Monday, 20 January 2025
SPECIAL

‘พิธา’ ตั้งโพเดียมกลางน้ำ เปิดนโยบายสิ่งแวดล้อม ลั่น!! เอาจริง แก้ปัญหาโลกร้อน ทั้งเชิงรุกและเชิงรับ

(24 ก.พ. 66) ที่ชุมชนปากคลองรังสิต จังหวัดปทุมธานี นายพิธา ลิ้มเจริญรัตน์ หัวหน้าพรรคก้าวไกล แถลงเปิดนโยบาย 'สิ่งแวดล้อมไทยก้าวหน้า' ซึ่งเป็นชุดนโยบายที่ 7 จากทั้งหมด 9 ชุดนโยบาย

การเปิดนโยบายครั้งนี้ มีจุดเด่นคือ การตั้งโพเดียมกลางน้ำ ซึ่งได้รับแรงบันดาลใจจากการกล่าวถ้อยแถลงของรัฐมนตรีการต่างประเทศ ของประเทศตูวาลู ในช่วงการประชุมสมัชชาประเทศภาคีอนุสัญญาสหประชาชาติว่าด้วยการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศ (COP 26) โดยพิธากล่าวว่าเป็นการแสดงให้เห็นว่า ปัญหาโลกร้อนเป็นเรื่องใกล้ตัวของทุกคนมากกว่าที่คิด และส่งผลกระทบโดยตรงต่อชีวิตประชาชน เช่น ปัญหาน้ำท่วมที่รุนแรงและถี่ขึ้น

จากตัวอย่างพื้นที่ปทุมธานี ที่เป็นสถานที่แถลงนโยบาย คนในชุมชนนี้บอกว่าในอดีตน้ำท่วม 2-3 เดือนต่อปี แต่ปัจจุบันน้ำท่วม 5-6 เดือนต่อปี หรือเมื่อ พ.ศ. 2549 พื้นที่น้ำท่วมซ้ำซากมี 10 ล้านไร่ ตอนนี้เพิ่มขึ้นเกือบ 3 เท่าเป็น 27 ล้านไร่ ซึ่งสอดคล้องกับรายงานของธนาคารโลกที่ระบุว่าปี 2011-2045 (พ.ศ. 2554-2588) โลกร้อนจะสร้างความเสียหายต่อภาคเกษตรไทยราว 3 ล้านล้านบาท ผลิตพืชต่าง ๆ ได้น้อยลง เช่น ข้าวน้อยลง 13% มันลดลง 21% อ้อยลดลง 35%

หัวหน้าพรรคก้าวไกลระบุว่า รัฐบาลอาจบอกว่าเราสามารถลดก๊าซเรือนกระจกได้ตามคำสัญญาที่ให้ไว้กับสหประชาชาติ แต่ตัวเลขเหล่านั้น เราเก็บเอง เขียนรายงานเอง ต่างจากการประเมินโดยองค์กรระหว่างประเทศ ที่บอกว่าการรับมือในเรื่องนี้ของไทยอยู่ในระดับ ’ไม่เพียงพอขั้นวิกฤติ’ (Critically Insufficient) และหากทำตามนโยบายปัจจุบันของรัฐบาลต่อไป จะทำให้อุณหภูมิสูงขึ้น 4 องศา ในขณะที่ความพยายามของทั้งโลก ต้องการให้ต่ำกว่า 2 องศา

“ปัญหาโลกร้อนเป็นภัยความมั่นคงของยุคปัจจุบัน นี่คือศัตรูตัวจริงของรัฐบาล ไม่ใช่ความมั่นคงทางทหารแบบเดิมอีกต่อไป ดังนั้น พรรคก้าวไกลต้องการประกาศศึกกับภาวะโลกร้อน โดยมีนโยบายที่ชัดเจน ทั้งในเชิง ‘รับ’ เพื่อรับมือผลกระทบที่เกิดขึ้นแล้วและมีแนวโน้มจะรุนแรงมากขึ้นจากสภาพอากาศที่แปรปรวน และในเชิง ‘รุก’ ที่รุกไปที่ต้นตอของปัญหา เพื่อลดก๊าซเรือนกระจกให้ได้จริง ควบคู่กับสร้างการเติบโตทางเศรษฐกิจที่สอดคล้องกับการรักษาสิ่งแวดล้อม” พิธากล่าว

สำหรับชุดนโยบาย ’สิ่งแวดล้อมไทยก้าวหน้า’ ของพรรคก้าวไกล ต้องการเอาจริงกับปัญหาโลกร้อน ผ่านนโยบายเชิงรุกและเชิงรับ ต่อไปนี้

(A) เชิงรุก : เร่งลดการปล่อยก๊าซเรือนกระจกสุทธิเป็นศูนย์ (Net Zero) ภายในปี 2050 (พ.ศ. 2593)

ด้านการผลิตไฟฟ้า = เปิดตลาดเสรี ส่งเสริมไฟฟ้าสะอาดพลังงาน :
1.) หลังคาสร้างรายได้ เปิดเสรีโซลาร์เซลล์ครัวเรือน
2.) ปลดล็อกระเบียบ สร้างตลาดซื้อ-ขายไฟฟ้าเสรีของประชาชน
3.) ประกันราคา ไฟฟ้าพลังงานสะอาด สำหรับครัวเรือน
4.) ปลดระวางโรงไฟฟ้าถ่านหินทั้งหมด ภายใน 2035 (พ.ศ.2578)

ด้านการเกษตร = ป้องกันการเผา เปลี่ยนก๊าซเรือนกระจกเป็นรายได้ :
5.) กำจัดการเผาภายใน 3 ปี งบปรับตัวตำบลละ 3 ล้านบาท 1,000 ตำบล
6.) เปลี่ยนการเผาเป็นเงินในกระเป๋าเกษตรกร งบอุดหนุนปลูกข้าว ’เปียกสลับแห้ง’ แทนการเผา สร้างอุตสาหกรรมแปรรูปฟางข้าว-ซังข้าวโพดแทนการเผา
7.) 1 ฟาร์มปศุสัตว์ 1 บ่อหมักก๊าซชีวภาพ (เป็นอย่างน้อย) เปลี่ยนมีเทนเหลือทิ้งให้เป็นพลังงาน

ด้านอุตสาหกรรม = จำกัดการปล่อยมลพิษอุตสาหกรรม :
8.) กำหนดเพดานและเปิดตลาด (Cap & Trade) การปล่อยก๊าซเรือนกระจกรายอุตสาหกรรม เปิดตลาดค้าขายแลกเปลี่ยนโควตา
9.) PRTR – กฎหมายเปิดข้อมูล บังคับให้ทุกโรงงานเปิดข้อมูล สารพิษอันตรายและการปล่อยก๊าซเรือนกระจก

ด้านการขนส่ง = ปรับปรุงการขนส่งให้สะอาดที่สุด :
10.) รถเมล์ไฟฟ้าทุกจังหวัด ภายใน 7 ปี
11.) วันขนส่งฟรี รณรงค์ลดใช้รถยนต์ส่วนตัว
12.) เปลี่ยนรถไฟดีเซลเก่าเป็นไฟฟ้า
13.) ตรวจสภาพรถยนต์ฟรี! ปีละครั้ง
14.) ควบคุมปริมาณรถบรรทุกในเขตเมือง

'ครูแก้ว' ส่งภรรยาชิงเขต 1 จ.นครพนม ท้าชน 'ภูมิพัฒน์' ปักธงชัยพื้นที่เสื้อแดง

(24 ก.พ. 66) ความเคลื่อนไหวทางการเมืองของจังหวัดนครพนม มีดีกรีความเข้มข้นเพิ่มขึ้นแทบทุกวัน หลังมีการวางปฏิทินการเลือกตั้งสมาชิกสภาผู้แทนราษฎร (ส.ส.) ที่จะครบวาระ 4 ปี ในวันที่ 23 มีนาคม 2566 บวกกับมีกระแส พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี อาจจะยุบสภาราวกลางเดือนมีนาคม ทำให้พรรคการเมืองใหญ่ต่างเอียงหูฟังเกี่ยวกับข่าวลือดังกล่าว พร้อมเร่งวางตัวผู้สมัคร และสร้างฐานการเมือง เพี่อสู้ศึกเลือกตั้งที่จะเกิดขึ้นในเร็ววันนี้

สำหรับเขตเลือกตั้งที่ 1 จังหวัดนครพนม ประกอบด้วย อ.ศรีสงคราม, อ.บ้านแพง, อ.นาทม และ อ.นาหว้า ถือเป็นฐานที่มั่นของ 'สหายแสง' นายศุภชัย โพธิ์สุ หรือ 'ครูแก้ว' พรรคภูมิใจไทย ที่สอดแทรกชนะการเลือกตั้งผู้สมัครจากพรรคเพื่อไทย ในการเลือกตั้งเมื่อปี 2562 ที่ผ่านมา โดยก่อนนี้ครูแก้วเคยพ่ายแพ้ให้กับนายยุทธจักร เรืองวรบูรณ์ อดีต ส.ส.พรรคเพื่อไทย หลังจากยุบพรรคพลังประชาชน นายศุภชัย โพธิ์สุ ทนแรงจีบของนายอนุทิน ชาญวีรกูล หัวหน้าพรรคภูมิใจไทยไม่ไหว จึงย้ายไปสังกัดพรรคภูมิใจไทย โดยมีตำแหน่งรัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงเกษตรและสหกรณ์เป็นของขวัญ หลังหมดวาระเมื่อปี 2554 จึงถูกประชาชนพิพากษาด้วยการเข้าคูหากาพรรคเพื่อไทย ครูแก้วหรือสหายแสงจึงกลายเป็นผู้แทนสอบตกพักงานยาวกว่า 7 ปี ภายหลังกลับมาชนะการเลือกตั้งอีกครั้งในปี 2562

ส่วนการเลือกตั้ง ส.ส.ปี 2566 ที่จะมาถึงนี้ ต้องยอมรับว่า 'สหายแสง' นายศุภชัย โพธิ์สุ หรือ ครูแก้ว ส.ส.เขต 1 จ.นครพนม พรรคภูมิใจไทย รองประธานสภาผู้แทนราษฎร คนที่สอง พกความเชื่อมั่นในศักยภาพของตน หวังล้มช้างอย่างพรรคเพื่อไทย เพื่อดับฝันแลนด์สไลด์ โดยประกาศตัวข้ามจากเขต 1 นครพนมอันเป็นฐานที่มั่นเดิม ย้ายไปลงสมัคร ส.ส. เขต 2 นครพนม ชิงตั๋วเข้าสภากับ ดร.มนพร เจริญศรี หรือ 'เดือน' แชมป์เก่าจากพรรคเพื่อไทย โดยมีพื้นที่ อ.ท่าอุเทน, อ.โพนสวรรค์ และอำเภอเมืองนครพนม (เฉพาะตำบลในเมือง ต.หนองแสง, ต.อาจสามารถ, ต.นาราชควาย, ต.หนองญาติ และตำบลท่าค้อ) โดยปูฐานทางการเมืองกับกลุ่มองค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น (อปท.) และ อสม. รวมถึงพ่อค้า นักธุรกิจภาคเอกชน

ส่วนเขตเลือกตั้งที่ 1 ครูแก้วส่งภรรยาคู่ชีวิต คือ นางพูนสุข โพธิ์สุ หรือ 'ครูตุ่น' อดีตข้าราชการครู อดีตรองนายก อบจ.นครพนม ลงสมัครแทน โดยชิงชัยกับ ดร.ภูมิพัฒน์ พชรทรัพย์ อดีต ส.ส.แบบสัดส่วน พรรคภูมิใจไทย และในการเลือกตั้งครั้งที่ผ่านมา เคยเป็นเลขาธิการพรรคเพื่อชาติ ภายหลังหันมาสังกัดพรรคเพื่อไทย ลงสมัครชิง ส.ส.เขต 1 นครพนม แทนนายยุทธจักร เรืองวรบูรณ์ ที่ยอมถอยจากการถูกชกใต้เข็มขัดเมื่อครั้งที่ผ่านมา

ดังนั้น ในการเลือกตั้งที่จะมาถึง ถือเป็นการวัดบารมีครั้งสำคัญ ว่า พรรคภูมิใจไทยจะปักธงชัยล้มแลนด์สไลด์พรรคเพื่อไทยได้หรือไม่ หากไม่สามารถฝ่าด่านความรักความผูกพันของประชาชน งานนี้ปัญหาต้องตกมาที่พรรคภูมิใจไทยในพื้นที่ จ.นครพนม อย่างแน่นอน อีกทั้ง ครูแก้วจะต้องฝ่ากระแสดรามา เพราะภาษาพาไปในการปราศรัยกล่าวหา ส.ส.พื้นที่จังหวัดใกล้เคียงที่ไม่เลือกภูมิใจไทย ว่า 'ไอ้โง่' เมื่อเดือนพฤศจิกายน 2565

รวมถึงประเด็นการตรวจสอบ เรื่องการครอบครองป่าดงพะทาย อ.ท่าอุเทน จ.นครพนม ที่ถูกตรวจสอบเรื่องจริยธรรม ถึงแม้เจ้าตัวยืนยันในการครอบครองชอบด้วยกฎหมาย แต่จะต้องพิสูจน์ตัวเองให้ถึงที่สุด เพราะยังอยู่ระหว่างการตรวจสอบข้อเท็จจริงของหน่วยงานเกี่ยวข้อง ที่อาจจะกระทบต่อความเชื่อถือของพี่น้องประชาชน

ทั้งนี้ ตัวชี้วัดสำคัญในทิศทางความได้เปรียบเสียเปรียบ เชิงการเมือง ต้องยอมรับว่า พรรคภูมิใจไทยมีความเสี่ยงสูง ที่จะถูกกระแสต้าน ในฐานะพรรคร่วมรัฐบาล ที่เลือกตั้งครั้งที่ผ่านมาเคยประกาศจะไม่ร่วมกับฝ่ายเผด็จการ สุดท้ายต้องมาร่วมจับมือกับพลังประชารัฐ ซึ่งพรรคภูมิใจไทยต้องทำความเข้าใจกับประชาชน ให้เข้าใจถึงอุดมการณ์การเมือง แต่ที่แน่ ๆ พรรคภูมิใจไทยใช้มุกเก่าไม่ได้อีกแล้ว

นอกจากนี้ สหายแสง นายศุภชัย โพธิ์สุ หรือ ครูแก้ว ต้องยอมทิ้งฐานคะแนนถิ่นเก่า มาสร้างฐานคะแนนใหม่ในเขตเลือกตั้งที่ 2 ชนกับแชมป์เก่า คือ ดร.มนพร เจริญศรี หรือเดือน พรรคเพื่อไทย ที่ครูแก้วจะต้องมีทั้งคะแนนนิยม ทั้งส่วนบุคคลและทั้งพรรค เนื่องจากเป็นฐานที่มั่นของพรรคเพื่อไทยมาตลอด ส่วนเขตเลือกตั้งที่ 3 นครพนม อ.เมืองนครพนมบางส่วน อ.ธาตุพนม และ อ.เรณูนคร พรรคภูมิใจไทยส่ง นายแพทย์ อลงกต มณีกาศ ชนกับ ดร.ไพจิต ศรีวรขาน แชมป์ 12 สมัย พรรคเพื่อไทย ที่มีทั้งคะแนนนิยมพรรค และคะแนนนิยมส่วนบุคคล โอกาสที่พรรคภูมิใจไทย จะชิงความได้เปรียบคงมีโอกาสน้อย

ย้อนตำนานวีรกรรม 'ฉีกบัตรเลือกตั้ง'

ในวันเลือกตั้งแต่ละครั้ง หนึ่งในเหตุการณ์ที่มักจะพบเจอได้อยู่เป็นประจำ นั่นคือ 'การฉีกบัตรเลือกตั้ง' ซึ่งตามกฎหมายแล้ว มีโทษปรับ จำคุก และเพิกถอนสิทธิ์เลือกตั้ง ส่วนใหญ่จะเกิดจากความรู้เท่าไม่ถึงการณ์ หรือทำโดยจงใจเพื่อต้องการแสดงออกทางการเมือง

ภาพจำการฉีกบัตรเลือกตั้งที่ถูกพูดถึงอย่างมาก ต้องย้อนความไปถึงบรรยากาศการเมืองในช่วงต้นปี 2549 ที่เริ่มขมึงเกลียว เมื่อ 'ทักษิณ ชินวัตร' นายกรัฐมนตรีขณะนั้นประกาศยุบสภา ในวันที่ 24 กุมภาพันธ์ หลังถูกกล่าวหากรณีครอบครัวทำการซื้อขายหุ้นชินคอร์ปโดยเลี่ยงภาษี  

และเมื่อทั้งวุฒิสภาและศาลรัฐธรรมนูญไม่รับคำร้องเพื่อพิจารณา  ฝ่ายค้านจึงขอยื่นอภิปรายทั่วไป เพื่อขอให้ตอบซักถามต่อสาธารณะ แต่ 'ทักษิณ' ปฏิเสธด้วยการเลือกยุบสภา ก่อนประกาศเลือกตั้ง วันที่ 2 เมษายน 2549

บรรยากาศการเมืองตึงเครียดมากขึ้น เมื่อพรรคประชาธิปัตย์ พรรคชาติไทย และพรรคมหาชน ประกาศ 'บอยคอต' ไม่ส่งผู้สมัครลงเลือกตัั้ง และมีการรณรงค์ให้ 'โนโหวต' แสดงออกต่อการเลือกตั้งที่ไม่ชอบธรรม  

แต่สำหรับ 'รศ.ดร.ไชยันต์ ไชยพร' หัวหน้าภาควิชาการปกครอง คณะรัฐศาสตร์ จุฬาฯในขณะนั้น  กลับเลือกวิธีการ 'อารยะขัดขืน' ในรูปแบบที่ต่างไป โดยช่วงสายของวันที่ 2 เมษายน 2549 รศ.ไชยันต์ ไชยพร เดินทางไปที่โรงเรียนเตรียมอุดมศึกษาพัฒนาการ เพื่อใช้สิทธิ ที่หน่วยลือกตั้งที่ 62 เขตสวนหลวง

หลังจากเดินเข้าคูหาและกาช่องไม่เลือกใคร เจ้าตัวได้ถือบัตรเลือกตั้งทั้งแบบแบ่งเขต และแบบบัญชีรายชื่อ ออกมา ประกาศว่าขอทำผิดกฎหมายเลือกตั้ง ก่อนจะ 'ฉีกบัตรเลือกตั้ง' ต่อหน้าสื่อมวลชน และผู้ที่เดินทางมาให้กำลังใจ

จากนั้น อาจารย์ไชยันต์ ได้อ่านแถลงการณ์ชี้แจงเหตุผลที่กระทำการดังกล่าว ก่อนเจ้าหน้าที่ตำรวจ สน.ประเวศจะเชิญตัวไปให้ปากคำกับพนักงานสอบสวนฐานกระทำผิดกฎหมายเลือกตั้ง มาตรา 108 ซึ่งมีโทษจำคุก 1 ปี  ปรับ 20,000 บาทและถูกเพิกถอนสิทธิ์การเลือกตั้ง 5 ปี

'เพื่อไทย' เปิดตัวผู้สมัคร ส.ส. อีก 16 คน ลั่น!! เลือกตั้งหนนี้ต้องชนะ 'แลนด์สไลด์'

(23 ก.พ. 66) ที่พรรคเพื่อไทย (พท.) นพ.ชลน่าน ศรีแก้ว ส.ส.น่าน และหัวหน้าพรรค พร้อมด้วยนายวิสุทธิ์ ไชยณรุณ ส.ส.พะเยา และประธาน ส.ส.พรรค นางพวงเพ็ชร ชุนละเอียด ประธานคณะกรรมการประสานงานด้านการเมืองพื้นที่ กทม. และน.ส.ธีรรัตน์ สำเร็จวาณิชย์ ส.ส.กทม. และโฆษกพรรค แถลงข่าวเปิดตัวว่าที่ผู้สมัคร ส.ส. ภาคเหนือ ภาคอีสาน ภาคกลาง และภาคใต้ จำนวน 16 คน

นพ.ชลน่าน กล่าวว่า พรรค พท. ได้ประกาศกลยุทธ์และเป้าหมายไว้อย่างชัดเจน ที่ต้องชนะเลือกตั้งแบบแลนด์สไลด์ ให้ได้จำนวน ส.ส.มากกว่ากึ่งหนึ่ง หรือ 250 คนขึ้นไปของสภาฯ เพื่อให้ได้อาณัติจากพี่น้องประชาชนอย่างแท้จริง ขอขอบคุณว่าที่ผู้สมัครที่อาสาเข้ามาทำงานร่วมกันกับเรา หลังจากนี้ว่าที่ผู้สมัคร ส.ส.ที่เปิดตัวไปแล้ว จะเข้าสู่กระบวนการสรรหาและฟังความเห็นของประชาชนในพื้นที่ และเข้าสู่กระบวนการคัดเลือกของพรรคต่อไป ขอบคุณพี่น้องประชาชนทุกคน ซึ่งในวันที่ 7 พ.ค.นี้ ได้เลือกตั้งแน่นอน พรรค พท. พร้อมทำหน้าที่ตรงนี้เพื่ออนาคตของพวกเราทุกคน

ด้านนายวิสุทธิ์ กล่าวว่า พรรค พท. ถือเป็นพรรคที่มีความพร้อมมากที่สุด เราเปิดตัวว่าที่ผู้สมัคร ส.ส.เกือบครบทุกเขตแล้ว ยังเหลือบางเขตที่ยังไม่แล้วเสร็จ เนื่องจากมีผู้สมัครเยอะมาก ประมาณ 8-10 คน ซึ่งอยู่ระหว่างการพิจารณา ทุกคะแนนเสียงมีความหมาย ทั้ง ส.ส.ระบบบัญชีรายชื่อและส.ส.ระบบเขต โดยเฉพาะ ส.ส.ระบบเขตมีความสำคัญมาก ที่จะยกมือโหวตนายกฯ จากพรรค พท. เพื่อชี้ชะตาอนาคตของประเทศชาติบ้านเมือง

“เราลำบากมา 8 ปี จะลำบากต่อไปหรือไม่ ขึ้นอยู่กับการตัดสินใจของพี่น้องประชาชน เราเคยทำได้ เราทำมาแล้ว และเราจะทำอีก เราจะทำให้พี่น้องประชาชนกลับมามีความสุขอีกครั้ง” นายวิสุทธิ์ กล่าว

'บิ๊กตู่' นำทัพ 'รทสช.' ปราศรัยใหญ่ที่โคราช 25 ก.พ.นี้ ชูนโยบาย 80 ข้อ พร้อมเปิดตัวว่าที่ผู้สมัคร ส.ส. อีสาน

(23 ก.พ. 66) ผู้สื่อข่าวรายงานความเคลื่อนไหว พรรครวมไทยสร้างชาติ (รทสช.) มีกำหนดการเปิดเวทีปราศรัยใหญ่ประตูสู่ภาคอีสาน ที่จังหวัดนครราชสีมาในวันที่ 25 ก.พ.นี้ โดยพล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม ในฐานะประธานคณะกรรมการกำหนด คณะกรรมการกำหนดแนวทางและยุทธศาสตร์พรรคการเมือง จะขึ้นเวทีปราศรัยด้วยนั้น

จากเดิมในช่วงบ่าย พล.อ.ประยุทธ์ จะเดินไปศูนย์ผ้าไหม อ.ปักธงชัย เพื่อเป็นประธานทำพิธีปักธงชัยชนะ พร้อมเยี่ยมชมศูนย์ผ้าไหมและพบปะประชาชน อ.ปักธงชัย และเดินทางต่อไปยังศูนย์การศึกษาดินเผาด่านเกวียน เพื่อเยี่ยมชมศูนย์เครื่องปั้นดินเผาและพบปะประชาชน ก่อนสักการะ ศาลเจ้าปู่ย่า ที่สมาคมจีนหลักเสียงเซียงตึ้ง จ.นครราชสีมา และเป็นประธานประกอบพิธีบวงสรวงท้าวสุรนารี (ย่าโม) ก่อนที่เวลา 18.30 น. จะขึ้นเวทีปราศรัยใหญ่

'กรมศุลฯ' จับมือ 'ตร.' เตรียมทำลายบุหรี่ไฟฟ้า ทลายโกดังสินค้าละเมิดลิขสิทธิ์ มูลค่า 150 ล้านบาท!!

(23 ก.พ. 66) ที่อาคารสโมสร ศุลกากร กรมศุลกากร นายพันธ์ทอง ลอยกุลนันท์ รองอธิบดีกรมศุลกากร รักษาราชการในตำแหน่งที่ปรึกษาด้านการพัฒนา และบริหารการจัดเก็บภาษี ในฐานะโฆษกกรมศุลกากร พร้อมด้วย พล.ต.ต.ชัชปัณฑกาณฑ์ คล้ายคลึง ผบก.สอท.1 และหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง ร่วมกันแถลงผลการทำลายบุหรี่ไฟฟ้าของกลางที่คดีสิ้นสุด และผลการตรวจยึดสินค้าละเมิดเครื่องหมายการค้า พร้อมของกลาง น้ำยา-อุปกรณ์บุหรี่ไฟฟ้าจำนวนมาก รวมมูลค่ากว่า 72 ล้านบาท และสินค้าแบรนด์เนม อาทิ กระเป๋า, เสื้อผ้า, พรม, รองเท้า, น้ำหอม แบรนด์ดัง รวมมูลค่าความเสียหายทางเศรษฐกิจกว่า 150 ล้านบาท

นายพันธ์ทอง ลอยกุลนันท์ รองอธิบดีกรมศุลกากร รักษาราชการในตำแหน่งที่ปรึกษาด้านการพัฒนา และบริหารการจัดเก็บภาษี ในฐานะโฆษกกรมศุลกากร เปิดเผยว่า...

คดีแรก คือ การระดมการกวาดล้างบุหรี่ไฟฟ้า และทำลายของกลางในความผิดตามกฎหมายศุลกากรที่คดีสิ้นสุดแล้ว มูลค่ากว่า 72 ล้านบาท โดยก่อนหน้านี้ กรมศุลกากรทำงานร่วมกับกองบังคับการปราบปรามการกระทำความผิดเกี่ยวกับอาชญากรรมทางเศรษฐกิจ และกองบัญชาการตำรวจสืบสวนสอบสวนอาชญากรรมทางเทคโนโลยี

ได้จับกุมและตรวจยึดสินค้าจากห้างร้าน ทั้งขนาดเล็กและขนาดใหญ่ รวมถึงโกดัง ซึ่งประกอบด้วย เครื่องบุหรี่ไฟฟ้า น้ำยาบุหรี่ไฟฟ้า หัวบุหรี่ไฟฟ้าที่ใช้สำหรับดูด และอุปกรณ์อื่น ๆ ที่มีการลักลอบนำเข้ามาในประเทศไทยมาโดยตลอด และมีการดำเนินคดีจนถึงที่สุด ซึ่งของกลางดังกล่าวตกเป็นของแผ่นดินและรอการทำลาย โดยของกลางที่นำไปทำลายครั้งนี้ ประกอบด้วย เครื่องบุหรี่ไฟฟ้า น้ำยาบุหรี่ไฟฟ้า หัวบุหรี่ไฟฟ้าที่ใช้สำหรับดูด และอุปกรณ์อื่น ๆ รวมทั้งสิ้น 874,535 ชิ้น มูลค่าความเสียหาย 72,019,523.46 บาท

‘บี พุทธิพงษ์’ พร้อมดัน ‘คนรุ่นใหม่’ สู่ถนนการเมือง พร้อมระบุสเป็กชัดเจน ต้อง ‘จงรักภักดี-เชิดชูสถาบัน’

(23 ก.พ.66) นายพุทธิพงษ์ ปุณณกันต์ หัวหน้าทีม กทม.พรรคภูมิใจไทย (ภท.) กล่าวผ่านรายการ ‘พรรคภูมิใจไทย พูดแล้วทำ’ เผยแพร่ทางเฟซบุ๊ก ยูทูบ และ TikTok พรรคภูมิใจไทย ถึงจุดยืนของพรรคภูมิใจไทย ต่อการส่งเสริมเยาวชนคนรุ่นใหม่ ว่า พรรคภูมิใจไทยเชื่อว่าพี่น้องประชาชนทั้งประเทศอยากได้การเปลี่ยนแปลง อยากเห็นคนรุ่นใหม่ ๆ เข้ามาในแวดวงการเมือง เราพูดกันอยู่เสมอว่าเมื่อไหร่เราจะมีนักการเมืองรุ่นใหม่ๆ หรือนักการเมืองน้ำดี เป็นสิ่งที่ตนได้ยินมาตั้งแต่เด็กๆ และเชื่อว่าเรื่องนี้อยู่ในใจคนทุกคน

นายพุทธิพงษ์ กล่าวต่อว่า จนวันนี้ตนได้มีโอกาสนำเสนอคนรุ่นใหม่ที่มีความรู้ความสามารถจากหลากหลายสาขาวิชาชีพ ทั้งนักกฎหมาย นักการแพทย์ และนักการตลาด เป็นต้น กับพรรคภูมิใจไทย และพรรคภูมิใจไทยก็ให้โอกาสพวกเขามาเป็นทางเลือก มาเป็นนักการเมืองน้ำดีให้กับคน กทม. โดยบางคนเป็นนักเรียนทุนรัฐบาลที่อยากจะทดแทนคุณแผ่นดินที่ให้โอกาสเขาได้ไปเล่าเรียนถึงต่างประเทศ

'เพื่อไทย' เตรียมปราศรัย เชียงใหม่-เชียงราย 24-25 ก.พ.นี้ แง้ม!! ประกาศ 'นโยบายชุดใหญ่' หลังจากยุบสภาฯ

(23 ก.พ. 66) ที่พรรคเพื่อไทย (พท.) นายณัฐวุฒิ ใสยเกื้อ ผอ.ครอบครัวเพื่อไทย แถลงข่าวการลงพื้นที่ปราศรัย จ.เชียงรายและเชียงใหม่ในวันที่ 25-26 ก.พ.นี้ว่า ในวันที่ 25 ก.พ. พรรคเพื่อไทยจะลงพื้นที่พบปะประชาชนและเปิดปราศรัยใหญ่ที่จ.เชียงราย นำโดย นพ.ชลน่าน ศรีแก้ว หัวหน้าพรรค น.ส.แพทองธาร ชินวัตร ประธานคณะที่ปรึกษาด้านการมีส่วนร่วมและนวัตกรรม และหัวหน้าครอบครัวเพื่อไทย นายจาตุรนต์ ฉายแสง กรรมการยุทธศาสตร์และทิศทางการเมือง นายอดิศร เพียงเกษ โฆษกผู้นำฝ่ายค้านในสภาฯ และตน โดยในช่วงเช้าจะไปพบปะผู้ประกอบการในพื้นที่ และประชาชนที่จุดผ่านแดนถาวร อ.แม่สาย จ.เชียงราย จากนั้นจะเปิดปราศรัยใหญ่ที่รร.ปล้องวิทยาคม อ.เทิง จ.เชียงราย โดยเวทีจะเริ่มตั้งแต่เวลา 17.00 น. - 18.30 น. โดยหลังจากปราศรัยเสร็จสิ้น พรรคเพื่อไทยจะลงพื้นที่ถนนคนเดิน อ.เมือง จ.เชียงรายด้วย

นายณัฐวุฒิ กล่าวต่อว่า ในวันที่ 26 ก.พ.เดินทางไปยังจ.เชียงใหม่ โดยในช่วงเช้าจะไปพบผู้ประกอบการท่องเที่ยวและพี่น้องชาวชาติพันธุ์ที่ม่อนแจ่ม อ.แม่ริม จ.เชียงใหม่ และในช่วงบ่ายจะเดินทางไปที่ศูนย์เฝ้าระวังฝุ่น PM 2.5  ช่วงเย็นจะเป็นการเปิดเวทีปราศรัยใหญ่ที่สวนเฉลิมพระเกียรติ 80 พรรษา อ.เมือง จ.เชียงใหม่ 

ทั้งนี้ ขอขอบคุณพี่น้องประชาชนที่ให้การตอบรับอย่างเนืองแน่นล้นหลาม จากการลงพื้นที่ปราศรัยใหญ่ในหลายจังหวัดที่ผ่านมา มีผู้คนที่มาเข้าร่วมรับฟังการปราศรัยจำนวนมาก ส่วนกรณีที่มีการเผยแพร่ภาพผู้คนจำนวนไม่มากหน้าเวที หรือพี่น้องออกจากเวทีขณะที่เวทียังไม่จบนั้น ขอเรียนให้ทราบว่าเราเล็งเห็นและเข้าใจความพยายามนี้ แต่ความจริงต้องเป็นความจริง ทุกเวทีปราศรัยของพรรคเพื่อไทย แม้กระทั่งในพื้นที่ภาคใต้ ซึ่งได้รับการตอบรับจากประชาชนอย่างดี มีตัวชี้วัดหลายประการ เช่น ผลการสำรวจของสำนักโพลที่ได้มาตรฐาน ชี้ตรงกันว่าแคนดิเดตนายกฯ ของพรรคพท.ยกระดับสูงขึ้นอย่างมีนัยยะสำคัญ พรรคพท.เชื่อมั่นว่าหลังยุบสภาเมื่อประกาศนโยบายชุดใหญ่ คะแนนนิยมของทั้งพรรคและว่าที่แคนดิเดตนายกฯ จะพุ่งทะยานสูงขึ้นมากขึ้นไปกว่านี้

ส่อง ‘13 พรรคการเมือง’ ที่ส่งผู้สมัคร ส.ส. มากกว่า 40 จังหวัด

ข้อมูลจาก สำนักงานคณะกรรมการการเลือกตั้ง เมื่อวันที่ 22 ก.พ.66 ระบุว่า พรรคกการเมืองที่ส่งผู้สมัคร ส.ส. มากกว่า 40 จังหวัด มีด้วยกันทั้งหมด 13 พรรค ได้แก่ พรรครวมไทยสร้างชาติ 77 จังหวัด, พรรคก้าวไกล 76 จังหวัด, พรรคประชาธิปัตย์ 75 จังหวัด, พรรคภูมิใจไทย 75 จังหวัด, พรรคเพื่อไทย 75 จังหวัด, พรรคเสรีรวมไทย 68 จังหวัด, พรรคคลองไทย 59 จังหวัด, พรรคเศรษฐกิจไทย 56 จังหวัด, พรรคไทยสร้างไทย 47 จังหวัด, พรรคโอกาสไทย 45 จังหวัด, พรรคพลังประชารัฐ 44 จังหวัด, พรรคไทยภักดี 42 จังหวัด และพรรคยุทธศาสตร์ชาติ 42 จังหวัด

'ลุงหนู' ควง 'บี พุทธิพงษ์' ลงพื้นที่เขตวังทองหลาง ขายนโยบาย 'ดูแลคนกรุง' ทุกเพศทุกวัย ตลอด 24 ชม.

เมื่อวานนี้ (22 ก.พ.66) นายอนุทิน ชาญวีรกูล หัวหน้าพรรคภูมิใจไทย พร้อมด้วยนายพุทธิพงษ์ ปุณณกันต์ หัวหน้าทีม กทม. นายศุภชัย ใจสมุทร ส.ส.บัญชีรายชื่อ นายทะเบียนพรรคภูมิใจไทย นางสาวอนุสรี ทับสุวรรณ อดีต ส.ส.และอดีตเลขาธิการผู้ว่ากทม. กษิดิ์เดช ชุติมันต์ ว่าที่ผู้สมัครของพรรค เขตลาดพร้าว ลงพื้นที่พบปะประชาชน ที่หมู่บ้านเสนานิเวศน์โครงการ 1 เขต 12 ลาดพร้าว วังทองหลาง กทม. 

โดยระหว่างที่คณะทักทายประชาชนบริเวณสวนสุขภาพภายในชุมชน ได้พบกับนายพิเชฎฐ์ ศุขแพทย์ ซึ่งมาแนะนำตัวว่า ขอเป็นตัวแทนผู้สูงวัยในพื้นที่ และเป็นอดีตนักดนตรีวงรอยัลสไปรท์ เข้ามาสอบถามเรื่องเนื้อหาของนโยบายกองทุนประกันชีวิต ซึ่งทางพรรคเคยหาเสียงไปก่อนหน้านี้

นายอนุทิน ได้ชี้แจงรายละเอียดของกองทุน ว่าเป็นการให้สิทธิกู้เงินแก่ผู้มีอายุ 60 ขึ้นไป ใช้ดูแลตัวเอง ในวงเงิน 20,000 บาท โดยไม่ต้องมีผู้ค้ำประกัน แต่จะใช้กรมธรรม์ประกันชีวิต ที่รัฐบาล จัดทำให้ ค้ำประกันตัวเอง ซึ่งในวันที่จากไป ผู้สูงวัยจะได้ไม่สร้างภาระให้ลูกหลาน ทุกคนจะมีมรดกให้ลูกหลาน ทายาท และครอบครัว รายละ 100,000 บาท หลังการพูดคุยประมาณ 15 นาที อดีตสมาชิกวงดนตรีชื่อดังได้กล่าวชื่นชมนายอนุทิน และพรรคภูมิใจไทย ที่มีนโยบายซึ่งให้ความสำคัญกับผู้สูงอายุ

จากนั้น นายอนุทิน ขึ้นเวทีปราศรัย ระบุว่า พรรคภูมิใจไทย แม้จะไม่เคยมี ส.ส.ใน กทม. แต่เราก็ทำงานให้คนกรุงเทพมาตลอด ตอนที่กรุงเทพมีปัญหาเรื่องการรับวัคซีน ก็ได้ขอความร่วมมือกับหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง ให้สถานีกลางบางซื่อเป็นศูนย์ฉีดให้ ตอนที่ ชาว กทม. มีปัญหาเรื่องจำนวนผู้ป่วยโควิด-19 ได้สร้างโรงพยาบาลสนามบุษราคัม มาแบ่งเบาภาระ กทม. นอกจากนั้น ในเรื่องคมนาคม ก็ได้เชื่อมต่อเครือข่ายรถไฟทั้งบนดิน และใต้ดิน จนครอบคลุมการให้บริการ เมื่อมีปัญหาเรื่องฝุ่น PM2.5 ก็ได้จัดหารถเมล์ไฟฟ้ามาให้บริการนับพันคัน 

นอกจากนั้น ยังมีเรื่องค่าโง่ ที่เราพยายามสางปัญหา นำงบมาใช้ดูแลประชาชน

นายอนุทิน ย้ำว่า เราเป็นพรรคการเมืองที่พูดแล้วทำ กับกรุงเทพฯ ทางพรรคภูมิใจไทยเราต้องการจะเข้ามารับใช้พี่น้องประชาชน เราไม่เคยมองข้ามพวกท่านเลย แต่ขอให้พวกท่านให้โอกาส และเราจะทำงานรับใช้ท่านอย่างเต็มที่แน่นอน เรามีประสบการณ์ เรามีความสามารถ เรามีผลงานทั่วประเทศ และเราอยากนำความรู้ของเรามาอาสารับใช้ชาวกรุงเทพฯ พรรคเรา ถ้าไม่มีอะไรเลย คุณพุทธิพงษ์ ไม่มีทางมาร่วมงานกับเรา แต่เพราะพรรคเราพูดจริง ทำจริง มีผลงาน คุณบีถึงมาอยู่ตรงนี้ กับภูมิใจไทย

นายอนุทิน ระบุว่า พรรคภูมิใจไทย ขอไม่เข้าร่วมกับความขัดแย้ง จะมุ่งทำงาน การหาเสียง ก็จะนำเสนอนโยบาย ไม่พูดกระทบกระเทียบใคร ขอนำเสนอผลงานดีกว่า ซึ่งมั่นใจว่ามีมากพอให้พี่น้องประชาชน ชาว กทม. ได้พิจารณา

ด้านนายพุทธิพงษ์ ได้ย้ำถึงผลงานความสำเร็จของนายอนุทิน โดยเฉพาะการบริหารจัดการสถานการณ์โควิด-19 ระบาดในช่วงที่ผ่านมา พร้อมย้ำถึงนโยบายดูแลคนกรุงเทพมหานคร ทุกวัน ทุกเวลา และครอบคลุมทุกวัย หรือ ‘ภูมิใจกรุงเทพฯ 24/7’ เพื่อแก้ไขปัญหาให้คนกรุงเทพฯ โดยยึดหลักการเพิ่มรายได้ ลดรายจ่าย ให้โอกาส

'ชูวิทย์' เร่งเดินหน้าปิดเกม 'สารวัตรซัว' แฉ!! ไม่เคยทำงาน แต่เบิกเบี้ยเลี้ยง-โอที

(22 ก.พ. 66) นายชูวิทย์ กมลวิศิษฎ์ อดีตนักการเมืองและนักธุรกิจกลางคืน ซึ่งเป็นผู้ออกมาเปิดโปงเกี่ยวกับ 'ทุนจีนสีเทา' และเว็บพนันออนไลน์จนแตกกระเจิง ได้โพสต์ข้อความผ่านเฟซบุ๊ก 'ชูวิทย์ กมลวิศิษฎ์' มีเนื้อหาดังนี้...

แนวรับพนันออนไลน์

หลังจากผมจัดลำดับประเภท 'พนันออนไลน์' โดยจำแนกเงินทุนหมุนเวียนของแต่ละเจ้า เกิดอาการวงแตกกระเจิงคนละทิศคนละทาง บรรดาโปรแกรมเมอร์ไปพักร้อนต่างประเทศกันเป็นแถว ต้องขออภัย ผมไม่ได้ 'ตีกิน' ระดับผมไม่จำเป็นต้องพึ่งเงินพนันยังชีพ

แต่หากใครจะกิน 'ตามน้ำ' ผมก็รู้ว่ามันเป็น 'ธรรมเนียม' ไทย ๆ จะให้จัดการทีเดียวคงยาก เช่น ของไอ้ซัว ทำทั้งเว็บพนัน สล็อต คอลเซ็นเตอร์ มีในเครือข่ายประมาณ 300 เว็บ เอากันง่าย ๆ จ่ายเว็บละ 30,000-50,000 บาท แล้วแต่เว็บไหนเป็นที่นิยม เดือนนึงตกประมาณ 10 กว่าล้าน

ค่าธรรมเนียมนี้จ่ายถึงใคร แผนกใด แม้ไม่มีใบกำกับภาษีมาแสดง แต่รู้อยู่ว่าแบ่งกันอย่างไร ใครรับ? ซัวดูแลทุกเดือน จะยอมละชามข้าวเดือนละ 10 ล้านไหวหรือ?

“เดี๋ยวชูวิทย์ก็หมดแรงไปเอง”

นี่ไม่ใช่คำพูดที่ผมไปเสกสรรปั้นแต่ง แต่เป็นคำพูดของซัวส่งไลน์ผ่านคนใกล้ชิด ได้เห็นได้อ่านกับตา รู้ซึ้งว่าเกมนี้ไม่ธรรมดา แม้ผมจะเข้าวัยเลยเกษียณ แต่ยังมีเขี้ยวเล็บ แต่ก่อนสังคมไม่เคยได้ยินชื่อ 'สารวัตรซัว' ผมจี้เอามันมาขึ้นเขียงว่าเป็น 'นายตำรวจ' และเป็น 'นายบ่อน' ด้วย ควบสองตำแหน่งอย่างนี้ไม่ไหว จนท่าน ผบ.ตร. เด่นเห็นด้วยกับผม จัดการฟันให้ออกจากราชการทันที

ผมเพิ่งมารู้เอาทีหลังว่า 'ซัว' ไม่เคยไปทำงานตำรวจ แต่ยังเสือกเบิกเบี้ยเลี้ยงโอทีอีกต่างหาก จะไปยกให้ใครไม่ทราบได้ แต่เป็นภาษีของประชาชนอย่างผมแน่นอน ที่ผมพูดเพราะไม่มีใครพูด

TIME TO CHANGE เมื่อประเทศเปลี่ยนไป

หากใครเคยผ่านไปบริเวณสะพานพระพุทธยอดฟ้า เขตพระนคร คงคุ้นเคยกันดีว่า ยังมีอีกหนึ่งสะพานที่ตั้งอยู่คู่ขนานกัน นั่นคือ สะพานพระปกเกล้า หรือที่หลายคนเรียกสั้นๆ ว่า สะพานพระปก 

บริเวณสะพานพระปกเกล้า ยังมีสะพานที่ถูกสร้างมาด้วยกันตั้งแต่ปี 2527 เพื่อรองรับโครงการรถไฟฟ้าลาวาลิน แต่ต่อมาเมื่อโครงการถูกระงับ สะพานจึงไม่ถูกสร้างต่อ ไม่มีทางขึ้นและทางลง และถูกปล่อยร้างไม่ได้ใช้งานมากว่า 30 ปี จนถูกเรียกขานว่าเป็น 'สะพานด้วน'

ต่อมากรุงเทพมหานครได้ดำเนินโครงการปรับปรุงภูมิทัศน์ทางสัญจรบนโครงสร้างสะพานข้ามแม่น้ำเจ้าพระยา เป็นเหตุให้บริเวณช่องกลางสะพานพระปกเกล้า หรือที่เรียกว่า สะพานด้วน ได้รับการบูรณะขึ้นใหม่ กระทั่งกลายเป็นสวนสาธารณะลอยฟ้าที่เชื่อมการสัญจรฝั่งธนบุรีเข้ากับฝั่งพระนคร

และถูกเรียกขานกันภายใต้ชื่อว่า 'พระปกเกล้าสกายปาร์ค' หรือสวนลอยฟ้าเจ้าพระยา ซึ่งเหมือนเป็นการ 'ชุบชีวิต' สะพานร้างที่ไร้ประโยชน์ ให้กลับมามีชีวิตอีกครั้ง แถมยังกลายเป็นแลนด์มาร์คของคนกรุงเทพอีกแห่งหนึ่ง ให้ได้มาใช้ประโยชน์ ทั้งการสัญจร การออกกำลังกาย หรือแม้แต่ได้พักผ่อนหย่อนใจท่ามกลางวิวสวยริมแม่น้ำเจ้าพระยา

'มิ่งขวัญ' ผุดไอเดีย 'น้ำมันปชช.' หวังปรับลดราคาน้ำมัน แบ่งเบาภาระคนไทย ลั่น!! ทําทันทีเมื่อได้เป็นรัฐบาล

(22 ก.พ. 66) ที่พรรคพลังประชารัฐ (พปชร.) นายมิ่งขวัญ แสงสุวรรณ์ สมาชิกพรรค ในฐานะคณะกรรมการขับเคลื่อนนโยบายพรรค พปชร. แถลงผลประชุมคณะกรรมการฯ ถึงแนวคิดเรื่อง ลดราคาพลังงาน ว่า ที่ประชุมเห็นด้วยกับแนวคิดดังกล่าว และ พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ์ รองนายกรัฐมนตรี ในฐานะหัวหน้าพรรค พปชร. ได้มอบให้ตนมาพูดเพื่อทำความเข้าใจกับประชาชนในเบื้องต้นก่อน เมื่อได้ข้อสรุปแล้ว พล.อ.ประวิตร จะแถลงให้ทราบต่อไป

ก่อนหน้านี้ ตนได้รับมอบหมายจาก พล.อ.ประวิตร ให้ไปศึกษาในเรื่องราคาพลังงาน ว่าจะสามารถปรับลดลงเพื่อช่วยประชาชนได้ในทางใดบ้าง เพราะราคาน้ำมันเป็นอีกหนึ่งปัจจัยหลัก ที่จะสามารถแก้ปัญหาเรื่องปากท้องให้กับคนไทยได้ โดยจะใช้ชื่อนโยบาย ว่า 'น้ำมันประชาชน'

นายมิ่งขวัญ กล่าวว่า เรามีแนวคิดที่จะมีการเปลี่ยนแปลงด้วยการรื้อโครงสร้างราคาน้ำมัน โดยจะปรับลด 1 ปี นับตั้งแต่เราเป็นรัฐบาล และเมื่อเป็นรัฐบาลแล้วช่วง 3-4 เดือนแรก จะมีคณะกรรมการขึ้นมาปรับโครงสร้างใหญ่ คือ ภาค 2 ที่จะดำเนินการ ซึ่งการปรับลดสามารถทำได้ เมื่อเราเป็นรัฐบาล เพื่อลดรายจ่าย ค่าเดินทาง การขนส่งสินค้า ที่สำคัญที่สุดคือ ลดต้นทุนการผลิตสินค้าทุกขั้นตอน ลดอัตราเงินเฟ้อ และจะทำให้ราคาสินค้า อุปโภคบริโภคของประชาชนถูกลง หากโครงสร้างถูกปรับเปลี่ยน จะสามารถลดราคาน้ำมันเบนซิน ลงได้ประมาณลิตรละ 18 บาท และลดราคาน้ำมันดีเซล ลงประมาณลิตรละ 6 บาท

'พปชร.' เปิดตัวผู้สมัคร ส.ส. อีสาน-เหนือ-กลาง-ใต้ เสริมฐาน 4 ภาค หวังเชื่อมพรรคกับประชาชน

(22 ก.พ. 66) ที่พรรคพลังประชารัฐ (พปชร.) นายสันติ พร้อมพัฒน์ รมช.คลัง ในฐานะเลขาธิการพรรค, นายไพบูลย์ นิติตะวัน ส.ส.บัญชีรายชื่อ ในฐานะรองหัวหน้าพรรค นายวิรัช รัตนเศรษฐ ส.ส.บัญชีรายชื่อ รองหัวหน้าพรรค แถลงเปิดตัว ว่าที่ผู้สมัคร ส.ส.พรรค พปชร ภาคอีสาน, ภาคเหนือ, ภาคกลาง และภาคใต้ 10 จังหวัด 15 คน

ภาคอีสาน
จังหวัดอุบลราชธานี ได้แก่ 1.) นายเข็มทอง แก้วเนตร เขต 5 2.) นายนิวัฒน์ จำปาทอง เขต 9 3.) นายศุภโชค ฐานเจริญ เขต 10 4.) นายยิ่ง ภูผา เขต 11
จังหวัดสุรินทร์ ได้แก่ 5.) นายมานพ แสงดำ เขต 2 
จังหวัดหนองบัวลำภู ได้แก่ 6.) นางศรัณยา สุวรรณพรหม เขต 1

ภาคเหนือ
จังหวัดเชียงราย ได้แก่ 7.) นายพิษณุ เขื่อนเพชร เขต 1 8.) นายวัชรพงศ์ ปิโย เขต 2
จังหวัดเชียงใหม่ ได้แก่ 9.) นายบดินทร์ กินาวงศ์ เขต 8
จังหวัดนครสวรรค์ ได้แก่ 10.) นายสุชาติ ไตรแสงรุจิระ เขต 1
จังหวัดเพชรบูรณ์ ได้แก่ 11.) นายวรโชติ สุคนธ์ขจร เขต 4

ตำรวจไซเบอร์ เตือนภัยช่วงนี้ มัลแวร์เรียกค่าไถ่ (Ransomware) กลับมาระบาด

พ.ต.อ.กฤษณะ พัฒนเจริญ โฆษก กองบัญชาการตำรวจสืบสวนสอบสวนอาชญากรรมทางเทคโนโลยี (บช.สอท.) ขอเรียนประชาสัมพันธ์เตือนภัยระวังตกเป็นเหยื่อ Ransomware หรือมัลแวร์เรียกค่าไถ่ ดังนี้

ในปัจจุบันที่เทคโนโลยีได้พัฒนาไปอย่างรวดเร็ว แต่ในอีกมุมหนึ่งมิจฉาชีพก็พัฒนาการหลอกลวงในรูปแบบใหม่ๆ และซับซ้อนมากยิ่งขึ้นเช่นกัน Ransomware หรือที่เรียกกันว่า มัลแวร์เรียกค่าไถ่ เป็นมัลแวร์ประเภทหนึ่งที่จะเข้ามาล็อกข้อมูลผู้ใช้งาน ไม่ว่าจะเป็นไฟล์เอกสาร รูปภาพ วิดีโอ จนทำให้ไม่สามารถเปิดไฟล์ใดๆ ได้ โดยหากต้องการกู้ข้อมูลคืนมา จะต้องจ่ายเงินค่าไถ่ตามที่ผู้โจมตี หรือมิจฉาชีพเรียกร้อง จำนวนเงินค่าไถ่ก็จะแตกต่างกันไป และการชำระเงินจะต้องชำระผ่านระบบที่มีความยากต่อการตรวจสอบ หรือติดตาม เช่น การโอนเงินผ่านทางอิเล็กทรอนิกส์, การชำระเงินออนไลน์แบบเติมเงินโดยใช้บัตรกำนัล (Paysafecard), เงินสกุลดิจิทัล เป็นต้น

ในช่วงที่ผ่านมาพนักงานสอบสวน บช.สอท. ได้รับแจ้งความร้องทุกข์จากผู้เสียหายว่า บริษัทของผู้เสียหายได้รับความเสียหายจากการถูมัลแวร์เรียกค่าไถ่ (Ransomware) ถูกล็อกไฟล์ข้อมูล ไม่สามารถเข้าถึงและใช้งานได้ มีการเรียกค่าไถ่เป็นบิตคอยน์ (Bitcoin) มูลค่าหลายล้านบาท กรณีดังกล่าว บช.สอท. ได้ร่วมกับ สำนักงานคณะกรรมการการรักษาความมั่นคงปลอดภัยไซเบอร์แห่งชาติ (สกมช.) ได้ทำการตรวจสอบและวิเคราะห์ในเบื้องต้นพบว่า คอมพิวเตอร์บริษัทของผู้เสียหายถูกโจมตีด้วย Faust Virus หรือ Ransomware ซึ่งได้รับการออกแบบมาโดยเฉพาะเพื่อป้องกันไม่ให้เหยื่อเข้าถึงข้อมูลของตนเอง โดยแผนประทุษกรรมของคนร้ายจะ สร้างมัลแวร์ที่มีลักษณะการทำงานแบบเข้ารหัส หรือล็อกไฟล์ ไม่ว่าจะเป็นไฟล์เอกสาร รูปภาพ วิดีโอ ผู้ใช้งานจะไม่สามารถเปิดไฟล์ได้ จนกว่าจะได้รับรหัส หรือคีย์ที่ใช้ในการปลดล็อกไฟล์

ทั้งนี้ กรณีดังกล่าวน่าจะมาจากช่องทางต่างๆ ไม่ว่าจะเป็นการแฝงมาในรูปแบบเอกสารแนบมากับอีเมล โดยการสร้างเว็บไซต์ปลอม หรืออีเมลปลอม แล้วส่งข้อมูลมาในรูปเอกสารที่ใช้ไฟล์ .doc หรือ .xls แต่ความจริงคือเป็นไฟล์ '.doc .exe' หรือแฝงตัวมาในรูปแบบของโฆษณา (Malvertising) โดยการโฆษณาไปยังบริษัทเป้าหมาย ซึ่งส่วนใหญ่จะเป็นหน่วยงานราชการ รัฐวิสาหกิจ หรือบริษัทขนาดใหญ่ที่มีความสามารถในการจ่ายเงินค่าไถ่ หรืออาจจะเกิดจากบุคคลในองค์กรเองที่ไปคลิกลิงก์ที่คนร้ายส่งมา ทำให้มัลแวร์ดังกล่าวติดตั้งตัวเองในระบบแล้วทำการเข้ารหัส หรือล็อกไฟล์ทั้งหมด จากนั้นจะมีข้อความเตือนที่หน้าจอให้ติดต่อกลับไป คนร้ายมักจะเรียกเป็นสกุลเงินดิจิทัล หากไม่ยอมจ่ายคนร้ายจะข่มขู่ว่าจะทำลายไฟล์ทั้งหมด หรือนำไปเปิดเผยต่อไป

ตามนโยบายของรัฐบาล โดย พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี และรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม และสำนักงานตำรวจแห่งชาติ โดย พล.ต.อ.ดำรงศักดิ์ กิตติประภัสร์ ผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ พล.ต.อ.ต่อศักดิ์ สุขวิมล รองผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ ซึ่งรับผิดชอบงานในด้านการป้องกันปราบปราม ได้ให้ความสำคัญ และมีความห่วงใยต่อภัยออนไลน์ที่สร้างความเสียหายให้กับประชาชน องค์กร หน่วยงานต่างๆ โดยเฉพาะอย่างยิ่งที่เกี่ยวข้องกับการเข้าถึงระบบคอมพิวเตอร์โดยมิชอบ การเรียกค่าไถ่ทางคอมพิวเตอร์ (Ransomware) โดยได้กำชับไปยังหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง เร่งวางมาตรการในการป้องกันและปราบปรามการกระทำความผิดในโลกออนไลน์ทุกรูปแบบอย่างต่อเนื่อง และจริงจัง

ที่ผ่านมา กองบัญชาการตำรวจสืบสวนสอบสวนอาชญากรรมทางเทคโนโลยี โดย พล.ต.ท.วรวัฒน์ วัฒน์นครบัญชา ผบช.สอท. ได้ขับเคลื่อนตามนโยบายของรัฐบาล และสำนักงานตำรวจแห่งชาติ ในการป้องกันและปราบปรามการกระทำความผิดในโลกออนไลน์ทุกรูปแบบ มุ่งเน้นการประชาสัมพันธ์สร้างการรับรู้ให้แก่ประชาชน หน่วยงานไม่ให้ตกเป็นเหยื่อของมิจฉาชีพ

การกระทำลักษณะดังกล่าวเข้าข่ายเป็นความผิดฐาน “ ข่มขืนใจผู้อื่นให้กระทำการใด ไม่กระทำการใด หรือจำยอมต่อสิ่งใด โดยทำให้กลัวว่าจะเกิดอันตรายต่อชีวิต ร่างกาย เสรีภาพ ชื่อเสียงหรือทรัพย์สินของผู้ถูกข่มขืนใจนั้นเองหรือของผู้อื่น มีโทษจำคุกไม่เกิน 3 ปี หรือปรับไม่เกิน 60,000 บาท หรือทั้งจำทั้งปรับ และความผิดฐานเข้าถึงโดยมิชอบซึ่งข้อมูลคอมพิวเตอร์ที่มีมาตรการป้องกันการเข้าถึงโดยเฉพาะ และมาตรการนั้นมิได้มีไว้สำหรับตน มีโทษจำคุกไม่เกิน 2 ปี ปรับไม่เกิน 40,000 บาท หรือทั้งจำทั้งปรับ ตาม พ.ร.บ.การกระทำความผิดเกี่ยวกับคอมพิวเตอร์ พ.ศ.2560 หรือกฎหมายอื่นๆ ที่เกี่ยวข้อง”


© Copyright 2021, All rights reserved. THE STATES TIMES
Take Me Top