สนธิกำลังชุดปฏิบัติการพิเศษกรมการปกครองและฝ่ายปกครองเชียงใหม่ ‘ปฏิบัติการป่าช้าแตก’ Kick Off จัดระเบียบสังคม ต้อนรับ 1 พ.ย.66 ตามนโยบาย มท.1 สามารถบุกจับ ‘เลอ เนิร์ฟ ผับ’ ย่านช้างเผือก กลางเมืองเชียงใหม่ ทำเอาผู้ฝ่าฝืนกฎหมายต้องสยองคืนฮาโลวีน โดยลักลอบเปิดอย่างผิดกฎหมาย ใช้บ้านไม้ดัดแปลงทำผับเถื่อนไร้ใบอนุญาต เสี่ยงเกิดเหตุเพลิงไหม้ ไม่มีทางหนีไฟ หนำซ้ำ ‘เด็ก’ แออัดเพียบถึง 242 คน
(1 พ.ย. 66) โดย นายอรรษิษฐ์ สัมพันธรัตน์ อธิบดีกรมการปกครอง (ปค.) สั่งการชุดปฏิบัติการพิเศษกรมการปกครอง นำโดยนายรณรงค์ ทิพย์ศิริ ผู้ตรวจราชการกรมการปกครอง ปฏิบัติหน้าที่ผู้อำนวยการศูนย์ปฏิบัติการบังคับใช้กฎหมายพนักงานฝ่ายปกครอง สำนักการสอบสวนและนิติการ กรมการปกครอง พร้อมสมาชิกกองอาสารักษาดินแดน กองบัญชาการกองอาสารักษาดินแดน กว่า 30 นาย บูรณาการร่วมกับนายนิรัตน์ พงษ์สิทธิถาวร ผู้ว่าราชการจังหวัดเชียงใหม่ พร้อมฝ่ายปกครองจังหวัดเชียงใหม่
นำโดย นายอรรถวุฒิ พึ่งเนียม ปลัดจังหวัดเชียงใหม่ นายสิทธิศักดิ์ อภิกุลชัยสุทธิ์ นายอำเภอเมืองเชียงใหม่ และนายดนัย สุขสกุล ป้องกันจังหวัดเชียงใหม่ นำกำลังเข้าจับกุมสถานบริการเถื่อน ‘เลอ เนิร์ฟ ผับ’ ย่านช้างเผือก อำเภอเมืองเชียงใหม่ จังหวัดเชียงใหม่
นายอรรษิษฐ์ สัมพันธรัตน์ อธิบดีกรมการปกครอง เปิดเผยว่า ปฏิบัติการในครั้งนี้ เป็นไปตามนโยบายของนายอนุทิน ชาญวีรกูล รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงมหาดไทย ที่ได้กำชับให้ฝ่ายปกครองทั่วประเทศจัดตั้งชุดปฏิบัติการพิเศษเพื่อกวดขันปราบปรามผู้มีอิทธิพล การจัดระเบียบสังคม ยาเสพติด การค้ามนุษย์ การพนัน และอาวุธปืน โดยนายสุทธิพงษ์ จุลเจริญ ปลัดกระทรวงมหาดไทย สั่งการให้กรมการปกครองบูรณาการจัดตั้งชุดปฏิบัติการฝ่ายปกครองร่วมกับทุกจังหวัดและเริ่ม Kick off ในวันที่ 1 พ.ย.66
“ชุดปฏิบัติการพิเศษกรมการปกครองได้สนธิกำลังกับชุดปฏิบัติการฝ่ายปกครองจังหวัดเชียงใหม่ วางแผนเข้าร่วมจับกุม ร้านเลอ เนิฟ หรือ NEUFXBAR ซึ่งมีการร้องเรียนจากประชาชนผู้อาศัยใกล้เคียงว่าเปิดให้บริการในลักษณะเป็นสถานบริการ มีอาหารเครื่องดื่มจำหน่าย ปล่อยปละละเลยให้มีเด็กอายุต่ำกว่า 20 ปี เข้าไปใช้บริการจำนวนมาก
ทั้งยังเปิดให้บริการจนถึงเวลา 02.00 น. ส่งเสียงดังรบกวนชาวบ้านข้างเคียงจนนอนไม่หลับ ซึ่งเมื่อพนักงานฝ่ายปกครองเข้าสืบสวนข้อเท็จจริงแล้วพบว่ามีการกระทำผิดจริงตามข้อร้องเรียน
กระทั่งเวลา 00.30 น. ของวันที่ 1 พ.ย.66 ได้เปิดปฏิบัติการ ‘ป่าช้าแตก’ บุกจู่โจมสถานบันเทิงละเมิดกฎหมายทันที โดยเมื่อชุดจับกุมเข้าไปถึงภายในผับ พบเป็นห้องปิดทึบ เปิดเพลงเสียงดังสนั่น แสงไฟเลเซอร์วิบวับ มีนักเที่ยวจำนวนเกือบ 300 คน กำลังมั่วสุมดื่มกินเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ เต้นตามจังหวะเสียงดนตรีอย่างเมามัน นักเที่ยวกว่า 90% ของร้านเป็นเยาวชน
พนักงานฝ่ายปกครองจึงสั่งให้ปิดเพลงและเปิดไฟให้แสงสว่าง ทำให้ภายในผับเกิดความโกลาหล นักเที่ยวเด็กต่างตกใจและพยายามหลบหนีออกทางประตูหน้าร้านและหลังร้าน แต่ชุดจับกุมได้ปิดล้อมประตูไว้ทุกด้าน จึงทำให้นักเที่ยวไม่สามารถหนีออกไปได้ พนักงานฝ่ายปกครองได้ประกาศให้ทุกคนอยู่ในความสงบ
ทั้งนี้ จากการตรวจสอบ พบนักเที่ยวส่วนใหญ่เป็นเด็กนักเรียน นักศึกษา อายุระหว่าง 17 - 19 ปี ที่กำลังศึกษาสถาบันการศึกษาในพื้นที่จังหวัดเชียงใหม่ โดยสำหรับเด็กที่มีอายุต่ำกว่า 18 ปี พนักงานฝ่ายปกครองได้ประสานให้ทางสำนักงานพัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์จังหวัดเชียงใหม่ รับตัวเด็กไปคุ้มครองสวัสดิภาพ และจัดทำประวัติ พร้อมแจ้งให้ผู้ปกครองมารับตัวไป” นายอรรษิษฐ์ กล่าว
นายอรรษิษฐ์ กล่าวเพิ่มเติมว่า ในเบื้องต้นเจ้าหน้าที่ได้แจ้งข้อกล่าวหาแก่ผู้ดูแลร้าน 7 ฐานความผิด คือ…
1.ตั้งสถานบริการโดยไม่ได้รับอนุญาต
2.จำหน่ายสุราให้กับเด็กอายุต่ำกว่า 18 ปี
3.จำหน่ายเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ให้กับผู้มีอายุต่ำกว่า 20 ปี
4.จำหน่ายเครื่องดื่มแอลกอฮอล์เกินกว่าเวลาที่กฎหมายกำหนด
5.ยุยงส่งเสริมให้เด็กประพฤติตนไม่สมควร
6.โฆษณาเครื่องดื่มแอลกอฮอล์หรือแสดงชื่อหรือเครื่องหมายของเครื่องดื่มแอลกอฮอล์อันเป็นการอวดอ้างสรรพคุณหรือชักจูงใจให้ผู้อื่นดื่มโดยตรงหรือโดยอ้อม
7.ดัดแปลงอาคารโดยไม่ได้รับอนุญาตจากเจ้าพนักงานท้องถิ่น
นอกจากนี้ ยังเป็นการฝ่าฝืนคำสั่งหัวหน้า คสช. ที่ 22/2558 ซึ่งเจ้าพนักงานฝ่ายปกครองชุดจับกุมจะได้เสนอให้ผู้ว่าราชการจังหวัดเชียงใหม่ออกคำสั่งปิดสถานที่ดังกล่าวเป็นเวลา 5 ปี และในส่วนของการดัดแปลงอาคาร โดยไม่ได้รับอนุญาตจากเจ้าพนักงานท้องถิ่น นั้น ทางจังหวัดเชียงใหม่จะได้ประสานกับเทศบาลนครเชียงใหม่ เพื่อออกคำสั่งระงับการใช้อาคารดังกล่าวต่อไป
ด้าน นายรณรงค์ ทิพย์ศิริ ผู้ตรวจราชการกรมการปกครอง ปฏิบัติหน้าที่ผู้อำนวยการศูนย์ปฏิบัติการบังคับใช้กฎหมายพนักงานฝ่ายปกครอง กล่าวว่า ผับแห่งนี้ นอกจากไม่มีใบอนุญาตตั้งสถานบริการแล้ว ยังพบว่ามีการดัดแปลงอาคารโดยไม่ได้รับอนุญาต โดยใช้บ้านไม้สองชั้นนำมาดัดแปลงเป็นสถานบริการ มีเพดานห้องที่ต่ำมาก ไม่มีทางหนีไฟ หากเกิดเพลิงไหม้ จะต้องเกิดเหตุที่น่าสลด ดังนั้น จึงต้องทำการจับกุมดำเนินคดีไม่ให้เป็นตัวอย่าง เพื่อป้องกันไม่ให้เกิดเหตุอันตรายต่อชีวิตและทรัพย์สินของประชาชน
“ขอฝากเตือนไปยังผู้ประกอบการสถานบันเทิง ควรประกอบธุรกิจด้วยความมีจิตสำนึกรับผิดชอบต่อสังคม ไม่ฝ่าฝืนต่อกฎหมาย โดยเฉพาะอย่างยิ่งการปล่อยปละละเลยให้เยาวชนที่อายุต่ำกว่า 20 ปี เข้าใช้บริการ การปล่อยปละละเลยให้มีการใช้ยาเสพติดในสถานบริการ และการพกพาอาวุธเข้าไปในสถานบริการ
หากพบว่าร้านใดยังคงฝ่าฝืนจะต้องถูกจับกุมดำเนินคดีและเสนอสั่งปิด 5 ปี ทุกร้าน เพื่อให้เป็นไปตามกฎหมาย และสอดคล้องกับนโยบายของรองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงมหาดไทย ซึ่งท่านมีความห่วงใยความปลอดภัยในชีวิตและทรัพย์สินของพี่น้องประชาชน จึงกำชับให้ฝ่ายปกครองทั่วประเทศเข้มงวดกวดขันบังคับใช้กฎหมายตามอำนาจหน้าที่ เพื่อให้สังคมเกิดความสงบสุข โดยหากประชาชนมีเบาะแสการกระทำผิด สามารถแจ้งต่อพนักงานฝ่ายปกครองหรือตำรวจในท้องที่ หรือร้องเรียนมายังศูนย์ดำรงธรรมอำเภอ ศูนย์ดำรงธรรมจังหวัด หรือสายด่วน 1567 ได้ตลอด 24 ชั่วโมง” นายรณรงค์ กล่าวเพิ่มเติม