Tuesday, 18 March 2025
SPECIAL

ตำรวจไซเบอร์จับเครือข่ายแก๊งสรรพากรปลอม โทรถ่วงเวลาสูบเงินเกลี้ยงบัญชีเกือบ 2 แสน

สืบเนื่องจาก เมื่อช่วงบ่ายของวันที่ 24 ม.ค.66 ผู้เสียหายได้รับโทรศัพท์จากหญิงปริศนา อ้างว่าเป็นเจ้าหน้าที่สรรพากรจังหวัดนนทบุรี สอบถามข้อมูลเกี่ยวกับโครงการร้านค้าคนละครึ่งของผู้เสียหาย จากนั้นออกอุบายว่าผู้เสียหายได้ส่วนลดในการชำระภาษี จากนั้นจึงให้ผู้เสียหายแอดไลน์กรมสรรพากรปลอม พร้อมกับทำการโอนสายไปให้ชายอีกคน ระหว่างคุยสายก็ให้ผู้เสียหายทำการกดลิงก์พร้อมกรอกข้อมูลต่างๆ ตามขั้นตอนที่แจ้งจนเสร็จสิ้น หลังจากวางสาย ผู้เสียหายพบว่าเงินในบัญชีธนาคารถูกโอนออกไป จำนวน 171,112 บาท จึงเข้าแจ้งความเพื่อดำเนินคดี 

พล.ต.ท.วรวัฒน์ วัฒน์นครบัญชา ผบช.สอท. จึงสั่งการให้ พล.ต.ต.สถิตย์ พรมอุทัย ผบก.สอท.3 ส่งเจ้าหน้าที่ออกสืบสวนเพื่อจับกุมผู้ที่เกี่ยวข้องมาดำเนินคดีโดยเร็ว จนสามารถขออำนาจศาลออกหมายจับผู้เกี่ยวข้องได้หลายราย

ต่อมา กก.วิเคราะห์ข่าวและเครื่องมือพิเศษ บก.สอท.3 ได้ทำการสืบสวนจนทราบว่า น.ส.ธัญญากร อายุ 27 ปี ชาวจังหวัดนนทบุรี หนึ่งในผู้ร่มขบวนการ ซึ่งเป็นผู้ต้องหาตามหมายจับของศาลจังหวัดมหาสารคาม พักอาศัยอยู่หมู่บ้านแห่งหนึ่งใน ต.เสาธงหิน อ.บางใหญ่ จว.นนทบุรี จึงทำการวางแผนเข้าจับกุม จนสามารถจับกุมผู้ต้องหาดังกล่าวได้ริมถนนตรงข้าม ซอยแก้วอินทร์ 25 ต.บางแม่นาง อ.บางใหญ่ จว.นนทบุรี

โดยได้แจ้งในข้อหา “ร่วมกันลักทรัพย์โดยลวงเป็นเจ้าพนักงาน, ร่วมกันนำเข้าสู่ระบบคอมพิวเตอร์ซึ่งข้อมูลคอมพิวเตอร์ที่บิดเบือนหรือปลอมไม่ว่าทั้งหมดหรือบางส่วนหรือข้อมูลคอมพิวเตอร์อันเป็นเท็จโดยประการที่น่าจะเกิดความเสียหายแก่ผู้อื่นหรือประชาชนและร่วมกันเข้าถึงโดยมิชอบซึ่งระบบคอมพิวเตอร์ที่มีมาตรการป้องกันการเข้าถึงโดยเฉพาะและมาตรการนั้นมิได้มีไว้สำหรับตน” จากนั้นจึงควบคุมตัวส่งพนักงานสอบสวน กก.4 บกสอท. 3 ต่อไป           

กองบังคับการสืบสวนสอบสวนอาชญากรรมทางเทคโนโลยี 3 กองบัญชาการตำรวจสืบสวนสอบสวนอาชญากรรมทางเทคโนโลยี ภายใต้การอำนวยการของ พล.ต.ท.วรวัฒน์  วัฒน์นครบัญชา  ผบช.สอท.  พล.ต.ต.สถิตย์ พรมอุทัย ผบก.สอท.3, พ.ต.อ.พงศ์นรินทร์ เหล่าเขตกิจ ผกก.วิเคราะข่าวฯ บก.สอท.3 สั่งการให้ พ.ต.ท.ภาคภูมิ บุญเจริญพานิช รอง ผกก.วิเคราะห์ข่าวฯ บก.สอท.3, พ.ต.ท.เลอศักดิ์ พิเชษฐไพบูลย์ สว.กก.วิเคราะห์ข่าวฯ พ.ต.ต.รุ่งเรือง มีสติ สว.กก.วิเคราะห์ข่าวฯ, พ.ต.ต.ธวัช ทุเครือ สว.กก.วิเคราะห์ข่าวฯ, พ.ต.ต.ขจร แย้มชม สว.กก.วิเคราะห์ข่าวฯ

'เพจดัง' จวก!! 'โจรเด็ก 9 ปี' บุกปีนบ้าน แต่ตำรวจทำอะไรไม่ได้ อ้าง!! เพราะมีกฎหมายคุ้มครองเด็ก สุดท้ายปล่อยลอยนวล

(6 ต.ค.66) จากกรณีเพจเฟซบุ๊ก Drama-addict เปิดเผยเรื่องร้องเรียนจากลูกเพจ กรณีโจรเด็กอายุ 9 ปี บุกปืนบ้านขโมยเงินไป 33,400 บาท แต่ตำรวจทำอะไรไม่ได้เพราะมีกฎหมายคุ้มครองเด็ก โจรไม่ต้องรับโทษอะไร

สวัสดีครับจ่า มีเคสโจรเด็กอายุ 9 ปี บุกปีนบ้านผม

ขโมยเงินไป 33,400 บาท ตำรวจทำอะไรไม่ได้เพราะมีกฎหมายคุ้มครองเด็ก โจรไม่ต้องรับโทษอะไรเลยวันที่ 12 มีนาคม ปีนี้ผมโดนโจรเด็กอายุ 9 ปี บุกปีนบ้านตอนกลางคืน ขโมยเงินสดไป 33,400 บาท ตำรวจทำอะไรไม่ได้เพราะมีกฎหมายคุ้มครองเด็ก 

-ตำรวจบอกว่าเคสนี้ทำอะไรเด็กไม่ได้เพราะมีข้อคุ้มครองเด็กอยู่
-ส่วนผู้ใหญ่ไม่ต้องรับผิดชอบ เพราะตำรวจไม่มีหลักฐานสาวถึงตัวผู้ใหญ่ (มีแค่คำสารภาพจากเด็กว่ามีผู้ใหญ่ที่สนิทพาไปปีน ซึ่งแค่คำให้การอย่างเดียวตำรวจดำเนินคดีไม่ได้)
-พ่อแม่เด็กเสนอชดใช้ให้ตามจริยธรรมเป็นเงินเดือนละ 1,000 บาท คุณพ่อแม่เด็กจ่ายได้2000 หลังจากนั้นก็ติดต่อพ่อแม่เด็กไม่ได้อีกเลย
-มีใบแจ้งความและใบข้อมูลคนร้ายครบ 
-มีคลิปขณะโจรบุก
-โจรคนนี้เคยก่อคดีแล้วหลายครั้ง มากๆ กับบ้านในชุมชน แต่ทุกคดีก็รอดหมดเพราะตำรวจดำเนินคดีไม่ได้เพราะเป็นเด็ก
พ่อแม่เด็กน่าจะเกี่ยวข้องกับยาเสพติด
-พ่อ เพิ่งออกจากคุกได้ไม่นานคดีพยายามฆ่า
-เด็ก ขาดการศึกษา ไม่ได้เรียนหนังสือในโรงเรียน
ปัจจุบันเด็กยังลอยนวล เดินไปมาในชุมชนอยู่ตามปกติ กลัวว่าในอนาคตจะเกิดอันตรายกับคนในชุมชนอีกครับ เพราะที่ผ่านมาก็หลายคดีแล้ว แต่รอดหมดทุกคดีครับ 
เขาเลยขอความช่วยเหลือมาครับ มีคลิปกล้องวงจรปิดและเอกสารแจ้งความครบถ้วน สื่อเจ้าไหนสนใจ ติดต่อหลังไมค์

‘ตำรวจ’ บุกรวบ ‘2 พ่อค้า’ ขายปืน-กระสุน ให้เด็กวัย 14 ปี ก่อนไปก่อเหตุที่พารากอน เตรียมนำตัวสอบปากคำที่กรุงเทพฯ

(5 ต.ค. 66) จากกรณีโศกนาฏกรรม เยาวชนวัย 14 ปี ได้ก่อเหตุกราดยิงในศูนย์การค้าสยามพารากอน จนเป็นเหตุให้มีผู้เสียชีวิต 2 ราย และบาดเจ็บจำนวนมาก ตามที่ได้เสนอไปแล้วนั้น

ผู้สื่อข่าวรายงานว่า กองบัญชาการตำรวจนครบาล (บช.น.) เตรียมออกหมายจับ 3 บุคคล ที่จำหน่ายปืน และกระสุนให้กับผู้ก่อเหตุวัย 14 ปี โดยเป็นการขายให้ผ่านโซเชียลมีเดีย

ล่าสุด ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ตำรวจจับตัวผู้ขายอาวุธปืนและอาวุธได้แล้ว 2 ราย ที่จังหวัดยะลา กำลังนำตัวเข้าสอบปากคำที่กรุงเทพฯ

ทั้งนี้ พบว่าผู้ก่อเหตุยิงวัย 14 ได้ซื้อปืนกล็อก 19 จาก นายสุวรรณหงษ์ (สงวนนามสกุล) หลังจากโอนเงินนั้น บัญชีดังกล่าวมีการถอนเงินที่ตู้ ATM ปั๊ม ปตท.บจก.ยะลาออยล์ พบว่านายสุวรรณหงษ์ ทำธุรกรรมด้วยตนเอง จึงได้ออกหมายและประสานชุดสืบสวน ภ. 9 จับกุมดำเนินการ หลังหมายจับออกเมื่อคืนนี้ ขณะที่ผู้ต้องหาอีกราย ชื่อ นายอัครวิชญ์ (สงวนนามสกุล) อายุ 22 ปี เป็นชาวจ.ยะลา เช่นกัน

‘ตำรวจ’ คุมตัว ‘มือปืนอายุ 14’ ไล่ยิงคนในพารากอนแล้ว พบผู้เสียชีวิต 3 ราย ส่วนผู้บาดเจ็บกำลังตรวจสอบ

(3 ต.ค.66) ผู้สื่อข่าวรายงานว่า หลังเกิดเหตุระทึกกลางห้างสรรพสินค้าสยามพารากอน ทำให้ประชาชนที่อยู่ภายในห้าง ต่างวิ่งแตกตื่นหนีตายกันออกมา เจ้าหน้าที่ของห้างได้รีบอพยพคนออกมาภายนอกห้างอย่างเร่งด่วน

ขณะที่คนร้ายแต่งกายมิดชิด สวมหมวกแก๊บเดินถือปืนอยู่ในห้าง เจ้าหน้าที่ตำรวจและเจ้าหน้าที่ที่เกี่ยวข้องอยู่ระหว่างเข้าพื้นที่เพื่อควบคุมสถานการณ์

สำหรับผู้บาดเจ็บล่าสุด พบว่ามี 4 ราย เป็นเจ้าหน้าที่ รปภ.ของห้าง ถูกนำตัวส่ง รพ.หัวเฉียว ส่วนอีก 2 ราย ถูกนำตัวส่งโรงพยาบาล

ขณะเดียวกันเจ้าหน้าที่สามารถควบคุมตัวคนร้ายได้แล้ว เป็นเด็กชาย อายุ 14 ปี โดยคนร้ายยอมมอบตัวภายในโรงแรมชื่อดัง ซึ่งตำรวจอยู่ระหว่างนำตัวไปสอบปากคำ พร้อมอาวุธปืนที่ใช้ก่อเหตุ นอกจากนี้เจ้าหน้าที่อยู่ระหว่างเข้าตรวจสอบหาตัวผู้บาดเจ็บเพิ่มเติม

ผู้สื่อข่าวรายงานต่อว่า สำหรับผู้เสียชีวิตล่าสุดมีรายงานว่า ขณะนี้เสียชีวิตแล้ว 3 ราย ส่วนผู้บาดเจ็บอยู่ระหว่างตรวจสอบของเจ้าหน้าที่ และกำลังตรวจสอบหาผู้บาดเจ็บเพิ่มเติมภายในห้างพารากอน

‘คู่สามีภรรยา’ โร่แจ้งความ เหตุถูกรางวัลที่ 1 ชุด 5 ใบ 30 ล้าน แต่ดันไม่ได้รับเงิน หลังซื้อลอตเตอรี่ทางออนไลน์กับเพจชื่อดัง

(2 ต.ค.66) ได้มีผู้เสียหายสามีภรรยาเข้าแจ้งความลงบันทึกประจำวันไว้ที่ สภ.ตลุกดู่ อำเภอทัพทัน จังหวัดอุทัยธานี หลังจากได้ซื้อลอตเตอรี่ผ่านทางออนไลน์จากเพจชื่อดังโดยซื้อขายเมื่อวันที่ 23 กันยายน 2566 มีหลักฐานการซื้อขายทางแชทไลน์เพื่อให้เจ้าหน้าที่ จึงลงบันทึกประจำวันไว้เป็นหลักฐาน

ผู้เสียหายทั้ง 2 รายคือนายสมเกียรติ อายุ 60 ปี ชาวบ้านหนองเป็ดก่า อำเภอทัพทัน จังหวัดอุทัยธานี พร้อมนางสาวนารีรัตน์ อายุ 37 ปี ซึ่งเป็นภรรยาได้ให้การกับเจ้าหน้าที่ว่า ได้ซื้อขายลอตเตอรี่ทางออนไลน์กับทางเพจดังกล่าวเมื่อวันที่ 23 กันยายน 2566 หมายเลข 727202 ชุด 5 ใบ โดยมีการซื้อขายทางออนไลน์หลังหวยออกจึงมาตรวจดูปรากฎถูกรางวัลที่ 1 หมายเลข 727202 จำนวน 5 ใบ เป็นเงิน 30 ล้านบาท เมื่อติดต่อไปทางผู้ขายกลับถูกทางผู้ขายอ้างกลับมาว่า ทางผู้ซื้อไม่ตอบกลับมาและติดต่อไม่ได้ ในวันนี้ตนจึงนำหลักฐานมาแจ้งความลงบันทึกประจำกับเจ้าหน้าที่ตำรวจ สภ.ตลุกดู่

ทั้งนี้ 2 สามีภรรยาผู้เสียหายยังเปิดเผยด้วยว่า เลขดังกล่าวตนได้มาจากการไหว้เขย่าเซียมซีกับหลวงพ่อกวย จังหวัดชัยนาท

ธรรมะประจำวันอาทิตย์ที่ 1 ตุลาคม 2566

‘ควาย’ เมื่อมันติดหล่ม มันยังรู้จักถอนตัว แต่เมื่อคนไปตกอยู่ในอารมณ์ทำไม ...ไม่รู้จักถอนตัว
ไปปล่อยให้ตัวเองจมอยู่ทำไม เศร้าหมองทำไม …“ต้องถอนออกมาเลย”

- หลวงพ่อคำเขียน สุวณฺโณ -

‘ผบช.กมค.’ ชี้!! PCT ทำคดี ‘มินนี่’ ถูกต้องตามขั้นตอนกฎหมาย ไม่อยากพูดเยอะ เพราะนายกฯ ตั้ง กก.ตรวจสอบด้วยแล้ว

(29 ก.ย. 66) จากกรณี น.ส.ธันยนันท์ หรือ สุชานันท์ สุจริตชินศรี หรือ ‘มินนี่’ หนึ่งในผู้ต้องหาคดีเว็บพนันออนไลน์ ได้ออกมาเปิดใจกรณีการถูกเจ้าหน้าที่ศูนย์ปราบปรามอาชญากรรมทางเทคโนโลยีสารสนเทศ สำนักงานตำรวจแห่งชาติ (PCT ) อย่างน้อย 2 นาย บุกค้นบ้านตอนตีสาม พร้อมยึดโทรศัพท์มือถือนำไปตรวจสอบก่อนมีภาพหลุดส่วนตัวถ่ายคู่กับนายตำรวจที่ถูกกล่าวหาพัวพันกับบัญชีม้าเว็บพนัน ตามข่าวที่เสนอไปแล้วนั้น

ล่าสุด พล.ต.ท.ไตรรงค์ ผิวพรรณ ผู้บัญชาการสำนักงานกฎหมายและคดี สำนักงานตำรวจแห่งชาติ (ผบช.กมค.) ในฐานะหัวหน้าชุดปฏิบัติการ PCT กล่าวว่า เรื่องการสอบสวนได้ส่งให้พนักงานสอบสวนตั้งแต่เมื่อวานแล้ว ทุกเรื่องควรจะอยู่ในสำนวนได้แล้ว เพราะตนได้ชี้แจงไปเยอะแล้ว ประกอบกับนายเศรษฐา ทวีสิน นายกรัฐมนตรี ได้ตั้งคณะกรรมการมาตรวจสอบการปฏิบัติการในวันตรวจค้นด้วยแล้ว ซึ่งจะรอผลการตรวจสอบ

นอกจากนี้ พล.ต.ท.ไตรรงค์ ยืนยันว่า เจ้าหน้าที่ตำรวจ PCT เข้าตรวจค้นและจับกุม ‘มินนี่’ ได้ปฏิบัติตามขั้นตอนของกฎหมายทุกประการ

และเมื่อถามต่อว่า ตำรวจที่ชื่อ ‘เจ’ ที่มินนี่อ้างว่ายึดมือถือไปนั้นมีตัวตนจริงหรือไม่ พล.ต.ท.ไตรรงค์ ได้ปฏิเสธตอบคำถามดังกล่าว บอกเพียงว่าทุกอย่างอยู่ในสำนวน ยืนยันว่าเจ้าหน้าที่ปฏิบัติการตามขั้นตอนของกฎหมาย แล้วขออนุญาตให้สัมภาษณ์เพียงแค่นี้ก่อน

สืบนครบาล ผนึกกำลัง สืบภูธรภาค 2 รวบแก๊งมังกร บุกปล้นทรัพย์ชาวจีนย่านห้วยขวาง ก่อนจะเผ่นไปกบดานที่บ่อวิน

วันที่ 27 กันยายน 2566 พล.ต.อ.ดำรงศักดิ์ กิตติประภัสร์ ผบ.ตร. สั่งการ พล.ต.ท.ธิติ แสงสว่าง ผบช.น., พล.ต.ท.อิทธิพล อิทธิสารรณชัย ผบช.ภ.2  , พล.ต.ต.นพศิลป์ พูลสวัสดิ์ รอง ผบช.น., พล.ต.ต.ธีรเดช ธรรมสุธีร์ ผบก.สส.บช.น./หน.ชป.5 ศอ.ปส.ตร, พล.ต.ต.อัฎธพร วงศ์ศิริปรีดา ผบก.น.1, พล.ต.ต.ธีระชัย ชำนาญหมอ ผบก.สส.ภ.2, พ.ต.อ.วรพจน์ รุ่งกระจ่าง รอง ผบก.สส.บช.น., พ.ต.อ.สุกฤต มังคละสวัสดิ์ ผกก.สน.ห้วยขวาง, พ.ต.อ.วิชัย สนสกุล ผกก.สส.น.1, พ.ต.อ.ธัญญพัทธ์ บุญสุข ผกก.สส.2, บก.สส.บช.น., พ.ต.อ.ศานติ กรเกษม ผกก.สส.ภ.จว.ชลบุรี, พ.ต.อ.มาโนด หวังสู้ศึก ผกก.สส 1 บก.สส.ภ 2, พ.ต.อ.เอนก สระทองอยู่ ผกก.สภ.บ่อวิน ร่วมกับเจ้าหน้าที่ตำรวจชุดจับกุม

ร่วมแถลงผลการจับกุม Mr.LUI JIAN ( หลิว เจี้ยน ) สัญชาติจีนอายุ 34 ปี ตามหมายจับของ : ศาลอาญา 3267/2566 ลงวันที่ 26 กันยายน 2566 ข้อหาว่า “ ปล้นทรัพย์โดยผู้กระทำความผิดแม้แต่คนหนึ่งคนใดมีอาวุธติดตัวไปด้วย,และโดยมีหรือใช้อาวุธปืน,ร่วมกันเข้าไปหรือซ่อนตัวอยู่ในเคหสถานในความครอบครองของผู้อื่นในเวลากลางคืนโดยใช้กำลังประทุษร้ายหรือขู่เข็ญว่าจะใช้กำลังประทุษร้ายโดยมีอาวุธ,และโดยร่วมกระทำความผิดด้วยกันตั้งแต่สองคนขึ้นไป,พกพาวุธปืนและมีดไปในเมืองหมู่บ้านหรือทางสาธารณะ โดยไม่มีเหตุอันควรทำให้ผู้อื่นเกิดความกลัวหรือตกใจโดยการขู่เข็ญ” จับกุมได้ที่ร้านอาหารจีน ตำบลบ่อวิน  อำเภอศรีราชา จังหวัดชลบุรี

พฤติการณ์กล่าวคือ เมื่อวันที่ 22 กันยายน 2566 เวลาประมาณ 20.40 น. มีผู้เสียหายชาวจีน 3 คน พักอยู่บ้านเลขที่ 999/92 ห้องที่ 3 หมู่บ้านเกศินีวิลล์ฯ หลังจากเสร็จสิ้นการออกกำลังกาย ได้กลับมายังบ้าน พบว่ามีชายชาวจีนจำนวน 6 คน พร้อมด้วยอาวุธปืน และมีด เข้ามาก่อเหตุปล้นทรัพย์ผู้เสียหายโดยได้ทรัพย์สินประกอบด้วย 1.แหวนทองคำขาวประดับเพชร ยี่ห้อ BVLGARI มูลค่า 627,500 บาท, 2.กำไลข้อมือทองคำขาว ประดับเพชร ยี่ห้อ CARTIER มูลค่า 1,690,000 บาท 3.กระเป๋าถือ ยี่ห้อ CHANEL สีดำ จำนวน 3 ใบ มูลค่ารวม 540,000 บาท  4.กระเป๋า ยี่ห้อ RIMOWA สีดำ มูลค่า 55,000 บาท, 5.โทรศัพท์มือถือยี่ห้อไอโฟน รุ่น 14 PRO สีม่วง ราคา 45,000 บาท 6.โทรศัพท์มือถือยี่ห้อไอโฟน รุ่น 14 PRO สีดำ ราคา 45,000 บาท  ไปจาก ผู้เสียหายชาวจีนทั้ง 3 คน 

ต่อมาตำรวจได้สืบสวน จนสามารถออกหมายจับได้ทั้งหมด พบว่าผู้ต้องหาบางส่วนได้หลบหนีออกไปต่างประเทศ ส่วนตัวผู้ต้องหาที่ถูกจับกุมได้หลบหนี ไปเปิดห้องพักอยู่พื้นที่บ่อวินชลบุรีและออกไปรวมกลุ่มลักลอบมั่วสุมเล่นการพนันกับกลุ่มชาวจีน ด้วยกันในร้านอาหารจีน  จึงบูรณาการกำลังสืบ ภ 2 , สน.บ่อวิน , สน.ห้วยขวาง, สืบ บก.น.1 และ สืบนครบาล จับกุมผู้ต้องหาตามหมายจับ ส่ง สน.ห้วยขวาง และจับกุมกลุ่มชาวจีนที่ลักลอบเล่นการพนัน ( ไพ่นกกระจอก ) จำนวน 6 คน ส่งดำเนินคดีที่ สภ.บ่อวิน  

ชั้นการจับกุมผู้ต้องหาให้การผ่านล่ามภาษาจีนปฎิเสธตลอดข้อกล่าวหา เจ้าหน้าที่จะสืบสวนขยายผลจับกุมกลุ่มบุคคลที่ก่อเหตุ ที่ออกหมายจับไว้แล้วเพื่อดำเนินคดีตามกฎหมายต่อไป

พล.ต.ต.ธีรเดช ธรรมสุธีร์ กล่าวว่า กลุ่มผู้ต้องหาทั้งหมดเป็นชาวจีน ที่ตั้งใจเข้ามาก่อเหตุในประเทศไทยโดยมีข้อมูลของกลุ่มบุคคลที่จะเข้ามาก่อเหตุอยู่แล้ว มีการวางแผนอย่างเป็นขั้นตอน เมื่อก่อเหตุเสร็จ ก็จะแยกย้ายกันหลบหนีออกนอกประเทศ เจ้าหน้าที่ตำรวจได้เพิ่มความเข้มงวดในการดูแลนักท่องเที่ยวให้มากขึ้น และจะทำสืบสวนข้อมูลบุคคลต้องสงสัย และกลุ่มบุคคลที่มีพฤติกรรม ที่เป็นภัยต่อนักท่องเที่ยวต่างชาติ  และถ้ามีบุคคลพบเห็นลักษณะบุคคลที่มีพฤติกรรมน่าสงสัยขอให้แจ้งเจ้าหน้าที่ตำรวจเพื่อดำเนินการในส่วนที่เกี่ยวของต่อไป

'ดร.สุวินัย' ชี้!! ไม่มีใคร 'ได้เงิน-ชัยชนะ' จากเว็บพนันออนไลน์ เหตุ!! ผู้ 'แพ้-ชนะ' ถูกกำหนดล่วงหน้า ใต้ผู้ยิ่งใหญ่คอยคุมเกม

(27 ก.ย.66) ดร.สุวินัย ภรณวลัย ประธานยุทธศาสตร์วิชาการ สถาบันทิศทางไทย อดีตอาจารย์ประจำคณะเศรษฐศาสตร์ มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ โพสต์ข้อความผ่านเฟซบุ๊ก 'Suvinai Pornavalai' ในหัวข้อ 'รู้ทันเว็บพนันออนไลน์' ว่า...

เว็บพนันออนไลน์ที่หากินกับคนไทยทุกเว็บ จะมีรายได้แบบอู้ฟู่มาก ๆ โดยไม่มีทางที่จะสูญเสียแต่อย่างใดเลย

เนื่องเพราะทุกเว็บพนันออนไลน์เหล่านี้มีการใช้ระบบ AI ที่ออกแบบมาอย่างเข้าใจจิตวิทยาและธรรมชาติของปุถุชนอย่างลึกซึ้ง

เพื่อหลอกล่อผู้คนให้หลงเข้าไปเล่นในเว็บพนันออนไลน์ จนเสพติดการพนันออนไลน์งอมแงมโงหัวไม่ขึ้น

ทั้งนี้มันได้มีการตั้งโปรแกรมดักเอาไว้ล่วงหน้าแล้วว่าจะให้ผู้เล่นแต่ละรายจะชนะกี่ % และแพ้กี่ % 

สั้น ๆ มันก็เหมือนกับ AI ในเครื่อง GPS ที่รู้ตั้งแต่แรกแต่ต้นจนจบว่า ผู้เล่นคนนั้นจะลงเอยยังที่ใดตอนที่เข้ามาใช้ในแต่ละครั้ง

รายได้ของเว็บพนันออนไลน์จึงอู้ฟู่สุด ๆ ชนิดบ่อนจริงในโลกออฟไลน์ชิดซ้ายไปเลย

ยกตัวอย่าง โต๊ะบาคาร่าที่แทงกันสด ๆ และเห็นวิดีโอการแจกไพ่ เปิดไพ่ จากบ่อนปอยเปต แบบสด ๆ 

โดยแทงเสร็จปุ๊บ ก็จะเห็นสาวเขมรเปิดไพ่ให้เห็นแบบสด ๆ นั้น แท้จริงแล้ว มันเป็นภาพ AI ที่แต่งหลอกทั้งสิ้น

คนส่วนใหญ่ที่หลงเข้ามาเล่นพนันในเว็บพนันออนไลน์มักไม่ค่อยรู้กันหรอก 

เหมือนอย่างที่ Day Trader ที่เทรด Forex  มักไม่รู้ว่าตัวเองกำลังเทรดกับโบรกเกอร์ที่เป็น ‘เจ้ามือตัวจริง’ ของแพลตฟอร์มที่ตัวเองใช้เทรด หาได้เข้าไปเทรดในตลาด Forex จริง ๆ ไม่

เพราะฉะนั้น คนที่เข้าไปเล่นพนันในเว็บพนันออนไลน์ แทงเท่าไหร่ ก็หมด! เพราะ AI มันจะฉลาดมาก พอรู้ว่า รายนี้เป็นนักเล่นหน้าใหม่เข้ามา มันก็จะอ่อยเหยื่อให้ได้ก่อนตามหลักจิตวิทยา 

เคยมีอินฟลูฯ คนนึงหมดไปกับบาคาร่าออนไลน์ 20 ล้าน 

และมีคดีดังคดีหนึ่งในอดีตที่หนุ่มโปรแกรมเมอร์ไทยคนนึงเข้ามาแจ้งความกับตำรวจและขอความคุ้มครองจากกระทรวงยุติธรรม เพราะว่าตนเองโดนไล่ล่าจากตำรวจใหญ่ยศนายพลคนหนึ่งที่ไปอุ้มเขาจากลานจอดรถ พร้อมข่มขู่ว่าจะฆ่า

เนื่องจากนายพลตำรวจ เจ้าของเว็บพนันออนไลน์คนนี้ ได้คาดคั้นถามเขาว่า...

“ทำไมจู่ ๆ รายได้จากเว็บพนันของกูลดลง”

ซึ่งไม่น่าจะเป็นไปได้จากโปรแกรมที่ตั้งเอาไว้ นายพลตำรวจจึงคิดว่า โปรแกรมเมอร์คนนี้เป็นยักยอก จึงมาดักอุ้มและมีภาพวงจรปิดออกมาด้วย 

จากที่เล่ามาข้างต้น ‘ความจริงที่มีหนึ่งเดียว’ ก็คือ...

(1) นายพลตำรวจผู้มีอิทธิพลบางคน ล้วนเกี่ยวข้องกับเว็บพนันออนไลน์ ไม่มากก็น้อย ไม่ทางตรงก็ทางอ้อม

(2) ไม่มีใครได้เงินจากเว็บพนันออนไลน์ ถ้าไปเล่นหุ้น ยังมีผู้ชนะในตลาดหุ้น 5-10% ของผู้เล่นทั้งหมด
แต่ในเว็บพนันออนไลน์ ผู้เล่นที่สามารถชนะเว็บพนันออนไลน์ได้มี 0% คือไม่มีเลย

ประชาชนจึงต้องรู้ทันกลไกและเล่ห์กลของเว็บพนันออนไลน์

เมื่อรู้ทันก็จะไม่หลงกล พลาดเสียเงินก้อนใหญ่ให้กับเว็บพนันออนไลน์

‘พล.ต.ท.ไตรรงค์’ ขยายผลหลังกวาดล้างเครือข่ายแก๊งพนันออนไลน์ พบตร.8 นาย ตั้งแต่ยศ ‘พล.ต.ต.-พ.ต.อ.’ เข้าไปเอี่ยว-รับผลประโยชน์

(25 ก.ย.66) ที่ บก.น.5 พล.ต.ท.ไตรรงค์ ผิวพรรณ ผู้บัญชาการสำนักงานกฎหมายและคดี เปิดเผย กรณีที่ได้มีการระดมกำลังกวาดล้างเครือข่ายแก๊งพนันออนไลน์ ที่ได้เข้าค้นรวม 30 จุดใน 6 จังหวัดทั่วประเทศ ว่าการเข้าตรวจค้นครั้งนี้เป็นไปตามกระบวนการ

หลังการขยายผลเว็บพนันออนไลน์เบ็ตฟลิกซ์รอยัลดอทคอม และเว็บพนันอื่นๆ รวม 12 เว็บไซต์ของตำรวจ PCT สำนักงานตำรวจแห่งชาติ ที่จับกุมผู้ต้องหา 3 ราย เมื่อกรกฎาคมที่ผ่านมา ก่อนขยายผลผู้ที่เกี่ยวข้องกับเว็บพนันออนไลน์ จนออกหมายจับผู้เกี่ยวข้องเพิ่มเติมอีก 23 คน ในจำนวนนี้เป็นตำรวจ 8 นาย จากการพฤติการณ์พบว่าขบวนการนี้แบ่งหน้าที่กันทำชัดเจน ออกเป็น 4 กลุ่มความผิด 

1.บริหารจัดการเว็บพนันออนไลน์ 
2.จัดหาบัญชีม้า
3.จัดการธุรกรรมการเงินและบัญชี และ 4.ผู้ได้รับผลประโยชน์จากบัญชีม้าดังกล่าว

โดยตำรวจได้มีการสืบสวนจากหลักฐานที่บ่งชี้ชัดเจนว่า 8 นายตำรวจบางนายมีพฤติการณ์ลักษณะเป็นผู้บริหารเว็บไซต์พนันออนไลน์หรือเสมือนเป็นเจ้าของ ส่วนบางนายก็มีผลประโยชน์เชื่อมโยงในแต่ละกลุ่ม บางคนก็มีหลายพฤติการณ์ โดยพบว่าได้กระทำผิดมานานกว่า 2 เดือนแล้ว แต่จะมีจำนวนเงินหมุนเวียนเชื่อมโยงกับตำรวจเท่าใดนั้นยังไม่สามารถเปิดเผยได้ แต่ยืนยันว่ามีตำรวจยศพลตำรวจตรีถึงพันตำรวจเอกเข้าไปมีส่วนเกี่ยวข้อง

ส่วนการเข้าตรวจค้นเมื่อช่วงเช้าที่ผ่านมา เป็นการตรวจค้นเพื่อจับกุมบุคคลตามหมายจับ หลังสืบสวนพบว่าบุคคลดังกล่าวพักอาศัยที่บ้านหลังนี้ โดยไม่ทราบว่าที่ตำรวจชั้นผู้ใหญ่อยู่ที่บ้านหลังดังกล่าวด้วย เพราะชื่อตามทะเบียนบ้านเป็นของบุคคลอื่นซึ่งเป็นพลเรือน ยืนยันไม่ได้เป็นการกลั่นแกล้งรองผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาตินายดังกล่าว ซึ่งขณะนี้สามารถจับกุมได้ 15 คน และในจำนวนนี้เป็นตำรวจอย่างน้อย 1 คน และจะทยอยนำตัวผู้ที่เกี่ยวข้องมาสอบปากคำที่ บก.น.5

ส่วนจะเชื่อมโยงกับรองผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติคนดังกล่าวหรือไม่นั้น ณ ขณะนี้ยังไม่พบ แต่ก็ต้องมีการขยายผลตรวจสอบอย่างละเอียด เพราะนอกเหนือจากหลักฐานที่นำมาใช้ขอศาลออกหมายจับผู้ต้องหาไปก่อนหน้านี้ ตำรวจยังมีพยานหลักฐานให้เชื่อได้ว่าบ้านหลังดังกล่าวเกี่ยวข้องกับการกระทำความผิดด้วย

ศาลฯ พิพากษา จำคุก 'ปริญญ์' ไม่รอลงอาญา  คดีอนาจารหญิงสาว รวม 2 ปี 8 เดือน

(25 ก.ย. 66) นายโกศลวัฒน์ อินทุจันทร์ยง โฆษกสำนักงานอัยการสูงสุด กล่าวว่า ได้รับแจ้งจาก นายสรกรช งามวงศ์วาน อัยการพิเศษฝ่ายคดีอาญากรุงเทพใต้ 3 กรณีที่มีสื่อมวลชนสอบถามมาเกี่ยวกับคดีความผิดทางเพศ ว่า วันนี้ศาลอาญากรุงเทพใต้ ถนนเจริญกรุง ศาลอ่านคำพิพากษาในคดี ที่พนักงานอัยการฝ่ายคดีอาญากรุงเทพใต้ 3 เป็นโจทก์ยื่นฟ้อง นายปริญญ์ พานิชภักดิ์ อดีตรองหัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์ (ปชป.) เป็นจำเลยในความผิดฐานกระทำอนาจารหญิงสาว รวม 2 คดี โดยคดีเเรกเป็นคดีหมายเลขแดงที่ อ.1712/66 ข้อหากระทำอนาจารต่อหน้าธารกำนัลและข่มขืนกระทำชำเราโดยใช้กำลังประทุษร้าย คดีนี้ศาลมีคำพิพากษายกฟ้อง

ส่วนคดีที่ 2 เป็นคดีหมายเลขแดงที่ อ.1711/66 ข้อหากระทำอนาจารแก่บุคคลอายุกว่า 15 ปี โดยขู่เข็ญด้วยประการใดๆ โดยใช้กำลังประทุษร้ายและโดยบุคคลนั้นอยู่ในภาวะที่ไม่สามารถต่อสู้หรือขัดขืนได้ต่อหน้าธารกำนัลนั้น ศาลเห็นว่า จำเลยกระทำความผิดจริงลงโทษจำคุก 2 ปี โดยไม่รอลงอาญา และให้นับโทษจำเลยต่อจากโทษจำคุกในคดีอาญาหมายเลขแดงที่ อ.1409/66 ของศาลอาญากรุงเทพใต้ก่อนหน้านี้

ผู้สื่อข่าวรายงานว่า โดยก่อนหน้านี้เมื่อวันที่ 10 ส.ค.ที่ผ่านมา ศาลอาญากรุงเทพใต้ มีคำพิพากษาในคดีที่พนักงานอัยการฝ่ายคดีอาญากรุงเทพใต้ 3 เป็นโจทก์ยื่นฟ้อง นายปริญญ์ พานิชภักดิ์ อดีตรองหัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์ เป็นจำเลยในความผิดฐานกระทำอนาจารหญิงสาว รวม 2 กรรม เป็น เวลา 2 ปี 8 เดือน โดยไม่รอลงอาญา กรณีก่อเหตุกระทำอนาจารนักศึกษาสาววัย 18 ปี หลังใช้อุบายหลอกมาคุยเรื่องงานและสอนเรื่องหุ้นที่ร้านอาหารชั้นดาดฟ้าในซอยสุขุมวิท 11 เหตุเกิดเมื่อปี 2564 แต่นักศึกษาสาวผู้เสียหายมาร้องทุกข์กับพนักงานสอบสวน สน.ลุมพินี เมื่อเดือน เม.ย.2565 ซึ่งคดีนี้เป็นคดีแรก

‘บิ๊กโจ๊ก’ ปัดเอี่ยวเครื่อข่ายพนันออนไลน์ หลังตร.ไซเบอร์บุกค้น ส่วนที่ออกหมายจับลูกน้อง กร้าว!! หากทำผิดไม่มีการละเว้น

(25 ก.ย. 66) พล.ต.อ.สุรเชษฐ์ หักพาล รองผบ.ตร. ให้สัมภาษณ์ภายหลังพาเจ้าหน้าที่ตำรวจไซเบอร์ตรวจค้นบ้านพักภายในหมู่บ้านแห่งหนึ่งซอยวิภาวดี 60 อ้างเกี่ยวข้องเว็บพนันออนไลน์ว่า ในการออกหมายค้นวันนี้ผมนำตรวจค้นเอง ไม่พบสิ่งผิดกฎหมายใดๆ ส่วนที่ออกหมายจับลูกน้องผม ใครที่ถูกออกหมายจับก็ต้องไปชี้แจง

เมื่อถามว่าเห็นว่ามีเกี่ยวข้องกับเว็บพนันแก๊งคอลเซ็นเตอร์ พล.ต.อ.สุรเชษฐ์ กล่าวว่า ผมเกี่ยวข้องกับการปราบปรามอย่างเดียว แต่ไม่เป็นไรเมื่อวันนี้มีหมายค้นหมายจับก็ให้ความร่วมมือปฎิบัติตามหมาย

“ส่วนเงินที่เข้าบัญชีต่างๆ ไม่มีหรอกผมมั่นใจ เมื่อมีหมายก็ต้องชี้แจงข้อกล่าวหา เมื่อลูกน้องทำผิดก็ต้องไม่ละเว้น”

‘ตร.ไซเบอร์’ บุกค้นบ้าน-คุมตัวหนุ่มแฟนเก่า ‘เบียร์ เดอะวอยซ์’ ยึดอุปกรณ์ไอทีทุกชิ้น พร้อมสอบปากคำ ปมภาพหลุดว่อนเน็ต

(24 ก.ย. 66) จากประเด็นร้อนของนักร้องสาว เบียร์ ภัสรนันท์ หรือ ‘เบียร์ เดอะวอยซ์’ ที่ก่อนหน้านี้เจอเพจหนึ่ง ได้ออกมาเผยแพร่ภาพที่ไม่เหมาะสมของของเบียร์ ด้านแฟนคลับและชาวเน็ตออกโรงปกป้องเธออย่างเต็มที่ เนื่องจากเธอนั้นตกเป็นผู้เสียหาย และเมื่อวันที่ 23 กันยายน เบียร์ได้อกอมาโพสต์ชี้แจงประเด็นนี้อย่างละเอียดยิบในพื้นที่โซเชียลของตนเอง โดย เบียร์ ยอมรับว่าภาพและคลิปที่ออกมาเป็นเธอเอง และ เบียร์ ได้เผยว่าแฟนเก่านอกวงการของเธอนั้นเป็นผู้กระทำ ทั้งนี้ เบียร์ ยังทิ้งท้ายว่าต่อจากนี้จะปล่อยให้ทางต้นสังกัด ผู้จัดการ และเป็นให้เป็นเรื่องกฎหมายต่อไป

เมื่อวันที่ 18 ก.ย. ที่ผ่านมา มีรายงานว่า เบียร์ ได้เข้าแจ้งความต่อพนักงานสอบสวน หลังจากที่สอบปากคำและรวบรวมพยานหลักฐานแล้ว จากความคืบหน้าล่าสุด วันที่ 22 ก.ย. ทางด้านพนักงานสอบสวนได้ทำการออกหมายค้นบ้าน และทำการเข้าคุมตัวแฟนเก่าคนดังกล่าว พร้อมยึดอุปกรณ์ไอทีทุกชนิด เพื่อให้ทาง บก.ตอท.ตรวจสอบ และหาหลักฐาน จากนั้นจึงได้ทำการนำตัวมาสอบปากคำในฐานะพยานซึ่งก็ได้รับความร่วมมืออย่างดี โดยทางอดีตคนรักของ เบียร์ ได้เผยเบื้องต้นว่า “ตนไม่ทราบว่าภาพดังกล่าวนั้นหลุดออกไปได้อย่างไร” ในส่วนรายละเอียดต่างๆ อยู่ในสำนวน และอยู่ในระหว่างการดำเนินการขั้นต่อไป

ทั้งนี้ ทางเจ้าหน้าที่ได้ฝากประชาสัมพันธ์ประเด็นดังกล่าวถึงผู้คนทั่วไปว่า เมื่อพบเห็นการกระทำในลักษณะนี้อย่าเข้าไปดู เข้าไปแสดงความคิดเห็น หรือแชร์ออกไป เพราะนั้นอาจจะเข้าข่ายการกระทำความผิด เพราะเมื่อยิ่งส่งต่อ ยิ่งเป็นการตอกย้ำผู้เสียหายและส่งเสริมการกระทำอันไม่เหมาะสม และยังบอกว่าอีกว่า การกระทำลักษณะนี้แม้จะเกิดความยินยอม ไม่มีการบังคับ แต่หากมีการเผยแพร่ออกไป ก็สามารถส่งผลกระทบต่อชื่อเสียงและหน้าตาของบุคคลนั้น และมันจะย้อนกลับมาทำร้ายตัวเอง

‘ตร.ไซเบอร์’ เผย 3 ภัยออนไลน์ที่คนร้ายนิยมใช้หลอกเหยื่อ เตือน!! ข้าราชการวัยเกษียณ-ปชช. ระวังกลลวงมิจฉาชีพ

(24 ก.ย. 66) พ.ต.อ.กฤษณะ พัฒนเจริญ โฆษก บช.สอท. เปิดเผยว่า ตามที่ในช่วงเดือนกันยายนของทุกปี จะมีข้าราชการต่างๆ ครบกำหนดอายุการรับราชการ หรือที่เรียกว่า ‘เกษียณอายุราชการ’ นั้น ก็เป็นเรื่องหนึ่งที่มีมิจฉาชีพมักนำมาใช้หลอกลวงประชาชน หรือนำมาแสวงหาผลประโยชน์โดยผิดกฎหมาย โดยจากการตรวจสอบสถิติผ่านระบบศูนย์บริหารการรับแจ้งความออนไลน์ที่ผ่านมานั้น พบ 3 เรื่องที่มิจฉาชีพนำมากล่าวอ้าง หรือแอบอ้างในการหลอกลวงเอาทรัพย์สินของประชาชน ดังนี้

1.) หลอกลวงให้ร่วมลงทุนผ่านระบบคอมพิวเตอร์ โดยมิจฉาชีพจะสร้างช่องทางสื่อสังคมออนไลน์ต่างๆ แอบอ้างบุคคล หรือบริษัทที่มีชื่อเสียงด้านการลงทน หลอกลวงผู้เสียหายให้ลงทุนในสินทรัพย์ต่างๆ เช่น ทองคำ เหรียญดิจิทัล พลังงาน เป็นต้น โดยมีการใช้คำโฆษณาสวยหรู อ้างว่าเป็นการลงทุนของผู้สูงวัยใกล้เกษียณอายุ เริ่มต้นลงทุนด้วยเงินหลักพันบาท แต่ได้ผลตอบแทนสูงในเวลาอันรวดเร็ว

2.) หลอกลวงให้ติดตั้งแอปพลิเคชันควบคุมโทรศัพท์มือถือ โดยมิจฉาชีพจะโทรศัพท์ไปยังผู้เสียหาย ซึ่งเป็นข้าราชการที่เกษียณอายุราชการ หรือกำลังจะเกษียณอายุราชการ แอบอ้างว่าเป็นเจ้าหน้าที่กรมบัญชีกลาง แจ้งว่าจะขอทำการตรวจสอบข้อมูลการรับบำนาญให้ทำการลงทะเบียนยืนยันตัวตน หรือแจ้งว่าจะได้รับเงินประกันบำนาญ ให้ทำการอัพเดตข้อมูล จากนั้น หลอกลวงให้ติดตั้งแอปพลิเคชันกรมบัญชีกลางปลอม ‘Digital Pension’ ผ่านเว็บไซต์ปลอม หรือลิงก์ที่ส่งให้ จากนั้น ให้กรอกข้อมูลส่วนตัว ข้อมูลทางการเงินสแกนใบหน้า และให้สิทธิการเข้าถึง และควบคุมอุปกรณ์ต่างๆ กระทั่งมิจฉาชีพโอนเงินออกจากบัญชีผู้เสียหาย

3.) หลอกลวงให้รักแล้วโอนเงิน (Romance Scam) โดยมิจฉาชีพจะสร้างโปรไฟล์สื่อสังคมออนไลน์เป็นชาวต่างชาติ เป็นข้าราชการทหาร หน้าตาดี หลอกลวงผู้เสียหายให้หลงรัก มีความเชื่อใจ อยากมาใช้ชีวิตเกษียณอายุกับผู้เสียหายในประเทศ ต่อมาอ้างว่าจะส่งสิ่งของมาให้ แต่ภายในกล่องเป็นเงินหรือทรัพย์สินที่มีมูลค่าสูง หลอกผู้เสียหายให้โอนเงินจ่ายค่าขนส่ง ค่ารับรองต่อต้านการฟอกเงิน ค่าภาษี ไปให้กับมิจฉาชีพ

พ.ต.อ.กฤษณะกล่าวว่า ทั้งนี้ ในช่วงที่ผ่านมา นับตั้งแต่วันที่ 1 มี.ค.65 – 17 ก.ย.66 การหลอกลวงให้ร่วมลงทุนผ่านระบบคอมพิวเตอร์ มีประชาชนตกเป็นเหยื่อสูงเป็นลำดับที่ 4 จำนวน 26,827 เรื่อง หรือคิดเป็น 8.18% ของเรื่องที่มีการรับแจ้งความออนไลน์ทั้งหมด และมีมูลค่าความเสียหายรวมกว่า 14,313 ล้านบาท การหลอกลวงติดตั้งโปรแกรมควบคุมระบบฯ มีประชาชนตกเป็นเหยื่อสูงเป็นลำดับที่ 9 มีจำนวน 8,158 เรื่อง หรือคิดเป็น 2.49% ของเรื่องที่มีการรับแจ้งความออนไลน์ทั้งหมด และมีมูลค่าความเสียหายรวมกว่า 862 ล้านบาท และการหลอกลวงให้รักแล้วโอนเงิน มีประชาชนตกเป็นเหยื่อสูงเป็นลำดับที่ 12 มีจำนวน 2,621 เรื่อง หรือคิดเป็น 0.80% ของเรื่องที่มีการรับแจ้งความออนไลน์ทั้งหมด และมีมูลค่าความเสียหายรวมกว่า 881 ล้านบาท

พ.ต.อ.กฤษณะกล่าวอีกว่า บช.สอท. โดย พล.ต.ท.วรวัฒน์ วัฒน์นครบัญชา ผบช.สอท. ได้เร่งรัดขับเคลื่อนตามนโยบายของรัฐบาล และสำนักงานตำรวจแห่งชาติ โดย พล.ต.อ.ดำรงศักดิ์ กิตติประภัสร์ ผบ.ตร. และ พล.ต.อ.ต่อศักดิ์ สุขวิมล รอง ผบ.ตร. ในการป้องกันและปราบปรามการกระทำความผิดอาชญากรรมออนไลน์ในทุกรูปแบบ รวมถึงการสร้างการรับรู้ให้แก่ประชาชนไม่ให้ตกเป็นเหยื่อของมิจฉาชีพ โดยเฉพาะอย่างยิ่งที่เกี่ยวข้องกับการแอบอ้างเป็นเจ้าหน้าที่หน่วยงานต่างๆ ส่งข้อความสั้น หรือโทรศัพท์ไปหลอกลวงเอาทรัพย์สินของประชาชนสร้างความเสียหายเป็นวงกว้าง

โฆษก บช.สอท.กล่าวอีกว่า ที่ผ่านมายังคงพบว่า มีการหลอกลวงในลักษณะดังกล่าวอย่างต่อเนื่อง มิจฉาชีพมักจะเปลี่ยนเนื้อเรื่อง เปลี่ยนชื่อหน่วยงานไปตามวันเวลา หรือสถานการณ์ในแต่ละช่วง ไม่ว่าจะเป็นการได้รับสิทธิประโยชน์ต่างๆ แอบอ้างโครงการของรัฐฯ การหลอกลวงให้อัปเดตข้อมูลเพื่อยืนยันตัวบุคคล หรือหลอกลวงสร้างสื่อสังคมออนไลน์ปลอมเป็นบุคคลที่น่าเชื่อถือ อาศัยความความโลภ ความไม่รู้ของประชาชนเป็นเครื่องมือในการหลอกลวง ​ทั้งนี้ ขอฝากประชาสัมพันธ์ให้ทราบถึงแนวทางการป้องกันการหลอกลวงในลักษณะดังกล่าวดัง ต่อไปนี้

1.) ระมัดระวังการชักชวนจากคนที่เพิ่งรู้จัก ไม่เคยเห็นหน้า หรือเป็นคนต่างชาติหน้าตาดี ที่เข้ามาตีสนิทแล้วชวนให้ลงทุนบนแพลตฟอร์ม หรือแอปพลิเคชันต่างประเทศ อ้างว่าลงทุนแล้วได้ผลกำไรสูง การันตีผลกำไรแน่นอน

2.) มิจฉาชีพมักอ้างว่ารู้จักผู้เชี่ยวชาญด้านการลงทุน โดยบุคคลที่มักนำรูปและชื่อมาแอบอ้างนั้น ส่วนใหญ่จะเป็นบุคคลสาธารณะที่มีชื่อเสียงหรือมีความรู้ด้านการลงทุน พร้อมสร้างเว็บไซต์ปลอมเพื่อหลอกลวงเหยื่อ

3.) หลีกเลี่ยงการลงทุนหรือข้อเสนอที่ฟังดูดีเกินกว่าจะเป็นไปได้ พึงระลึกไว้เสมอว่า “ไม่มีสิ่งใดได้มาโดยง่าย โดยเฉพาะเรื่องเงิน” และ “การลงทุนมีความเสี่ยง ควรศึกษาข้อมูลให้ดีก่อนตัดสินใจ”

4.) ตรวจสอบรายชื่อผู้ประกอบธุรกิจที่ได้รับใบอนุญาตจาก ก.ล.ต. ได้ที่ www.sec.or.th/seccheckfirst

5.) ระวังการกดลิงก์ที่แนบมากับข้อความสั้น (SMS) หรือที่ส่งมาให้ทางสื่อสังคมออนไลน์ หรือช่องทางที่ให้ติดตั้งแอปพลิเคชันของหน่วยงานนั้นๆ

6.) ระวังการรับโทรศัพท์จากหมายเลขที่ไม่รู้จัก โดยมีการแอบอ้างเป็นเจ้าหน้าที่จากหน่วยงานต่างๆ ให้ตรวจสอบก่อนว่ามาจากหน่วยงานนั้นจริงหรือไม่ ผ่านหมายเลขคอลเซ็นเตอร์ หรือผ่านเว็บไซต์ทางการของหน่วยงานนั้นโดยตรง

7.) การติดตั้งแอปพลิเคชันผ่าน App Store หรือ Play Store จะมีความปลอดภัยมากกว่า แต่จะต้องตรวจสอบว่าแอปพลิเคชันดังกล่าวเป็นของหน่วยงานนั้นๆ จริงหรือไม่ ป้องกันมิจฉาชีพสร้างแอปพลิเคชันปลอมนั้นขึ้นมา

8.) ไม่ให้ข้อมูลส่วนตัวกับบุคคลอื่น ไม่กรอก หรือเปิดเผยข้อมูลส่วนตัวลงบนสื่อสังคมออนไลน์

9.) หมั่นติดตามข่าวสารของทางราชการอยู่เสมอ

ธรรมะประจำวันอาทิตย์ที่ 24 กันยายน 2566

'พูด' อย่างมีสติ
เราจะได้...ไม่ทำร้ายจิตใจคนอื่น

'ฟัง' อย่างมีสติ
เราจะได้...ไม่รับอารมณ์คนอื่น 'มาทำร้ายใจเรา'

- พระอาจารย์ชยสาโร -


© Copyright 2021, All rights reserved. THE STATES TIMES
Take Me Top