Wednesday, 22 March 2023
SPECIAL

"สมาคมสื่อมวลชนเพื่อสังคม" เปิดโครงการสร้างจิตอาสาสื่อ เฝ้าระวังป้องกันและแก้ไขปัญหาความรุนแรงในชุมชน

วันอาทิตย์ ที่ 28 สิงหาคม 2565 ณ ศูนย์ช่วยเหลือสังคมชุมชนบ้านคู่คลองเขตตลิ่งชัน บริเวณตลาดน้ำสองคลองวัดตลิ่งชัน เขตตลิ่งชัน กรุงเทพมหานคร ได้รับเกียรติจาก "นายสมหวัง ชัยประกายวรรณ์" ผู้อำนวยการเขตตลิ่งชัน เป็นประธานเปิดโครงการฯ และได้กล่าวให้กำลังใจกับผู้เข้าร่วมโครงการฯ เพื่อเป็นหนึ่งในกำลังสำคัญที่จะร่วมมือร่วมใจกันเดูแล สอดส่อง รักษาความสงบสุขของสังคมให้มีความน่าอยู่และปลอดภัย ทั้งนี้ยังมี พ.อ.พิพัฒน์ จงวัฒนาไพศาล(รองผู้บัญชาการโรงเรียนกิจการพลเรือนทหารบก) ท่านผู้นำชุมชน / สภาองค์กรชุมชนเขตตลิ่งชัน / ผู้แทนมูลนิธิร่วมกตัญญู / ผู้แทนสมาคมวิทยากล / ผู้แทนสมาคมศิลปินตลกแห่งประเทศไทย / ผู้แทนเครือข่ายต่าง ๆ และผู้เข้าร่วมเป็นเกียรติในการจัดกิจกรรม 

โดย "นายธวัชชัย กิตติรัตนวิวัฒน์" นายกสมาคมสื่อมวลชนเพื่อสังคม ได้กล่าวรายรายงาน และชี้แจงวัตถุประสงค์การจัดกิจกรรม “โครงการสร้างจิตอาสาสื่อ เฝ้าระวังป้องกันและแก้ไข ปัญหาความรุนแรงในชุมชน”ภายใต้ยุทธศาสตร์แผนพัฒนากรุงเทพมหานคร ระยะ ๒๐ ปี ระยะที่ ๒ (พ.ศ.๒๕๖๑ - ๒๕๖๕) ในยุทธศาสตร์ที่ ๑ ประเด็นยุทธศาสตร์ด้านที่ 1 มหานครปลอดภัย มิติที่ ๑.๒ ปลอด อาชญากรรมและยาเสพติด ระบุว่า "กรุงเทพมหานครเป็นเมืองปลอดอาชญากรรมปลอดยาเสพติด มีขีดความสามารถในการรักษาความปลอดภัยในชีวิตและทรัพย์สินของประชาชน การรักษาความ สงบเรียบร้อยการควบคุมอาชญากรรมยาเสพติด” ซึ่งที่ผ่านมาปัญหาอาชญากรรม และปัญหายา เสพติด ยังคงเป็นปัญหาหลักในสังคมไทย ซ้ายังส่งผลกระทบไปถึงการดารงชีวิตของประชาชนใน ทุกระดับ โดยเฉพาะในระดับครอบครัว จะพบเห็นตามข่าว สื่อทีวีทุกช่อง หรือตามสื่อโซเชียล พบว่า ปัญหาที่เกิดจากยาเสพติด ส่งผลต่อพฤติกรรมที่ก่อให้เกิดความรุนแรงในครอบครัวและ สังคม ทั้งทางตรงและทางอ้อม คือ ผู้เสพเกิดอาการคุ้มคลั่งประสาทหลอน ทาร้ายร่างกาย ทุบตี ทารุณกรรมบุคคลในครอบครัว กระทั่งก่ออาชญากรรม ทาให้สูญเสียทั้งชีวิตและทรัพย์สิน

ดร.ไตรรงค์ ชี้ในประเทศเสรีประชาธิปไตยประชาชนที่เป็นอารยะต้องมีมากกว่าประชาชนที่เป็นอนารยะ(ป่าเถื่อน) การพิจารณาของศาลทุกขั้นตอน ต้องปราศจากความกดดันใดๆ

28 ส.ค.2565-ดร.ไตรรงค์ สุวรรณคีรี อดีตรองนายกรัฐมนตรี โพสต์ข้อความในเฟซบุ๊กเรื่อง “ใครกันแน่ที่เถื่อน” ระบุว่า เมื่อตอนนายโจไบเดน (Joe Biden) ได้รับเลือกตั้งด้วยเสียงส่วนใหญ่ (Electoral Vote) ตามรัฐธรรมนูญและกฎหมายของสหรัฐอเมริกา  รัฐสภาจะต้องรับรองผลการเลือกตั้งดังกล่าวเสียก่อน โจ ไบเดน จึงจะสามารถเข้าพิธีสาบานตนเป็นประธานาธิบดีคนที่ 46 ได้  แต่ผู้แพ้เลือกตั้งคือ นาย โดนัลด์ ทรัมป์ (Donald Trump) ได้ปลุกระดมกล่าวหาว่าเขาถูกโกงการเลือกตั้งทั้ง ๆ ที่คณะกรรมการเลือกตั้งและศาลได้พิจารณาวินิจฉัยแล้วว่า “ไม่มีการโกง” แต่ด้วยคำโกหกดังกล่าวของนายทรัมป์ได้ปลุกเร้าให้ผู้สนับสนุนตัวเขาได้ก่อม็อบเดินขบวนเข้าไปยึดอาคารรัฐสภา เพื่อขัดขวางการรับรองผลการเลือกตั้ง (เรื่องนี้เกิดขึ้นเมื่อวันที่ 6 มกราคม 2564) จึงเกิดมีการทำลายข้าวของในรัฐสภา ทำร้ายเจ้าหน้าที่และตำรวจสภาฯจนเกิดการยิงกันตายไปหลายศพและถูกจับกุมไปดำเนินคดีกันเป็นจำนวนมาก

การกระทำของ #ม็อบคนเถื่อน เหล่านั้นได้ทำลายชื่อเสียงและเกียรติภูมิของสหรัฐอเมริกาในฐานะผู้นำการปกครองในระบอบประชาธิปไตยไปทั่วโลก เพราะเป็นการเปิดเผยให้เห็นว่า มีคนอเมริกันจำนวนไม่น้อยที่ยังมีจิตใจป่าเถื่อนไม่มีความเป็นอารยะ กล่าวคือพร้อมจะใช้ความรุนแรงกับทุกฝ่ายโดยไม่ยำเกรงและเคารพกฎหมาย เพียงเพื่อให้ได้ในสิ่งที่ตนต้องการ แม้ว่าสิ่งนั้นจะสวนทางกับความต้องการส่วนใหญ่ของประชาชนในประเทศก็ตาม จึงเรียกได้เต็มปากว่าพวกนี้เป็นพวกบูชาระบบ “อนาธิปไตย” ไม่ใช่บูชาระบบ “ประชาธิปไตย” ตามอารยธรรมที่พวกเขาใช้ประกาศกันในการหาเสียงระหว่างการเลือกตั้ง (ซึ่งมันสะท้อนออกมาในรูปของนโยบายต่างประเทศและนโยบายกลาโหมตั้งแต่หลังสงครามโลกครั้งที่ 2 จนถึงปัจจุบัน)

มีอยู่หลายครั้งในหลายๆ ประเทศที่เมื่อศาลสถิตยุติธรรม หรือศาลรัฐธรรมนูญ ได้มีคำพิพากษา ที่ไม่ตรงกับผลประโยชน์ที่พวกตนต้องการ ผู้ถูกศาลลงโทษ (ส่วนใหญ่เป็นนักการเมือง) ก็จะแหกปากตำหนิติเตียนศาลฯว่าเป็นผู้ที่มิได้มาจากการเลือกตั้งเหมือนพวกตน มีความชอบธรรมอะไรจึงมาพิพากษาลงโทษพวกตนที่มาจากการเลือกตั้งของประชาชน ถ้าหยุดคิดเสียสักหน่อยก็ควรจะได้สติกันว่าการเลือกตั้งนั้นเป็นเพียงการบ่งบอกถึงความชอบหรือไม่ชอบของประชาชน แต่จะนำผลการเลือกตั้งนั้นมาใช้กับกระบวนการยุติธรรมย่อมไม่ได้ เพราะการพิจารณาของทุกศาลทุกแบบล้วนอาศัยหลักกฎหมายที่ประกอบด้วยทั้งข้อกฎหมายและข้อเท็จจริงไม่มีอะไรเกี่ยวกับความชอบหรือไม่ชอบของประชาชน ถ้าศาลฯลงโทษผู้ใดก็โปรดเชื่อเถอะว่าศาลได้ใช้ดุลยพินิจด้วยความรอบคอบตามหลักข้อกฎหมายและข้อเท็จจริง เพราะมีหลักกฎหมายที่ใช้กันทั่วโลกมาเป็นพันปีแล้วอยู่ข้อหนึ่งก็คือ “บุคคลจะไม่ต้องรับโทษถ้าไม่มีกฎหมายกำหนดเอาไว้”

ในประเทศเสรีประชาธิปไตยประชาชนที่เป็นอารยะต้องมีมากกว่าประชาชนที่เป็นอนารยะ(ป่าเถื่อน) ประเทศทั้งหลายถึงสามารถเดินหน้าไปได้ด้วยความราบรื่น โดยอาศัยคนส่วนใหญ่ยังยึดหลักนิติธรรมเป็นใหญ่เอาไว้ด้วยความมั่นคง การพิจารณาของศาลทุกขั้นตอน (ของทุกๆศาล) ต้องปราศจากความกดดันใดๆ ของทุกๆ ฝ่ายทั้งจากนักการเมือง พรรคการเมือง และกลุ่มม็อบทุกชนิด

รัฐบาลปลื้มส่งออกมันสำปะหลังครึ่งปีแรกกว่า 6.7 ล้านตัน รวมมูลค่ากว่า 8.2 หมื่นล้านบาท ลุ้นยอดทั้งปีทำสถิติสูงสุดใหม่ในรอบ 15 ปี ด้วยมูลค่าส่งออก 1.3 แสนล้านบาท

28 ส.ค. 2565 – นายอนุชา บูรพชัยศรี รองเลขาธิการนายกรัฐมนตรีฝ่ายการเมือง ปฏิบัติหน้าที่โฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี เปิดเผยว่า รัฐบาลชื่นชมผลสำเร็จ ตามที่ผลการส่งออกมันสำปะหลังไทยในช่วงครึ่งปีแรก 2565 มีจำนวนกว่า 6.7 ล้านตัน รวมมูลค่า 8.2 หมื่นล้านบาท พร้อมกำชับทุกฝ่ายร่วมพิจารณามาตรการเพิ่มการส่งออกให้บรรลุเป้าหมาย 1.3 แสนล้านบาท
.
โฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี กล่าวว่า รัฐบาลมุ่งดำเนินมาตรการประกันราคาผลผลิต และรายได้เกษตรกรมันสำปะหลังอย่างต่อเนื่อง อีกทั้งแสวงหาตลาดแก่ผู้ประกอบการค้ามันสำปะหลังทั้งภายในประเทศและต่างประเทศ โดยสำนักงานเศรษฐกิจการเกษตร (สศก.) รายงานการส่งออกผลิตภัณฑ์มันสำปะหลัง ได้แก่ มันเส้น มันอัดเม็ด แป้งดิบ แป้งแปรรูป และอื่น ๆ (กากมัน และสาคู) ในช่วง 6 เดือนแรกของปี 2565 นี้ มีอัตราการส่งออกแล้วกว่า 6.7 ล้านตัน รวมมูลค่ากว่า 8.2 หมื่นล้านบาท โดยเมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปี 2564 ถือว่ามีมูลค่าการส่งออกเพิ่มขึ้น 35.16% ทั้งนี้ เกิดจากปัจจัยด้านสงครามที่ส่งผลต่อวัตถุดิบทางการเกษตรและอาหารทั่วโลก โรงงานอาหารสัตว์ฟื้นตัวจากผลกระทบโรคอหิวาต์แอฟริกาในสุกร (African swine fever : ASF) และโดยเฉพาะความต้องการมันเส้นเพื่อผลิตแอลกอฮอล์ของจีนสูง ทำให้ตลาดมันสำปะหลังไทยขยายตัว
.

โซเชียลฯ แห่วิจารณ์หลังพบรถฉุกเฉิน ต้องสียเวลาอ้อมไปรับผู้ป่วย หลังเจอการปิดถนนจัดงานขึ้นบ้านใหม่ พร้อมตั้งคำถามทำได้หรือ ผิดกฎหมายหรือไม่

วันนี้ (28 ส.ค.) เพจอยากดังเดี๋ยวจัดให้ รีเทริน์ part 3 ได้โพสต์ภาพรถฉุกเฉินของโรงพยาบาลนาโยง อำเภอนาโยง จังหวัดตรัง ซึ่งขณะกำลังเดินทางไปรับผู้ป่วย ได้เจอเหตุที่ทำใหรถฉุกเฉินต้องล่าช้าในการไปีรับผู้ป่วย เนื่องจากการปิดถนน เพื่อใช้เป็นที่กางเต็นท์กลางถนน สำหรับวางโต๊ะจีน ในงานขึ้นบ้านใหม่ ซึ่งทำให้ผู้ใช้รถใช้ถนนที่ไม่ทราบการปิดถนน ต้องกลับรถและใช้เส้นทางอื่นแทน

โดยระบุข้อความว่า "เอ็นดูรถฉุกเฉินเจอเซอร์ไพรส์ปิดถนนจัดงานขึ้นบ้านใหม่ เสียเวลาอ้อมไปรับผู้ป่วยไหมนะ เส้นนาข้าวเสีย-กระช่อง ใครจะลัด/ใช้เส้นนี้ เลี่ยงหน่อยนะครับ ความเดือดร้อนกำลังปะทุครับ

ก.ล.ต.ลงดาบ สั่งปรับหมอบุญ 2.3 ล้าน พ่วงห้ามเป็นผู้บริหารบริษัท 42 เดือน ด้าน THG ตั้ง ‘จารุวรรณ วนาสิน’ ภรรยาหมอบุญ นั่งประธานบอร์ดแทน มีผลตั้งแต่ 27 ส.ค. 65

เมื่อวันที่ 26 ส.ค.65 สำนักงานคณะกรรมการกำกับหลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์ (ก.ล.ต.) เปิดเผยการดำเนินคดีด้วยมาตรการลงโทษทางแพ่งกับนายแพทย์บุญ วนาสิน ประธานกรรมการ บริษัท ธนบุรี เฮลท์แคร์ กรุ๊ป จำกัด (มหาชน) หรือ THG กรณีเผยแพร่ข้อความอันอาจก่อให้เกิดความสำคัญผิดเกี่ยวกับผลการดำเนินงานหรือข้อมูลอื่นใดของ THG ในลักษณะมีผลกระทบต่อราคาหรือการตัดสินใจลงทุนในหุ้น THG โดยให้ผู้กระทำความผิดชำระเงินรวมจำนวน 2,348,834 บาท

โดยสืบเนื่องจากปรากฏข่าวการให้ข้อมูลของนายแพทย์บุญ วนาสิน ตามสื่อหลายแหล่งว่า THG จะลงนามในสัญญาซื้อขายและนำเข้าวัคซีนป้องกันโรคติดเชื้อโควิด-19 ชนิด mRNA ยี่ห้อไฟเซอร์ โดยจะรับมอบวัคซีนล็อตแรก 5 ล้านโดส ภายในเดือนก.ค.64

และได้มีผู้ขอให้ ก.ล.ต.ตรวจสอบการให้ข่าวที่อาจไม่เป็นไปตามกฎหมายในกรณีดังกล่าว รวมทั้ง ก.ล.ต.ได้รับการแจ้งเหตุสงสัยจากตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย (ตลท.) ว่า นายแพทย์บุญอาจบอกกล่าวหรือเผยแพร่ข้อความอันอาจก่อให้เกิดความสำคัญผิดในสาระสำคัญที่อาจทำให้มีผลกระทบต่อราคาหรือการตัดสินใจลงทุนในหุ้น THG อันอาจเป็นการฝ่าฝืนมาตรา 240 แห่งพระราชบัญญัติหลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์ พ.ศ. 2535 (พ.ร.บ.หลักทรัพย์ฯ)

จากการตรวจสอบพบว่า วันที่ 12 ก.ค.64 ถึงวันที่ 4 ส.ค.64 นายแพทย์บุญซึ่งเป็นผู้รับผิดชอบในการดำเนินธุรกิจของ THG ได้บอกกล่าวหรือเผยแพร่ข้อความต่อสื่อหลายแห่ง ทั้งสื่อโทรทัศน์และสื่อออนไลน์ที่ประชาชนสามารถรับข่าวสารได้ในวงกว้างว่า THG จะลงนามในสัญญาซื้อขายเพื่อนำเข้าวัคซีนป้องกันโรค COVID-19 ชนิด mRNA ยี่ห้อไฟเซอร์er และจะรับมอบวัคซีนดังกล่าวจำนวน 5 ล้านโดสแรก ภายในเดือนก.ค.64

แต่ไม่ปรากฏว่า THG ได้มีการลงนามในสัญญานำเข้าวัคซีนภายในเดือนดังกล่าวจริง และช่วงต้นเดือนส.ค.64 นายแพทย์บุญยังคงยืนยันการนำเข้าวัคซีนดังกล่าวได้ภายในเดือนส.ค.64 แต่ต่อมานายแพทย์บุญได้ยอมรับผ่านทางสื่อว่า ไม่สามารถนำเข้าวัคซีนดังกล่าวตามที่เคยให้ข่าวไว้ได้แล้ว

ข้อความที่นายแพทย์บุญเผยแพร่ดังกล่าวอาจทำให้ประชาชนและผู้ลงทุนเข้าใจผิดในสาระสำคัญเกี่ยวกับผลการดำเนินงานหรือข้อมูลอื่นใดของ THG ที่น่าจะทำให้มีผลกระทบต่อราคาหรือต่อการตัดสินใจลงทุนใน THG การกระทำของนายแพทย์บุญเป็นการฝ่าฝืนมาตรา 240 แห่ง พ.ร.บ.หลักทรัพย์ฯ ซึ่งมีบทกำหนดโทษตามมาตรา 296 วรรคสอง และมาตรา 296/2 แห่ง พ.ร.บ.หลักทรัพย์ฯ

‘ประเดิมชัย บุญช่วยเหลือ’ ส.ส.เพื่อไทย เตือนเครือข่ายฝาก ส.ต.ท.หญิงโหด รับราชการตำรวจ เข้าข่ายผิด ม.157 เตรียมชงข้อมูล ‘เสรีพิศุทธ์’ กมธ.ป.ป.ช.เรียกสอบต่อ

เมื่อเวลา 09.15 น. วันที่ 28 ส.ค. ที่พรรคเพื่อไทย (พท.) นายประเดิมชัย บุญช่วยเหลือ ส.ส.กทม. พรรคพท.ในฐานะคณะกรรมาธิการป้องกันและปราบปรามการทุจริตประพฤติมิชอบ สภาผู้แทนราษฎร แถลงถึงการเดินหน้าตรวจสอบกรณีทุจริตในแวดวงราชการกรณี ส.ต.ท.หญิงทำร้ายร่างกายทหารหญิงว่า จากการที่ตนได้ตั้งกระทู้ถามนายกฯ เมื่อสัปดาห์ที่ผ่านมา กรณีการเข้าเป็นตำรวจของ ส.ต.ท.หญิง และการกระทำที่อาจเป็นการเข้าข่ายค้ามนุษย์ แม้ พล.อ.ชัยชาญ ช้างมงคล รมช.กลาโหม ได้ออกมาชี้แจงในสภาฯ แทน แต่ข้อมูลทั้งหมดล้วนไร้จุดหมายปลายทาง การตอบคำถามของ พล.อ.ชัยชาญอาจเกิดจากการที่ท่านไม่ทราบ หรือไม่อยากตอบก็เป็นได้ แต่ส่วนตัวมองว่า พล.อ.ชัยชาญหลีกเลี่ยงที่จะตอบคำถามมากกว่า และแม้มีการตั้งกรรมการเข้ามาตรวจสอบข้อเท็จจริง โดยให้ยึดถือสำนวนการสอบสวนเดิมเป็นหลัก อาจทำให้สังคมมองว่าเป็นการตัดตอน ผลักภาระให้หน่วยงานอื่น 
.
ทั้งที่ความผิดในบางประเด็นมีหลักฐานชัดแจ้งเป็นที่ประจักษ์และเต็มไปด้วยข้อสงสัย เช่น 1.กระบวนการรับบุคคลเข้ารับราชการตำรวจ ทำอย่างตรงไปตรงมาหรือไม่ เป็นไปด้วยเส้นสนกลในหรือไม่ 2.ส.ต.ท.หญิงมีชื่อไปปฏิบัติงานที่ กอ.รมน.ภาค 4 ส่วนหน้า ซึ่งมีสิทธิประโยชน์ช่วยเหลือจากการปฏิบัติมากมาย เช่น เบี้ยเลี้ยง เบี้ยเสี่ยงภัยและอายุราชการที่ทวีคูณ เท่าที่ทราบข้อมูลในเบื้องต้น มีการสร้างขบวนการขึ้นมาเพื่อสร้างการเติบโตในตำแหน่งหน้าที่การงานให้ ส.ต.ท.หญิง

‘ชัยวุฒิ’ เผย ‘บิ๊กตู่’ กำชับ รัฐมนตรีทุกคนทำงานสนับสนุน ‘บิ๊กป้อม’ ยันรักษาการ มีอำนาจเต็ม รัฐบาลทำงานต่อเนื่องไม่มีสะดุด ขอประชาชนอย่ากังวล

นายชัยวุฒิ ธนาคมานุสรณ์ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงดิจิทัลเพื่อเศรษฐกิจและสังคม ในฐานะรองหัวหน้าพรรคพลังประชารัฐ กล่าวถึงการทำงานของรัฐบาลในช่วงการรักษาการ ของพลเอกประวิตร วงษ์สุวรรณ รองนายกรัฐมนตรี ว่าขอให้ประชาชนเชื่อมั่น การทำงานของรัฐบาลในช่วงนี้แม้ พลเอกประวิตร จะรักษาการแทน แต่ก็มีอำนาจเต็มในการบริหารราชการแผ่นดินตามกฎหมาย ดังนั้น การดำเนินโครงการต่างๆยังเป็นไปอย่างต่อเนื่องไม่มีการสะดุด และไม่มีเรื่องใดต้องกังวล เพราะที่ผ่านมา พลเอกประยุทธ์ กับ พลเอกประวิตร ก็ทำงานร่วมกันมาตลอด 

และปัจจุบัน ทั้ง 3 ป. ก็ปรึกษาหารือการทำงานกันอย่างต่อเนื่อง ซึ่งแม้พลเอกประยุทธ์ จะหยุดปฏิบัติหน้าที่ในฐานะนายกรัฐมนตรี เป็นการชั่วคราวก็ตาม แต่ก็ยังมีบทบาทการเป็นรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม ซึ่งสามารถให้ความเห็นในการแก้ไขปัญหาบ้านเมืองต่างๆ ในที่ประชุมคณะรัฐมนตรีได้ จึงขอให้พี่น้องประชาชนอย่ากังวล นอกจากนี้พลเอกประยุทธ์ เองยังฝากให้รัฐมนตรีทุกคนช่วยสนับสนุนการทำงาน ของพลเอกประวิตร และยังมั่นใจว่าพลเอกประวิตร สามารถทำงานได้ไม่มีปัญหา 

บังกลาเทศกำลังชั่งใจต่อข้อเสนอนำเข้าน้ำมันเชื้อเพลิงราคาถูกจากรัสเซีย แม้มีความกังวลว่ามันอาจผลักให้พวกเขากลายเป็นศัตรูกับตะวันตก หลังทุนสำรองระหว่างประเทศลดลงเรื่อย ๆ 

ที่ผ่านมา บังกลาเทศซื้อน้ำมันจากบรรดาประเทศในตะวันออกกลางเป็นส่วนใหญ่ ภายใต้สัญญาระยะยาวมากมายระหว่างหน่วยงานต่างๆ ของรัฐบาล อย่างไรก็ตาม เวลานี้ราคาน้ำมันซื้อขายกันที่ราว ๆ 100 ดอลลาร์ต่อบาร์เรล และราคาเชื้อเพลิงที่พุ่งสูงกำลังก่อหายนะแก่บังกลาเทศ ดังนั้น บรรดาเจ้าหน้าที่บังกลาเทศจึงมองว่าเงื่อนไขต่างๆ ของรัสเซียจึงน่าสนใจไม่น้อย

Russneft บริษัทน้ำมันรัสเซีย เปิดเผยเมื่อเร็วๆ นี้ว่าจะเปิดทางให้บังกลาเทศซื้อน้ำมันเชื้อเพลิงกลั่นในราคา 59 ดอลลาร์ต่อบาร์เรล ในนั้นรวมถึงค่าขนส่ง นอกจากนี้ รัสเซียยังเสนอจัดหาน้ำมันดิบป้อนแก่บังกลาเทศด้วย แต่ทางบังกลาเทศไม่มีศักยภาพด้านการกลั่น

ตัวอย่างน้ำมันเชื้อเพลิงรัสเซียจะถูกส่งถึงท่าเรือจิตตะกอง ของบังกลาเทศ ในสัปดาห์นี้ และทางสำนักงานปิโตรเลียมแห่งชาติบังกลาเทศ (Bangladesh Petroleum Corporation หรือ BPC) จะเข้าตรวจสอบคุณภาพเชื้อเพลิงเป็นลำดับต่อไป

ความร่วมมือระหว่างบังกลาเทศกับรัสเซียอาจรวมถึงสินค้าโภคภัณฑ์อื่นๆ ด้วย โดยเมื่อวันพุธ (24 ส.ค.) เอกอัครราชทูตรัสเซียประจำบังกลาเทศ บอกกับผู้สื่อข่าวว่า มีการพูดคุยกันในเรื่องข้าวสาลีกับปุ๋ยรัสเซีย พร้อมเผยว่าการหารือเกี่ยวกับข้าวสาลี 300,000 ตันและปุ๋ย 100,000 ตัน อยู่ในขั้นที่มีความคืบหน้า

นายกรัฐมนตรีดิเนช กุนาวาร์เดนา ได้ออกคำสั่งระหว่างประชุมร่วมกับสภาเศรษฐกิจระดับสูงของรัฐบาลเมื่อวันที่ 16 สิงหาคม ให้บรรดาเจ้าหน้าที่ที่มีอำนาจทบทวนแนวโน้มของการนำเข้าน้ำมันเชื้อเพลิงรัสเซีย

"สืบเนื่องจากสงครามรัสเซีย-ยูเครน ประชาชนกำลังทุกข์ทรมานเพราะว่าราคาน้ำมันโลกที่เพิ่มสูงขึ้น มันกำลังกลายเป็นปัญหา" นายกรัฐมนตรีกล่าว "ในสถานการณ์ปัจจุบัน อินเดีย และประเทศอื่นๆ กำลังซื้อน้ำมันจากรัสเซีย ดังนั้น เราจำเป็นต้องดูว่าเราสามารถซื้อได้หรือไม่ และต้องหาทางออกสำหรับเรื่องนี้"

รัฐบาล ยัน เดินหน้าโครงการรถไฟความเร็วสูงไทย-จีน คืบ ก่อสร้างระยะที่ 1 (กรุงเทพฯ-นครราชสีมา) พรฎ.เวนคืนที่ดิน มีผลบังคับตั้งแต่ 27 ส.ค. 65

เมื่อวันที่ 28 ส.ค. 65 น.ส.ไตรศุลี ไตรสรณกุล รองโฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี กล่าวว่า ตามที่รัฐบาลมีโครงการความร่วมมือกับรัฐบาลสาธารณรัฐประชาชนจีน ในการพัฒนาระบบรถไฟความเร็วสูงเพื่อเชื่อมโยงภูมิภาค ช่วงกรุงเทพฯ – หนองคาย และการเชื่อมโยงทางรถไฟระหว่างไทย สปป.ลาว และจีน ขณะนี้อยู่ระหว่างการก่อสร้างงานโยธาของโครงการระยะที่ 1 ช่วงกรุงเทพฯ -นครราชสีมา ระยะทาง 250.77 กม. กระทรวงคมนาคมได้รายงานถึงความคืบหน้าว่าโครงการดำเนินการไปตามแผนงาน

น.ส.ไตรศุลี กล่าวว่า สำหรับการเตรียมพื้นที่ก่อสร้างนั้น เมื่อวันที่ 26 ส.ค. 2565 ราชกิจจานุเบกษาได้ประกาศพระราชกฤษฎีกากำหนดเขตที่ดินที่จะเวนคืน เพื่อเนินการก่อสร้างตามโครงการฯ ระยะที่ 1 ช่วงกรุงเทพฯ – นครราชสีมา โดยมีผลบังคับตั้งแต่วันที่ 27 ส.ค. 2565 เป็นต้นไป มีกำหนดระยะเวลา 4 ปี  โดยมีสาระสำคัญให้เจ้าหน้าที่เริ่มต้นเข้าสำรวจที่ดินและอสังหาริมทรัพย์ที่อยู่ภายในแนวเขตที่ดินที่จะเวนคืน ให้การรถไฟแห่งประเทศไทยเป็นเจ้าหน้าที่ในการเวนคืน และให้รัฐมนตรีว่าการกระทรวงคมนาคมรักษาการตามพระราชกฤษฎีกา เป็นกฎหมายอีกหนึ่งฉบับที่แสดงความมุ่งมั่นของรัฐบาลในการขับเคลื่อนความต่อเนื่องของโครงการ

‘พล.อ.ประวิตร’ ต่อสายตรง ผู้ว่าฯชัชชาติ ระบุ ยินดีช่วย กทม. เตรียมส่งกำลังทหารช่วยป้องกันน้ำท่วมสัปดาห์หน้า

พลเอกประวิตร วงษ์สุวรรณ รองนายกรัฐมนตรี ยกหูโทรศัพท์สายตรง พูดคุย กับนายชัชชาติ สิทธิพันธุ์ ผู้ว่าราชการกรุงเทพมหานคร ถึงการช่วยเหลือเตรียมการป้องกันน้ำท่วมในพื้นที่ กทม. ในฐานะที่พลเอกประวิตร ดูแลรับผิดชอบเรื่องการบริหารจัดการน้ำของประเทศ และเนื่องจากเป็นฤดูฝน และเป็นช่วงที่มีฝนตกชุก โดย พลเอกประวิตร บอกกับ นาย ชัชชาติ ว่ารัฐบาลมีความห่วงใย พี่น้อง ประชาชน ชาว กทม.และยินดีช่วยเหลือ กทม.ในทุกเรื่อง โดยให้ต่อโทรศัพท์สายตรงถึงตนเองได้ทันที พร้อมได้ให้หมายเลขติดต่อโดยตรงไว้ด้วย 

ล่าสุด กทม. ได้ประสานขอความร่วมมือ ขอกำลังทหารมาช่วยป้องกันน้ำท่วม โดยในวันจันทร์ที่ 29 ส.ค. 65 ขอทหาร 50 คน แบ่งเป็น 2 จุด จุดละ 25 คน  มาเสริมเจ้าหน้าที่ของ กทม.

โดยสำนักการระบายน้ำ กทม.
จะดำเนินการบรรจุกระสอบทรายและเรียงแนวกระสอบทราย ดังนี้

ธรรมะประจำวันอาทิตย์ที่ 28 สิงหาคม 2565 : พระสุชาติ อภิชาโต

เราต้องปล่อยวาง
เมื่อปล่อยวางแล้ว
เราจะไม่เดือดร้อน
ใครจะทำอะไร จะเป็นอะไร
เราจะไม่เดือดร้อน
จะมีความสุข
มีความสงบตลอดเวลา

พระสุชาติ อภิชาโต

'ทิพานัน' ชี้!! ค่าแรงไม่ถึง 425 เพราะหลายตัวแปร ย้ำ!! รัฐมีนโยบายช่วยเหลือประชาชนเสมอมา

'ทิพานัน' แจงขึ้นค่าแรงขั้นต่ำเพื่อบรรเทาภาระค่าครองชีพผู้ใช้แรงงาน ปรับไม่ถึง 425 บาท เพราะผลกระทบจากสถานการณ์โควิดอย่างหนัก ชี้ที่ผ่านมาอัดมาตรการช่วยเหลือทั้งนายจ้างและลูกจ้าง ทุกมาตรการยึดประโยชน์ประเทศและประชาชน มากกว่าการเมือง

27 ส.ค. 65 - น.ส.ทิพานัน ศิริชนะ รองโฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี กล่าวถึงกรณีคณะกรรมการค่าจ้างเตรียมเสนอคณะรัฐมนตรี (ครม.) ปรับขึ้นค่าแรงขั้นต่ำ 2565 ว่า ต้องขอชี้แจงเพื่อให้ประชาชนเข้าถึงความตั้งใจของรัฐบาลว่าการปรับค่าจ้างให้ผู้ใช้แรงงานมีรายได้เพิ่ม เพื่อช่วยบรรเทาภาระค่าครองชีพจากสถานการณ์ที่เศรษฐกิจเริ่มฟื้นตัวและเงินเฟ้อสูงขึ้น ยิ่งสถานการณ์หวั่นไหวทางเศรษฐกิจอาจทำให้มีการปรับราคาสินค้าและบริการเพิ่มขึ้นได้ ที่ผ่านมารัฐบาลโดย พล.อ. ประยุทธ์ จันทร์โอชา รัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม ที่มีพล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ รองนายกรัฐมนตรี และหัวหน้าพรรคพลังประชารัฐ ที่ได้กำกับดูแลกระทรวงแรงงาน ห่วงใยพี่น้องผู้ใช้แรงงานได้กำชับให้ นายสุชาติ ชมกลิ่น รัฐมนตรีว่าการกระทรวงแรงงาน และผู้อำนวยการพรรคพลังประชารัฐ ดูแลแรงงาน โดยให้หาแนวทางดำเนินการปรับขึ้นค่าแรงขั้นต่ำให้เร็วที่สุดเมื่อสถานการณ์โควิดคลี่คลาย

น.ส.ทิพานัน กล่าวต่อว่า พรรคเพื่อไทยที่เป็นฝ่ายค้าน ต้องทำความเข้าใจเกณฑ์สำหรับการปรับอัตราค่าแรงได้นำตัวเลขคาดการณ์อัตราการขยายตัวทางเศรษฐกิจ (GDP) ของแต่ละจังหวัดชัดเจน และนำมาเทียบกับภาวะเงินเฟ้อ นำมาคำนวณจนได้ข้อสรุปแบ่งเป็น 9 อัตรา และมีระดับค่าแรงตั้งแต่ 328 - 354 บาท ตามที่ทราบกัน ซึ่งเป็นการประชุมร่วมกันกับหลายฝ่ายที่เกี่ยวข้อง ซึ่งเรียกว่าคณะกรรมการค่าจ้าง โดยมีผู้แทนฝ่ายลูกจ้าง นายจ้าง และรัฐบาล ร่วมหารือมาโดยตลอดจนได้ข้อสรุป เพื่อเสนอ ครม. ที่คาดว่าจะประกาศใช้ ภายใน 1 ตุลาคม 2565

ส่วนกรณีที่พรรคเพื่อไทยวิจารณ์ว่ารัฐบาลไม่สามารถปรับขึ้นค่าแรงขั้นต่ำ 425 บาท เท่ากันทั่วประเทศได้ตามนโยบายหาเสียงไว้จนปลายอายุรัฐบาล น.ส.ทิพานัน กล่าวว่า เนื่องจากสถานการณ์การแพร่ระบาดของเชื้อไวรัสโควิด-19 ส่งผลกระทบหนักต่อกิจกรรมทางเศรษฐกิจ และจากมาตรการทางด้านสาธารณสุข โดยตัวเลขอัตราค่าแรงขั้นต่ำนั้นได้มีการหารือทำความเข้าใจกับผู้ประกอบการมาแล้วเบื้องต้นว่าอยู่ในจุดที่ยอมรับได้ อีกทั้งก่อนหน้านี้รัฐบาลได้ให้การช่วยเหลือและเยียวยาทั้งนายจ้างและลูกจ้างผ่านมาตรการต่างๆ เพื่อพยุงสามารถดำเนินกิจการต่อไปได้และไม่เกิดการว่างงานขึ้น รวมเงินกู้ผ่านธนาคารของรัฐเพื่อให้พลิกฟื้นธุรกิจ

'เจี๊ยบ ก้าวไกล' ลั่น!! ไม่ลงส.ส. สมัยหน้า ขอทำงานขับเคลื่อนพรรคอยู่เบื้องหลังแทน

(27 ส.ค. 65) ผู้สื่อข่าวรายงานว่า  น.ส.อมรัตน์ โชคปมิตต์กุล ส.ส.บัญชีรายชื่อ พรรคก้าวไกล ได้โพสต์ภาพและข้อความผ่านแฟนเพจเฟซบุ๊กส่วนตัวหลายครั้งว่า จะไม่ลงสมัครรับเลือกตั้ง ส.ส.ในการเลือกตั้งครั้งสมัยหน้าอีกแล้ว ไม่ว่าจะเป็นแบบบัญชีรายชื่อ หรือส.ส.แบบแบ่งเขตเลือกตั้ง โดยมีรายงานว่า น.ส.อมรรัตน์จะไปทำงานขับเคลื่อนอยู่เบื้องหลังแทน เพราะยังมีตำแหน่งเป็นกรรมการบริหารพรรคก้าวไกล พร้อมปฏิเสธว่าเธอไม่ได้มีความขัดแย้งกับพรรคแต่อย่างใด อีกทั้งที่ผ่านมาก็ตั้งใจที่จะลงสมัครเป๋็น ส.ส.เพียงแค่สมัยเดียวเท่านั้น

ส.ว.หญิงมะกัน เรียก 'ประเทศไต้หวัน' ขณะเข้าพบ 'ไช่ อิงเหวิน' ด้านสถานทูตจีนในสหรัฐฯ ลั่น!! จะตอบโต้อย่างสาสม

กลุ่มสื่อต่างประเทศ - วุฒิสมาชิกหญิงของสหรัฐฯ ประกาศให้การสนับสนุนไต้หวันปกป้องอิสรภาพ และดินแดน พร้อมกับเรียกไต้หวันว่า ประเทศ

มาร์ชา แบล็กเบิร์น วุฒิสมาชิกรัฐเทนเนสซีจากพรรครีพับลิกัน ของสหรัฐฯ เข้าพบกับประธานาธิบดี ไช่ อิงเหวิน ของไต้หวันที่กรุงไทเป เมื่อวันศุกร์ (26 ส.ค.) นับเป็นการมาเยือนไต้หวันครั้งที่ 4 ของคณะเจ้าหน้าที่ระดับสูงของสหรัฐฯ ในเดือนนี้ (ส.ค.) โดยมีนางแนนซี เพโลซี ประธานสภาผู้แทนราษฎร จากพรรคเดโมแครต ประเดิมเป็นรายแรกเมื่อต้นเดือน ซึ่งทำให้เสถียรภาพในช่องแคบไต้หวันสั่นคลอนหนัก เมื่อจีนตอบโต้ด้วยการซ้อมรบใหญ่รอบเกาะไต้หวัน

การมาเยือนของ ส.ว.หญิงมะกันคนล่าสุดเกิดขึ้นท่ามกลางเสียงคัดค้านอย่างหนักแน่นจากปักกิ่ง เช่นเดียวกับคราวนางเพโลซี อย่างไรก็ตาม ในวิดีโอ ซึ่งทำเนียบประธานาธิบดีไต้หวันเผยแพร่ทางเฟซบุ๊ก แบล็กเบิร์นได้กล่าวกับประธานาธิบดีไช่ ว่า เธอรอคอยการมาเยือนที่ยอดเยี่ยม และยังจดจำการมาเยือนไต้หวัน อันน่าประทับใจเมื่อปี 2551 ได้ดี นอกจากนั้น เธอถึงขั้นเรียกไต้หวันว่า เป็นประเทศหนึ่งเลยทีเดียว พร้อมกับระบุด้วยว่า การสนับสนุนให้ไต้หวันรักษาอิสรภาพของตนเองถือเป็นสิ่งสำคัญ

'โบว์ ณัฏฐา' ย้อนเจ็บ 'พวกจ้องแต่จะด่า' "จะทวงประชาธิปไตยจากใครได้ เมื่อในใจไม่เคยมี"

วันนี้ (27 ส.ค.) น.ส.ณัฏฐา มหัทธนา หรือโบว์ นักกิจกรรมทางการเมือง ได้โพสต์ข้อความในทวิตเตอร์ @NuttaaBow ระบุว่า "ได้รับเชิญไปคุยในรายการของ Top News เนื้อหาที่นำเสนอคือทำไมนายกจึงควรลงจากอำนาจ สลิ่มฟังแล้วบอกว่ารับฟังได้ในเหตุผล ส่วนคนที่เรียกตัวเองว่าฝ่ายประชาธิปไตยหลายพันคนไม่ได้ฟัง เห็นภาพว่านั่งคุยกับอ.เสรี ก็ทวิตไปด่าพร้อมข้อกล่าวหาสารพัด คุณจะไปทวงประชาธิปไตยจากใครได้ เมื่อในใจไม่เคยมี" กลายเป็นที่ฮือฮาอย่างมาก

ก่อนหน้านี้เมื่อวันที่ 25 ส.ค. โบว์ ณัฏฐา ได้รับเชิญไปออก รายการเรื่องลับมาก ผลิตรายการโดย บริษัท รวมหัวทีวี จำกัด ดำเนินรายการโดย ดร.เสรี วงษ์มณฑา ออกอากาศทางสถานีโทรทัศน์ผ่านดาวเทียมท็อปนิวส์ ในหัวข้อ "อำนาจเปลี่ยนมือ ศาลรัฐธรรมนูญสั่งลุงตู่หยุดปฏิบัติหน้าที่ ลุงป้อมรักษาการแทน" 

โดยในตอนหนึ่ง โบว์ ณัฏฐา กล่าวว่า มติศาลรัฐธรรมนูญให้ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี หยุดปฏิบัติหน้าที่ 5 ต่อ 4 นั้นก้ำกึ่งมาก สะท้อนเสียงในสังคมก็มีการถกกันถึงสองมุม เหมือนมีกองเชียร์ทั้งสองฝั่ง คือ ให้อยู่ต่อ หรือให้หยุดเลย ซึ่งส่วนหนึ่งมองว่าเป็นการลดอุณหภูมิ ทำให้หลายคนเบรกเพื่อรอดูก่อน

ส่วนการเรียกว่า "นายกเถื่อน" นั้น โบว์ ณัฏฐา มองว่าเป็นการแสดงอารมณ์ทางการเมือง ซึ่งเชื่อว่ามีคำนี้อยู่ในใจตั้งแต่ปี 2557 เป็นความคิดที่มาจากอุดมการณ์ทางการเมือง แต่ก็เข้าใจว่าทำให้อีกฝ่ายหนึ่งไม่สบายใจ คิดว่าเป็นช่วงเวลาที่ต้องรับฟังและอดทน แต่ถ้าไม่อยากให้บรรยากาศแย่ไปกว่านี้ จะพูดอะไรก็ถนอมน้ำใจกันนิดนึง เพราะมันก็อยู่ในช่วงที่ต้องรอ

ส่วนที่ว่ามีการเลือกตั้งปี 2562 ทำไมไม่หายไปนั้น เห็นว่าเป็นเพราะเส้นทางเข้าสู่อำนาจ ถ้าเป็นนักการเมืองปกติจะต้องเริ่มจากการหาเสียงทำให้ประชาชนเชื่อมั่นแล้วเลือก ถ้าได้คะแนนเยอะก็เข้าทำงาน ผลงานเป็นอย่างไร จะไปต่อได้ไหมอยู่ที่ผลงานที่ผ่านมา พล.อ.ประยุทธ์ มาด้วยเหตุผลว่าสถานการณ์ตอนนั้น คิดว่าจำเป็นก็เลยยึดอำนาจ คราวนี้พอตั้งต้นมาจากการยึดอำนาจ เหมือนเป็นการตั้งต้นจากต้นทุนที่มาจากกำลังทหาร พอดำเนินการต่อมา ไม่ว่าจะทำอะไรเหมือนตั้งจากต้นทุนนั้น

"ถ้าจะมองว่าเป็นข้อได้เปรียบที่นักการเมืองปกติไม่มี พอครบ 5 ปี มีการออกแบบกติกา ทำประชามติ โดยกฎหมายที่ตัวเองออกแบบขึ้น พอได้เป็นต่อผ่านการเลือกตั้งแบบนี้ คนก็สามารถจะมองได้ว่า มาจากต้นทุนที่ไม่ได้เป็นปกติอยู่ดี ไม่ชอบธรรมจากการตั้งต้น เป็นการสะสมความได้เปรียบ พอมาเป็นต่อก็เหมือนมันไม่ปกติ ในอดีตที่ผ่านมาประวัติศาสตร์จากนายกฯ ที่มาจากรัฐประหาร ก็อยู่ด้วยความเจียมเนื้อเจียมตัว รีบที่จะคืนอำนาจ อันนั้นเป็นมาตรฐานในความรู้สึกของคนในระบอบประชาธิปไตย ว่าไม่ควรจะสะสมและใช้ต้นทุนในการที่จะไปต่อ" โบว์ ณัฏฐา กล่าว

โบว์ ณัฏฐา กล่าวว่า ถ้าให้น้ำหนักเชิงอุดมการณ์ในระบอบประชาธิปไตยกับที่มา ผลงานจะไม่สามารถลบได้เลย แต่คนอีกส่วนหนึ่งในสังคมก็มองในแง่ทางปฏิบัติ มองผลงาน แล้วก็บอกว่าผลงานขนาดนี้เขาพอใจ แล้วทำไมเขาจะเลือกให้อยู่ต่อไปไม่ได้ พอคนสองกลุ่มให้น้ำหนักที่ต่างกัน ไม่มีทางที่จะเห็นตรงกัน และว่า ใครที่บอกว่า พล.อ.ประยุทธ์ ไม่ได้เป็นนายกรัฐมนตรีแล้ว ก็คงไปตามความรู้สึก วันนี้อะไรที่มาจากอารมณ์ความรู้สึก เราก็อาจจะแยกไว้ส่วนหนึ่ง แล้วก็มองไปข้างหน้าว่า ถ้าตัดสินอย่างนี้แล้วยังไงต่อ ถ้าตัดสินอีกแบบหนึ่ง สนามการเมืองจะเป็นอย่างไร

เมื่อถามว่า รู้สึกอย่างไรกับการที่มีคนเรียกร้องให้ พล.อ.ประยุทธ์ เสียสละลาออกจากตำแหน่งนายกรัฐมนตรี เพื่อให้ไม่เป็นภาระศาลรัฐธรรมนูญ โบว์ ณัฏฐา กล่าวว่า ก็พูดได้ แต่ไม่ใช่เป็นภาระ เป็นหน้าที่ของศาลรัฐธรรมนูญที่จะต้องวินิจฉัย ถ้าเกิดวินิจฉัยให้เป็นบรรทัดฐานมีประโยชน์ เพราะนายกฯ ในอดีตไม่ใช่มีแค่ พล.อ.ประยุทธ์ แต่ยังมีคนอื่นๆ พอศาลมีคำวินิจฉัยออกมา อย่างน้อยจะได้รู้ว่าในอนาคตถ้ามีกรณีคนเข้ามาในการเมืองจะเริ่มนับยังไง ก็เป็นประโยชน์ถ้าศาลวินิจฉัย

ส่วนการเสนอให้ พล.อ.ประยุทธ์ลาออก คิดว่าก็เสนอได้ เชื่อว่านายกฯ ก็มีการตีความส่วนตัวแล้วเหมือนกัน ถ้าเจตนารมณ์ของรัฐธรรมนูญฉบับนี้ไม่ต้องการให้เกิดการสะสมอำนาจ ถ้าตั้งต้นได้ว่ามีอำนาจตั้งแต่เมื่อไหร่ ก็อาจจะรู้สึกอยากลาออกเองก็ได้ หรือคงคิดว่าให้ศาลสั่ง ไหนๆ ก็เข้ากระบวนการแล้วให้เป็นบรรทัดฐานไป ส่วนตัวก็อยากฟังคำวินิจฉัย เพราะอยากให้เกิดบรรทัดฐาน ไม่ควรจะมีกฎหมายใดตั้งเอาไว้แล้วทั้งประเทศงงกันอยู่แบบนี้

เมื่อถามว่า อยู่สาย 57, 60 หรือ 62 (หมายถึงการนับระยะเวลาการดำรงตำแหน่งของนายกฯ) โบว์ ณัฏฐา กล่าวว่า ต้องตีความตามเจตนารมณ์ แต่เมื่ออ่านบทบัญญัติแล้ว ตอนแรกก่อนที่ศาลจะมีคำสั่งออกมา ตนเดาว่าคงจะตีความให้เริ่มนับตั้งแต่ปี 2562 เพราะในมาตราที่พูดถึงเรื่อง 8 ปี มีการบอกว่านายกฯ ตามรัฐธรรมนูญนี้ต้องมีที่มาจากบุคคลที่สภาผู้แทนราษฎรให้ความเห็นชอบ และอ้างอิงว่าสภาผู้แทนราษฎรให้ความเห็นชอบมาจากมาตรา 159 ซึ่งมีรายละเอียดจำนวนมาก แต่ถ้าตีความตามเจตนารมณ์ต้องยอมรับว่า คนร่างมีเจตนาไม่ต้องการให้เกิดการสะสมอำนาจ และไม่ได้นึกถึงนายกฯ ที่มาจากการรัฐประหาร เพราะระบุว่านายกฯ มาจากสภาผู้แทนราษฎร ดังนั้นคิดว่าเขียนได้สองแบบ ขึ้นอยู่กับว่าจะเขียนแบบไหน ตอนนี้เริ่ม 50-50 แล้ว

เมื่อถามว่า การเรียกร้องให้นายกฯ ลาออก เพื่อที่จะให้มีการเลือกนายกฯ ใหม่ และแต่งตั้งคณะรัฐมนตรีใหม่ ถือว่าเร็วไปหรือไม่ โบว์ ณัฏฐา กล่าวว่า คิดว่าช่วงที่เหลืออยู่เพียงแค่ไม่กี่เดือน ไม่ควรไปทำลายเสถียรภาพของรัฐบาลโดยที่ประโยชน์ที่จะได้รับไม่คุ้มกัน ถ้าเราอยู่แต่เรื่องความขัดแย้งทางการเมือง กระทั่งลืมมองว่าตอนนี้เกิดอะไรขึ้น แล้วข้างหน้าจะเป็นอย่างไร ปรับคณะรัฐมนตรีตอนนี้แล้วจะมีผลดีอย่างไร ไม่ว่ากับสนามการเมืองหรือการประชุมเอเปก เหลืออีกไม่กี่เดือน บางทีก็คิดว่าเป็นแค่ข้อเสนอเพื่อเอาใจกองเชียร์ คนที่เสนอก็รู้ว่าเป็นไปไม่ได้ เราก็อาจจะมองข้ามไป

เมื่อถามว่า รักษาการนายกรัฐมนตรี ตามธรรมเนียมก็ต้องใช้รองนายกฯ คนที่หนึ่ง คือ พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ ซึ่งเสียงที่ออกมาในแง่ลบมากกว่าเป็นบวก เหมือนหลบรถสิบล้อไปชนรถเทลเลอร์ มองอุปมาอุปไมยนี้อย่างไร โบว์ ณัฏฐา กล่าวว่า เป็นการสะท้อนทางการเมืองปกติ จริงๆ ไม่ต้องมองแบบนี้ก็ได้ ดูจากผลโพลก็จะรู้ว่า ในผลโพล พล.อ.ประยุทธ์ เหนือกว่า พล.อ.ประวิตร และรองนายกรัฐมนตรีคนอื่นๆ ก็เหนือกว่า พล.อ.ประวิตร ในแง่ของความนิยมทางการเมือง ก็เป็นปกติที่คนจะพูดอะไรแบบนั้น แต่ว่า พล.อ.ประวิตรมีความชอบธรรมที่จะรักษาการนายกรัฐมนตรี เพราะเป็นเบอร์หนึ่ง ก็ให้มันไปได้อย่างนี้

แต่ถ้ามองอนาคตกันไปยาวกว่านั้น ก็อยากจะเห็น พล.อ.ประยุทธ์ วางมือ เพื่อให้สนามการเมืองคราวหน้าเป็นปกติมากขึ้น เพราะในวันนี้ ส.ว. 250 คนที่ พล.อ.ประยุทธ์ ตั้งมา ยังมีอำนาจโหวตเลือกนายกฯ อยู่เลย เมื่อกล่าวถึงความเป็นไปตามกฎหมายและความชอบธรรม แล้วเราบอกว่า คนที่มีญาติ จะไปทำอะไรกับรัฐ ถ้าเราเป็นผู้มีอำนาจเราไม่ควร เรื่อง ส.ว. 250 คน มีอำนาจโหวตเลือกนายกฯ โดยที่ ส.ว. 250 คน แต่งตั้งโดยหัวหน้าคณะรักษาความสงบแห่งชาติ (คสช.) ก็เป็นเรื่องที่ถูกมองมาตลอดไม่ว่าจะฝ่ายไหน เรื่องนี้เป็นปัญหาจริง

"แต่ไม่ว่าจะไปด้วยเหตุผลไหน ถ้าท่านมองย้อนกลับไปแล้วก็คิดว่าพอแล้ว เหมือนสมัย พล.อ.เปรม (ติณสูลานนท์) ก็น่าจะเป็นจุดตั้งต้นที่ดีสำหรับสนามการเมืองที่จะเป็นปกติมากขึ้น คิดว่าความปกติทางการเมืองเป็นสิ่งที่ประเทศชาติต้องการ แต่ถ้าเกิดว่าศาลบอกว่าอยู่ต่อได้ และตัดสินใจที่จะลงสนามการเมือง ถึงตอนนั้นเราก็ประเมินกันอีกว่าผลของมันจะเป็นยังไง คิดว่าสิ่งที่น่าจะคิดกันก็คือ ผลของการที่ถ้า พล.อ.ประยุทธ์ ลงสนามหน้า ความเป็นไปได้ที่พรรคเพื่อไทยจะแลนด์สไลด์มีสูง กับบรรยากาศและกระแสตอนนี้ ต้องยอมรับว่า 8 ปี ไม่ว่าจะเป็นนายกฯ ที่เก่งแค่ไหน 8 ปีมันจะเริ่มมีความอ่อนล้าจากสังคม คือความเบื่อ ไม่ว่าจะมีเหตุผลอย่างไร มันเกิดขึ้น แล้วมันจะเป็นกราฟลงแบบนี้ ประกอบกับมีเรื่องการตีความ 8 ปีแบบนี้อยู่ด้วย คิดว่าในสนามเลือกตั้งจะอยู่ตรงจุดไหน แล้วจะสร้างผลอย่างไร" โบว์ ณัฏฐา กล่าว

ในตอนท้าย เมื่อถามว่า นับจากวันนี้ถึงวันที่ศาลวินิจฉัย จะมีการชุมนุมเพื่อกดดันศาลอยู่หรือไม่ โบว์ ณัฏฐา กล่าวว่า คิดว่ามี บางทีเป็นความต่อเนื่อง เป็นอารมณ์คงค้าง ซึ่งถ้าอยู่ในกรอบพอดีก็เป็นปกติ แต่ถ้ามีความพยายามยกระดับหรืออะไร คิดว่าผลกระแสอาจจะตีกลับ เพราะคนก็ไม่รู้สึกถึงความสมเหตุสมผล การเคลื่อนไหวตอนนี้เป็นการสร้างกระแสเพื่อหนุนการเลือกตั้ง ยิ่งเคลื่อนไหวไปแม้จะไม่มีผลในการเปลี่ยนคำวินิจฉัยของศาล แต่จะมีผลต่อการลดความชอบธรรมของ พล.อ.ประยุทธ์ ถ้าสิ่งที่เขาสื่อสารมีน้ำหนัก ส่งผลไปถึงการเลือกตั้ง คิดว่าเป็นเหตุผลนั้นมากกว่า


© Copyright 2021, All rights reserved. THE STATES TIMES
Take Me Top