Wednesday, 14 May 2025
Crimes

ปูพรม! ‘กวาดล้างเด็กแว้นทั่วประเทศ’ ยึดรถกว่า 20,000 คัน ‘ผู้ปกครอง - ร้านแต่งรถ – แอดมินเพจ’ โดนด้วย!!

วันนี้ (22 พ.ย.64) เวลา 10.30 น. ที่ ตำรวจภูธรภาค1 พล.ต.อ.ดำรงศักดิ์ กิตติประภัสร์ รอง ผบ.ตร. ในฐานะผู้อำนวยการศูนย์ปราบปรามการแข่งรถในทาง สำนักงานตำรวจแห่งชาติ (ศปข.ตร.), พล.ต.ท.ต่อศักดิ์ สุขวิมล ผู้ช่วย ผบ.ตร. , พล.ต.ท.จิรพัฒน์ ภูมิจิตต์ ผบช.ภ.1 ร่วมแถลงผลการระดมกวาดล้างการแข่งรถในทางและความผิดอื่นที่เกี่ยวข้องในห้วงวันที่ 11 - 20 พ.ย.64 หลังยกเลิกเคอร์ฟิว เตรียมเปิดประเทศ จับกุมผู้กระทำผิด 922 ราย ยึดรถกว่า 20,000 คัน

พล.ต.อ.ดำรงศักดิ์ เปิดเผยว่า พล.ต.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี มีความห่วงใย สั่งการให้สำนักงานตำรวจแห่งชาติ (ตร.)โดย พล.ต.อ.สุวัฒน์ แจ้งยอดสุข ผบ.ตร. เร่งปราบปรามการแข่งรถในทางซึ่งอาจจะกลับมารวมตัวกันสร้างความเดือดร้อนให้กับนักท่องเที่ยว และผู้ใช้รถใช้ถนน รวมถึงประชาชนผู้พักอาศัย  และอาจเป็นสาเหตุในการแพร่ระบาดของโรคโควิด-19 ระลอกใหม่ ในช่วงหลังประกาศยกเลิกเคอร์ฟิว เตรียมเปิดประเทศรับชาวต่างชาติ

พล.ต.อ.ดำรงศักดิ์ กล่าวอีกว่า จากการประสานข้อมูลกันระหว่าง ศปข.ตร. และตำรวจพื้นที่ ทั้ง บช.น., ภูธร 1-9 ในห้วง 11-20 พ.ย.64 สามารถจับกุมผู้กระทำผิด

1.แข่งรถในทางและขับรถโดยไม่คำนึงถึงความปลอดภัยฯ และสนับสนุน ให้มีการแข่งรถหรือให้ขับรถโดยไม่คำนึงถึงความปลอดภัย 922 ราย

2.ทำทัณฑ์บนกับบิดา มารดา ผู้ปกครอง ตามคำสั่ง หน.คสช. ที่ 22/2558 และ 46/2558 จำนวน 2,575 ราย

3.ดำเนินคดี ร้านค้า/ดัดแปลง รถหรืออุปกรณ์ 182 ราย

4.ตรวจค้น/ประชาสัมพันธ์ ร้านขาย/ดัดแปลง รถหรืออุปกรณ์ 26,670 ราย

5.ตรวจพบท่อไอเสียไม่ได้มาตรฐาน 3,382 ราย

6.ความผิดตาม พ.ร.บ.จราจรทางบก และ พ.ร.บ.รถยนต์ ที่เกี่ยวข้อง 50,136 ราย

7.ดำเนินคดีกับ Admin Page 13 ราย

8.ตรวจยึดรถยนต์ 118 คัน

9.รถจักรยานยนต์ 19,046 คัน

10.จัดทำประวัติผู้กระทำความผิดและผู้มีพฤติกรรมเสี่ยงที่จะแข่งรถในทาง 9,411 ราย

11.กรณีจับกุมผู้ต้องหาส่งฟ้องศาล และศาลมีคำสั่งให้ริบรถของกลาง 8 ราย

ผอ.ศปข.ตร. กล่าวว่า ผบ.ตร. ได้กำชับให้เร่งแก้ไขปัญหาเด็กแว๊น อย่างจริงจังและต่อเนื่อง ซึ่งจากสถิตินับตั้งแต่ตนมาเป็น ผอ.ศปข.ตร. พ.ศ.2562 พบว่าการร้องเรียนลดลงอย่างมาก มีการดำเนินคดีกับผู้กระทำผิดแบบครบวงจร ทั้ง ผู้ขับขี่ แอดมินเพจ ผู้สนับสนุน ร้านแต่งรถ รวมถึงผู้ปกครองด้วย ซึ่งขณะนี้กำลังเร่งผลักดันแก้ไข พ.ร.บ.จราจรทางบก ในเรื่องนี้เพื่อให้กฎหมายมีประสิทธิภาพมากยิ่งขึ้น โดยเฉพาะการเอาผิดกับ "การรวมกลุ่มมั่วสุมในทาง หรือสาธารณะสถานใกล้ทาง โดยมีพฤติการณ์ที่จะแข่งรถ" จะถือเป็นความผิด "พยายามแข่งรถ" ด้วย

 

ตำรวจนาจอมเทียน จัดทำ ‘MOU’ ชุมชนยั่งยืน ‘แก้ปัญหายาเสพติดแบบครบวงจร’ ตามยุทธศาสตร์ชาติ!! โดยการมีส่วนร่วมของชุมชน

ตำรวจนาจอมเทียน จัดทำบันทึกข้อตกลงความร่วมมือ (MOU) โครงการดำเนินงานชุมชนยั่งยืน เพื่อแก้ปัญหายาเสพติดแบบครบวงจร ตามยุทธศาสตร์ชาติ เพื่อแก้ไขปัญหาการแพร่ระบาดของยาเสพติดในหมู่บ้าน ชุมชน โดยการมีส่วนร่วมของชุมชน

ที่อาคารอเนกประสงค์ วัดทรัพย์นาบุญญาราม บ้านเขาบำเพ็ญบุญ หมู่ 8 ต.นาจอมเทียน อ.สัตหีบ จ.ชลบุรี นายธณพง โคตรมณี นายกเทศมนตรีตำบลเขาชีจรรย์ พ.ต.อ.สันติ ชูเชิด ผกก.สภ.นาจอมเทียน พ.ต.ท.ชุมพล แสนวิชัย รอง ผกก.(ป.) สภ.นาจอมเทียน พ.ต.ท.พงษ์ศักดิ์ เจริญคลัง สวป.สภ.นาจอมเทียน น.ส.กานดา ทรัพย์นา ผู้ช่วยเลขานุการพัฒนาสตรี จ.ชลบุรี นายพิเชษฐ์ ธรรมโหร ปลัดอำเภอสัตหีบ นายธนพัฒน์ บรรบุปผา กำนันตำบลนาจอมเทียน น.ส.เตือนจิตร์ ทรัพย์นา ผู้ใหญ่บ้านหมู่ 8 ตำบลนาจอมเทียน และผู้นำชุมชน ได้ร่วมทำบันทึกข้อตกลง (MOU) ให้ความร่วมมือ และร่วมเป็นสักขีพยาน โครงการดำเนินงานชุมชนยั่งยืน เพื่อแก้ปัญหายาเสพติดแบบครบวงจรตามยุทธศาสตร์ชาติ

พ.ต.ท.สังวาลย์ พันสีทา สวป. สภ.นาจอมเทียน หัวหน้าชุดปฏิบัติการ กล่าวรายงานว่า ตามที่ตำรวจภูธรภาค 2 ได้มอบหมายให้ สภ.นาจอมเทียดำเนินงานตาม "โครงการดำเนินงานชุมชนยั่งยืน เพื่อแก้ไขปัญหายาเสพติด แบบครบวงจรตามยุทธศาสตร์ชาติ โดยให้ดำเนินการแก้ไขปัญหาการแพร่ระบาดของยาเสพติดในชุมชน หมู่บ้าน โดยเสริมสร้างให้ชุมชนเกิดความเข้มแข็งเข้าใจและรับรู้ปัญหาพิษภัยที่เกิดขึ้นจากยาเสพติด เพื่อให้เกิดกระบวนการป้องกันแก้ไข และการบำบัดยาเสพติด โดยการมีส่วนร่วมของคนในหมู่บ้านชุมชน และเพื่อสร้างรูปแบบการดำเนินงานในหมู่บ้านชุมชนเข้มแข็ง ในการแก้ไขปัญหายาเสพติดอย่างยั่งยืน โดยทางเจ้าหน้าที่ ชุดปฏิบัติการชุมชนยั่งยืน อาทิ เจ้าหน้าที่ตำรวจสถานีตำรวจภูธรนาจอมเทียน เจ้าหน้าที่ฝ่ายปกครอง และเจ้าหน้าที่สาธารณสุข จะเข้ามาดำเนินงานตามกระบวนการในพื้นที่รับผิดชอบ ตลอดระยะเวลา 3 เดือน ระหว่าง 1 พ.ย.64 ถึง 31 ม.ค.65 

นายธณพง โคตรมณี นายกเทศมนตรีตำบลเขาชีจรรย์ ประธานในพิธี กล่าวว่า ตามที่รัฐบาลได้กำหนดให้ปัญหายาเสพติด เป็นวาระสำคัญของชาติ ส่งผลกระทบต่อความเดือดร้อน ความทุกข์ยากของประชาชน และศักยภาพการพัฒนาของประเทศในอนาคต เป็นปัญหาที่มีผลกระทบต่อการพัฒนาประเทศ ทั้งด้านเศรษฐกิจและสังคม โดยเฉพาะอย่างยิ่งในหมู่บ้าน ชุมชนที่มีผู้ติดยาเสพติดอาศัยอยู่ จะมีปัญหามากกว่าทุกระดับ ที่ต้องได้รับการแก้ไขปัญหาอย่างเร่งด่วน ต้องช่วยเหลือผู้ติดยาเสพติด ให้ได้รับการบำบัดรักษา และอยู่ในหมู่บ้านชุมชนอย่างสงบสุข จึงได้ดำเนินการโครงการดำเนินงานชุมชนยั่งยืน เพื่อแก้ไขปัญหายาเสพติด แบบครบวงจรตามยุทธศาสตร์ชาติ เพื่อดำเนินการแก้ไข ปัญหาการแพร่ระบาดของยาเสพติดในหมู่บ้านชุมชน โดยเสริมสร้างให้ชุมชนเกิดความเข้มแข็งเข้าใจ และยั่งยืนต่อไป โดยได้ร่วมลงนาม  MOU เพื่อยืนยันความร่วมมือบนแผ่นป้ายไวนิลขนาดใหญ่ และในเอกสารดำเนินการเสริมในเรื่องอื่น ๆ เช่น การตรวจปัสสาวะผู้สมัครใจบำบัด เป็นต้น

 

ทหาร ฉก.ม.3 สกัด 6 ชาวเมียนมา ลุยแม่น้ำรวก ข้ามพรมแดนหวังไปทำงานกรุงเทพฯ

ทหาร ฉก.ม.3 ลาดตระเวณชายแดน พบผู้ต้องสงสัย 6 คนเดินมาจากชายแดน เสื้อผ้าเปื้อนโคลน เรียกสอบถามพบเป็นชาวเมียนมา จะไปทำงานกรุงเทพฯ โดยวันที่ 21 พ.ย. 64 เวลา 22.00 น. ทหารจาก ร้อย.ม.4 บก.ควบคุมที่ 2 หน่วยเฉพาะกิจกรมทหารม้าที่ 3 กองกำลังผาเมือง ภายใต้การอำนวยการของ พ.อ.สุทธิ์เขตต์ ศรีนิลทิน ผบ.ฉก.ม.3  นำโดย ร.อ.พิสิฐ อภิเดช ผบ.ร้อย.ม.4 มอบหมายให้ ร.ท.ณัฐพงษ์ ชิณวงษ์  เป็น หัวหน้าชุดปฏิบัจิการได้นำกำลังพลลาดตระเวนเฝ้าตรวจ ในพื้นที่รับผิดชอบ บริเวณ ท่าทราย หมู่ 9 ต.เกาะช้าง อ.แม่สาย จ.เชียงราย เพื่อเป็นการป้องกันการลักลอบนำเข้าสิ่งผิดกฎหมาย และป้องกันการลักลอบเข้าเมืองโดยผิดกฎหมาย

 

 

โฆษก ตร.เตือน!! “เล่นพนันออนไลน์” ชีวิตพัง - เป็นหนี้ ไม่มีวันรวย!!

วันที่ 23 พ.ย.64 พล.ต.ต.ยิ่งยศ เทพจํานงค์ โฆษก ตร. เผยว่า จากกรณีเจ้าหน้าที่ตำรวจจับไวยาวัจกรวัดแห่งหนึ่ง บุกเดี่ยวจี้ชิงทอง 80 บาท มูลค่ากว่า 2 ล้านบาท ในห้างบิ๊กซีสาขาชุมพร ขยายผลหลังจากจับสึกเจ้าอาวาส พร้อมพระลูกวัดเสพยาบ้าจำนวน 4 รูป ซึ่งผู้ต้องหาอ้างสาเหตุบุกจี้ชิงทอง เนื่องจากติดพนันออนไลน์ นั้น

โฆษก ตร. กล่าวต่อว่า พล.ต.อ.สุวัฒน์ แจ้งยอดสุข ผบ.ตร. มีนโยบายให้ สำนักงานตำรวจแห่งชาติ แจ้งเตือน ประชาสัมพันธ์ ให้พี่น้องประชาชนรู้เท่าทันถึงอาชญากรรมทางเทคโนโลยี และได้กำชับให้เจ้าหน้าที่ตำรวจทำการสืบสวนจับกุม ผู้กระทำผิดมาดำเนินคดีตามกฎหมายอย่างต่อเนื่องมาโดยตลอด ทั้งยังสั่งกำชับให้ทุกหน่วยงาน  ในสังกัดให้กวดขันจับกุม และทำการสืบสวนปราบปรามการพนันออนไลน์ ทุกรูปแบบอย่างจริงจังแต่ในยุคนี้ที่ประชาชนเข้าถึง สื่อสังคมออนไลน์มากขึ้น ทำให้ผู้จัดให้มีการเล่นการพนันพยายามเข้าถึงประชาชนมากกว่าแต่ก่อน มีการชักชวนในรูปแบบต่าง ๆ ทั้งส่งลิงก์เว็บไซต์การพนันทาง SMS โฆษณาในเว็บไซต์หรือ สื่อสังคมออนไลน์หลายแพลตฟอร์ม รวมถึงการนำผู้ที่มีชื่อเสียงในโลกออนไลน์ มาชักชวนให้เล่นการพนัน

โดยจะอ้างว่าสนุก เล่นง่าย ได้เงินแน่นอน ซึ่งในความจริงแล้ว ไม่เป็นไปอย่างที่โฆษณา อย่างแน่นอน แต่ก็ยังมีประชาชนจำนวนมาก หลงเชื่อ หลวมตัวเข้าไปเล่นการพนันออนไลน์ จนมีบางรายหมดเนื้อหมดตัว และเป็นสาเหตุให้ไปก่ออาชญากรรมอย่างอื่น ทั้งอาชญากรรมเกี่ยวกับทรัพย์ (ลัก วิ่ง ชิง ปล้น), ยาเสพติด หรือถึงขนาดฆ่าตัวตายเพราะติดหนี้การพนันออนไลน์ อย่างไรก็ตามผู้ที่หลงเชื่อคำโฆษณา และเข้าไปเล่นการพนันออนไลน์ ถึงแม้ว่าจะดูเหมือนเป็นเหยื่อผู้เคราะห์ร้าย แต่ในทางกฎหมายนั้น แน่นอนว่ามีความผิด

ตาม พ.ร.บ.การพนัน พ.ศ.2478 มาตรา 12 ผู้ใดจัดให้มีการเล่น หรือทำอุบายล่อช่วยประกาศโฆษณาหรือชักชวนโดยทางตรงหรือทางอ้อมให้ผู้อื่นเข้าเล่นหรือเข้าพนันในการเล่นซึ่งมิได้รับอนุญาตจากเจ้าพนักงานหรือรับอนุญาตแล้วแต่เล่นพลิกแพลงหรือผู้ใดเข้าเล่นหรือเข้าพนันในการเล่นอันขัดต่อบทแห่งพระราชบัญญัตินี้หรือกฎกระทรวงหรือ ข้อความในใบอนุญาต ผู้นั้นมีความผิดต่อไปนี้

(1) ถ้าเป็นความผิดในการเล่นตามบัญชี ก. หมายเลข 1 ถึงหมายเลข 16 หรือการเล่นตามบัญชี ข. หมายเลข 16 เฉพาะสลากกินรวบหรือการเล่นซึ่งมีลักษณะคล้ายกันนี้ต้องระวางโทษจําคุกตั้งแต่ 3 เดือนขึ้นไปจนถึง 3 ปี และ ปรับตั้งแต่ 500 บาท ขึ้นไปจนถึง 5,000 บาท ด้วยอีกโสดหนึ่งเว้นแต่ผู้เข้าเล่นหรือเข้าพนันที่ เรียกว่าลูกค้า ให้จำคุกไม่เกิน 3 ปีหรือปรับไม่เกิน 5,000 บาท หรือทั้งจำทั้งปรับ

(2) ถ้าเป็นความผิดในการเล่นอื่นใดตามพระราชบัญญัตินี้ต้องระวางโทษจําคุกไม่ เกิน 2 ปี หรือปรับ ไม่เกิน 2,000 บาท หรือทั้งจำทั้งปรับ เว้นแต่ความผิดตามมาตรา 4 ทวิ ต้องระวางโทษจําคุกไม่เกิน 1 ปี หรือปรับไม่เกิน 1,000 บาท หรือทั้งจำทั้งปรับ

 

ตร.เตือน!! จัดหาเด็กมาค้าประเวณี โทษสูงถึงประหาร คนซื้อบริการผิดด้วย โทษสูงสุดถึงจำคุกตลอดชีวิต

วันที่ 24 พ.ย. 2564 พ.ต.อ.ศิริวัฒน์ ดีพอ รองโฆษกสำนักงานตำรวจแห่งชาติ กล่าวว่า  ตามที่สำนักงานตำรวจแห่งชาติ โดยกองบัญชาการตำรวจสอบสวนกลาง ได้สนธิกำลัง ร่วมกับกรมสอบสวนคดีพิเศษ กระทรวงยุติธรรม และกรมการปกครอง กระทรวงมหาดไทย เข้าจับกุมหญิงสาวที่อ้างตัวเองว่าเป็นโมเดลลิ่ง ทำการจัดหาเด็กอายุต่ำกว่า 18 ปี เพื่อส่งต่อไปค้าประเวณีให้กับลูกค้า ผ่านช่องทางออนไลน์ ซึ่งทำให้มีผู้เสียหายจำนวนมากนั้น

พ.ต.อ.ศิริวัฒน์ กล่าวต่อไปว่า ในเรื่องดังกล่าวเป็นนโยบายที่สำคัญของสำนักงานตำรวจแห่งชาติในการป้องกันมิให้เกิดการกระทำความผิดขึ้น  จึงอยากจะขอประชาสัมพันธ์และแจ้งเตือน สำหรับผู้ที่คิดจะกระทำความผิดเกี่ยวกับการเป็นธุระจัดหาเพื่อการค้าประเวณีนั้น เป็นความผิดตามกฎหมาย โดยเฉพาะอย่างยิ่งหากบุคคลที่ถูกนำตัวไปค้าประเวณีเป็นเด็ก อายุต่ำกว่า 18 ปี ไม่ว่าเด็กจะยินยอมหรือไม่ตาม จะเข้าข่ายเป็นความผิดฐานค้ามนุษย์ และในบางกรณีอาจมีอัตราโทษสูงสุดถึงประหารชีวิต ส่วนผู้ซื้อบริการ ก็มีความผิดตามกฎหมายเช่นกัน และในบางกรณีอาจมีอัตราโทษสูงสุดถึงจำคุกตลอดชีวิต โดย ข้อกฎหมายที่เกี่ยวข้องกับการเป็นธุระจัดหาหรือเป็นผู้ซื้อบริการทางเพศจากเด็ก มีดังต่อไปนี้

ผู้ที่เป็นธุระจัดหา หรือที่เรียกตัวเองว่า โมเดลลิ่ง

1. บังคับ ขู่เข็ญ ใช้ ชักจูง ยุยง ส่งเสริม หรือยินยอมให้เด็กแสดงหรือกระทำการอันมีลักษณะลามกอนาจาร ไม่ว่าจะเป็นไปเพื่อให้ได้มาซึ่ง ค่าตอบแทนหรือเพื่อการใด ไม่ว่าเด็กจะยินยอมหรือไม่ก็ตาม ต้องระวางโทษจำคุกไม่เกิน 3 เดือน หรือปรับไม่เกิน 30,000 บาท หรือทั้งจำทั้งปรับ ตาม พ.ร.บ.คุ้มครองเด็ก พ.ศ. 2546 มาตรา 26(9) ประกอบมาตรา 78

2. เป็นธุระจัดหา ซื้อ ขาย จำหน่าย พามาจากหรือส่งไปยังที่ใด หน่วงเหนี่ยวกักขัง จัดให้อยู่อาศัย หรือรับไว้ซึ่งเด็ก โดยมีความมุ่งหมายเพื่อการแสวงหาประโยชน์โดยมิชอบ ผู้นั้นกระทำความผิดฐานค้ามนุษย์ โดยในกรณีเด็กอายุ เกินกว่า 15 ปี แต่ไม่ถึง 18 ปี ต้องระวางโทษจำคุก ตั้งแต่ 6 ปี ถึง 15 ปี และปรับตั้งแต่ 600,000 บาท ถึง 1,500,000 บาท และในกรณีที่เด็กอายุไม่เกิน 15 ปี ต้องระวางโทษจำคุกตั้งแต่ 8 ปี ถึง 20 ปี และปรับตั้งแต่ 800,000 บาท ถึง 2,000,000 บาท ตาม พ.ร.บ.ป้องกันและปราบปรามการค้ามนุษย์ พ.ศ. 2551 มาตรา 6(2) ประกอบมาตรา 52

3. เพื่อสนองความใคร่ของผู้อื่น เป็นธุระจัดหา ล่อไป หรือพาไปเพื่อการอนาจารซึ่งเด็ก แม้เด็กนั้นจะยินยอมก็ตาม หากเด็กนั้นอายุเกิน 15 ปี แต่ยังไม่เกิน 18 ปี ต้องระวางโทษจำคุกตั้งแต่ 3 ปี ถึง 15 ปี และปรับตั้งแต่ 6,000 บาท ถึง 30,000 บาท และหากเด็กนั้นอายุยังไม่เกิน 15 ปี ต้องระวางโทษจำคุกตั้งแต่ 5 ปี ถึง 20 ปี และปรับตั้งแต่ 10,000 บาท ถึง 40,000 บาท ตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 282

4. ถ้ากรณีตาม ข้อ 3. เป็นการกระทำดังกล่าวกระทำโดยใช้อุบายหลอกลวง ขู่เข็ญ ใช้กำลังประทุษร้าย ใช้อำนาจครอบงำผิดคลองธรรม หรือใช้วิธีข่มขืนใจด้วยประการอื่นใด หากเด็กนั้นอายุเกิน 15 ปี แต่ยังไม่เกิน 18 ปี ต้องระวางโทษจำคุกตั้งแต่ 7 ปี ถึง 20 ปี และปรับตั้งแต่ 14,000 บาท ถึง 40,000 บาท หรือจำคุกตลอดชีวิต และหากเด็กนั้นอายุยังไม่เกิน 15 ปี ต้องระวางโทษจำคุกตั้งแต่ 10 ปี ถึง 20 ปี และปรับตั้งแต่ 20,000 บาท ถึง 40,000 บาท หรือจำคุกตลอดชีวิต หรือประหารชีวิต ตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 283

ผู้ซื้อบริการทางเพศจากเด็ก

- กรณีเด็กอายุเกิน 15 ปี แต่ยังไม่เกิน 18 ปี

1. พาบุคคลอายุเกิน 15 ปีแต่ยังไม่เกิน 18 ปี ไปเพื่อการอนาจาร แม้ผู้นั้นจะยินยอมก็ตาม ต้องระวางโทษจำคุกไม่เกิน 5 ปี หรือปรับไม่เกิน 100,000 บาท หรือ ทั้งจำทั้งปรับ ตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 283 ทวิ

2. พรากผู้เยาว์อายุกว่า 15 ปี แต่ยังไม่เกิน 18 ปี ไปเสีย จากบิดามารดา ผู้ปกครอง หรือผู้ดูแล เพื่อการอนาจาร โดยผู้เยาว์นั้นเต็มใจไปด้วย ต้องระวางโทษจำคุกตั้งแต่ 2 ปี ถึง 10 ปี และปรับตั้งแต่ 40,000 บาท ถึง 200,000 บาท ตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 319

- กรณีเด็กอายุ ไม่เกิน 15 ปี

1. กระทำชำเราเด็กอายุยังไม่เกิน 15 ปี ซึ่งมิใช่ภริยาหรือสามีของตน โดยเด็กนั้นจะยินยอมหรือไม่ก็ตาม ต้องระวางโทษจำคุกตั้งแต่ 5 ปี ถึง 20 ปี และปรับตั้งแต่ 100,000 บาทถึง 400,000 บาท ตามประมวลกฎหมายอาญามาตรา 277 วรรคแรก

2. ถ้ากรณีตาม ข้อ 1. เป็นการกระทำแก่เด็กอายุยังไม่เกิน 13 ปี ต้องระวางโทษจำคุกตั้งแต่ 7 ปี ถึง 20 ปี และปรับตั้งแต่ 140,000 บาท ถึง 400,000 บาท หรือจำคุกตลอดชีวิต ตามประมวลกฎหมายอาญามาตรา 277 วรรคสอง

3. พรากเด็กอายุยังไม่เกินสิบห้าปีไปเสียจากบิดามารดา ผู้ปกครอง หรือผู้ดูแล เพื่อการอนาจาร ต้องระวางโทษจำคุกตั้งแต่ 5 ปี ถึง 20 ปี และปรับตั้งแต่ 100,000 บาทถึง 400,000 บาท ตาม ประมวลกฎหมายอาญามาตรา 317

 

เขาก็มีชีวิต - จิตใจ... โฆษก ตร.เตือน!! “กระทำทารุณกรรมสัตว์” จำคุก 2 ปี

24 พ.ย.64 พล.ต.ต.ยิ่งยศ เทพจํานงค์ โฆษก ตร. เผยว่า จากกรณีในสื่อสังคมออนไลน์ปรากฏคลิปเหตุการณ์ลูกสุนัขสองตัวลอยออกจากรถยนต์กระบะสีแดงสภาพเก่า ตกลงมาบนถนนก่อนถูกรถยนต์ทับตายคาที่หนึ่งตัว อีกตัวรอดชีวิตหวุดหวิด เพราะคนขับรถยนต์เจ้าของคลิปเหตุการณ์จอดรถลงไปช่วยเอาไว้ได้ทันเวลา หลังจากนั้นจึงเข้าแจ้งความกับพนักงานสอบสวน สภ.กำแพงแสน อ.กำแพงแสน จ.นครปฐม เพื่อให้ตรวจสอบข้อเท็จจริง โดยเบื้องต้นตำรวจสันนิษฐานสาเหตุว่าลูกหมาอาจปีนตกลงมาเอง หรือ ถูกคนในรถโยนลงมา หวังให้ถูกล้อรถยนต์ทับตาย นั้น

พล.ต.ต.ยิ่งยศฯ โฆษก ตร. กล่าวว่า ขณะนี้เจ้าหน้าที่ตำรวจ สภ.กำแพงแสน ได้ติดตามตัวผู้ขับรถกระบะดังกล่าวมาเพื่อสอบถามสาเหตุแล้ว โดยผู้ก่อเหตุได้ให้การอ้างว่า ก่อนเกิดเหตุไปดื่มสังสรรค์กับเพื่อนมา ระหว่างทางกลับบ้านทนเสียงเห่าหอนของลูกสุนัขไม่ไหว ประกอบกับลูกสุนัขได้กัดแทะเบาะ แล้วยังปัสสาวะ อุจจาระจนเลอะเทอะไปทั่วรถ และส่งกลิ่นเหม็น จึงเกิดอารมณ์ชั่ววูบโยนลูกสุนัขออกไปจากรถ เจ้าหน้าที่ตำรวจจึงแจ้งข้อหาตามกฎหมายจึงอยากขอเตือนไปถึงพี่น้องประชาชนผู้เลี้ยงสัตว์ทุกคน ไม่ว่าจะเป็นสัตว์บ้าน สัตว์เลี้ยงเพื่อใช้งาน สัตว์เลี้ยงเพื่อใช้เป็นพาหนะ สัตว์เลี้ยงเพื่อใช้เป็นเพื่อน สัตว์เลี้ยงเพื่อใช้เป็นอาหาร สัตว์เลี้ยงเพื่อใช้ในการแสดง จะมีเจ้าของหรือไม่มี หากท่านกระทำทารุณต่อสัตว์ของท่านหรือของผู้อื่นอาจมีความผิดตาม พ.ร.บ.ป้องกันการทารุณกรรมและการจัดสวัสดิภาพสัตว์ พ.ศ.2557

 

ตำรวจ PCT ‘ทลายเครือข่ายแชร์ลูกโซ่ MBC Club’ มูลค่าความเสียหายกว่า 1,000 ล้านบาท มีเหยื่อหลงเชื่อกว่า 1,000 ราย

วันนี้ (24 พ.ย. 64) เวลา 10.30 น. ที่ สำนักงานตำรวจแห่งชาติ พล.ต.อ.ดำรงศักดิ์ กิตติประภัสร์ รอง ผบ.ตร. , พล.ต.ท.ปรีชา เจริญสหายานนท์ ผู้ช่วย ผบ.ตร. , พล.ต.ท.ชยพล ฉัตรชัยเดช ผู้ช่วย ผบ.ตร. , พล.ต.ต.ไตรรงค์ ผิวพรรณ รอง ผบช.น. ร่วมแถลงผลการจับกุมเครือข่ายแชร์ลูกโซ่ MBC Club มูลค่าความเสียหายกว่า 1,000 ล้านบาท

พล.ต.อ.ดำรงศักดิ์ฯ เปิดเผยว่า เครือข่าย MBC Club ได้ชักชวนผู้เสียหายให้ร่วมลงทุนใน Forex โดยหลอกลวงว่าจะได้กำไรเฉลี่ย 40% ของเงินที่ลงทุนต่อเดือน และจะนำผลกำไรมาปันผลให้กับผู้ร่วมลงทุน แต่หากลงทุนครบจำนวน 40,000,000 บาท ภายในสิ้นปีจะได้รับรางวัลเป็นรถยนต์เก๋ง ยี่ห้อ Porsche 718 Boxster จากบริษัท ซึ่งการลงทุนดังกล่าวมีแผนการร่วมลงทุน แบ่งเป็น 5 แพ็คเกจ ดังนี้

แพ็คเกจที่ 1 MEMBER ทุนจำนวน 50,758 บาท ทาง CLUB เพิ่มทุนให้ 110% เฉลี่ยกำไรต่อวันคิดเป็น 27.50 %

แพ็คเกจที่ 2 SILVER ทุนจำนวน 253,750 บาท ทาง CLUB เพิ่มทุนให้ 115% เฉลี่ยกำไรต่อวันคิดเป็น 28.75%

แพ็คเกจที่ 3 TITANIUM ทุนจำนวน 507,500 บาททาง CLUB เพิ่มทุนให้ 120% เฉลี่ยกำไรต่อวันคิดเป็น 30%

แพ็คเกจที่ 4 GOLD ทุนจำนวน 2,537,500 บาท ทาง CLUB เพิ่มทุนให้ 125% เฉลี่ยกำไรต่อวันคิดเป็น 31.25%

และ เเพ็คเกจที่ 5 PLATINUM ทุนจำนวน 5,075,000บาท ทาง CLUB เพิ่มทุนให้ 130% เฉลี่ยกำไรต่อวันคิดเป็น 32.50%  

ตำรวจยังเข้ม!! ‘ผบ.ตร.’ สั่งทุกพื้นที่กวดขันมาตรการโควิด ตรึงชายแดน - สกัดต่างด้าว! ส่วนสถานบันเทิง รอก่อน

30 พ.ย. 64 พล.ต.ต.ยิ่งยศ เทพจำนงค์ โฆษกสำนักงานตำรวจแห่งชาติ เปิดเผยว่า ตามที่ศูนย์บริหารสถานการณ์การแพร่ระบาดของโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 (โควิด-19) หรือ ศบค. ได้เผยแพร่แนวทางการดำเนินการตามมาตรการป้องกันควบคุมโรคโควิด-19 ล่าสุด คือ ยกเลิกพื้นที่ควบคุมสูงสุดและเข้มงวด (สีแดงเข้ม), ยกเลิกเคอร์ฟิวทั่วประเทศ, ผ่อนคลายการเดินทางเข้าประเทศเพิ่มเติมเพื่อให้การเดินทางเข้ามาในประเทศสะดวกมากยิ่งขึ้น คือ ผู้เดินทางที่มีผลตรวจ RT-PCR เป็นลบภายใน 72 ชั่วโมง เมื่อเดินทางถึงไทยให้ตรวจด้วยชุดตรวจ ATK เท่านั้น และเปิดพื้นที่กักตัวแรงงานข้ามชาติใน 5 จังหวัด คือ ตาก ระนอง หนองคาย มุกดาหาร และสระแก้ว 

เพื่อป้องกันการลักลอบเข้าประเทศและเพื่อให้ง่ายต่อการจัดการควบคุมโรค นอกจากนี้ยังให้ สถานบันเทิง ผับ บาร์ในพื้นที่นำร่องท่องเที่ยว (สีฟ้า) และพื้นที่เฝ้าระวังสูง (สีเหลือง) เตรียมความพร้อมการเปิดดำเนินการ โดยให้ปรับปรุงสภาพแวดล้อม ระบบระบายอากาศ และเร่งรัดให้บุคลากรได้รับวัคซีน 100% และให้ซักซ้อมความเข้าใจมาตรฐานเพื่อให้ กระทรวงมหาดไทย, กระทรวงสาธารณสุข และคณะกรรมการโรคติดต่อจังหวัด/กทม. ทำการประเมินและออกใบอนุญาตต่อไป นั้น  

ล่าสุด กรุงเทพมหานครได้ออกประกาศ เรื่อง สั่งปิดสถานที่เป็นการชั่วคราว (ฉบับที่ 47) เพื่อให้การดำเนินการมาตรการควบคุมและป้องกันโรคในพื้นที่แบบบูรณาการเป็นไปอย่างต่อเนื่อง และเป็นการผ่อนคลายให้บางสถานที่สามารถดำเนินการหรือทำกิจกรรมบางอย่างได้ภายใต้เงื่อนไขเวลา การจัดระเบียบ และมาตรการการป้องกันที่ทางราชการกำหนด เพื่อการดำเนินการขับเคลื่อนด้านเศรษฐกิจ ดังนั้น คณะกรรมการโรคติดต่อกรุงเทพมหานคร จึงมีมติเมื่อวันที่ 26 พฤศจิกายน 2564 ให้ผ่อนคลายมาตรการในพื้นที่กรุงเทพมหานคร โดยสรุปได้ดังนี้

 

>>ให้ปิดสถานบริการ สถานประกอบการที่มีลักษณะคล้ายสถานบริการ สถานบันเทิง ผับ บาร์  คาราโอเกะ หรือสถานที่อื่นที่มีลักษณะคล้ายกัน และ สถานประกอบกิจการอาบอบนวด ร้านจำหน่ายอาหารหรือเครื่องดื่ม ที่ผ่านการตรวจประเมินตามมาตรฐานความปลอดภัยด้านสุขอนามัย (Amazing Thailand Safety & Health Administration) ในระดับSHA ของกระทรวงการท่องเที่ยวและกีฬา โดยการท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย (ททท.) สามารถให้บริการบริโภคเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ในร้านได้ถึง 23.00 น. ตั้งแต่วันที่ 1 ธันวาคม 2564 เป็นต้นไป จนกว่าจะมีการเปลี่ยนแปลง

>> สถานที่อื่นนอกจากที่ได้เคยมีคำสั่งให้ปิดสถานที่และได้รับการผ่อนคลายจากประกาศนี้ให้เปิดดำเนินการได้ภายใต้เงื่อนไข เงื่อนเวลา การจัดระบบ ระเบียบ และ มาตรการป้องกันโรคที่ทางราชการกำหนด เช่น มาตรการ DMHTTA มาตรการป้องกันการติดเชื้อแบบครอบจักรวาล มาตรการปลอดภัยสำหรับองค์กร รวมทั้งมาตรการตามกฎหมายว่าด้วยโรคติดต่อที่หน่วยงานที่เกี่ยวข้องกำหนดขึ้นเป็นการเฉพาะโดยเคร่งครัด และ ได้รับอนุญาตให้ดำเนินการตามกฎหมายที่เกี่ยวข้อง

ผู้ฝ่าฝืนไม่ปฏิบัติตามอาจมีความผิดตาม พ.ร.บ.โรคติดต่อ พ.ศ.2558 มาตรา 51 ต้องระวางโทษปรับไม่เกิน 20,000 บาท หรือมาตรา 52 ต้องระวางโทษจำคุกไม่เกิน 1 ปี หรือปรับไม่เกิน 100,000 บาท หรือทั้งจำทั้งปรับ แล้วแต่กรณี และอาจมีความผิดตามมาตรา 18 แห่ง พรก.การบริหารราชการในสถานการณ์ฉุกเฉิน พ.ศ.2548 ต้องระวางโทษจำคุกไม่เกิน 2 ปี หรือปรับไม่เกิน 40,000 บาท หรือทั้งจำทั้งปรับ

พล.ต.อ.สุวัฒน์ แจ้งยอดสุข ผบ.ตร. ได้มีการกำชับอย่างต่อเนื่อง ไปยังหน่วยงานตำรวจทั่วประเทศ โดยเสริมจากแนวทางการดำเนินการตามมาตรการป้องกันควบคุมโรคโควิด-19 ของ ศบค. ให้กวดขันสถานประกอบการในพื้นที่สถานที่ที่จะเป็นคลัสเตอร์ของการแพร่ระบาดของโรคโควิด-19  รวมถึงสถานบริการ บ่อนการพนัน ที่อาจลักลอบดำเนินการอย่างผิดกฎหมาย หากพบพื้นที่ใด มีการปล่อยปละละเลยให้มีการกระทำผิด ผู้บังคับการที่ควบคุมพื้นที่นั้นๆ จะต้องมีส่วนรับผิดชอบด้วย  หากพบว่ามีเจ้าหน้าที่เข้าไปเกี่ยวข้องกับการกระทำผิด จะดำเนินการทั้งทางวินัยและทางอาญา และสำนักงานตำรวจแห่งชาติ ได้จัดให้มีการประชุมศูนย์ปฏิบัติการแก้ไขสถานการณ์ฉุกเฉินด้านความมั่นคง สำนักงานตำรวจแห่งชาติ ครั้งที่ 62/2564 วันที่ 30 พฤศจิกายน 2564 

โดยมี พล.ต.ท.ภาณุรัตน์ หลักบุญ รองจเรตำรวจแห่งชาติ เป็นประธาน ได้มีสั่งการให้เจ้าหน้าที่ตำรวจดำเนินการกวดขันสถานบริการที่ฝ่าฝืนข้อกำหนด ทั้งสถานบริการ บ่อนการพนัน และสถานที่ที่จะเป็นคลัสเตอร์ของการแพร่ระบาดของโควิด-19, เพิ่มความเข้มงวดมาตรการป้องกันและสกัดกั้นแรงงานต่างด้าวลักลอบหลบหนีเข้าเมือง การค้ามนุษย์ การค้ายาเสพติด อาวุธสงคราม และสินค้าผิดกฎหมาย ตามแนวชายแดน และให้กำกับดูแลการจัดกิจกรรม ที่มีการรวมกลุ่มของคนจำนวนมาก

ตร.เตือน รหัส OTP กุญแจดอกสุดท้าย ความลับที่ห้ามบอกใคร

1 ธ.ค.2564 พ.ต.อ.ศิริวัฒน์ ดีพอ รองโฆษกสำนักงานตำรวจแห่งชาติ กล่าวว่า ตามที่ พล.ต.อ.สุวัฒน์ แจ้งยอดสุข ผบ.ตร. ได้มีนโยบายให้ สำนักงานตำรวจแห่งชาติ แจ้งเตือนและประชาสัมพันธ์ให้พี่น้องประชาชนรู้เท่าทันถึงอาชญากรรมทางเทคโนโลยี และได้กำชับให้เจ้าหน้าที่ตำรวจทำการสืบสวนจับกุมผู้กระทำผิดมาดำเนินคดีตามกฎหมายอย่างต่อเนื่องมาโดยตลอดนั้น

ปัจจุบันพบพี่น้องประชาชนจำนวนมาก ยังขาดความเข้าใจและความระมัดระวังในการรักษาความปลอดภัยบัญชีของตน ทั้งบัญชีธนาคาร บัญชีสื่อสังคมออนไลน์ ตลอดจนบัญชีออนไลน์อื่นๆ โดยเฉพาะอย่างยิ่งในประเด็นเรื่องของรหัสใช้ครั้งเดียว (OTP)หรือ One Time Password ทำให้พี่น้องประชาชนถูกคนร้ายฉวยโอกาสหลอกลวง เพื่อขอรหัส OTP และนำไปใช้ในการเข้าถึงข้อมูลหรือทำธุรกรรมทางการเงิน เป็นเหตุให้เกิดความเสียหายจำนวนมาก เช่นที่ปรากฏเป็นข่าวว่า มีคนร้ายแอบอ้างตัวเป็นคอลเซ็นเตอร์ ผู้ให้บริการสกุลเงินดิจิทัลรายหนึ่ง โทรศัพท์เข้ามาหาเหยื่ออ้างว่าบัญชีของเหยื่อมีปัญหา จากนั้นได้สอบถามข้อมูลส่วนบุคคล และแจ้งว่าให้เหยื่อบอกรหัส OTP ที่ส่งไปให้ เพื่อยืนยันตัวตน จากนั้นคนร้ายจะนำ OTP ที่ได้รับไปใช้ในการทำธุรกรรม เอาเงินออกจากบัญชีผู้เสียหาย

สำนักงานตำรวจแห่งชาติ ขอประชาสัมพันธ์ให้ความรู้กับพี่น้องประชาชน เกี่ยวกับรหัส OTP เพื่อสร้างเกราะป้องกันให้กับพี่น้องประชาชน โดยรหัส OTP นั้นเป็นชุดรหัสผ่านใช้ครั้งเดียวที่ระบบสร้างขึ้นมาเพื่อความปลอดภัยในการทำธุรกรรมทางอินเตอร์เน็ต โดยเป็นชุดตัวเลขหรือตัวอักษรจำนวนหนึ่ง ที่ระบบจะสุ่มขึ้นมาและส่งไปให้กับเจ้าของบัญชี ทางอีเมล หรือโทรศัพท์มือถือ เพื่อใช้ในการตรวจสอบและยืนยันตัวตนผู้ใช้งาน นอกเหนือจากบัญชีผู้ใช้และรหัสผ่านตามปกติ ซึ่งจะช่วยรักษาความปลอดภัยให้กับบัญชีของพี่น้องประชาชน ถือได้ว่าเป็นปราการด่านสุดท้ายก่อนที่จะเข้าถึงข้อมูล จึงไม่ควรอย่างยิ่งที่จะบอกรหัส OTP ให้กับบุคคลอื่น เพราะอาจทำให้ถูกคนร้ายนำไปใช้โดยมิชอบได้

'โฆษก ตร.'​ ยัน!! ไฟล์ร่างยกฐานะสำนักงานตำรวจแห่งชาติ เป็นกระทรวงฯ​ แชร์ว่อนทางไลน์ เป็นเฟกนิวส์

1 ธ.ค.2564 ที่สำนักงานตำรวจแห่งชาติ​ (ตร.) พล.ต.ต.ยิ่งยศ เทพจำนงค์ โฆษก ตร. ได้เปิดเผยว่า จากที่ปรากฏมีการแชร์ ไฟล์ข้อความ ร่าง ฯ ยกฐานะสำนักงานตำรวจแห่งชาติ เป็นกระทรวงตำรวจ นั้น  ขอยืนยันว่า ข้อมูลในไฟล์ ดังกล่าว มิได้เป็นข้อมูลของสำนักงานตำรวจแห่งชาติ ส่วนจะเป็นข้อมูลจากที่ใด และมีการแชร์ข้อมูลดังกล่าวทางสื่อสังคมออนไลน์ ด้วยเหตุผลอันใดนั้นอยู่ระหว่างการตรวจสอบ 


© Copyright 2021, All rights reserved. THE STATES TIMES
Take Me Top