Tuesday, 8 July 2025
SPECIAL

กรุงเทพฯ - ผบ.ทร.มอบเสื้อเบลเซอร์ให้ "น้องแต้ว" ส่งเรียนหลักสูตรนายทหารสัญาบัตร จ่อติดยศเรือตรี

พลเรือเอก ชาติชาย ศรีวรขาน ผู้บัญชาการทหารเรือ มอบเครื่องหมายความสามารถการกีฬา ของกองทัพเรือ(เสื้อเบลเซอร์)ประจำปี 2564 พร้อม ส่งเข้าอบรมหลักสูตรข้าราชการกลาโหมพลเรือนชั้นสัญญาบัตร ซึ่งเมื่อจบหลักสูตรแล้วจึงจะสามารถเข้ารับการ ประดับยศเรือตรี และยังมอบเงินรางวัลพิเศษ ให้แก่ "น้องแต้ว"อาสาสมัครทหารพรานหญิง สุดาพร สีสอนดี นักกีฬาเหรียญทองแดงกีฬาโอลิมปิก ครั้งที่ 32 เป็นกรณีพิเศษ

เมื่อวันที่ 26 ส.ค.64 พลเรือเอก ชาติชาย ศรีวรขาน ผู้บัญชาการทหารเรือ เป็นประธานในพิธีมอบเครื่องหมายความสามารถการกีฬาของกองทัพเรือ ประจำปี 2564 พร้อมเงินรางวัลพิเศษ ให้แก่ อาสาสมัครทหารพรานหญิง สุดาพร สีสอนดี นักกีฬามวยสากลหญิงทีมชาติไทย เป็นกรณีพิเศษ ณ ห้องรับรอง กองบัญชาการกองทัพเรือ พระราชวังเดิม โดยมี นายพิชัย ชุณหวชิร นายกสมาคมกีฬามวยสากลแห่งประเทศไทย พลเรือเอก วศินสรรพ์ จันทวรินทร์ ที่ปรึกษาพิเศษกองทัพเรือ/ประธานกรรมการบริหารสวัสดิการกีฬากองทัพเรือ พลเรือโท รณรงค์ สิทธินันทน์ ผู้บัญชาการหน่วยบัญชาการนาวิกโยธิน

พลตำรวจโท ชัยวัฒน์ โชติมา เลขาธิการสมาคมกีฬามวยสากลแห่งประเทศไทย นายสมชาย พูลสวัสดิ์ อุปนายกสมาคม/ประธานฝ่ายพัฒนาเทคนิค/ผู้จัดการทีม พลเรือตรี ดุลยพัฒน์ ลอยรัตน์ เจ้ากรมสวัสดิการทหารเรือ/ ประธานกรรมการกีฬามวยกองทัพเรือ และ พลเรือตรี ธวัชชัย ม่วงคำ หัวหน้าสำนักงานบริหารสวัสดิการกีฬากองทัพเรือ ร่วมพิธี เพื่อเป็นเกียรติและขวัญกำลังใจแก่น้องแต้ว ที่ได้รับรางวัลเหรียญทองแดง มวยสากลหญิง รุ่นน้ำหนัก 60 กิโลกรัม จากการเข้าร่วมแข่งขันกีฬากีฬาโอลิมปิกเกมส์ ครั้งที่ 32 

โอกาสนี้ผู้บัญชาการทหารเรือได้สวมเสื้อเบลเซอร์  ให้แก่ น้องแต้ว ซึ่งตามระเบียบกองทัพเรือ ว่าด้วยเครื่องหมายความสามารถการกีฬา ประเภทนักกีฬาชั้น 1 นั้น นักกีฬาที่ได้รับเหรียญรางวัลจากการแข่งขันกีฬาโอลิมปิก จะได้รับเครื่องหมายความสามารถการกีฬา ประเภทนักกีฬาชั้น 1 (เสื้อเบลเซอร์) ซึ่งเป็นเครื่องหมายความสามารถสูงสุดด้านกีฬาของกองทัพเรือ นับได้ว่าเป็นเกียรติยศอย่างยิ่งของนักกีฬา ในสังกัดกองทัพเรือ ในการที่ได้สร้างชื่อเสียงและเกียรติภูมิให้แก่กองทัพเรือ และประเทศชาติ

นอกจากนั้นในส่วนของเงินรางวัลที่มอบให้แก่อาสาสมัครทหารพรานหญิง สุดาพรฯ ในครั้งนี้ประกอบด้วย เงินรางวัล 40,000 บาท และเงินเพิ่มพิเศษรายเดือน เดือนละ 5,000 บาท โดยเป็นไปตามหลักเกณฑ์การเสนอขอเลื่อนยศและการให้รางวัลพิเศษแก่นักกีฬากองทัพเรือเป็นกรณีพิเศษ ตามที่กองทัพเรืออนุมัติเมื่อวันที่ 12 มีนาคม 2550  ที่ระบุไว้ว่า " ในส่วนของนักกีฬาที่ได้รับเหรียญทองแดงจากการแข่งขันกีฬาโอลิมปิก จะได้รับเงินรางวัลจากสวัสดิการกองทัพเรือ จำนวน 40,000 บาท และเงินค่าตอบแทนรายเดือนจากกองทุนพัฒนากีฬากองทัพเรือ เดือน 5,000 บาท จนกว่าจะเกษียณอายุราชการ บำเหน็จ 2 ขั้นและการเลื่อนยศ" ทั้งนี้ผู้บัญชาการทหารเรือ ได้กล่าวชื่นชมในความสำเร็จของแต้ว ซึ่งนับเป็นการสร้างชื่อเสียง รวมถึงเกียรติประวัติให้แก่ครอบครัว ประเทศชาติ และกองทัพเรือ เป็นอย่างมาก โดยมีใจความสำคัญตอนหนึ่งว่า

"กีฬาเป็นพื้นฐานสำคัญที่จะพัฒนาคนให้มีระเบียบวินัย มีความรับผิดชอบ มีสมรรถภาพทางกายและทางจิตใจที่เข้มแข็งสมบูรณ์ ในการแข่งขันกีฬาโอลิมปิก ครั้งที่ 32 ที่ผ่านมานี้ นักกีฬาทีมชาติไทยได้ทำหน้าที่ของตนอย่างดีเยี่ยม ในการแสดงออกถึงความเป็นนักสู้ ผู้มีน้ำใจเป็นนักกีฬา ซึ่งถือได้ว่าเป็นความสำเร็จและมีความสำคัญยิ่งกว่าผลของการแข่งขัน ผมขอชื่นชมน้องแต้ว และนักกีฬาทุกท่าน ที่เสียสละเวลาและความสุขสบายส่วนตนตั้งใจฝึกซ้อมอย่างหนัก ซึ่งผลจากความมุ่งมั่นตั้งใจเหล่านั้น ทำให้ท่านทั้งหลายได้ก้าวสู่ความสำเร็จ ในการนำชื่อเสียงและเกียรติประวัติ มาสู่ประเทศชาติและราชนาวี  ทั้งจะเป็นแรงผลักดันให้ท่านตั้งใจฝึกซ้อมพัฒนาทักษะทางการกีฬาของตนเองต่อไป"

ขณะที่ความคืบหน้าการบรรจุ อาสาสมัครทหารพรานหญิง สุดาพรฯ เพื่อเข้ารับราชการในกองทัพเรือตามข่าวที่เคยออกมาก่อนหน้านั้น พลเรือเอก วศินสรรพ์ฯ เผยว่า อาสาสมัครทหารพรานหญิง สุดาพรฯ สำเร็จการศึกษาในระดับปริญญาตรีจาก คณะศึกษาศาสตร์ สถาบันการพลศึกษาวิทยาเขตสุโขทัย และกำลังรออนุมัติการสำเร็จการศึกษาในระดับปริญญาโท จากคณะศึกษาศาสตร์ เอกสังคมศาสนาและวัฒนธรรม วิทยาลัยทองสุข ซึ่งตามหลักเกณฑ์การขอเลื่อนยศและเลื่อนฐานะตามลำดับชั้นนั้น  ในส่วนของผู้ที่สำเร็จการศึกษาระดับประกาศนียบัตรวิชาชีพ หรือคุณวุฒิปริญญาตรีขึ้นไป ให้เสนอขอปรับวุฒิ และแต่งตั้งยศตามคุณวุฒิที่สำเร็จการศึกษา ซึ่งตามหลักเกณฑ์จะเสนอเข้ารับการบรรจุในระดับสัญญาบัตร ได้รับการแต่งตั้งยศเป็น “เรือตรี” โดยในขณะนี้กองทัพเรือ ได้บรรจุ อาสาสมัครทหารพรานหญิง สุดาพรฯ ในตำแหน่ง “อาจารย์พละศึกษา แผนกปกครอง วิทยาลัยพยาบาลกองทัพเรือ ศูนย์วิทยาการ กรมแพทย์ทหารเรือ” โดยในขณะนี้ อาสาสมัครทหารพรานหญิง สุดาพรฯ อยู่ในระหว่างเข้ารับการฝึกอบรมในหลักสูตรข้าราชการกลาโหมพลเรือนชั้นสัญญาบัตร ซึ่งเมื่อจบหลักสูตรแล้วจึงจะสามารถเข้ารับการ ประดับยศ เรือตรี ต่อไป

ด้าน อาสาสมัครทหารพรานหญิง สุดาพรฯ กล่าวว่า “ความสำเร็จของแต้วในวันนี้ จะเกิดขึ้นไม่ได้เลย หากไม่รับการสนับสนุนจากหลาย ๆ ฝ่าย ทั้งสมาคมมวยสากลฯ การกีฬาแห่งประเทศไทย โดยเฉพาะอย่างยิ่ง กองทัพเรือ ที่นับได้ว่าเป็นจุดเริ่มต้นในชีวิตการรับราชการ และได้เปิดโอกาสให้แต้วได้ทำตามความฝัน ซึ่งแม้จะไม่เป็นไปตามความฝันในครั้งนี้ แต่อีกฝันหนึ่งของแต้ว ที่กำลังจะกลายเป็นความจริง ก็คือการได้รับการบรรจุเข้ารับราชการเป็นทหารเรือ

สุดท้ายนี้ แต้วต้องขอขอบคุณ ท่านผู้บัญชาการทหารเรือ ที่ให้การสนับสนุนและให้รางวัลด้วย การให้บรรจุเข้ารับราชการเป็นทหารเรือเพื่อสร้างความมั่นคงให้กับชีวิต โดยในขณะนี้แต้วกำลังเข้ารับการศึกษาอบรมในหลักสูตรข้าราชการกลาโหมพลเรือนชั้นสัญญาบัตร รุ่นที่ 34 ร่วมกับเพื่อน ๆ อีกเกือบ 50 คน โดยในช่วงแรกจะเป็นการเรียนออนไลน์ และช่วงหลังจะเป็นการฝึกที่โรงเรียนนายเรือ เพื่อให้ผู้ที่สำเร็จการศึกษามีความเป็นทหารทั้งทางร่างกายและจิตใจ รวมถึงได้รับความรู้ และประสบการณ์ต่าง ๆ จากครูผู้สอน เพื่อให้สามารถปฏิบัติงานตามหน้าที่ของแต่ละคนได้อย่างมีประสิทธิภาพ และขอสัญญาว่าพร้อมที่จะสู้ใหม่อีกครั้งในโอลิมปิกเกมส์ 2024 ที่ปารีส อย่างแน่นอน”

กรุงเทพฯ - มูลนิธิมาดามแป้ง ร่วมกับ เมืองไทยประกันภัย ส่งกล่องน้ำใจให้แก่ผู้ป่วยโควิด-19 HI ในชุมชนคลองเตย และ20 จังหวัดทั่วประเทศ

วันที่ 26 สิงหาคม 2564 มูลนิธิมาดามแป้ง ร่วมกับ บมจ. เมืองไทยประกันภัย ส่งมอบกล่องน้ำใจมูลนิธิมาดามแป้ง #ส่งต่อน้ำใจคนไทยไม่ทิ้งกัน ให้แก่ศูนย์บริการสาธารณสุข 41 เพื่อส่งต่อให้กับผู้ป่วยติดเชื้อโควิด-19 ที่พักรักษาตัวแบบ HI : Home Isolation ในเขตคลองเตย 450 กล่อง โดยมีนางกอบกุล จันทร์ตระกูล หัวหน้ากลุ่มงานพยาบาลและบริหารทั่วไป เป็นตัวแทนผู้รับมอบ และอีก 50 กล่อง ได้มอบให้กับผู้ป่วยที่เดือดร้อนในต่างจังหวัดใน 20 จังหวัดทั่วประเทศ อาทิ เชียงราย กาฬสินธุ์ สุพรรณบุรี สงขลา ฯลฯ รวมมูลค่าทั้งสิ้น 200,000 บาท โดยกระจายไปอย่างทั่วถึงผ่านกลุ่มอาสากล้าใหม่มูลนิธิมาดามแป้ง

“มาดามแป้ง” นวลพรรณ ล่ำซำ กรรมการผู้จัดการ และประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท เมืองไทยประกันภัย จำกัด (มหาชน) ในฐานะประธานกรรมการมูลนิธิมาดามแป้ง กล่าวว่า “ในสถานการณ์เช่นนี้ยอมรับได้ว่าทุกพื้นที่ต่างก็ได้รับผลกระทบ ในฐานะที่ทำงานกับคนในชุมชนคลองเตยใกล้ชิดตลอด 7 ปี ซึ่งได้ส่งความห่วงใยไปถึงทุกคนผ่านกิจกรรมต่าง ๆ ตลอดช่วงที่ผ่านมา จึงได้จัดทำกล่องน้ำใจ #ส่งต่อน้ำใจคนไทยไม่ทิ้งกัน ขึ้น ซึ่งของใช้ด้านในนอกจากเป็นของจำเป็นที่เราคัดสรรอย่างดีแล้ว ยังได้รับการสนับสนุนมาจากภาคเอกชน และเงินบริจาคของประชาชนที่กรุณาร่วมบุญกับเรามาตลอดด้วย นับเป็นการส่งต่อน้ำใจจากทุกโมเลกุลของสังคมอย่างแท้จริง”

“สำหรับของภายในกล่องน้ำใจนั้น ประกอบด้วย ยาสามัญประจำบ้าน อาหารแห้ง อย่างข้าวสาร ไข่ไก่ บะหมี่กึ่งสำเร็จรูป โจ๊กกึ่งสำเร็จรูป ปลากระป๋อง และสิ่งจำเป็นสำหรับผู้ป่วย ได้แก่ ปรอทวัดไข้ หน้ากากอนามัย เจลแอลกอฮอลล์ ฯลฯ ซึ่งเรายังได้วางแผนให้ความช่วยเหลือสังคมกระจายออกไปมากที่สุดและอย่างต่อเนื่องอีกด้วย” มาดามแป้ง กล่าวเพิ่มเติม

ร่วมเป็นส่วนหนึ่งในการให้ สามารถบริจาคและสมทบทุนได้ที่บัญชี ธนาคารกสิกรไทย บัญชีเลขที่ 092-2-61340-0 ชื่อบัญชี มูลนิธิมาดามแป้ง เพื่อโครงการสร้างสังคมแห่งการให้ หรือร่วมสมัครเป็นทีมอาสากล้าใหม่กับเราได้ที่ http://bitly.ws/dsfM

เมื่อเข้าสู่ฤดูร้อนในประเทศไทย นอกจากอุณหภูมิที่สูงขึ้นในประเทศแล้ว ยังเกิดปรากฎการณ์อีกอย่างหนึ่งที่สำคัญอย่าง “พายุฤดูร้อน” ที่เปรียบเสมือนความหวังของชาวเกษตรในช่วงฤดูร้อน

ช่วงนี้ประเทศไทยเข้าสู่หน้าร้อนเต็มตัว โดยในปีนี้กรมอุตุนิยมวิทยาได้ประกาศให้ประเทศไทยสิ้นสุดฤดูหนาว และเริ่มเข้าสู่ฤดูร้อนอย่างเป็นทางการในวัน 27 กุมภาพันธ์ 2564 และเมื่อเข้าสู่ฤดูร้อนซึ่งเป็นช่วงที่ประเทศไทยมีอุณหภูมิสูงที่สุด สิ่งที่มักจะคุ้นและได้ยินบ่อย ๆ ที่มาคู่กับฤดูร้อน ก็คือ ‘พายุฤดูร้อน’ ครับ

แน่นอนว่าพายุฤดูร้อน ชื่อก็บอกอยู่แล้วว่าเป็นเป็นพายุที่เกิดในฤดูร้อน โดยในวันนี้ผมเลยอยากพามาทำความรู้จักพายุนี้กันครับ

ก่อนอื่นเราต้องเข้าใจกันก่อนว่าประเทศไทยมีทำเลที่ตั้งอยู่ในเขตร้อนชื้น พายุที่เกิดในประเทศไทยก็จะได้แก่ พายุที่เกิดในช่วงฤดูมรสุมหน้าฝน โดยแบ่งตามความเร็วของลมที่หมุนรอบจุดศูนย์กลางของพายุดังนี้...

พายุดีเปรสชั่น (มีความเร็วลมรอบจุดศูนย์กลางน้อยกว่า 63 กิโลเมตรต่อชั่วโมง)

พายุโซนร้อน (มีความเร็วลมรอบจุดศูนย์กลางอยู่ระหว่าง 63 - 118 กิโลเมตรต่อชั่วโมง)

พายุไต้ฝุ่น (มีความเร็วลมรอบจุดศูนย์กลางมากกว่า 118 กิโลเมตรต่อชั่วโมง)

และ พายุที่เกิดในฤดูร้อน คือ ‘พายุฤดูร้อน’ ซึ่งความเร็วลมจะขึ้นอยู่กับความแตกต่างของอุณหภูมิของมวลอากาศร้อนและเย็นที่มาปะทะกัน

สำหรับลักษณะการเกิดของพายุฤดูร้อนนั้น จะมีลักษณะพิเศษ คือ มีขนาดรัศมีของพายุ หรือกินพื้นที่ไม่ใหญ่มากเมื่อเทียบกับพายุในฤดูฝน และมักจะเกิดในช่วงระยะเวลาที่สั้น แต่จะมีความรุนแรงของลมค่อนข้างสูง โดยก่อนเกิด อากาศในบริเวณนั้น จะมีความร้อนหรืออุณหภูมิที่สูง

ส่วนสาเหตุของการเกิดพายุฤดูร้อนนั้น เกิดจากการที่อากาศมีความร้อนสูง หรือที่เราคุ้นเคยเวลากรมอุตุนิยมวิทยารายงานว่า ‘ความกดอากาศต่ำ’ (เนื่องจากอากาศมีความเบาบางน้อยทำให้มีแรงกดลงมายังพื้นผิวโลกต่ำ) ในขณะเดียวกันก็มีความชื้นที่ลมมรสุมตะวันออกเฉียงใต้และลมใต้ พัดเอาไอน้ำหรือความชื้นมาจากแถบทะเลจีนใต้ และอ่าวไทย ในระหว่างที่มีความร้อน หรือความกดอากาศต่ำมาก ๆ แล้วมีความกดอากาศสูงหรือมวลอากาศเย็น (เนื่องจากอากาศมีความหนาแน่นมากทำให้มีแรงกดลงมายังพื้นผิวโลกสูง) แผ่ลงมาจากแถวประเทศจีน ซึ่งเป็นด้านบนของประเทศไทย เมื่ออากาศเย็นมาปะทะกับอากาศร้อน (ลักษณะพิเศษของอากาศร้อน คือ มีมวลเบากว่าเมื่อเทียบกับอากาศเย็น) ก็จะลอยขึ้นสู่ข้างบน

ในขณะเดียวกันอากาศเย็น ก็วิ่งเข้ามาแทนที่ ทำให้เกิดลมที่รุนแรง ถ้าเรามองภาพไม่ออก ลองนึกถึงตอนที่เกิดไฟไหม้น่ะครับ บางที่จะเห็นว่าก่อนเกิดไฟ ลมจะนิ่งสงบ แต่เมื่อเกิดไฟไหม้ขึ้นมาจะเห็นว่ามีลมพัดเข้ามาโหมกระหน่ำให้ไฟลุกมากขึ้นทุกที เพราะอากาศที่อยู่รอบ ๆ บริเวณที่เกิดไฟจะร้อน และทำให้ลอยตัวขึ้นสู่ด้านบน ในขณะเดียวที่อากาศเย็นจะวิ่งเข้ามาแทนที่ ส่งผลให้เกิด ‘ลม’

ส่วนความรุนแรงของลมจะมากหรือน้อย ขึ้นอยู่กับความแตกต่างระหว่างมวลของอากาศเย็นและอากาศร้อนที่วิ่งเข้ามาปะทะกัน ถ้าแตกต่างกันมาก ลมก็จะรุนแรงมากตามไปด้วย ประกอบกับในช่วงนั้นเป็นช่วงที่มีความชื้นที่พัดเข้ามาจากอ่าวไทย และทะเลจีนใต้ด้วยพอดี พอความชื้นเจออากาศเย็น ก็ทำให้เกิดการกลั่นตัวลงมาเป็นน้ำฝน และเมื่อครบองค์ประกอบเหล่านี้ ก็จะทำให้เกิดพายุฝนฟ้าคะนองที่มีความเร็วลมที่แรง แต่ก็จะกินพื้นที่ไม่ค่อยมากเท่าไรนัก โดยส่วนมากจะเกิดในช่วงเดือนมีนาคม - เมษายน

ทั้งนี้ข้อเสียของ พายุฤดูร้อน คือ ความรุนแรงของลม ที่ทำให้เกิดความเสียหายกับสิ่งปลูกสร้างต่าง ๆ แล้ว ยังมีข้อดี คือ ‘การพัดพาเอาฝนมาตกในช่วงฤดูแล้ง’ ทำให้เกษตรกรที่ปลูกพืชในช่วงหน้าแล้ง มีผลผลิตที่ดี โดยเฉพาะพืชที่ปลูกในหน้านี้มักจะเป็นพืชเศรษฐกิจที่สำคัญของประเทศไทย คือ อ้อยและมันสำปะหลัง ซึ่งเป็นพืชที่ไม่ต้องการน้ำมากนัก เมื่อเปรียบเทียบกับพืชชนิดอื่น

การเกิดของพายุฤดูร้อนในประเทศไทยจึงเป็นการมาเติมน้ำ และต่อลมหายใจในการปลูกพืชให้กับเกษตรกรได้เป็นอย่างดี โดยเฉพาะปีไหนที่มีพายุฤดูร้อนเข้ามามาก ผลผลิตของพืชเศรษฐกิจเหล่านี้ก็มักจะได้ผลดีตามไปด้วย ตรงกันข้ามถ้าปีไหนมีพายุฤดูร้อนเข้ามาน้อย ผลผลิตก็จะลดลงน้อยด้วย

นอกจากนี้การเกิดฝนในช่วงหน้าแล้งก็ยังส่งผลให้ลดฝุ่นละอองขนาดเล็ก PM2.5 ที่เป็นอันตรายต่อระบบทางเดินหายใจได้เป็นอย่างมากได้อีกด้วย ซึ่งนับว่าเป็นของดีของประเทศไทยที่มีชัยภูมิตั้งอยู่ในพื้นที่ ที่มีความเหมาะสม ทำให้เกิดฝนในช่วงฤดูแล้ง อันเนื่องมาจากอิทธิพลของพายุฤดูร้อน ทำให้เกษตรกรสามารถปลูกพืชในฤดูแล้งได้ด้วยนั่นเอง


เขียนโดย : ผศ.ดร.สุทัศน์ จันบัวลา อาจารย์ประจำ คณะวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี มหาวิทยาลัยสวนดุสิต

สระบุรี - รองผู้ว่าราชการจังหวัดสระบุรี ลงพื้นที่ตรวจเยี่ยมการให้บริการฉีดวัคซีน "ซิโนแวค” ให้กับกลุ่มเป้าหมายผู้สูงอายุ และ 7 กลุ่มโรค ในเขตตำบลตาลเดี่ยว

วันนี้ 25 ส.ค. 64 ที่องค์การบริหารส่วนตำบลตาลเดี่ยว อำเภอแก่งคอย จังหวัดสระบุรี นางอังคณา ชิตะติตติ รองผู้ว่าราชการจังหวัดสระบุรี พร้อมหัวหน้าส่วนราชการ เดินทางมาตรวจเยี่ยมการให้บริการฉีดวัคซีน "ซิโนแวค” ให้กับกลุ่มเป้าหมายผู้สูงอายุ และ 7 กลุ่มโรค ในเขตตำบลตาลเดี่ยว โดยมี นายอำเภอแก่งคอย นายก อบต.ตาลเดี่ยว รองนายแพทย์สาธารณสุขจังหวัดสระบุรี และบุคลากรทางการแพทย์ ให้การต้อนรับ โดยรองผู้ว่าราชการจังหวัดสระบุรี ได้พบปะทักทายเจ้าหน้าที่ทุกฝ่ายซึ่งมาให้บริการประชาชน รว และให้กำลังใจกับประชาชนที่มารอรับการฉีดวัคซีน ซึ่งวันนี้มีกลุ่มเป้าหมายผู้สูงอายุ และ 7 กลุ่มโรค ที่ได้ลงทะเบียนไว้ และมารับบริการ รวม 1,000 คน

สำหรับตำบลตาลเดี่ยว อำเภอแก่งคอย จังหวัดสระบุรี ถือเป็นพื้นที่ที่มีความเสี่ยงสูง เนื่องจากมีโรงงานอุตสาหกรรมขนาดใหญ่ตั้งอยู่หลายแห่ง และช่วงที่ผ่านมาพบว่าเกิดคลัสเตอร์ขนาดใหญ่ในโรงงานอุตสาหกรรมในพื้นที่อำเภอแก่งคอยหลายแห่ง ทำให้พนักงานในโรงงานนำเชื้อมาติดคนในครอบครัวเป็นจำนวนมาก ดังนั้นจึงจำเป็นต้องเร่งดำเนินการฉีดวัคซีนในกลุ่มผู้สูงอายุและผู้ป่วย 7 โรค สตรีมีครร 12 สัปดาห์ขึ้นไปให้เร็วที่สุด


ภาพ/ข่าว  ดำรงค์ ชื่นจินดา รายงาน

ปทุมธานี – “บิญฑ์ –ไทด์” 2 ดารากิจอาสา เหมาบ่อปลากะพงมาขายราคาถูก เพื่อช่วยหลือผู้เลี้ยงปลา ในช่วงระบาดของเชื้อไวรัสโควิด- 19

วันที่ 25 ส.ค 2564 ผู้สื่อข่าวรายงานจากแฟลตคอม ตำบลคูบางหลวง อำเภอลาดหลุมแก้ว จังหวัดปทุมธานีพบ คุณบิณฑ์ บรรลือฤทธิ์ คุณเอกพันธ์ บรรลือฤทธิ์ ดารานักแสดง ได้นำปลากระพง มาจำหน่ายราคาถูก ให้กับพี่น้อง หมู่ 5 ต.คูบางหลวง ชาวแฟลตคอม ในราคาโลละ 50 บาท มีพี่น้องประชาชนจำนวนมากให้ตวามสนใจเข้ามาซื้อปลา

ด้าน คุณบิณฑ์ บรรลือฤทธิ์ ได้กล่าวเพิ่มเติมกับผู้สื่อข่าวว่า “วันนี้กระผมพร้อมด้วยทีมงานได้เหมาบ่อปลากระพงมาให้พี่น้องได้บริโภคของดีราคาถูกจำนวน 4 ตันและยังมีขนมหม้อแกง พร้อมด้วยฟักทองมาแจกให้กับพี่น้องชาวแฟลตคอมด้วย”

ต่อมาผู้สื่อข่าวได้สอบถาม นายอนุสรณ์ บุญมั่น ประชาชนชาวตำบลคูบางหลวง ที่ได้มาต่อแถวซื้อปลากระพง ได้กล่าวเพิ่มเติมกับผู้สื่อข่าวว่า “ก่อนอื่นต้องขอขอบพระคุณ คุณบิณฑ์ บันลือฤทธิ์ / คุณเอกพันธ์ บันลือฤทธิ์ และทีมงานที่ได้นำ ปลากะพงสด ๆ จากบ่อมาจำหน่ายในราคาถูกวันนี้เลยมาซื้อ จำนวน 4 กิโลกรัม เพื่อนำไปประกอบอาหาร ในค่ำคืนนี้และอยากจะให้ดาราทั้ง 2 ท่านได้นำสินค้าราคาถูกมาจำหน่ายที่นี่อีกครั้งครับผม”


ภาพ/ข่าว  สหรัฐ แก้วตา รายงาน

อยุธยา - พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว ทรงพระกรุณาโปรดเกล้าฯ ให้ผู้แทนพระองค์อัญเชิญอาหารพระราชทาน เพื่อเป็นขวัญและกำลังใจในการปฏิบัติหน้าที่ดูแลผู้ติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 ของโรงพยาบาลพระนครศรีอยุธยา

วันที่ 25 สิงหาคม พ.ศ. 2564 เวลา 09.00 น. พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว ทรงพระกรุณาโปรดเกล้าโปรดกระหม่อมพระราชทานอาหาร แก่บุคลากรทางการแพทย์โรงพยาบาลพระนครศรีอยุธยา อำเภอพระนครศรีอยุธยา จังหวัดพระนครศรีอยุธยา  โดย พลเอก ศิวะ  ภระมรทัต ประจำสำนักพระราชวังพิเศษ เป็นผู้อัญเชิญอาหารพระราชทาน เพื่อเป็นขวัญและกำลังใจในการปฏิบัติหน้าที่ดูแลผู้ติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 (COVID-19) โดยมี นายแพทย์โชคชัย ลีโทชวลิต ผู้อำนวยการโรงพยาบาลพระนครศรีอยุธยา เป็นผู้แทนรับมอบ พร้อมทีมผู้บริหาร ทีมแพทย์ พยาบาล เจ้าหน้าที่ของโรงพยาบาล เข้าร่วมพิธีรับพระราชทานอาหารเบื้องหน้าพระบรมฉายาลักษณ์พระองค์ ยังความปลื้มปีติแก่บุคลากรทางการแพทย์โรงพยาบาลพระนครศรีอยุธยา และพสกนิกรชาวจังหวัดพระนครศรีอยุธยา ล้วนสำนึกในพระมหากรุณาธิคุณอย่างหาที่สุดมิได้

ด้วย พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว ทรงพระกรุณาโปรดเกล้าโปรดกระหม่อมพระราชทานอาหาร แก่บุคลากรทางการแพทย์โรงพยาบาลพระนครศรีอยุธยา ทรงห่วงใยและทรงให้ความสำคัญต่อการปฏิบัติหน้าที่ของบุคลากรทางการแพทย์ ที่เสียสละกำลังกาย และอุทิศตนในการปฏิบัติหน้าที่ดูแลรักษาผู้ป่วยในช่วงสถานการณ์การแพร่ระบาดของโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 (COVID-19) ซึ่งประกอบเป็นเมนูอาหารเพื่อสุขภาพ ได้แก่ ขนมจีนน้ำเงี้ยว และน้ำยาป่าลูกชิ้น พร้อมทั้งพระราชทาน เจลแอลกอฮอล์ทำความสะอาดมือ ให้แก่บุคลากรทางการแพทย์โรงพยาบาลพระนครศรีอยุธยาดังกล่าวอีกด้วย 


ภาพ/ข่าว  สุจินดา อุ่นขาว รายงานจากอยุธยา

สุรินทร์ - มณฑลทหารบกที่ 25 บูรณาการ เปิดการฝึกซักซ้อมการป้องกันและบรรเทาสาธารณภัย ประจำปีงบประมาณ 2564

วันที่ 25 สิงหาคม 2564 ที่ สโมสรค่ายวีรวัฒน์โยธิน พลตรีสาธิต  เกิดโภค ผู้บัญชาการมณฑลทหารบกที่ 25 เป็นประธานในพิธีเปิดการซักซ้อมการป้องกันและบรรเทาสาธารณภัย ประจำปีงบประมาณ 2564 โดยมี พันเอกรุจหาญ รุจธารจรูญ หัวหน้ากองกิจการพลเรือนมณฑลทหารบกที่ 25 กล่าวรายงาน ซึ่งกองทัพบกได้อนุมัติให้หน่วยดำเนินการฝึกซ้อมบรรเทาสาธารณภัยและการช่วยเหลือประชาชน ระดับมณฑลทหารบก

โดยมีวัตถุประสงค์เพื่อ พัฒนาองค์ความรู้ และเพิ่มศักยภาพกำลังพล ให้เข้าใจระบบการควบคุมบังคับบัญชา ขอบเขตความรับผิดชอบ มีความรู้ความสามารถในการประเมินสถานการณ์ แนวโน้มทิศทางและระดับความรุนแรง พร้อมทั้งสามารถปฏิบัติการให้ความช่วยเหลือ และบรรเทาความเดือดร้อนให้กับประชาชนจากสาธารณภัยได้อย่างมีประสิทธิภาพ ศูนย์บรรเทาสาธารณภัยมณฑลทหารบกที่ 25 จึงจัดให้มีการฝึกซักซ้อมการป้องกันและบรรเทาสาธารณภัย ระหว่างวันที่ 24 ถึงวันที่ 25 สิงหาคม 2564

โดยจัดกำลังพลเข้ารับการฝึกจากหน่วยงานภายใต้กองอำนวยการป้องกันและบรรเทาสาธารณภัยจังหวัดสุรินทร์และจังหวัดศรีสะเกษ ทั้งทหาร พลเรือนและภาคประชาชน จำนวน 60 นาย ประกอบไปด้วย มณฑลทหารบกที่ 25  โรงพยาบาลค่ายวีรวัฒน์โยธิน กองพันทหารราบที่ 3 กรมทหารราบที่ 23 สำนักงานป้องกันและบรรเทาสาธารณภัยจังหวัดสุรินทร์ องค์การบริหารส่วนจังหวัดสุรินทร์ เทศบาลเมืองสุรินทร์ องค์การบริหารส่วนตำบลนอกเมือง ทำการฝึก 3 ส่วนหลักได้แก่ ส่วนบังคับบัญชา ส่วนปฏิบัติการ และส่วนสนับสนุน ด้วยวิธีการแก้ปัญหาบนโต๊ะหรือในที่บังคับการ การฝึก 3 สถานีได้แก่ สถานีหลักการช่วยฟื้นคืนชีพพื้นฐาน(CPR) สถานีการช่วยเหลือผู้ประสบภัยเบื้องต้นและการดับเพลิง และสถานีปฏิบัติการพายเรือ การใช้เครื่องยนต์ การช่วยเหลือคนจมน้ำ และจัดให้มีการตรวจความพร้อมของกำลังพล ยุทโธปกรณ์ เครื่องมือและการฝึกบรรเทาสาธารณภัยในสถานการณ์จำลอง เพื่อให้ทุกคนได้เข้าใจบทบาทและหน้าที่ในการปฏิบัติงานร่วมกัน ซึ่งจะทำให้การช่วยเหลือประชาชนเป็นไปอย่างรวดเร็วปลอดภัยและมีประสิทธิภาพ


ภาพ/ข่าว  ปุรุศักดิ์ แสนกล้า 

อยุธยา – เทศบาลเมืองลำตาเสา เริ่มฉีดวัคซีนซิโนฟาร์มเข็มแรก พร้อมนายกเทศมนตรีเมืองลำตาเสา ได้ร้องเพลงให้ประชาชนที่นั่งรอสังเกตอาการฟัง

วันที่ 25 สิงหาคม 2564 เวลา 09.00 น. ที่ เทศบาลเมืองลำตาเสา อำเภอวังน้อย จังหวัดพระนครศรีอยุธยา นางสมทรง พันธ์เจริญวนกุล นายกอบจ.พระนครศรีอยุธยา นาง สมศรี พันธ์เจริญวรกุล นายกเทศมนตรีเมืองลำตาเสา ตรวจเยี่ยมให้กำลังใจ เจ้าหน้าที่แพทย์พยาบาล จากโรงพยาบาลพญาไท1 ฉีดวัคซีนซิโนฟาร์ม ที่ได้รับการจัดสรรมาจาก องค์การบริหารส่วนจังหวัดพระนครศรีอยุธยา ฉีดให้กับประชาชนในพื้นที่ของเทศบาลเมืองลำตาเสา  

โดยทางเทศบาลเมืองลำตาเสาจัดสถานที่ จุดคัดกรอง ฉีดวัคซีน จุดรอสังเกตอาการหลังการฉีดวัคซีน  ซึ่งทางเทศบาลเมืองลำตาเสาได้รับการจัดสรรมา จำนวน 3,500 โดส ในรอบแรกจะฉีดวัคซีน วันละ 500 คนต่อวัน เป็นเวลา 3 วัน เพื่อไม่ให้เกิดความแออัด แลระจะเร่งฉีดวัคซีนในรอบที่2 ต่อไปเพื่อให้เกิดภูมิคุ้มกันหมู่ในพื้นที่

ผู้สื่อข่าวรายงานว่าในจุดที่รอสังเกตอาการหลังรับการฉีดวัคซีน ประชาชนต้องรอประมาณ 30 นาที เพื่อเป็นการคลายกังวลของประชาชน ทางเทศบาลได้ให้มีการแสดงดนตรี นางสมศรี พันธ์เจริญวรกุล นายกเทศบาลเมืองลำตาเสา ได้ร้องเพลง ให้ประชาชนที่นั่งรอสังเกตอาการฟังเพลงทั้งเพลงในจังหวะ สนุกสนาน และจังหวะที่ผ่อนคลาย สร้างความสนุกสนานทั้งผู้รับการฉีดวัคซีน เจ้าหน้าที่เทศบาล และพยาบาลที่มาให้บริการฉีดวัคซีนด้วย


ภาพ/ข่าว  สุจินดา อุ่นขาว รายงานจากอยุธยา

นอกจากฟ้าทะลายโจรที่นับได้ว่าเป็นสมุนไพรไทยที่จะมาเป็นยาในการรักษาโควิด-19 แล้ว สมุนไพรไทยที่กำลังเป็นพูดถึงอย่างมากในการรักษาอาการโควิด-19 นั้นก็คือ “กระชาย”

ผ่านไปแล้วหลายวันครับ ในการใช้มาตรการสูงสุดของรัฐบาลโดยการล็อกดาวน์ ในจังหวัดที่มีสีแดงเข้มหลายจังหวัด และมีการขยายพื้นที่เพิ่มเติมจาก 13 จังหวัด เป็น 29 จังหวัด โดยมีแนวโน้มที่จะขยายมาตรการที่เข้มข้นนี้ออกไป ทั้งระยะเวลาและพื้นที่ในการบังคับใช้ อีกด้วย อย่างไรก็ตามผลจากการใช้มาตรการแบบเข้มข้นของรัฐบาลในรอบนี้ ยังไม่มีแนวโน้มที่จะเห็นทางสว่างที่ปลายอุโมงค์เลย เนื่องจากจำนวนยอดผู้ป่วยจากไวรัสโควิด-19 ยังไม่มีแนวโน้มที่จะลดลงเลย ตรงกันข้ามกลับกลายเป็นว่าเพิ่มขึ้นเรื่อย ๆ จนยอดปัจจุบันมาแตะที่หลักสองหมื่นกว่าแล้ว 

ท่ามกลางกระแสของการแพร่ระบาดที่ยังไม่มีทีท่าว่าจะลดลง และความกลัวในเรื่องยารักษาหลักคือ “ฟาวิพิราเวียร์” ที่ไม่เพียงพอ ก็ได้มีการผุดทางออกในเรื่องของการใช้สมุนไพรไทย ในการรักษาและยับยั้งการแพร่ไปสู่อวัยวะที่สำคัญ โดยเฉพาะสมุนไพรไทยที่ชื่อ “ฟ้าทะลายโจร” ซึ่ง ณ ปัจจุบัน เริ่มมีการศึกษาในระดับการใช้งานในคน และมีการยอมรับแล้วว่า สามารถยับยั้งการแพร่ของเชื้อไวรัสโควิด-19 เมื่อเข้าสู่ร่างกายแล้ว โดยการออกฤทธิ์คล้ายกับยาฟาวิพิราเวียร์ เลยทีเดียว 

นอกจากฟ้าทะลายโจรแล้ว ก็มีสมุนไพรไทยอีกชนิดหนึ่งที่ได้มีการศึกษาสำหรับใช้ในการรักษาโควิด-19 และผลการศึกษามีแนวโน้มที่ดีด้วยในการออกฤทธิ์ ยับยั้งการแพร่ของเชื้อไวรัสโควิด-19 เมื่อเข้าสู่ร่างกาย นั่นก็คือพืชสมุนไทยที่คนไทยคุ้นเคยกันดีที่ชื่อว่า “กระชาย” 

สำหรับวันนี้เราจะมาทำความรู้จักกระชายกันครับ “กระชาย” มีชื่อสามัญว่า Fingerroot หรือ Chainese ginger หรือ Chainese Key หรือ Galingale มีชื่อวิทยาศาสตร์ว่า Boesenbergia rotunda (L.) Mansf อยู่ในวงศ์ขิง เป็นพืชล้มลุกอายุหลายปี มีลำต้นอยู่ใต้ดิน ที่เรียกว่า เหง้า รากของกระชายจะสะสมอาหารจนพองเป็นก้าน เรียกว่า แง่ง กระชายมีถิ่นกำเนิดในเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ มีชื่อเรียกกันว่า ขิงจีน เราจะรู้จักกระชายกันดีในเรื่องของนำมาทำเป็นส่วนประกอบสำหรับทำอาหาร โดยเมื่อนำเหง้าหรือแง่งในปริมาณ 100 กรัม ของกระชายมาวิเคราะห์ พบว่ามีสารอาหารที่สำคัญได้แก่ คาร์โบไฮเดรต 17.8 กรัม เส้นใยอาหาร 2.0 กรัม น้ำตาล 1.7 กรัม โปรตีน 1.8 กรัม โพแทสเซียม 415 มิลลิกรัม โซเดียม 13 มิลลิกรัม ไขมันอิ่มตัว 0.2 กรัม ไขมันไม่อิ่มตัว 0.2 กรัม วิตามีนบี 6 8% วิตามีนซี 8% แคลเซียม 2% เหล็ก 3% แมกนีเซียม 11% กระชายที่ใช้ประโยชน์กันแพร่หลาย มี 3 ชนิด ได้แก่ กระชายดำ กระชายแดง และกระชายเหลือง หรือกระชายขาว 

สำหรับสรรพคุณของกระชายนั้น สามารถแก้อาการท้องอืดท้องเฟ้อ รักษาโรคปากเปื่อย ปากเป็นแผล แก้อาการวิงเวียนหัว แน่นหน้าอก ได้ และกระชายดำก็มีชื่อเสียงเป็นที่รู้จักกันดีว่าช่วยเพิ่มสมรรถนะทางเพศได้อีกด้วย สำหรับกระชายที่มีการศึกษาว่ามีฤทธิ์ที่สามารถยับยั้งการกระจายตัวของไวรัสโควิด-19 เมื่อเข้าสู่ร่างกายแล้ว คือ กระชายขาว โดยจากผลการวิจัยร่วมกันของคณะวิทยาศาสตร์ คณะแพทยศาสตร์ โรงพยาบาลรามาธิบดี มหาวิทยาลัยมหิดล และและศูนย์ความเป็นเลิศด้านชีววิทยาศาสตร์ (องค์การมหาชน) พบว่า มีสารสำคัญ 2 ชนิด ที่พบในสารสกัดกระชายขาว ซึ่งสามารถช่วยในการยับยั้งการแพร่กระจายของเชื้อไวรัสโควิด-19 ได้ เมื่อเข้าสู่ร่างกาย คือ พิโนสโตรบิน (Pinostrobin) และ แพน​ดูราทิน เอ (Panduratin A) 

โดยมีกลไกลทำงาน คือเมื่อร่างกายได้รับสารสกัดที่สำคัญของกระชายนี้ในปริมาณที่เหมาะสม สารดังกล่าวจะไปยับยั้งการแบ่งตัวของไวรัสโควิด-19 และทำให้ไวรัสสลายไปในที่สุด โดยพบว่าสามารถลดเชื้อไวรัสโควิด-19 ได้ถึง 100% เลยทีเดียว โดยผลจากการทดลองในการยับยั้งการแพร่เชื้อไวรัสโควิด-19 พบว่าสามารถลดจำนวนเซลล์ที่ติดเชื้อ จาก 100% ไปถึง 0% ได้ และ เมื่อวิเคราะห์ลักษณะการยับยั้งในการผลิตตัวไวรัสออกจากเซลล์ พบว่า สารสกัดจากกระชายขาวสามารถยับยั้งได้ถึง 100% นั่นก็คือเซลล์นั้นไม่สามารถที่จะผลิตตัวไวรัสตัวใหม่ออกมาจากตัวเซลล์ได้เลย  

ทั้งนี้ในกรณีการศึกษาวิจัยในกรณีดังกล่าวนั้น เป็นการศึกษาในระยะเริ่มต้น หรือระดับห้องปฏิบัติการ คือศึกษาในหลอดทดลอง และเริ่มนำมาใช้ในสัตว์ทดลองคือหนูเท่านั้น ยังไม่ได้เริ่มมีการศึกษาโดยทดลองใช้กับมนุษย์จริง และคงมีการศึกษาใช้กับมนุษย์ในระยะต่อไป ซึ่งจะแตกต่างจากกรณีของฟ้าทะลายโจร ที่เริ่มมีการทดลองใช้กับคนมาระยะหนึ่งแล้ว และได้ผลพบว่าสามารถยับยั้งการแพร่ของเชื้อไวรัสโควิด-19 เมื่อ เข้าสู่ร่างกายแล้วได้จริง 

แต่อย่างไรก็ตามผู้เขียนมองว่าเนื่องจาก กระชายเป็นทั้งพืชที่ใช้เป็นส่วนประกอบในการทำอาหาร และยังเป็นสมุนไพรที่คนไทยคุ้นเคยกันดีอยู่แล้ว ถ้าเรามีไว้ติดบ้านนอกจากมีสรรพคุณสำหรับรักษาอาการท้องอืด ท้องเฟ้อ ปากเป็นแผล หรือเพิ่มสมรรถนะทางเพศ ตามความเชื่อแล้ว ก็ยังอาจเป็นทางออกอีกทางออกหนึ่งหนึ่งที่ สามารถยับยั้งการแพร่ของไวรัสเมื่อเข้าสู่ร่างกายเรา ในยุคของการระบาดเชื้อไวรัสโควิด-19 ที่ยังมองไม่เห็นทางออกว่าจะสิ้นสุดลงเมื่อไรก็ได้ครับ 


เขียนโดย: ผศ.ดร.สุทัศน์ จันบัวลา อาจารย์ประจำสาขาวิชาฟิสิกส์ คณะวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี มหาวิทยาลัยสวนดุสิต

สืบ ตม.2 รวบหนุ่มจีน! รับจ้างอุ้มบุญ พร้อมปลอมเอกสารพาเด็กออกนอกประเทศ

ตามนโยบายของ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี ,พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ รองนายกรัฐมนตรี  เรื่องการควบคุมกำกับดูแลชาวต่างชาติที่เข้ามาพำนักอาศัยหรือเข้ามาเพื่อท่องเที่ยวในประเทศไทย โดย พล.ต.อ.สุวัฒน์ แจ้งยอดสุข ผบ.ตร. และ พล.ต.อ.ดํารงศักดิ์ กิตติประภัสร์ รอง ผบ.ตร. มอบหมายให้ สตม. ดำเนินการตรวจสอบชาวต่างชาติที่มีพฤติกรรมที่ไม่เหมาะสมในขณะที่พำนักในประเทศไทย กระทำผิดกฎหมาย ก่อเหตุอันตรายต่อความสงบสุขและความปลอดภัยในชีวิตและทรัพย์สินของประชาชน หรือเป็นลักษณะการกระทำผิดเข้าข่ายอาชญากรรมข้ามชาติ หรือทำให้เกิดความเสียหายต่อภาพลักษณ์ของประเทศ        

สำนักงานตรวจคนเข้าเมือง โดย พล.ต.ท.สมพงษ์ ชิงดวง ผบช.สตม. , พล.ต.ต.อาชยน ไกรทอง รอง ผบช.สตม., พล.ต.ต.วีรพล เจริญศิริ ผบก.ตม.2 , พ.ต.ท.เชิงรณ ริมผดี รอง ผบก.ตม.2, พ.ต.อ.รุ่งศักดิ์ แสงเสียงฟ้า รอง ผบก.ตม.2 และ พ.ต.อ.ชัยธนันท์ จิรปิยเศรษฐ์ ผกก.สส.ปป.บก.ตม.2 ร่วมแถลงข่าว สืบ ตม.2 ร่วมกับ ฝ่าย ตม.ขาออก ด่าน ตม.ท่าอากาศยานสุวรรณภูมิ กล่าวคือ ตามนโยบายของผู้บังคับบัญชา ในระดับสำนักตำรวจแห่งชาติ และ สำนักงานตรวจคนเข้าเมือง ให้หน่วยงานในสังกัดบูรณาการปฏิบัติระหว่างกัน เพื่อประสิทธิภาพในการป้องกันปราบปรามขบวนการอุ้มบุญข้ามชาติไม่ให้ลักลอบกระทำความผิดในราชอาณาจักร

นายเอ สัญชาติจีน แสดงตนต่อเจ้าหน้าที่ ฝ่าย ตม.ขาออก ด่าน ตม.ท่าอากาศยานสุวรรณภูมิ พร้อมด้วย ด.ช.บี (เกิดในประเทศไทย) อายุประมาณ 1 ปี 2 เดือน เพื่อขอรับการตรวจออกนอกราชอาณาจักร ไปยังเมืองเซี่ยงไฮ้ ประเทศจีน โดยสายการบินไชน่าอิสเทิร์นแอร์ไลน์ เที่ยวบินที่ MU542 เมื่อเจ้าหน้าที่ ฝ่าย ตม.ขาออกฯ ตรวจสอบพบว่าเป็นบุคคลตามหมายจับ จึงประสานเจ้าหน้าที่ กก.สส.ปป.บก.ตม.2 ตรวจสอบและจับกุม ตามหมายจับข้อหา “ร่วมกันดำเนินการให้มีการตั้งครรภ์แทนเพื่อประโยชน์ทางการค้า” และนำส่ง พนังานสอบสวนเจ้าของคดีเพื่อดำเนินคดีต่อไป

สตม. ขอเรียนให้ท่านทราบว่า สตม. มีมาตรการในการตรวจสอบ กวดขัน และปราบปรามการกระทำความผิดในด้านต่าง ๆ หากประชาชนท่านใดพบเห็นเบาะแสการกระทำความผิด กรุณาแจ้งมายัง สำนักงานตรวจคนเข้าเมือง เลขที่ 507 ซ.สวนพลู แขวงทุ่งมหาเมฆ เขตสาทร กรุงเทพมหานคร 10120 หรือที่หมายเลขโทรศัพท์ 1178 หรือที่ www.immigration.go.th จักขอบพระคุณเป็นอย่างยิ่ง

สืบสวน ตม.1 สนธิกำลังทลาย ‘แก๊งเจ๊หวาน’ ลักลอบขนคนลาวส่งชายแดน ปิดล้อมสกัดจับขบวนรถ รวบได้ทั้งคนขับ ผู้ร่วมขบวนการ พร้อมคนต่างด้าวรวม 34 ราย

ตามนโยบายของ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ รองนายกรัฐมนตรี เรื่องการควบคุมกำกับดูแลชาวต่างชาติที่เข้ามาพำนักอาศัย หรือเข้ามาท่องเที่ยวในประเทศไทย สำนักงานตำรวจแห่งชาติ โดย พล.ต.อ.สุวัฒน์  แจ้งยอดสุข ผบ.ตร. และ พล.ต.อ.ดํารงศักดิ์ กิตติประภัสร์ รอง ผบ.ตร. มอบหมายให้ สตม.ดำเนินการตรวจสอบชาวต่างชาติที่มีหมายจับตำรวจสากล หรือมีพฤติกรรมไม่เหมาะสมในขณะที่พำนักอาศัยอยู่ในประเทศไทย กระทำผิดกฎหมาย ก่อเหตุอันตรายต่อความสงบสุขและความปลอดภัยในชีวิตและทรัพย์สินของประชาชน หรือเป็นลักษณะการกระทำผิดเข้าข่ายอาชญากรรมข้ามชาติ ทำให้เกิดความเสียหายต่อภาพลักษณ์ของประเทศ

สำนักงานตรวจคนเข้าเมืองโดย พล.ต.ท.สมพงษ์  ชิงดวง ผบช.สตม.  พร้อมด้วย พล.ต.ต.อาชยน  ไกรทอง รอง ผบช.สตม., พล.ต.ต.ปิติ นิธินนทเศรษฐ์ ผบก.ตม.1, พ.ต.อ.ภัทรภณ สนิทวงศ์ ณ อยุธยา รอง ผบก.ตม.1, พ.ต.อ.ศุภณัฏฐ์ เจริญเรืองสกุล รอง ผบก.ตม.1 และ พ.ต.อ.กีรติศักดิ์ ก้องเกียรติศิริ ผกก.สส.บก.ตม.1 พร้อมชุดสืบสวนฯ ร่วมแถลงข่าวการจับกุมคนร้าย ดังนี้ 

สืบเนื่องจาก เจ้าหน้าที่ตำรวจ กก.สส.บก.ตม.1 ได้รับคำสั่งจากผู้บังคับบัญชากรณีให้ติดตามขบวนการนำพาช่วยเหลือซ่อนเร้นบุคคลต่างด้าวให้เข้าเมืองโดยผิดกฎหมายหรือให้ที่พักพิง ในเขตพื้นที่กรุงเทพมหานคร เจ้าหน้าที่ตำรวจได้กระจายกำลังลงพื้นที่หาข่าวทั้งจากสายลับ และโซเชียลมีเดีย พบกลุ่มแก๊งหนึ่งคือแก๊งเจ๊หวาน มีพฤติกรรมในการใช้รถบัสขนส่งขนาดใหญ่แบบไม่ประจำทาง ให้บริการกับกลุ่มบุคคลต่างด้าวต่างสัญชาติลาว โดยในการสำรองที่นั่ง จะมีการติดต่อชักชวนผ่าน Facebook โดยมีผู้ใช้ Facebook ที่ใช้ชื่อว่า“พักก่อน” ทำหน้าที่เป็นตัวกลางในการรับจองตั๋วและนัดหมายเวลาที่จะขึ้นรถกับคนต่างด้าว โดยระบุค่าใช้จ่ายกับบุคคลต่างด้าวรายละ 1700 บาทถึง 2200 บาท ในการไปรับคนต่างด้าวแต่ละคนตามจุดที่นัดหมาย โดยใช้ทั้งรถแท็กซี่ และรถตู้ ตระเวนรับบุคคลต่างด้าวทั่วกรุงเทพมหานคร และนำไปรวมกันไว้ในที่ลับตาคน เพื่อเตรียมจัดขึ้นรถทัวร์และลักลอบนำส่งบุคคลต่างด้าว กลับออกไปตามด่านพรมแดนต่าง ๆ จำนวน 4 จุดหมายปลายทาง คือ ด่านพรมแดนจังหวัดมุกดาหาร นครพนม อุบลราชธานี และ หนองคาย  ผู้บังคับบัญชาจึงสั่งการให้ทีมสืบสวนใช้สายลับในการติดต่อสอบถาม และนัดหมายการเดินทาง จนทราบว่าขบวนรถจะออกเดินทางในวันใด พ.ต.อ.กีรติศักดิ์ ก้องเกียรติศิริ ผกก.สส.บก.ตม.1 จึงได้เรียกประชุมเจ้าหน้าที่ตำรวจ กก.สส.บก.ตม.1 ทั้งหมดเพื่อวางแผนประกอบกำลังในปฏิบัติการครั้งนี้ทันที

ในช่วงเช้ามืด ซึ่งเป็นวันปฏิบัติการ ได้มีรถตู้โดยสารไม่ประจำทาง หมายเลขทะเบียน นข 4xxx ปราจีนบุรี และ แท็กซี่สีเหลือง ทะเบียน ทส 3xxx กรุงเทพมหานคร เดินทางมารับสายลับตามที่ได้มีการนัดหมาย เจ้าหน้าที่ตำรวจจึงได้มีการติดตามดูพฤติกรรมของรถทั้งสองคันดังกล่าวไปห่าง ๆ พบว่าได้มีการทยอยแวะรับบุคคลต่างด้าวตามที่ต่าง ๆ ทั่วกรุงเทพมหานครอีกหลายจุด จนกระทั่งในช่วงสาย จึงได้ทราบว่า รถทั้งสองคันพาสายลับไปพักคอยที่บริเวณใกล้เคียงกับองค์การบริหารส่วนตำบลคลองข่อย มีลักษณะเป็นที่โล่ง มีพื้นที่ประมาณ 5 ไร่ มีขอบเขตแนวที่ดินชัดเจน แต่ไม่มีรั้วหรือประตูกั้นสามารถสังเกตการณ์เข้าไปด้านในได้ง่าย ภายในเปิดเป็นอู่ซ่อมสีรถยนต์ มีการตั้งเต็นท์บังแดด และสุขาชั่วคราว เพื่ออำนวยความสะดวกในการให้บุคคลต่างด้าวทั้งหมดนั่งพักคอย ผู้บังคับบัญชาจึงได้สั่งการให้เจ้าหน้าที่ทั้งหมดเดินทางไปซุ่มรอตามจุดต่าง ๆ

โดยรอบบริเวณดังกล่าว เวลาประมาณ 12:00 น. มีรถโดยสารปรับอากาศหมายเลขทะเบียน 10-2xxx กรุงเทพมหานครขับเข้ามาจอดในพื้นที่ และมีการเรียกคนต่างด้าวและขนสัมภาระขึ้นรถ ก่อนจะตั้งขบวนเดินทางออกจากจุดดังกล่าวในเวลา 12:40 น. เจ้าหน้าที่ตำรวจที่แฝงตัวสังเกตการณ์ในบริเวณใกล้เคียงจึงให้สัญญาณเจ้าหน้าที่ตำรวจที่ทำหน้าที่ชุดจับกุม ในการติดตามเรียกรถหยุดเพื่อตรวจสอบ ในขณะเดียวกันกำลังเจ้าหน้าที่ตำรวจที่เหลือเข้าตรวจสอบในพื้นที่พักคอยก่อนขึ้นรถ ผลการตรวจสอบทั้งบนรถทัวร์ รถตู้ รถแท็กซี่ และบริเวณจุดพักคอย พบบุคคลต่างด้าวสัญชาติลาว 51 คน และคนไทย 5 คน ผลการสอบปากคำและตรวจสอบเอกสารเบื้องต้น จำแนกได้ว่าในที่เกิดเหตุมีบุคคลต่างด้าวสัญชาติลาวที่เข้ามาในราชอาณาจักรโดยผิดกฎหมาย 16 คน อยู่ในราชอาณาจักรโดยการอนุญาตสิ้นสุด 13 คน และในจำนวนนี้ยังมีบุคคลต่างด้าวที่ทำงานให้กับอู่ซ่อมสีรถยนต์ดังกล่าว โดยไม่มีใบอนุญาตทำงานอีก 2 คน

จึงได้แจ้งข้อกล่าวหาให้บุคคลต่างด้าวทั้งหมดทราบ และแจ้งข้อกล่าวหาให้กับคนไทยในที่เกิดเหตุอีก 5 คน คือนายตรี อายุ 35 ปี, นายทูน อายุ 37 ปี, นายชัย อายุ 50 ปี ทำหน้าที่พนักงานขับรถ, นายบอย อายุ 35 ปี ทำหน้าที่เก็บเงินและติดต่อประสานงาน และนายเก๋ อายุ 50 ปี เจ้าของอู่รถดังกล่าว จึงแจ้งข้อกล่าวหาให้ผู้ต้องหาคนไทยทั้งหมดทราบในความผิดฐาน “ซ่อนเร้น หรือช่วยด้วยประการใด ๆ ให้บุคคลต่างด้าวที่เข้ามาในราชอาณาจักรโดยผิดกฎหมาย พ้นจากการถูกจับกุม” พร้อมทั้งแจ้งข้อกล่าวหา ให้แก่นายเก๋ฯ ทราบอีกส่วนหนึ่งว่า “เป็นนายจ้างรับบุคคลต่างด้าวเข้าทำงานโดยไม่มีใบอนุญาตทำงาน” ก่อนนำตัวผู้ต้องหาทั้งหมด ส่งพนักงานสอบสวน สภ.ชัยพฤกษ์ ดำเนินคดีตามกฎหมายที่เกี่ยวข้อง อนึ่ง ในส่วนของผู้ร่วมขบวนการอื่นๆ ทั้งชาวไทยและชาวลาว กก.สส.บก.ตม.1 จะได้ดำเนินการติดตามจับกุมต่อไป

สตม. ขอเรียนให้ท่านทราบว่า สตม. มีมาตรการในการตรวจสอบ กวดขัน และปราบปรามการกระทำความผิดในด้านต่างๆ รวมทั้งดำเนินการตรวจสอบชาวต่างชาติที่มีพฤติกรรมไม่เหมาะสม กระทำผิดกฎหมาย ก่อเหตุอันตรายต่อความสงบสุขและความปลอดภัยในชีวิตทรัพย์สินของประชาชน ทำให้เกิดความเสียหายต่อภาพลักษณ์ของประเทศชาติ หากประชาชนท่านใดพบเห็นเบาะแสการกระทำความผิด กรุณาแจ้งมายัง สำนักงานตรวจคนเข้าเมือง เลขที่ 507  ซ.สวนพลู  แขวงทุ่งมหาเมฆ เขตสาทร กรุงเทพมหานคร 10120 หรือที่หมายเลขโทรศัพท์สายด่วน 1178  หรือที่ www.immigration.go.th

สืบสวน ตม.1 รวบหนุ่มใหญ่มะกัน อดีตนักธุรกิจดาวรุ่ง เจ้าของฉายา “บิล เกตส์ แห่งวงการหนังโป๊ออนไลน์” ฐานฉ้อโกงเจ้าหนี้กว่า 70 ล้าน

ตามนโยบายของ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ รองนายกรัฐมนตรี เรื่องการควบคุมกำกับดูแลชาวต่างชาติที่เข้ามาพำนักอาศัย หรือเข้ามาท่องเที่ยวในประเทศไทย สำนักงานตำรวจแห่งชาติ โดย พล.ต.อ.สุวัฒน์  แจ้งยอดสุข ผบ.ตร. และ พล.ต.อ.ดํารงศักดิ์ กิตติประภัสร์ รอง ผบ.ตร. มอบหมายให้ สตม.ดำเนินการตรวจสอบชาวต่างชาติที่มีหมายจับตำรวจสากล หรือมีพฤติกรรมไม่เหมาะสมในขณะที่พำนักอาศัยอยู่ในประเทศไทย กระทำผิดกฎหมาย ก่อเหตุอันตรายต่อความสงบสุขและความปลอดภัยในชีวิตและทรัพย์สินของประชาชน หรือเป็นลักษณะการกระทำผิดเข้าข่ายอาชญากรรมข้ามชาติ ทำให้เกิดความเสียหายต่อภาพลักษณ์ของประเทศ

สำนักงานตรวจคนเข้าเมืองโดย พล.ต.ท.สมพงษ์  ชิงดวง ผบช.สตม.  พร้อมด้วย พล.ต.ต.อาชยน  ไกรทอง รอง ผบช.สตม., พล.ต.ต.ปิติ นิธินนทเศรษฐ์ ผบก.ตม.1, พ.ต.อ.ภัทรภณ สนิทวงศ์ ณ อยุธยา รอง ผบก.ตม.1, พ.ต.อ.ศุภณัฏฐ์ เจริญเรืองสกุล รอง ผบก.ตม.1 และ พ.ต.อ.กีรติศักดิ์ ก้องเกียรติศิริ ผกก.สส.บก.ตม.1 พร้อมชุดสืบสวนฯ ร่วมแถลงข่าวการจับกุมคนร้าย 

คดีนี้สืบเนื่องจากเมื่อช่วงเดือนมิถุนายน 2564 ที่ผ่านมาเจ้าหน้าที่ตำรวจ กก.สส.บก.ตม.1 ได้สืบทราบว่ามีบุคคลต่างด้าวสัญชาติอเมริกันคือนาย John อายุ 48 ปี ตกเป็นผู้ต้องหาตามหมายจับ ในคดีที่ บริษัท เซนทิริ จำกัด ได้ร้องทุกข์ขอให้ดำเนินคดีกับ บริษัท อิเล็กทรอนิกส์ ทรานแซด เซอร์วิสเซส จำกัด ซึ่งมีนาย John เป็นกรรมการ เนื่องจากบริษัทของนาย John ได้ว่าจ้างให้บริษัท เซนทิริ จำกัด ดำเนินการสร้างซอฟต์แวร์ที่ใช้ในการดักจับมัลแวร์ หรือสแปมต่าง ๆ ที่ส่งทางข้อความเครือข่ายโทรศัพท์ ในราคาว่าจ้างประมาณ 70 ล้านบาท แต่เมื่อทางบริษัท เซนทิริ จำกัด ผู้รับจ้างได้ดำเนินการแล้วเสร็จและส่งมอบซอฟต์แวร์ ปรากฎว่าทางนาย John กลับอิดออดไม่ชำระค้าจ้าง จึงทำให้เกิดการฟ้องร้องเพื่อให้บังคับชำระหนี้ และบริษัท อิเล็กทรอนิกส์ ทรานแซด เซอร์วิสเซส จำกัด ถูกศาลแพ่งพิพากษาให้ชำระหนี้ตามฟ้อง แต่นาย John ได้โยกย้ายถ่ายเททรัพย์สินของบริษัทมาไว้กับตน บริษัท เซนทิริ จำกัด ผู้เสียหายจึงมาร้องทุกข์ให้ดำเนินคดีอาญากับนาย John อีกส่วนหนึ่ง จนกระทั่งสามารถยื่นคำร้องขอหมายจับต่อศาลแขวงดุสิต ศาลออกหมายจับที่ 104/2564 เมื่อวันที่ 5 กรกฎาคม 2564

ต่อมาจากการแกะรอยเชิงลึก เจ้าหน้าที่ตำรวจ กก.สส.บก.ตม.1 ได้สืบทราบว่าบุคคลต่างด้าวตามหมายจับพักอาศัยอยู่ที่คอนโดมิเนียมหรูแห่งหนึ่งในย่านสาทร จึงนำกำลังเข้าตรวจสอบที่คอนโดมิเนียมดังกล่าวจนกระทั่งพบ นาย John เดินทางเข้ามาที่คอนโดมิเนียม มีตำหนิรูปพรรณตรงตามหมายจับ จึงแสดงตัวเป็นเจ้าหน้าที่ตรวจคนเข้าเมืองขออนุญาตตรวจสอบเพื่อดำเนินการตามหมาย พบว่านาย John มีสถานะเป็นผู้มีถิ่นที่อยู่ในราชอาณาจักร โดยเดินทางเข้ามาพำนักในประเทศไทยเป็นเวลากว่า 20 ปี และในชั้นจับกุมนาย John ยอมรับว่าตนเป็นบุคคลตามหมายจับจริง และยังไม่เคยถูกจับกุมในความผิดเดียวกันนี้มาก่อน เจ้าหน้าที่ตำรวจจึงแจ้งข้อกล่าวหาตามหมายจับให้ทราบในความผิดฐาน "ฉ้อโกงเจ้าหนี้" และได้แจ้งสิทธิ์ของผู้ถูกจับให้ทราบเบื้องตัน นำตัวส่งพนักงานสอบสวน สน.พญาไท ดำเนินคดีตามกฎหมายต่อไป

อนึ่ง นาย John นั้นเป็นถึงอดีตนักธุรกิจดาวรุ่งชื่อดัง ผู้บุกเบิกวงการสื่อลามกในโลกออนไลน์ ในช่วงยุค 90 ซึ่งเป็นช่วงที่ธุรกิจดอทคอมเฟื่องฟู จนติด 1 ใน 50 ผู้บุกเบิกธุรกิจบนโลกอินเตอร์เน็ต จากนิตยสารชื่อดัง โดยได้รับสมญานามจากสื่อแขนงต่าง ๆ ในสหรัฐอเมริกา โดยเฉพาะในแวดวงธุรกิจว่า “บิล เกตส์ แห่งวงการหนังโป๊” แต่ด้วยโมเดลทางธุรกิจสื่อลามกที่สุ่มเสี่ยงต่อการทำให้บุคคลอื่นเสียหาย ทำให้บริษัทของนาย John รวมทั้งตัวเขาเอง ตกเป็นจำเลยในการฟ้องคดีแพ่งเรียกร้องค่าเสียหายหลายคดี มูลค่านับร้อยล้านดอลลาร์สหรัฐ ซึ่งอาจเป็นหนึ่งในสาเหตุ นาย John ทิ้งอดีตเบื้องหลังของตนและมาเริ่มต้นใหม่ที่ประเทศไทย

สตม. ขอเรียนให้ท่านทราบว่า สตม. มีมาตรการในการตรวจสอบ กวดขัน และปราบปรามการกระทำความผิดในด้านต่าง ๆ รวมทั้งดำเนินการตรวจสอบชาวต่างชาติที่มีพฤติกรรมไม่เหมาะสม กระทำผิดกฎหมาย ก่อเหตุอันตรายต่อความสงบสุขและความปลอดภัยในชีวิตทรัพย์สินของประชาชน ทำให้เกิดความเสียหายต่อภาพลักษณ์ของประเทศชาติ หากประชาชนท่านใดพบเห็นเบาะแสการกระทำความผิด กรุณาแจ้งมายัง สำนักงานตรวจคนเข้าเมือง เลขที่ 507  ซ.สวนพลู  แขวงทุ่งมหาเมฆ เขตสาทร กรุงเทพมหานคร 10120 หรือที่หมายเลขโทรศัพท์สายด่วน 1178  หรือที่ www.immigration.go.th

ชลบุรี - ผู้บัญชาการกองเรือยุทธการมอบต้นกล้าผักสวนครัวจาก “สวนผักรักษ์สุข” ให้กำลังพล เพื่อเป็นเมล็ดพันธุ์เริ่มต้นตามแนวทางศาสตร์พระราชาสู่การพึ่งพาตนเองอย่างยั่งยืน

วันที่ 24 ส.ค. 64 พล.ร.อ.สุทธินันท์  สมานรักษ์ ผู้บัญชาการกองเรือยุทธการ เป็นประธานในพิธีมอบต้นกล้าผักสวนครัวจากผลผลิตของ “สวนผักรักษ์สุข” ให้กับ น.อ.กฤษฎา จิระไตรพร ผู้บังคับการกองสนับสนุน กองเรือยุทธการ เพื่อนำไปมอบให้กับกำลังพลกองเรือยุทธการ โดยมีคุณสุนันท์  สมานรักษ์ ประธานชมรมภริยากองเรือยุทธการ พร้อมด้วยผู้บังคับบัญชากองเรือยุทธการ ร่วมในพิธี ณ สวนผักรักษ์สุข บ้านพักนายทหารผู้ใหญ่กองเรือยุทธการ อ.สัตหีบ จ.ชลบุรี

กองเรือยุทธการได้ดำเนินการพัฒนาคุณภาพชีวิตกำลังพลของกองเรือยุทธการมาอย่างต่อเนื่อง ทั้งนี้จากนโยบายผู้บัญชาการกองเรือยุทธการประจำปี งบประมาณ 2564 กำหนดให้มีการส่งเสริม สนับสนุนหน่วยขึ้นตรงกองเรือยุทธการ และ ครอบครัว ปลูกผักสวนครัว โดยได้น้อมนำหลักเกษตรทฤษฎีใหม่ หรือ “ศาสตร์พระราชา” ของพระบาทสมเด็จพระบรมชนกาธิเบศ มหาภูมิพลอดุลยเดชมหาราช บรมนารถบพิตร รัชกาลที่ ๙ มาเป็นแนวทางในการพัฒนาคุณภาพชีวิตให้แก่กำลังพลกองเรือยุทธการ และได้มีแนวทางปฏิบัติ ให้หน่วยขึ้นตรงกองเรือยุทธการ พิจารณาใช้พื้นที่บริเวณรอบอาคารกองบัญชาการของหน่วยปลูกผักสวนครัว ประกอบกับใช้หลักปรัชญาเศรษฐกิจพอเพียง เป็นแนวทางจัดการต่อผลผลิตเพื่อใช้เป็นอาหารในครัวเรือน ซึ่งจะส่งผลให้ประหยัดค่าใช้จ่ายของครอบครัว

ในการนี้ชมรมภริยากองเรือยุทธการ ได้น้อมนำหลักเกษตรทฤษฎีใหม่ พัฒนาพื้นที่โดยนำ “โคก หนอง นา โมเดล” เป็นแนวทางในการปรับปรุงพื้นที่ว่างบริเวณบ้านพักนายทหารผู้ใหญ่ กองเรือยุทธการ จัดตั้งเป็นศูนย์การเรียนรู้ “สวนผักรักสุข” ตามแนวทางพระราชดำริเศรษฐกิจพอเพียงตั้งแต่ต้นปีงบประมาณ 2564 ปัจจุบัน พืช ผัก ผลผลิตเจริญงอกงาม สามารถจำหน่าย ทำให้เกิดรายได้ และนำมาแจกจ่ายให้แก่กำลังพลของกองเรือยุทธการได้อีกด้วย

การมอบต้นกล้าผักสวนครัวที่ปลูกใน “สวนผักรักษ์สุข” จำนวนกว่า 800 ต้น ประกอบด้วยฟ้าทะลายโจร , มะเขือ , พริก และโหระพา เพื่อเป็นการส่งเสริมและสนับสนุนให้ครอบครัวที่มีความตั้งใจในการดำเนินกิจกรรมแต่ขาดปัจจัยการผลิต ได้มีปัจจัยต้นทุนของการผลิตเริ่มต้น ซึ่งจะทำให้กำลังพลและครอบครัวของกองเรือยุทธการ สามารถเริ่มต้นปลูกผักสวนครัว ในพื้นที่บริเวณบ้านพักตนเอง เพื่อใช้เป็นอาหารในครัวเรือน ส่งผลให้ประหยัดค่าใช้จ่ายของครอบครัวได้อย่างดี เป็นจุดเริ่มต้นของการน้อมนำศาสตร์พระราชามาใช้อย่างจริงจัง เพื่อพัฒนาคุณภาพชีวิตของกำลังพลสู่การพึ่งพาตนเองได้อย่างเป็นรูปธรรม และยั่งยืนต่อไป


ภาพ/ข่าว  สมนึก เชื้อสนุก

เพชรบูรณ์ - โครงการทหารพันธุ์ดี ค่ายพ่อขุนผาเมือง (กองพลทหารม้าที่ 1) มอบพันธุ์พืชและพันธุ์สัตว์ จำนวน 13 ครัวเรือน

กองพลทหารม้าที่ 1 ได้จัดพิธีมอบพันธุ์พืชและพันธุ์สัตว์ให้กับเครือข่ายเกษตรกร กำลังพลและทหารพันธุ์ดีที่มีความประสงค์ ขอรับพันธุ์พืชพันธุ์สัตว์ จำนวนทั้งสิ้น 13 ครัวเรือน ประกอบด้วยต้นพันธุ์สมุนไพรฟ้าทะลายโจร กบนา ไก่ดำ และหมูป่า

ตามที่ กองพลทหารม้าที่ 1 ได้ดำเนินโครงการทหารพันธุ์ดี ค่ายพ่อขุนผาเมือง (กองพลทหารม้าที่ 1) โดยมีวัตถุประสงค์ เพื่อผลิตพันธุ์พืชและพันธุ์สัตว์ที่มีสายพันธุ์ที่ดีตอบสนองต่อ ความต้องการของเกษตรกร ตลอดจนการผลิตเมล็ดพันธุ์พืช ส่งเข้าร่วมโครงการผลิตเมล็ดพันธุ์พระราชทาน “เพื่อนช่วยเพื่อน” พื้นที่ภาคเหนือตอนล่าง ค่ายสมเด็จพระเอกาทศรถ จังหวัดพิษณุโลก สำหรับนำไปช่วยเหลือฟื้นฟูพื้นที่ประสบภัยพิบัติ และพระราชทานแก่ราษฎรทั่วไป

ซึ่งในห้วงที่ผ่านมา การดำเนิน โครงการมีความก้าวหน้ามาโดยต่อเนื่อง มีพันธุ์พืชพันธุ์สัตว์ที่เพียงพอสำหรับแจกจ่าย ให้กับเครือข่ายเกษตรกรแนวร่วม โครงการทหารพันธุ์ดี กำลังพลและทหารพันธุ์ดีของหน่วย นำไปเพาะเลี้ยงขยายพันธุ์ เพื่อสร้างแหล่งอาหาร สำหรับใช้บริโภคในครัวเรือน และนำไปต่อยอดในการสร้างอาชีพ เพื่อเพิ่มรายได้ สร้างความมั่นคงให้กับครอบครัวต่อไป 


ภาพ/ข่าว  ราเมธ บงแก้ว / มนสิชา คล้ายแก้ว

นครนายก - รับมอบเครื่องให้ออกซิเจน ชุดตรวจหาเชื้อโควิด และอุปกรณ์การแพทย์และผลิตภัณฑ์ทีโพล์ ให้แก่โรงพยาบาลบ้านนา เพื่อใช้ประโยชน์ในทางการแพทย์

เมื่อวันที่ 24 สิงหาคม 2564 ที่ห้องประชุมนางรอง ชั้น 5 ศาลากลางจังหวัดนครนายก นายอำพล อังคภากรณ์กุล ผู้ว่าราชการจังหวัดนครนายก / นายสิทธิชัย สวัสดิ์แสน รองผู้ว่าราชการจังหวัดนครนายก / แพทย์หญิงอรรัตน์ จันทร์เพ็ญ นายแพทย์สาธารณสุขจังหวัดนครนายก / นายสุวรรณ เพ็ชรรุ่ง รองนายแพทย์สาธารณสุขจังหวัดนครนายก ผู้อำนวยการโรงพยาบาลบ้านนา พร้อมหัวหน้าส่วนราชการ และเจ้าหน้าที่ที่เกี่ยวข้อง ให้การต้อนรับ ดร.ประจักร ตั้งคารวคุณ ประธานกรรมการบริษัท ทีโอเอ เพ้นท์ (ประเทศไทย) จำกัด(มหาชน) / พลเอก ดร.มนตรี ศุภาพร (อดีตปลัดกระทรวงกลาโหม)และคุณกวี หัสดินไพศาล ในพิธีรับมอบเครื่องให้ออกซิเจน ชุดตรวจหาเชื้อโควิด และอุปกรณ์การแพทย์และผลิตภัณฑ์ทีโพล์ ให้แก่โรงพยาบาลบ้านนา เพื่อใช้ประโยชน์ในทางการแพทย์

พร้อมมอบเงิน รวมมูลค่าทั้งสิ้นกว่า 1,800,000 บาท ในพิธีดังกล่าว ดร.ประจักร ตั้งคารวคุณ ได้กล่าวถึงวัตถุประสงค์ของการมอบสิ่งของที่มีความจำเป็นทางการแพทย์ โดยทางนายแพทย์สาธารณสุขจังหวัดนครนายก ได้นำเสนอข้อมูลของสถานการณ์โควิดในพื้นที่จังหวัดนครนายก ซึ่งปัจจุบันมีแนวโน้มลดลง ด้านนายสิทธิชัย สวัสดิ์แสน รองผู้ว่าราชการจังหวัดนครนายก ได้เสนอเพื่อรับทราบว่าจังหวัดนครนายก ได้มีมาตรการ 3 เร็วในการดำเนินงาน “รู้เร็ว แยกเร็ว รักษาเร็ว” โดยให้หน่วยงานราชการ สถานที่ที่รับผิดชอบที่มีความเสี่ยงสูง มีมาตรการเข้มงวดสูงสุด ซึ่งได้รับความร่วมมือจากทุกฝ่ายเป็นอย่างดี


ภาพ/ข่าว  สมบัติ เนินใหม่ / รัชชานนท์ เนินใหม่ / ผู้สื่อข่าวจังหวัดนครนายก


© Copyright 2021, All rights reserved. THE STATES TIMES
Take Me Top