Monday, 26 May 2025
SPECIAL

สุโขทัย - อบจ.สุโขทัย สนับสนุนวัสดุ อุปกรณ์ และครุภัณฑ์ทางการแพทย์ สำหรับใช้ในโรงพยาบาลสนาม

วันนี้ (25 พค.64) นายมนู พุกประเสริฐ นายก อบจ.สุโขทัย เป็นประธานในการส่งมอบวัสดุ อุปกรณ์ และครุภัณฑ์ทางการแพทย์ ให้กับสำนักงานสาธารณสุขจังหวัดสุโขทัย ประกอบด้วยเครื่องวัดความดัน โลหิต สอดแขนอัตโนมัติ จำนวน 2 เครื่อง เครื่องวัดความดันโลหิตอัตโนมัติ จำนวน 10 เครื่อง เครื่องวัด O2 sat จำนวน 20 เครื่อง เครื่องวัดอุณหภูมิอัตโนมัติ จำนวน 30 เครื่อง เครื่องวัดอุณหภูมิอินฟราเรด จำนวน 4 เครื่อง เครื่องคอมพิวเตอร์พร้อมอุปกรณ์ จำนวน 2 ชุด เครื่องปริ้นท์เอกสาร จำนวน 2 เครื่อง และเครื่องสแกนเนอร์ จำนวนอีก 1 เครื่อง  นอกจากนี้ยังมีกล้องวงจรปิดอีก จำนวน 13 ตัว พร้อมติดตั้ง เพื่อสะดวกต่อการดูแลผู้ป่วยและผู้เข้าออกภายในโรงพยาบาลสนาม ดำเนินงานในงบประมาณ 444,000 บาท เพื่อใช้ในโรงพยาบาลสนาม และเตรียมการป้องกันการแพร่ระบาดของโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 (โควิด-19)

นายก อบจ.สุโขทัย กล่าวว่าขอเป็นกำลังใจและให้ความร่วมมือส่งเสริมช่วยเหลือ ในการดำเนินการของโรงพยาบาลสนามต่าง ๆ ของเรา จะเห็นภาพบุคคลากรทางการแพทย์ พยาบาล หน่วยงานสาธารณสุขต่าง ๆ ทำงานช่วยเหลือพี่น้องประชาชนชาวไทยที่กำลังเจอกับวิกฤตโควิด-19 กันอย่างหนักหน่วง บางรายถึงกับต้องนอนพักที่โรงพยาบาลไม่ได้กลับบ้าน โรงพยาบาลสนาม รวมถึงเครื่องมือต่าง ๆ ที่จำเป็นที่ต้องร่วมช่วยกันในครั้งนี้

โดยมีนายแพทย์ปองพล วรปาณิ นายแพทย์สาธารณสุขจังหวัดสุโขทัย นายแพทย์มาโนช อู่วุฒิพงษ์ ผู้อำนวยการโรงพยาบาลสุโขทัย พร้อมด้วยคณะผู้บริหาร หัวหน้าส่วนราชการ บุคลากรในสังกัด อบจ.สุโขทัย และ สสจ.สุโขทัย เข้าร่วมรับมอบ วัสดุ อุปกรณ์ และครุภัณฑ์ทางการแพทย์ในครั้งนี้ ณ โรงพยาบาลสนาม (อาคารชวนชม) มหาวิทยาลัยการกีฬาแห่งชาติ วิทยาเขตสุโขทัย


ภาพ/ข่าว  สุริยา ด้วงมา จ.สุโขทัย

ขอนแก่น - แม่ค้าอาหารทะเลขอนแก่นเผย 'เราชนะ'รอบใหม่ยอดขายลดลง คาดยอดเงินน้อยกว่าครั้งก่อน ทำให้ประชาชนระมัดระวังการใช้จ่ายมากขึ้น

เมื่อเวลา 09.30 น. วันที่ 25 พ.ค.2564 ผู้สื่อข่าวรายงานบรรยากาศการเลือกซื้อสินค้าอาหารทะเลสดภายในโซนอาหารทะเล ตลาดรถไฟ หน้าสถานีรถไฟ เขตเทศลบาลนครขอนแก่น ภายหลังจากที่รัฐบาลได้โอนเงิน โครงการเราชนะ,บัตรสวัสดิการแห่งรัฐ และ ตามมาตร 33 ของผู้ประกันตนงวดแรกเสร็จสิ้นแล้วไปเมื่อวันที่ 20 และ 21 พ.ค.ที่ผ่านมา รายละ 1,000 บาท โดยบรรยากาศโดยทั่วไปพบว่ามีประชาชนเข้ามาใช้จ่ายตามสิทธิ์ที่ได้รับอย่างต่อเนื่อง

นางชลธิชา นามมูลตรี เจ้าของร้านลูกยายหลวย ตลาดรถไฟขอนแก่น กล่าวว่า ปกติร้านเปิดให้บริการตั้งแต่เวลา 05.30 – 19.30 น. ซึ่งหลังจากที่ชาวขอนแก่นที่ได้รับสิทธิ์ได้รับการโอนเงินมาตั้งแต่วันที่ 20 พ.ค.พบว่ามีการมาจับจ่ายซื้ออาหารทะเลที่ร้านจำนวนมากกว่าช่วงเวลาปกติ โดยส่วนใหญ่จะมาซื้อในช่วงเย็นหลังเลิกงาน แต่ก็พบว่ามีพฤติกรรมการซื้อที่ต่างจากโครงการเราชนะครั้งที่ผ่านมาที่รับเงิน 7,000 และ 4,000 บาท

"เห็นได้ชัดว่าส่วนใหญ่ซื้อจำนวนลดน้อยลง เพราะวงเงินที่ได้เพียงครั้งละ 1,000 บาท ทำให้การบริหารจัดการต้องเป็นไปอย่างรัดกุม และคาดว่าส่วยใหญ่น่าจะเก็บไว้ใช้ซื้อสิ่งของใช้จำเป็น อย่างไรก็ตาม โครงการดังกล่าวช่วยกระตุ้นยอดขายได้เป็นอย่างดี แม้ว่ารอบแรกจะมียอดซื้อผ่านโครงการเราชนะหลายหมื่นบาทต่อวัน แต่มาครั้งนี้มียอดผ่านเราชนะหลักพันต่อวันซึ่งก็ยังคงจัดว่าเป็นโครงการที่ดี ที่ช่วยพ่อค้า-แม่ค้าและผู้บริโภคได้เป็นอย่างมาก"

คุมตัว 2 พี่น้อง ‘บังกิบหลี’ และ ‘บังกอหนี’ ผู้ต้องหาร่วมขบวนฆ่า นายสุชาติ ส่งฝากขังที่เรือนจำจังหวัดกระบี่ หลังศาลอนุมัติฝากขังผลัดแรก เบื้องต้น บังกิบหลี ยังปฏิเสธ “ลั่นผมไม่ได้ทำ ผมไม่ได้ยิง”

วันที่ 25 พ.ค.64 เจ้าหน้าที่ชุดปฏิบัติการพิเศษ กก.สส.ภ.8 ชุดสืบสวน ภ.จว.กระบี่ คุมตัวนายสุรชัย หรือบังกิบหลี เริงสมุทร และนายสุริยันต์หรือบังกอหนี เริงสมุทร น้องชาย สองผู้ต้องหาคนสำคัญในคดี สังหารโหดนายสุชาติ ขาวล้วน เจ้าของร้านอาหารและฟิชชิ่ง ใน อ.ลำทับ จ.กระบี่ ออกจาก ห้องขัง สภ.อ่าวนาง จ.กระบี่ ไปยังเรือนจำจังหวัดกระบี่ หลังเสร็จสิ้นการสอบปากคำเมื่อช่วงเช้าที่ผ่านมา โดยนายกอหนี น้องชาย ยอมเปิดปากรับสารภาพกับพนักงานสอบสวน ว่าได้ช่วยฝังศพ และฝังรถนายสุชาติด้วย หลังจนท.สอบปากคำ ร่วม 5 ชั่วโมง เมื่อคืนที่ผ่านมา แต่ไม่สมัครใจทำแผน ส่วนบังกิบหลี พี่ชายยังให้ดการปฏิเสธ และขอให้กาในชั้นศาลเท่านั้น จนท.จึงได้ขออนุมัติศาลฝากขังผ่านวีดีโอคอนเฟอเร้นซ์ และศาลจังหวัดกระบี่ก็ได้อนุมัติฝากขังเมือช่วงก่อนเที่ยงที่ผ่านมา

ทั้งนี้ระหว่างที่จนท. คุมตัวนายกิบหลี ขึ้นรถ  อีโอดี ผู้สื่อข่าวได้สอบถาม ว่า ยอมรับหรือไม่ว่าเป็นคนลงมือยิง นายสุชาติ ตามที่พยานให้การซัดทอด บังกิบหลี บอกว่า “ผมไม่รู้ ผมไม่ได้ทำ ผมไม่ได้ยิง ครับ”จากนั้น เจ้าหน้าที่นำตัวขึ้น รถ อีโอดี ไปฝากขังที่ เรือนจำจังหวัดกระบี่

ขณะที่นางอารักษ์ ทับไทร อายุ 34 ปี ลูกสาวนายสุชาติ ขาวล้วน พร้อมด้วย นายชูวงศ์ มณีกุล ทนายความเดินทางไปที่ศาลจังหวัดกระบี่ เพื่อยื่นเอกสารเพิ่มเติมในการคัดค้านการประกันตัวบังฟิตและพวก ถูกข่มขู่ ว่าหากมีการติดตาม หรือแจ้งความ จะฆ่าทั้งครอบครัว เนื่องจาก เกรงว่ากากกลุ่มของบังฟิต ได้ประกันตัวจะไม่ปลอดภัยในชีวิตและทรัพย์สิน

นายชูวงศ์ มณีกุล ทนายความ ระบุว่า ปมการสังหารอย่างโหดเหี้ยม ครั้งนี้ มาจากความยัดแย้ง ระหว่างนายสุชาติ ขาวล้วน กับ นายสุริยา เริงสมุทร (บังฟิต) เกี่ยวกับธุรกิจมืด ไม่ใช่จากเรื่องเงิน 3 แสน ที่บังฟิตอ้าง เรียกร้องให้เจ้าหน้าที่ สืบสวน อย่างจริงจังกับขบวนการธุรกิจมืดกลุ่มนี้เชื่อว่ามีกลุ่มผู้กว้างขวาง ในพื้นที่อยู่เบื้องหลังหลายคน

นางอารักษ์ ทับไทร ลูกสาวนายสุชาติ เปิดเผยว่า แม้ว่าเจ้าหน้าที่จับกุมตัวกลุ่มผู้ก่อเหตุได้ ทั้งหมดแล้วแต่ยังไม่ เผาศพพ่อ เนื่องจากต้องรอ ผลชันสูจน์  และ เอกสารต่าง ๆ ก่อน โดยพอใจกับการทำงานของเจ้าหน้าที่ที่ สามารถจับกุมกลุ่มผู้ก่อเหตุได้ทั้งหมด


ภาพ/ข่าว  ณัฏฐพงษ์ ศรีปล้อง รายงาน

เชียงใหม่ - ผบช.ภ.5 และ ประธานชมรมแม่บ้านตำรวจภูธรภาค 5 ตรวจเยี่ยมหน่วยฉีดวัคซีนฯ พร้อมมอบสิ่งของบำรุงขวัญแก่เจ้าหน้าที่ผู้ปฏิบัติหน้าที่

วันที่ 25 พฤษภาคม 2564 เวลา 11.30 น.พล.ต.อ.สุวัฒน์ แจ้งยอดสุข ผบ.ตร. มีความห่วงใยข้าราชการตำรวจที่ต้องปฏิบัติหน้าที่เสี่ยงต่อการต่อเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 จึงได้สั่งการให้ พล.ต.อ.เพิ่มพูน ชิดชอบ ที่ปรึกษาพิเศษ สำนักงานตำรวจแห่งชาติ /ประธานคณะทำงานการจัดหาและฉีดวัคซีนฯ พิจารณาจัดสรรวัคซีนเป็นพิเศษ เพื่อฉีดให้ข้าราชการตำรวจ จำนวน 1,600 นาย  และเพิ่มเติมที่ได้รับการจัดสรรจากสาธารณสุขจังหวัดเชียงใหม่ จำนวน 3,500 นาย  รวมเป็นจำนวน 5,100 นาย ให้แก่ข้าราชการตำรวจในพื้นที่จังหวัดเชียงใหม่ ซึ่งเป็นพื้นที่ควบคุมสูงสุดและเข้มงวด 

พล.ต.ท.ประจวบ วงศ์สุข ผบช.ภ.5 และ ผศ.พรพิมล วงศ์สุข ประธานชมรมแม่บ้านตำรวจภูธรภาค 5  ได้เดินทางมาตรวจเยี่ยมหน่วยฉีดวัคซีนฯ พร้อมมอบสิ่งของบำรุงขวัญแก่เจ้าหน้าที่ผู้ปฏิบัติหน้าที่ โดยมี พล.ต.ต.บัณฑิต ตุงคะเศรณี รอง ผบช.ภ.5, พล.ต.ต.พิเชษฐ จีระนันตสิน ผบก.ภ.จว.เชียงใหม่, พล.ต.ต.วีรชน บุญทวี ผบก.สส.ภ.5, พล.ต.ต.นพดล กรึงไกร ผบก.อก.ภ.5, และคณะชมรมแม่บ้านตำรวจภูธรภาค 5 เข้าร่วมตรวจเยี่ยมฯ ณ โรงพยาบาลดารารัศมี อ.แม่ริม จ.เชียงใหม่


ภาพ/ข่าว  นภาพร / เชียงใหม่

กาญจนบุรี - เดินหน้าพัฒนาพลังน้ำแบบสูบกลับ พลังงานทดแทนเป็นมิตรกับสิ่งแวดล้อม แบตเตอรี่พลังน้ำเสริมความมั่นคงระบบไฟฟ้าแห่งอนาคต

กฟผ. เดินหน้าศึกษาความเหมาะสมพื้นที่ทั่วประเทศ สำหรับพัฒนาโรงไฟฟ้าพลังน้ำแบบสูบกลับ เพื่อผลิตไฟฟ้ารองรับความต้องการในรูปแบบแหล่งพลังงานสำรอง ซึ่งเป็นระบบกักเก็บพลังงาน หรือ Energy Storage System (ESS) ที่ช่วยเติมเต็มให้กับโครงข่ายระบบไฟฟ้าของประเทศให้มีความมั่นคงมากยิ่งขึ้น

โรงไฟฟ้าพลังน้ำแบบสูบกลับ เป็นระบบกักเก็บพลังงานชนิดหนึ่งที่ถูกคิดค้นบนพื้นฐานความคิดในการจัดการกระแสไฟฟ้าส่วนเกิน เพราะโดยปกติการใช้ไฟฟ้าในช่วงกลางคืนที่ค่อนดึกไปแล้วนั้นจะมีการใช้ไฟฟ้าลดลง ทำให้มีกำลังการผลิตไฟฟ้าเหลือในระบบ ดังนั้น การทำงานของโรงไฟฟ้าพลังน้ำแบบสูบกลับเป็นโรงไฟฟ้าที่มีอ่างเก็บน้ำสองส่วนคือ อ่างเก็บน้ำส่วนบน และอ่างเก็บน้ำส่วนล่าง น้ำจะถูกปล่อยจากอ่างเก็บน้ำลงมาเพื่อหมุนกังหันและเครื่องกำเนิดไฟฟ้า โดยสามารถตอบสนองผลิตไฟฟ้าได้ทันที เมื่อต้องการผลิตไฟฟ้าเสริมเข้าระบบในกรณีเร่งด่วน ขณะที่โรงไฟฟ้าทั่วไปต้องใช้เวลาเริ่มเดินเครื่องกว่า 2-4 ชั่วโมง และในช่วงที่ความต้องการใช้ไฟฟ้าต่ำหรือน้อยลง จะใช้ไฟฟ้าที่เหลือในระบบจ่ายให้กับปั๊มน้ำขนาดใหญ่ที่ติดตั้งอยู่ในอ่างเก็บน้ำส่วนล่าง เพื่อสูบน้ำจากอ่างเก็บน้ำส่วนล่างนี้กลับขึ้นไปเก็บไว้ที่อ่างเก็บน้ำส่วนบนเพื่อใช้ในการผลิตไฟฟ้าต่อไป

ปัจจุบันการไฟฟ้าฝ่ายผลิตแห่งประเทศไทย (กฟผ.) มีโรงไฟฟ้าพลังน้ำแบบสูบกลับ 3 แห่ง ได้แก่ 1) เขื่อนศรีนครินทร์ เครื่องที่ 4-5 จังหวัดกาญจนบุรี กำลังผลิตเครื่องละ 180 เมกะวัตต์ รวมแล้วมีกำลังผลิต 360 เมกะวัตต์ 2) เขื่อนภูมิพล เครื่องที่ 8 จังหวัดตาก กำลังผลิต 171 เมกะวัตต์ และ 3) โรงไฟฟ้าลำตะคองชลภาวัฒนา เครื่องที่ 1-4 กำลังผลิตเครื่องละ 250 เมกะวัตต์ รวมแล้วมีกำลังผลิต 1,000 เมกะวัตต์

ทั้งนี้ กฟผ. ได้ดำเนินการศึกษาความเหมาะสมของพื้นที่ทั่วประเทศในการก่อสร้างโรงไฟฟ้าพลังน้ำแบบสูบกลับ โดยมีโครงการสำรวจและศึกษาโรงไฟฟ้าพลังน้ำแบบสูบเป็นผู้สำรวจพื้นที่และศึกษาความเหมาะสม ปัจจุบันโครงการกำลังอยู่ระหว่างการศึกษาและจัดทำรายงานการประเมินผลกระทบสิ่งแวดล้อม (Environmental Impact Assessment: EIA ) โครงการโรงไฟฟ้าพลังน้ำจุฬาภรณ์แบบสูบกลับ จ.ชัยภูมิ เพื่อเป็นทางเลือกในการผลิตไฟฟ้าและสร้างความมั่นคงทางพลังงานไฟฟ้าของภาคตะวันออกเฉียงเหนือ ซึ่งเป็นโครงการพัฒนาโรงไฟฟ้าพลังน้ำแบบสูบกลับแห่งที่ 2 ในภาคอีสาน ต่อจากโรงไฟฟ้าลำตะคองชลภาวัฒนา อำเภอปากช่อง จังหวัดนครราชสีมา

โรงไฟฟ้าพลังน้ำแบบสูบกลับถือเป็นระบบเก็บกับพลังงานที่มีต้นทุนต่ำสุดในปัจจุบัน สำหรับระบบไฟฟ้าขนาดใหญ่ (Grid System) เมื่อเทียบกับวิธีการอื่น ๆ นับเป็นการบริหารจัดการพลังงานไฟฟ้าให้มี

ประสิทธิภาพสูงสุด สามารถตอบสนองต่อความต้องการไฟฟ้าช่วงที่เพิ่มสูงขึ้นอย่างรวดเร็วเพื่อรักษาเสถียรภาพของระบบไฟฟ้า อีกทั้งพัฒนาเป็นแหล่งท่องเที่ยวแห่งใหม่แหล่งเรียนรู้ด้านพลังงาน ช่วยเพิ่มรายได้ของชุมชนอีกทางหนึ่ง

นรข. คุมเข้มเฝ้าระวังป้องกันการลักลอบเข้าเมือง ในสถานการณ์โควิด - 19

การปฏิบัติหน้าที่ในการเฝ้าระวังป้องกันการลักลอบเข้าเมืองโดยผิดกฎหมายมีหลายหน่วยด้วยกันที่รับผิดชอบ และหนึ่งในนั้นก็คือหน่วยเรือรักษาความสงบเรียบร้อยตามลำแม่น้ำโขง เรามาดูว่าทางหน่วยงานมีแนวทางการปฏิบัติอย่างไร ในการควบคุมสถานการณ์ในขณะนี้

พลเรือตรี จรัสเกียรติ ไชยพันธุ์ ผู้บัญชาการหน่วยเรือรักษาความสงบเรียบร้อยตามลำแม่น้ำโขง เปิดเผยว่า ปกติบางท่านอาจจะเข้าใจว่า หน่วยเรือรักษาความสงบเรียบร้อยตามลำแม่น้ำโขง (นรข.) รับผิดชอบเฉพาะแถวภาคอีสานอย่างเดียว จริงๆ แล้ว นรข. เป็นหน่วยเฉพาะกิจของกองทัพเรือ มีพื้นที่รับผิดชอบตลอดแนวลำแม่น้ำโขง ตั้งแต่ภาคเหนือจนถึงภาคตะวันออกเฉียงเหนือ จะมี นรข. อยู่ด้วยกัน 4 เขต คือ เขตเชียงราย เขตหนองคาย เขตนครพนม และ เขตอุบลราชธานี รับผิดชอบแบ่งพื้นที่กันไป โดยสถานการณ์การลักลอบเข้าเมืองโดยผิดกฎหมายในพื้นที่ นรข.เขตนครพนม มีการลักลอบเข้าเมืองโดยผิดกฎหมายอยู่แต่ไม่มากนัก

จากสถิติในปีงบประมาณนี้ มีการกระทำผิดแล้วทั้งหมด 8 ครั้ง จับกุมผู้ลักลอบเข้าเมืองโดยผิดกฎหมายได้ 23 คน เป็นราษฎรชาวไทย 4 คนซึ่งเป็นผู้นำพาและเป็นราษฎรชาวลาว 19 คน แต่สถานการณ์ภาพรวมของการลักลอบเข้าเมืองโดยผิดกฎหมายตลอดลำแม่น้ำโขงจะปรากฏอยู่ตลอดแนว ซึ่งที่ นรข.เขตเชียงราย มีการตรวจพบการกระทำผิดถึง 17 ครั้ง ที่ นรข.เขตหนองคาย มีการกระทำความผิดที่จับกุมได้ 9 ครั้ง ที่ นรข.เขตอุบลราชธานี มีการจับกุมได้ 3 ครั้ง

สรุปว่าการจับกุมที่ผ่านมาตั้งแต่ตุลาคม 2563 ที่ผ่านมา นรข. สามารถจับกุมได้ทั้งหมด 37 ครั้ง เป็นผู้ลักลอบเข้าเมืองโดยผิดกฎหมาย รวม 180 คน เป็นราษฎรชาวไทย 27 คน และเป็นคนลาว 118 คน นอกจากนี้ยังมีราษฎรชาวจีนอีก 35 คน โดยทั้งหมดนี้จะมีกระบวนการที่มีคนนำพาเป็นคนไทยอยู่ทุกรายการ

ซึ่งจากภาพรวมจะสังเกตได้ว่ามีการลักลอบเข้าเมืองโดยผิดกฎหมายตลอดแนวลำแม่น้ำโขง ซึ่งการลักลอบเข้ามาในประเทศไทยส่วนใหญ่จะเข้าไปในพื้นที่ตอนในเพื่อทำมาหากิน และอาจจะมีเป็นขบวนการอย่างเช่นที่ อุบลราชธานี ที่เข้ามาครั้งเดียวประมาณ 60 คนและมีรถตู้มารับเข้าไปในพื้นที่ส่วนใน ซึ่งก็ได้ทลายตรงนี้ไปแล้วเรียบร้อย

ในช่วงสถานการณ์การระบาดของไวรัสโควิด -19 การลักลอบเข้าเมืองโดยผิดกฎหมายยิ่งจะต้องมีความเข้มงวดกวดขันมากยิ่งขึ้น เพราะบุคคลเหล่านี้อาจจะเป็นผู้นำพาหะโรคเข้ามาสู่ประเทศไทยได้ ซึ่ง นรข. เองก็ได้มีการกำชับกำลังพลตลอดแนวลำแม่น้ำโขงให้เพ่งเล็งไม่ให้เกิดการลักลอบเข้าเมืองโดยผิดกฎหมายโดยเด็ดขาด ซึ่งสถานการณ์ตอนนี้มีเรื่องที่เป็นใจอยู่คือฝั่งประเทศเพื่อนบ้านเรา โดยเฉพาะ สปป.ลาว ได้มีการเข้มงวดกวดขันคนของเขาด้วยทำให้ประมาณ 2 สัปดาห์ที่ผ่านมาการลักลอบเข้าเมืองโดยผิดกฎหมายลดน้อยลง

แต่อย่างไรก็ตาม นรข. ก็ยังใช้มาตรการลาดตระเวน การตรวจสอบตามจุดเสี่ยงต่าง ๆ เพื่อให้การปฏิบัติงานมีประสิทธิภาพสูงสุด เพื่อป้องกันการลักลอบเข้าเมืองให้ได้ 100 %

และปัจจุบันกำลังพลของหน่วยไม่ได้ออกจากพื้นที่ยังคงปฏิบัติงานในพื้นที่ครบทุกนาย อีกทั้งก็ต้องขอขอบคุณทางจังหวัดนครพนมที่ได้ให้เจ้าหน้าที่ของ นรข.นครพนม ซึ่งประกอบไปด้วย สถานีเรือบ้านแพง สถานีเรือนครพนม สถานีเรือธาตุพนม และนรข.เขตนครพนม ที่อยู่ธาตุพนมได้รับการฉีดวัคซีนโควิด -19 เรียบร้อยแล้วทั้งหมดทุกนาย ทำให้การทำงานของเจ้าหน้าที่ไม่ต้องห่วงกังวลเกี่ยวกับการติดเชื้อ ทำให้ทุกคนมีกำลังใจในการทำงานมากยิ่งขึ้นด้วย

เราจะเห็นว่าแม้ภารกิจจะมีความเสี่ยง แต่กำลังพลทุกนายของ นรข. ก็พร้อมจะปฏิบัติหน้าที่ เพื่อเฝ้าระวังป้องกันการลักลอบเข้าเมืองให้ทุกคนมีความปลอดภัยและห่างไกลจากไวรัสโควิด -19


ภาพ /ข่าว  สุเทพ หันจรัส  ผสข.นครพนม/ทินกร เพชรดี สปช นครพนม

แม่ฮ่องสอน - เด็กหนุ่มวัย 27 ปี ผันชีวิตจากเมืองเชียงใหม่ หลังพิษโควิดเล่นงาน กลับบ้านเปิดร้านกาแฟ “CAMP 29 CUP - Slowbar & Grill” แนวแคมป์รายแรก

ณ บริเวณหน้าสวนรุกขชาติห้วยชมภู อำเภอแม่สะเรียง จังหวัดแม่ฮ่องสอน จะมีคนคอยรอรับบริการร้านกาแฟเล็กริมทาง แนวแคมป์ปิ้ง เป็นจำนวนมาก ซึ่งจากการได้แวะเข้าไปพูดคุยกับ  นายกิตติคุณ  กวางทู อายุ 27 ปี เจ้าของ CAMP 29 CUP - Slowbar & Grill เปิดเผยถึงความเป็นมาของร้านกาแฟเล็ก ๆ แห่งนี้ด้วยความภาคภูมิใจว่า ชื่อร้านประกอบด้วย CAMP คือ การตั้งแคมป์ปิ้ง 29 คือ เลขวันเกิด ส่วน CUP มาจากแก้วกาแฟเล็ก ๆ ซึ่งได้ออกตัวว่า จริง ๆ แล้วไม่ได้เรียนทำเครื่องดื่มหรือเป็นบาริสต้ามาโดยตรง ก่อนที่จะมาจุดนี้ทำร้านเล็กแบบนี้ได้เปิดร้านหม่าล่าที่เชียงใหม่ แต่ด้วยสถานการณ์โควิดระลอกแรกทำพิษ ต้องแบกรับค่าใช้จ่ายทั้งค่าเช่า ค่าที่พัก ค่าเดินทาง ค่ากินอยู่ จนกระทั่งประมาณปลายปีที่แล้ว จึงตัดสินใจกลับมาอยู่ที่บ้านอำเภอแม่สะเรียง เพื่อลดค่าใช้จ่ายทั้งหมด

หลังจากกลับมาอยู่ที่อำเภอแม่สะเรียงที่เป็นบ้านเกิด จึงคิดจะเปิดร้านเพื่อสร้างรายได้ไปพร้อม ๆ กับการใช้ชีวิตแบบเรียบง่าย  ซึ่งปกติจะเปิดร้านหม่าล่าที่บ้าน และเป็นคนชอบกินกาแฟ และมีเพื่อน ๆ ชอบในสิ่งที่เราทำเหมือนกันจึงทำกาแฟเสริมกับกิจการหม่าล่าที่ทำอยู่ ประกอบกับตัวเองเป็นคนเบื่อง่าย จึงพยายามปรับเปลี่ยนสถานที่ในการกินกาแฟไปพร้อม ๆ กับการพักผ่อน ชื่นชมธรรมชาติ ถ่ายรูป ในลักษณะของการตั้งเป็นแคมป์เล็ก ๆ ซึ่งเป็นอีกหนึ่งทางเลือกของคอกาแฟในอำเภอแม่สะเรียง เริ่มให้บริการตั้งแต่เวลา 08.30 น. เป็นต้นไป ในแต่ละวันจะออกแคมป์ที่ไหนเจ้าของร้านจะแจ้งผ่านเพจCAMP 29 CUP - Slowbar & Grill  ให้ติดตามกัน

สำหรับจุดเด่นของร้านที่อยากให้ลองมาชิม คือ ROK Espresso ใช้เมล็ดกาแฟจากหลายพื้นที่ทั้งในประเทศและต่างประเทศ เน้นเป็นกาแฟผลไม้ ราคาอยู่ที่ 30 บาทขึ้นไป  เมนูในแคมป์มีทั้ง กาแฟสกัดเย็น โมกาพอต (Mokapot) ลาเต้ คาปูชิโน่ กาแฟดริป ชา โซดาผลไม้ต่าง ๆ นอกจากนี้ยังเข้าร่วมโครงการเราชนะและคนละครึ่งของรัฐบาล เป็นอีกหนึ่งช่องทางที่ทำเงินให้ได้เช่นเดียวกัน


ภาพ/ข่าว สุกัลยา / ถาวร  อ.แม่สะเรียง จ.แม่ฮ่องสอน

จันทบุรี - สุดลำบากหญิงวัย 24 ปี คลอดลูกได้ 11 วัน ต้องทนลำบากไม่มีบ้านอยู่ ฝนตกสาดเปียก ไม่มีห้องน้ำ ไม่มีสิ่งอำนวยความสะดวก

ที่ หมู่1 ต.มะขาม อ.มะขาม มีชาวบ้านได้ร้องขอความเห็นใจสื่อมวลชนให้ช่วยเหลือหญิงยากจน อาชีพรับจ้างทั่วไป ที่เพิ่งคลอดลูกใหม่แต่ที่อยู่อาศัยยากแค้น ลำบาก นางสาววิศัลย์ยา ทองแก้ว หรือฟ้า อายุ 24 ปี ที่เพิ่งคลอดบุตรสาวชื่อเด็กหญิงพรพรรณ ทองแก้วหรือว่าน้องน้ำแข็ง โดยเพิ่งคลอดเมื่อวันที่ 16 พ.ค.64 ที่ผ่านมา และได้กลับมาพักอาศัยยังบ้านพักที่ดูสภาพแล้วไม่เหมือนบ้าน มีที่กันฝนเพียงเล็กน้อยไม่มีห้องน้ำไม่มีห้องครัว ไม่มีอุปกรณ์อำนวยความสะดวก ซึ่งดูแล้วมีความน่าสงสารเป็นอย่างมากเนื่องจากครอบครัวมีความยากจน อาศัยอยู่กับสามีชื่อนายธวัชชัย สุขกะชาติ อายุ 38 ปี ทั้งคู่มีอาชีพรับจ้างทั่วไป

เพิงพักในปัจจุบันตั้งอยู่บนพื้นที่สาธารณะ อยู่ในความรับผิดชอบของเทศบาลมะขามเมืองใหม่ โดยทางครอบครัวต้องการความช่วยเหลือในเรื่องของพี่พักอาศัยที่สามารถใช้หลบแดดหลบฝนได้ เบื้องต้นวันนี้มีหน่วยงานราชการที่เกี่ยวข้อง พัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์ เจ้าหน้าที่เทศบาลมะขามเมืองใหม่ เจ้าหน้าที่เทศบาลอ่างคีรี และชาวบ้านในแวกใกล้เคียงได้ยื่นมือเข้าช่วยเหลือเบื้องต้นในเรื่องอาหารการกินและข้าวของที่จำเป็นสำหรับเด็กอ่อนและทางเจ้าหน้าที่พัฒนาสังคมอยู่ระหว่างการช่วยเหลือเรื่องของเงินเยียวยาบุตร และอยู่ระหว่างการปรึกษาหารือเรื่องการจัดหาที่พักอาศัยให้กับทางครอบครัวของน้องฟ้าผ่านทาง องค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น สำนักงานเหล่ากาชาดจังหวัด และส่วนราชการภาคเอกชนที่พร้อมช่วยเหลือต่อไป


ภาพ/ข่าว จรัล บรรยงคเสนา ผู้สื่อข่าวจ.จันทบุรี

นายพรเทพ เขม้นเขตวิทย์ รายงานจากศูนย์ข่าวภาคตะวันออก

ชลบุรี - ชมรมภริยาทกองเรือยุทธการ ร่วมส่งกำลังใจให้บุคลากรทางการแพทย์ สู้โควิด

ชมรมภริยาทกองเรือยุทธการ (กร.) ร่วมส่งกำลังใจ มอบอาหาร น้ำดื่ม แก่บุคลากรทางการแพทย์ โรงพยาบาลสมเด็จพระนางเจ้าสิริกิติ์ ในช่วงสถานการณ์ การแพร่ระบาดของ COVID–19 ให้มีพลังปฏิบัติงานเพื่อประชาชน

คุณสุนันท์ สมานรักษ์ ประธานชมรมภริยากองเรือยุทธการ นำคณะภริยากองเรือยุทธการ มอบอาหาร และน้ำดื่มให้แก่บุคลากรทางการแพทย์ โรงพยาบาลสมเด็จพระนางเจ้าสิริกิติ์ กรมแพทย์ทหารเรือ อ.สัตหีบ จ.ชลบุรี ร่วมสู้วิกฤต "โควิด-19"

โดยมี พล.ร.ต.ชลธร สุวรรณกิตติ ผู้อำนวยการโรงพยาบาล สมเด็จพระนางเจ้าสิริกิติ์ กรมแพทย์ทหารเรือ รับมอบ ทั้งนี้ เพื่อเป็นขวัญและกำลังใจให้กับบุคลากรทางการแพทย์ ที่ปฏิบัติหน้าที่ในการรักษา และดูแลผู้ป่วย ทั้งประชาชนทั่วไปและกำลังพลของกองทัพเรือ ได้อย่างเต็มที่ ในช่วงสถานการณ์การแพร่ระบาดของ COVID–19  อีกทั้งช่วยลดภาระในการจัดหาอาหารระหว่างวันของเจ้าหน้าที่ ซึ่งชมรมภริยากองเรือยุทธการ ขอร่วมเป็นส่วนหนึ่งในการส่งกำลังใจให้กับบุคลากรทางการแพทย์ ที่เปรียบเสมือนด่านหน้าในการเผชิญกับวิกฤต COVID-19 อย่างต่อเนื่อง เป็นแนวหลังที่ขอร่วมต่อสู้จนกว่าจะผ่านวิกฤตในครั้งนี้ ไปด้วยกัน เมื่อวันที่ 25 พ.ค.64 ที่ผ่านมา


ภาพ/ข่าว กองกิจการพลเรือน กองเรือยุทธการ

นิราช / นันทพล ทิพย์ศรี ก012 ชลบุรี

'มัลคอล์ม แม็กลีน' ผู้พลิกโฉมหน้าการขนส่งสินค้ายุคใหม่ 'ลดต้นทุน-เวลา-แรงงาน' | LOCK LENS GURU EP.23

???? GURU : อาจารย์ศรัณย์ ดั่นสถิต

อาจารย์ประจำหลักสูตรการจัดการโลจิสติกส์ คณะวิทยาการจัดการ มหาวิทยาลัยเกษตรศาสตร์ วิทยาเขตศรีราชา

▶️ หัวข้อ : 'มัลคอล์ม แม็กลีน' ผู้พลิกโฉมหน้าการขนส่งสินค้ายุคใหม่ 'ลดต้นทุน-เวลา-แรงงาน'

อ่านคอลัมน์เพิ่มเติม : https://thestatestimes.com/post/2021050805

???? ดำเนินรายการโดย เจ THE STATES TIMES

.

.

ชุมพร - ระบาดหนัก 3 อำเภอ โรคลัมปี สกิน (Lumpy skin disease)

วันที่ 25 พฤษภาคม 2564 เวลา 10.30 น. นายสัตวแพทย์พิชัย โพธิ์กระสังข์ หัวหน้ากลุ่มพัฒนาสุขภาพสัตว์ กล่าวว่า ท่านธงชัย หนังสือ ปศุสัตว์จังหวัดชุมพร ได้สั่งการให้ผมได้นำคณะลงพื้นที่บ้านนาย สุรชัย อินทจักร 52 หมู่ที่ 5 ตำบล ตากแดด อำเภอ เมืองชุมพร พร้อมกับ นายพรชัย อินทร์คำดี หัวหน้าด่านกักกันสัตว์ชุมพร สัตวแพทย์หญิงกิจตาภรณ์ แสงจันทร์ สำนักงานปศุสัตว์จังหวัดชุมพร พร้อมด้วย นายสัตวแพทย์ อิสมาแอล ยุมาดีน นายสัตวแพทย์ประจำหน่วย HHU จังหวัดชุมพร พบ มีวัวจำนวน 8 ตัว มีแม่วัว 1 ตัว มีอาการขาบวมและเป็นตุ่มตามผิวหนังจึงทำการรักษาตามอาการ และทำการเก็บตัวอย่างเลือดส่งตรวจหาโรค โรคลัมปี สกิน (Lumpy skin disease) โดยจะได้รับผลการตรวจอีก 3-5 วัน ในวันนี้ได้ทำการฉีดพ้นยาฆ่าแมลงในเบื้องต้น

จากรณีดังกล่าว นายสัตวแพทย์พิชัย โพธิ์กระสังข์ หัวหน้ากลุ่มพัฒนาสุขภาพสัตว์ กล่าวว่า ในการแพร่ระบาดของโรค“ลัมปี สกิน” โค กระบือ เป็นการแพร่ระบาดของไวรัส“ลัมปี สกิน” ซึ่งเป็นโรคอุบัติใหม่ ที่มี แมลงดูดเลือด ได้แก่ยุง แมลงวัน เหลือบ และเห็บ เป็นพาหะนำโรค และไม่มีการแพร่ระบาดมาสู่คน   ได้ประชาสัมพันธ์ให้กับเกษตรกรในพื้นที่ที่เลี้ยงโค-ควาย ให้เฝ้าระวัง ซึ่งจะมีผล เช่น น้ำนมลดลง(สูงสุดถึง 40%) ส่วนโคขุนจะมีอัตราการเจริญเติบโตต่อวันลดลง(ในระยะเวลา 1-2 เดือนช่วงที่เป็นโรค) และหากโคมีอายุน้อยถ้ามีอาการรุนแรงก็คือการเสียชีวิตในที่สุด และในพื้นที่ทีมีการแพร่ระบาดใน 3 พื้นที่ของจังหวัดชุมพร เช่น อำเภอท่าแซะ อำเภอปะทิว และ อำเภอเมือง ทั้งนี้ทางสำนักงานปศุสัตว์จังหวัดชุมพรก็ได้ส่งเจ้าหน้าที่ลงพื้นที่ตรวจสอบหมดแล้วเป็นการหยุดยังในการแพร่ระบาดของโรค  ไม่ให้การแพร่ระบาดเป็นวงกว่างจนไปถึง 14 จังหวัดภาคใต้ได้

กรณีทำการรักษาโคที่ป่วยก็มักหายช้า ดังนั้น จึงขอให้ผู้เลี้ยงใช้มาตรการป้องกันที่แนะนำดังนี้คือ 1.ให้งดนำเข้าวัวหรือควายจากต่างพื้นที่เข้าฟาร์มโดยเด็ดขาด  2. ให้กำจัดแมลงดูดเลือดในฟาร์มโดยการพ่นสารกำจัดแมลงที่คอกและตัวสัตว์ เช่น สารไซเปอร์เมทริน สารแอลฟ่าไซเพอร์เมทริน สารเดลตาเมทริน หรือ สารอะมิทราซ ซึ่งค่อนข้างมีความปลอดภัยและไม่ตกค้างในน้ำนม หรือใช้หลอดไฟไล่แมลง หรือก่อกองไฟ ไล่แมลง 3. เมื่อพบโคที่สงสัยว่าจะเป็นโรค “ลัมปี สกิน” ก็ให้รีบแจ้งหมอหรือแจ้งเจ้าหน้าที่ปศุสัตว์ทราบเพื่อจะได้เข้าไปดูแล เพื่อวินิจฉัยควบคุมโรค   หากพบวัว - ควาย ที่สงสัยว่าจะเป็นโรค “ลัมปี สกิน”  ก็ควรรีบแยกสัตว์ตัวนั้นออกจากฝูง แล้วแจ้งให้ปศุสัตว์เข้ามาควบคุมโรค และผู้เลี้ยงควรกำจัดแมลง

นายพรชัย อินทร์คำดี กล่าวว่า จังหวัดชุมพรพบการแพร่ระบาดของโรคลัมปี สกิน ในโค กระบือในพื้นที่ อำเภอท่าแซะ อำเภอปะทิว และอำเภอเมืองชุมพร เกิดขึ้นในสัตว์ชนิดโคเนื้อ อาจทำให้เกิดการแพร่กระจายของโรคในพื้นที่ดังกล่าวเป็นวงกว้างมาขึ้น เนื่องจากโรคนี้มี แมลงดูดเลือด ได้แก่ยุง แมลงวัน เหลือบ และเห็บ เป็นพาหะนำโรคที่สำคัญ และการเคลื่อนย้ายโค กระบือมีชีวิตจากพื้นที่เกิดโรคไปยังพื้นที่อื่น จะทำให้เกิดการแพร่ระบาดของโรคไปยังท้องที่จังหวัด อื่น ๆ ซึ่งก่อให้เกิดความสูญเสียแก่เกษตรกรผู้เลี้ยงโค และกระบือเป็นอย่างมาก จังหวัดชุมพร จึงออกประกาศ 1ให้ท้องที่ทุกหมู่บ้าน ทุกตำบล ทุกอำเภอในจังหวัดชุมพร เป็นเขตโรคระบาด ชนิดโรคลัมปี สกิน (Lumpy skin disease) ในสัตว์ชนิดโค และกระบือ 2 ห้ามเคลื่อนย้ายสัตว์ หรือซากสัตว์ ภายในเขตโรคระบาดเว้นแต่ได้รับอนุญาตเป็นหนังสือจากสัตวแพทย์ผู้มีหน้าที่ประจำเขต ประกาศ ณ วันที่ 21พฤษภาคม 2564 โดย นายสัมฤทธิ์ กองเงินรองผู้ว่าราชการจังหวัดชุมพร ทางด่านกักกันสัตว์ชุมพร  จึงจัดกำลังลงตรวจสอบ 24 ชั่วโมง เพื่อความปลอดภัยและป้องกันการแพร่ระบาดของโรคลัมปี สกิน (Lumpy skin disease) อย่างเต็มกำลังต่อไป


ภาพ/ข่าว  ธนากร โกศลเมธี รายงานศูนย์ข่าวสารจังหวัดชุมพร

ผช.ผบ.ทบ.ลงพื้นที่มอบนโยบายสกัดกั้นโควิดสายพันธุ์แอฟริการะบาดที่เกาะสะท้อน

เมื่อเวลา 10.30 น. วันที่ 25 พ.ค. 64 พล.อ.พรศักดิ์ พูลสวัสดิ์ ผช.ผบ.ทบ.และคณะ เดินทางมายังด่านพรมแดน อ.สุไหงโก-ลก จ.นราธิวาส พร้อมประชุมร่วมกับนายไพโรจน์ จริตงาม รอง ผวจ.นราธิวาส นพ.วิเศษ สิรินทรโสภณ นายแพทย์สาธารณสุข จ.นราธิวาส นายวัลลภ วุฒาพาณิชย์ นายด่านศุลกากรสุไหงโก-ลก พล.ท.เกรียงไกร ศรีรักษ์ แม่ทัพภาค 4 พล.ต.ไพศาล หนูสังข์ ผบ.ฉก.นราธิวาส และเจ้าหน้าที่ที่เกี่ยวข้อง จำนวนกว่า 50 คน เพื่อมอบนโยบายเพิ่มเติมในการสกัดกั้นเชื้อไวรัสโคโรนาสายพันธุ์แอฟริกาใต้ แพร่ระบาดในพื้นที่ ต.เกาะสะท้อน อ.ตากใบ เพื่อไม่ให้ลุกลามเป็นวงกว้าง

โดย พล.ต.ไพศาล หนูสังข์ ผบ.ฉก.นราธิวาส ได้บรรยายสรุปถึงแนวทางการป้องกันสกัดกั้นตามแนวชายแดน ซึ่งมีทั้งทางน้ำ ทางบกและทางอากาศ พร้อมได้มีการบูรณาการร่วมระหว่างเจ้าหน้าที่ทหาร เจ้าหน้าที่อาสารักษาดินแดน อสม.และชรบ. ในการตั้งด่านโควิดตรวจสอบบุคคลและยานพาหนะผ่านไปมาของแต่ละหมู่บ้านทั้ง 9 หมู่บ้าน โดยแบ่งพื้นที่ออกเป็น 3 โซน คือ โซนชั้นนอก ชั้นกลางและชั้นใน เพื่อให้พื้นที่แต่ละหมู่บ้านของ ต.เกาะสะท้อน มั่นใจว่าจะไม่มีเชื้อไวรัสสายพันธุ์แอฟริกาใต้ มาแพร่ระบาด จากการลักลอบเดินทางเข้าตามช่องทางธรรมชาติของชาวบ้านเป็นการเพิ่มเติม

ด้านนายแพทย์วิเศษ สิรินทรโสภณ นายแพทย์สาธารณสุข จ.นราธิวาส ได้บรรยายสรุปถึงสถานการณ์การแพร่ระบาดของเชื้อไวรัสโควิด-19 ในพื้นที่โดยภาพรวมของ จ.นราธิวาส ยังมีแนวโน้มที่สูงขึ้นต่อเนื่อง ส่วนเชื้อไวรัสโควิด-19 สายพันธุ์แอฟริกาใต้ ในเบื้องต้นมาจากครอบครัวของชาวบ้านในพื้นที่ ม.9 ต.เกาะสะท้อน ที่ภรรยาและบุตรเป็นชาวมาเลเซีย ได้ลักลอบข้ามแดนมาให้สามีและพักอาศัยอยู่เป็นเวลา 1 เดือน จึงทราบว่าติดเชื้อไวรัสสายพันธุ์แอฟริกาใต้ ซึ่งเป็นต้นตอของการแพร่ระบาดในครั้งนี้ ซึ่งปัจจัยสำคัญชาวบ้านในพื้นที่ ต.เกาะสะท้อน ส่วนใหญ่จะไม่สวมใส่หน้ากากอนามัย ที่ไม่ให้ความสำคัญต่อการติดเชื้อไวรัสโควิด-19 มากนัก เพราะถือว่าเมื่อติดเชื้อรักษา 14 วันก็หายเป็นปกติ

ด้าน พล.อ.พรศักดิ์ พลูสวัสดิ์ ผช.ผบ.ทบ. ได้กล่าวชี้แนะแนวทางในการปฏิบัติพอสรุปใจความว่า เชื้อไวรัสโควิด-19 หรือสายพันธุ์แอฟริกาใต้ที่แพร่ระบาดในขณะนี้ เมื่อเรารู้ว่าคนเป็นผู้นำพาหะเข้ามาแพร่ระบาด เราก็ต้องใช้คนเป็นผู้สกัดกั้นถึงจะสำเร็จ คือต้องจี้ที่ตัวบุคคลกรหรือชาวบ้าน อย่างเช่น กำนัน ผู้ใหญ่บ้าน อสม.หรือนายก อบต.เพราะเขาเป็นคนในพื้นที่หมู่บ้านนั้น ๆ หากให้ความสนใจอย่างจริงจัง ต้องทราบว่า ชาวบ้านคนใดแอบลักลอบนำพาเครือญาติลักลอบข้ามแดนมาจากประเทศเพื่อนบ้านก็ต้องทราบ เนื่องจากพื้นที่ตามแนวชายแดนส่วนใหญ่ทั้ง 2 ฝากฝั่งจะมีเครือญาติอาศัยอยู่ทั้งนั้น จุดนี้เจ้าหน้าที่ในพื้นที่ที่รับผิดชอบ พูดแบบบ้าน ๆ คือต้องเคี่ยวเอาจริงเอาจังกับชาวบ้าน อย่างน้อยก็ไม่กล้าที่จะลักลอบนำพาข้ามแดนแล้วการแพร่ระบาดของเชื้อจะค่อย ๆ คลี่คลายจนกลับคืนสู่สภาวะปกติ


ภาพ/ข่าว  นูอารีซ๊ะ ยะยือริ

ยะลา – บุคลากรทางการแพทย์ ทหาร ตำรวจ สื่อมวลชน ในพื้นที่อำเภอเบตง ฉีดวัคซีนซิโนแวคกันโควิด-19 เข็มแรก

เมื่อวันที่ 25 พ.ค.64 ที่โรงพยาบาลเบตง อ.เบตง จ.ยะลา  แพทย์หญิงปัทมพันธ์  อนันตาพงศ์ ผู้อำนวยการโรงพยาบาลเบตง  นายวงศ์วิทย์  อัครวโรทัย สาธารณสุขอำเภอเบตง นำสื่อมวลชนใน อ.เบตง จ.ยะลา รวมถึงบุคลากรทางการแพทย์ เจ้าหน้าที่ตำรวจ ทหาร นำโดย พ.ต.อ.เอกชัย พราหมณกุล ผกก.สภ.เบตงและ  ร.อ.เอกชัย ชัยสาลี ผู้บังคับกองร้อย ป้องกันชายแดนที่ 4  นำกำลังพลชุดเฝ้าตรวจชายแดน เข้ารับวัคซีนซิโนแวคป้องกันโควิด-19 โดยมีเจ้าหน้าที่และประชาชน กลุ่มเสี่ยง มารับการฉีดวัคซีนในวันนี้จำนวน 240 คน

ด้านนายเอก ยังอภัย ณ สงขลา กล่าวว่า ขอให้พี่น้องประชาชนขาวอำเภอเบตงทุกท่านได้ร่วมมือร่วมใจกันมา ลงทะเบียนจองวัคซีนป้องกันโควิด-19 เพื่อเป็นการสร้างภูมิคุ้มกันให้กับร่างกายได้ต่อต้านกับไวรัสโควิด -19 และเมื่อวัคซีนมาถึงก็จะได้รับการฉีดวัคซีนกันทุกคน โดยขณะนี้ได้เปิดจองในกลุ่มของผู้สูงอายุ 60 ปีขึ้นไปและกลุ่มที่มีโรคประจำตัว 7 โรค ซึ่งสามารถลงทะเบียนจองได้แล้วถึง 31 พฤษภาคม 2564 ตาม 4 ช่องทางที่สะดวก ประกอบด้วย รพ. ที่ท่านมีประวัติการรักษา อสม. รพ.สต. ใกล้บ้าน ไลน์หมอพร้อม และ QR-code ชาวยะลาจองวัคซีนโควิด-19 ทั้งนี้เพื่อตนเองครอบครัวและคนที่เรารักตลอดจนเพื่อจังหวัดยะลาของเรา

ขณะที่ ในส่วนประชาชนทั่วไปที่กลุ่มอายุ 18-59 ปี และสนใจในการฉีดวัคซีนนั้น ขณะนี้ทางจังหวัดยะลาก็ได้เปิดจองแล้วเช่นกัน ซึ่งสามารถจองได้ 3 ช่องทาง คือ รพ. รพ.สต. คลินิกหมอครอบครัวใกล้บ้าน อสม. และ QR-code ชาวยะลาจองวัคซีนโควิด-19  ยกเว้นไลน์หมอพร้อม  นอกจากนี้ รพ.ทุกแห่งในจังหวัดยะลา ก็ยังได้เปิดสายด่วนจองวัคซีนโควิด- 19 แล้วก็สามารถโทรจองและสอบถามรายละเอียดได้ ตลอดจนเจ้าหน้าที่ อสม. จิตอาสา ที่จะลงพื้นที่ไปเคาะประตูบ้านของพี่น้องประชาชนและบริการจองถึงหน้าบ้าน

อย่างไรก็ตาม วัคซีนที่ดีที่สุดคือการฉีดเข้าร่างกายเร็วที่สุด โควิด -19 จะป่วยหรือตาย วัคซีนจะช่วยลดการป่วยและรอดจากการเสียชีวิต จองก่อนได้สิทธิ์ฉีดก่อน ถึงเวลาช่วยชาติ เป้าหมายคือ ยะลาต้องชนะ คนยะลาต้องปลอดเชื้อไวรัสโควิด-19


ภาพ/ข่าว  ธานินทร์  โพธิทัพพะ / ปื๊ด เบตง

ผบ.ทรภ.1/ผอ.ศรชล.ภาค 1 เยี่ยมอาการลูกเรือประมง ก.สิริกุล 1 ที่ประสบเหตุจมกลางทะเล

สืบเนื่องจากวันที่ 23 พฤษภาคม 2564 ทัพเรือภาคที่ 1/ศูนย์อำนวยการรักษาผลประโยชน์ของชาติทางทะเลภาค 1 (ทรภ.1/ศรชล.ภาค 1)

 ได้ช่วยชีวิต 8 ลูกเรือประมงของเรือ ก.สิริกุล 1 ที่ประสบเหตุคลื่นลมแรงน้ำเข้าเรือและจมลงกลางทะเล ทำให้ลูกเรือทั้งหมดต้องลอยคอเกาะอุปกรณ์ช่วยชีวิต รอความช่วยเหลือ โดยผู้บัญชาการทัพเรือภาคที่ 1/ผอ.ศูนย์อำนวยการรักษาผลประโยชน์ของชาติทางทะเลภาค 1 (ผบ.ทรภ.1/ผอ.ศรชล.ภาค 1) ได้สั่งการให้จัดเครื่องบินลาดตระเวนแบบที่ 1 ขึ้นบินเพื่อกำหนดตำบลที่ของผู้ประสบภัย และส่ง เฮลิคอปเตอร์ ปราบเรือดำน้ำแบบที่ 1 ไปให้ความช่วยเหลือชีวิตลูกเรือลำดังกล่าว จนปลอดภัยทั้ง 8 คน และนำส่งโรงพยาบาลสมเด็จพระนางเจ้าสิริกิติ์ กรมแพทย์ทหารเรือ โดยผู้ประสบภัย 5 คน อาการปลอดภัย สามารถกลับภูมิลำเนาได้ ส่วนอีก 3 คน อาการพ้นขีดอันตราย แล้ว แต่ยังคงต้องนอนพักรักษาตัวที่ โรงพยาบาล สมเด็จพระนางเจ้าสิริกิติ์ฯ ต่อไปนั้น

พลเรือโท โกวิท  อินทร์พรหม ผบ.ทรภ.1/ผอ.ศรชล.ภาค 1 ยังคงมีความห่วงใยอาการของลูกเรือทั้ง 3 คน ที่ยังคงนอนพักรักษาตัวที่โรงพยาบาลฯ จึงพร้อมด้วยคณะผู้บังคับบัญชา เดินทางไปเยี่ยมอาการของลูกเรือทั้ง 3 คน ณ หอผู้ป่วยพิเศษอายุรเวชกรรมชาย โรงพยาบาลสมเด็จพระนางเจ้าสิริกิติ์ฯ  เมื่อวันที่ 24 พ.ค.64 ได้พบกับผู้ประสบภัยทั้ง 3 คน พร้อมมอบกระเช้าเพื่อให้กำลังใจ และสอบถามอาการของผู้ประสบภัยทั้ง 3 คน ด้วยความห่วงใย ทราบว่า ในวันนี้ ตรวจร่างกายแล้วไม่มีอาการข้างเคียงจากการสำลักน้ำทะเล อาการโดยทั่วไปปกติดี ซึ่งในเย็นวันนี้แพทย์เจ้าของไข้ได้อนุญาตให้ทั้ง 3 คน กลับบ้านได้

ทางด้าน นาย สถิตย์ ม่วงทอง เจ้าของเรือประมง ก.สิริกุล 1 ได้กล่าวขอบคุณ ผบ.ทรภ.1/ผอ.ศรชล.ภาค 1 ที่ได้จัดเครื่องบิน และเฮลิคอปเตอร์ ออกไปให้ความช่วยเหลือ ลูกเรือทั้ง 8 คน ได้ทันท่วงที ผู้ประสบภัยทุกคนได้รับการช่วยเหลือจนปลอดภัย อีกทั้งยังได้ขอบคุณชมรมวิทยุมดดำนาวี ทัพเรือภาคที่ 1 ทำให้มีช่องทางการสื่อสารที่มีประสิทธิภาพ สามารถติดต่อประสานขอความช่วยเหลือเป็นไปด้วยความรวดเร็ว รวมถึงหน่วยงานที่เกี่ยวข้องทั้งทีมแพทย์และพยาบาลจาก โรงพยาบาลสมเด็จพระนางเจ้าสิริกิติ์ฯ และโรงพยาบาลอาภากรเกียรติวงศ์ ฐานทัพเรือสัตหีบ รวมไปถึงผู้ประสานงานทุกท่าน ที่ช่วยทำให้การช่วยเหลือในครั้งนี้ ประสบความสำเร็จ


ภาพ/ข่าว  กองกิจการพลเรือน ทัพเรือภาคที่ 1

นิราช/นันทพล ทิพย์ศรี ก012 ชลบุรี

ปทุมธานี - อบจ. ลุยเมกะโปรเจ็กต์ เดินหน้ารถไฟฟ้าโมโนเรล แก้ปัญหารถติดเพื่อชาวปทุมธานี

เมื่อวันที่ 25 พฤษภาคม 2564 เวลา 08:30 น. ที่องค์การบริหารส่วนจังหวัดปทุมธานี ตำบลบ้านฉาง อำเภอเมือง จังหวัดปทุมธานี พล.ต.ท.คำรณวิทย์ ธูปกระจ่าง นายกองค์การบริหารส่วนจังหวัดปทุมธานี นายเสวก ประเสริฐสุข รองนายกองค์การบริหารส่วนจังหวัดปทุมธานี พร้อมกับหัวหน้าส่วนงาน อบจ.ปทุมธานีที่เกี่ยวข้อง และนายมารุต ศิริโก กรรมการผู้จัดการ บริษัท เอเอ็มอาร์ เอเซีย จำกัด พร้อมคณะร่วมประชุมการพัฒนาเมืองแก้ไขปัญหาจราจรติดขัดเพื่อการรองรับการขยายตัวจังหวัดปทุมธานีโดยใช้ระบบรถไฟฟ้ารางเดี่ยวหรือโมโรเรล 

พล.ต.ท.คำรณวิทย์ ธูปกระจ่าง นายกองค์การบริหารส่วนจังหวัดปทุมธานี กล่าวว่าจากปัญหาจรราจรติดขัดในพื้นที่จังหวัดปทุมธานี ที่ไม่ได้รับการแก้ไข ประกอบด้วย 1.เส้นทางรังสิต-นครนายก 2.เส้นทางคูคต-ลำลูกกา 3.เส้นทางคลองหลวง โดยได้เชิญ ทางบริษัท เอเอ็มอาร์ เอเชีย จำกัด ได้เข้ามาสำรวจว่ารถไฟฟ้ารางเดี่ยวหรือโมโนเรลจะสามารถใช้ในเส้นทางไหนบ้างเพื่อแก้ปัญหารถติด ส่วนการเชื่อมต่อกับสถานีรถไฟฟ้าสายสีแดง รังสิต-บางซื่อ ทางเราก็มีแผนที่จะดำเนินการให้เป็นรูปธรรม แต่การประสานเพื่อดำเนินการยังไม่เป็นทางการ

ทั้งนี้จังหวัดปทุมธานีเป็นเมื่องมหาวิทยาลัย มีนักศึกษาจำนวนมาก การเดินทางจึงเป็นสิ่งจำเป็น หากแก้ปัญหาด้านจราจรติดขัดได้เร็วคุณภาพชีวิตของประชาชนก็จะดีขึ้น โดยเฉพาะถนนเส้นรังสิต- นครนายก มีปัญหารถติดหนักมาก รองลงมาคือถนนเส้น คลองหลวง-หนองเสือ และเส้นอื่น ๆ ก็เริ่มมีปัญหาแล้วเช่นกันซึ่งจะต้องเร่งแก้ไขความเดือดร้อนของประชาชนต่อไป นายมารุต ศิริโก กรรมการผู้จัดการ บริษัท เอเอ็มอาร์ เอเซีย จำกัด กล่าวว่า เอเอ็มอาร์ เอเซีย เป็นบริษัทที่ได้ดำเนินการทำรถไฟฟ้าสายสีเขียว และรถไฟฟ้าสายสีทองให้กับกรุงเทพมหานคร และได้ส่งงานไปเมื่อปีที่แล้วที่ผ่านมา บริษัทของเราเป็นบริษัทของคนไทยที่ดำเนินการด้านระบบควบคุมการเดินรถและอาคารสถานี ระบบไฟฟ้าขนาดใหญ่ รวมถึงเครื่องจักรของศูนย์ซ่อมรถไฟฟ้า

นอกจากนี้กลุ่มของบริษัทเราได้มีส่วนในการพัฒนาเมือง โดยเราจะสำรวจว่ามีอะไรบ้างที่เหมาะสมกับเมืองนั้น ๆ  ในส่วนของจังหวัดปทุมธานียังไม่มีรถไฟฟ้าเป็นของตัวเอง ที่มีอยู่เป็นเพียงส่วนขยายที่มาจากกรุงเทพมหานครได้แก่ รถไฟฟ้าสายสีแดงจากบางซื่อมายังรังสิต และรถฟ้าสายสีเขียวจากหมอซิต สะพานใหม่มายังคูคต ในความเหมาะสมของรถที่จะมาใช้ นั้นท่านนายก อบจ.ต้องการให้เป็นรถ ไฟฟ้าที่มีขนาดเล็ก ใช้พื้นที่ไม่มาก เน้นบริการได้ทั่วถึง และไม่เป็นมลภาวะตัวรางรถต้องเป็นแบบที่เหมาะกับถนนในจังหวัดปทุมธานี ซึ่งตนเองเชื่อมั่นว่าหลังจากมีเส้นทางรถไฟฟ้าเข้ามาทำให้วิถีการเดินทางที่เปลี่ยนไปเนื่องจากมีการเดินทางที่สะดวกขึ้น ตนเองคาดว่ารถไฟฟ้าจะเป็นตัวตอบโจทย์เพื่อพัฒนาคุณภาพชีวิตและแก้ปัญหาจราจรติดขัดในจังหวัดปทุมธานี โดยท่านนายกองค์การบริหารส่วนจังหวัดปทุมธานีให้แนวความคิดไปศึกษาว่าการแก้ปัญหาแบบครบวงจรถนนทุกเส้นไม่ทำเพียง เส้นใดเส้นหนึ่งเพราะเล็งเห็นว่าจะต้องแก้ปัญหาในภาพรวมของจังหวัดทั้งหมดโดยทางบริษัท จะต้องกลับไปทำการบ้านตามที่ท่านมีวัตถุประสงค์ไว้และกลับมารายงานให้ท่านทราบอีกครั้งภายใน 30 วัน


ภาพ/ข่าว ประภาพรรณ ขาวขำ


© Copyright 2021, All rights reserved. THE STATES TIMES
Take Me Top