Friday, 9 May 2025
SPECIAL

ธรรมะประจำวันอาทิตย์ที่ 15 ธันวาคม 2567 : การทำความดีเป็นเรื่องยาก เพราะจิตของคน เปรียบดังเช่นน้ำ ที่มักไหลลงสู่ที่ต่ำได้ง่าย พระพุทธเจ้า จึงสอนให้เราฝึกตน ป้องกันจิตไม่ให้ไหลไปในทางชั่ว

จากช่องติ๊กต็อก @dhamma_tv ได้เผยแพร่คำสอนเรื่อง ‘ธรรมะ คือ ธรรมชาติ แต่ทำไมทำยาก?’ จากรายการ ‘ธรรมะทำไม’ โดย พระศรีวัชรวิสุทธิ์ (หลวงพ่อโกวิท) รองเจ้าคณะจังหวัดนครราชสีมา เจ้าอาวาสวัดด่านใน

คำถาม : ที่หลวงพ่อเคยสอนว่า ธรรมะ เป็นเรื่องธรรมชาติ เป็นเรื่องสบาย ๆ แต่คนส่วนใหญ่กลับนู้สึกว่าทำไมจึงปฏิบัติได้ยาก

พระศรีวัชรวิสุทธิ์ (หลวงพ่อโกวิท) : คำว่าปฏิบัติได้ยากนั้น เป็นเรื่องเกี่ยวกับการฝึกหัดตนเอง เพราะโดยธรรมชาติของมนุษย์เราชอบอะไรที่ง่าย ๆ สบาย ๆ เหมือนเช่นกับน้ำที่ไหลจากที่สูงลงสู่ที่ต่ำได้ง่าย ซึ่งเป็นธรรมชาติและธรรมดา ดังนั้น การทำความดี จึงเป็นการฝึกตน ซึ่งไม่ใช่เรื่องง่ายเฉกเช่นการทำชั่ว และจิตของคนเรามักจะไหลลงทางต่ำเร็วจะขึ้นทางสูง

ทั้งนี้ ถือเป็นเรื่องปกติของมนุษย์ทุกคน ที่เมื่อเกิดมาแล้วจะต้องฝึกตน หากไม่ต้องการให้จิตไหลลงที่ต่ำหรือการทำชั่ว

ธรรมะประจำวันอาทิตย์ที่ 8 ธันวาคม 2567 : ‘คำสอนพระพุทธเจ้านำมาใช้อย่างไร?’

จากช่องติ๊กต็อก @dhamma_tv ได้เผยแพร่คำสอนเรื่อง ‘คำสอนพระพุทธเจ้านำมาใช้อย่างไร?’ จากรายการ ‘ธรรมะทำไม’ โดย พระศรีวัชรวิสุทธิ์ (หลวงพ่อโกวิท) รองเจ้าคณะจังหวัดนครราชสีมา เจ้าอาวาสวัดด่านใน

คำถาม : มีธรรมะหมวดไหนที่จะทำให้เรารวยได้?

พระศรีวัชรวิสุทธิ์ (หลวงพ่อโกวิท) : มีธรรมะอยู่หมวดหนึ่ง เรียกสั้น ๆ ว่าหัวใจเศรษฐี คำย่อ คือ อุ อา กะ สะ
อุ คือ อุฏฐานะสัมปทา ขยันหมั่นเพียรหาทรัพย์สินเงินทอง
อา คือ อารักษ์สัมปทา เมื่อได้ทรัพย์รู้จักบริหารทรัพย์สินให้เป็น
กะ คือ กัลยาณมิตตตา คบคนดี คบคู่ค้าดี คบผู้ร่วมงานดี
สะ คือ สมชีวิตา การเลี้ยงชีพแต่พอสมควร ใช้ชีวิตอย่างไม่ฝืดเคืองและไม่ฟุ่มเฟือย แบบพอดีพอดี
ไม่ใช่พอดีธรรมดา แต่ต้องรู้จักพอเพียงพอดีพอประมาณ แล้วที่สําคัญคือพอใจนี่ก็คือสอนให้รวย

ธรรมะประจำวันอาทิตย์ที่ 1 ธันวาคม 2567 : ‘การขอพรให้รวยเป็นบาปหรือไม่?’

จากช่องติ๊กต็อก @dhamma_tv ได้เผยแพร่คำสอนเรื่อง ‘การขอพรให้รวยเป็นบาปหรือไม่? ’ จากรายการ ‘ธรรมะทำไม’ โดย พระศรีวัชรวิสุทธิ์ (หลวงพ่อโกวิท) รองเจ้าคณะจังหวัดนครราชสีมา เจ้าอาวาสวัดด่านใน

คำถาม : การขอพรให้รวยบาปหรือไม่

พระศรีวัชรวิสุทธิ์ (หลวงพ่อโกวิท) : การขอให้รวยไม่ได้ถือว่าบาป แต่ใช่ว่าขอพรแล้วจะได้ตามที่ขอ การขอพรนั้นถือเป็นสิทธิส่วนตัว เหมือนกับทุกคนที่มีสิทธิเป็นผู้แทนฯ ทุกคนมีสิทธิเป็นรัฐมนตรี ซึ่งรัฐธรรมนูญไม่ได้ห้าม แต่เราจะได้สิทธินั้นหรือไม่ล่ะ ดังนั้นหากต้องการได้สิทธิ ก็จะต้องสร้างเหตุเพื่อให้ได้สิทธินั้นก่อน

เช่นเดียวกับการขอพรให้รวย ซึ่งส่วนใหญ่ก็คงจะขอให้ได้โชคลาภถูกหวยถูกลอตเตอรี่รางวัลที่ 1 และก็เป็นเรื่องยากที่จะได้ตามที่ขอ แต่ทุกคนก็มีสิทธิที่จะขอโดยไม่เป็นบาปแต่อย่างใด เพราะไม่ได้ไปทำร้ายใคร

แต่ที่สำคัญ เราอย่าไปงอมืองอเท้าขอพรให้พระหรือเทวดาท่านช่วยอย่างเดียวเท่านั้น ต้องทำมาหากินด้วย

เพราะการขอพรจากมนุษย์ก็ดี ทวยเทพก็ดี ไม่ใช่เรื่องผิด สามารถขอได้ แต่อย่าละเลยความบากบั่น วิริยะ อุตสาหะ ในการดำรงชีวิต เราจะหยุดนิ่งไม่ได้ จะไปรอเพียงโชคชะตาไม่ได้

ธรรมะประจำวันอาทิตย์ที่ 24 พฤศจิกายน 2567 : ‘ทำไม? ต้องเวียนว่ายตายเกิด’

จากช่องติ๊กต็อก @dhamma_tv ได้เผยแพร่คำสอนเรื่อง ‘ทำไม? ต้องเวียนว่ายตายเกิด’ จากรายการ ‘ธรรมะทำไม’ โดย ‘พระครูศรีปริยัติวิสุทธิ์ (หลวงพ่อโกวิท)’ รองเจ้าคณะจังหวัดนครราชสีมา เจ้าอาวาสวัดด่านใน

คำถาม : เราควรจะใช้ธรรมะเรื่องใดสอนคนหน้าไหว้หลังหลอก

พระครูศรีปริยัติวิสุทธิ์  (หลวงพ่อโกวิท) : พระพุทธเจ้าตรัสว่า พึงชนะคนตระหนี่ด้วยการให้ เราให้เขา แล้วนำพาเขาเป็นผู้ให้ต่อ พอนาน ๆ เข้า ก็จะชนะ พึงชนะคนโกรธ ด้วยการให้อภัย ด้วยเมตตา พึงชนะคนเหลาะแหละด้วยถ้อยคําจริง

ส่วนคนที่หน้าไหว้หลังหลอก คนที่ปากอย่างใจอย่าง ก็ให้ใช้ความจริงใจ ความจริงแท้ ในการอยู่ร่วมกับเขา และเราควรมีอุเบกขา สิ่งใดที่เขาทำไม่ดีก็อย่าไปซ้ำเติม และควรหลีกเลี่ยงการคบค้าสมาคม เพราะคนเหล่านี้เหมือนคนป่วย พอได้ยินคนนั้นได้ดี ก็เป็นทุกข์ เป็นคนไม่มีมุทิตา

ชีวิตมีแต่ความเครียด ต่อไปก็อาจจะกลายเป็นโรคประสาท เผลอ ๆ อาจจะถึงขั้นเป็นบ้าก็ได้ เพราะคนที่ตนเกลียดชังนั้นได้ดี และอาจจะมีการก่อเวรก่อกรรมจนนำไปสู่การเป็นเจ้ากรรมนายเวรกันอีกในวันข้างหน้า ถ้าเป็นชาวพุทธก็ถือว่าไม่ใช่ชาวพุทธที่ดี เพราะชาวพุทธที่ดีนั้นจะต้องลดเรื่องเจ้ากรรมนายเวรด้วยตัวของเราเอง

ธรรมะประจำวันอาทิตย์ที่ 10 พฤศจิกายน 2567 : ‘ทำไม? ต้องเวียนว่ายตายเกิด’

จากช่องติ๊กต็อก @dhamma_tv ได้เผยแพร่คำสอนเรื่อง ‘ทำไม? ต้องเวียนว่ายตายเกิด’ จากรายการ ‘ธรรมะทำไม’ โดย ‘พระครูศรีปริยัติวิสุทธิ์ (หลวงพ่อโกวิท)’ รองเจ้าคณะจังหวัดนครราชสีมา เจ้าอาวาสวัดด่านใน

คำถาม : ถ้าพูดถึงกัลยาณมิตรหมายถึงครูบาอาจารย์ใช่หรือไม่ครับ 

พระครูศรีปริยัติวิสุทธิ์  (หลวงพ่อโกวิท) : ครูบาอาจารย์ ถือว่าเป็น ยอดกัลยาณมิตร

ไม่ใช่เพียงแค่กัลยาณมิตรธรรมดา ๆ เท่านั้น เพราะท่านมีปัญญามากกว่า และมักจะคอยแนะนําแต่ในสิ่งที่ดีแก่เรา

ไม่เพียงเท่านั้น ท่านยังจะปกป้องเราด้วย ดังคําตรัสของพระพุทธเจ้า เกี่ยวกับเรื่องครูบาอาจารย์ ว่า นอกจากสั่งสอนศิษย์ให้เป็นคนดีแล้ว ยังป้องกันศิษย์ในทิศทั้ง 4 ด้วย 

ลองสังเกตดูว่า เวลาเราไปไหน แล้วประกาศตนว่า เป็นลูกศิษย์ใคร ก็จะได้รับการต้อนรับอีกแบบหนึ่งเลย แสดงให้เห็นว่าครูบาอาจารย์ จะป้องกันศิษย์ในทิศทั้ง 4 นั่นหมายความว่า เมื่อเดินทางไปไหน ก็จะพบความสุข ประสบความสําเร็จ ดังนั้น กัลยาณมิตรจึงถือว่าเป็นสุดยอดแห่งสิ่งที่เราปรารถนา

ธรรมะประจำวันอาทิตย์ที่ 3 พฤศจิกายน 2567 : คนที่อยากเจริญ ต้องอยู่ให้ไกลจาก คนพาล ควรคบค้าแต่ คนดี หรือ บัณฑิต ถือเป็นมงคลชีวิตของคนเรา

จากช่องติ๊กต็อก @dhamma_tv ได้เผยแพร่คำสอนเรื่อง ‘ทำไม? ต้องเวียนว่ายตายเกิด’ จากรายการ ‘ธรรมะทำไม’ โดย ‘พระครูศรีปริยัติวิสุทธิ์ (หลวงพ่อโกวิท)’ รองเจ้าคณะจังหวัดนครราชสีมา เจ้าอาวาสวัดด่านใน

คำถาม : หลวงพ่อมักจะแนะนําทุกคนให้อธิษฐานว่าให้เจอกัลยาณมิตรที่ดี เป็นเพราะอะไร

พระครูศรีปริยัติวิสุทธิ์  (หลวงพ่อโกวิท) : การได้เจอคนดีถือเป็นมงคลข้อที่สอง ต่อจากเว้นคนชั่วในมงคล 38  ประการ ซึ่งพระพุทธเจ้าตรัสว่า อยากจะเจริญเรื่องแรกควรเว้นคนชั่ว ก็คือไม่คบคนพาล คนที่ไม่ดีทั้งหลาย

การสังเกตคนพาล ดูได้จากลักษณะง่าย ๆ คนที่คิดก็คิดแต่ชั่ว ๆ พูดก็พูดแต่เรื่องชั่ว ๆ พูดดีไม่เป็น พูดยังไงก็ได้ให้บาดหูคนอื่น กระแทกกระทั้นคนอื่น นี่เป็นคนพาล ทําเรื่องดีไม่เป็น

ยกตัวอย่าง การจอดรถ ไม่เอื้อเฟื้อใครเลย จอดคนเดียวคร่อม 3 ช่อง แบบนี้ก็คือเข้าลักษณะพาล ไม่ใช่คนดี

ส่วนคนดี หรือ พระพุทธเจ้า เรียกว่าบัณฑิตนั้น มักจะคิดอะไรก็จะคิดแต่เรื่องดี ๆ คิดเผื่อคนอื่น เช่นว่า การจอดรถแบบนี้มันคร่อมเลน ก็ขยับไปอีกหน่อย หรือไม่จอดในที่มีป้ายวีลแชร์ของคนพิการแบบนี้เป็นต้น ก็ไม่จอด

สิ่งเหล่านี้ บัณฑิต มักจะคิดได้ แต่คนพาลจะไม่สนใจเอาแค่ความสะดวกสบายส่วนตัวเท่านั้น

ธรรมะประจำวันอาทิตย์ที่ 27 ตุลาคม 2567 : ‘ทำไม? ต้องเวียนว่ายตายเกิด’

จากช่องติ๊กต็อก @dhamma_tv ได้เผยแพร่คำสอนเรื่อง ‘ทำไม? ต้องเวียนว่ายตายเกิด’ จากรายการ ‘ธรรมะทำไม’ โดย ‘พระครูศรีปริยัติวิสุทธิ์ (หลวงพ่อโกวิท)’ รองเจ้าคณะจังหวัดนครราชสีมา เจ้าอาวาสวัดด่านใน

คำถาม : ไม่ได้ใส่บาตรด้วยอาหารหวานคาว แต่ทำบุญด้วยปัจจัยวันละ 20 บาท จะได้บุญหรือไม่

พระครูศรีปริยัติวิสุทธิ์  (หลวงพ่อโกวิท) : ได้บุญอยู่แล้ว เพราะว่าจิตที่ตั้งใจถวายนั้น มาจากจิตที่ดี จิตที่เอื้อเฟื้อเห็นประโยชน์ อย่าไปยึดติดตรงจํานวนให้ถือเอาเจตนาความตั้งใจว่า เพื่อความอนุเคราะห์พระภิกษุ สามเณร

เรื่องนี้ก็มีการถกกันในวงกว้างพอสมควรในเรื่องถวายปัจจัยพระใส่บาตรพระ ว่าเป็นบาปหรือไม่ บางท่านก็บอกว่าเป็นบาป บางท่านก็บอกว่าไม่เป็น ซึ่งเรื่องนี้ก็คงจะต้องถกกันไปอีกนาน แต่อยากให้สังคมรับทราบว่า ผู้ที่มาบวชพระเพื่อศึกษาเล่าเรียนพระปริยัติธรรมนั้น ไม่ได้มาจากครอบครัวร่ำรวย แต่มาจากคนชั้นกลางกับคนจน และหลาย ๆ ที่จบการศึกษาในระดับสูง ๆ นั้น ก็ล้วนแต่มาจากพระผู้น้อย-เณรผู้น้อยทั้งนั้น แล้วที่อยู่ได้ก็เพราะโยมใส่บาตร 10 บาท 20 บาท นั่นเอง

และท่านก็ไม่ได้รับมาเพื่อสร้างความร่ำรวย และท่านก็ไม่ได้บวช เพื่อจะบรรลุพระอรหันต์วันนี้พรุ่งนี้ แต่ท่านก็ปฏิบัติธรรมปฏิบัติ รักษาพระวินัย ตามคําสอนของพระพุทธเจ้า ซึ่งท่านก็ได้นำปัจจัยนั้นไปใช้ในสิ่งที่เป็นประโยชน์ เป็นค่าพาหนะ ยารักษาโรคยามเจ็บป่วยเป็นต้น

ฉะนั้น ท่านผู้ฟังทั้งหลายที่มีความเป็นกลางขอให้เข้าใจในบริบทของสังคมว่าเราอยู่กันได้เป็นสังคมเป็นปึกแผ่นมาจากความอุปถัมภ์ของอุบาสกอุบาสิกา ญาติโยมถวายเท่านี้ ก็ถือเป็นบุญของโยมและเป็นสิ่งที่ดีแล้ว

ธรรมะประจำวันอาทิตย์ที่ 20 ตุลาคม 2567 : ‘ทำไม? ต้องเวียนว่ายตายเกิด’

จากช่องติ๊กต็อก @dhamma_tv ได้เผยแพร่คำสอนเรื่อง ‘ทำไม? ต้องเวียนว่ายตายเกิด’ จากรายการ ‘ธรรมะทำไม’ โดย ‘พระครูศรีปริยัติวิสุทธิ์ (หลวงพ่อโกวิท)’ รองเจ้าคณะจังหวัดนครราชสีมา เจ้าอาวาสวัดด่านใน

คำถาม : นับถือศาสนาพุทธ แต่ไหว้เทพเจ้า ผิดศีลหรือไม่

พระครูศรีปริยัติวิสุทธิ์  (หลวงพ่อโกวิท) : นอกจากไม่ผิดศีลแล้วยังเป็นความใจกว้างของศาสนาพุทธ เพราะพระพุทธเจ้า ท่านสอนเรื่องเมตตา สอนเรื่องความรัก ไม่ให้แบ่งแยกเขาไม่ให้แบ่งแยกเรา

ไม่มีการแบ่งแยกความเชื่อ เพียงแต่ว่าขมวดปมความเชื่อ ขมวดปมสาระ ในทางพุทธศาสนาจะไม่บอกว่า เราเท่านั้นดีที่สุด คนอื่นไม่ดี ...พระพุทธเจ้าไม่สอนอย่างงั้น

และการไหว้เทพเจ้า ยังอยู่ในหลักการทําบุญข้อที่ 5 ที่ว่าด้วย การประพฤติอ่อนน้อมถ่อมตน “วุฑฒาปะจายิโน, จัตตาโร ธัมมา วัฑฒันติ, อายุ วัณโณ สุขัง พะลัง” ซึ่งใจความสำคัญ คือ “อะปะจายะนะมัย” หมายถึงการประพฤติอ่อนน้อมต่อสิ่งที่สูงกว่า ต่อบุคคลผู้สูงกว่า

ดังนั้น เมื่อเราเป็นพุทธศาสนิกชนที่ดี มีใจกว้าง การจะไหว้เทพเจ้าในวัดจีน หรือเทพเจ้าในวัดแขก ไม่ถือว่าเป็นเรื่องผิด และพระพุทธเจ้าไม่ได้ห้าม

ธรรมะประจำวันอาทิตย์ที่ 13 ตุลาคม 2567 : ‘ทำไม? ต้องเวียนว่ายตายเกิด’

จากช่องติ๊กต็อก @dhamma_tv ได้เผยแพร่คำสอนเรื่อง ‘ทำไม? ต้องเวียนว่ายตายเกิด’ จากรายการ ‘ธรรมะทำไม’ โดย ‘พระครูศรีปริยัติวิสุทธิ์ (หลวงพ่อโกวิท)’ รองเจ้าคณะจังหวัดนครราชสีมา เจ้าอาวาสวัดด่านใน

คำถาม : ไปวัดทําบุญจนเงินหมด ไม่เหลือเงินไว้ซื้อแม้กระทั่งของกิน  แบบนี้ควรจะทำอย่างไร

พระครูศรีปริยัติวิสุทธิ์ (หลวงพ่อโกวิท) : ก่อนอื่นเราต้องทำความเข้าใจก่อนว่า ‘การทําบุญ’ มีมากมายหลายอย่างที่ไม่ต้องใช้เงิน ไม่ว่าจะเป็น การรักษาศีล การสวดมนต์ ความเอื้อเฟื้อมีน้ำใจ ความอ่อนน้อมถ่อมตน ก็ถือว่าเป็นการทำบุญได้ทุกวันเหมือนกัน 

ส่วนการทำบุญด้วยการบริจาคเงินนั้น ควรทําแต่พอประมาณ จะทำ 5 บาท 10 บาท ก็ไม่มีใครว่า แต่ถ้าทำถึงขนาดไม่เหลือเงินไว้ซื้อน้ำกิน ก็ถือว่าไม่เป็นไปตามหลักคําสอนของพระพุทธเจ้า คือเบียดเบียนตนเอง สมมติว่าเรามีเงิน 20 บาท เราอาจจะทำบุญ 2 บาทก็ได้ แต่ไปมุ่งรักษาศีล 5 และสวดมนต์ภาวนา แบบนี้เราก็ได้บุญเหมือนกัน

สิ่งสำคัญที่สุด คือ ต้องรักษาใจ ให้มีความเชื่อมั่น ศรัทธา ไม่หวั่นไหว ด้วยจิตที่อิ่มเอม เห็นประโยชน์ของการทำบุญการบริจาค ส่วนจะมากจะน้อยขึ้นอยู่กับความตั้งใจ และยึดมั่นในประโยชน์ของพระพุทธศาสนา ต่อพระสงฆ์ เท่านี้ก็เพียงพอแล้ว

ธรรมะประจำวันอาทิตย์ที่ 6 ตุลาคม 2567 : ทำไม? ต้องเวียนว่ายตายเกิด’

จากช่องติ๊กต็อก @dhamma_tv ได้เผยแพร่คำสอนเรื่อง ‘ทำไม? ต้องเวียนว่ายตายเกิด’ จากรายการ ‘ธรรมะทำไม’ โดย ‘พระครูศรีปริยัติวิสุทธิ์ (หลวงพ่อโกวิท)’ รองเจ้าคณะจังหวัดนครราชสีมา เจ้าอาวาสวัดด่านใน

คำถาม: ทำไมจึงเกิดการเวียนว่าย ตาย เกิด และใครเป็นผู้บัญญัติเรื่องนี้?

พระครูศรีปริยัติวิสุทธิ์ (หลวงพ่อโกวิท) : ก็เหมือนกับกลางวันกลางคืน เป็นธรรมชาติ ไม่มีใครบัญญัติ

เมื่อพระอาทิตย์ขึ้น เราก็สมมุติว่ากลางวัน แล้วใครไปทําให้พระอาทิตย์ขึ้น? ก็ไม่มีคนทํา พระอาทิตย์นั้นอยู่คงที่

ซึ่งนักดาราศาสตร์ค้นพบแล้วว่า ตัวหมุนมันคือโลก แต่เนื่องด้วยเราอยู่ในโลก มันใหญ่เรามองไม่เห็นเราก็นึกว่าพระอาทิตย์มันเคลื่อนมันขึ้นมันตก

ฉะนั้น จึงไม่มีใครสร้างกลางวัน ไม่มีการใครสร้างกลางคืนฉันใด การเวียนว่ายเราเกิดก็ฉันนั้นแหละ เป็นเรื่องธรรมชาติ

เป็นสิ่งที่มีมาอยู่แล้ว ซึ่งพระพุทธเจ้า ตรัสว่า มีเกิดขึ้น ดํารงอยู่ สูญสลายไป แต่พระพุทธเจ้า ท่านรู้เหตุรู้ผล และนํามาสอนพวกเรา ให้รู้ว่าการเกิด มันจะนํามาซึ่งความเจ็บ นํามาซึ่งความแก่ แล้วสุดท้ายนํามาซึ่งความตาย

ดังนั้น เมื่อความเจ็บ ความแก่ ความตาย เป็นทุกข์ ความเกิดก็เป็นทุกข์ ท่านเลยสอนให้เราออกจากทุกข์ นี่คือเหตุใหญ่ของอริยสัจ 4 ประการ...

ธรรมะประจำวันอาทิตย์ที่ 29 กันยายน 2567 : ไม่มีเงิน ไม่มีเวลา แต่อยากได้บุญ

จากช่องติ๊กต็อก @dhamma_tv ได้เผยแพร่คำสอนเรื่อง ‘ไม่มีเงิน ไม่มีเวลา แต่อยากได้บุญ’ จากรายการ ‘ธรรมะทำไม’ โดย ‘พระครูศรีปริยัติวิสุทธิ์ (หลวงพ่อโกวิท)’ รองเจ้าคณะจังหวัดนครราชสีมา เจ้าอาวาสวัดด่านใน

💛คำถาม: ไม่มีเงิน ไม่มีเวลา แต่สวดมนต์อยู่บ้านถือว่าทำบุญไหม แล้วจะได้บุญเท่าคนอื่น ๆ หรือไม่?

🔔พระครูศรีปริยัติวิสุทธิ์ (หลวงพ่อโกวิท): อยากให้ย้อนกลับไปดู ‘บุญกิริยาวัตถุ 10’ การทำบุญตักบาตร ก็เป็น 1 ใน 10 เช่นเดียวกับการสวดมนต์ ทำสมาธิ การรักษาศีล

เมื่อถามว่าจะได้บุญเท่าคนอื่น ๆ หรือไม่นั้น มองง่าย ๆ คือ จาก 10 ข้อ เราทำแค่ 2 ข้อ ก็แปลว่าเราสู้คนอื่น ๆ ที่ทำไป 8 ข้อไม่ได้ เป็นตรรกะง่าย ๆ หากทำเท่าคนอื่น ๆ ก็ได้เท่าเขา 

โดยทั่วไปที่พบเห็นคือ ญาติโยมมักจะทำแบบไม่ต่อเนื่อง สวดมนต์ไม่ต่อเนื่อง นั่งสมาธิไม่ต่อเนื่อง แต่อยากได้บุญต่อเนื่อง อยากได้ความดีต่อเนื่อง ก็ขอให้ปรับพฤติกรรมใหม่ อย่าไปลังเล อย่าไปสงสัย ทำอะไรได้ก็ทำเลย

💛คำถาม: แล้วแค่สวดมนต์อยู่บ้านได้บุญไหม?

🔔พระครูศรีปริยัติวิสุทธิ์ (หลวงพ่อโกวิท): ใน ‘บุญกิริยาวัตถุ 10’ มีข้อที่กล่าวถึงการรักษาศีล ก็ไม่ต้องใช้เงิน ฟังธรรมก็ไม่ต้องใช้เงิน ฟังยูทูบ ฟังรายการธรรมะ มีโทรศัพท์ แต่เราไม่มีเงินก็ฟังได้ การแผ่ส่วนบุญให้เพื่อน ทำความเห็นให้ตรง ขวนขวาย ช่วยเหลือกิจการงาน ประพฤติอ่อนน้อมถ่อมตน ลองกลับไปดู ‘บุญกิริยาวัตถุ 10’ ได้เลย

ส่วนที่บอกว่าไม่มีเวลา ไม่จริง หลวงพ่อเชื่อว่ามีเวลาแน่นอน เราต้องมาจัดสรรปันเวลา แค่ 10 หรือ 20 ก็ได้แล้ว แค่ต้องจัดสรรเวลาให้ดี 

ส่วนเรื่องเงินทำบุญ ถ้ามีเงิน แต่มีน้อย ก็ใช้วิธีทำบุญด้วยการใช้เงินให้ลดลง อย่าให้ตัวเองลำบาก แล้วไปมุ่งสวดมนต์ให้มาก ๆ ความอ่อนน้อมถ่อมตนก็เป็นบุญในทุกวัน ทั้งต่อผู้ใหญ่ ผู้น้อย ต่อผู้ร่วมงาน แล้วก็ยินดีในบุญคนอื่น

หากเราสร้างบุญด้วยเหตุที่ถูกต้อง เดี๋ยวก็จะมีเงิน มีปัจจัยเข้ามาสนองเราเอง

ธรรมะประจำวันอาทิตย์ที่ 22 กันยายน 2567 : วัดใหญ่ วัดเล็ก เราควรทำบุญวัดไหน?

จากช่องติ๊กต็อก @dhamma_tv ได้เผยแพร่คำสอนเรื่อง ‘วัดใหญ่ วัดเล็ก เราควรทำบุญวัดไหน?’ จากรายการ ‘ธรรมะทำไม’ โดย ‘พระครูศรีปริยัติวิสุทธิ์ (หลวงพ่อโกวิท)’ รองเจ้าคณะจังหวัดนครราชสีมา เจ้าอาวาสวัดด่านใน

🔔คำถาม: คนจำนวนหนึ่งเชื่อว่าการทำบุญในวัดใหญ่ จะได้บุญเยอะ แต่ก็มีคนอีกจำนวนหนึ่งออกมาค้าน และบอกว่า ทำบุญกับวัดป่า วัดเล็ก ๆ ได้บุญมากกว่า แท้จริงแล้วเรื่องนี้มีคำตอบอย่างไร?

พระครูศรีปริยัติวิสุทธิ์ (หลวงพ่อโกวิท): พระพุทธเจ้าทรงให้หลักในการให้ไว้ดังนี้ (1) วัตถุทานดี: สิ่งที่จะให้ต้องมีคุณภาพและสะอาด ไม่จำเป็นต้องมีราคาแพง แต่ต้องมีคุณค่า (2) เจตนาความตั้งใจ: ต้องมีเจตนาที่ดีในการให้ เช่น ตั้งใจเพื่ออนุเคราะห์หรือบูชา (3) ผู้รับ: ผู้ที่ได้รับต้องใช้สิ่งที่ได้รับไปในทางที่ดี ไม่ทิ้งหรือทำให้เสียหาย

ดังนั้นจะเป็นวัดใหญ่ วัดใหม่ วัดเก่า วัดป่า วัดบ้าน หรือวัดแบบใดก็ได้ทั้งนั้น 

แต่หากเจตนาไม่บริสุทธิ์ ของที่ทำก็ไม่ดี เมื่อผู้รับรับของไปแล้วก็ใช้แบบสุรุ่ยสุร่าย ก็เกิดความเสียหายทั้งนั้นไม่ว่าจะเป็นวัดแบบใด

ดังนั้น เมื่อใดที่มีคนมาบอกบุญเรา แล้วเราพินิจ พิจารณา ใคร่ครวญก่อน เป็นสิ่งที่ถูกต้องและควรทำ ไม่ใช่เรื่องบาป ยิ่งทุกวันนี้มีเครื่องมือในการสืบค้นอยู่แล้ว เราก็สามารถรู้ถึงบรรยากาศของที่นั่นด้วยว่าสะอาดสะอ้านมั้ยมีกิจกรรมอะไรบ้างที่เอื้อต่อชุมชน

ธรรมะประจำวันอาทิตย์ที่ 15 กันยายน 2567 : ‘คนรวย’ ทำบุญด้วยอะไร?

จากช่องติ๊กต็อก @dhamma_tv ได้เผยแพร่คำสอนเรื่อง ‘คนรวยทำบุญด้วยอะไร?’ จากรายการ ‘ธรรมะทำไม’ โดย ‘พระครูศรีปริยัติวิสุทธิ์ (หลวงพ่อโกวิท)’ รองเจ้าคณะจังหวัดนครราชสีมา เจ้าอาวาสวัดด่านใน

👍 คำถาม: ‘คนรวย’ ทำบุญด้วยอะไรถึงรวย?

💛พระครูศรีปริยัติวิสุทธิ์ (หลวงพ่อโกวิท): คำถามนี้จะตอบแบบลึก ๆ ฉะนั้นต้องเปิดใจให้กว้าง ในเรื่องของสมบัติ ความร่ำรวย พระพุทธเจ้าตรัสไว้ 4 แบบ ดังนี้

บุคคลแบบที่ 1 ในอดีตชาติ เวลาทำบุญ (คนไทยจะเข้าใจว่าเป็นการบริจาค เลี้ยงพระ ถวายอาหาร ใส่บาตร แต่จริง ๆ มีมากกว่านั้น) ถ้าทำบุญด้วย ‘ทรัพย์’ (วัตถุทาน) แต่ไม่ได้บอกกล่าวผู้ใด ทำกันเองภายในครอบครัว เกิดชาติต่อไปก็จะเกิดในครอบครัวที่ร่ำรวย มีอันจะกิน มีทรัพย์พร้อม แต่จะไม่มีบริวารสมบัติ คือไม่มีพี่น้อง ไม่มีลูก รวยอยู่คนเดียว โดดเดี่ยว เพราะไม่ได้เชิญชวนใครมาทำบุญ

บุคคลแบบที่ 2 ในอดีตชาติ เป็นคนไม่ค่อยมีทรัพย์ หรือมีน้อย ทำบุญด้วยทรัพย์ที่น้อย แต่ชวนคนอื่นทำบุญเสมอ พอไปเกิดในอีกชาติอีกภพ ก็จะเกิดในครอบครัวปานกลาง ค่อนไปทางแย่ ไม่ค่อยมีทรัพย์สมบัติ มีแต่บริวารสมบัติมาก

บุคคลแบบที่ 3 เป็นคนที่ไม่ทำบุญ และไม่ชวนใครทำบุญ ร้ายไปกว่านั้นยังเหน็บแนมคนทำบุญอีก เมื่อไปเกิดในอีกชาติภพก็จะเป็นคนอนาถา เช่น ยากจน ถูกทิ้ง ไม่มีคนข้างกาย พี่น้องก็ไม่มี เรียกว่าไม่มีใครเอา

บุคคลแบบที่ 4 ทำบุญตามสมบัติที่ตนเองมี เชิญชวนผู้อื่นมาทำบุญ เคารพใคร รักใคร ก็เชิญชวนมาร่วมทำบุญ ทำด้วยจิตที่บริสุทธิ์ ส่งผลให้เมื่อไปเกิดในชาติต่อไป ก็จะมีสมบัติ มีบริวารสมบัติ ตามสิ่งที่เขาทำมา 

ดังนั้นการที่คนไทยทำบุญ แล้วมีการเชิญชวนผู้อื่นมาทำบุญ ก็เปรียบเสมือนทำตามพุทธพจน์ข้อที่ 4 (บุคคลแบบที่ 4) เพราะการบอกบุญไม่ใช่การรบกวน ทั้งเขาและเรา 

มาถึงคำถามที่ว่าคนรวยทำบุญด้วยอะไร? เขาก็ทำตามอย่างใน 4 ข้อที่ได้กล่าวไปข้างต้น

ยกตัวอย่างเช่น ชาวจีนโพ้นทะเลที่ล่องเรือมาพึ่งพระบรมโพธิสมภารพระมหากษัตริย์ไทยในสมัยก่อนนี้ ตอนมาก็อาจจะไม่มีอะไรติดตัว ไม่มีสมบัติ แต่จริง ๆ เขามีสมบัตินะ นั่นคือ มือ เท้า ร่างกายที่สมบูรณ์แข็งแรง มีธรรมะติดตัวมา คือความกตัญญู ความขยันหมั่นเพียร ความซื่อสัตย์สุจริต และถ้าให้เปรียบถึงอดีตชาติ คนกลุ่มนี้ก็อาจจะเป็นคนมีทรัพย์น้อย ทำบุญน้อย แต่มีกัลยาณมิตรดี คบเพื่อนดี ได้สวดมนต์ ภาวนา ทำสมาธิ มีสติ

ลองสังเกต เราจะเห็นว่าคนรวยจำนวนมาก มีปัญญาทุกคน ยังไม่เห็นคนรวยที่ไหนโง่เลย

ขอฝากข้อคิดอย่างหนึ่งคือ ‘อย่าคิดรวยทางลัด’ พึ่งโชค พึ่งดวง แบบนี้ไม่สนับสนุน

👍 คำถาม: แล้วคนที่ถูกหวย ลอตเตอรี่ ทำบุญอะไรมา? หรือเป็นเพราะความบังเอิญ?

💛พระครูศรีปริยัติวิสุทธิ์ (หลวงพ่อโกวิท): ตัดเรื่องความบังเอิญทิ้งไป ไม่มีศาสนาไหนสอนเรื่องความบังเอิญ ความบังเอิญไม่มีอยู่จริง มีแต่เหตุทั้งนั้น

สมมติว่าถูกรางวัลที่ 1 แสดงว่าเขาต้องเคยได้ทำบุญไว้ในอดีต ได้ทำบุญกับพระพุทธเจ้า พระองค์ใดพระองค์หนึ่ง หรือได้ทำบุญกับพระอรหันต์ แต่เขาก็ทำบาปเหมือนกัน ทำให้ต้องเวียนว่ายตายเกิดมาในชาติที่ยากจน แต่วันหนึ่งที่ผลแห่งทานที่เคยทำมันถึงเวลาให้ผล เขาก็จะได้รับผลนั้น อย่าคิดว่าโชคดี ไม่ใช่เรื่องโชค แต่เป็นเรื่องของการกระทำและผลบุญที่สั่งสมไว้

ธรรมะประจำวันอาทิตย์ที่ 8 กันยายน 2567 : เทพ เทวดา อยู่ที่ไหน?

จากช่องติ๊กต็อก @dhamma_tv ได้เผยแพร่คำสอนเรื่อง ‘เทพ เทวดา อยู่ที่ไหน?’ จากรายการ ‘ธรรมะทำไม’ โดย ‘พระครูศรีปริยัติวิสุทธิ์ (หลวงพ่อโกวิท)’ รองเจ้าคณะจังหวัดนครราชสีมา เจ้าอาวาสวัดด่านใน

คำถาม: การที่เราไหว้เทพต่าง ๆ ที่บ้าน แท้จริงแล้วเทพท่านประจำอยู่ที่ไหน?

พระครูศรีปริยัติวิสุทธิ์ (หลวงพ่อโกวิท): ท่านอยู่ในภพภูมิของท่าน เหมือนลม ที่อยู่ทุก ๆ ที่ เรานั่งอยู่ตรงนี้ก็มีลม มีออกซิเจน มีลมหายใจ เทพท่านก็อยู่แบบนี้แหละ อยู่ทุกที่ เราไหว้ท่าน ระลึกถึงท่าน ท่านก็ทราบได้ทันที ส่วนท่านจะช่วยหรือไม่ช่วยก็อยู่ที่บุญของเรา

คำถาม: มีบางคนไม่เชื่อเรื่องเทพเจ้า เทวดาเลย ในความเป็นจริงแล้ว แต่ละคนมีเทพ เทวดาประจำตัวหรือไม่?

พระครูศรีปริยัติวิสุทธิ์ (หลวงพ่อโกวิท): มีสิ ต่อให้ไม่เชื่อก็มี เพราะการมีเทวดาไม่ได้เกี่ยวกับเชื่อหรือไม่เชื่อ แต่เขา (คนนั้น ๆ) ไม่ได้รับประโยชน์จากการมีเทวดา เป็นการมีที่แห้งแล้ง เป็นการมีแบบอาภัพ และหากคน ๆ นั้นไม่ได้พฤติตนดี เทพ เทวดาประจำตัวก็จะไม่มีพลัง 

ต้องเข้าใจด้วยว่า เทพ เทวดา อารักษ์ บางท่าก็เป็น ‘สัมมาทิฏฐิ’ บางท่านก็เป็น ‘มิจฉาทิฐิ’ (ในองค์เทพนั้น ๆ เทวดานั้น ๆ) ยกตัวอย่างเช่น เมื่อโจรทำพิธีบวงสรวง เชิญมาเทพมา ท่านก็มา โจรขอให้ปลอดภัย ท่านก็ช่วย แปลว่าท่านก็ไม่รู้หรอกว่าเป็นอย่างไร ถูกหรือผิด

หากพูดตรง ๆ เทพชอบให้คนไหว้ ถ้าคนไหว้ท่านก็ชอบหมด ผู้หญิงก็ชอบ ผู้ชายก็ชอบ แต่ถ้าไม่ไหว้ท่าน ท่านก็ไม่อยู่ อย่างศาลที่ร้างไป เพราะท่านไม่อยู่ ที่ใดที่ท่านอยู่มาก ก็จะมีผู้คนไปไหว้ ไปกราบมาก

ธรรมะประจำวันอาทิตย์ที่ 25 สิงหาคม 2567 : ทำบุญตอนนี้ ได้บุญตอนไหน?

จากช่องติ๊กต็อก @dhamma_tv ได้เผยแพร่คำสอนเรื่อง ‘ทำบุญตอนนี้ ได้บุญตอนไหน?’ จากรายการ ‘ธรรมะทำไม’ โดย ‘พระครูศรีปริยัติวิสุทธิ์ (หลวงพ่อโกวิท)’ รองเจ้าคณะจังหวัดนครราชสีมา เจ้าอาวาสวัดด่านใน

คำถาม: ทำบุญชาตินี้ ทำไมต้องหวังผลชาติหน้า?

พระครูศรีปริยัติวิสุทธิ์ (หลวงพ่อโกวิท): ต้องเคลียร์และทำความเข้าใจก่อน ในเรื่องของการทำบุญ ทำบาป ทำเดี๋ยวนั้น มันได้เดี๋ยวนั้นเลยนะ ยกตัวอย่างเช่น หากเราตีหัวคน เป็นการทำบาป ตีเดี๋ยวนั้น ก็เกิดเรื่องเดี๋ยวนั้น หรือเรายิ้มให้เพื่อนเดี๋ยวนั้น เขาก็ยิ้มตอบ ก็เป็นบุญเดี๋ยวนั้น หรือเรากราบพระ เราไหว้พระ เรารักษาศีล ทำแล้วมันได้เลย มันไม่ได้รอเลย แต่ว่าผลที่มันจะเกิดขึ้น บางครั้งเกิดมากเดี๋ยวนั้น บางครั้งก็ต้องรอเวลาที่มันจะเกิด คือมันอยู่ที่ปริมาณ 

สมมติถ้าตีหัวคนธรรมดา ๆ ก็เป็นเรื่อง หากตีหัวพระสงฆ์ เรื่องก็จะใหญ่ขึ้น และหากไปตีหัวผู้มีอำนาจใหญ่โต เรื่องก็ยิ่งใหญ่โตขึ้นตามไปด้วย จะเห็นได้ว่า เป็นการตีเหมือนกัน แต่วัตถุที่เป็นเหตุให้เกิดขึ้นจะมีพลังต่างกัน

ส่วนเรื่องทำบุญ เช่น การใส่บาตร ใส่ส้ม 1 ผล ใส่แกง 1 ถุง ใส่ข้าวสุก 1 ถุง ใส่น้อย ๆ แต่ใส่ทุกวัน บุญก็สะสมทุกวัน หรืออย่างเช่นการเรียนหนังสือ เข้าชั้นอนุบาล ประถม มัธยม จนถึงมหาวิทยาลัย ถามว่าตอนเรียนในมหาวิทยาลัย ความรู้สมัยอนุบาลติดตัวมาด้วยหรือไม่? แน่นอนว่าติดตัวมาด้วย เพราะเราอ่านออก เขียนหนังสือได้ นี่แหละเปรียบเสมือนการสะสมบุญ สะสมเรื่อย ๆ ต่อเนื่อง

ตราบใดที่เรายังทำบุญอยู่ ทำบุญสม่ำเสมอ เติมบุญอีกเรื่อย ๆ ทั้งบุญเก่า บุญใหม่ก็ส่งผลให้เกิดความสุข เกิดความสำเร็จ 

มีพระบาลีกำกับว่า ‘ยัง ยัง เทวาภิปัตเถนติ สัพพะเมเตนะ ลัพภะติ’ แปลว่า ‘บุคคลมนุษย์และเทวดา ปรารถนาผลเลิศ ผลประเสริฐอันใด ผลเลิศ ผลประเสริฐอันนั้น จะสำเร็จได้ด้วยบุญดังนี้’

ดังนั้นเมื่ออยากจะให้เกิดความสุข เกิดความสำเร็จ ก็พึงทำบุญ ไม่ต้องรอว่าจะไปรับผลชาติหน้า แต่จะได้รับผลชาตินี้


© Copyright 2021, All rights reserved. THE STATES TIMES
Take Me Top