Wednesday, 14 May 2025
Crimes

รวบแล้ว..!! "ผบช.ภ.7" แถลง #รวบสาวมือเผาโกดังเก็บน้ำมัน สารภาพสิ้นหลังสอบเค้น พบพิรุธ อ้างเหตุแค้นนายจ้างด่า

1 ธันวาคม 2564 สภ.โพธิ์แก้ว ต.ท่าตลาด อ.สามพราน จ.นครปฐม พล.ต.ท.ธนายุตม์ วุฒิจรัสธำรงค์ 

ผบช.ภ.7 พร้อมเจ้าหน้าที่ตำรวจที่เกี่ยวข้องได้ร่วมกันแถลงข่าวการจับกุมตัวผู้ต้องหา นางสาวสิราสินี หรือแอน ศรียา อายุ 38 ปี ซึ่งต้องหาว่ากระทำความผิดฐาน​ "วางเพลิงเผาทรัพย์ของผู้อื่น ซึ่งทรัพย์นั้นเป็นโรงเรือนที่เก็บสินค้า, แจ้งความเท็จ (รู้ว่ามิได้มีการกระทำความผิดเกิดขึ้น แจ้งข้อความแก่พนักงานสอบสวนหรือเจ้าพนักงานผู้มีอำนาจสืบสวนคดีอาญาว่าได้มีการกระทำ และแจ้งความเท็จเกี่ยวกับความผิดอาญาแก่พนักงานสอบสวน ซึ่งอาจทำให้ผู้อื่นหรือประชาชนเสียหาย"

พล.ต.ท.ธนายุตม์ กล่าวว่า คดีนี้เหตุเกิด เมื่อวันที่ 24 พ.ย.2564 เวลาประมาณ 12.15 น. ได้มีเหตุเพลิงไหม้โกดังสำหรับเก็บน้ำมันของบริษัท ประภากรออยล์ จำกัด เลขที่ 26/15 หมู่ที่ 2 ต.อ้อมใหญ่ อ.สามพราน จ.นครปฐม    ซึ่งต่อมา เจ้าหน้าที่ตำรวจ สภ.โพธิ์แก้ว พร้อมด้วยฝ่ายปกครอง และหน่วยงานที่เกี่ยวข้องได้ร่วมกันบริหารเหตุการณ์ฉุกเฉิน โดยใช้รถดับเพลิงประมาณ 40 คัน และสามารถดับเพลิงได้ ในเวลาประมาณ 16.00 น. (รวมประมาณ 4 ชม.) 

ซึ่งตรวจสอบพบว่ามีผู้ได้รับบาดเจ็บจากเหตุการณ์ครั้งนี้ จำนวน 1 คน คือ น.ส.สิราสินี หรือแอน ศรียา ซึ่งเป็นพนักงานของบริษัทฯ ตำแหน่งหัวหน้าแผนกคลังสินค้า ให้การว่าขณะที่ตนเองทำหน้าที่ตรวจนับคลังสินค้าอยู่ ได้พบกับคนร้ายเป็นชาย 2 คนที่เข้ามาก่อเหตุวางเพลิง และถูกทำร้าย ก่อนจะหลบหนีไป

ต่อมาเจ้าหน้าที่ตำรวจได้ตรวจสอบพยานหลักฐานในที่เกิดเหตุ ประกอบการซักถามผู้ต้องหา พบมีพิรุธ จึงได้ทำการสอบสวนจนรับสารภาพว่าเป็นผู้ก่อเหตุวางเพลิงโกดังเก็บน้ำมันจริง โดยใช้ไฟแช็คจุดกระดาษแล้ววางไว้ในกล่องกระดาษบรรจุน้ำมันหล่อลื่นจำนวน 2 จุด จนเกิดเพลิงไหม้ดังกล่าว ไม่ได้มีคนร้ายเป็นชาย 2 คนตามที่ได้ให้การในครั้งแรกแต่อย่างใด สาเหตุเกิดจากความคับแค้นที่ถูกนายจ้างดุด่า จึงได้ทำการจับกุมตัวส่งพนักงานสอบสวนดำเนินคดีตามกฎหมายต่อไป

โฆษก ตร. สุดทน!! คลิปพ่อทำร้ายร่างกายลูกสาว ล่าสุด!!! ตำรวจแจ้งข้อกล่าวหาแล้ว หากเจ็บสาหัส คุก 10 ปี!!

พล.ต.ต.ยิ่งยศ เทพจำนงค์ โฆษกสำนักงานตำรวจแห่งชาติ เผยว่า จากกรณีปรากฏคลิปในสื่อสังคมออนไลน์ มีผู้ชายแต่งกายคล้ายพนักงานส่งอาหารได้เข้ามาต่อว่าด่าทอ ก่อนลงมือทำร้ายร่างกายเด็กหญิง มีการตบตี ปาแก้วน้ำใส่ และใช้เท้าถีบจนตกเก้าอี้ หลังจากนั้นจึงยกเก้าอี้ทุ่มใส่เด็กหญิงซ้ำอีกครั้ง นั้น

พล.ต.ต.ยิ่งยศฯ โฆษก ตร. กล่าวว่า ในปัจจุบันตามสื่อสังคมออนไลน์ต่าง ๆ จะเห็นได้ว่ามีการทำร้ายร่างกายเด็กและเยาวชนอย่างรุนแรง และบ่อยครั้งจะเป็นคนในครอบครัวหรือคนใกล้ชิด โดยส่งผลให้เด็กที่ถูกทำร้ายบอบช้ำทั้งร่างกายและจิตใจ ซึ่งจะเป็นปัญหาในระยะยาว พล.ต.อ.สุวัฒน์ แจ้งยอดสุข ผบ.ตร. ให้ความสำคัญเป็นพิเศษกับการแก้ปัญหาเด็กและสตรีที่ถูกกระทำโดยใช้ความรุนแรง จึงได้กำชับไปยังเจ้าหน้าที่ตำรวจหากพบการกระทำผิดให้เร่งสืบสวนจับกุมผู้กระทำความผิดอย่างรวดเร็วและได้เล็งเห็นถึงปัญหาการกระทำความรุนแรงต่อเด็กและเยาวชน สำนักงานตำรวจแห่งชาติจึงได้จัดตั้งศูนย์พิทักษ์เด็ก สตรี ครอบครัว ป้องกันปราบปรามการค้ามนุษย์ และภาคประมง สำนักงานตำรวจแห่งชาติ (ศพดส.ตร.) ซึ่งมีหน้าที่ดำเนินการปฏิบัติภารกิจพิทักษ์เด็ก สตรี ครอบครัว อย่างเร่งด่วนและทันต่อเหตุการณ์ โดยมี พล.ต.อ.รอย อิงคไพโรจน์ รอง ผบ.ตร. เป็นผู้อำนวยการศูนย์

โฆษก ตร. กล่าวต่อว่า จากเหตุการณ์ดังกล่าว ผู้ปกครองของน้องได้เข้ามาแจ้งความร้องทุกข์ให้ดำเนินคดีกับผู้กระทำความผิด ล่าสุดพนักงานสอบสวนได้แจ้งข้อกล่าวหาแก่ผู้กระทำความผิดแล้ว โดยเจ้าหน้าที่ตำรวจจะดำเนินการตามกฎหมาย และระเบียบที่เกี่ยวข้องต่อไป จึงอยากเตือนว่าการกระทำดังกล่าวนั้นอาจมีความผิดตามประมวลกฎหมายอาญา

มาตรา 295 ผู้ใดทำร้ายผู้อื่น จนเป็นเหตุให้เกิดอันตรายแก่กายหรือจิตใจของผู้อื่นนั้น ผู้นั้นกระทำความผิดฐานทำร้ายร่างกาย ต้องระวางโทษจำคุกไม่เกิน 2 ปี หรือปรับไม่เกิน 40,000 บาท หรือทั้งจำทั้งปรับ

มาตรา 297 ผู้ใด กระทำความผิด ฐานทำร้ายร่างกาย จนเป็นเหตุให้ ผู้ถูกกระทำร้าย “รับอันตรายสาหัส” ต้องระวางโทษ จำคุกตั้งแต่ 6 เดือน ถึง 10 ปี

มาตรา 298 ผู้ใดกระทำความผิดตามมาตรา 297 ถ้าความผิดนั้นมีลักษณะประการหนึ่งประการใดดังที่บัญญัติไว้ในมาตรา 289 เช่น การกระทำโดย “ทรมาน” หรือกระทำโดย “ทารุณโหดร้าย” ต้องระวางโทษจำคุกตั้งแต่ 2 ปี ถึง 10 ปี และปรับตั้งแต่ 40,000 บาท ถึง 200,000 บาท

 

ผกก.ตม.จว.ประจวบคีรีขันธ์ สนองนโยบายนายกรัฐมนตรี - ผบ.ตร.- ผบช.สตม. คุมเข้มพื้นที่สั่งตรวจเชิงรุกสกัด!! ‘โอไมครอน’ แพร่ระบาด

วันนี้ (3 ธันวาคม 2564) พ.ต.อ.สุทธิพงษ์ พุทธิพงษ์ ผกก.ตม.จว.ประจวบคีรีขันธ์ ได้จัดกำลังเจ้าหน้าที่ ตม.จว.ประจวบคีรีขันธ์ ออกบูรณาการร่วมกับสาธารณสุขจังหวัดประจวบคีรีขันธ์ และฝ่ายปกครอง ออกตรวจสอบพร้อมให้คำแนะนำข้อกำหนดและวิธีการปฏิบัติตัว แก่คนต่างชาติกลุ่มดังกล่าวในพื้นที่รับผิดชอบ ผลการปฏิบัติคนต่างชาติกลุ่มดังกล่าวให้ความร่วมมือ และปฏิบัติตามคำแนะนำเป็นอย่างดี เพื่อให้เกิดความมั่นใจในความปลอดภัยและความมั่นคงของประเทศ

พ.ต.อ.สุทธิพงษ์ กล่าวว่า การดำเนินการดังกล่าวเป็นไปตามนโยบายตามนโยบายของท่าน พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี, พล.อ. ประวิตร วงษ์สุวรรณ รอง นายกรัฐมนตรี, พล.ต.อ.สุวัฒน์ แจ้งยอดสุข ผบ.ตร., พล.ต.อ. ดำรงศักดิ์ กิตติประภัสร์ รอง ผบ.ตร. สั่งการให้ สตม.โดย พล.ต.ท. ภาคภูมิภิภัทฒ์ สัจจพันธุ์ ผบช.สตม., พล.ต.ต.อาชยน ไกรทอง รองผบช.สตม., พล.ต.ต.ณฐพล แสวงกิจ รองผบช.สตม. และ พล.ต.ต.มานัด ศรีวงษา ผบก.ตม.3 ให้ดำเนินการตรวจสอบคนชาวต่างชาติที่เดินทางมาจากทวีปแอฟริกาซึ่งเป็นกลุ่มเสี่ยงในการติดโรคระบาดจากเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 (โควิด-19) สายพันธุ์โอไมครอน และสั่งเพิ่มมาตรการคัดกรองตรวจเข้มงวด พร้อมทั้งให้ทุกหน่วยในสังกัด ตรวจตราพื้นที่ตามแนวชายแดนอย่างเข้มงวดและต่อเนื่องป้องกันการลักลอบเข้าเมืองโดยผิดกฎหมายตามช่องทางธรรมชาติ เพื่อป้องกันเชื้อเข้ามาแพร่ระบาดเข้ามาภายในประเทศ

 

“บิ๊กโจ๊ก” พล.ต.ท.สุรเชษฐ์ หักพาล แถลงข่าวอาชญากรรมข้ามชาติ – ค้ามนุษย์ และฟอกเงิน

พล.ต.ท.สุรเชษฐ์ หักพาล ผู้ช่วย ผบ.ตร./รอง ผอ.ศพดส.ตร.แถลงข่าวอาชญากรรมข้ามชาติ และค้ามนุษย์ ทลายเครือข่ายค้ามนุษย์ , องค์กรอาชญากรรมข้ามชาติ และฟอกเงิน ณ ตำรวจภูธรจังหวัดชุมพร

สืบเนื่องจาก เมื่อวันที่ 6 ก.ย. 2564 เวลาประมาณ 14.40 น. เจ้าพนักงานตำรวจ สภ.บ้านมาบอำมฤต จังหวัดชุมพร  ได้ร่วมกันจับกุมตัวนายเขมทัต ผาลี อายุ 36 ปี พร้อมด้วยคนต่างด้าวสัญชาติ เมียนมา (โรฮิงญา) ซึ่งโดยสารมากับรถตู้คันที่นายเขมทัตฯ ขับมา จำนวน 5 คน โดยกล่าวหาว่า ช่วยเหลือด้วยประการใด ๆ เพื่อให้คนต่างด้าวซึ่งหลบหนีเข้าเมืองโดยผิดกฎหมายพ้นจากการจับกุม และต่อมาเวลา 16.30 น. ของวันเดียวกัน เจ้าพนักงานตำรวจ ฯ ได้ร่วมกัน จับกุมตัว นายชัยชาญ ไม่ยาก อายุ 41 ปี  และ นางสาวจุลลา บรรเทา อายุ 26 ปี พร้อมด้วยคนต่างด้าวสัญชาติ เมียนมา (โรฮิงญา) ซึ่งโดยสารมากับรถตู้ที่นายชัยชาญฯ ขับมา จำนวน 6 คน โดยกล่าวหาว่า ช่วยเหลือด้วยประการใด ๆ เพื่อให้คนต่างด้าวซึ่งหลบหนีเข้าเมืองโดยผิดกฎหมายพ้นจากการจับกุมและในวันเดียวกัน เมื่อวันที่ 6 กันยายน 2564 เวลาประมาณ 19.30 น. เจ้าพนักงานตำรวจ สภ.เขานิพันธ์ ได้ร่วมกันจับกุมตัว Mr.Man Jo Min หรือนายฮู เซ็น อายุ 48 ปี สัญชาติ เมียนมา และชู อาลิน อายุ 18 ปี สัญชาติ เมียนมา

โดยกล่าวหา รู้ว่าคนต่างด้าวเข้ามาในราชอาณาจักรโดยผิดกฎหมาย ให้เข้าพักอาศัย ซ่อนเร้น หรือช่วยเหลือด้วยประการใด ๆ เพื่อให้คนต่างด้าวพ้นจากการจับกุม และได้ทำการตรวจค้นบ้านเลขที่ 59/7 ม.5 ต.คลองฉนวน อ.เวียงสระ จังหวัดสุราษฎร์ธานี ตรวจพบคนต่างด้าวสัญชาติ เมียนมา (โรฮิงญา) หลบหนีเข้าเมืองโดยผิดกฎหมาย จำนวน 3 คน ในบ้านดังกล่าวซึ่งเป็นลักษณะกักขังตัวไว้ ซึ่งทั้ง 3 คดีดังกล่าว ตำรวจภูธรจังหวัดสุราษฎร์ธานี และ ตำรวจภูธรจังหวัดชุมพร ได้ทำการคัดแยกเหยื่อผู้เสียหายจากขบวนการค้ามนุษย์ และมีความเห็นว่าคดีดังกล่าวทั้ง 3 เรื่องนั้น เข้าข่ายกระทำความผิดฐาน ค้ามนุษย์

ตำรวจภูธรภาค 8 โดย พล.ต.ท.อำพล  บัวรับพร ผบช.ภ.8 ได้ออกคำสั่ง ภ.8 ที่ 390/2564 ลง 29 ตุลาคม 2564 เรื่อง แต่งตั้งคณะพนักงานสืบสวนขยายผลความผิดตามพระราชบัญญัติป้องกันปราบปรามการค้ามนุษย์ พ.ศ.2551 โดยมอบหมายให้ พล.ต.ต.วันไชย  เอกพรพิชญ์ รอง ผบช.ภ.๘ เป็นหัวหน้าพนักงานสืบสวน และจากการสืบสวนแสวงหาข้อเท็จจริงทราบว่า ทั้ง 3 คดีมีความเกี่ยวข้องกันมีผู้ร่วมกระทำผิดเป็นกระบวนการมีความสัมพันธ์กันเป็นองค์กรอาชญากรรมข้ามชาติ และฟอกเงิน มีการกระทำผิดโดยแบ่งหน้าที่กันทำเริ่มจากจัดหาคนจากประเทศเมียนมาร์ ส่งเข้ามาในประเทศไทยช่องทางธรรมชาติที่บริเวณ อ.แม่สอด จว.ตาก แล้วมีกลุ่มคนที่ได้ตกลงกันไว้แล้ว รับตัวเดินทางมาพักตามจุดต่าง ๆ ในประเทศไทย ที่กลุ่มผู้กระทำผิดได้เตรียมไว้ เช่น จังหวัดปทุมธานี กรุงเทพมหานคร สุราษฎร์ธานี นครศรีธรรมราช สงขลา นราธิวาส จนถึงประเทศมาเลเซีย มีการกักขังขู่เข็ญ ขูดรีด เพื่อเรียกเงินจากเหยื่อ และญาติการกระทำดังกล่าวเป็นความผิดตามกฎหมายจึงได้ร้องทุกข์ให้พนักงานสอบสวนดำเนินคดีกับผู้ต้องหาเพิ่มเติมอีก 4 คดี เมื่อ 10 พฤศจิกายน 2564

จากนั้นตำรวจภูธรภาค 8 ได้มีคำสั่ง ภ.8 ที่ 413/2564 ลง 14 พ.ย.64 เรื่องแต่งตั้งคณะพนักงานสืบสวนสอบสวน (คดี สภ.บ้านมาบอำมฤต ) และ คำสั่ง ภ.8 ที่ 426/2564 ลง 25 พ.ย.64 เรื่องแต่งตั้งคณะพนักงานสืบสวนสอบสวน (คดี สภ.เขานิพันธ์) โดยมี พล.ต.ต.วันไชย  เอกพรพิชญ์ รอง ผบช.ภ.๘ เป็นหัวหน้าคณะพนักงานสืบสวนสอบสวน ซึ่งจากการสอบสวนรวบรวมพยานหลักฐาน คณะพนักงานสอบสวนได้ทำการขออนุมัติศาลให้ออกหมายจับผู้ต้องหาทั้งสิ้นรวม 4 คดี 14 คน 24 หมายจับ ดังนี้  สภ.บ้านมาบอำมฤต 3 คดีข้อหา ร่วมกันมีส่วนร่วมในองค์กรอาชญากรรมข้ามชาติ และค้ามนุษย์ฯ จำนวน  2 คดี คือคดีอาญาที่ 415/2564 (4 หมายจับ) ,416/2564 (4 หมายจับ) และ ข้อหา ฟอกเงิน คดีอาญาที่417/2564 (13 หมายจับ) สภ.เขานิพันธ์ 1 คดี ข้อหา ร่วมกันมีส่วนร่วมในองค์กรอาชญากรรมข้ามชาติ และค้ามนุษย์คดีอาญาที่  371/2564 จำนวน 3 หมายจับ

ต่อมาวันที่ 6 ธันวาคม 2564 พล.ต.ต.นภันต์วุฒิ เลี่ยมสงวน ผบก.สส.ภ.8 หัวหน้าฝ่ายสืบสวน พร้อมกำลังเจ้าหน้าที่ตำรวจ ศพดส.ตร. และ ศพดส.ภ.๘ ได้ร่วมกันปิดล้อมตรวจค้นเป้าหมายเพื่อจับกุมตัวผู้ต้องหาในพื้นที่ 4 จังหวัด คือ อ.แม่สอด จว.ตาก, อ.สุไหง-โกลก จว.นราธิวาส, อ.พระแสง จว.สุราษฎร์ธานี,อ.กะทู้ จว.ภูเก็ต และพื้นที่อื่น ๆ จนสามารถจับกุมผู้ต้องหาได้จำนวน 7 คน ดังนี้

 

ตร. เตือน!! กลลวงคอลเซ็นเตอร์ ขอให้โอนเงินเพื่อตรวจสอบ ย้ำ “หน่วยงานรัฐไม่เคยทำ” ห้ามโอนเด็ดขาด!!!

วันที่ 9 ธ.ค. 2564 พ.ต.อ.ศิริวัฒน์ ดีพอ รองโฆษกสำนักงานตำรวจแห่งชาติ กล่าวว่า ตามที่ พล.ต.อ.สุวัฒน์ แจ้งยอดสุข ผบ.ตร. ได้มีนโยบายให้ สำนักงานตำรวจแห่งชาติ แจ้งเตือนและประชาสัมพันธ์ให้พี่น้องประชาชนรู้เท่าทันถึงอาชญากรรมทางเทคโนโลยี และได้กำชับให้เจ้าหน้าที่ตำรวจทำการสืบสวนจับกุมผู้กระทำผิดมาดำเนินคดีตามกฎหมายอย่างต่อเนื่องมาโดยตลอดนั้น

ปัจจุบัน สำนักงานตำรวจแห่งชาติ ได้รับการร้องเรียนจากพี่น้องประชาชนว่ามีกลุ่มคนร้ายมีพฤติการณ์แอบอ้างเป็นเจ้าหน้าที่ตำรวจ เจ้าหน้าที่ของรัฐ หรือ บริษัทขนส่งสินค้า โดยแจ้งว่าบัญชีของท่านหรือพัสดุสิ่งของของท่านที่ส่งไปต่างประเทศมีส่วนเกี่ยวข้องกับการกระทำความผิด เช่น ยาเสพติด การค้ามนุษย์ ก่อการร้ายฯลฯ มีการข่มขู่ว่าจะดำเนินคดีในอัตราโทษสูง จะมีการออกหมายจับ ถ้าไม่อยากถูกดำเนินคดี ต้องโอนเงินมาให้เจ้าหน้าที่ตรวจสอบเพื่อแสดงความบริสุทธิ์ มิเช่นนั้นจะถูกดำเนินคดีตามกฎหมาย ซึ่งมีพี่น้องประชาชนได้รับโทรศัพท์ในลักษณะดังกล่าวเป็นจำนวนมาก ทั้งที่มิได้มีส่วนกับการกระทำความผิดตามที่มิจฉาชีพกล่าวอ้าง นั้น

สำนักงานตำรวจแห่งชาติ จึงขอเรียนพี่น้องประชาชนว่า ธนาคาร และหน่วยงานบังคับใช้กฎหมายต่าง ๆ ไม่มีความจำเป็นใดที่จะต้องให้เจ้าของบัญชีธนาคารโอนเงินมาให้กับเจ้าหน้าที่เพื่อทำการตรวจสอบ เพราะหากพบว่าบุคคลใดมีส่วนเกี่ยวข้องกับการกระทำความผิด พนักงานสอบสวนหรือพนักงานเจ้าหน้าที่จะใช้อำนาจตามกฎหมายในการยึด อายัดบัญชีธนาคาร

โดยจะเป็นผู้ติดต่อกับทางธนาคารโดยตรง จึงขอให้พี่น้องประชาชนอย่าหลงเชื่อ และหากมีผู้ใดอ้างว่าต้องให้ท่านโอนเงินเพื่อให้เจ้าหน้าที่ตรวจสอบ ให้สันนิษฐานไว้ก่อนว่าเป็นมิจฉาชีพ แก๊งคอลเซ็นเตอร์ โดยสำนักงานตำรวจแห่งชาติ จะได้เร่งรัดดำเนินการสืบสวนปราบปรามจับกุมผู้กระทำความผิดอย่างเข้มข้นต่อไป

 

'ทหาร กกล.สุรศักดิ์มนตรี' สนธิกำลังฝ่ายความมั่นคงในพื้นที่ จับกุม! 'ผู้ค้ากัญชาอัดแท่ง' 2 ราย 704 กก. พร้อมรถยนต์กระบะ 1 คัน

เมื่อวันที่ 9 ธันวาคม 2564 ที่ผ่านมา พล.ท.สวราชย์  แสงผล แม่ทัพภาคที่ 2  พ.อ.สุคนธรัตน์  ชาวพงษ์  ผู้บังคับการควบคุมกองบังคับการควบคุมที่ 1 กองกำลังสุรศักดิ์มนตรี ได้รับรายงาน  จะมีการลำเลียงยาเสพติดจากประเทศเพื่อนบ้าน เข้ามาในราชอาณาจักร  ในพื้นที่ บ้านหว้านใหญ่ อ.หว้านใหญ่ จ.มุกดาหาร จึงได้สั่งการให้ ร.อ.นฤดล  อุตม์สีขันธ์ ผู้บังคับกองร้อยหน่วยเคลื่อนที่เร็ว​(ผบ.ร้อย.QRF) กองบังคับการ ควบคุมที่ 1 กองกำลังสุรศักดิ์มนตรี (บก.ควบคุมที่ 1 กองกำลังสุรศัดิ์มนตรี  จัดกำลัง ร่วมกับ ฝ่ายความมั่นคง ฝ่ายปกครอง อำเภอหว้านใหญ่ ทำการลาดตระเวณ และซุ่มเฝ้าตรวจในบริเวณพื้นที่ดังกล่าว

จนกระทั่ง เวลาประมาณ 18.45 น. ตรวจพบเรือยนต์หางยาว แล่นมาจากฝั่ง สปป.ลาว เข้ามายังฝั่งไทย ในพื้นที่บริเวณริมฝั่งแม่น้ำโขง บ้านหว้านใหญ่ ต.หว้านใหญ่ อ.หว้านใหญ่ จ.มุกดาหาร และได้โยนสิ่งของที่บรรทุกภายในเรือขึ้นฝั่งก่อนแล่นออกจากฝั่งไป จากนั้นได้มีชายประมาณ 6 คน ได้ช่วยกันแบกสิ่งของนั้นไปยังรถยนต์กระบะที่จอดรออยู่ถนนใกล้ที่เกิดเหตุจนแล้วเสร็จ 

​​​​​​เจ้าหน้าที่ซึ่งดักซุ่มอยู่ จึงแสดงตัวขอตรวจค้นรถกระบะคันดังกล่าว กลุ่มชายที่ขนสิ่งของเมื่อรู้เป็นเจ้าหน้าที่ได้วิ่งหนีและอาศัยความมืดหลบหนีไปได้ นอกจากชาย-หญิง 2 คน ทราบชื่อ บุญสม ขำคำ อายุ 51 ปี อยู่บ้านเลขที่ 3/15 หมู่ที่ 2 ต.วังผา อ.บ้านไร่ จ.อุทัยธานี และน.ส.พลอยชมพู อายุ 18 ปี อยู่บ้านเลขที่ 163/2 ต.ไผ่เขียว อ.สว่างอารมย์ จ.อุทัยธานี  และรถยนต์ยี่ห้อโตโยต้า สีบรอนด์ หมายเลขทะเบียน 2 ฒห 613 กทม.อยู่ในที่เกิดเหตุ 

นายกสมาคมนักข่าวอาชญากรรมแห่งประเทศไทยเป็นประธานเปิดโครงการฝึกอบรมสัมมนา "กลยุทธ์สู่นักข่าวมืออาชีพ" รุ่น 1

เมื่อวันที่ 9 ธันวาคม 2564 ที่ผ่านมา นายศิโรจน์ มิ่งขวัญ นายกสมาคมนักข่าวอาชญากรรมแห่งประเทศไทย และเจ้าของเว็บไซด์สื่อออนไลน์ “มหานครข่าว” ให้เกียรติเป็นประธานพิธีเปิดโครงการการฝึกอบรม/สัมมนา “กลยุทธ์สู่นักข่าวมืออาชีพ” รุ่นที่ 1 ณ ศูนย์การค้า THE STREET ชั้น 3 ห้องประชุม WORKWIZE ถนนรัชดาภิเษก ห้วยขวาง กรุงเทพฯ

นายศิโรจน์ มิ่งขวัญ นายกสมาคมฯ ให้เกียรติเป็นวิทยากรบรรยายถ่ายทอดให้ความรู้จากประสบการณ์จริงในการทำข่าวในสนามข่าวจากเหตุการณ์จริง ให้แก่ผู้สื่อข่าวมือใหม่ ผู้สื่อข่าวที่ปฏิบัติงานข่าวอยู่แล้ว และผู้สนใจในอาชีพสื่อมวลชน และผู้สนใจทั่วไป เพื่อเรียนรู้ เพิ่มทักษะ กรณีศึกษา และสูตรสำเร็จ ในการพัฒนาความรู้ความสามารถ

โดยโครงการการฝึกอบรม/สัมมนา “กลยุทธ์สู่นักข่าวมืออาชีพ” รุ่นที่ 1 ในครั้งนี้ได้รับการสนับสนุนจาก ดร.พีรวัฒน์ สุรเศรษฐ กรรมการผู้จัดการ ห้างเพชรหลีเสง, L.S. Jewelry Group, ประธาน กต.ตร.กทม.(ภาคประชาชน), ประธาน กต.ตร.บก.น.1, ประธาน กต.ตร.บก.สายตรวจปฏิบัติการพิเศษ191, ประธาน กต.ตร.สน.ชนะสงคราม และประธานที่ปรึกษา กต.ตร.จว.นนทบุรี

โครงการการฝึกอบรม/สัมมนา “กลยุทธ์สู่นักข่าวมืออาชีพ” รุ่นที่ 1 เป็นโครงการร่วมมือสนับสนุนระหว่าง นายสมชาย สวยวิชา ประธานสมาพันธ์สื่อมวลชนและช่างภาพเพื่อประเทศชาติ ซึ่งเป็นประธานโครงการฯ และนางสาวนิภาวรรณ บุตรเขียว รองประธานสมาพันธ์ฯ ซึ่งโครงการนี้จะดำเนินกิจกรรมสร้างนักข่าวสู่มืออาชีพ และสร้างนักข่าวมือใหม่ โดยจะเชิญวิทยากรผู้ที่มีความชำนาญเชี่ยวชาญและมีชื่อเสียงด้านสื่อสารมวลชนมืออาชีพ มาถ่ายทอดให้ความรู้จากประสบการณ์จริง

ในปี 2564 ทางสมาพันธ์ฯ ได้ดำเนินกิจกรรมที่เป็นประโยชน์ต่อสังคมอีกโครงการหนึ่ง คือ โครงการการฝึกอบรม/สัมมนา “กลยุทธ์สู่นักข่าวมืออาชีพ” เพื่อส่งเสริมสนับสนุนงานด้านสื่อสารมวลชน เพื่อเสริมสร้างผู้สื่อข่าวมือใหม่ ผู้สื่อข่าวป้ายแดง ผู้ต้องการเริ่มต้นเข้าสู่วงการข่าว บางคนไม่รู้จะเริ่มต้นงานข่าวอย่างไร ไม่มีความรู้ ขาดประสบการณ์ ไม่รู้จะไปปรึกษาใคร ไม่มีพรรคพวก ซึ่งปัญหาอุปสรรคเหล่านี้จะหมดไป โดยจะแนะนำฝึกอบรมให้ปฏิบัติงานข่าวได้จริงอย่างง่ายๆ รวดเร็ว สามารถเริ่มงานข่าวได้ทันที สร้าง/เพิ่มเพื่อนข่าว พันธมิตรข่าว สร้างโอกาส และแหล่งข่าวช่องทางข่าวใหม่ๆ หรืออยากจะทำธุรกิจข่าวก็ได้ โดยเน้นปฏิบัติงานจริงจากสนามข่าวในเหตุการณ์จริง และสูตรสำเร็จ โดยเปิดการฝึกอบรม/สัมมนาแบบเร่งรัดให้แก่ผู้สนใจทั่วไป หรือผู้ที่ปฏิบัติงานข่าวอยู่แล้ว แสวงหา/เพิ่มทักษะการเรียนรู้ ประสบการณ์ความสามารถ สร้าง/เพิ่มเพื่อนข่าว พันธมิตรข่าว สร้างโอกาสและช่องทางข่าวใหม่ๆ ซึ่งต่อไปคาดว่าน่าจะเกิดศูนย์การเรียนรู้ พัฒนาประสบการณ์ ความรู้ความสามารถ แลกเปลี่ยนความคิดเห็นคนในวงการสื่อสารมวลชนได้ในระดับหนึ่ง และเกิดผู้สื่อข่าวมือใหม่ที่มีคุณภาพอีกเป็นจำนวนมาก อีกทั้งต่อไปจะจัดฝึกอบรม/สัมมนาในหัวข้อหรือประเด็นที่ประชาชนให้ความสนใจ โดยจะเชิญผู้ที่มีความรู้ความสามารถที่มีความชำชาญเชี่ยวชาญในแต่ละด้านมาร่วมสัมมนา เพื่อประโยชน์ต่อสังคม

สมาพันธ์สื่อมวลชนและช่างภาพเพื่อประเทศชาติ ได้ดำเนินกิจกรรมที่เป็นประโยชน์ต่อสังคม ในการจัดมอบโล่รางวัลให้แก่บุคคล องค์กร ธุรกิจตัวอย่างดีเด่น และมอบทุนการศึกษาให้แก่บุตร-ธิดาของผู้สื่อข่าวชั้นนำ มากว่า 5 ปี อย่างต่อเนื่อง

ส่วนทางสมาคมนักข่าวอาชญากรรมแห่งประเทศไทย ที่ผ่านมาได้ดำเนินกิจกรรมที่เป็นประโยชน์ต่อสังคมมาโดยตลอด ได้แก่ งานมอบรางวัล “เกียรติยศตำรวจไทย”, รางวัล “ปิดทองหลังพระ”, “นักข่าวป้ายแดง” และอื่นๆ ปัจจุบันได้จัดตั้งศูนย์ฝึกอบรมนักข่าว วิจัยและพัฒนา และในปี 2565 กำลังจัดตั้งโรงเรียนเตรียมนักข่าว

ผู้การตำรวจร่วม 3 ฝ่าย แถลงทลายเครือข่ายส่งยาเสพติดทางทะเล ผ่านประเทศที่ 3 เป็นครั้งแรก!!

พล.ต.ต.แวสาแม สาและ  ผบก.ภ.จว.นราธิวาส พล.ต.เฉลิมพร ขำเขียว ผบ.ฉก.นราธิวาส พ.ต.อ.นราวี บินแวอารง ผกก.สภ.ตากใบ และนายกฤษฎา สุขสบาย ปลัด อ.ตากใบ และเจ้าหน้าที่ที่เกี่ยวข้อง ได้ร่วมแถลงข่าวการจับกุมตัว นายสุภัทร คะทะวะรัตน์ อายุ 37 ปี อยู่บ้านเลขที่ 123 หมู่ 2 ต.ภูเขาทอง อ.สุคิริน จ.นราธิวาส และ น.ส.ช่อผกา อภัยสวัสดิ์ อายุ 24 ปี อยู่บ้านเลขที่ 64/1 หมู่ 3 ต.น้ำรอบ อ.พุนพิน จ.สุราษฏร์ธานี

ซึ่งทั้ง 2 คน เป็นสามีภรรยา พร้อมของกลางกัญชาแห้งอัดแท่ง ห่อด้วยกระดาษฟลอยด์สีบรอนด์ทอง พันด้วยเทปใส บรรจุอยู่ในกระสอบปุ๋ยสีขาว และห่อหุ้มด้วยถุงพลาสติกทึบแสงสีดำอีกชั้นหนึ่ง จำนวน 34 กระสอบ รวม 94 แท่ง น้ำหนัก 1,680 ก.ก. ซึ่งมีมูลค่ากว่า 50 ล้านบาท ขณะลักลอบขนย้ายอำพรางมากับรถยนต์เทรลเลอร์ 18 ล้อ ยี่ห้อ HINO สีแดง หมายเลขทะเบียน 87-2674 สระบุรี โดยมีท่อนไม้ยูคาลิปตัสปิดทับไว้ จาก จ.นครพนม ซึ่งเจ้าหน้าที่สามารถจับกุมได้ ที่บริเวณชายทะเลบ้านกูบู ม.6 ต.ไพรวัน อ.ตากใบ จ.นราธิวาส เมื่อช่วงค่ำของวันที่ 8 ธ.ค. 64 ที่ผ่านมา

ด้าน พล.ต.ต.แวสาแม สาและ ผบก.ภ.จว.นราธิวาส เปิดเผยว่า 2 สามีภรรยา ให้การรับสารภาพว่าได้รับจ้างขนยาเสพติดมาจาก จ.นครพนม โดยซักทอดถึงเจ้าของรถยนต์เทรลเลอร์ 18 ล้อ เป็นผู้ว่าจ้าง ให้ขับรถนำกัญชาแห้งอัดแท่งมาส่งชายทะเลบ้านกูบู ม.6 ต.ไพรวัน แล้วจะมีทีมขนถ่ายจากรถยนต์เทรลเลอร์ ไปลงเรือกอและแล้วนำไปส่งให้เรือบรรทุกที่ทอดสมออยู่ห่างจากชายฝั่งทะเลด้าน อ.ตากใบ ประมาณ 5 ไมล์ทะเล

 

ตร. แนะนำ!! “กำหนดวงเงินบัตร” ให้พอดีกับค่าใช้จ่าย ลดความเสี่ยงถูกสูบเงิน

วันที่ 13 ธ.ค. 2564 พ.ต.อ.ศิริวัฒน์ ดีพอ รองโฆษกสำนักงานตำรวจแห่งชาติ กล่าวว่า ตามที่ พล.ต.อ.สุวัฒน์ แจ้งยอดสุข ผบ.ตร. ได้มีนโยบายให้ สำนักงานตำรวจแห่งชาติ แจ้งเตือนและประชาสัมพันธ์ให้พี่น้องประชาชนรู้เท่าทันถึงอาชญากรรมทางเทคโนโลยี และได้กำชับให้เจ้าหน้าที่ตำรวจทำการสืบสวนจับกุมผู้กระทำผิดมาดำเนินคดีตามกฎหมายอย่างต่อเนื่องมาโดยตลอดนั้น

ปัจจุบันเทคโนโลยีมีความเจริญก้าวหน้า ทำให้ประชาชนได้รับความสะดวกสบายมากขึ้น โดยทุกคนสามารถทำธุรกรรมต่าง ๆ ผ่านบัตรเครดิตและบัตรเดบิต ด้วยระบบอินเทอร์เน็ต ของสถาบันการเงิน โดยเฉพาะอย่างยิ่งการซื้อสินค้าและบริการ ที่มีการผูกบัตรเข้ากับเว็บไซต์ของร้านค้าหรือผู้ให้บริการต่าง ๆ เพื่อความสะดวกในการชำระเงิน เป็นจำนวนมาก

พ.ต.อ.ศิริวัฒน์ กล่าวต่อไปอีกว่า การทำธุรกรรมผ่านบัตรเครดิตและบัตรเดบิตเป็นการเพิ่มความสะดวกสบายให้กับพี่น้องประชาชนก็จริง แต่ก็ต้องแลกมาด้วยความเสี่ยงในการถูกคนร้ายดักรับข้อมูลหมายเลขหน้าบัตร และหมายเลขรหัส CVV ซึ่งจะถูกนำไปใช้ในการทำธุรกรรมของคนร้าย ทำให้เจ้าของบัตรมีความเสี่ยงที่จะสูญเสียทรัพย์สินผ่านช่องทางบัตรดังกล่าว

เพื่อให้รู้เท่าทันมิจฉาชีพ สำนักงานตำรวจแห่งชาติมีความห่วงใยพี่น้องประชาชนเป็นอย่างมาก จึงขอแนะนำพี่น้องประชาชนถึงเทคนิคในการลดความเสี่ยง และป้องกันความเสียหายที่อาจเกิดขึ้นจากบัตรเครดิต และบัตรเดบิต ดังนี้

1. ควรกำหนดวงเงินบัตรเครดิต/บัตรเดบิต ให้พอดีกับค่าสินค้าและบริการ เพื่อลดความเสียหายที่จะเกิดขึ้น

2. ควรกำหนดวงเงินบัตรเครดิต/บัตรเดบิต ไว้ที่ 0 บาท หรือระงับบัตรชั่วคราวผ่านแอปพลิเคชันในโทรศัพท์มือถือ แล้วเปิดใช้งานหรือเพิ่มวงเงินเฉพาะเมื่อจำเป็นต้องใช้บัตรในการชำระเงิน (ทั้งนี้ขึ้นกับเงื่อนไขการให้บริการของแต่ละธนาคาร ซึ่งอาจมีการจำกัดจำนวนครั้งในการปรับวงเงิน หรือระงับบัตรชั่วคราว)

3. ควรยกเลิกบัตรเครดิต/บัตรเดบิต ที่ไม่ได้ใช้งาน โดยให้ถือบัตรเฉพาะเท่าที่จำเป็น เพื่อให้ง่ายต่อการตรวจสอบยอดธุรกรรมที่ผิดปกติ

4. หากต้องการผูกบัตรเครดิต/บัตรเดบิต กับร้านค้าหรือผู้ให้บริการเพื่อชำระยอดค่าบริการแบบตัดผ่านบัตรอัตโนมัติ ควรเลือกบัตรที่สามารถกำหนดวงเงิน หรือบัตรที่ต้องใช้การเติมเงินเข้าไปในบัตรก่อนจึงจะสามารถใช้ในการชำระเงินได้ เพราะจะเป็นทางเลือกที่ปลอดภัย และสามารถควบคุมค่าใช้จ่ายไม่ให้เกิดความจำเป็น

 

‘สตม.’ บุกทลาย!! 'ปาร์ตี้ผิวสี' ย่านรามคำแหง ลักลอบมั่วสุมยันหว่างร่วมครึ่งร้อย!! หวั่นแพร่เชื้อโอไมครอน

ตามนโยบายของ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ รองนายกรัฐมนตรี เรื่องการควบคุมกำกับดูแลชาวต่างชาติที่เข้ามาพำนักอาศัย หรือเข้ามาท่องเที่ยวในประเทศไทย สำนักงานตำรวจแห่งชาติ โดย พล.ต.อ.สุวัฒน์  แจ้งยอดสุข ผบ.ตร. และ พล.ต.อ.ดํารงศักดิ์ กิตติประภัสร์ รอง ผบ.ตร มอบหมายให้ สตม.ดำเนินการตรวจสอบชาวต่างชาติที่มีหมายจับตำรวจสากล หรือมีพฤติกรรมไม่เหมาะสมในขณะที่พำนักอาศัยอยู่ในประเทศไทย กระทำผิดกฎหมาย ก่อเหตุอันตรายต่อความสงบสุขและความปลอดภัยในชีวิตและทรัพย์สินของประชาชน หรือเป็นลักษณะการกระทำผิดเข้าข่ายอาชญากรรมข้ามชาติ ทำให้เกิดความเสียหายต่อภาพลักษณ์ของประเทศ

สำนักงานตรวจคนเข้าเมือง โดย พล.ต.ท.ภาคภูมิภิภัทฒ์ สัจจพันธุ์ ผบช.สตม. พร้อมด้วย พล.ต.ต.อาชยน  ไกรทอง รอง ผบช.สตม., พล.ต.ต.ปิติ  นิธินนทเศรษฐ์  ผบก.ตม.1, และ พ.ต.อ.ระพีพัฒน์ อุตสาหะ ผกก.สส.บก.ตม.1 พร้อมชุดปฏิบัติการสืบสวนฯ ร่วมแถลงข่าวการจับกุมคนร้าย ดังนี้ 

สืบเนื่องจากเจ้าหน้าที่ตำรวจ กองกำกับการสืบสวน กองบังคับการตรวจคนเข้าเมือง 1 ได้ทราบข้อมูลจากแหล่งข่าวว่าที่ร้านนครบาร์บางกอก ในย่านรามคำแหงจะมีการลักลอบจัดปาร์ตี้สังสรรค์ และจำหน่ายสุราหรือเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ให้กับกลุ่มลูกค้า โดยมีกลุ่มลูกค้าส่วนใหญ่เป็นชาวต่างชาติผิวสี และมีหญิงไทยร่วมด้วย ซึ่งมักมีการนัดรวมตัวเพื่อมั่วสุมดื่มสุราหรือเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ที่ร้านดังกล่าวเป็นจำนวนมาก เจ้าหน้าที่ตำรวจชุดจับกุมจึงได้มีการประชุม วางแผนในการเข้าปิดล้อมตรวจสอบร้านดังกล่าว

ต่อมาในวันที่ 13 ธันวาคม 2564 เวลาประมาณ 01.45 น. สตม. โดย กก.สส.บก.ตม.1 ได้สนธิกำลังกับ กก.2 บก.ปส.1 และ สน.หัวหมาก เข้าปิดล้อมตรวจค้นร้านนครบาร์บางกอก ที่เกิดเหตุ พบสภาพภายในร้านมีลักษณะเป็นตู้คอนเทนเนอร์ ตกแต่งภายในโดยมีโต๊ะพูล รวมทั้งมีการจัดโต๊ะเก้าอี้สำหรับนั่งรับประทานอาหารและดื่มเครื่องดื่มแอลกอฮอล์  มีลูกค้าทั้งคนไทย และคนต่างชาติ กำลังใช้บริการอยู่จำนวนหลายสิบราย

จากการตรวจสอบเอกสารหนังสือเดินทางของกลุ่มลูกค้าชาวต่างชาติทั้งหมดในร้าน พบเป็นบุคคลต่างด้าวผิวสีจากประเทศในแถบแอฟริกาเช่น ไนจีเรีย คองโก แคเมอรูน เป็นต้น โดยในจำนวนบุคคลต่างด้าวทั้งหมดนี้ เจ้าหน้าที่พบว่ามีบุคคลต่างด้าวที่ไม่มีหนังสือเดินทาง หรือมีหนังสือเดินทางที่ไม่มีรอยตราประทับจากช่องทางด่านตรวจคนเข้าเมือง เป็นจำนวนถึง 15 ราย ในเบื้องต้นเจ้าหน้าที่ตำรวจชุดจับกุมจึงได้แจ้งข้อกล่าวหาต่อบุคคลต่างด้าวในจำนวนนี้ว่า “เป็นบุคคลต่างด้าวเข้ามาและอยู่ในราชอาณาจักรโดยผิดกฎหมาย และไม่ผ่านการตรวจของพนักงานเจ้าหน้าที่ตามกฎหมาย” นอกจากนี้ในที่เกิดเหตุ เจ้าหน้าที่ตำรวจยังพบนางสาวดา (นามสมมุติ) อายุ 41 ปี สัญชาติไทย แสดงตนเป็นเจ้าของและผู้ดูแลร้าน โดยอ้างกับเจ้าหน้าที่ว่าได้มีการเช่าช่วงจากเจ้าของร้านเดิม ซึ่งร้านดังกล่าวนี้เคยเปิดเป็นร้านจำหน่ายสุราและเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ที่ได้รับอนุญาตอย่างถูกต้อง แต่ได้รับผลกระทบจากภาวะโรคระบาดโควิด-19 จนต้องปิดตัวไป     

โดยหลังจากทำการเช่าช่วงร้านดังกล่าว นางสาวดาได้ลักลอบใช้ร้านดังกล่าวเป็นที่นัดรวมตัวมั่วสุมของกลุ่มคนต่างชาติผิวสีเรื่อยมาเป็นเวลากว่า 1 เดือน โดยจะใช้แผ่นเมทัลชีทปิดช่องแสงโดยรอบจนทึบและปิดเสียงดนตรี เพื่อปิดบังอำพรางเจ้าหน้าที่เพื่อให้ยากต่อการตรวจสอบพบ

ซึ่งในส่วนของเจ้าของร้านที่เกิดเหตุนั้น เจ้าหน้าที่ได้จับกุมในข้อหา “จำหน่ายสุราหรือเครื่องดื่มแอลกอฮอล์โดยไม่ได้รับอนุญาต และ จำหน่ายอาหารหรือเครื่องดื่มโดยร้านไม่ผ่านการประเมินมาตรฐานความปลอดภัยด้านสุขอนามัยฯ โดยจัดให้มีการบริโภคสุราหรือเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ในร้านเกินเวลา อันเป็นการฝ่าฝืนประกาศกรุงเทพมหานคร ฉบับที่ 47 ข้อ 2 ลงวันที่ 29 พ.ย.64” และควบคุมตัวทั้งนางสาวดาฯ และบุคคลต่างด้าวทั้งหมด ส่งพนักงานสอบสวน สน.หัวหมากดำเนินคดีตามกฎหมายที่เกี่ยวข้องต่อไป

 


© Copyright 2021, All rights reserved. THE STATES TIMES
Take Me Top