Wednesday, 14 May 2025
Crimes

ยุทธการ "พิฆาตทรชนคนค้ายาอีสานใต้" จับกุม 3 เครือข่าย ผู้ต้องหา 12 คน ของกลางยาบ้า 263,010 เม็ด ยึดทรัพย์ตาม พ.ร.บ.มาตรการฯ ทรัพย์สิน มูลค่าประมาณ 8,422,000 บาท

วันที่ 27 ตุลาคม 2564 ที่สถานีตำรวจภูธรจังหวัดสุรินทร์ พล.ต.ต.คีรีศักดิ์ ตันตินวะชัย รอง ผบช.ภ.3 (หน.กม) /รับผิดชอบ ศอ.ปส.(ยาเสพติด) ร่วมกัน แถลงผลการจับกุมเครือข่ายคดียาเสพติดรายสำคัญ ร่วมกับ พล.ต.ต.ชาญชัย พงษ์พิชิตกุล ผบก.ภ.จว.สุรินทร์, พล.ต.วีระยุทธ  รักศิลป์ ผบ.กกล.สุรนารี/ผอ.กอ.รมน.ภาค2 สย.2 , พ.ต.อ.ธรรมนูญ ฉิมวงษ์ รอง ผบก.ภ.จว.สุรินทร์ แถลงผลการจับกุมเครือข่ายยาเสพติดรายสำคัญภายใต้ "ยุทธการ พิฆาตทรชนคนค้ายาอีสานใต้" ประกอบด้วย

1) เมื่อวันที่ 22 ตุลาคม 2564 เวลาประมาณ 08.30 น. ชุด ชป.ปส.ภ.จว.สุรินทร์ ได้สนธิกำลังประกอบด้วย ตำรวจ ทหาร เจ้าหน้าที่ ป.ป.ส. และฝ่ายปกครอง ร่วมกันจับกุมตัว นายธนายุทธ หรือนา ขอสงวนนามสกุล และน.ส.ชุตินันท์ หรือเปิ้ล   ขอสงวนนามสกุล พร้อมของกลาง ยาบ้า จำนวน 71 เม็ด จึงได้ขยายผล ทำการติดต่อล่อซื้อยาบ้า จำนวน 4,000 เม็ด จากนั้น วันที่ 23 ตุลาคม 2564 เวลาประมาณ 07.00 น. ได้จับกุมผู้ต้องหา 2 คน นายกิตติพงษ์ หรือโอ๊ต  ขอสงวนนามสกุล (คนขับรถ) และ นางสาวปิยธิดา หรือฟีฟ่า ขอสงวนนามสกุล (นั่งข้างคนขับ) ซึ่งขับรถยนต์ (กระบะแค็ป) ยี่ห้ออีซุซุ รุ่นดีแม็ค สีขาว หมายเลขทะเบียน ผษ 1293 อุบลราชธานี มาส่งยาบ้า 4,000 เม็ด และค้นรถ พบยาบ้า 208,000 เม็ด รวมยาบ้า 212,000 เม็ด รวมของกลางทั้งหมด ยาบ้า 212,071 เม็ด ผู้ต้องหา 4 คน ตรวจยึดทรัพย์สิน รถยนต์ 5 คันและเงินสด มูลค่าประมาณ 1,900,000 บาท เหตุเกิด บนถนนทางหลวง 24 บ้านตาคง ตำบลตาคง อำเภอสังขะ จังหวัดสุรินทร์ 

2) เมื่อวันที่ 8 ตุลาคม 2564 ชุด ชป.ปส.ภ.จว.สุรินทร์ สนธิกำลังร่วมกับ ชปข.กก.ตชด.21, ชปข.ร้อย ตชด.217, ชุดสืบสวน สภ.รัตนบุรี, เจ้าหน้าที่ชุด ขกท.ศปก.ทบ. (มว.ขกส.2 ขกท.กกล.สุรนารี) เจ้าพนักงาน ป.ป.ส.สังกัด ปปส.ก.3 และเจ้าหน้าที่ตำรวจ กก.2 บก.ปส. ร่วมกันจับกุมผู้กระทำผิด ตาม พรบ.ยาเสพติดให้โทษ จำนวน 4 ราย ผู้ต้องหา 4 คน คือ นายสหกล ขอสงวนนามสกุล จับตามหมายจับศาลจังหวัดรัตนบุรี ที่ 38/2564 ซึ่งต้องหาว่ากระทำผิดฐานร่วมกันสมคบฯ และฟอกเงิน สถานที่จับกุม บ้านเลขที่ 92 หมู่ที่ 13 (บ้านโพธิ์ทอง) ตำบลนาตาล อำเภอนาตาล จังหวัดอุบลราชธานี น.ส.ทัศนีย์ ขอสงวนนามสกุล ตามหมายจับศาลจังหวัดรัตนบุรี ที่ 41/2564 ซึ่งต้องหาว่ากระทำผิดฐานร่วมกันสมคบฯ และฟอกเงิน ณ บ้านเลขที่ 151 หมู่ที่ 13 ตำบลพะลาน อำเภอนาตาล จังหวัดอุบลราชธานี น.ส.นิตยา ขอสงวนนามสกุล จับตามหมายจับศาลจังหวัดรัตนบุรี ที่ 40/2564 ซึ่งต้องหาว่ากระทำผิดฐาน ร่วมกันสมคบฯ และฟอกเงิน ณ บ้านเลขที่ 11 หมู่ที่ 14 ตำบลม่วงใหญ่ อำเภอโพธิ์ไทร จังหวัดอุบลราชธานี และนายธวัชชัย ขอสงวนนามสกุล จับตามหมายจับศาลจังหวัดรัตนบุรี ที่ 39/2564 ซึ่งต้องหาว่ากระทำผิดฐาน ร่วมกันสมคบฯ และฟอกเงิน ภายในห้องหมายเลข 6 หอพักไม่ทราบซื่อ ตำบลในเมือง อำเภอเมือง จังหวัดอุบลราชธานี พร้อมได้ทำการตรวจยึดทรัพย์สิน บ้านพักอาศัย จำนวน 3 หลัง รถยนต์ส่วนบุคคล จำนวน 6 คันรถแทรคเตอร์ พร้อมอุปกรณ์ส่วนควบ 1 คัน เครื่องอัดฟาง 1 เครื่อง รถจักรยานยนตร์ 4 คัน วัตถุคล้ายทองรูปพรรณ 3 รายการ สมุดบัญชีธนาคาร และเอกสารที่อื่น ๆ ที่เกี่ยวข้อง ที่ดินจำนวน 4 ไร่ มูลค่าประมาณ 500,000 บาท รวมมูลค่าทรัพย์สินที่ตรวจยึดได้ ประมาณ 6,350,000 บาท 

3) เมื่อวันที่ 22 ตุลาคม2564 เวลาประมาณ 08.30 น. ชุด ชป.ปส.ภ.จว.สุรินทร์ ได้สนธิกำลังประกอบด้วย ชปข.กก.ตชด.21, ชุด ชปข.ร้อย ตชด.217 ร่วมกันจับกุมผู้กระทำผิด ตาม พรบ.ยาเสพติดให้โทษ จำนวน 1 ราย ผู้ต้องหา 4 คน ได้แก่ นายประครอง ขอสงวนนามสกุล น.ส.รัชนีกร ชอสงวนนามสกุล นายนครินทร์ ขอสงวนนามสกุล และนายธีรศักดิ์ ขอสงวยนามสกุล พร้อมด้วยของกลาง ยาบ้า จำนวน 20,934 เม็ด เหตุเกิด บนถนนทางหลวงสายรัตนบุรี - โพธิ์ศรีสุวรรณ พื้นที่ สภ.ดอนแรด อ.รัตนบุรี จว.สุรินทร์ รวมมูลค่าทรัพย์สินที่ตรวจยึดได้ ประมาณ 172,000 บาท การจับกุมฯ ครั้งนี้ เป็นไปตามนโยบายรัฐบาลโดย พลเอกประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี ด้านการแก้ไขปัญหา ยาเสพติด เมื่อวันที่ 16 มิถุนายน 2564 กำหนดให้การแก้ไขปัญหายาเสพติดเป็นหนึ่งในนโยบายเร่งด่วนของรัฐบาล ที่ต้องดำเนินการอย่างจริงจังทั้งระบบ โดยเร่งรัดการแก้ไขปัญหายาเสพติด ให้ความสำคัญกับกระบวนการ มีส่วนร่วมจากทุกภาคส่วน และการบังคับใช้กฎหมายอย่างเคร่งครัด รวมถึงการร่วมมือกับประเทศเพื่อนบ้าน ปราบปราม แหล่งผลิตและเครือข่ายผู้ค้ายาเสพติด ทั้งพื้นที่แนวชายแดนและพื้นที่ตอนใน

 

ตร. เตือน! ‘ระวังแก๊งคอลเซ็นเตอร์’ อ้างเป็นเจ้าหน้าที่หลอกให้ตกใจ สูญเงินในพริบตา!!

วันที่ 28 ต.ค. 2564 พ.ต.อ.ศิริวัฒน์ ดีพอ รองโฆษกสำนักงานตำรวจแห่งชาติ กล่าวว่า ตามที่ พล.ต.อ.สุวัฒน์ แจ้งยอดสุข ผบ.ตร. ได้มีนโยบายให้ สำนักงานตำรวจแห่งชาติ แจ้งเตือนและประชาสัมพันธ์ให้พี่น้องประชาชนรู้เท่าทันถึงอาชญากรรมทางเทคโนโลยี และได้กำชับให้เจ้าหน้าที่ตำรวจทำการสืบสวนจับกุมผู้กระทำผิดมาดำเนินคดีตามกฎหมายอย่างต่อเนื่องมาโดยตลอดนั้น

ที่ผ่านมาพบว่าได้มีกลุ่มบุคคลที่แอบอ้างตนเองเป็นเจ้าหน้าที่คอลเซ็นเตอร์จากธนาคาร หรือแสดงตนเป็นข้าราชการระดับสูง หรือ นายตำรวจระดับสูง โทรศัพท์หาผู้เสียหาย อ้างว่า บัญชีธนาคารถูกอายัด หรือบัญชีธนาคารของผู้เสียหายมีส่วนเกี่ยวข้องกับการกระทำความผิด เช่น พัวพันกับการจำหน่ายยาเสพติด การค้าของผิดกฎหมาย การค้ามนุษย์ ฯลฯ จากนั้นจะให้ผู้เสียหายแสดงความบริสุทธิ์ใจโดยโอนเงินในบัญชีธนาคารทั้งหมดมาให้เจ้าหน้าที่ตรวจสอบ โดยข่มขู่ว่าหากไม่โอนเงินมาให้เจ้าหน้าที่ตรวจสอบ จะถูกดำเนินคดีในความผิดเกี่ยวกับการฟอกเงินและความผิดอื่นที่มีอัตราโทษจำคุก ทำให้ผู้เสียหายตกใจหลงเชื่อและพยายามแสดงความบริสุทธิ์ โดยโอนเงินให้กับคนร้าย จากนั้นก็ไม่สามารถติดต่อกลุ่มคอลเซ็นเตอร์ได้ ทำให้ได้รับความเสียหาย

ซึ่งเมื่อวันที่ 26 ตุลาคม 2564 สำนักงานตำรวจแห่งชาติ โดย พล.ต.อ.ดำรงศักดิ์ กิตติประภัสร์ รอง ผบ.ตร. ในฐานะผู้อำนวยการศูนย์ปราบปรามอาชญากรรมทางเทคโนโลยีสารสนเทศ สำนักงานตำรวจแห่งชาติ (ศปอส.ตร.) ได้แถลงข่าวการจับกุมแก๊งคอลเซ็นเตอร์ที่ได้กระทำความผิดในลักษณะดังกล่าว โดยได้ขออนุมัติศาลออกหมายจับผู้ต้องหาจำนวน 8 ราย สามารถจับกุมได้แล้ว 5 ราย ส่วนผู้ต้องหาที่เหลืออยู่ระหว่างติดตามจับกุมตัวมาดำเนินคดี ซึ่งกรณีดังกล่าวมีความเสียหายมูลค่ากว่า 14 ล้านบาท

สำนักงานตำรวจแห่งชาติ ขอเรียนกับพี่น้องประชาชนว่า หน่วยงานบังคับใช้กฎหมายต่าง ๆ ไม่มีความจำเป็นใดที่จะต้องให้เจ้าของบัญชีธนาคารโอนเงินมาให้กับเจ้าหน้าที่เพื่อทำการตรวจสอบ ซึ่งหากเป็นบัญชีธนาคารที่มีส่วนเกี่ยวข้องกับการกระทำความผิด พนักงานสอบสวนหรือเจ้าหน้าที่อาจใช้อำนาจตามกฎหมายทำการตรวจสอบข้อมูลกับธนาคารหรืออายัดเงินในบัญชีธนาคารดังกล่าว

 

ผู้บัญชาการตำรวจภูธร ภาค 9 แถลงข่าว! ‘จับผู้ใหญ่บ้าน ฆ่า 2 ศพ’ ในพื้นที่ จ.ตรัง

บ่ายวันนี้ 28 ตุลาคม 2564 ที่ห้องประชุม กองบัญชาการตำรวจภูธร ภาค 9 ต.ทุ่งตำเสา อ.หาดใหญ่  จ.สงขลา พล.ต.ท.นันทเดช ย้อยนวล ผบช.ภ.9,พล.ต.ต.กฤษฎา แก้วจันดี รอง ผบช.ภ.9,พล.ต.ต.นิตินัย หลังยาหน่าย รอง ผบช.ภ.9 ,พ.ต.อ.ศักดา เจริญกุล รอง ผบก.สส.ภ.9,พ.ต.อ.รัฐกร ภักดีวานิช ผกก.สส.ภ.จว.ตรัง  ,พ.ต.อ.ดุสิต พรหมสิน ผกก.สส.3 บก.สส.ภ.9 ,พ.ต.อ.ธนวัต เส้งสุย ผกก.สส.ภ.จ.สงขลา,ได้ร่วมกัยแถลงข่าวการจับกุมตัวนายชำนิ ชำนาญกิจ อายุ 45 ปี (ผู้ใหญ่บ้าน)อายุ 45 ปี หมู่ 2 บ้านเลขที่ 31/1 ต.แก้วแสน อ.นาบอน จ.นครศรีธรรมราช โดยมีหมายจับของศาลจังหวัดตรัง จ.264/64 ลงวันที่ 27 ต.ค.64 ในชั้นนี้ผู้ต้องหาให้การปฏิเสธตลอดข้อกล่าวหา 

โดยเจ้าหน้าที่สามารถจับกุมตัวได้ที่ปั้มน้ำมัน ปตท.สาขาทุ่งสง ถนนเพชรเกษม ต.ชะมาย อ.ทุ่งสง จ.นครศรีธรรมราช เมื่อวันที่ 27 ต.ค.64 ที่ผ่านมา โดยการนำของ พ.ต.อ.ศักดา เจริญกุล รอง ผบก.สส.ภ.9 ,กำลังเจ้าหน้าที่ตำรวจชุดสืบสวนภาค 9 และเจ้าหน้าที่ตำรวจกองปราบฯ

โดยเหตุเกิดเมื่อวันที่ 9 ก.ย.2564 เวลาประมาณ 17.03 น. ได้มีคนร้ายใช้รถยนต์กระบะ ยี่ห้อ อีซูซุ รุ่น ดีแมคไฮแลนเดอร์ แบบตอนครึ่ง สีเทาดำ ติดแผ่นป้ายทะเบียน กธ 5263 (ป้ายรถยนต์คันอื่น) ขับประกบแล้วใช้อาวุธปืนยิงใส่รถยนต์ส่วนบุคคล ยี่ห้อโตโยต้า รุ่นฟอร์จูนเนอร์ สีบรอนด์เงิน  ทะเบียน ขก -720 สุราษฎร์ธานี เป็นเหตุให้นายวีระยุทธ  ขุนอินทร์ (คนขับ)  และ น.ส.วราภรณ์  เพียรดี ภรรยา(นั่งเบาะหลัง)  เสียชีวิตภายในรถยนต์ และ ด.ช.วสิษฐ์พล  ขุนอินทร์ บุตรชาย(นั่งหน้ารถ)ได้รับบาดเจ็บสาหัส เหตุเกิดถนนเพชรเกษม 403  สายตรัง - ทุ่งสง  ม.2 ต.ควนเมา อ.รัษฎา จว.ตรัง หลังจากก่อเหตุคนร้ายได้ขับรถยนต์กระบะหลบหนีไป     

เนื่องจากคดีนี้เป็นคดีอุกฉกรรจ์สะเทือนขวัญ คนร้ายใช้อาวุธปืนสงคราม M16 ก่อเหตุบนถนนหลวง ในเวลากลางวันอย่างไม่เกรงกลัวกฏหมาย อีกทั้งยังมีเด็กซึ่งนั่งมาในรถถูกกระสุนปืนได้รับบาดเจ็บสาหัสอีกด้วย  และคดีเป็นที่สนใจของประชาชนและผู้บังคับบัญชาระดับสูงของ ตร.และ ภ.9 โดย พล.ต.อ.สุชาติ ธีระสวัสดิ์ รอง ผบ.ตร. ได้มาประชุมติดตามความคืบหน้าคดี ร่วมกับ ผบช.ภ.9 ,ผบก.ภ.จว.ตรัง,ผบก.สส.ภ.9  และชุดสืบสวนที่รับผิดชอบในการสืบสวนคดีนี้ ให้สืบสวนคลี่คลายคดีนี้ให้จงได้ 

ซึ่งต่อมา พ.ต.อ.ศักดา เจริญกุล รอง ผบก.ฯและชุดสืบสวนได้ร่วมกันตรวจสอบกล้องวงจรบริเวณสถานที่เกิดเหตุ และเส้นทางที่คนร้ายใช้ก่อเหตุคดีนี้ จนกระทั่งทราบว่า คนร้ายใช้รถยนต์กรบะ ยี่ห้ออีซูซู รุ่นดีแมคไฮแลนเดอร์ แบบตอนครึ่ง สีเทาดำ ติดแผ่นป้ายทะเบียน กธ-5263 นครศรีธรรมราช  (สวมป้ายรถยนต์เก๋งคันอื่น) เป็นรถคนร้ายคันที่ใช้ยิงผู้ตาย

และพบว่ามีรถยนต์เก๋ง ยี่ห้อโตโยต้า รุ่นวีออส สีบรอนด์เงิน ทะเบียน กบ-1409 ตรัง  เป็นรถที่ขับนำทางรถกระบะมือปืน มาจาก ต.แก้วแสน อ.นาบอน จว.นครศรีฯ  เมื่อ 7 ก.ย.64 เพื่อมาเข้าที่พักรถที่ ม.10 ต.หนองช้างแล่น อ.ห้วยยอด จว.ตรัง และนำทางพารถกระบะมือปืนออกจากที่พัก กลับ อ.นาบอน จว.นครศรีฯ เมื่อ 10 ก.ย.64  ต่อมา 27 ก.ย. 64  ทราบว่า สภ.นาบอน จว.นครศรีฯ รับแจ้งเหตุมีรถยนต์กระบะยี่ห้ออีซูซุ แบบตอนครึ่งถูกเผา บนถนนในสวนยางพารา  ม.1 ต.แก้วแสน อ.นาบอนฯ จากการตรวจสอบแล้วเป็นรถคันเดียวกันกับรถยนต์กระบะของคนร้าย ที่ใช้ยิงผู้ตายในคดีนี้ เนื่องจากมีลักษณะเหมือนกัน มีตำหนิของรถตรงกันทุกประการ จึงตรวจยึดมาเป็นของกลางในคดีนี้ และได้สืบสวนเกี่ยวกับเจ้าของรถทราบว่า เจ้าของรถเป็นคนเกาะลันตา จว.กระบี่ ได้นำไปจำนำในพื้นที่ อ.เมืองกระบี่ แล้วรถหลุดจำนำ มีการขายต่อไปอีกรวม 7 ทอด โดยจากการสืบสวนสอบทราบว่าผู้ครอบครองรถมือปืนทอดสุดท้ายคือ นายชำนิฯผู้ต้องหาที่ถูกจับกุม  ซึ่งทราบว่า จนท.ตร.มาตรวจสอบกล้องวงจรปิดแถวบ้านจึงนำรถไปเผาทำลายหลักฐานดังกล่าว 

นอกจากนี้ชุดตรวจสอบกล้องวงจรปิดยังตรวจสอบพบว่าหลังจากที่รถกระบะมือปืนที่พักรถที่ อ.ห้วยยอด จว.ตรัง แล้ว นำรถออกมาดูลาดเลาในวันที่ 8 ก.ย.64 และวันที่ 9 ก.ย.64 นำออกจากที่พัก อ.ห้วยยอด ไปก่อเหตุยังสถานที่เกิดเหตุ ที่ อ.รัษฎา ซึ่งห่างออกไปเพียง 10 กม. มีการไปวนผ่านบ้านของผู้ตายหลายรอบแล้วไปจอดรถดักรอผู้ตายบริเวณ จุดกลับรถแยกทางเข้า รร.บ้านหนองม่วง ซึ่งอยู่ก่อนถึงบ้านผู้ตายราว 1 กม. โดยผู้ตายเดินทางมาจากทำธุระที่ อ.ทุ่งสง จว.นครศรีฯ กับภรรยาและบุตรชาย แล้วมากลับรถที่บริเวณดังกล่าว ได้ถูกคนร้ายซึ่งดักรออยุ่แล้วประมาณ 33 นาที ได้ขับรถติดตามรถของผู้ตายและประกบยิงรถของผู้ตายทางด้านขวา ด้วยอาวุธปืน M16 จนรถเสียหลักตกข้างทาง ก่อนถึงบ้านของผู้ตายเล็กน้อย เป็นเหตุให้มีผู้เสียชีวิต 2 ราย และบุตรชายได้รับบาดเจ็บสาหัส หลังก่อเหตุคนร้ายได้ขับรถหลบหนีไปทางแยกควนเมา อ.รัษฎา แล้วเลี้ยวซ้ายไปทาง ต.วังหิน อ.บางขัน จว.นครศรี แล้วหลบหนีต่อไปอีก 30 นาที จึงขับรถกลับเข้าที่พักที่ อ.ห้วยยอด  ต่อมาวันที่ 10 ก.ย.64 ก่อนเที่ยงวัน จึงมีรถยนต์เก๋งโตโยต้า รุ่นวีออส มานำรถยนต์กรบะมือปืน พากลับไปยัง อ.นาบอน จว.นครศรีฯ          

 

ผบช.ภ.6 ลั่น!! ปราบปรามขบวนการค้ามนุษย์เด็ดขาดร่วมทหาร ฝ่ายปกครอง ตม.ชี้!! มีตัวละครหลายกลุ่มโยงค้ามนุษย์  

(28 ต.ค.​ 64)​ พล.ต.ท.อัคราเดช พิมลศรี ผู้บัญชาการตำรวจภูธรภาค​ 6 พร้อมด้วยคณะ ได้เดินทางไปยังอำเภอแม่สอด จังหวัดตาก​ เพื่อตรวจสอบสถานประกอบการที่ใช้แรงงานต่างด้าวในอำเภอแม่สอด โดยจุดแรกที่ไปตรวจสอบคือ โรงงานทีเคการ์เม้นท์ เป็นสถานประกอบการเย็บผ้า บ้านแม่ตาว ตำบลแม่ตาว มีแรงงานต่างด้าว สัญชาติเมียนมา​ กว่า 2,000 คน โดยมีนายสมชาย ไตรทิพย์ชาติสกุล นายอำเภอแม่สอด นายอำเภอแม่สอด นายชัยวัฒน์ วิฑิตธรรมวงศ์ ฐานะผู้แทนสถานประกอบการ และประธานสภาอุตสาหกรรมจังหวัดตาก นายแพทย์ธวัชชัย เศรษฐศุภพนา ผู้อำนวยการโรงพยาบาลแม่สอด นายเฉลิม กล่อมเกลี้ยง สาธารณสุข​ อ.แม่สอด ผู้แทนหน่วยเฉพาะกิจกรมทหารราบที่ 14 อ.แม่สอด ผู้แทนพัฒนาสังคม และมนุษย์ จ.ตาก สวัสดิการแรงงาน และสังคมจังหวัดตาก รวมทั้งหน่วยงานต่างๆ​ ที่เกี่ยวข้องให้การต้อนรับ จากนั้นได้มีการประชุมรับฟังความคิดเห็น และข้อเสนอแนะต่างๆ  

พล.ต.ท.อัคราเดช กล่าวว่า จะทำการคิกออฟ (Kickoff) พร้อมสร้างโมเดลป้องปราม และปราบปรามขบวนการค้ามนุษย์ และแรงงานต่างด้าวหลบหนีเข้าเมือง ซึ่งเป็นนโยบายของรัฐบาล เพราะวันที่ 1 พ.ย.64 นี้ จะมีการเปิดประเทศ และส่วนที่เกี่ยวข้องกับ​ พรบ.ควบคุมโรคติดต่อด้วย

ส่วนการปฏิบัติต่อจากนี้​ จะดำเนินการใน 4 มิติ คือ​ 1.​การป้องปรามการเชิงรุกโดยบูรณากับทุกหน่วยงานรวมทั้งภาคเอกชนด้วย ในการตรวจสอบ เป็นหูเป็นตา อย่างจริงจัง จริงใจ 2.มีการตั้งทีมสอบสวนร่วมฝ่ายปกครองดำเนินการเรื่องนี้โดยเฉพาะ 3.​สืบสวนปราบปรามจับกุมผู้กระทำผิดกฎหมาย ซึ่งมีข้อมูลตัวละครหลายกลุ่ม และจะพยายามขยายผลติดตามจับกุมผู้ที่ยังฝ่าฝืนหรือมีพฤติกรรมอยู่ โดยจะสาวไปให้ถึงต้นตอรายใหญ่ และ​ 4.มีการปลอบขวัญ เยียวยาเหยื่อของขบวนการค้ามนุษย์ด้วย

ตร.แปดริ้ว รวบแล้ว!! ‘มือปืนโหดยิงสาว 16 เสียชีวิต’ อ้างระบายเครียด หลังทะเลาะกับแฟนทางมือถือ

เมื่อเวลา 15.00 น. วันที่ 29 ต.ค. ที่บริเวณหน้า สภ.เมืองฉะเชิงเทรา พล.ต.ต.อิทธิพร โพธิ์ทอง รอง ผบช.ภ.2 พร้อมด้วย พล.ต.ต.นันทวุฒิ สุวรรณละออง ผบก.ภ.จว.ฉะเชิงเทรา พ.ต.อ.นเรวิช สุคนธวิท พ.ต.อ.ชาตรี สุขศิริ รอง ผบก. พ.ต.อ.ณัฐจักร จันลา ผกก.สภ.เมืองฉะเชิงเทรา พ.ต.ท.เตชทัต เนตรุวงศ์ รอง ผกก. ป.เจ้าหน้าที่ชุดสืบสวน ร่วมกันแถลงข่าว การจับกุม นายวงศ์วรัณ หรือ เอิร์ท วิเขตกิจ อายุ24ปี อยู่บ้านเลขที่ 136/31 หมู่3 ต.ลาดใหญ่ อ.เมือง จ.สมุทรสงคราม ผู้ต้องหาใช้อาวุธปืนยิง น.ส.ประภาศร ฉวีวรรณ  หรือ อิ้ง อายุ 16 ปี อยู่บ้านเลขที่ 36/63 ถ.มหาจักรพรรดิ์ ซ.3 ต.หน้าเมือง อ.เมือง จ.ฉะเชิงเทรา ถึงแก่ความตายโดยเจตนา พร้อมด้วยของกลางที่ใช้ก่อเหตุ ของกลาง อาวุธปืนกึ่งอัตโนมัติ ซีแซด รุ่นรามี่ ขนาด 9 มม. จยย.ยามาฮ่า N-MAX สีดำแดง ทะเบียน 1กฒ-9418 พระนครศรีอยุธยา เหตุเกิดที่ หน้าร้านซ่อมรถ จยย. หน้าพิสิษฐ์แมนชั่น หมู่6 ต.โสธร 

สืบเนื่องจากเมื่อคืนวันที่ 24 ต.ค. ที่ผ่านมา เกิดเหตุการณ์คนร้าย ขับขี่รถจยย. ยามาฮ่า N-MAX สีดำแดง ไม่ทราบทะเบียน ขึ้นไปจอดบนสะพานต่างระดับ บริเวณตรงข้ามธนาคาร ธอส. หน้าหอพักพิศิษฐ์แมนชั่น ถ.สิริโสธร ต.หน้าเมือง ใช้อาวุธปืนขนาด 9มม. ยิงสาดลงมาด้านล่าง ใส่กลุ่มคนที่นั่งคุยกันอยู่บริเวณหน้าร้านซ่อมรถจักรยานยนต์ จำนวน 6นัด ก่อนหลบหนีไป โดยกระสุนปืน 1นัดถูก น.ส.ประภาศร ฉวีวรรณ หรือ อิ้ง อายุ 16 ปี กระสุนถูกบริเวณลำตัว สีข้างด้านซ้าย เพื่อนนำตัวส่ง รพ.เกษมราษฏร์ ฉะเชิงเทรา แต่ทนพิษบาดแผลไม่ไหวเสียชีวิตในเวลาต่อมา

 

ตร. เตือน ‘สายซิ่ง – สายแว้น’ โทษหนัก!! เสี่ยงถูกยึดรถ ส่วนผู้ปกครอง เจ้าของรถและร้านแต่งรถ อาจโดนคดีด้วย!

วันที่ 2 พ.ย. 2564 พ.ต.อ.ศิริวัฒน์ ดีพอ รองโฆษกสำนักงานตำรวจแห่งชาติ กล่าวว่า ตามที่ พล.ต.อ.สุวัฒน์ แจ้งยอดสุข ผบ.ตร. มอบหมายให้ พล.ต.อ.ดำรงศักดิ์ กิตติประภัสร์ รอง ผบ.ตร. เป็นผู้อำนวยการศูนย์ป้องกันและปราบปรามการแข่งรถในทางและความผิดอื่นที่เกี่ยวข้อง (ศปข.ตร.) รับผิดชอบการป้องกันและปราบปรามในความความผิดการแข่งรถในทางฯ และความผิดอื่นที่เกี่ยวข้อง โดยในช่วงระยะเวลา 2 ปี ที่ผ่านมา สำนักงานตำรวจแห่งชาติ ได้มีการดำเนินคดีในความผิดที่เกี่ยวข้อง จำนวนกว่า 1,200,000 ราย และยึดรถที่ใช้ในการกระทำความผิดจำนวนกว่า 320,000 คัน นั้น

สำนักงานตำรวจแห่งชาติ จึงขอเตือนผู้ที่เกี่ยวข้องกับการกระทำความผิดดังกล่าว ให้ทราบถึงข้อกฎหมายที่เกี่ยวข้อง ซึ่งท่านอาจจะต้องถูกดำเนินคดี โดยมีฐานความผิดหลักที่เกี่ยวข้องกับการกระทำความผิดได้แก่

ส่วนของผู้ขับขี่

- ขับรถโดยไม่คำนึงถึงความปลอดภัยหรือความเดือดร้อนของผู้อื่น จำคุกไม่เกิน 3 เดือน หรือปรับตั้งแต่ 2,000 ถึง 10,000 บาท หรือทั้งจำทั้งปรับ ตาม พ.ร.บ.จราจรทางบก พ.ศ. 2522 มาตรา 43(8) ประกอบมาตรา 160

- แข่งรถในทางโดยไม่ได้รับอนุญาต จำคุกไม่เกิน 3 เดือน เดือน หรือปรับตั้งแต่ 2,000 ถึง 10,000 บาท หรือทั้งจำทั้งปรับ  พักใช้หรือเพิกถอนใบอนุญาต ตาม พ.ร.บ.จราจรทางบก พ.ศ. 2522 มาตรา 134 ประกอบมาตรา 160 ทวิ

ส่วนของผู้ปกครอง

- ส่งเสริม หรือยินยอมให้เด็กประพฤติตนไม่สมควร หรือน่าจะทำให้เด็กมีความประพฤติเสี่ยงต่อการกระทำผิด จำคุกไม่เกิน 3 เดือน หรือปรับไม่เกิน 30,000 บาท ตาม พ.ร.บ.คุ้มครองเด็ก พ.ศ. 2546 มาตรา 26(3) ประกอบมาตรา 78

- สนับสนุน ปล่อยปละละเลย ให้เด็กและเยาวชนรวมกลุ่มหรือมั่วสุมเพื่อแข่งรถในทาง เจ้าหน้าที่สามารถตักเตือน ทำทัณฑ์บน หรือให้วางเงินประกัน และหากเด็กและเยาวชนกระทำความผิดซ้ำอีก ต้องระวางโทษจำคุกไม่เกิน 3 เดือน หรือปรับไม่เกิน 30,000 บาท และให้ริบเงินประกัน ตาม คำสั่ง คสช. ที่ 22/2558 มาตรการในการป้องกันและแก้ไขปัญหาการแข่งรถยนต์และรถจักรยานยนต์ในทาง ข้อ 2

ส่วนของเจ้าของรถ

- ส่งเสริม หรือยินยอมให้เด็กประพฤติตนไม่สมควร หรือน่าจะทำให้เด็กมีความประพฤติเสี่ยงต่อการกระทำผิด จำคุกไม่เกิน 3 เดือน หรือปรับไม่เกิน 30,000 บาท ตาม พ.ร.บ.คุ้มครองเด็ก พ.ศ. 2546 มาตรา 26(3) ประกอบมาตรา 78

- เป็นเจ้าของรถหรือคนขับรถยินยอมให้ผู้ซึ่งไม่มีใบอนุญาตขับรถ หรือมีใบอนุญาตขับรถประเภทอื่นที่ใช้แทนกันไม่ได้ เข้าขับรถของตนหรือรถที่ตนเป็นคนขับ ต้องระวางโทษปรับไม่เกิน 2,000 บาท ตาม พ.ร.บ.รถยนต์ พ.ศ. 2522 มาตรา 56 ประกอบมาตรา 60

ส่วนของร้านรับแต่งรถ

- โฆษณา จำหน่าย หรือมีไว้เพื่อจำหน่าย ซึ่งผลิตภัณฑ์อุตสาหกรรม โดยรู้อยู่ว่าไม่เป็นไปตามมาตรฐานอุตสาหกรรม จำคุกไม่เกิน 6 เดือน หรือปรับไม่เกิน 500,000 บาท หรือทั้งจำทั้งปรับ ตาม พ.ร.บ.มาตรฐานผลิตภัณฑ์อุตสาหกรรม พ.ศ. 2511 มาตรา 36 ประกอบมาตรา 55

- ดำเนินกิจการตามประเภทที่มีข้อบัญญัติท้องถิ่นกำหนดให้เป็นกิจการที่ต้องมีการควบคุมตามมาตรา 32 ในลักษณะที่เป็นการค้า จำคุกไม่เกิน 6 เดือน หรือปรับไม่เกิน 50,000 บาท หรือทั้งจำทั้งปรับ ตาม พ.ร.บ.การสาธารณสุข พ.ศ. 2535 มาตรา 33 ประกอบมาตรา 71

- ส่งเสริมหรือสนับสนุนให้มีการแข่งรถในทาง โดยการผลิต ครอบครอง จำหน่าย ประกอบ ดัดแปลงหรือเปลี่ยนแปลงสภาพรถยนต์หรือรถจักรยานยนต์ จำคุกไม่เกิน 6 เดือน หรือปรับตั้งแต่ 2,000 ถึง 20,000 บาท หรือทั้งจำทั้งปรับ ตาม คำสั่ง คสช. ที่ 22/2558 เรื่อง มาตรการในการป้องกันและแก้ไขปัญหาการแข่งรถยนต์และรถจักรยานยนต์ในทาง ข้อ 3

 

ทัพเรือภาคที่ 1 ปูพรมเดินหน้าค้นหา 4 ลูกเรือที่สูญหาย จากเรือประมงอัปปางอย่างต่อเนื่อง ส่งนักประดาน้ำลงจุดเกิดเหตุ คาดติดอยู่ในซากเรือ

จากกรณี เรือประมง อนันตศักดิ์ อับปาง มีเรือประมงด้วยกันสามารถช่วยเหลือลูกเรือประมงที่ลอยคออยู่ในทะเลได้ 3 คน และ ยังมีลูกเรือสูญหายอีก 4 คน คาดว่าน่าจะติดอยู่ภายในซากเรือ เหตุเกิดบริเวณกลางทะเล จังหวัดระยอง แลต 12 องศา 6.9 ลิปดา เหนือ , ลอง 100 องศา 45.5 ลิปดา ตะวันออก เมื่อวันที่ 31 ต.ค.64 และ ศรชล.ภาค 1 ได้ ประสานทัพเรือภาคที่ 1 โดย พลเรือโท พิชัย ล้อชูสกุล ผอ.ศรชล.ภาค 1/ผบ.ทรภ.1 ได้สั่งการให้ เรือ ต.264 จากทัพเรือภาคที่ 1 เดินทางไปยังจุดเกิดเหตุอีกครั้ง พร้อมนักประดาน้ำจำนวน 3 นาย เพื่อดำน้ำค้นหาลูกเรือที่สูญหายทั้ง 4 คน ที่คาดการณ์ว่าน่าจะติดอยู่ภายในซากเรือ อย่างต่อเนื่องนั้น

ล่าสุด เมื่อ 1 พ.ย.64 ผลการค้นหาลูกเรือทั้ง 4 คนที่สูญหาย จากการรายงานของนักประดาน้ำที่ดำน้ำค้นหาทราบว่า การค้นหาเป็นไปด้วยความยากลำบาก เนื่องจากระดับน้ำค่อนข้างลึก 30-40 ม. และมีอวน เชือก และเส้นเอ็นจำนวนมาก ปกคลุมรอบเรือ รัศมีประมาณ 10 ม. เป็นข้อจำกัดและเป็นอันตรายต่อการเข้าไปปฏิบัติงาน ส่งผลให้นักประดาน้ำไม่สามารถเข้าไปสำรวจภายในตัวเรือได้ และจากการสำรวจค้นหาบริเวณภายนอกตัวเรือ ยังไม่พบลูกเรือทั้ง 4 คนดังกล่าว จึงมีความจำเป็นต้อง ขอสนับสนุนอุปกรณ์ และนักประดาน้ำเพิ่มเติมในการตัดอวนและเชือก เพื่อเข้าไปค้นหาลูกเรือที่สูญหายทั้ง 4 คน ภายในตัวเรือ และเชิญหน่วยที่เกี่ยวข้อง ร่วมวางแผนในการค้นหาต่อไป

“บิ๊กเด่น” เตรียม ตร.ประชุมรับมือเลือกตั้ง อบต. พร้อมเตรียมระดมกวาดล้างอาชญากรรม!!

วันนี้ (4 พ.ย. 2564) ที่สำนักงานตำรวจแห่งชาติ (ตร.) พล.ต.อ.สุวัฒน์ แจ้งยอดสุข ผบ.ตร.ได้มอบหมายให้ พล.ต.อ.ดำรงศักดิ์ กิตติประภัสร์ รอง ผบ.ตร. เป็นประธาน ร่วมกับ พล.ต.ท.สราวุฒิ การพานิช ผู้ช่วย ผบ.ตร. และ พล.ต.ท.ภาณุรัตน์ หลักบุญ รอง จตช. ประชุมเตรียมความพร้อมการรักษาความปลอดภัยและความสงบเรียบร้อยการจัดการเลือกตั้งสมาชิกองค์การบริหารส่วนตำบลและนายกองค์การบริหารส่วนตำบล หรือการเลือกตั้ง อบต. กับหน่วยงานในสังกัดสำนักงานตำรวจแห่งชาติ

พล.ต.อ.ดำรงศักดิ์ กล่าวว่า ได้กำชับการปฏิบัติของเจ้าหน้าที่เกี่ยวข้องให้ดำเนินการตามมาตรการต่าง ๆ ดังนี้

1. มีการติดตามสถานการณ์ด้านการข่าวและเฝ้าระวังบุคคลหรือกลุ่มที่อาจเข้ามาก่อเหตุความรุนแรงและดูแลรักษาความสงบเรียบร้อยในพื้นที่มิให้เกิดเหตุการณ์กระทบกระทั่งระหว่างผู้สมัครเกิดเหตุประทุษร้ายต่าง ๆ หรือการกระทำผิดกฎหมายต่าง ๆ

2. จัดชุดป้องกันปราบปรามการกระทำผิดกฎหมายเลือกตั้ง ออกตรวจตราสอดส่องป้องกันมิให้มีการกระทำความผิดกฎหมายในช่วงโค้งสุดท้ายตามพ.ร.บ.การเลือกตั้งสมาชิกท้องถิ่นหรือผู้บริการท้องถิ่น พ.ศ.2562 และตามประมวลกฎหมายอาญา เช่น การทำลายป้ายผู้สมัครรับเลือกตั้ง การซื้อสิทธิขายเสียงทั้งนี้ได้สั่งการให้ตำรวจภูธรภาคประสานการปฏิบัติกับทุกหน่วยที่เกี่ยวข้องเพื่อบูรณาการกำลังเจ้าหน้าที่ตำรวจพื้นที่ในการดูแลความสงบเรียบร้อยการจัดการเลือกตั้งให้เป็นไปอย่างมีประสิทธิภาพ

3. ให้มีการระดมกวาดล้างอาชญากรรมและความผิดเกี่ยวกับอาชญากรรมทางเทคโนโลยีทั่วประเทศในห้วงวันที่ 11-20 พ.ย.64 (10 วัน)

4. อำนวยความสะดวกแก่ประชาชนที่เดินทางใช้สิทธิเลือกตั้งโดยเฉพาะการจัดการจราจรให้เป็นไปด้วยความเรียบร้อย

5. กำชับตำรวจในการรักษาความปลอดภัยประจำหน่วยเลือกตั้ง ชุดเคลื่อนที่เร็ว เพื่อเข้าระงับเหตุ

การรักษาความปลอดภัยในการขนย้ายหีบบัตรเลือกตั้งให้เป็นไปด้วยความเรียบร้อยไม่มีเหตุการณ์ที่รุนแรงหรือกระทบต่อการจัดการเลือกตั้ง

6. มีการประชาสัมพันธ์ข้อห้ามหรือกฎหมายต่าง ๆ ที่เกี่ยวข้อง เพื่อให้ประชาชนเข้าใจและปฏิบัติตามกฎหมาย

 

ตร.เตือน!! อย่าเชื่อ แก๊ง Call Center โทรขู่ อ้างเป็น “โฆษกตำรวจ” หลอกให้โอนเงิน!!

5 พ.ย.64 พล.ต.ต.ยิ่งยศ เทพจํานงค์ โฆษก ตร. เผยว่า จากกรณีที่มีผู้เสียหาย มาพบพนักงานสอบสวน แจ้งความร้องทุกข์ ว่าถูกคนร้ายแก๊งคอลเซ็นเตอร์ ได้โทรหาผู้เสียหาย แล้วแจ้งว่าผู้เสียหายนั้นมีส่วนร่วมในกระบวนการฟอกเงิน หลังจากที่ผู้เสียหายไม่เชื่อ ก็ได้มีการโอนสายให้กับผู้ชายคนหนึ่งซึ่งอ้างตัวเป็น “พล.ต.ต.ยิ่งยศ เทพจำนงค์” หรือ “พ.ต.ท.ยิ่งยศ เทพจำนงค์” โฆษก ตร. และเมื่อผู้เสียหายหลงเชื่อจึงได้ทำการโอนเงินไปให้กับบัญชีของคนร้าย ซึ่งการกระทำดังกล่าว เป็นการแอบอ้างชื่อให้ประชาชนหลงเชื่อ จึงขอให้ผู้ที่ได้รับสายในลักษณะดังกล่าวนี้ “มีสติ อย่าหลงเชื่อ” ตามคำกล่าวอ้างของคนร้าย และอยากแจ้งเตือนไปยังผู้ที่กระทำความผิดว่าการกระทำดังกล่าวนั้นเป็นความผิดตามกฎหมาย มีโทษหนักถึงขั้นจำคุก ตามประมวลกฎหมายอาญา

มาตรา 209 ผู้ใดเป็นสมาชิกของคณะบุคคลซึ่งปกปิดวิธีดำเนินการและมีความมุ่งหมายเพื่อการอันมิชอบด้วยกฎหมาย ผู้นั้นกระทำความผิดฐานเป็น “อั้งยี่”  ต้องระวางโทษจำคุกไม่เกิน 7 ปี และปรับไม่เกิน 140,000 บาท ถ้าผู้กระทำความผิดเป็นหัวหน้า ผู้จัดการหรือผู้มีตำแหน่งหน้าที่ในคณะบุคคลนั้น ผู้นั้นต้องระวางโทษจำคุกไม่เกิน 10 ปี และ ปรับไม่เกิน 200,000 บาท

มาตรา 210 ผู้ใดสมคบกันตั้งแต่ 5 คนขึ้นไป เพื่อกระทำความผิดอย่างหนึ่งอย่างใดตามที่บัญญัติไว้ในภาค 2 นี้ และความผิดนั้นมีกำหนดโทษจำคุกอย่างสูงตั้งแต่ 1 ปี ขึ้นไป ผู้นั้นกระทำความผิดฐานเป็น “ซ่องโจร” ต้องระวางโทษจำคุกไม่เกิน 5 ปี หรือปรับไม่เกิน 100,000 บาท หรือทั้งจำทั้งปรับ ถ้าเป็นการสมคบเพื่อกระทำความผิด ที่มีระวางโทษถึงประหารชีวิต จำคุกตลอดชีวิต หรือจำคุกอย่างสูงตั้งแต่ 10 ปีขึ้นไป ผู้กระทำต้องระวางโทษจำคุกตั้งแต่ 2 ปี ถึง 10 ปี และปรับตั้งแต่ 40,000 บาท ถึง 200,000 บาท

โฆษก ตร.เตือนภัย!! มิจฉาชีพ ปลอม LINE “หน่วยงานตำรวจ” หลอกโอนเงิน

8 พ.ย.64 พล.ต.ต.ยิ่งยศ เทพจํานงค์ โฆษก ตร. เผยว่า จากกรณีมีประชาชนหลายรายแจ้งว่าได้รับการติดต่อทางโทรศัพท์จากบุคคลไม่ทราบชื่อซึ่งได้แอบอ้างว่าเป็นเจ้าหน้าที่ตำรวจทำงานอยู่ที่สถานีตำรวจภูธรพนัสนิคม บุคคลดังกล่าวได้แจ้งต่อผู้ได้รับการติดต่อว่า จะให้ความดูแลและช่วยเหลืออำนวยความสะดวก เรื่องการชำระเงินค่าปรับตามใบสั่งและเรื่องคดีต่าง ๆ ได้ แต่ประชาชนผู้ได้รับการติดต่อจะต้องเข้าร่วมกลุ่มไลน์ Line Accout ชื่อ สภ.ภูธรพนัสนิคม หลอกลวงให้โอนเงินชำระค่าปรับ หลังจากได้รับเงินแล้ว ก็ไม่สามารถติดต่อได้ นั้น

โฆษก ตร. ขอแจ้งเตือนไปยังพี่น้องประชาชนว่า ไลน์ดังกล่าวนั้นไม่ใช่ของทางสำนักงานตำรวจแห่งชาติหรือสถานีตำรวจที่ถูกกล่าวอ้างแต่อย่างใด ขอให้พี่น้องประชาชนอย่าได้หลงเชื่อกรอกข้อมูลกับไลน์ปลอมดังกล่าว เพราะว่าอาจจะถูกขบวนการปลอมไลน์ขโมยข้อมูลเพื่อนำไปใช้ในทางที่เสียหายได้ และขอเตือนไปยังผู้ที่ร่วมขบวนการหลอกลวงทำไลน์ปลอมของสถานีตำรวจว่า การกระทำดังกล่าวนั้นเป็นความผิดตามกฎหมาย มีโทษหนักถึงขั้นจำคุก ตามประมวลกฎหมายอาญามาตรา 341 ผู้ใดโดยทุจริต หลอกลวงผู้อื่นด้วยการแสดงข้อความอันเป็นเท็จ หรือปกปิดข้อความจริง ซึ่งควรบอกให้แจ้ง และโดยการหลอกลวงดังว่านั้นได้ไปซึ่งทรัพย์สินจากผู้ถูกหลอกลวงหรือบุคคลที่สาม หรือทำให้ผู้ถูกหลอกลวงหรือบุคคลที่สาม ทำ ถอน หรือทำลายเอกสารสิทธิ ผู้นั้นกระทำความผิดฐานฉ้อโกง ต้องระวางโทษจำคุกไม่เกิน 3 ปี หรือปรับไม่เกิน 60,000 บาท หรือทั้งจำทั้งปรับ มาตรา 343 ถ้าการกระทำความผิดตามมาตรา 341 ได้กระทำด้วยการแสดงข้อความอันเป็นเท็จต่อประชาชน หรือด้วยการปกปิดความจริงซึ่งควรบอกให้แจ้งแก่ประชาชน ผู้กระทำต้องระวางโทษจำคุก ไม่เกิน 5 ปี หรือปรับไม่เกิน 100,000 บาท หรือทั้งจำทั้งปรับ

 


© Copyright 2021, All rights reserved. THE STATES TIMES
Take Me Top