Sunday, 11 May 2025
Hard News Team

นทพ. รับมอบรถตู้นิรภัยพร้อมส่งสนับสนุน รพ.บุษราคัม เพื่อดูแลรับ-ส่งผู้ป่วย

พลเอก นเรนทร์  สิริภูบาล ผู้บัญชาการหน่วยบัญชาการทหารพัฒนา (ผบ.นทพ.) พร้อมด้วยคณะผู้บังคับบัญชา นทพ. ได้รับมอบรถตู้นิรภัยป้องกันการแพร่กระจายของโรค จาก บริษัท อาคเนย์ ประกันชีวิต จำกัด (มหาชน) จำนวน 2 คัน สำหรับไว้ใช้สนับสนุนการแก้ไขปัญหาโรคโควิด-19 ของศูนย์บริหารสถานการณ์การแพร่ระบาดของโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 (ศบค.) และศูนย์ปฏิบัติการแก้ไขสถานการณ์ฉุกเฉินด้านความมั่นคง (ศปม.) ในการดูแลช่วยเหลือประชาชนที่ได้รับผลกระทบจากสถานการณ์การแพร่ระบาดของโรคโควิด-19

โดยหลังจากรับมอบเรียบร้อยแล้ว ได้จัดพลขับนำรถไปสนับสนุน รพ.บุษราคัม เพื่อช่วยเหลืออำนวยความสะดวกในการรับ-ส่งผู้ป่วยติดเชื้อเข้ารับการดูแลรักษาต่อไปทั้งนี้ เพื่อสนับสนุนการปฏิบัติงานของกระทรวงสาธารณสุขในการรับ-ส่งผู้ป่วยติดเชื้อเข้ารับการดูแลรักษาได้อย่างรวดเร็วและปลอดภัย

“ประวิตร" สั่ง “กอนช.” ติดตามสถานการณ์น้ำ ช่วงครึ่งปีหลังเร่งบริหารจัดการน้ำ -วางแผน ลดผลกระทบปชช.

พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ รองนายกรัฐมนตรี ในฐานะผู้อำนวยการกองอำนวยการน้ำแห่งชาติ(กอนช.) กล่าวว่า  จากการคาดการณ์ประมาณฝนของกรมอุตุนิยมวิทยา ในช่วงครึ่งปีหลัง พบว่าเดือนส.ค.จะน้อยกว่าปกติถึงปลายเดือน ส่วนเดือนก.ย.นี้ ฝนจะมากกว่าปกติ ยกเว้น ภาคตะวันออก ขณะที่เดือนต.ค.ฝนจะมากกว่าปกติค่อนข้างมากตั้งแต่ภาคกลาง และภาคตะวันออกเฉียงเหนือตอนล่าง ภาคตะวันออก ครอบคลุมภาคใต้ จึงสั่งการให้ทุกหน่วยงานภายใต้กอนช. ติดตามประเมินสถานการณ์ฝนอย่างใกล้ชิด นอกจาก 10 มาตรการรับมือฤดูฝนที่เคยสั่งการไปแล้ว ให้ทุกหน่วยลงไปถึงในพื้นที่เฉพาะเพิ่มเติม โดยช่วงเดือนส.ค-ก.ย.ให้หน่วยปฏิบัติปรับแผนระบายน้ำให้สอดคล้องกับสถานการณ์น้ำ และเก็บกักน้ำทั้งในอ่างเก็บน้ำแก้มลิงและในแหล่งน้ำสาธารณะไว้เป็นน้ำต้นทุนในช่วงฤดูแล้ง จากนั้นช่วงเดือนก.ย-ต.ค.ให้เฝ้าระวังเกี่ยวกับภัยที่จะเกิดจากฝนตกหนัก น้ำป่าไหลหลาก ดินโคลนถล่มในพื้นที่ลาดเชิงเขาและพื้นที่ลาดชัน และน้ำท่วมในพื้นที่เฉพาะ ในภาคกลาง ภาคตะวันออกเฉียงเหนือ ภาคตะวันออกและภาคตะวันตก 

รวมถึงกทม. โดยเร่งสำรวจพื้นที่เสี่ยงจะเกิดน้ำหลาก ดินถล่ม และน้ำท่วมขัง จำแนกพื้นเสี่ยงภัย เช่นเป็นพื้นที่เศรษฐกิจ ที่อยู่อาศัยของชุมชนเมือง ชุมชนชนบท และพื้นที่เกษตร และเตรียมความพร้อมกำหนดมาตรการรองรับภัยให้เป็นรูปธรรม โดยเฉพาะรอยต่อช่วงเดือนส.ค.ถึงก.ย.ให้เตรียมพร้อมระบบระบายน้ำพื้นที่กรุงเทพฯให้วางแผนป้องกันและแก้ไขปัญหาน้ำท่วมรอการระบาย เช่น ตรวจสอบอุโมงค์ระบายน้ำ สถานีสูบน้ำ ประตูระบายน้ำ ให้พร้อมใช้งาน และการลดระดับน้ำในคลองให้อยู่ในระดับควบคุมอยู่เสมอ ส่วนพื้นที่ภาคใต้ให้เตรียมความพร้อมรับมืออุทกภัยในเดือนพ.ย.-ธ.ค.

พล.อ.ประวิตร กล่าวว่า ให้สทนช. ติดตามสำรวจและเตรียมความพร้อมของทุกจังหวัดอย่างใกล้ชิด วิเคราะห์และประเมินสถานการณ์ หากมีโอกาสเกิดอุทกภัยเป็นวงกว้างครอบคลุมมากกว่า 1 จังหวัด ต้องประสานหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง โดยเฉพาะกระทรวงมหาดไทย เพื่อวางแผนเตรียมรับสถานการณ์ที่คาดว่ามีความรุนแรงจะเกิดขึ้น เพื่อป้องกันผลกระทบกับประชาชนให้น้อยที่สุด นอกจากนั้นให้ กอนช. ติดตามสถานการณ์พายุในช่วงปลายฤดู พายุโซนในมหาสมุทรแปซิฟิก และมหาสมุทรอินเดีย ที่คาดว่าจะมีอย่างน้อย 2-3 ลูก เพื่อวางแผนเชิงป้องกัน แจ้งเตือน การอพยพเพื่อลดผลกระทบต่อชีวิต ทรัพย์สินของประชาชนล่วงหน้าได้ทันต่อสถานการณ์

ศ.นพ.นิธิ มหานนท์ เลขาธิการราชวิทยาลับจุฬาภรณ์ เผย แนวทางขอรับยาน้ำเชื่อมฟาวิพิราเวียร์ ตำรับโรงพยาบาลจุฬาภรณ์ในกรณีที่แพทย์ประสงค์ใช้ในผู้ติดเชื้อโควิด-19

ศ.นพ.นิธิ มหานนท์ เลขาธิการราชวิทยาลัยจุฬาภรณ์ โพสต์ข้อความผ่านเฟซบุ๊กกล่าวถึงแนวทางขอรับยาน้ำเชื่อมฟาวิพิราเวียร์ ตำรับโรงพยาบาลจุฬาภรณ์ในกรณีที่แพทย์ประสงค์ใช้ในผู้ติดเชื้อโควิด-19 ว่า...

แนวทางขอรับยาน้ำเชื่อมฟาวิพิราเวียร์ ตำรับโรงพยาบาลจุฬาภรณ์ในกรณีที่แพทย์ประสงค์ใช้ในผู้ติดเชื้อโควิด-19

สำหรับกลุ่มผู้ป่วยเด็ก/ผู้สูงอายุ 70 ปีขึ้นไป หรือผู้ที่ให้อาหารทางสายที่มีผลการตรวจ RT- PCR ยืนยันการติดเชื้อโควิด-19 ที่อยู่ในระบบการดูแลของโรงพยาบาล หรือเข้าสู่ระบบการดูแลที่บ้าน Home Isolation ที่มีแพทย์ติดตามหรือในผู้ที่แพทย์เห็นสมควรจากประวัติสัมผัสและผลตรวจ Rapid Antigen Test เป็นบวก

อย่างไรก็ตาม ระหว่างเดือนสิงหาคมและกันยายน โรงพยาบาลจุฬาภรณ์สามารถผลิตยาน้ำเชื่อมฟาวิพิราเวียร์ ได้จำนวนจำกัดสำหรับผู้ป่วยไม่เกิน 100 รายต่อสัปดาห์ และยานี้ต้องใช้ตามแพทย์สั่งเท่านั้น

ทั้งนี้ โรงพยาบาลหรือแพทย์ สามารถส่งข้อมูลของผู้ป่วยเพื่อขอรับยาได้ทางเว็บไซต์ favipiravir.cra.ac.th หรือโทร 06-4586-2470 โดยไม่เสียค่าใช้จ่าย (ฟรี!!) ด้วยการสนับสนุนจากมูลนิธิภัทรมหาราชานุสรณ์ ในพระอุปถัมภ์ฯ เพื่อให้ผู้ป่วยเข้าถึงยาได้มากขึ้นตั้งแต่ในระยะเริ่มต้นของอาการอย่างรวดเร็ว และสามารถช่วยลดอาการป่วยรุนแรงของโรคติดเชื้อโควิด-19

**ตั้งแต่วันศุกร์ที่ 6 สิงหาคม 2564 เป็นต้นไป**

สำหรับผลิตภัณฑ์ตำรับยาน้ำเชื่อมฟาวิพิราเวียร์ ต้านเชื้อไวรัส ตำรับแรกในประเทศไทย เกิดขึ้นภายใต้ราชวิทยาลัยจุฬาภรณ์ โดยงานเภสัชกรรมฯ โรงพยาบาลจุฬาภรณ์ ร่วมกับคณะเภสัชศาสตร์ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย และบริษัท เมดิกา อินโนวา จำกัด พัฒนาและคิดค้นสูตรตำรับยาน้ำเชื่อมปราศจากน้ำตาลฟาวิพิราเวียร์สำหรับผลิตในโรงพยาบาลจุฬาภรณ์ (Hospital preparation) เพื่อนำมาใช้รักษาผู้ป่วยติดเชื้อไวรัส โดยปกติตัวยานี้มีไว้ใช้สำหรับรักษาไข้หวัดใหญ่ แต่มีรายงานเบื้องต้นว่าสามารถช่วยลดอาการป่วยรุนแรงของผู้ติดเชื้อโควิด-19 ที่ได้ยาเร็วในระยะเริ่มต้นของอาการ

ยาชนิดน้ำเชื่อมนี้ทำไว้สำหรับกลุ่มผู้ป่วยเด็ก ผู้ป่วยสูงอายุ รวมถึงผู้ป่วยที่มีความลำบากในการกลืนยาเม็ด โดยมุ่งหวังเพื่อช่วยเหลือประเทศไทยให้สามารถผลิตยาให้มีปริมาณเพียงพอต่อความต้องการในสถานการณ์การแพร่ระบาดของโควิด-19 ที่ปัจจุบันยังไม่สามารถควบคุมได้และพบการติดเชื้อในเด็กเพิ่มมากขึ้น สนองพระนโยบายศาสตราจารย์ ดร. สมเด็จพระเจ้าน้องนางเธอ เจ้าฟ้าจุฬาภรณวลัยลักษณ์ อัครราชกุมารี กรมพระศรีสวางควัฒน วรขัตติยราชนารี องค์ประธานราชวิทยาลัยจุฬาภรณ์ ที่ทรงมีความห่วงใยและตระหนักถึงความจำเป็นเร่งด่วนที่ผู้ป่วยโรคติดเชื้อโควิด-19 จะสามารถเข้าถึงยารักษาโรคฟาวิพิราเวียร์ได้อย่างทั่วถึงและรวดเร็ว

โดยการพัฒนาผลิตภัณฑ์ตำรับยาน้ำเชื่อมปราศจากน้ำตาลฟาวิพิราเวียร์ ได้มีการคัดเลือกและควบคุมคุณภาพของวัตถุดิบตัวยาสำคัญ ตลอดจนมีการควบคุมคุณภาพของผลิตภัณฑ์ยาตามมาตรฐานสากล ด้วยวิธีการที่ได้รับการตรวจสอบความถูกต้อง และการศึกษาความคงสภาพเพื่อยืนยันคุณภาพตลอดช่วงอายุการใช้งาน

สำหรับตำรับยาน้ำเชื่อมฟาวิพิราเวียร์ ต้านเชื้อไวรัส โรงพยาบาลจุฬาภรณ์ เป็นยาน้ำเชื่อมปราศจากน้ำตาล ลักษณะเป็นยาน้ำใส สีส้ม รสราสเบอรี่ มี 2 ขนาด คือ ขนาด 800 มิลลิกรัมใน 60 มิลลิลิตร และ ขนาด 1,800 มิลลิกรัมใน 135 มิลลิลิตร รับประทานยาขณะท้องว่าง วันละ 2 ครั้ง ห่างกันทุก 12 ชั่วโมง

ขนาดและวิธีการใช้ยาในเด็ก วันแรก รับประทานขนาด 60 มิลลิกรัม/กิโลกรัม/วัน แบ่งให้ วันละ 2 ครั้ง และวันต่อมา ขนาด 20 มิลลิกรัม/กิโลกรัม/วัน แบ่งให้ วันละ 2 ครั้ง

ขนาดและวิธีการใช้ยาในผู้ใหญ่ วันแรกรับประทาน ขนาด 1,800 มิลลิกรัม วันละ 2 ครั้ง และวันต่อมาขนาด 800 มิลลิกรัม วันละ 2 ครั้ง กรณีน้ำหนักตัวมากกว่า 90 กิโลกรัม หรือ BMI มากกว่า 35 กก/ตรม. วันแรกรับประทาน ขนาด 2,400 มิลลิกรัม วันละ 2 ครั้ง และวันต่อมา ขนาด 1,000 มิลลิกรัม วันละ 2 ครั้ง

ในกรณีที่แพทย์มีความประสงค์จะใช้ยานี้ในผู้ป่วยติดเชื้อไวรัสโควิด-19 กลุ่มผู้ป่วยเด็กและผู้สูงอายุ 70 ปีขึ้นไป ที่มีผลตรวจ RT- PCR ยืนยันการติดเชื้อโควิด-19 หรือตามแพทย์เห็นสมควรจากประวัติสัมผัสและผลตรวจ Antigen rapid test เป็นบวก

ทุกพลังแห่งการให้ คือ โอกาสในการเข้าถึงยารักษาของผู้ป่วย สานหัวใจแบ่งปันให้พวกเราคนไทยก้าวผ่านวิกฤตโควิด-19 ไปด้วยกัน ร่วมบริจาคสมทบทุนเพื่อต้านภัยโควิดกับราชวิทยาลัยจุฬาภรณ์ ได้ที่ บัญชีธนาคารทหารไทย ชื่อบัญชี มูลนิธิภัทรมหาราชานุสรณ์ ในพระอุปถัมภ์ฯ เลขที่บัญชี 236-1-00491-0


ที่มา : https://www.facebook.com/755523894/posts/10159421676033895/


Q : ประกันอะไร? ได้ตั้ง 4 ต่อ!!
A : ก็ประกันภัยรถยนต์จาก @THESHOPTIMES ไง!! 
>> ฟรี!!! ประกันภัยอุบัติเหตุส่วนบุคคล (PA) 100,000 บาท
>> รับคอมมิชชั่นหรือส่วนลดทันที ในอัตราที่สูงกว่า แถมได้สิทธิซื้อประกัน พ.ร.บ.ราคาถูกตลอดชีพ
>> สามารถผ่อนได้สูงสุด 6 งวด ดอกเบี้ย 0% โดยไม่ต้องใช้บัตรเครดิต
>> แถมขายดีมีรายได้เพิ่มให้กับตัวเองด้วย
***สนใจติดต่อ Line@ THE SHOPS TIMES คลิก????https://lin.ee/vfTXud9

“โฆษกรัฐบาล” เผย ไทย เตรียมเสนอรายงานทบทวนสถานการณ์สิทธิมนุษยชนไทย รอบ3 ต่อกก.สิทธิยูเอ็นฯ ยึดหลัก “พัฒนาตามปรัชญาของเศรษฐกิจพอเพียง คู่ปชต.-สันติภาพ-สิทธิมนุษยชน”

นายอนุชา บูรพชัยศรี โฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี กล่าวว่า ไทยเตรียมเสนอรายงานทบทวนสถานการณ์สิทธิมนุษยชนของไทย (Universal Periodic Review: URP) รอบที่ 3 ต่อคณะกรรมการสิทธิมนุษยชนแห่งสหประชาชาติ ช่วงเดือนส.ค.-ต.ค.นี้ โดยระบุประเด็นที่ไทยให้ความสำคัญ คือ การพัฒนาที่ยั่งยืนภายใต้หลักปรัชญาของเศรษฐกิจพอเพียง ที่เป็นแนวทางและหัวใจสำคัญของการทำงาน เพราะความยั่งยืนเกิดขึ้นได้เมื่อภาคประชาสังคม ภาคเอกชน อาสาสมัคร ผู้หญิงและเด็ก และภาคส่วนอื่น ได้รับการส่งเริมและมีส่วนร่วมในสังคมและการปกครอง ภายใต้สถานการณ์การแพร่ระบาดของโรค COVID-19  

นายอนุชา กล่าวว่า พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี และรัฐบาล เชื่อมั่นว่าความยั่งยืนจะเกิดขึ้นเมื่อมีการฟื้นตัวของสังคมและเศรษฐกิจที่เชื่อมโยงกับหลักการประชาธิปไตย สันติภาพและสิทธิมนุษยชน โดยรัฐบาลเน้นคุ้มครองและส่งเสริมสิทธิมนุษยชน ทั้งคุ้มครองสิทธิในการพัฒนา ขจัดความยากจน การเข้าถึงสาธารณูปโภค และมีมาตรการบรรเทาความเดือดร้อนประชาชนที่ได้รับผลกระทบจากโควิด-19 เช่นโครงการ คนละครึ่ง เราชนะ ส่วนด้านสุขภาพ ได้ส่งเสริมนโยบายหลักประกันสุขภาพ กำหนดเป้าหมายฉีดวัคซีนให้กับคนไทยอย่างน้อยร้อยละ 70 ภายในปี 2564

รวมถึงรับประกันการศึกษาสำหรับนักเรียนไทย กลุ่มชาติพันธุ์ ผู้อพยพ แรงงานโยกย้ายถิ่นฐาน บุตรหลานแรงงานต่างด้าว และผู้พิการจะได้รับการศึกษาตามแผนการจัดการศึกษาสำหรับคนพิการ ฉบับที่ 3  ซึ่งเป็นการคุ้มครองสิทธิทางการศึกษา รวมทั้งคุ้มครองสิทธิแรงงานทุกคนโดยไม่แบ่งแยกชาติพันธุ์ เชื้อชาติ หรือ สถานะอื่น เพิ่มสิทธิประโยชน์ลูกจ้างในกรณีว่างงาน ขณะเดียวกันได้ทบทวนปรับปรุง พ.ร.บ. ป้องกันและปราบปรามการค้ามนุษย์  พ.ศ.2551โดยนิยามและคำชี้แจง แสวงหาประโยชน์โดยมิชอบ และการบังคับใช้แรงงานหรือบริการที่ชัดเจนขึ้น และเพิ่มมาตรการให้ความช่วยเหลือและคุ้มครองสวัสดิภาพ ของเหยื่อที่ถูกบังคับใช้แรงงาน เป็นต้น 

นายอนุชา กล่าวว่า รัฐบาลได้กำหนดให้กระบวนการยุติธรรมเป็น 1 ใน 11 ด้านการปฏิรูปประเทศ รวมทั้งพัฒนากลไกช่วยเหลือประชาชน จัดให้มีทนายความประจำสถานีตำรวจ การพัฒนาระบบการยื่นเอกสารและส่งคำคู่ความเอกสารผ่านระบบสื่ออิเล็กทรอนิกส์ โดยเฉพาะอย่างยิ่งการคุ้มครองสิทธิพลเมืองและสิทธิทางการเมือง โดยรัฐบาล เคารพและคุ้มครองเสรีภาพในการแสดงออกและเสรีภาพของสื่อมวลชนอย่างสร้างสรรค์ โดยไม่กระทบต่อความมั่นคงของชาติ นอกจากนี้ ยังดำเนินเกี่ยวกับสิทธิของกลุ่มเฉพาะ เช่น เด็ก จะมีกฎหมาย คุ้มครองเด็กจากสื่อออนไลน์  สตรี จะส่งเสริมความเท่าเทียมทางเพศในสถานที่ทำงาน จัดทำร่าง พ.ร.บ คุ้มครองและส่งเสริมวิถีชีวิตกลุ่มชาติพันธุ์  จัดทำร่าง พ.ร.บ. คู่ชีวิต เพื่อให้กลุ่มผู้มีความหลากหลายทางเพศสามารถจดทะเบียนคู่ชีวิตได้ รวมทั้งจัดทำร่าง พ.ร.บ. ป้องกันและการบังคับบุคคลให้สูญหาย ซึ่งขณะนี้ อยู่ระหว่างการพิจารณาของรัฐสภา

“นายกฯสั่งการในการประชุม
ครม.ที่ผ่านมา ให้หน่วยงานเร่งรัดผลักดันประเด็นสำคัญที่ยังคั่งค้างตามรายงาน URP รอบที่ 3 ที่ครม.ให้ความเห็นชอบ เพื่อส่งเสริมและคุ้มครองสิทธิมนุษยชนที่ครอบคลุมทุกด้าน รวมทั้งให้สนับสนุนแพลตฟอร์มการสื่อสารที่เปิดกว้าง และให้เข้าถึงข้อมูลได้มากขึ้น เพื่อประโยชน์ของประชาชนและรักษาสิทธิและเสรีภาพของประชาชนในการแสดงความคิดเห็นและการแสดงออก รวมทั้งสร้างความตระหนักรู้ให้กับหน่วยงานภาครัฐและประชาชนเกี่ยวกับความสำคัญของการส่งเสริมและคุ้มครองสิทธิมนุษยชนซึ่งเป็นรากฐานสำคัญของสังคม”นายอนุชา กล่าว  

'ชิลี' เผยผลการใช้ 'ซิโนแวค' สามารถลดการป่วยหนัก เสียชีวิต เทียบเท่า 'ไฟเซอร์-แอตราฯ'

4 ส.ค. 64 สำนักข่าวรอยเตอร์เสนอข่าว Chilean study shows variations in success of COVID-19 vaccines ระบุว่า ที่ประเทศชิลี มีการเผยแพร่ผลการศึกษาในโลกแห่งความเป็นจริงเกี่ยวกับประสิทธิภาพวัคซีนโควิด-19 จำนวน 3 ยี่ห้อ แบ่งเป็นไฟเซอร์ 4.5 ล้านคน แอสตราเซเนกา 2.3 ล้านคน และซิโนแวค 8.6 ล้านคน เทียบทั้งคนที่ไม่ได้ฉีดวัคซีน ฉีด 1 เข็ม และ 2 เข็ม ซึ่งชิลีเป็นหนึ่งในประเทศที่ฉีดวัคซีนให้ประชากรอย่างกว้างขวางได้รวดเร็วเป็นอันดับต้น ๆ ของโลก ปัจจุบันประชากรกว่าร้อยละ 60 ได้รับวัคซีนครบ 2 เข็มแล้ว ส่วนใหญ่เป็นวัคซีนซิโนแวค

ราฟาเอล อาเราส์ (Rafael Araos) ที่ปรึกษาปลัดกระทรวงสาธารณสุขชิลี กล่าวว่า ซิโนแวคมีประสิทธิภาพร้อยละ 86 ในการป้องกันอาการป่วยในระดับต้องเข้าโรงพยาบาล ร้อยละ 89.7 ในการป้องกันอาการป่วยหนัก และร้อยละ 86 ในการป้องกันการเสียชีวิต ขณะที่ไฟเซอร์มีประสิทธิภาพร้อยละ 87.7 ในการป้องกันอาการป่วย ร้อยละ 98 ในการป้องกันอาการป่วยหนัก และร้อยละ 100 ในการป้องกันการเสียชีวิต ส่วนแอสตราเซเนกา มีประสิทธิภาพร้อยละ 68.7 ในการป้องกันอาการป่วย ร้อยละ 98 ในการป้องกันอาการป่วยหนัก และร้อยละ 100 ในการป้องกันการเสียชีวิต

อนึ่ง สำหรับวัคซีนซิโนแวค มีการเปรียบเทียบกับผลการศึกษาเมื่อเดือนเม.ย. 2564 พบว่า มีประสิทธิภาพร้อยละ 67 ในการป้องกันอาการป่วย ร้อยละ 85 ในการป้องกันอาการป่วยในระดับต้องเข้าโรงพยาบาล และร้อยละ 80 ในการป้องกันการเสียชีวิต ซึ่งชี้ให้เห็นว่า เมื่อเวลาผ่านไป ซิโนแวคเพิ่มประสิทธิภาพในการป้องกันอาการป่วยรุนแรงหากติดเชื้อ แต่ลดประสิทธิภาพในการป้องกันการติดเชื้อ

อาเราส์ อธิบายว่า การที่ประสิทธิภาพในการป้องกันของวัคซีนลดลงนั้นเป็นสิ่งที่หลีกเลี่ยงไม่ได้เมื่อเวลาผ่านไป โดยเฉพาะเมื่อมีความชุกของไวรัสกลายพันธุ์ที่รุนแรงขึ้น อย่างสายพันธุ์อินเดียหรือเดลตา ซึ่งหากมีการระบาดของสายพันธุ์นี้มากขึ้น บวกกับวัคซีนมีการตอบสนองที่อ่อนแอ ก็อาจเห็นประสิทธิภาพลดลงอย่างรวดเร็ว ดังนั้นตนขอเรียกร้องให้มีการฉีดวัคซีนเข็มที่ 3 เพื่อกระตุ้นภูมิคุ้มกัน


ที่มา : https://www.naewna.com/inter/592532


Q : ประกันอะไร? ได้ตั้ง 4 ต่อ!!

A : ก็ประกันภัยรถยนต์จาก @THESHOPTIMES ไง!!

>> ฟรี!!! ประกันภัยอุบัติเหตุส่วนบุคคล (PA) 100,000 บาท

>> รับคอมมิชชั่นหรือส่วนลดทันที ในอัตราที่สูงกว่า แถมได้สิทธิซื้อประกัน พ.ร.บ.ราคาถูกตลอดชีพ

>> สามารถผ่อนได้สูงสุด 6 งวด ดอกเบี้ย 0% โดยไม่ต้องใช้บัตรเครดิต

>> แถมขายดีมีรายได้เพิ่มให้กับตัวเองด้วย

***สนใจติดต่อ Line@ THE SHOPS TIMES คลิก????https://lin.ee/vfTXud9

สปส. เตือนภัย ผู้ประกันตน ม33 ระวัง “มิจฉาชีพ” หลอกขอข้อมูลรับเงินเยียวยา ผ่าน google form และ sms ปลอม

​นางสาวลัดดา แซ่ลี้ รองโฆษกสำนักงานประกันสังคม กระทรวงแรงงาน เปิดเผยถึงการรับสิทธิรับเงินช่วยเหลือเยียวยาผู้ประกันตนมาตรา 33 ที่ได้รับผลกระทบจากคำสั่งล็อกดาวน์พื้นที่สีแดงเข้ม รวม 13 จังหวัด 9 ประเภทกิจการ ว่า ขณะนี้มีผู้ประกันตนมาตรา 33 จำนวนกว่า 3.1 ล้านคน ที่มีสัญชาติไทย จะได้รับเงินเยียวยาจากรัฐบาลคนละ 2,500 บาท สำนักงานประกันสังคมจะจ่ายครั้งเดียวโดยโอนผ่านบัญชีพร้อมเพย์เลขบัตรประชาชนเท่านั้น ซึ่งเงินเยียวยาจะเริ่มโอนเงินรอบแรกในวันที่ 4 - 6 สิงหาคม 2564 นี้ ส่วนที่เหลือจะทยอยโอนให้ ทุกวันศุกร์ ของสัปดาห์ถัดไป โดยผู้ประกันตนมาตรา 33 สามารถตรวจสอบสิทธิรับเงินเยียวยา ผ่านเว็บไซต์ www.sso.go.th

รองโฆษกสำนักงานประกันสังคม กล่าวเตือนไปยังผู้ประกันตนมาตรา 33 ว่า ขณะนี้พบพวกมิฉาชีพได้จัดทำ google form และส่งข้อความผ่าน SMS ปลอม ไปสอบถามข้อมูล ส่วนตัว เพื่อหลวกลวงให้ผู้ประกันตนแจ้งความประสงค์รับเงินเยียวยา 2,500 บาท และให้กรอกเลขบัตรประจําตัวประชาชน เบอร์โทรศัพท์ติดต่อ และข้อมูลส่วนตัวอื่นๆ จนนำไปกดลิงค์เพื่อยืนยัน ซึ่งเป็นการใช้ความสับสนของผู้ประกันตนมาเป็นกลลวง ที่อาจนำมาซึ่งความเสียหาย ทั้งทรัพย์สิน และการโจรกรรมข้อมูลส่วนบุคคล ของพวกมิฉาชีพจะนำไปใช้ประโยชน์ในทางมิชอบ สำนักงานประกันสังคมจึงขอเตือนให้ผู้ประกันตน โปรดระมัดระวังอย่าหลงเชื่อเป็นอันขาด ด้วยความห่วงใยจากสำนักงานประกันสังคม หากผู้ประกันตนมีข้อสงสัยติดต่อสอบถามที่สายด่วนสำนักงานประกันสังคม 1506

ประกันสังคม ทยอยโอนเงินเยียวยาวันละ 1 ล้านบัญชี ม.33 10 จังหวัดสีแดง เงินเข้าวันนี้

จากกรณีที่คณะรัฐมนตรี อนุมัติโครงการเยียวยานายจ้าง และผู้ประกันตน ม.33 ในกิจการที่ได้รับผลกระทบจากมาตรการของรัฐ พื้นที่ควบคุมสูงสุดและเข้มงวด และพื้นที่จังหวัดชายแดนภาคใต้ จำนวน 13 จังหวัด ได้แก่ กรุงเทพฯ นนทบุรี นครปฐม ปทุมธานี สมุทรปราการ สมุทรสาคร พระนครศรีอยุธยา ชลบุรี ฉะเชิงเทรา สงขลา นราธิวาส ยะลา และปัตตานี

ล่าสุด สำนักงานประกันสังคม (สปส.) ได้ทำการโอนเงินเยียวยาแก่ผู้ประกันตนตาม ม.33 ที่ได้รับผลกระทบใน 9 กลุ่มกิจการ คือ

1.) ก่อสร้าง

2.) ที่พักแรมและบริการด้านอาหาร

3.) ศิลปะความบันเทิงและนันทนาการ

4.) กิจกรรม บริการด้านอื่น ๆ

5.) การขายส่ง ปลีก ซ่อมยานยนต์

6.) การขนส่งและสถานที่เก็บสินค้า

7.) กิจกรรมการบริหารและบริการสนับสนุน

8.) กิจกรรมวิชาชีพ วิทยาศาสตร์ และกิจกรรมทางวิชาการ

และ 9.) ข้อมูลข่าวสารและการสื่อสาร

ในพื้นที่ 10 จังหวัดควบคุมสูงสุดและเข้มงวด ‘สีแดงเข้ม’ ประกอบด้วย กรุงเทพมหานคร นนทบุรี นครปฐม ปทุมธานี สมุทรปราการ สมุทรสาคร สงขลา นราธิวาส ยะลา และปัตตานี

โดยโอนผ่านระบบบัญชีพร้อมเพย์ที่ผูกกับเลขประจำตัวประชาชน วันละ 1 ล้านบัญชี จากจำนวนผู้ประกันตนที่มีสิทธิได้รับเงินเยียวยามีจำนวน 2.87 ล้านคน ตั้งแต่วันที่ 4-6 ส.ค.นี้ สำหรับรายละเอียด การโอนเงิน ผู้ประกันตนตาม ม.33 (พนักงานเอกชนทั่วไป ลูกจ้างที่ยังทำงานในสถานประกอบการที่มีนายจ้าง) ที่จะได้รับการเยียวยา เป็นเงิน 2,500 บาท โอนผ่านบัญชีพร้อมเพย์เลขประจำตัวประชาชนเท่านั้น

ส่วนนายจ้างจะได้รับการเยียวยา ตามจำนวนลูกจ้าง หัวละ 3,000 บาท สูงสุดลูกจ้างไม่เกิน 200 คน โดยนายจ้างบุคคลธรรมดา จะได้รับเงินโอนผ่านบัญชีพร้อมเพย์เลขประจำตัวประชาชนเช่นกัน นายจ้างสถานะนิติบุคคล จะโอนเข้าบัญชีธนาคารตามชื่อนิติบุคคล

ส่วนเฟส 2 : 3 จังหวัด คือ พระนครศรีอยุทธยา, ชลบุรี, ฉะเชิงเทรา รับ 2,500 บาท เงินจะโอนเข้า วันที่ 9 ส.ค.

เฟส 3 : ม.39-40 13 จังหวัด ประกอบด้วย กรุงเทพมหานคร, นครปฐม, นนทบุรี, ปทุมธานี, สมุทรปราการ, สมุทรสาคร, นราธิวาส, ปัตตานี, ยะลา, สงขลา, ชลบุรี, พระนครศรีอยุธยา และ ฉะเชิงเทรา จะได้รับเงินโอนผ่านระบบบัญชีพร้อมเพย์เลขประจำตัวประชาชน จำนวนวันละ 1 ล้านบัญชี) รับ 5,000 บาท เงินจะโอนเข้า วันที่ 24 ส.ค. สำนักงานประกันสังคม จะโอนเงินเยียวยาแก่ผู้ประกันตนตาม ม.39 (ผู้ประกันตนที่ลาออกจากพนักงานเอกชนแล้ว) และ ม.40

เฟส 4 : 2 กลุ่ม จะได้รับโอนเงินในวันที่ 25 ส.ค.แก่ผู้ประกันตนตาม ม.39 และ ม.40 ที่ได้รับผลกระทบจากคำสั่งข้อกำหนดออกตามความมาตรา 9 แห่งพระราชกำหนด (พ.ร.ก.) การบริหารราชการในสถานการณ์ฉุกเฉิน พ.ศ. 2548 ฉบับที่ 30 จังหวัดที่อยู่ในพื้นที่ควบคุมสูงสุดและเข้มงวด ‘สีแดงเข้ม’ 29 จังหวัด ม.33 รับเงิน 2,500 บาท งวดที่ 2

ทั้งนี้ ผู้ประกันตนมาตรา 33 ในพื้นที่ 29 จังหวัดควบคุมสูงสุดและเข้มงวด ‘สีแดงเข้ม’ คือ กรุงเทพมหานคร, นครปฐม, นนทบุรี, ปทุมธานี, สมุทรปราการ, สมุทรสาคร, นราธิวาส, ปัตตานี, ยะลา, สงขลา, ชลบุรี, พระนครศรีอยุธยา, ฉะเชิงเทรา, กาญจนบุรี, สมุทรสงคราม, สุพรรณบุรี, เพชรบุรี, ประจวบคีรีขันธ์, ราชบุรี, อ่างทอง, นครนายก, ปราจีนบุรี, ลพบุรี, ระยอง, สิงห์บุรี, สระบุรี, นครราชสีมา, เพชรบูรณ์ และตาก ผ่านระบบบัญชีพร้อมเพย์เลขประจำตัวประชาชน งวดที่ 2 จำนวน 2,500 บาท ม.39-40 (29 จังหวัด) รับ 5,000 บาท

ผู้ประกันตนตาม ม.39 (ผู้ประกันตนที่ลาออกจากพนักงานเอกชน) และ ม.40 ที่ได้รับผลกระทบจากคำสั่งข้อกำหนดออกตามความ ม.9 แห่งพระราชกำหนด (พ.ร.ก.) การบริหารราชการในสถานการณ์ฉุกเฉิน พ.ศ. 2548 ฉบับที่ 30 ขยายจังหวัดที่อยู่ในพื้นที่ควบคุมสูงสุดและเข้มงวด ‘สีแดงเข้ม’ 16 จังหวัด คือกาญจนบุรี, สมุทรสงคราม, สุพรรณบุรี, เพชรบุรี, ประจวบคีรีขันธ์, ราชบุรี, อ่างทอง, นครนายก, ปราจีนบุรี, ลพบุรี, ระยอง, สิงห์บุรี, สระบุรี, นครราชสีมา, เพชรบูรณ์ และตาก โอน 5,000 บาท


Q : ประกันอะไร? ได้ตั้ง 4 ต่อ!!

A : ก็ประกันภัยรถยนต์จาก @THESHOPTIMES ไง!!

>> ฟรี!!! ประกันภัยอุบัติเหตุส่วนบุคคล (PA) 100,000 บาท

>> รับคอมมิชชั่นหรือส่วนลดทันที ในอัตราที่สูงกว่า แถมได้สิทธิซื้อประกัน พ.ร.บ.ราคาถูกตลอดชีพ

>> สามารถผ่อนได้สูงสุด 6 งวด ดอกเบี้ย 0% โดยไม่ต้องใช้บัตรเครดิต

>> แถมขายดีมีรายได้เพิ่มให้กับตัวเองด้วย

***สนใจติดต่อ Line@ THE SHOPS TIMES คลิก????https://lin.ee/vfTXud9

ยื่นป.ป.ช.! “ศรีสุวรรณ” เตรียมร้อง ป.ป.ช. สอบจริยธรรมร้ายแรง “เสรีพิศุทธ์” หลังศาลปกครองสูงสุดยกคำขอเพิกถอนคำสั่งอธิบดีกรมเจ้าท่าที่ให้รื้อถอนสิ่งล่วงล้ำลำน้ำในแม่น้ำแควน้อย

นายศรีสุวรรณ จรรยา เลขาธิการสมาคมองค์การพิทักษ์รัฐธรรมนูญไทย เปิดเผยว่าวันที่ 5 ส.ค. 64 สมาคมฯจะเดินทางไปยื่นคำร้องต่อ คณะกรรมการ ป.ป.ช. เพื่อขอให้ไต่สวนและมีความเห็นกรณีศาลปกครองสูงสุดพิพากษายกฟ้องในคดีที่ พล.ต.อ.เสรีพิศุทธ์ เตมียาเวส ขอเพิกถอนคำสั่งอธิบดีกรมเจ้าท่าที่ให้รื้อถอนสิ่งล่วงล้ำลำน้ำในแม่น้ำแควน้อย อันเข้าข่ายฝ่าฝืนหรือไม่ปฏิบัติตามมาตรฐานทางจริยธรรมอย่างร้ายแรงหรือไม่ 

เนื่องจาก พล.ต.อ.เสรีพิศุทธ์ กระทำการทิ้งหิน ดิน ล่วงล้ำลำน้ำแควน้อยเกินกว่าแนวเขตที่ดินของตนโดยไม่ได้รับอนุญาตจากกรมเจ้าท่า ตาม ม.119 แห่ง พ.ร.บ.เดินเรือในน่านน้ำไทย 2456  พร้อมกับมีการปลูกต้นไม้ทำเป็นสวนหย่อมและทำทางเท้าปูด้วยแผ่นหิน อันเป็นการปลูกสร้างสิ่งอื่นใดล่วงล้ำเข้าไปในน้ำ ซึ่งเป็นทรัพยากรธรรมชาติของแผ่นดิน ตั้งแต่ปี 2551 ต่อเนื่องมาจนถึงปัจจุบัน ซึ่งเป็นอำนาจโดยชอบตาม ม.118 ทวิ แห่งกฎหมายเดียวกันที่กรมเจ้าท่าใช้อำนาจโดยชอบสั่งให้พล.ต.อ.เสรีพิศุทธ์ รื้อถอนสิ่งล่วงล้ำในแม่น้ำแควน้อยออกไปภายใน 30 วัน  ซึ่งคำพิพากษาดังกล่าวถึงที่สุดแล้ว 

การกระทำของพล.ต.อ.เสรีพิศุทธ์  ซึ่งเป็น ส.ส.และหัวหน้าพรรคการเมือง  จึงอาจเข้าข่ายฝ่าฝืนไม่ปฏิบัติตามมาตรฐานจริยธรรมอย่างร้ายแรง เฉกเช่นเดียวกันกับกรณีของ ส.ส.ปารีณา ไกรคุปต์  สมาคมองค์การพิทักษ์รัฐธรรมนูญไทย  จึงร้องเรียนขอให้ คณะกรรมการ ป.ป.ช.ดำเนินการตามอำนาจหน้าที่และมีมติส่งเรื่องไปยังศาลฎีกา และขอให้หยุดปฏิบัติหน้าที่เช่นเดียวกันต่อไปด้วย

นพ.บุญ วนาสิน เปิดเผยเช้านี้ กรณีการจัดหานำเข้าวัคซีนโควิด mRNA ระบุว่า ถอดใจเรื่องนี้แล้ว บอกยากมาก แม้ว่าวัคซีนจะมีการติดต่อซื้อขายกับเอเย่นไปแล้ว แต่ไม่สามารถหาหน่วยงานนำเข้าได้ เนื่องจากมีข้อจำกัดทางราชการ

นพ.บุญ วนาสิน ประธานกรรมการบริษัท ธนบุรี เฮลท์แคร์ กรุ๊ป จำกัด (มหาชน) หรือ THG เปิดเผยเช้านี้ผ่านรายงานเจาะลึกทั่วไทย อินไซด์ไทยแลนด์ ทางช่อง 9 กรณีการจัดหานำเข้าวัคซีนโควิด mRNA ระบุว่า ถอดใจเรื่องนี้แล้ว บอกยากมาก แม้ว่าวัคซีนจะมีการติดต่อซื้อขายกับเอเย่นไปแล้ว แต่ไม่สามารถหาหน่วยงานนำเข้าได้ เนื่องจากมีข้อจำกัดทางราชการ

ทั้งนี้ พยายามติดต่อหลายหน่วยงาน ไม่มีใครอยากยุ่งเกี่ยวด้วย เนื่องจากกลัวผลจะได้รับผลกระทบ อาจถูกกล่าวหามุ่งกำไร

โดยที่ผ่านมา ดีลตัวแทน ไฟเซอร์ ไปหลายครั้ง หลายประเทศ มีวัคซีน เมื่อไม่สามารถหาองค์กรนำเข้าในเมืองไทย จึงถูกปรับเงินมัดจำ ไปแล้ว 2-3 ครั้ง

ส่วนข่าวที่จะให้องค์กรในกระทรวงกลาโหม เป็นผู้นำเข้านั้น นพ.บุญเผยว่า น้องชายทำธุรกิจของเขาเอง ส่วนตัวเองไม่เคยติดต่อกลาโหม

ส่วนกรณีถูกกล่าวหาว่าปั่นหุ้นนั้น หมอบุญชี้แจงว่า ตนเองมีการซื้อหุ้นทุกเดือนมาโดยตลอดอยู่แล้ว ส่วนการซื้อขายในระดับ 3-4 ล้าน คงเอาไปเทียบไม่ได้กับการต้องไปเสี่ยงกับการเอาเงินราว 3 หมื่นล้านบาทไปซื้อวัคซีน

ทางด้านสำนักงานคณะกรรมการกำกับหลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์ (ก.ล.ต.) แจ้งให้ บมจ.ธนบุรี เฮลท์แคร์ กรุ๊ป (THG) และนายบุญ วนาสิน ประธานกรรมการบริษัท ชี้แจงข้อมูลเกี่ยวกับการเซ็นสัญญากับกระทรวงกลาโหมเพื่อนำเข้าวัคซีนไฟเซอร์ รวมถึงการเสียเงินมัดจำจำนวน 500-600 ล้านบาทจากการผิดเงื่อนไขของสัญญา

สืบเนื่องจากนายบุญ ให้ข่าวผ่านสื่อเมื่อวันที่ 3 ส.ค. 64 ว่าภายในสัปดาห์นี้จะมีการเซ็นสัญญากับกระทรวงกลาโหมที่เป็นหน่วยงานนำเข้าวัคซีนไฟเซอร์ ต่อมาในวันเดียวกันโฆษกกระทรวงกลาโหมได้ออกมาปฏิเสธข่าวดังกล่าวและยืนยันว่าขณะนี้กระทรวงกลาโหมและหน่วยงานในสังกัดยังไม่มีแผนหรือความตกลงร่วมกับหน่วยงานภาคเอกชนใด ๆ ในการสั่งซื้อหรือนำเข้าวัคซีนไฟเซอร์แต่อย่างใด

นอกจากนี้ นายบุญยังกล่าวถึงการที่ต้องเสียเงินมัดจำเป็นจำนวน 500-600 ล้านบาท เนื่องจากผิดเงื่อนไขของสัญญาด้วย

ก.ล.ต. เห็นว่าเนื่องจากข้อเท็จจริงดังกล่าวมีความขัดแย้งกัน ซึ่งอาจก่อให้เกิดความสำคัญผิด และอาจมีผลกระทบต่อสิทธิประโยชน์ของผู้ถือหุ้นหรือต่อการตัดสินใจลงทุนหรือต่อการเปลี่ยนแปลงในราคาหลักทรัพย์ ก.ล.ต. จึงอาศัยอำนาจตามมาตรา 58 (1) และ (2) แห่งพระราชบัญญัติหลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์ พ.ศ. 2535 ให้ THG และนายบุญชี้แจงข้อมูลที่เกี่ยวข้องภายใน 7 วันนับแต่วันที่ 4 ส.ค. 64 พร้อมทั้งให้ THG เปิดเผยคำชี้แจงผ่านระบบของตลาดหลักทรัพย์ฯ ด้วย

ทั้งนี้ ก.ล.ต. ได้มีหนังสือ 2 ฉบับ ถึงประธานเจ้าหน้าที่บริหารของ THG และ นายบุญ วนาสิน ในฐานะประธานกรรมการของ THG ให้ชี้แจงกรณีดังกล่าว เมื่อช่วงเช้าวันที่ 4 ส.ค. 64

อย่างไรก็ตาม ก่อนหน้านี้ ทางบริษัท ธนบุรี เฮลท์แคร์ กรุ๊ป จำกัด (มหาชน) ได้รายงานต่อตลาดหลักทรัพย์ เมื่อวานนี้ (3 ส.ค.) ชี้แจงกรณีข่าวการจัดหาวัคซีนโควิด-19 ชนิด mRNA โดยมีเนื้อหาดังนี้

ตามที่ได้มีสํานักข่าวแห่งหนึ่งได้ระบุว่า นายแพทย์บุญ วนาสิน ให้สัมภาษณ์ถึงการนําเข้าวัคซีนโควิด-19 ชนิด mRNA ร่วมกับกระทรวงกลาโหม โดยจะมีการทําสัญญาภายในสัปดาห์นี้ และระบุว่าสามารถนําเข้ามาภายในเดือนสิงหาคมนั้น

บริษัท ธนบุรี เฮลท์แคร์ กรุ๊ป จํากัด (มหาชน) (THG) ขอชี้แจงว่า นายแพทย์บุญ ไม่ได้เป็นผู้ให้ข้อมูลที่มีเนื้อหาดังกล่าวแก่สํานักข่าวและได้ดําเนินการแจ้งให้สํานักข่าวแก้ไขเป็นที่เรียบร้อยแล้ว

อนึ่ง THG ยืนยันว่า การติดต่อนําเข้าวัคซีน mRNA และวัคซีนอื่น ๆ ยังดําเนินการอย่างต่อเนื่องและอย่างสุดความสามารถ เพื่อให้สามารถนําวัคซีนมาช่วยให้ประเทศชาติพ้นวิกฤติให้เร็วที่สุด


Q : ประกันอะไร? ได้ตั้ง 4 ต่อ!!

A : ก็ประกันภัยรถยนต์จาก @THESHOPTIMES ไง!!

>> ฟรี!!! ประกันภัยอุบัติเหตุส่วนบุคคล (PA) 100,000 บาท

>> รับคอมมิชชั่นหรือส่วนลดทันที ในอัตราที่สูงกว่า แถมได้สิทธิซื้อประกัน พ.ร.บ.ราคาถูกตลอดชีพ

>> สามารถผ่อนได้สูงสุด 6 งวด ดอกเบี้ย 0% โดยไม่ต้องใช้บัตรเครดิต

>> แถมขายดีมีรายได้เพิ่มให้กับตัวเองด้วย

***สนใจติดต่อ Line@ THE SHOPS TIMES คลิก????https://lin.ee/vfTXud9

‘ทัพฟ้า’ สนับสนุนบ้านพักสวัสดิการกองทัพอากาศ (เกาะตะเคียน) จ.ตราด จัดตั้งศูนย์พักคอย (Community Isolation) หลังพบจำนวนผู้ติดเชื้อโควิดในจังหวัดตราดเพิ่มมากขึ้นอย่างต่อเนื่อง

เมื่อวันที่ 4 ส.ค. 64 พล.อ.อ.แอร์บูล สุทธิวรรณ ผู้บัญชาการทหารอากาศ (ผบ.ทอ.) สั่งการให้กรมสวัสดิการทหารอากาศและฝูงบิน 207 จังหวัดตราด ให้การสนับสนุนบ้านพักสวัสดิการกองทัพอากาศ (เกาะตะเคียน) จังหวัดตราด เพื่อจัดตั้งเป็นศูนย์พักคอย (Community Isolation) เป็นการชั่วคราวให้กับเทศบาลเมืองตราด จังหวัดตราด เนื่องจากสถานการณ์การแพร่ระบาดของเชื้อโควิด-19 ในจังหวัดตราดทวีความรุนแรง ทำให้มีผู้ติดเชื้อรายใหม่สะสมเพิ่มจำนวนมากขึ้น

สำหรับบ้านพักสวัสดิการกองทัพอากาศ (เกาะตะเคียน) เป็นหนึ่งในกิจการสวัสดิการกองทัพอากาศ ตั้งอยู่ในพื้นที่ของฝูงบิน 207 จังหวัดตราด ประกอบด้วยอาคารบ้านพักจำนวน 20 หลัง และอาคารสำนักงาน 1 หลัง ซึ่งปัจจุบันปิดการดำเนินการชั่วคราวจากสถานการณ์การแพร่ระบาดของเชื้อโควิด-19 โดยการจัดตั้งเป็นศูนย์พักคอย (Community Isolation) เทศบาลเมืองตราดจะรับผิดชอบค่าสาธารณูปโภคและการปรับปรุงซ่อมแซมสถานที่ให้เป็นไปตามมาตรฐานข้อกำหนดทางการแพทย์ การสาธารณสุข

ทั้งนี้ กองทัพอากาศพร้อมให้การสนับสนุนกำลังพล ยุทโธปกรณ์ ทรัพยากรของกองทัพอากาศ และพร้อมให้ร่วมมือกับหน่วยงานภาครัฐ ภาคเอกชน และองค์กร อย่างเต็มกำลังความสามารถในการหยุดยั้งการแพร่ระบาดของเชื้อโควิด-19 เพื่อบรรเทาความเดือดร้อนและให้พี่น้องประชาชนสามารถกลับมาดำรงชีวิตได้อย่างปกติสุขโดยเร็ว


Q : ประกันอะไร? ได้ตั้ง 4 ต่อ!!

A : ก็ประกันภัยรถยนต์จาก @THESHOPTIMES ไง!!

>> ฟรี!!! ประกันภัยอุบัติเหตุส่วนบุคคล (PA) 100,000 บาท

>> รับคอมมิชชั่นหรือส่วนลดทันที ในอัตราที่สูงกว่า แถมได้สิทธิซื้อประกัน พ.ร.บ.ราคาถูกตลอดชีพ

>> สามารถผ่อนได้สูงสุด 6 งวด ดอกเบี้ย 0% โดยไม่ต้องใช้บัตรเครดิต

>> แถมขายดีมีรายได้เพิ่มให้กับตัวเองด้วย

***สนใจติดต่อ Line@ THE SHOPS TIMES คลิก????https://lin.ee/vfTXud9


© Copyright 2021, All rights reserved. THE STATES TIMES
Take Me Top