รวบแล้ว..!! "ผบช.ภ.7" แถลง #รวบสาวมือเผาโกดังเก็บน้ำมัน สารภาพสิ้นหลังสอบเค้น พบพิรุธ อ้างเหตุแค้นนายจ้างด่า

1 ธันวาคม 2564 สภ.โพธิ์แก้ว ต.ท่าตลาด อ.สามพราน จ.นครปฐม พล.ต.ท.ธนายุตม์ วุฒิจรัสธำรงค์ 

ผบช.ภ.7 พร้อมเจ้าหน้าที่ตำรวจที่เกี่ยวข้องได้ร่วมกันแถลงข่าวการจับกุมตัวผู้ต้องหา นางสาวสิราสินี หรือแอน ศรียา อายุ 38 ปี ซึ่งต้องหาว่ากระทำความผิดฐาน​ "วางเพลิงเผาทรัพย์ของผู้อื่น ซึ่งทรัพย์นั้นเป็นโรงเรือนที่เก็บสินค้า, แจ้งความเท็จ (รู้ว่ามิได้มีการกระทำความผิดเกิดขึ้น แจ้งข้อความแก่พนักงานสอบสวนหรือเจ้าพนักงานผู้มีอำนาจสืบสวนคดีอาญาว่าได้มีการกระทำ และแจ้งความเท็จเกี่ยวกับความผิดอาญาแก่พนักงานสอบสวน ซึ่งอาจทำให้ผู้อื่นหรือประชาชนเสียหาย"

พล.ต.ท.ธนายุตม์ กล่าวว่า คดีนี้เหตุเกิด เมื่อวันที่ 24 พ.ย.2564 เวลาประมาณ 12.15 น. ได้มีเหตุเพลิงไหม้โกดังสำหรับเก็บน้ำมันของบริษัท ประภากรออยล์ จำกัด เลขที่ 26/15 หมู่ที่ 2 ต.อ้อมใหญ่ อ.สามพราน จ.นครปฐม    ซึ่งต่อมา เจ้าหน้าที่ตำรวจ สภ.โพธิ์แก้ว พร้อมด้วยฝ่ายปกครอง และหน่วยงานที่เกี่ยวข้องได้ร่วมกันบริหารเหตุการณ์ฉุกเฉิน โดยใช้รถดับเพลิงประมาณ 40 คัน และสามารถดับเพลิงได้ ในเวลาประมาณ 16.00 น. (รวมประมาณ 4 ชม.) 

ซึ่งตรวจสอบพบว่ามีผู้ได้รับบาดเจ็บจากเหตุการณ์ครั้งนี้ จำนวน 1 คน คือ น.ส.สิราสินี หรือแอน ศรียา ซึ่งเป็นพนักงานของบริษัทฯ ตำแหน่งหัวหน้าแผนกคลังสินค้า ให้การว่าขณะที่ตนเองทำหน้าที่ตรวจนับคลังสินค้าอยู่ ได้พบกับคนร้ายเป็นชาย 2 คนที่เข้ามาก่อเหตุวางเพลิง และถูกทำร้าย ก่อนจะหลบหนีไป

ต่อมาเจ้าหน้าที่ตำรวจได้ตรวจสอบพยานหลักฐานในที่เกิดเหตุ ประกอบการซักถามผู้ต้องหา พบมีพิรุธ จึงได้ทำการสอบสวนจนรับสารภาพว่าเป็นผู้ก่อเหตุวางเพลิงโกดังเก็บน้ำมันจริง โดยใช้ไฟแช็คจุดกระดาษแล้ววางไว้ในกล่องกระดาษบรรจุน้ำมันหล่อลื่นจำนวน 2 จุด จนเกิดเพลิงไหม้ดังกล่าว ไม่ได้มีคนร้ายเป็นชาย 2 คนตามที่ได้ให้การในครั้งแรกแต่อย่างใด สาเหตุเกิดจากความคับแค้นที่ถูกนายจ้างดุด่า จึงได้ทำการจับกุมตัวส่งพนักงานสอบสวนดำเนินคดีตามกฎหมายต่อไป

ในการปฏิบัติในครั้งนี้เจ้าหน้าที่ตำรวจที่เกี่ยวข้อง ได้ร่วมบูรณาการกำลังตามหลักการ “กัดไม่ปล่อย ล่าไม่ถอย คอยไม่เลิก” จนกระทั่งสามารถติดตามจับกุมตัวผู้ต้องหาได้ในทันที การปฏิบัติการดังกล่าวของเจ้าหน้าที่ตำรวจในครั้งนี้จึงถือเป็นการสร้างความเชื่อมั่นและศรัทธาต่อเจ้าหน้าที่ตำรวจในการพิทักษ์และรับใช้ประชาชนอย่างแท้จริง

ในนามของตำรวจภูธรภาค 7 ได้ฝากถึงผู้เสียหายว่า​ ตำรวจทำงานอย่างเต็มที่เพื่อคืนความเป็นธรรมให้กับผู้เสียหาย โดยทั้งนี้ ผู้บัญชาการตำรวจภูธรภาค 7 ขอชมเชยพร้อมทั้งขอขอบคุณเจ้าหน้าที่ที่มีส่วนเกี่ยวข้องทุกท่าน ที่ได้ทำงานด้วยความวิริยะ อุตสาหะ เสียสละ เพื่อสร้างความเชื่อมั่นให้สังคมส่วนรวม และขอให้รักษาความดีนี้ไว้สืบต่อไป​ "ผบช.ภ.7 กล่าว"