น "หอสมุดสำหรับพระนคร" พระราชทานให้ปวงชนชาวไทยมีแหล่งศึกษาหาความรู้ ทำให้หอพระสมุดที่เดิมเป็นประโยชน์เฉพาะเจ้านายขุนนาง ได้ใช้ประโยชน์โดยประชาชนทั่วไปด้วย จัดเป็นห้องสมุดสาธารณะแห่งแรกของไทย และเป็นต้นกำเนิดของ "หอสมุดแห่งชาติ" ในปัจจุบัน

โดยพระราชทานนามว่า "หอพระสมุดวชิรญาณสำหรับพระนคร" ตั้งอยู่ ณ หอคองคอเดีย ในพระบรมมหาราชวัง (ปัจจุบันคือ ศาลาสหทัยสมาคม) เนื่องจากพระราชประสงค์จะทรงเฉลิมพระเกียรติสมเด็จพระบรมชนกนาถ (รัชกาลที่ 4) ครบ 100 ปี 

ประจวบกับประเทศสยามยังไม่มีหอสมุดสำหรับพระนคร จึงทรงอุทิศถวายหอพระสมุดวชิรญาณเป็นหอพระสมุดสำหรับพระนคร พร้อมทั้งขยายกิจการหอพระสมุดวชิรญาณซึ่งแต่เดิมทีเป็นหอพระสมุดสำหรับราชสกุล ให้เป็นหอสมุดสำหรับบริการประชาชนทั่วไป จึงนับเป็นห้องสมุดสาธารณะแห่งแรกของไทย และเป็นต้นกำเนิดของหอสมุดแห่งชาติ

เกิดเหตุปะทะชายแดนอิสราเอล-เลบานอน แรงงานไทยตาย 1 บาดเจ็บรุนแรง 1

(11 ต.ค. 67) สถานเอกอัครราชทูตไทย ณ กรุงเทลอาวีฟ ประเทศอิสราเอล ได้ออกประกาศสำหรับคนไทยในอิสราเอล ว่า

ประกาศสำหรับคนไทยในอิสราเอลโดยที่เมื่อช่วงเช้าของวันนี้ (11 ต.ค. 67) ได้เกิดเหตุยิงจรวดต่อสู้รถถัง (anti-tank missile) เข้าไปยังนิคมเกษตร Yir'on ทางเหนือของอิสราเอลติดชายแดนเลบานอน

ซึ่งเป็นเขตปิดทางทหาร (closed military zone) ทำให้แรงงานไทย 1 รายเสียชีวิต และอีก 1 รายได้รับผลกระทบกระเทือนทางจิตใจอย่างรุนแรง

สถานเอกอัครราชทูตฯ จึงขอแจ้งว่า หากมีพี่น้องแรงงานไทยที่ยังอยู่ในเขตปิดทางทหารหรือพื้นที่เสี่ยงอันตรายอื่น ๆ สามารถติดต่อสถานเอกอัครราชทูตฯ เพื่อขอรับความช่วยเหลือในการย้ายออกจากพื้นที่ตามหมายเลขโทรศัพท์ด้านล่าง

ฝ่ายกงสุล โทร +972 546368150 +972 503673195
ฝ่ายแรงงาน โทร. +972 9-954-8431+972 54-469-3476
ไอดีไลน์ 0544693476

เขตปิดทางทหาร (closed military zone) ในขณะนี้ 11 แห่ง ได้แก่ เมืองเมตูลา (Metula) มิซกาฟ อัม (Misgav Am) คฟาร์ กิลอาดี (Kfar Giladi) โดเวฟ (Dovev) ซิฟออน (Tziv'on) มาลเกีย (Malkia) รอช ฮานิกรา (Rosh Hanikra) ชโลมิ (Shlomi) ฮานิตา (Hanita) อดามิท (Adamit) และอาหรับ อัล-อรามเช (Arab al-Amshe) โดยเป็นพื้นที่ห้ามพักอาศัยหรือทำงาน

ด้วยความห่วงใย จากสถานเอกอัครราชทูต ณ กรุงเทลอาวีฟ

นักเรียนตัวแทนประเทศไทย ร่วมกันคว้าเหรียญรางวัล ‘ดาราศาสตร์และฟิสิกส์ดาราศาสตร์โอลิมปิก’ ระดับ ม.ต้น

(11 ต.ค.67) เพจเฟซบุ๊ก กลุ่มสาระการเรียนรู้วิทยาศาสตร์ โรงเรียนสาธิต มศว. ปทุมวัน โพสต์ข้อความแสดงความยินดีแก่นักเรียนผู้แทนประเทศไทยทุกคนที่ได้รับรางวัลจากการแข่งขันดาราศาสตร์และฟิสิกส์ดาราศาสตร์โอลิมปิกระหว่างประเทศ ระดับมัธยมศึกษาตอนต้น ครั้งที่ 3 (IOAA-Jr 2024) ระหว่างวันที่ 3 – 10 ตุลาคม พ ศ. 2567 ณ กาฐมาณฑุมหานครปาลิกา สหพันธ์สาธารณรัฐประชาธิปไตยเนปาล

โดยแบ่งเป็น นักเรียนที่ได้เหรียญทอง ได้แก่ นายธนเดช รุจานันท์ จาก โรงเรียนสาธิตมหาวิทยาลัยศรีนครินทรวิโรฒ ปทุมวัน 

สำหรับเหรียญเงิน ได้แก่ ด.ช.วิริทธิ์พล กาญจนอลงกรณ์ , ด.ช.ธีร์ ชอบแสงจันทร์, ด.ช.ณชพล คูโณปการ จากโรงเรียนสวนกุหลาบวิทยาลัย 

สำหรับ เหรียญทองแดง ได้แก่ นายอติณัส ปัทมโยธิน จากโรงเรียน โรงเรียนสามเสนวิทยาลัย 

โดยมี ผศ.ดร.ศิรามาศ โกมลจินดา รองผู้อำนวยการศูนย์ความเป็นเลิศด้านฟิสิกส์ และอาจารย์ประจำภาควิชาฟิสิกส์และวัสดุศาสตร์ คณะวิทยาศาสตร์ มหาวิทยาลัยเชียงใหม่ เป็นหัวหน้าทีม (Team Leader)

และนายศักดิ์สิทธิ์ โอปัณณา อาจารย์กลุ่มสาระการเรียนรู้วิทยาศาสตร์ โรงเรียนสาธิต มศว. ปทุมวัน เป็นผู้ช่วยหัวหน้าทีมและผู้สังเกตการณ์

‘รองนายกฯพีระพันธุ์’ ผลักดันนวัตกรรมด้านพลังงาน หนุนใช้ ‘ยางพารา – พลาสติก’ สกัดเป็น ‘เบนซิน – ดีเซล’

นวัตกรรมด้านเชื้อเพลิงพลังงานเป็นเรื่องที่เกิดขึ้นมาต่อเนื่องยาวนานหลายสิบปี หลังจากโลกต้องประสบกับวิกฤตการณ์น้ำมันเชื้อเพลิงในทศวรรษ 1970 ในบ้านเราเอง ด้วยพระวิสัยทัศน์และพระปรีชาญาณของล้นเกล้าในหลวงรัชกาลที่ 9 ทรงมีพระราชดำริให้ทำการศึกษาพลังงานทดแทน การศึกษาวิจัยเกี่ยวกับเชื้อเพลิงชีวภาพโดยโครงการส่วนพระองค์จิตรลดา เริ่มต้นในปี พ.ศ. 2528 จากพระราชดำริว่า ในอนาคตอาจเกิดการขาดแคลนน้ำมัน จึงมีพระราชประสงค์ให้นำอ้อยมาผลิตแอลกอฮอล์เพื่อใช้เป็นเชื้อเพลิง 

โครงการฯ ได้ทำการศึกษาวิจัยการผลิตและกลั่นแอลกอฮอล์จากพืชผลทางเกษตรหลายอย่าง เช่น ข้าวโพด ข้าวฟ่าง มันสำปะหลัง อ้อย มีการปรับปรุงการกลั่นเรื่อยมา จนสามารถผลิตแอลกอฮอล์บริสุทธิ์ 95%หรือที่เรียกว่า 'เอทานอล' ไปกลั่นแยกน้ำ และใช้เป็นวัตถุดิบผสมน้ำมันเบนซินผลิตแก๊สโซฮอล์ โดยศึกษาทดลองสูตรการผสม และผลิตน้ำมันแก๊สโซฮอล์ใช้กับรถยนต์ทุกคันของโครงการส่วนพระองค์ฯ

ต่อมา บริษัท ปตท.จำกัด(มหาชน) ได้นำผลการศึกษาของโครงการส่วนพระองค์จิตรลดามาต่อยอด ผลิตน้ำมันแก๊สโซฮอล์ เริ่มจำหน่ายในเชิงพาณิชย์ ตั้งแต่ปี พ.ศ. 2545 ปัจจุบันประชาชนชาวไทยได้มีน้ำมันแก๊สโซฮอล์ที่ผสม 'เอทานอล' ซึ่งสามารถผลิตได้เองในประเทศ ช่วยลดปริมาณการนำเข้าน้ำมันเชื้อเพลิงได้เป็นจำนวนมาก

การค้นคว้า ศึกษา วิจัย และพัฒนา นวัตกรรมด้านพลังงานในส่วนของหน่วยราชการ ภาคเอกชน สถาบันการศึกษา และประชาชนทั่วไปนั้นมีมาโดยตลอดเช่นกัน หากแต่ผลการศึกษาส่วนใหญ่มักจะถูกนำ ‘ขึ้นหิ้ง’ เก็บเอาไว้อันเนื่องมาจาก ต้นทุนสูง มีความยุ่งยาก และไม่คุ้มค่า ฯลฯ ทำให้นวัตกรรมด้านพลังงานเหล่านั้นไม่ถูกนำมาพัฒนาต่อยอดเพื่อให้เกิดประโยชน์ในเชิงพาณิชย์ ทั้ง ๆ ที่ปัญหาด้านพลังงานยังคงเป็นปัญหาใหญ่ไม่ใช่เฉพาะประเทศไทย แต่เป็นของทั้งโลกใบนี้ด้วย

จากวิธีคิด วิสัยทัศน์ ของรัฐบาลที่ผ่านมา ยังคงจมปลักอยู่กับการใช้เชื้อเพลิงพลังงานแบบเก่า ซึ่งต้องนำเข้าเกือบทั้งหมด ผลการศึกษานวัตกรรมด้านพลังงานส่วนใหญ่ที่ปรากฏเหมือนกับไฟไหม้ฟางเป็นส่วนใหญ่ เพราะเป็นข่าวเพียงไม่นานแล้วก็เงียบหายไป แต่สำหรับ ‘รองพีร์’ พีระพันธุ์ สาลีรัฐวิภาค รองนายกรัฐมนตรี และรัฐมนตรีว่าการกระทรวงพลังงานคนปัจจุบัน ได้ให้ความสำคัญและ ติดตามผลการดำเนินงานนวัตกรรมด้านพลังงานซึ่งจะนำมาซึ่งประโยชน์โภคผลอันมากมายและมีความยั่งยืนมาสู้พี่น้องประชาชนคนไทย อยู่เสมอ

ดังเช่น นวัตกรรมด้านพลังงาน ‘ครูน้อย’ นายทวีชัย ไกรดวง (เอ็ม) อายุ 32 ปี ชาวบ้านทุ่งสวรรค์ หมู่ 13 ตำบลท่าศิลา อำเภอส่องดาว จังหวัดสกลนคร ซึ่งได้ทำการพัฒนานวัตกรรมด้านพลังงานขึ้นมาจำนวน 3 ชิ้นงาน ได้แก่ เครื่องกลั่นยางพารา และกลั่นพลาสติกเป็นน้ำมันเบนซินและน้ำมันดีเซลได้ในเครื่องเดียว ระบบสูบน้ำพลังงานแสงอาทิตย์จำนวน 2 กิโลวัตต์ แบบระบบหมุนตามแสงอาทิตย์อัตโนมัติ และรถไถนาเดินตามบังคับวิทยุควบคุมระยะไกล ผ่านระบบ GPS 

‘ครูน้อย’ ได้เล่าว่า ตนเรียนมาทางด้านนวัตกรรมคอมพิวเตอร์ อีกทั้งครอบครัวประกอบอาชีพทำไร่นาและสวนยาง แต่ตนเล็งเห็นว่า สามารถต่อยอดการเพิ่มมูลค่ายางให้สูงขึ้นด้วยการแปรรูป ประดิษฐ์เครื่องกลั่นยางพาราและกลั่นพลาสติกเป็นน้ำมันขนาดเล็ก และปัจจุบันสามารถกลั่นเป็นน้ำมันเบนซินและดีเซลได้ในเครื่องเดียว โดยใช้งบประมาณ 370,000 บาท สามารถกลั่นได้ 40 ลิตร/ชั่วโมง โดยได้ทดสอบการใช้น้ำมันกับเครื่องสูบน้ำรถไถนา และเครื่องมือทำการเกษตรอื่น ๆ โดยขณะนี้อยู่ระหว่างการทดสอบมาตรฐานเครื่องและประสิทธิภาพของน้ำมันด้วยตนเอง โดยส่วนตัว อยากให้ภาครัฐเข้ามาสนับสนุน เพื่อให้เป็นนวัตกรรมของคนไทย ขยายผล สร้างประโยชน์ให้เกิดขึ้นในชุมชนและจังหวัดอื่น ๆ ต่อไป

เมื่อ ‘รองพีร์’ นำคณะลงพื้นที่ตรวจราชการ ที่ จังหวัดสกลนคร ได้เดินทางไปยังบ้านของ ‘ครูน้อย’ เพื่อเยี่ยมชมผลงานนวัตกรรมด้านพลังงานดังกล่าว ซึ่ง ‘ครูน้อย’ ได้นำเสนอแบบการสร้างหอกลั่นน้ำมันที่สามารถผลิตน้ำมันจากยางพาราและขยะพลาสติกได้ถึงชั่วโมงละ 500 ลิตร และอยากจะให้เป็นเครื่องมืออุปกรณ์ประจำแต่ละอำเภอเพื่อช่วยลดค่าใช้จ่ายด้านน้ำมันให้แก่ประชาชนและเกษตรกร ซึ่ง ‘รองพีร์’ ได้ให้การสนับสนุนและมอบให้ดร.ณอคุณ สิทธิพงษ์ ประธานที่ปรึกษารัฐมนตรีพลังงานเป็นผู้สนับสนุนการพัฒนาในเรื่องความปลอดภัยของอุปกรณ์ และคุณภาพน้ำมันให้ดียิ่งขึ้น พร้อมยังมอบหมายให้นางสาวอรพินทร์ เพชรทัต ที่ปรึกษารัฐมนตรีพลังงานทำหน้าที่เป็นผู้ประสานงานให้เกิดความคล่องตัวและความรวดเร็วในการดำเนินการ

นอกจากนี้ ‘รองพีร์’ ได้มอบให้ ‘ครูน้อย’ ไปคิดประดิษฐ์แผงโซลาร์เซลล์และแบตเตอรี่ที่จะผลิตขึ้นเองในประเทศ เพื่อทำให้ราคาระบบผลิตไฟฟ้าโซลาร์เซลล์มีราคาถูกลงอีกด้วย โดย ‘รองพีร์’ เห็นว่าคนไทยจำนวนมากที่มีความสามารถด้านนวัตกรรม แต่ขาดโอกาสและการสนับสนุน หากคนเหล่านี้ได้รับการสนับสนุนจากภาครัฐอย่างจริงจัง จะสามารถมีสิ่งประดิษฐ์ใหม่ ๆ ที่เป็นประโยชน์และเป็นฝีมือของคนไทยที่น่าภาคภูมิใจ และสามารถช่วยเหลือประชาชนได้ทุกระดับ ไม่ว่าจะเป็นชาวนา เกษตรกร ชาวประมง หรือประชาชนทั่วไปให้มีทางเลือกในการลดค่าใช้จ่ายด้านพลังงาน โดย ‘รองพีร์’ ได้กล่าวชื่นชมนวัตกรรมด้านพลังงานของ ‘ครูน้อย’ พร้อมให้การสนับสนุนต่อยอดขยายผลนวัตกรรมไปยังชุมชนอื่น ตลอดจน การจัดทำและทดสอบมาตรฐานเครื่องและผลิตภัณฑ์ เพื่อให้มีประสิทธิภาพ นำไปพัฒนาและต่อยอดด้านอื่น ๆ ได้ รวมไปถึงผลงานนวัตกรรม ระบบสูบน้ำพลังงานแสงอาทิตย์แบบระบบหมุนตามแสงอัตโนมัติ เพื่อส่งเสริมการใช้พลังงานทดแทนสำหรับพื้นที่ห่างไกลที่ไม่มีไฟฟ้าใช้หรือไม่ทั่วถึงต่อไป

ความสนใจ ใส่ใจ และสนับสนุนผลงานนวัตกรรมด้านพลังงานเช่นนี้ของ ‘รองพีร์’ ในฐานะรองนายกรัฐมนตรี และรัฐมนตรีว่าการกระทรวงพลังงาน จะมีส่วนอย่างสำคัญที่จะทำให้นวัตกรชาวไทยมีความหวังและเกิดพลังใจในการพัฒนานวัตกรรมในด้านต่าง ๆ เพื่อสร้างประโยชน์สูงสุดทั้งในด้านเทคโนโลยีและเศรษฐกิจที่มีความมั่นคงและยั่งยืนให้กับประเทศชาติและพี่น้องประชาชนคนไทยโดยรวมทั้งหมดทั้งมวลตลอดไป

จับตา ‘สงขลา’ ก้าวสู่เมืองกีฬาภูมิภาค โมเดลใหม่ถอดด้าม พัฒนาเศรษฐกิจเมือง

(11 ต.ค. 67) เวลา 19.30 น. ของวันนี้จะเป็นนัดแรกของการแข่งขันคิงส์คัพ ครั้งที่ 50 ที่จะจัดฟาดแข้งกันที่ ‘สนามติณสูลานนท์’ จังหวัดสงขลา 

เป็นครั้งแรกของการเปิดสงขลาเป็นเจ้าภาพจัดการแข่งขันคิงส์คัพ ถือเป็นการซ้อมย่อย ๆ ก่อนที่ในปีหน้าจะรับอีกหนึ่งบทบาทคือการเป็นเจ้าภาพการแข่งขัน ‘ซีเกมส์’ ร่วมกับกรุงเทพมหานคร และเชียงใหม่ 

2 มหกรรมกีฬาที่ใช้สงขลาเป็นรังเหย้าติด ๆ กัน น่าจะทำให้เห็นเค้าโครงของการเป็นเมืองกีฬามากยิ่งขึ้น หลังจากที่ก่อนหน้านี้เมื่อพูดถึงเมืองกีฬาภาพแรกที่คิดถึงจะเป็น ‘บุรีรัมย์’

แต่การเป็นเมืองกีฬาของสงขลานั้นมีโมเดลเป็นของตัวเอง ไม่ใช่การลงทุนมหาศาล

ส่วนใหญ่ใช้การปรับปรุงสนามเดิม หรือพื้นที่เดิมให้มีมาตรฐานระดับสากล คล้ายกับกีฬาโอลิมปิกที่จัดที่ปารีส เพราะที่ผ่านมามีหลายบทเรียนให้เห็นว่าการลงทุนสร้างโครงสร้างมหาศาลสุดท้ายถูกทิ้งร้างอย่างน่าเสียดาย

แล้วเรื่องนี้จะกระตุ้นเศรษฐกิจได้มากขนาดไหน นายสุพิศ พิทักษ์ธรรม อธิบดีกรมฝนหลวงและการบินเกษตร ในนามประธานคณะกรรมการอำนวยการจัดการแข่งขันกีฬาฟุตบอล ชิงถ้วยพระราชทาน 'คิงส์คัพ' ครั้งที่ 50 ประจำปี 2567 กล่าวไว้ว่า

"จังหวัดสงขลามีความเชื่อมั่นว่า การเสนอตัวเป็นเจ้าภาพจัดการแข่งขันกีฬาฟุตบอล ชิงถ้วยพระราชทาน 'คิงส์คัพ' ครั้งที่ 50 ประจำปี 2567 ในครั้งนี้ จะเป็นส่วนสำคัญในการกระตุ้นให้ต้นกล้าเด็ก เยาวชนสงขลามีแรงบันดาลใจในการเป็นนักกีฬาฟุตบอลอาชีพ ส่งเสริมและพัฒนากีฬาฟุตบอลในพื้นที่ภาคใต้ตอนล่าง การจัดการแข่งขันกีฬาฟุตบอล ชิงถ้วยพระราชทานคิงส์คัพ สงขลาครั้งนี้ 

จะช่วยตอบโจทย์ด้านการท่องเที่ยวในพื้นที่ 7 จังหวัดภาคใต้ อันได้แก่ จังหวัดสงขลา นราธิวาส ยะลา ปัตตานี สตูล พัทลุง และนครศรีธรรมราช โดยในช่วงการแข่งขันวันที่ 11 และ 14 ตุลาคม 2567 จังหวัดสงขลาคาดว่าจะมีนักท่องเที่ยวชาวมาเลเซีย สิงคโปร์เดินทางเข้ามาท่องเที่ยว ในพื้นที่จังหวัดสงขลาหลายหมื่นคน จะสามารถกระตุ้นระบบเศรษฐกิจที่ซบเซาในพื้นที่ได้หลายร้อยล้านบาท และรายได้หลังจากหักค่าใช้จ่ายทั้งหมดแล้ว เจ้าภาพการแข่งขันจะมอบให้แก่กลุ่ม ชมรม สมาคมที่เกี่ยวข้องกับการกีฬาใน 16 อำเภอของจังหวัดสงขลา เพื่อมุ่งสู่เป้าหมายความสำเร็จ 'สงขลาเมืองกีฬา' ส่งเสริมการท่องเที่ยว กระตุ้นระบบเศรษฐกิจในพื้นที่"

สุดท้ายที่อยากเห็นคือรัฐบาล และทุก ๆ ภาคส่วนต้องลงมาวางแผนชี้นำเศรษฐกิจที่ใช้กีฬานำ ซึ่งเป็นหนึ่งในนโยบายหลักของรัฐบาลที่จะสนับสนุนอุตสาหกรรม MICE อย่างจริงจัง 

มีสะดุ้ง กลต. เปิดข้อมูลบัญชีซื้อขายคริปโต ยอดสาละวันเตี้ยลงตั้งแต่เดือนมีนาถึงปัจจุบัน

(11 ต.ค. 67) ผู้สื่อข่าวรายงานว่า สำนักงานคณะกรรมการกำกับหลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์ หรือ กลต. ได้เผยแพร่ข้อมูลบัญชีซื้อขายสินทรัพย์ดิจิทัลที่ active ผ่านศูนย์ซื้อขายระหว่างเดือนมีนาคมถึงวันที่ 7 ตุลาคม 2567 ว่า

ในเดือนมีนาคม 2567 มีบัญชีซื้อขายทั้งสิ้น 2.04 แสนบัญชี, เดือนเมษายน 2567 มีบัญชีซื้อขายทั้งสิ้น 1.81 แสนบัญชี, เดือนพฤษภาคม 2567 มีบัญชีซื้อขายทั้งสิ้น 1.51 แสนบัญชี, เดือนมิถุนายน 2567 มีบัญชีซื้อขายทั้งสิ้น 1.35 แสนบัญชี, เดือนกรกฎาคม 2567 มีบัญชีซื้อขายทั้งสิ้น 1.17 แสนบัญชี, เดือนสิงหาคม 2567 มีบัญชีซื้อขายทั้งสิ้น 1.15 แสนบัญชี และเดือนกันยายน 2567 มีบัญชีซื้อขายทั้งสิ้น 1.04 บัญชี  

จะสังเกตได้ว่าบัญชีซื้อขายสินทรัพย์ดิจิทัลที่ Active มีจำนวนลดลงเรื่อย ๆ

2 นายกรัฐมนตรีไทย-จีน จับเข่าร่วมหารือทวิภาคี ผลักดันความร่วมมือในโอกาส 50 ปีมิตรประเทศ

(11 ต.ค. 67) สำนักข่าวซินหัวรายงานว่า หลี่เฉียง นายกรัฐมนตรีจีน เปิดเผยว่าจีนพร้อมทำงานร่วมกับไทยเพื่อใช้วาระครบรอบ 50 ปี ความสัมพันธ์ทางการทูตในปี 2025 เป็นโอกาสสานต่อมิตรภาพดั้งเดิม เสริมสร้างการสื่อสารเชิงยุทธศาสตร์ ส่งเสริมความร่วมมือ และผลักดันการสร้างประชาคมจีน-ไทยที่มีอนาคตร่วมกัน

หลี่กล่าวคำข้างต้นระหว่างพบปะหารือกับแพทองธาร ชินวัตร นายกรัฐมนตรีไทย นอกรอบการประชุมคณะผู้นำว่าด้วยความร่วมมือเอเชียตะวันออกในนครหลวงเวียงจันทน์ของลาวเมื่อวันพฤหัสบดี (10 ต.ค.) โดยหลี่เสริมว่าแนวคิด 'จีนและไทยเป็นครอบครัวเดียวกัน' ได้รับความนิยมเพิ่มขึ้นอย่างมาก

จีนและไทยเป็นมิตรสหายและเพื่อนบ้านใกล้ชิดที่เชื่อมโยงกันด้วยภูเขาและแม่น้ำ ขณะการสร้างประชาคมจีน-ไทยที่มีอนาคตร่วมกันยังคงเดินหน้าต่อไปภายใต้คำชี้แนะเชิงยุทธศาสตร์จากคณะผู้นำของสองประเทศโดยมีความร่วมมือด้านต่าง ๆ มากมายและการแลกเปลี่ยนระหว่างประชาชนอย่างอบอุ่น

หลี่คาดหวังว่าความสัมพันธ์จีน-ไทย จะผูกพันใกล้ชิดกันยิ่งขึ้นและนำพาผลประโยชน์มาสู่ประชาชนของสองประเทศเพิ่มขึ้น โดยจีนสนับสนุนไทยแสวงหาวิถีทางการพัฒนาอันเหมาะสมกับสภาพการณ์ของประเทศ และยินดีจะเป็นหุ้นส่วนที่น่าไว้วางใจและเชื่อถือได้ของไทยเสมอ

ฝ่ายจีนพร้อมทำงานร่วมกับไทยเพื่อจัดวางยุทธศาสตร์การพัฒนาให้ดีขึ้น สื่อสารนโยบายต่าง ๆ กับอีกฝ่ายอย่างแข็งขัน เร่งก่อสร้างทางรถไฟจีน-ไทย ส่งเสริมการบูรณาการและการพัฒนาทางอุตสาหกรรม และกระชับความร่วมมือในนิคมอุตสาหกรรม เศรษฐกิจดิจิทัล ยานยนต์พลังงานใหม่ พลังงานแสงอาทิตย์ฯลฯ เพื่อสนับสนุนการเปลี่ยนผ่านและยกระดับเศรษฐกิจให้ดียิ่งขึ้น

หลี่เรียกร้องทั้งสองฝ่ายร่วมจัดกิจกรรมต่าง ๆ เพื่อเฉลิมฉลองวาระครบรอบ 50 ปี ความสัมพันธ์ทางการทูตในปี 2025 และเสริมสร้างการแลกเปลี่ยนด้านสื่อ วัฒนธรรม การท่องเที่ยว การศึกษา และเยาวชน เพื่อรวบรวมแรงสนับสนุนจากสาธารณชนต่อมิตรภาพระหว่างสองประเทศ

จีนพร้อมทำงานร่วมกับไทยเพื่อดำเนินงานตามความตกลงหุ้นส่วนทางเศรษฐกิจระดับภูมิภาค (RCEP) อย่างมีคุณภาพสูง เร่งการบูรณาการทางเศรษฐกิจระดับภูมิภาค เสริมสร้างการประสานงานและความร่วมมือพหุภาคี และร่วมคุ้มครองการพัฒนาอย่างสันติและมีเสถียรภาพในภูมิภาค

ด้านแพทองธารแสดงความยินดีกับวาระครบรอบ 75 ปี การก่อตั้งสาธารณรัฐประชาชนจีน (PRC) และแสดงความเชื่อมั่นว่าจีนภายใต้การนำของประธานาธิบดีสีจิ้นผิง จะยังคงเติบโตอย่างแข็งแกร่งยิ่งขึ้นและมีส่วนส่งเสริมสันติภาพและความเจริญรุ่งเรืองของโลกยิ่งขึ้น

ไทยยินดีร่วมจัดกิจกรรมเฉลิมฉลองกับจีนเนื่องในวาระครบรอบ 50 ปี ความสัมพันธ์ทางการทูตไทย-จีน ในปี 2025 พร้อมเสริมสร้างการแลกเปลี่ยนระดับสูง ส่งเสริมความร่วมมืออันเป็นประโยชน์ซึ่งกันและกันในด้านเศรษฐกิจ การค้า การเกษตร และอื่น ๆ สนับสนุนการแลกเปลี่ยนทางวัฒนธรรมและระหว่างประชาชนเพิ่มขึ้น และร่วมปราบปรามอาชญากรรมข้ามชาติ เช่น การพนันออนไลน์และการฉ้อโกงทางโทรศัพท์ เพื่อผลักดันการสร้างประชาคมไทย-จีนที่มีอนาคตร่วมกันต่อไป

แพทองธารเสริมว่าไทยยินดีเสริมสร้างการสื่อสารและการประสานงานกับจีนภายในอาเซียน ความร่วมมือล้านช้าง-แม่โขง และกรอบความร่วมมือพหุภาคีอื่น ๆ ตลอดจนร่วมส่งเสริมการเปิดเสรีและการอำนวยความสะดวกทางการค้าและการลงทุน และคุ้มครองสันติภาพ เสถียรภาพ และความมั่งคั่งระดับภูมิภาค

(แฟ้มภาพซินหัว : หลี่เฉียง นายกรัฐมนตรีจีน พบปะกับแพทองธาร ชินวัตร นายกรัฐมนตรีไทย นอกรอบการประชุมคณะผู้นำว่าด้วยความร่วมมือเอเชียตะวันออกในนครหลวงเวียงจันทน์ของลาว วันที่ 10 ต.ค. 2024)

MRT สายสีม่วง-สีน้ำเงิน เริ่มแคมเปญสุดเจ๋ง!! 20 สถานี 20 ตราประทับ สร้างความประทับใจ

(11 ต.ค. 67) ผู้สื่อข่าวรายงานว่าผู้ใช้เฟซบุ๊กบัญชี Wanwit Niampan  (Ham) ได้เผยแพร่ข้อความว่า

'MRT' เริ่มแคมเปญ 'ตราประทับสถานี' แล้วครับบบบ

ตราประทับสถานี เป็น Tools หนึ่งในการส่งเสริมการเดินทาง อาจจะด้วยการท่องเที่ยว หรือการสะสมแต้มเพื่อ benefit โดยแนวคิดนี้จริง ๆ ในญี่ปุ่นและไต้หวันใช้มานานแล้ว ที่ญี่ปุ่นเรียกว่า EkiStamp เพื่อให้เป็น 'ที่ระลึก' ว่าเคยได้เดินทางมาที่สถานที่แห่งนั้น และเกิดการ recall ของผู้บริโภคต่อในอนาคต ทั้งด้านทัศนคติที่ดี (Attitude) การมีความสัมพันธ์ (Relation) ระหว่างตัวองค์กรกับผู้ใช้บริการ 

ตรายางสามารถสร้าง perception (การรับรู้) ในด้านประสาทสัมผัส เช่น ตา (ดูลวดลาย) อารมณ์ (การตีความและความรู้สึกที่ทำให้ระลึกถึงสถานที่นั้น) เมื่อมีกิจกรรมก็สามารถทำให้คนมีอารมณ์ร่วมและอยากสะสมบ้าง

เพิ่มเติม ตอนนี้มีแค่ 20 สถานี ในสายสีน้ำเงินและม่วง ครับ

สำหรับผู้ที่สนใจติดตามข้อมูลได้ที่ https://www.mrta.co.th/th/customer-relations-activities-news/20736?fbclid=IwY2xjawF1sEtleHRuA2FlbQIxMAABHYYZAn1qZpgBO1yvlcGSI__4ejc77e4D4DMG-UZ5Ep_saUxaYOtnrl1LaA_aem_juROfHThgzga7l5K-aTVFw 

ร่วมอวยพร ‘หมูเด้ง’ เซเลปฮิปโปแคระ เขาเขียว เพจ ZPOT เปิดโหวตโลโก้ประจำตัวน้อนเด้ง

(11 ต.ค. 67) ผู้สื่อข่าวรายงานว่า เฟซบุ๊กแฟนเพจ ‘องค์การสวนสัตว์แห่งประเทศไทย ในพระบรมราชูปถัมภ์ - ZPOT’ ได้เผยแพร่โพสต์ว่า 

ครบรอบ 3 เดือน 'หมูเด้ง' สาวน้อยที่เป็นที่รักของคนทั่วโลก และเป็นอีกหนึ่งความภูมิใจของ #สวนสัตว์เปิดเขาเขียว และ #องค์การสวนสัตว์แห่งประเทศไทยในพระบรมราชูปถัมภ์ : ขอให้ทุกวันเป็นวันที่ดี ๆ เติบโตแข็งแรงร่าเริงสดใสและเป็นที่รักของทุกคนแบบนี้ตลอดไป

นอกจากนี้ทางเพจยังเปิดให้ร่วมโหวตสัญลักษณ์ประจำตัวหมูเด้ง ผ่านทางโพสต์ความว่า 

ประกาศแล้ว Logo หมูเด้ง 10 ผลงาน (จาก 1,895 ผลงาน) เชิญร่วมโหวตผลงานโลโก้น้องหมูเด้งเพื่อใช้เป็นสัญลักษณ์ประจำตัว '#หมูเด้ง' และใช้ประกอบผลิตภัณฑ์ต่าง ๆ ของ #องค์การสวนสัตว์แห่งประเทศไทยฯ อย่างเป็นทางการ (Official)

ทั้งนี้ เพื่อเปิดโอกาสให้ด้อมเด้งมีส่วนร่วมในกิจกรรมสำคัญ ครั้งนี้ โหวตได้ตั้งแต่วันนี้ถึงวันที่ 14 ตุลาคม 2567 เวลา 17.00 น.

โดยสามารถร่วมโหวตได้ที่ https://www.facebook.com/share/p/DypBN3ry1hWuU7YE/

ส่อง ‘ห้องสมุดพระองค์เจ้าวิวัฒนไชย’ หนึ่งในห้องสมุดที่สวยที่สุดในประเทศไทย

(11 ต.ค. 67) ห้องสมุดพระองค์เจ้าวิวัฒนไชย เป็นแหล่งค้นคว้าวิจัยและคลังข้อมูลด้านเศรษฐศาสตร์ การเงิน การธนาคาร รวมถึงศาสตร์อื่น ๆ ที่เกี่ยวข้องกับธนาคารกลาง เช่น การบัญชี กฎหมาย เทคโนโลยีสารสนเทศ อีกทั้งยังมีสิ่งอำนวยความสะดวกไว้บริการ เช่น พื้นที่ทำงานร่วมกัน (Co-working space), ห้องประชุม

เดิมห้องสมุดแห่งนี้ชื่อ ห้องสมุดธนาคารแห่งประเทศไทย เริ่มดำเนินการให้บริการแก่พนักงานธนาคารแห่งประเทศไทยอย่างไม่เป็นทางการมาตั้งแต่ปี 2489 ต่อมาในปี 2500 ห้องสมุดได้รับการปรับปรุงให้มีฐานะเป็นหน่วยงานหนึ่งของฝ่ายวิชาการในขณะนั้น และได้รับการจัดตั้งเป็นห้องสมุดธนาคารแห่งประเทศไทยอย่างเป็นทางการเมื่อ พ.ศ.2520

ในปี 2560 ห้องสมุดธนาคารแห่งประเทศไทย ได้รับการเปลี่ยนชื่อเป็น 'ห้องสมุดพระองค์เจ้าวิวัฒนไชย' ตามพระนามของท่านผู้ว่าการธนาคารแห่งประเทศไทยพระองค์แรก และย้ายที่ตั้งจากอาคารสำนักงานใหญ่ธนาคารแห่งประเทศไทยมาเปิดให้บริการในอาคารศูนย์การเรียนรู้ธนาคารแห่งประเทศไทย ตั้งแต่วันที่ 4 มกราคม 2561 จนถึงปัจจุบัน

ห้องสมุดพระองค์เจ้าวิวัฒนไชย เป็นแหล่งค้นคว้าวิจัยและคลังข้อมูลด้านเศรษฐศาสตร์ การเงิน การธนาคาร รวมถึงศาสตร์อื่น ๆ ที่เกี่ยวข้องกับการดำเนินงานของธนาคารกลาง เช่น การบัญชี กฎหมาย เทคโนโลยีสารสนเทศ รวมทั้งเป็นพื้นที่จัดแสดงนิทรรศการพระองค์เจ้าวิวัฒนไชย อีกทั้งยังมีสิ่งอำนวยความสะดวกไว้บริการ เช่น พื้นที่ทำงานร่วม (Co-working space) ห้องประชุม และห้องบริการสื่อมัลติมีเดียที่ทันสมัย

สถานที่ตั้งอยู่บริเวณศูนย์การเรียนรู้ธนาคารแห่งประเทศไทย เป็นพื้นที่เปิดโล่งริมแม่น้ำเจ้าพระยา ซึ่งเดิมเคยเป็นอาคารโรงพิมพ์ธนบัตรธนาคารแห่งประเทศไทย

เปิดให้บริการ 
วันอังคาร-วันอาทิตย์ เวลา 9.30 - 20.00 น. 

ปิดบริการ 
วันจันทร์ และวันหยุดตามประเพณีของสถาบันการเงิน

พิกัด https://maps.app.goo.gl/c2wbiQYrezkMp1DFA 


© Copyright 2021, All rights reserved. THE STATES TIMES
Take Me Top