Thursday, 25 April 2024
SPECIAL

ธรรมะประจำวันวันอาทิตย์ที่ 30 กรกฎาคม 2566

ผิดหวัง...ให้เริ่มใหม่
ผิดใจ...ให้พูดจากัน
ผิดพลาด...ให้โอกาสกัน
ผิดมหันต์...จงยอมรับผลกรรม

- หลวงตามหาบัว ญาณสมฺปนฺโน -
 

‘ตร.ปคม.’ บุกรวบแอดมินกลุ่มลับ ‘Little Angel’ ขายคลิปลามกอนาจารเด็ก อ้างหาเงินเลี้ยงลูกสาว

(29 ก.ค. 66) พ.ต.อ.กึกก้อง ดิศวัฒน์ ผกก.5 บก.ปคม., พ.ต.ท.กฤตย์ ธีรเวศย์สุวรรณ สว.กก.5 บก.ปคม. นำกำลังเจ้าหน้าที่ กก.5 บก.ปคม. จับกุมนายอภิสิทธิ์ อายุ 29 ปี ตามหมายจับศาลศาลจังหวัดพัทยา ที่ 391/2566 ลงวันที่ 27 ก.ค. 2566 ข้อหาครอบครองสื่อลามกอนาจารเด็กเพื่อ แสวงหาประโยชน์ในทางเพศ หรือ มีส่วนเกี่ยวข้องในการค้าเกี่ยวกับสื่อลามกอนาจารเด็ก จับกุมได้ที่บ้านพักในพื้นที่ตำบลนาจอมเทียน อำเภอสัตหีบ จังหวัดชลบุรี

สืบเนื่องจากก่อนหน้าตำรวจ ปคม.ได้จับกุมผู้ต้องหาล่อลวงเด็กอายุต่ำกว่า 18 ปี มากระทำอนาจารก่อนแอบถ่ายคลิปวีดิโอ แล้วนำไปจำหน่ายทางสื่อโซเชียลต่าง ๆ จึงขยายผลต่อเนื่องจนทราบว่าคลิปจะถูกนำไปเผยแพร่ในกลุ่มไลน์ลับใช้ชื่อว่า ‘Little Angel’

โดยในกลุ่มดังกล่าวจะมีไฟล์คลิปอนาจารของเด็กสาวมากกว่า 1,000 ไฟล์ เพื่อเรียกเก็บเงินค่าสมาชิก ตั้งแต่รายละ 1-3 ร้อยบาท จึงส่งสายลับแฝงตัวเข้าไป ก่อนทราบว่าแอดมินผู้ดูแลกลุ่มคือ นายอภิสิทธิ์ จึงรวบรวมหลักฐานขออำนาจศาลออกหมายจับ ก่อนนำมาสู่การตามจับกุมตัวได้ดังกล่าว

สอบสวนนายอภิสิทธิ์ ให้การรับสารภาพว่าเป็นผู้ตั้งกลุ่มไลน์ Little Angel และจำหน่ายสื่อลามกเด็กจริง ส่วนคลิปลามกเด็กตนซื้อต่อมาจากกลุ่มไลน์อื่น และมาตั้งกลุ่มวีไอพี เพื่อหาลูกค้าอีกต่อหนึ่ง จากการกระทำดังกล่าว เพียงเพื่อต้องการเลี้ยงลูกสาววัย 10 ขวบ เบื้องต้นจึงนำตัวส่งพนักงานสอบสวน กก.5 บก.ปคม. ดำเนินการตามกฎหมายต่อไป

‘บก.ป.’ บุกทลายแก๊งขนยาข้ามชาติ ยึดเฮโรอีนกว่า 32 กก. ใช้กลวิธีซุกลังไม้หยกแกะสลัก เตรียมส่งไปออสเตรเลีย

(27 ก.ค. 66) ที่กองบังคับการปราบปราม (บก.ป.) พล.ต.ต.มนตรี เทศขัน ผบก.ป. พ.ต.อ.พรศักดิ์ เลารุจิราลัย รอง ผบก.ป. พ.ต.อ.ศราวุธ จันต๊ะวงค์ ผกก.2 บก.ป.พ.ต.ท.นฤทธิ์ ผูกจิตร รอง ผกก.2 บก.ป. แถลงจับกุมนายธีรพงค์ หรือเบนซ์ หนูทอง อายุ 27 ปี นายธีรพงค์ หรืออ๊อด พริกเบ็นจะ อายุ 42 ปี นายจะอื่อ จะสือ อายุ 47 ปี ตามหมายจับศาลอาญา ข้อหา “ร่วมกันพยายามส่งยาเสพติดให้โทษประเภท 1 (เฮโรอีน) ออกนอกราชอาณาจักรและ ร่วมกันจำหน่ายยาเสพติดให้โทษประเภท 1 (เฮโรอีน)” โดยจับกุมนายธีรพงค์ได้ที่ จ.นครปฐม ส่วนนายธีรพงค์ หรืออ๊อด จับกุมตัวได้ที่ จ.สงขลา ส่วนนายจะอื่อ จับกุมได้ที่ จ.เชียงราย

พล.ต.ต.มนตรี เปิดเผยว่า ก่อนหน้าเจ้าหน้าที่รับงานจากสายลับว่าจะมีการลักลอบขนส่งเฮโรอีน หรือผงขาวไปยังต่างประเทศ โดยจะใช้วิธีการซุกซ่อนไปกับเนื้อไม้ที่ใช้ทำเป็นลังสำหรับใส่หยกแกะสลักเป็นรูปปั้นของมงคลต่างๆเพื่ออำพรางการตรวจจับ เพื่อลักลอบส่งไปยังประเทศออสเตรเลีย จึงเร่งแกะรอยสืบหาเบาะแส ก่อนจะตามตรวจยึดเฮโรอีนที่ซุกซ่อนไปกับลังสินค้าดังกล่าวได้จำนวน 11 ลัง ภายในมีเฮโรอีนซุกซ่อนอยู่ 831 ห่อ น้ำหนักรวมกว่า 32 กิโลกรัม มูลค่าประมาณ 10 ล้านบาท ซึ่งหากส่งไปถึงออสเตรเลียได้ มูลค่าก็จะเพิ่มไปถึง 100 ล้านบาท

พล.ต.ต.มนตรี กล่าวต่อว่า หลังตรวจยึดของกลางได้แล้ว จึงเร่งสอบสวนขยายผลหาที่มาของยาเสพติดดังกล่าว จนทราบว่าหินหยกแกะสลักที่ซุกซ่อนเฮโรอีนนั้น มีต้นทางมาจาก อ.แม่สาย จ.เชียงราย เตรียมจัดส่งไปที่ อ.ศาลายา จ.นครปฐม เพื่อพักสินค้ารอขนขึ้นเรือส่งไปยังประเทศออสเตรเลีย จึงรวบรวมหลักฐานขอศาลออกหมายจับผู้ต้องหาทั้ง 3 รายนี้ ซึ่งทำหน้าที่เป็นผู้สั่งการ และผู้ควบคุมการขนส่ง

สอบสวน ผู้ต้องหาทั้งหมดให้การปฏิเสธ แต่ทางเจ้าหน้าที่ไม่ปักใจเชื่อ เนื่องจากตรวจสอบประวัติพบว่า นายธีรพงค์ หรืออ๊อด นั้นเคยถูกจำคุกถึง 22 ปี 9 เดือน 15 วัน ที่เรือนจำกลางสงขลา ความผิดคดีลักษณะเดียวกันด้วย จึงนำตัวส่ง บช.ปส. สอบสวนขยายผลต่อไป 

‘บิ๊กโจ๊ก’ แจง เป็นหน้าที่ ตม. คุมตัว ‘ทักษิณ’ ส่งศาลตามหมายจับ เผย ยังไร้ข่าวป่วนของกลุ่มการเมือง กำชับเจ้าหน้าที่เฝ้าระวังเข้ม

(27 ก.ค. 66) ที่สำนักงานตำรวจแห่งชาติ พล.ต.อ.สุรเชษฐ์ หักพาล รองผบ.ตร. เปิดเผย ถึงกรณีที่นายทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี จะเดินทางกลับไทยในวันที่ 10 สิงหาคมนี้ ในฐานะอดีต ผบช สตม. ว่า สำหรับกรณีผู้ที่มีหมายจับและคดียังอยู่ในอายุความ ตามหลักการแล้วหมายจับจะแสดงในระบบฐานข้อมูลของด่านตรวจคนเข้าเมืองที่สนามบินอยู่แล้ว ซึ่งหมายความว่า เมื่อนายทักษิณเดินทางเข้ามาผ่านด่านตรวจคนเข้าเมืองในสนามบิน ระบบจะปรากฏข้อมูลหมายจับของศาล ให้ตำรวจตรวจคนเข้าเมืองหน้าด่านตรวจนั้นๆ ทราบทันที หน้าที่ของตำรวจตรวจคนเข้าเมืองคือ จะต้องแจ้งให้บุคคลนั้นทราบ และควบคุมตัวต้องหาส่งให้กับศาลตามหมายจับ

ซึ่งขั้นตอนหลังจากนั้น ก็ขึ้นอยู่กับคำสั่งศาล ว่า มีคำสั่งดำเนินการอย่างไรต่อผู้ต้องหาขณะเดียวกัน ในกรณีเดินทางเข้าเมืองโดยเครื่องบินเจ็ตส่วนตัว แล้วลงจอดในสนามบินอื่น เช่น บน.6 ของกองทัพอากาศ ซึ่งอยู่ในพื้นที่ใกล้เคียงกับสนามบินดอนเมือง ก็จะต้องผ่านขั้นตอนตรวจคนเข้าเมืองเช่นเดียวกับการทางเข้าเมืองผ่านสนามบินทั่วไป

พล.ต.อ.สุรเชษฐ์ เปิดเผยต่อว่า ส่วนด้านการข่าวความเคลื่อนไหวของกลุ่มการเมืองต่างๆ ขณะนี้ยังไม่พบความเคลื่อนไหวของกลุ่มใดและยังไม่พบการข่าวที่น่ากังวล แต่เจ้าหน้าที่จะเฝ้าระวังไปจนถึงช่วงเวลาที่นายทักษิณจะเดินทางกลับ ตลอดจนช่วงเวลาหลังเดินทางกลับไทยแล้ว

‘ดีเจเพชรจ้า’ แถลงเส้นทางการเงิน หลังถูกโยงคดี Forex-3D ลั่น!! “เรื่องไม่ดี หลอกเงินชาวบ้าน ไม่มีวันทำเด็ดขาด”

(24 ก.ค. 66) ล่าสุด ‘ดีเจเพชรจ้า’ ชี้แจงผ่านไอจี หลังจากที่มีรายงานข่าวว่าทางดีเอสไอ เตรียมออกหมายเรียกให้มาพบเจ้าหน้าที่เพื่อชี้แจง หลังพบเส้นทางเงินเชื่อมโยงกับคดีฟอกเงิน Forex-3D ซึ่ง ‘ดีเจเพชรจ้า’ ได้ออกมาเปิดเผยว่า...

"ผมของแถลงหน่อยนะครับ ก่อนจะเข้าใจผิดไปกันใหญ่ จากข่าวที่ออกมานะครับหลังจากได้รับหมายไปก็ติดต่อเข้าไปสอบถามทราบข้อมูลมา เกี่ยวกับเงิน 50,000 บาท มีการโอนระหว่างบัญชีกันจึงได้ตรวจสอบ และพบว่าเงินนั้นคือการจ้างในการ post ภาพจาก show room รถแห่งหนึ่ง เมื่อปี 2018 วันที่ 1 พ.ค. 2018 ทางผมมีหลักฐาน สำหรับเรื่องนี้ครับ เรื่องไม่ดี หลอกเงินชาวบ้าน ผมไม่มีวันทำเด็ดขาด ขอบคุณที่กำลังใจครับที่ส่งมา"

นอกจากนี้เจ้าตัวยังเล่าแบบละเอียดในคลิปว่า "ดีเอสไอออกหมายเรียกให้ไปเป็นพยานเรื่อง Forex-3D ผมได้หมายมาแล้วจริง ว่าให้ไปให้การเป็นพยาน เราก็ไม่รู้จริง ๆ ว่าเราไปเกี่ยวพันได้ยังไง เพราะส่วนตัวไม่รู้จักคุณอภิรักษ์เลย"

"และไม่เคยทำธุรกรรมแชร์ลูกโซ่อะไรเลย ไม่เคยเชื่อด้วยว่ามันจะได้เงิน และไม่เคยชวน แต่โทรไปถามแล้วบังเอิญว่ามีการโอนเงิน ระหว่างบัญชีของคุณอภิรักษ์ และบัญชีของผม มียอดเงิน 5 หมื่นบาท เมื่อวันที่ 1 พ.ค. ปี 2018 มี 1 ยอดถ้วน โอนเข้ามาเมื่อ 5 ปีแล้ว"

"ตอนแรกผมก็งงว่าคุณอภิรักษ์เขาโอนเงินอะไรให้ผม ปรากฏว่าวันที่ 1 พ.ค. 2018 ลองไปย้อนในไอจีว่ามันมีอะไรเกิดขึ้นไหม ก็ไปเจอวันที่ดังกล่าวจริง ๆ มีการโสพต์ภาพของผมผ่านทางไอจี เป็นภาพเพจโชว์รูมรถ ตอนนั้นทำรายการเกี่ยวกับรถ ซึ่งก็มีการจ้างโปรโมตโชว์รูมที่ชื่อว่า RKK โดยมีลูกค้า 1 ท่านไดเร็กแมสเสจทางไอจี ให้ผมช่วยโปรโมตเพจ เป็นภาพแคปหน้าจอเพจของเขาส่งมาให้ผมโพสต์ ก็ได้ค่าจ้าง 5 หมื่นบาท ก็เป็นอันว่า ผมเพิ่งมารู้ว่าคนที่จ่ายเงินคือ คนชื่ออภิรักษ์ ผมไม่ทราบด้วยซ้ำว่าใครที่เป็นคนติดต่อ DM มา"

‘ฟิล์ม รัฐภูมิ’ เคลื่อนไหว!! หลังโดนหมายเรียกคดี Forex-3D ขอยืนยันความบริสุทธิ์ เตรียมหอบหลักฐานเข้าพบ DSI 8 ส.ค.นี้

(24 ก.ค. 66) หลังจากที่มีรายงานข่าวว่าทางดีเอสไอ เตรียมออกหมายเรียกอีก 8 ราย ให้มาพบเจ้าหน้าที่เพื่อชี้แจง หลังสอบพบเส้นทางเงินเชื่อมโยงกับคดีฟอกเงิน Forex-3D พบว่าในจำนวนนี้มีดารานักแสดงชายชื่อดังเกี่ยวข้อง 1 ราย นัดหมายให้เข้าพบพนักงานสอบสวนวันที่ 8 ส.ค. ส่วนอีก 1 รายเป็นดีเจชายชื่อดัง นัดหมายให้เข้าพบพนักงานสอบสวนวันที่ 17 ส.ค. ที่กองคดีธุรกิจการเงินนอกระบบ ศูนย์ราชการฯ อาคารบี ชั้น 8 ซึ่งล่าสุดมีชื่อของนักแสดงดัง ‘ฟิล์ม รัฐภูมิ โตคงทรัพย์’ และดีเจชื่อดังอย่าง ‘เพชรจ้า วิเชียร กุศลมโนมัย’ ที่ทางดีเอสไอเตรียมออกหมายเรียก

ล่าสุด แหล่งข่าวคนใกล้ชิด ‘ฟิล์ม รัฐภูมิ’ ได้เผยว่า ตอนนี้ฟิล์มทราบข่าวที่เกิดขึ้นแล้ว เจ้าตัวไม่ได้ซีเรียสอะไร พร้อมที่จะเข้าพบเจ้าหน้าที่ ซึ่งคาดว่าฟิล์มจะเข้าไปพบเจ้าหน้าที่ด้วยตัวเอง เพราะเท่าที่ทราบฟิล์มได้มีการโทรเข้าไปสอบถามทางเจ้าหน้าที่ถึงเรื่องดังกล่าว และได้ชี้แจงเบื้องต้นไปแล้ว โดยฟิล์มจะนำหลักฐานไปชี้แจงความบริสุทธิ์ของตนเองอีกครั้งในวันที่ 8 ส.ค.นี้

นอกจากนี้ ผู้สื่อข่าวถามว่า ฟิล์ม เข้าไปเกี่ยวข้องกับ คดีเงิน Forex-3D ได้อย่างไร แหล่งข่าวคนดังกล่าว เผยว่า เมื่อประมาณปี 2561 ทางผู้บริหาร Forex-3D ได้มีการว่าจ้างบริษัทของฟิล์มให้ทำงานด้วย เป็นเรื่องของการว่าจ้างงาน ไม่ได้มีส่วนร่วมในการไปหลอกให้ประชาชนมาร่วมลงทุน ทางบริษัทของฟิล์มก็มีหลักฐานการว่าจ้างอยู่ ซึ่งฟิล์มจะนำหลักฐานดังกล่าวไปชี้แจงความบริสุทธิ์ของตนด้วย

ธรรมะประจำวันวันอาทิตย์ที่ 23 กรกฎาคม 2566

'เสียงประชาชน’ มิใช่เสียงสวรรค์เสมอไป 

เป็นเสียงนรกก็ได้ ‘เมื่อไร้ศีลธรรม’

-พุทธทาสภิกขุ-

‘รัฐบาล’ เตือน!! มิจฉาชีพหลอกทำบัตร ปชช.ผ่านเฟสบุ๊ก สูญเงินฟรี แถมผิดกฎหมายเข้าข่ายปลอมแปลงเอกสาร

(19 ก.ค. 66) น.ส.รัชดา ธนาดิเรก รองโฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี กล่าวเตือนประชาชนว่า อย่าหลงเชื่อมิจฉาชีพหลอกลวงให้ทำบัตรประจำตัวประชาชน และเอกสารปลอมผ่านเพจเฟสบุ๊ก ทำให้สูญเสียเงินเป็นจำนวนมาก ซึ่งจากเมื่อทำการตรวจสอบแล้วปรากฎข้อเท็จจริงว่า การโฆษณา และรับทำเอกสารทางราชการปลอมดังกล่าว มีลักษณะเป็นการหลอกลวงให้ผู้หลงเชื่อโอนเงินไปให้และตัดการติดต่อหลังมิจฉาชีพได้เงินไป กรมการปกครอง กระทรวงมหาดไทย ในฐานะหน่วยงานหลักในการดำเนินงานด้านทะเบียน และบัตรประจำตัวประชาชน

ชี้แจงว่า การดำเนินการใดๆ ที่เกี่ยวกับงานทะเบียนและบัตรประจำตัวประชาชน โดยเฉพาะอย่างยิ่งกรณีบุคคลผู้ไม่มีสถานะทางทะเบียน ต้องดำเนินการทางกฎหมายอย่างรัดกุม ชัดเจน โดยเจ้าหน้าที่รัฐ ทุกกรณี ทั้งนี้ ดำเนินการได้ ณ สำนักทะเบียนท้องถิ่นหรือสำนักทะเบียนอำเภอเท่านั้น เพื่อป้องกันมิให้ผู้ใดเข้าไปเกี่ยวข้องกับการกระทำความผิดอาญา โดยรู้เท่าไม่ถึงการณ์

น.ส.รัชดา กล่าวว่า รัฐบาลได้กำชับเจ้าหน้าที่ของรัฐทุกฝ่ายป้องกันและปราบปราม และสร้างการรับรู้ให้ประชาชน โดยให้เน้นย้ำในเรื่องสำคัญ ดังนี้

1.) ผู้ที่จ้างหรือสั่งทำเอกสารปลอมข้างต้น ถือเป็นตัวการสำคัญในการกระทำความผิดอาญาฐานปลอมเอกสารสิทธิและเอกสารราชการ สำหรับผู้ที่จ้างต้องรับโทษทางอาญาเช่นเดียวกับผู้รับจ้างที่ทำเอกสารปลอม ตามประมวลกฎหมายอาญามาตรา 264 265 หรือ 266 แล้วแต่กรณี ซึ่งมีระวางโทษสูง ต้องจำคุกตั้งแต่ 6 เดือน ถึง 10 ปี หรือปรับไม่เกิน 2 แสนบาท หรือทั้งจำทั้งปรับ

2.) ผู้ที่จ้างหรือสั่งทำเอกสารปลอมข้างต้น หรือผู้ใดนำเอกสารปลอมไปใช้หรืออ้างให้ผู้อื่นเชื่อว่าเป็นเอกสารจริงโดยทุจริตและปกปิดข้อเท็จจริง มีความผิดฐานใช้เอกสารปลอมตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 268 ต้องระวังโทษเช่นเดียวกับข้อ 1 ข้างต้น ซึ่งมีระวางโทษสูง ต้องจำคุกตั้งแต่ 6 เดือน ถึง 10 ปี หรือปรับไม่เกิน 2 แสนบาท หรือทั้งจำทั้งปรับ

“การดำเนินการใดๆ เกี่ยวกับงานทะเบียนและบัตรประจำตัวประชาชน โดยเฉพาะอย่างยิ่งกรณีบุคคลผู้ไม่มีสถานะทางทะเบียน ต้องดำเนินการทางกฎหมายอย่างรัดกุม ชัดเจน โดยเจ้าหน้าที่รัฐทุกกรณี ซึ่งจะดำเนินการโดยกรมการปกครอง กระทรวงมหาดไทย ในฐานะหน่วยงานหลักในการดำเนินงานด้านทะเบียน และบัตรประจำตัวประชาชนของคนไทย ขอประชาชนอย่าหลงเชื่อคำชักชวน หลอกหลวงผ่านสื่อต่างๆ” น.ส.รัชดา กล่าว

‘หนุ่มใหญ่เมืองตรัง’ หลั่งน้ำตา!! เลี้ยงหมูหวังปลดหนี้ธนาคาร ถูกคนร้ายบุกฆ่าลูกหมูยกเล้า สูญเงินก้อนสุดท้ายไปฟรีๆ    

หนุ่มใหญ่เมืองตรังท้อ นำเงินก้อนสุดท้ายมาเลี้ยงหมู หวังปลดหนี้ธนาคาร กลับถูกคนร้ายบุกเข้าฆ่าลูกหมูวัย 45 วัน และ 1 วัน จำนวน 2 คลอก ตายเกลื่อนคาคอกกว่า 13 ตัว ขโมยไปอีก 2 ตัว ซึ่งในระยะเวลา 2 ครั้ง ห่างกันเพียงแค่ 6 วัน เจ้าตัวเผยไม่เคยขัดแย้งกับใคร หลั่งน้ำตาคาดต้องล้มเลิกกิจการ คาดเป็นฝีมือทาสยานรก หรือบุคคลอื่นทำเพื่อกดดันให้หยุดเลี้ยง

(18 ก.ค. 66) ร.ต.อ.นรชัย แก้วหนู รอง สว.(สอบสวน) สภ.เมืองตรัง เข้าตรวจสอบที่เกิดเหตุ ภายหลังจากได้รับแจ้งมีคนร้ายบุกใช้อาวุธมีด แทงลูกหมูของเกษตรกรที่เลี้ยงไว้เสียชีวิตคาคอก ซึ่งตั้งอยู่ภายในสวนยางพาราอ่อน จำนวน 7 กว่าไร่ พื้นที่หมู่ 4 บ้านควนดินแดง ต.น้ำผุด อ.เมือง จ.ตรัง ซึ่งเส้นทางเข้าไปภายในสวน เป็นถนนลูกรังห่างจากถนนใหญ่ และห่างไกลจากบ้านเรือนประชาชน

พบคอกเลี้ยงหมูยาวประมาณ 20 เมตร ใกล้กันมีบ้านพักหลังเล็กปลูกอยู่ 1 หลัง พบว่าภายในคอกท้ายสุด พบซากหมูถูกแทงนอนจมกองเลือดจำนวน 8 ตัว หลงเหลืออยู่เพียงแม่พันธุ์หมู สร้างความโศกเศร้าเสียใจให้กับเจ้าของคือนายชาตรี (สงวนนามสกุล) หรือ ‘เขียด’ อายุ 45 ปี เป็นอย่างมาก

นายชาตรี เจ้าของ เล่าทั้งน้ำตาว่า เริ่มเลี้ยงหมูมาเมื่อวันที่ 3 ธ.ค.65 ที่ผ่านมา โดยเลี้ยงพ่อพันธุ์แม่พันธุ์ เพื่อตั้งใจว่าจะผสมพันธุ์ให้เกิดลูก เพื่อที่จะได้จำหน่าย แต่กลับไม่เป็นดังใจหวัง หลังจากลูกหมูคลอกแรกเกิดมาจำนวน 11 ตัว ได้ใช้ชีวิตหลังหย่านมแม่อยู่ได้ประมาณ 45 วัน จนถึงวันที่ 12 ก.ค.66 ที่ผ่านมา ได้มีคนร้ายบุกเข้ามาใช้อาวุธมีดแทง ปาดคอ และผ่าท้องตายไปจำนวน 5 ตัว นอนตายเกลื่อนคอก และถูกคนร้ายขโมยไปอีก 1 ตัว ทำให้เหลือลูกหมูคลอกแรกอยู่เพียง 5 ตัว ตนจึงได้ย้ายที่รอดชีวิตไปอยู่คอกอื่น ซึ่งเหตุการณ์ครั้งแรกตนไม่ได้ติดใจและแจ้งความ เพียงแค่ให้เจ้าหน้าที่ตำรวจบันทึกประจำวันไว้เป็นหลักฐานเท่านั้น

จนกระทั่งลูกคลอกที่ 2 ได้เกิดตามมาอีกครั้งทั้งหมด 10 ตัว วันที่ 16 ก.ค.66 ที่ผ่านมา ตายไปตามธรรมชาติ 1 ตัว เหลือ 9 ตัว จนกระทั่งเมื่อคืนที่ผ่านมา (17 ก.ค.66) คนร้ายได้บุกเข้ามาใช้มีดแทงลูกหมูที่มีอายุเพียง 1 วัน ตายไปทั้งหมด 8 ตัวและขโมยกลับไป 1 ตัว ก่อนจะแจ้งตำรวจเพื่อจะดำเนินคดีในครั้งนี้ เหตุการณ์ครั้งล่าสุด ทั้งๆที่ตนเปิดไฟภายในคอกหมูสว่าง และนอนเฝ้าอยู่ภายในสวน แต่ตื่นเช้ามาก็เสียใจที่ถูกฆ่าตาย ซึ่งติดกล้องวงจรปิดไม่ทัน

ตนก็ไม่เข้าใจเหมือนกันว่าคนร้ายเป็นโรคจิต หรือวิปริตหรือไม่ หรือเพราะไม่อยากให้ตนเลี้ยงที่นี่ และตนไม่เคยมีศัตรูหรือความขัดแย้งกับใครมาก่อน แม้สวนที่อยู่ติดกันใกล้กันก็เป็นมิตรที่ดีต่อกัน จึงอยากขอความร่วมมือกับทางเจ้าหน้าที่ตำรวจให้ช่วยจับกุมคนร้ายให้ได้อย่างเร็วที่สุด ตนเสียใจน้อยใจมาก เพราะตั้งใจทำมาหากิน แต่กลับถูกรังแก

ที่ผ่านมาตนทำอาชีพค้าขาย แต่ปรากฏว่าติดหนี้สินธนาคาร จึงผันตัวนำเงินที่เหลืออยู่ประมาณ 3 แสนบาทมาลงทุนเป็นเกษตรกรเลี้ยงหมู เพื่อหวังจะได้ทยอยจ่ายหนี้ธนาคารและดูแลครอบครัว เพราะมีลูก 3 คนอยู่ในวัยเรียน รู้สึกเสียใจมากที่มาเกิดเหตุการณ์แบบนี้ หลังจากนี้คิดว่าก็ต้องล้มเลิกกิจการเลี้ยงหมู เพราะทำต่อไปไม่ได้แล้ว

ขณะที่ นายวิชาญ มากแก้ว หรือ ‘ผู้ช่วยเพิ่ม’ อายุ 41 ปี ผู้ช่วยผู้ใหญ่บ้านหมู่ 4 ต.น้ำผุด กล่าวว่า คนร้ายลงมือเหี้ยมมาก เพราะทำกับลูกหมูตัวเล็กๆ ได้ขนาดนี้ ทั้งปาดคอ ผ่าท้อง และน่าจะเป็นพวกโรคจิต เพราะท่าบุคคลปกติคงไม่ทำกัน และฆ่าเพียงลูกหมู แต่ไม่ฆ่าแม่พันธุ์ หลังรับแจ้งจากลูกบ้านก็ได้เข้าสอบถามข้อมูลเบื้องต้น แต่เจ้าของยืนยันว่าไม่เคยมีความขัดแย้งกับใครมาก่อน ก็อยากให้ทางตำรวจจับกุมคนร้ายให้ได้ ตอนนี้ก็พอจะมีบุคคลต้องสงสัยอยู่บ้าง แต่ยังคงระบุตรงเป้าไม่ได้

อย่างไรก็ตาม เบื้องต้นทางพนักงานสอบสวนได้ตรวจสถานที่เกิดเหตุ พร้อมทั้งอยู่ระหว่างการสืบสวนสอบสวน เพื่อติดตามจับกุมคนร้ายมาดำเนินคดีให้ได้ ในเบื้องต้นสันนิษฐานว่าอาจจะเป็นการก่อเหตุของบุคคลที่จิตหลอน ติดยาเสพติดในพื้นที่ แต่ก็ยังคงไม่ตัดประเด็นก่อเหตุเพื่อกดดันให้เจ้าของหยุดเลี้ยงและออกจากพื้นที่ เนื่องจากเจ้าของไม่เคยมีความขัดแย้งกับใครมาก่อน

‘ตร.’ รวบ!! ‘สาวแสบ’ หลอกรับจ้างกดบัตรคอนเสิร์ต ‘บิวกิ้น’ แฟนคลับรวมตัวแจ้งความ แค้นถูกตุ๋นชวดบัตร แถมไม่ได้เงินคืน 

(18 ก.ค. 66) พล.ต.ท.ธิติ แสงสว่าง ผบช.น., พล.ต.ต.นพศิลป์ พูลสวัสดิ์ รองผบช.น., พล.ต.ต.ธีรเดช ธรรมสุธีร์ ผบก.สส.บช.น., พ.ต.อ.วรพจน์ รุ่งกระจ่าง รองผบก.สส., พ.ต.อ.จักราวุธ คล้ายนิล ผกก.วิเคราะห์ข่าวและเครื่องมือพิเศษ/ บก.สส.บช.น., พ.ต.ท.ยิ่งยศ ลีชัยอนันต์, พ.ต.ท.พัชรพงษ์ กาญจนวัฏศรี รองผกก.วิเคราะห์ข่าวและเครื่องมือพิเศษ/ บก.สส.บช.น., สั่งการให้ตำรวจ กก.วิเคราะห์ข่าวและเครื่องมือพิเศษ/ บก.สส. นำโดย พ.ต.ท.ธีวร์ราธิป ชูดวง สว.กก.วิเคราะห์ข่าวและเครื่องมือพิเศษ พร้อมกำลังชุดปฏิบัติการที่ 2 จับกุมตัว ‘น.ส.ขวัญ’ อายุ 23 ปี ผู้ต้องหาตามหมายจับ ศาลอาญาธนบุรี ที่ 21/2566 ลงวันที่ 11 ม.ค. 65 ข้อหาฉ้อโกงประชาชน โดยทุจริตหรือโดยการหลอกลวงนำเข้าสู่ระบบคอมพิวเตอร์ที่บิดเบือนหรือปลอมไม่ว่าทั้งหมดหรือแต่บางส่วนหรือข้อมูลคอมพิวเตอร์อันเป็นเท็จโดยประการที่น่าจะเกิดความเสียหายแก่ประชาชน

สืบเนื่องจากผู้เสียหายให้การว่าเมื่อวันที่ 23 ก.ค.65 เข้าไปในทวิตเตอร์เพื่อซื้อบัตรคอนเสิร์ตศิลปิน ‘บิวกิ้น’ พบผู้ใช้นามว่า ‘ร้านกดบัตรขข’ ลงโฆษณารับจ้างกดบัตรคอนเสิร์ตดังกล่าว ซึ่งคิดค่าบริการ จำนวน 400 บาทต่อบัตร 1 ใบ จึงติดต่อว่าจ้างให้กดบัตรคอนเสิร์ตให้กับผู้เสียหาย ต่อมาวันที่ 27 ก.ค.65 ผู้ใช้นามทวิตเตอร์ว่า ‘ร้านกดบัตรขข’ ได้ตอบรับกดบัตรคอนเสิร์ตให้กับผู้เสียหาย โดยให้โอนเงินค่ารับกดบัตรเข้าบัญชีพร้อมเพย์ บัญชีชื่อบัญชี น.ส.ขวัญ ต่อมาผู้เสียหายจึงโอนเงิน 400 บาทไปยังบัญชีดังกล่าว ซึ่งตกลงกดบัตรคอนเสิร์ตในวันที่ 30 ก.ค.65 ต่อมาเวลา 13.00 น. ผู้เสียหายได้รับแจ้งว่ากดบัตรคอนเสิร์ตไม่ได้ จะโอนเงินคืนให้

ผู้เสียหายได้บอกหมายเลขบัญชีธนาคารเพื่อโอนเงินคืน แต่ไม่มีการโอนเงินคืนให้และปิดแอคเคาน์ไม่สามารถติดต่อได้ ผู้เสียหายแจ้งว่ามีผู้เสียหายอีก 10 กว่าคนที่ตนเองรู้จักเป็นแฟนคลับบิวกิ้นก็โดนเหมือนกัน แต่ไม่ได้แจ้งความ เพราะความเสียหายมูลค่าน้อย ส่วนกรณีนี้ผู้เสียหายติดใจ เพราะผิดหวังที่ไม่ได้ดูศิลปินที่ชื่นชอบ เราต้องมาเสียเงินออมเก็บไว้อีก และยังโกงในรูปแบบดังกล่าวรับกดบัตรคอนเสิร์ตจัสติน บีเบอร์ แต่ก็ไม่ได้บัตรเช่นกัน เคสคอนเสิร์ตจัสติน สน.โชคชัยอยู่ในระหว่างการทำสำนวน เบื้องต้นนำตัวผู้ต้องหาส่ง สน.บางยี่เรือ เพื่อดำเนินคดีตามกฎหมาย

ด้าน พล.ต.ต.ธีรเดช กล่าวว่าขอแจ้งเตือนไปยังผู้กระทำผิด ว่าท่านไม่สามารถหลบรอดกฎหมาย และประชาชนหากมีเบาะแสการกระทำความผิด โปรดแจ้งมายังเพจ ‘สืบสวนนครบาล IDMB’ ได้ตลอด 24 ชม. แม้จะเป็นคดีที่มีความเสียหายไม่มาก แต่หากเป็นคดีที่ประชาชนเดือดร้อน เราทำทันที ตามนโยบายของ พล.ต.อ.ดำรงศักดิ์ กิตติประภัสร์ ผบ.ตร. และ พล.ต.ท.ธิติ แสงสว่าง ผบช.น.

ตำรวจไซเบอร์ เตือนบุคคลมีชื่อเสียงในสื่อสังคมออนไลน์ โฆษณาเว็บพนันออนไลน์มีโทษหนัก ที่ผ่านมามีผู้กระทำผิดซ้ำถูกศาลสั่งจำคุก 10 เดือน ไม่รอลงอาญา

พ.ต.อ.กฤษณะ พัฒนเจริญ โฆษก บช.สอท. กล่าวว่า ในปัจจุบันเว็บไซต์การพนันออนไลน์มีหลากหลายรูปแบบ และแฝงมาในหลากหลายช่องทาง ไม่ว่าจะแฝงมากับเว็บไซต์ภาพยนตร์เถื่อนผิดกฎหมายลิขสิทธิ์ เว็บไซต์ลามกอนาจาร หรือมาจากข้อความสั้น(SMS) หรือจากจดหมายอิเล็กทรอนิกส์ (E-Mail) รวมไปถึงการใช้บุคคลที่มีชื่อเสียง หรือมีอิทธิพลตรงกับกลุ่มเป้าหมาย ประกาศโฆษณาชักชวนประชาชนผ่านสื่อสังคมออนไลน์ต่างๆ เช่น Line, Facebook, Instagram, TikTok เป็นต้น มีการโฆษณามีโปรโมชันเล่นเสียคืนเงิน หรือให้เครดิตจูงใจเพื่อให้มีคนเข้าไปเล่นการพนัน ที่ผ่านมา บช.สอท. ได้เร่งระดมกวาดล้างปราบปรามการลักลอบเปิดเว็บไซต์ออนไลน์ มีการจับกุมผู้ต้องหาที่เกี่ยวข้องหลายราย พร้อมทั้งตรวจยึดของกลางได้เป็นจำนวนมาก โดยเฉพาะอย่างยิ่งการดำเนินคดีกับบุคคลที่มีชื่อเสียงในสื่อสังคมออนไลน์ ซึ่งได้ประกาศโฆษณาชักชวนให้ประชาชนทั่วไปเข้าเล่นการพนันออนไลน์ผ่านช่องทางต่างๆ ล่าสุดมีการจับกุมตัวผู้ต้องหา 4 ราย และที่ผ่านมามีการดำเนินคดีในภาพรวมกว่า 10 ราย

การกระทำดังกล่าวอาจจะเข้าข่ายความผิดฐาน “ช่วยประกาศโฆษณา หรือชักชวนโดยทางตรง หรือทางอ้อมให้ผู้อื่นเข้าเล่นหรือเข้าพนันในการเล่นซึ่งมิได้รับอนุญาตจากเจ้าพนักงาน ตาม พ.ร.บ.การพนัน พ.ศ.2478  มาตรา 4 ทวิ, 12 มีโทษจำคุกไม่เกิน 1 ปี ปรับไม่เกิน 1,000 บาท หรือทั้งจำทั้งปรับ ” และกฎหมายอื่นๆ ที่เกี่ยวข้อง 

บช.สอท. โดย พล.ต.ท.วรวัฒน์ วัฒน์นครบัญชา ผบช.สอท. ได้ขับเคลื่อนตามนโยบายของรัฐบาล โดย พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี และรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม และสำนักงานตำรวจแห่งชาติ โดย พล.ต.อ.ดำรงศักดิ์ กิตติประภัสร์ ผบ.ตร. และ พล.ต.อ.ต่อศักดิ์ สุขวิมล รอง ผบ.ตร. ในการป้องกันและปราบปรามการกระทำความผิดอาชญากรรมออนไลน์ในทุกรูปแบบ รวมถึงการสร้างการรับรู้ให้แก่ประชาชนไม่ให้ตกเป็นเหยื่อของมิจฉาชีพ โดยเฉพาะอย่างยิ่งที่เกี่ยวข้องกับการเล่นการพนันออนไลน์ในรูปแบบต่างๆ

โฆษก บช.สอท. กล่าวเพิ่มเติมว่า ฝากไปยังบุคคลที่มีชื่อเสียงในสื่อสังคมออนไลน์ที่ยังมีพฤติกรรมในลักษณะดังกล่าวอยู่ ให้หยุดการกระทำนั้นเสีย จะอ้างว่าไม่รู้ว่าเป็นความผิดไม่ได้ จะต้องถูกดำเนินคดีตามกฎหมายทุกราย ไม่มีละเว้นอย่างเด็ดขาด และผู้นั้นอาจจะถูกยึดทรัพย์ตาม พ.ร.บ.การป้องกันและปราบปรามการฟอกเงิน อีกด้วย นอกจากนี้แล้วการโฆษณาต่างๆ ยังทำให้ผู้ที่หลงเชื่อเข้าเล่นการพนันอาจจะถูกกลโกงของมิจฉาชีพหลอกลวงเอาทรัพย์สิน หรือเสี่ยงถูกนำข้อมูลส่วนบุคคลไปใช้ในทางทุจริต ซึ่งปรากฎเป็นข่าวกรณีเจ้าหน้าที่ตำรวจ บก.สอท.5 บช.สอท. ได้จับกุมผู้ต้องหาประกาศขายฐานข้อมูลส่วนบุคคลจากเว็บไซต์พนันออนไลน์กว่า 2 ล้านรายชื่อ เป็นต้น อย่างไรก็ตามหากผู้นั้นเคยกระทำผิดมาแล้ว และศาลมีคำพิพากษาถึงที่สุดให้ลงโทษจำคุกจำเลย โดยโทษจำคุกให้รอการลงโทษไว้ก่อน แต่ผู้นั้นได้มากระทำความผิดในคดีนี้ซ้ำอีกภายในระยะเวลาที่ศาลกำหนด โทษจำคุกที่รอการลงโทษจะถูกนำมาบวกเข้ากับโทษในดังกล่าวด้วย ซึ่งปรากฎเป็นอุทาหรณ์ในสื่อสังคมออนไลน์ผู้ต้องหารายหนึ่งถูกศาลตัดสินจำคุกกว่า 10 เดือน ไม่รอลงอาญาแต่อย่างใด

รวบแก๊งแพทย์ทหารนาโต้เก๊หลอกโอนเงินเหยื่อหวังได้อยู่ด้วยกัน ตร.ไซเบอร์โทรหาทำฝันสลาย

สืบเนื่องจาก เมื่อ 19 ก.พ.66 ที่ผ่านมา ผู้เสียหายได้รู้จักกับมิจฉาชีพผ่านแอป Instagram โดยอ้างว่าเป็นแพทย์ทหารชาวเวียดนามปฏิบัติหน้าที่ในองค์การสนธิสัญญาแอตแลนติกเหนือ หรือ NATO เมื่อพูดคุยกันถูกคอจึงมีการแอดไลน์และได้สนทนากันเรื่อยมาจนผู้เสียหายเกิดชอบพอและหลงรัก

ต่อมา มิจฉาชีพได้พูดจาหว่านล้อมโดยอ้างว่า ต้องการมาใช้ชีวิตอยู่ด้วยกันกับผู้เสียหายที่ประเทศไทย ซึ่งมีแค่ผู้เสียหายคนเดียวที่ช่วยเขาได้ จึงขอให้โอนเงิน จำนวน 10,000 บาท ไปยังบัญชีปลายทาง เพื่อวิ่งเต้นเจ้าหน้าที่ในองค์การสหประชาชาติ (UN) ในการโยกย้ายตำแหน่งมาทำงานที่ประเทศไทย เมื่อผู้เสียหายหลงเชื่อจึงโอนเงินไป ช่วงเวลาต่อมา คนร้ายก็อ้างอีกว่า จำเป็นต้องให้ผู้พิพากษาช่วยในการโยกย้ายตำแหน่งอีก จึงขอให้ผู้เสียหายโอนเงินเป็นค่าดำเนินการ ผู้เสียหายหลงเชื่อ จึงโอนเงินไปยังบัญชีดังกล่าวอีก 25,000 บาท หลังจากนั้น มิจฉาชีพก็อ้างเหตุผลต่างๆ เพื่อหลอกลวงเหยื่อให้โอนเงินค่าดำเนินการไปอีกหลายครั้ง รวมทั้งสิ้น 60,000 บาท

กระทั่งวันที่ 23 มิ.ย.66 เจ้าหน้าที่ตำรวจไซเบอร์ได้โทรหาผู้เสียหาย เนื่องจากพบว่า เป็นผู้โอนเงินเข้าบัญชีปลายทางดังกล่าวอย่างผิดปกติ โดยบัญชีดังกล่าว เจ้าหน้าที่พบว่าเป็นบัญชีม้าของแก๊ง Romance Scam ที่มีผู้เสียหายคนอื่นโดนหลอกให้รักแล้วโอนเงินเช่นกัน ผู้เสียหายจึงทราบว่าตนเองถูกหลอกแล้ว จากนั้นจึงเข้าแจ้งความเพื่อดำเนินคดี

ต่อมา พล.ต.ท.วรวัฒน์ วัฒน์นครบัญชา ผบช.สอท. จึงสั่งการให้ พล.ต.ต.สถิตย์ พรมอุทัย ผบก.สอท.3 จัดเจ้าหน้าที่สืบสวนคดีดังกล่าว และรวบรวมพยานหลักฐานจนสามารถขออำนาจศาลออกหมายจับผู้กระทำผิดที่เกี่ยวข้อง โดย กก.วิเคราะห์ข่าวและเครื่องมือพิเศษ บก.สอท.3 ได้ลงพื้นที่เพื่อสืบสวนหาข่าว จนสามารถเข้าควบคุมตัว นายนราธิป อายุ 31 ปี ชาวอุตรดิตถ์ ในข้อหา “ร่วมกันฉ้อโกงประชาชนโดยการแสดงตนเป็นบุคคลอื่น, ร่วมกันโดยทุจริตหรือหลอกลวงนำเข้าสู่ระบบคอมพิวเตอร์ซึ่งข้อมูลคอมพิวเตอร์ปลอม ไม่ว่าทั้งหมดหรือบางส่วนหรือข้อมูลคอมพิวเตอร์อันเป็นเท็จโดยประการที่น่าจะเกิดความเสียหายแก่ประชาชน และร่วมกันฟอกเงิน” โดยจับกุมได้บริเวณบ้านหลังหนึ่ง ในพื้นที่การเคหะคลองจั่น แขวงคลองจั่น เขตบางกะปิ กรุงเทพมหานคร

ผลการปฏิบัติภายใต้การอำนวยการของ พล.ต.ต.สถิตย์ พรมอุทัย ผบก.สอท.3 พ.ต.อ.พงศ์นริทร์ เหล่าเขตกิจ ผกก.วิเคราะห์ข่าวฯ บก.สอท.3 สั่งการให้ พ.ต.ท.ภาคภูมิ บุญเจริญพานิช รอง ผกก.วิเคราะห์ข่าวฯ บก.สอท.3,  พ.ต.ท.เลอศักดิ์ พิเชษฐไพบูลย์ พ.ต.ต.รุ่งเรือง มีสติ และ พ.ต.ต.ธวัช ทุเครือ สว.กก.วิเคราะห์ข่าวฯ พร้อมชุดสืบสวนดำเนินการจับกุม

‘สายชาบู-สุกี้สไตล์จีน’ ระวัง!! ‘ไส้กรอกจีน’ เสี่ยงปนเปื้อนโรคระบาด หวั่นเชื้อแพร่กระจายสู่คน เตือน!! พบเห็นสินค้า รีบแจ้งเบาะแสด่วน

(16 ก.ค. 66) นับเป็นเมนูยอดฮิตในช่วงนี้ สำหรับสุกี้สไตล์จีน ชาบูหมาล่า ที่พบเห็นแทบทุกหัวมุมถนน และมีผู้คนต่อคิวยาวเหยียด โดยร้านเหล่านี้มักจะมีเนื้อสัตว์ต่าง ๆ และผลิตภัณฑ์แปรรูป และน้ำต่าง ๆ จากประเทศจีนประกอบอยู่ในเมนูด้วย

ล่าสุดทำให้ผู้ที่ชื่นชอบอาหารประเภทนี้ตกใจไม่น้อย หลังเพจเฟซบุ๊ก ชุดปฏิบัติการทีมสุนัขดมกลิ่น (DLD-Quarantine and Inspection Canine unit) ได้โพสต์ภาพ ไส้กรอกจำนวนมาก ในห่อสีแดง พร้อมระบุว่า “หากพบเห็นสินค้า หน้าตาแบบนี้ ที่ใดภายในประเทศไทย โปรดแจ้งเบาะแส”

โดยพบว่าภาพดังกล่าวเป็นปฏิบัติงานตรวจสอบ การลักลอบเคลื่อนย้ายสัตว์-ซากสัตว์ ทั้งขาเข้าและขาออก บริเวณอาคารผู้โดยสารท่าอากาศยานสุวรรณภูมิ โดยเมื่อวันที่ 13 กรกฎาคม 2566 เวลา 21.00 น.สัมภาระเที่ยวบิน HU 7939 สายการบิน ไห่หนานแอร์ไลน์ ต้นทางท่าอากาศยานนานาชาติเหม่ยหลาน เมืองไหโข่ว ประเทศจีน สุนัขบีเกิล ตรวจพบไส้กรอกหมู จำนวน 100 แท่ง น้ำหนัก 8.5 กิโลกรัม ราคาประมาณ 2,000 บาท โดยเจ้าหน้าที่ เผยว่า ประเทศต้นทางมีโรคระบาด จึงไม่อนุญาตให้นำเข้า

ทั้งนี้ ผลิตภัณฑ์จากสัตว์มีความเสี่ยงในการนำโรคระบาดสัตว์ โรคระบาดสัตว์สู่คน ที่อาจปนเปื้อนมา ให้มีการแพร่กระจายไปในที่ต่าง ๆ หากมีการนำขนส่งไปมา โดยไม่มีการตรวจสอบจากหน่วยงานรัฐบาลที่ควบคุมเกี่ยวกับการเคลื่อนย้ายซากสัตว์

‘รองโฆษกตำรวจ’ เตือน!! แอปฯ ดูดเงินระบาดหนัก พร้อมแฉ ‘3 อุบาย’ โจรออนไลน์ใช้ดูดเงินหมดบัญชี

(16 ก.ค. 66) เวลา 09.00 น. ที่ สำนักงานตำรวจแห่งชาติ พ.ต.ท.หญิง ดร.ณพวรรณ ปัญญา รองโฆษกสำนักงานตำรวจแห่งชาติ เผยอุบายของโจรออนไลน์ที่ใช้หลอกลวงประชาชนให้ติดตั้งโปรแกรมควบคุมระบบในเครื่องโทรศัพท์ และทำการดูดเงินในบัญชี

พ.ต.ท.หญิง ณพวรรณฯ ให้ข้อมูลว่า ปัจจุบันมีประชาชนที่ได้รับความเสียหายจากการถูกหลอกให้ติดตั้งแอปฯ ดูดเงินเข้าแจ้งความอย่างต่อเนื่อง จึงขอประชาสัมพันธ์เน้นย้ำถึงวิธีการของโจรออนไลน์ ที่จะทำการติดต่อประชาชนผ่านช่องทางต่าง ๆ เช่น โทรศัพท์ ไลน์ หรือการส่งข้อความสั้น (SMS) แนบลิงก์ เพื่อหลอกให้ติดตั้งโปรแกรมควบคุมระบบในเครื่องโทรศัพท์และทำการดูดเงินในบัญชี โดยใช้อุบายดังต่อไปนี้

1. หลอกว่าเป็นหน่วยงานภาครัฐ เช่น กรมที่ดิน (อ้างว่าสำรวจผู้เสียภาษีที่ดินและสิ่งปลูกสร้าง) สรรพกร (อ้างคืนภาษีหรือตรวจสอบภาษีประจำปี) และการไฟฟ้า/การประปา (อ้างโอนค่าบริการส่วนเกินคืนหรือเปลี่ยนอุปกรณ์ฟรี) เป็นต้น โดยโจรออนไลน์จะทำการติดต่อประชาชนผ่านช่องทางต่างๆ และแอบอ้างว่าเป็นเจ้าหน้าที่ของหน่วยงาน ภาครัฐ ส่งเอกสารราชการปลอมเพิ่มความน่าเชื่อถือ และพูดจาหว่านล้อมให้ประชาชนหลงเชื่อกดลิงก์เข้าเว็บไซต์หรือแอปพลิเคชันปลอมที่คล้ายกับของจริง นำไปสู่การติดตั้งแอปฯ ดูดเงิน 

2. หลอกว่าเป็นหน่วยงานภาคเอกชน เช่น สายการบิน และบริษัทขายอุปกรณ์ไอทีชื่อดัง โดยมิจฉาชีพจะส่งข้อความถึงประชาชน หรือโพสต์โฆษณาทางสื่อสังคมออนไลน์ และอ้างอุบายที่ดึงดูดความสนใจ อาทิ ได้รับตั๋วเครื่องบินฟรี เป็นผู้โชคดีได้ของขวัญ/ของรางวัล หรือ มีโปรโมชั่นลดราคาสินค้า เมื่อประชาชนหลงเชื่อกดลิงก์ก็จะถูกดูดเงินจนหมดบัญชี

3. หลอกให้เกิดความสงสัย โดยมิจฉาชีพจะส่งข้อความถึงประชาชนในเชิงหาเรื่อง ทำให้เกิดความสงสัย กระวนกระวายใจ เช่น “เธอทำแบบนี้กับเราได้อย่างไร”, “ไม่รู้ตัวเหรอว่ามีคลิปหลุด”, “ทำตัวแบบนี้ น่าโดนประจานให้อาย” แล้วโจรออนไลน์จะส่งลิงก์มาให้เพื่อกดดู เมื่อหลงเชื่อกดเข้าไป อาจถูกดูดเงินจนหมดบัญชี

สำนักงานตำรวจแห่งชาติ จึงขอเน้นย้ำให้ประชาชนรับข้อมูลอย่างมีสติ ‘ไม่เชื่อ ไม่รีบ ไม่โอน’ เพื่อไม่ตกเป็นเหยื่อของโจรออนไลน์ โดย พล.ต.อ.ดํารงศักดิ์ กิตติประภัสร์ ผบ.ตร. ได้จัดทำแบบทดสอบ Cyber Vaccine จำนวน 40 ข้อ เพื่อเป็นการเสริมสร้างภูมิคุ้มกันไซเบอร์ให้กับประชาชน 

ทั้งนี้ สามารถติดตามข้อมูลเกี่ยวกับอาชญากรรมทางเทคโนโลยีได้ที่ www.เตือนภัยออนไลน์.com และ เพจเฟซบุ๊ก ‘เตือนภัยออนไลน์’ ปรึกษา-ขอคำแนะนำได้ที่ สายด่วน บช.สอท. 1441 หรือ ศูนย์ PCT 081-866-3000 โดยผู้เสียหายสามารถติดต่อธนาคารของตนเองเพื่อทำการระงับบัญชี โดยธนาคารจะออก Bank ID ผ่าน SMS และขอให้ผู้เสียหายไปแจ้งความกับตำรวจที่ใดก็ได้โดยเร็ว โดยไม่ต้องคำนึงถึงท้องที่เกิดเหตุภายใน 72 ชั่วโมง หรือแจ้งความผ่านระบบออนไลน์ได้ที่เว็บไซต์ www.thaipoliceonline.com

‘ตร.ไซเบอร์’ ร่อนหมายเรียก ‘4 อินฟลูเอนเซอร์’ รับทราบข้อหา เหตุชักชวนเล่นพนันออนไลน์ ผ่านแพลตฟอร์มโซเชียลมีเดีย

(16 ก.ค. 66) มีรายงานว่า พล.ต.ท.วรวัฒน์ วัฒน์นครบัญชา ผบช.สอท., พล.ต.ต.วิวัฒน์ คำชำนาญ รอง ผบช.สอท., พล.ต.ต.อำนาจ ไตรพจน์ รอง ผบช.สอท., พล.ต.ต.ไพโรจน์ สุขรวยธนโชติ รอง ผบช.สอท พล.ต.ต.ทินกร รังมาตย์ รอง ผบช.สพฐ.ตร. ปฎิบัติราชการบช.สอท และพล.ต.ต.ณัฐกร ประภายนต์ผบก.สอท.2 ได้สั่งการให้ชุดสืบสวนบช.สอท.สืบสวนหาข่าวในสื่อสังคมออนไลน์ตามแพลตฟอร์มต่าง ๆ เกี่ยวกับความผิดในเรื่องของการพนันออนไลน์ เบื้องต้นพบมีเหล่าอินฟลูเอนเซอร์ได้ประกาศโฆษณาชักชวนบุคคลทั่วไปให้เข้าเล่นการพนันออนไลน์ ผ่านช่องทางสื่อสังคมออนไลน์ที่มีผู้ติดตามจำนวนมาก ในลักษณะการประกาศจูงใจเพื่อให้มีผู้เข้าไปเล่น จัดโปรโมชันให้เครดิตต่าง ๆ 

ทางพนักงานสอบสวนบช.สอท. ได้ออกหมายเรียกอินฟลูเอนเซอร์ มาแจ้งข้อกล่าวหา ซึ่งประกอบไปด้วย นายนิพนธ์ หรือ ปอน จิตกล้า ศิลปินเจ้าของเพลงดัง Timemachine ซึ่งมียอดวิวในยูทูปกว่า 129 ล้านวิว หลังโพสต์เฟซบุ๊กเปิดสาธารณะชวนแอดไลน์พนัน @sboteam และ @sbopremier, น.ส.จิรนันท์ หรือ ปู ทองเกลี้ยง แฟนปอน นิพนธ์ อินฟลูเอ็นเซอร์ที่มีผู้ติดตามเฟซบุ๊กกว่า 4 แสนคน และยังมียอดวิวติดตามการคัฟเวอร์เพลงหลายล้านวิว หลังโพสต์เฟซบุ๊กเปิดสาธารณะชวนแอดไลน์พนัน @sure999 และ @htk999 

นอกจากนี้ยังมี น.ส.ปภาวี ชัยมงคล หรือ ออย รอยจูบ หลังโพสต์เฟซบุ๊กเปิดสาธารณะชวนแอดไลน์พนัน @htk999 และ @bz888 รวมทั้งนายกฤษดา ชนะขันธ์ ผู้จัดการของ น.ส.ลฎาภา รัชตะอมรโชติ หรือ เชอร์รี่ สามโคก ซึ่งได้ดูแลเฟซบุ๊ก ‘เชอร์รี่ สามโคก official’ โพสต์เฟซบุ๊กเปิดสาธารณะชวนแอดไลน์พนัน @sbopremier 

อย่างไรก็ตามพนักงานสอบสวนบช.สอท.ได้ออกหมายเรียกให้มารับทราบข้อกล่าวหา ม.12 พรบ.การพนัน พ.ศ.2478 "ผู้ใดช่วยประกาศโฆษณาหรือชักชวนโดยทางตรงหรือทางอ้อมให้ผู้อื่นเข้าเล่นหรือเข้าพนันฯ ระวางโทษจำคุก 2 ปี หรือปรับไม่เกิน 2,000 บาทหรือทั้งจำทั้งปรับ" ที่ บช.สอท. ในเวลา 10.00 น. 


© Copyright 2021, All rights reserved. THE STATES TIMES
Take Me Top