Thursday, 23 January 2025
SPECIAL

‘พุทธิพงษ์’ ปลื้ม!! ปชช. ตอบรับภูมิใจไทยมากขึ้น หลังผลโหวต LINE Today นำขึ้นครองอันดับ 1

(17 ก.พ. 66) ‘พุทธิพงษ์’ ปลื้ม ปชช. ตอบรับภูมิใจไทยมากขึ้น ชี้ผลสำรวจ LINE Today มาอันดับหนึ่ง ย้ำไม่ประมาทเร่งทำการบ้าน หวังครองใจคนกรุงและทั่วประเทศ

นายพุทธิพงษ์ ปุณณกันต์ หัวหน้าทีม กทม. พรรคภูมิใจไทย กล่าวว่า เป็นเรื่องน่ายินดีที่ประชาชนตอบรับพรรคภูมิใจไทยมากขึ้น จากผลสำรวจหัวข้อ ‘เปิดโหวต เลือกตั้งปี’66 คุณจะลงคะแนนให้ ‘พรรคการเมือง’ ใด?’ ที่แอปพลิเคชัน LINE Today จัดทำขึ้น ล่าสุดเช้าวันนี้ มีประชาชนเข้ามาโหวตให้พรรคภูมิใจไทยเป็นอันดับหนึ่งถึง 2 หมื่นกว่าคะแนน คิดเป็นเกือบ 35% แต่เราก็ไม่ประมาท ขณะนี้เราทำการบ้านอย่างหนักทั้งคิดนโยบายและลงพื้นที่อย่างต่อเนื่องโดยเฉพาะใน กทม. เพื่อพิสูจน์ว่าที่ผ่านมาภูมิใจไทย ‘พูดแล้วทำ’ จริง

อย่างไรก็ตาม ผลสำรวจความคิดเห็นของประชาชนนั้นเปลี่ยนแปลงได้ตลอดเวลา แต่อย่างน้อยก็ทำให้เราได้เห็นแนวโน้มว่าประชาชนคิดอย่างไร เพื่อที่พรรคการเมืองจะได้นำไปพัฒนาปรับปรุงนโยบายและการทำงานต่อไป ตนเชื่อว่าท่ามกลางปัญหาต่าง ๆ ที่เกิดขึ้นในตอนนี้ พรรคภูมิใจไทยจะเป็นทางเลือกใหม่ที่นำความเปลี่ยนแปลงทั้งในเรื่องการเมือง เศรษฐกิจ สังคม ภายหลังจากสถานการณ์โควิดคลี่คลายได้อย่างแน่นอน

สำหรับผลการสำรวจหัวข้อ ‘เปิดโหวต เลือกตั้งปี 66 คุณจะลงคะแนนให้ ‘พรรคการเมือง’ ใด?’ จนถึงวันที่ 17 กุมภาพันธ์ 2566 เวลา 07.00 น. ปรากฏผลว่า…

‘ภูมิใจไทย’ ร่ายมนต์สะกด ‘มุกดาหาร’ ส่งว่าที่ผู้สมัคร 2 เขต ชูนโยบาย ‘พูดแล้วทำ’

(17 ก.พ.66) ผู้สื่อข่าวรายงานจาก จ.มุกดาหาร ว่า พรรคภูมิใจไทย (ภท.) โดยว่าที่ผู้สมัคร ส.ส. ได้ลงพื้นที่ต่อเนื่อง ซึ่งพรรคภูมิใจไทยมีว่าที่ผู้สมัคร คือ เขต 1 นายสุเทพย์ เซียสกุล อดีตนายกเทศมนตรีเมืองมุกดาหาร ส่วนเขต 2 คือ นายอภิพัฒพงศ์ พัฒนาเดชาสกุล หรือบิ๊กบอส อายุ 26 ปี 

ทั้งนี้ ในการลงพื้นที่ของนายอภิพัฒน์พงศ์ ได้รับการตอบรับจากประชาชนในพื้นที่เป็นอย่างดีและมีเสียงเชียร์พร้อมขอถ่ายรูปร่วม เอกลักษณ์ที่โดยเด่นอีกประการคือสามารถใช้ภาษาถิ่นได้หลายภาษาจึงเป็นที่สนใจและยอมรับ

'บิ๊กจ๋อ' ส่งทีมลาดตระเวนออนไลน์สืบนครบาล แกะรอย 'ตั้ม ร่มเกล้า' ยอดฝีมือโจรกรรม จยย. ทั่วเมืองกรุง นาน 2 เดือน ก่อนลุยถึงหอพักที่กบดาน ตะครุบตัวพร้อมของกลางเพียบ

(16 ก.พ. 66) พล.ต.ต.ธีรเดช ธรรมสุธีร์ ผบก.สส.บช.น. แถลงผลการปฏิบัติงานของ พ.ต.อ.วิชิต ถิรขจรวงศ์ ผกก.สส.1 บก.สส.บช.น. , พ.ต.ท.พีรบูรณ์ แก้วดู รอง ผกก.สส.1 บช.น. ,พ.ต.ท.เอกศิษฐ์ วรกิตติ์ฐากรณ์ รอง ผกก.สส.1 บช.น. ,พ.ต.ท.พัฒน์พงษ์ กื้อมะโน สว.กก.สส.1 บก.สส.บช.น. , พ.ต.ต.พิสิฐ เตชะ สว.กก.สส.1 บก.สส.บช.น. ,พ.ต.ต.คณิตนนท์ ถนอมศรี สว.กก.สส.1 บก.สส.บช.น. และเจ้าหน้าที่ชุดสืบสวนนครบาล เข้าจับกุมตัวนายบุญฤทธิ์ หรือตั้ม โชคสิริ อายุ 38 ปี อยู่บ้านเลขที่ 64 ม.5 ต.หนองนาแซง อ.เมืองชัยภูมิ จ.ชัยภูมิ 

ผู้ต้องหาตามหมายจับคดี “ลักทรัพย์ในเวลากลางคืน และทำด้วยประการอื่นเพื่อไม่ให้เห็นหน้า หรือจำหน้าได้” โดยจับตัวได้ ภายในหอพักพฤกษาเฮ้าส์ ห้องพักเลขที่ 106 ซอยเคหะร่มเกล้า 20 แขวงสองต้นนุ่น เขตลาดกระบัง กรุงเทพฯ พร้อมของกลาง เสื้อผ้าที่สวมใส่ขณะก่อเหตุจำนวนทั้งสิ้น 11 ตัว คีบตัดเหล็กที่ใช้ตัดดิสล็อคล้อ หรือ สายเหล็กคล้องล้อ ค้อน ไขควง คัดเตอร์ ที่ใช้งัดแงะรถคันประทุษร้าย สายไฟต่อตรง 5 เส้นกุญแจรถมอเตอร์ไซคันที่ถูกลัก 5 คัน ทะเบียนรถคันที่ถูกลักมาจำนวน 2 แผ่น แม่กุญแจที่ใช้คล้องล้อรถ 6 ดอก และเอกสารเกี่ยวกับรถที่ถูกลัก 7 คัน

พฤติการณ์สืบเนื่องจาก พล.ต.อ.ดำรงศักดิ์ กิตติประภัสร์ ผบ.ตร. ได้รับทราบสถิติการก่ออาชญากรรมของกลุ่มมิจฉาชีพที่ตระเวนก่อเหตุลักทรัพย์สินของชาวบ้านในปัจจุบันเพิ่มมากขึ้น โดยเฉพาะรถจักรยานยนต์ตามหอพัก และแฟลตตามชุมชนต่างๆทั่วกรุงเทพฯ จึงสั่งการให้ พล.ต.ท.ธิติ แสงสว่าง ผบช.น. พล.ต.ต.นพศิลป์ พูลสวัสดิ์ รอง ผบช.น. ซึ่งรับผิดชอบงานโจรกรรมรถ ทำการสืบสวนนครบาลติดตามตัวมาดำเนินคดีตามกฏหมายให้ทั้งขบวนการ จึงมอบหมายให้ พล.ต.ต.ธีรเดช ธรรมสุธีร์ ผบก.สส.บช.น. จัดวางแนวทางการป้องกันและปราบปราม

ตำรวจไซเบอร์ เรียนชี้แจงความคืบหน้าคดีแชร์ออมเงิน 'บ้านร่ำรวยเงินทองปี 4'

พ.ต.อ.กฤษณะ พัฒนเจริญ โฆษก กองบัญชาการตำรวจสืบสวนสอบสวนอาชญากรรมทางเทคโนโลยี (บช.สอท.) เรียนชี้แจงความคืบหน้าคดีแชร์ออมเงิน “บ้านร่ำรวยเงินทองปี 4” ดังนี้

ตามที่มีการนำเสนอข่าวผ่านสื่อสังคมออนไลน์ กรณีมีผู้เสียหายหลายรายเข้าพบพนักงานสอบสวน กองบัญชาการตำรวจสอบสวนกลาง (บช.ก.) แจ้งความร้องทุกข์ให้ดำเนินคดีกับนายวงแชร์ “บ้านร่ำรวยเงินทองปี 4” ที่ได้หลอกลวงชักชวนผู้เสียหายให้เล่นแชร์ออมเงิน เพื่อรับผลตอบแทนเป็นดอกเบี้ย ในอัตราสูงถึง 30 เปอร์เซ็นต์ของจำนวนเงินลงทุน ต่อมาพบความผิดปกติ มีสมาชิกวงแชร์รายใหม่เพิ่มขึ้นมาเรื่อยๆ ผู้เสียหายเชื่อว่านายวงแชร์หลอกลวงใช้สมาชิกที่ไม่มีตัวตนอยู่จริง หรือที่เรียกว่ามือผี มาทำการรับผลตอบแทน หรือเปียแชร์แทน ทำให้ได้รับความเสียหายรวมประมาณ 100 ล้านบาท นอกจากนี้ยังพบว่ามีการตั้งวงแชร์มากกว่า 10 วง ทั้งแบบรายวัน รายอาทิตย์ และรายเดือน มีวงเงินตั้งแต่ 10,000 ไปจนถึง 1,000,000 บาท อีกด้วย

จึงขอเรียนชี้แจงให้ทราบว่า จากการตรวจสอบมีผู้เสียหายบางส่วนแจ้งความผ่านระบบรับแจ้งความออนไลน์ที่ www.Thaipoliceonline.com โดยจากการวิเคราะห์ พบความเชื่อมโยงทางคดีมากกว่า 50 เรื่อง (Case ID) ซึ่งคาดว่าภายในต้นสัปดาห์ถัดไป ศูนย์ปราบปรามอาชญากรรมทางเทคโนโลยีสารสนเทศ สำนักงานตำรวจแห่งชาติ หรือ ศปอส.ตร. จะมีความเห็นเสนอผู้บังคับบัญชาตามลำดับชั้นไปยังผู้บริหารคดี ระดับสำนักงานตำรวจแห่งชาติ เพื่อพิจารณาสั่งการให้รวบรวม สั่งโอนสำนวนคดีไปยังพนักงานสอบสวนหน่วยที่รับผิดชอบทำการสอบสวน ตามคำสั่ง ตร.ที่ 468/65 เรื่องการรับแจ้งความและการบริหารคดีอาชญากรรมทางเทคโนโลยีผ่านระบบอิเล็กทรอนิกส์ฯ และดำเนินการในส่วนที่เกี่ยวข้องต่อไป

ตามนโยบายของรัฐบาล โดย พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี และรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม และสำนักงานตำรวจแห่งชาติ โดย พล.ต.อ.ดำรงศักดิ์ กิตติประภัสร์ ผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ พล.ต.อ.ต่อศักดิ์ สุขวิมล รองผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ ซึ่งรับผิดชอบงานในด้านการป้องกันปราบปราม ได้ให้ความสำคัญ และมีความห่วงใยต่อภัยการหลอกลวงประชาชนผ่านช่องทางสื่อสังคมออนไลน์  โดยเฉพาะอย่างยิ่งที่เกี่ยวข้องกับการชักชวนหลอกลวงลงทุนออนไลน์ การระดมทุนที่ผิดกฎหมาย โดยได้กำชับไปยังหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง เร่งวางมาตรการในการป้องกันและปราบปรามการกระทำความผิดในโลกออนไลน์ทุกรูปแบบอย่างต่อเนื่อง และจริงจัง

ที่ผ่านมา กองบัญชาการตำรวจสืบสวนสอบสวนอาชญากรรมทางเทคโนโลยี โดย พล.ต.ท.วรวัฒน์ วัฒน์นครบัญชา ผบช.สอท. ได้ขับเคลื่อนตามนโยบายของรัฐบาล และสำนักงานตำรวจแห่งชาติ ในการป้องกันและปราบปรามการกระทำความผิดในโลกออนไลน์ทุกรูปแบบ มุ่งเน้นการประชาสัมพันธ์สร้างการรับรู้ให้แก่ประชาชนไม่ให้ตกเป็นเหยื่อของมิจฉาชีพ

การกระทำลักษณะดังกล่าวเข้าข่ายเป็นความผิดฐาน “ฉ้อโกงประชาชน ตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 343 มีโทษจำคุกไม่เกิน 5 ปี ปรับไม่เกิน 100,000 บาท หรือทั้งจำทั้งปรับ, ความผิดตาม พ.ร.บ.การเล่นแชร์ พ.ศ.2534 มาตรา 6 มีโทษจำคุกไม่เกิน 6 เดือน หรือปรับไม่เกิน 100,000 บาท หรือทั้งจำทั้งปรับ และความผิดตาม พ.ร.ก.กู้ยืมเงินที่เป็นการฉ้อโกงประชาชนฯ ตามมาตรา 4, 5 ต้องระวางโทษจำคุกตั้งแต่ 5 ปี ถึง 10 ปี และปรับตั้งแต่ 500,000 ถึง 1,000,000 บาทและปรับอีกไม่เกินวันละ 10,000 บาท ตลอดระยะเวลาที่ยังฝ่าฝืนอยู่ ” หรือกฎหมายอื่นๆ ที่เกี่ยวข้อง ตามพฤติการณ์ในแต่ละกรณี

ผบ.เด่นสั่งสืบนครบาลแกะรอยรวบตั้ม ร่มเกล้ายอดฝีมือตัวลักรถจักรยานยนต์จำนวนมากทั่วเมืองกรุง

พล.ต.อ.ดำรงศักดิ์ กิตติประภัสร์ ผบ.ตร. ส่งทีมลาดตระเวนออนไลน์สืบนครบาลเฝ้าแกะรอยขบวนการลักรถจักรยานยนต์ตามหอพัก และแฟลตตามชุมชนต่างๆ ทั่วกรุงเทพฯ ตามนโยบายของพล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี กำชับให้ ตร.ดูแลประชาชนผู้หากินสุจริต และรักษาความสงบเรียบร้อยในสังคม เนื่องจากรถจักรยานยนต์เป็นเครื่องมือในการทำมาหากินของคนรากหญ้า โดยจากการสืบสวนภาพกล้องวงจรปิดพบมีวิธีการลักรถจักรยานยนต์ที่เป็นที่นิยมในท้องตลาด คือจะทำการถีบคอรถจักรยานยนต์ของผู้เสียหาย พร้อมทำการต่อสายตรง โดยการสืบสวนพบว่านายตั้ม ร่มเกล้าเป็นตัวลักมือฉมังตระเวนก่อเหตุลักรถจักรยานยนต์ทั่วเมืองกรุง พร้อมดำเนินการเร่ง พล.ต.ท.ธิติ แสงสว่าง ผบช.น. พล.ต.ต.นพศิลป์ พูลสวัสดิ์ รอง ผบช.น. รับผิดชอบงานโจรกรรมรถ ให้ สืบสวนนครบาลติดตามตัวมาดำเนินคดีตามกฏหมาย ทั้งขบวนการ

เมื่อวันที่ 16 กุมภาพันธ์ 2566 พล.ต.ต.ธีรเดช ธรรมสุธีร์ ผบก.สส.บช.น. พ.ต.อ.เกียรติศักดิ์ สระรองออย รอง ผบก.สส.บช.น. , พ.ต.อ.วรพจน์ รุ่งกระจ่าง รอง ผบก.สส.บช.น. , พ.ต.อ.วิชิต ถิรขจรวงศ์ ผกก.สส.1 บก.สส.บช.น. , พ.ต.ท.พีรบูรณ์ แก้วดู รอง ผกก.สส.1 บช.น. , พ.ต.ท.เอกศิษฐ์ วรกิตติ์ฐากรณ์ รอง ผกก.สส.1 บช.น. , พ.ต.ท.พัฒน์พงษ์ กื้อมะโน สว.กก.สส.1 บก.สส.บช.น. , พ.ต.ต.พิสิฐ เตชะ สว.กก.สส.1 บก.สส.บช.น. , พ.ต.ต.คณิตนนท์ ถนอมศรี สว.กก.สส.1 บก.สส.บช.น. และเจ้าหน้าที่ชุดสืบสวนนครบาล (บก.สส.บช.น.) นำกำลังสืบสวนติดตามจับกุมตัว นายบุญฤทธิ์ หรือตั้ม โชคสิริ อายุ 38 ปี อยู่บ้านเลขที่ 64 ม.5 ต.หนองนาแซง อ.เมืองชัยภูมิ จ.ชัยภูมิ ผู้ต้องหา ตามหมายจับในคดี “ลักทรัพย์ในเวลากลางคืน และทำด้วยประการอื่นเพื่อไม่ให้เห็นหน้า หรือจำหน้าได้”

โดยจับกุมตัวได้ที่บริเวณหอพักพฤกษาเฮ้าส์ ห้องพักเลขที่ 106 ซอยเคหะร่มเกล้า 20 แขวงสองต้นนุ่น เขตลาดกระบัง กรุงเทพฯ พร้อมของกลาง ได้แก่
1. เสื้อผ้าที่สวมใส่ขณะก่อเหตุจำนวนทั้งสิ้น 11 ตัว
2. คีบตัดเหล็กที่ใช้ตัดดิสล็อคล้อ หรือ สายเหล็กคล้องล้อ
3. ค้อน ไขควง คัดเตอร์ ที่ใช้งัดแงะรถคันประทุษร้าย
4. สายไฟต่อตรง 5 เส้น
5. กุญแจรถมอเตอร์ไซค์คันที่ถูกลัก 5 คัน
6. ทะเบียนรถคันที่ถูกลักมาจำนวน 2 แผ่น
6.1 9กข 3090 นายศักดิ์สิทธิ์ จันยุทา เจ้าของทรัพย์แจ้งรถจักรยานยนต์หายไว้ที่ สน.ลาดกระบัง
6.2 4ขธ 8215 นางสาวบุษบา พลพวก เจ้าของรถ แจ้งความหายไว้ที่ สน.โคกคราม วันที่ 9 ก.พ. 2566 15.00 น.
7. แม่กุญแจที่ใช้คล้องล้อรถ 6 ดอก
8. เอกสารเกี่ยวกับรถที่ถูกลัก 7 คัน

เขตเลือกตั้งโซน 'ชะอวด-จุฬาภรณ์' นครศรีฯ ในจังหวะที่ กกต. อาจต้องแบ่งเขตใหม่หมด

กล่าวถึงเขตเลือกตั้งโซน 'ชะอวด-จุฬาภรณ์' ซึ่งอาจจะหมายรวมถึง หัวไทร, เชียรใหญ่, เฉลิมพระเกียรติ, พระพรหม และร่อนพิบูลย์ด้วย ขึ้นอยู่กับคณะกรรมการการเลือกตั้ง (กกต.) จะแบ่งเขตออกมาอย่างไร?

ยิ่งถ้าศาลรัฐธรรมนูญตัดสินชี้ขาดว่าให้ตัดต่างด้าวออกไปจากระบบคำนวณแบ่งเขต กกต.ก็ต้องไปแบ่งเขตใหม่หมด เพราะ ส.ส.นครศรีธรรมราชจะเพิ่มขึ้นเป็น 10 คนโดยบัดดล จากปัจจุบันที่มีอยู่ 8 คน และจะเพิ่มเป็น 9 คน ตามฐานจำนวนประชากร

กล่าวสำหรับเขตเลือกตั้งโซนชะอวด, จุฬาภรณ์, พระพรหม และเฉลิมพระเกียรติ ในการเลือกตั้งเมื่อปี 2562 เทพไท เสนพงศ์ จากพรรคประชาธิปัตย์ คว้าชัยเดินเข้าสภา แต่เมื่อเทพไทถูกศาลตัดสินจำคุก และตัดสิทธิ์ทางการเมือง ครั้นเมื่อมีการเลือกตั้งซ่อม 'อาญาสิทธิ์ ศรีสุวรรณ' จากพรรคพลังประชารัฐ กลับมาเป็นฝ่ายชนะจากที่เคยแพ้ให้เทพไท

กล่าวสำหรับการเลือกตั้งที่กำลังจะมาถึงในปี 2566 นี้ เราเอาสมมุติฐานว่า เขตเลือกตั้งไม่เปลี่ยนแปลงมากนักแน่นอนว่า 'อาญาสิทธิ์' ยังอยู่พรรคเดิมพลังประชารัฐ โดยมีคู่แข่งที่ปรากฏตัวชัดแล้ว เช่น ณัฐกิตติ์ หนูรอด จากพรรคภูมิใจไทย คนถิ่นฐานควนเคร็ง อดีตปลัดองค์การบริหารส่วนจังหวัดพัทลุง ที่ตัดสินใจลาออกจากราชการก่อนเกษียณเพื่อลงเลือกตั้งเป็น ส.ส. อีกคนที่เผยโฉมตามมาคือ 'สิทธิรัก ทิพย์อักษร' แห่งชมรมสำนึกรักบ้านเกิด ในนามพรรครวมไทยสร้างชาติ ที่พงศ์สิน เสนพงศ์ น้องชายของเทพไทหลีกทางให้ 'นายหัวสิทธิ์' ก็ไม่ธรรมดา มีเครือข่ายมาก ทำงานช่วยเหลือสังคมมาไม่น้อย

ย้อนรอยพรรคการเมืองที่มี ส.ส.เข้าสภาแบบ 'ที่นั่งเดียว'

ถ้าใครยังจำกันได้ 'เลือกตั้ง 2562' นำพาความเปลี่ยนแปลงและสร้างสถิติใหม่ขึ้นหลายด้าน หนึ่งในนั้นคือการใช้ระบบ 'จัดสรรปันส่วนผสม' ที่ใช้บัตรเลือกตั้งเพียง 1 ใบเลือกทั้ง ส.ส. เขต จำนวน 350 คน และบัญชีรายชื่ออีก 150 คน  บนหลักการให้เสียงส่วนน้อยมีความหมาย ถูกนำมานับเป็นคะแนน เรียกว่า "ไม่ถูกทิ้งน้ำ" โดยการนำทุกคะแนนเสียงเลือกตั้งที่ได้มาคิดคำนวณเพื่อหาจำนวน ส.ส.บัญชีรายชื่อ จากฐานตัวเลข 'ส.ส.พึงมี' ซึ่งอยู่ที่ 71,000 คะแนนเสียง ต่อ 1 เก้าอี้ ส.ส. 

ปรากฎว่ามี  '11พรรคการเมืองขนาดเล็ก' ได้ที่นั่ง ส.ส. จากระบบบัญชีรายชื่อ 'พรรคละ 1 คน' ประกอบด้วย พรรคประชาภิวัฒน์, พรรคพลังไทยรักไท, พรรคไทยศรีวิไลย์, พรรคประชานิยม, พรรคครูไทยเพื่อประชาชน, พรรคประชาธรรมไทย, พรรคพลเมืองไทย, พรรคประชาธิปไตยใหม่, พรรคพลังธรรมใหม่ และพรรคไทรักธรรม ยกเว้นพรรคพลังชาติไทยที่ได้คะแนนเกินเกณฑ์ ส.ส. พึงมี

1 เสียงในสภาของพรรคเล็กอาจดูไม่ค่อยมีน้ำหนักและความหมายมากนัก แต่ ส.ส. ที่ผ่านเข้าไปหลายคนสามารถสร้างพื้นที่ให้กับตัวเองได้ไม่น้อยเลย THE STATES TIMES หยิบยกเอา ส.ส.เดินเดี่ยว หรืออาจเรียกว่า “ข้ามาคนเดียว” มาบอกเล่ากัน

#ไพบูลย์นิติตะวัน ส.ส. ผู้ "น้อมนำคำสอนพระพุทธเจ้า" เข้าสภา 

ชื่อของ 'ไพบูลย์ นิติตะวัน' เริ่มเป็นที่รู้จักในทางการเมือง ในฐานะสว. สรรหา ระหว่างปี 2551-5557  เป็นหนึ่งใน 'กลุ่ม 40 ส.ว.' ตรวจสอบรัฐบาลพรรคพลังประชนและพรรคเพื่อไทย โดยเฉพาะเมื่อเจ้าตัวเป็นผู้ร้องต่อศาลรัฐธรรมนูญ ให้วินิจฉัย อดีตนายกฯ 'ยิ่งลักษณ์  ชินวัตร' กรณีสั่งย้าย 'ถวิล เปลี่ยนศรี' เลขาธิการสภาความมั่นคงแห่งชาติ ไปดำรงตำแหน่งที่ปรึกษานายกฯ ไม่ชอบด้วยกฎหมาย ส่งผลให้ต่อมา  'ยิ่งลักษณ์' ต้องพ้นจากตำแหน่งรักษาการนายกรัฐมนตรีตามคำวินิจฉัยของศาล

และเมื่อถึงช่วงเวลานับถอยหลังเข้าสู่การเลือกตั้งปี 2562  ชื่อ 'ไพบูลย์ นิติตะวัน' ก็ถูกจับตา เมื่อเขาตั้งพรรค 'ประชาชนปฏิรูป' ลงสู้ศึกเลือกตั้ง ชูนโยบาย  'น้อมนำคำสอนพระพุทธเจ้า' แก้ปัญหา 'ทุกข์ร้อน' ให้ประชาชน ส่งผู้สมัคร ส.ส.แบบแบ่งเขต 311 คน และแบบบัญชีรายชื่อ 40 คน 

หลังเลือกตั้ง ปรากฏว่าพรรคประชาชนปฎิรูป ได้ 45,420 คะแนน เป็นอันดับที่ 23 จากทั้งหมด 74 พรรค และเมื่อผ่านคำนวณคะแนนตามสูตร ของ กกต.แล้ว ก็ส่งให้ 'ไพบูลย์'  หัวหน้าพรรค และผู้สมัครบัญชีรายชื่อลำดับที่ 1 เข้าป้ายเป็น ส.ส. และเป็นหนึ่งใน 11 พรรคเสียงเดียว ที่สนับสนุนพรรคพลังประชารัฐ จัดตั้งรัฐบาล

ทำหน้าที่ ส.ส. ได้ไม่กี่เดือน ก็ถูกจับจ้องจากฝ่ายค้าน เมื่อเขาตัดสินใจยื่นเรื่องต่อ กกต. ขอเลิกกิจการพรรคประชาชนปฏิรูป ซึ่งต่อมา กกต. ประกาศให้พรรคประชาชนปฏิรูปสิ้นสภาพ ขณะที่ 'ไพบูลย์' ขอย้ายไปสังกัดพรรคพลังประชารัฐ ทำให้ 60 ส.ส. พรรคฝ่ายค้านเข้าชื่อร้องประธานสภา ขอให้ยื่นศาลรัฐธรรมนูญตีความสถานะความเป็น ส.ส. ซึ่งต่อมาศาลรัฐธรรมนูญวินิจฉัยว่าสถานะ ส.ส. ของเขาไม่สิ้นสุดลงตามพรรคประชาชนปฏิรูปไปด้วย 

ปัจจุบัน 'ไพบูลย์' ยังคงอยู่ในสถานะส.ส. บัญชีรายชื่อและถือเป็นหนึ่งในหัวหมู่ทะลวงฟันคนสำคัญของของพรรคพลังประชารัฐ

#เต้-มงคลกิตติ์ ส.ส. สีสัน "นักสร้างประเด็น" ในสภา

ชื่อของ เต้-มงคลกิตติ์  สุขสินธารานนท์ เป็นที่รู้จักจากการออกมาเคลื่อนไหว แสดงความเห็นในประเด็นต่าง ๆ รวมถึงสร้างกระแสในสังคมหลายครั้ง ก่อนที่เขาจะประกาศลงเลือกตั้ง ในฐานะหัวหน้าพรรค 'พรรคไทยศรีวิไลย์' 

มงคลกิตติ์ เป็นหนึ่งเดียวจากพรรคไทยศรีวิไลย์ที่ได้ผ่านเข้าไปเป็น ส.ส. ในสภา และแน่นอนว่าตั้งแต่วันแรกๆ ของการทำหน้าที่ เขาเริ่มทำให้เห็นภาพ ส.ส.คนขยัน แต่เป็นเรื่องของการขยัน 'สร้างประเด็น' ในสภา 

ยังไม่ทันทำหน้าที่ เมื่อวันที่ ส.ส. เดินทางมาที่สภาเพื่อเตรียมขึ้นรถบัสไปร่วมพิธีเปิดประชุมสภา ก็ปรากฏภาพขณะที่ 'วัน อยู่บำรุง' ส.ส.ป้ายแดงจากพรรคเพื่อไทย กำลังพูดคุยกับผู้สื่อข่าวอย่างอารมณ์ดี ก่อนที่ 'พี่เต้' จะเดินปรี่เข้ามาขอจับมือ แต่กลับถูกเจ้าของวลี "ใจถึงพี่งได้" ปฏิเสธด้วยประโยคสั้นๆ "ไม่ต้องจับหรอก" ก่อนเดินจากไปดื้อ ๆ ทำเอา ส.ส.เต้ ต้องแก้เก้อ เดินแยกย้ายไปแบบเสียฟอร์ม

ทำหน้าที่ในสภาเพียงไม่กี่เดือน 13 สิงหาคม 2562  'เต้ มงคลกิตติ์' ในฐานะหัวหน้าพรรคไทยศรีวิไลย์ ก็ออกออกแถลงการณ์จุดยืนทางการเมืองของพรรคและเหตุผลในการ 'ถอนตัว' จากฝ่ายรัฐบาลมาเป็น 'ฝ่ายค้านอิสระ' ยืนข้างประชาชนโดยให้เหตุผลว่าผู้ใหญ่ในพรรคร่วมรัฐบาลไม่รักษาสัจจะและไม่ให้ความสำคัญในการแก้ปัญหาร่วมกัน 

หลังจากนั้น 'พี่เต้' ก็จัดเรื่องปัง ๆ ตามมาอีกหลายดอก ไม่ว่าจะเป็นการตามปะทะคารมอย่างรุนแรงกับ'"สิระ เจนจาคะ' ส.ส.พลังประชารัฐในขณะนั้น ที่ออกมาปกป้อง 'นายกลุงตู่' จากการวิพากษ์วิจารณ์ของเขา หรือกรณีที่เจ้าตัว ในฐานะโฆษกคณะกรรมาธิการทหาร สภาผู้แทนราษฎร ประสานเจ้าหน้าที่ EOD นำระเบิด TNT เข้าสภาโดยอ้างว่าเป็นการทดสอบระบบความปลอดภัย จนถูกตั้งคำถามว่าการกระทำดังกล่าวมีความผิดฐานพกพาสารระเบิดเข้าไปในบริเวณรัฐสภาหรือไม่ ร้อนถึง พณฯ ชวน หลีกภัย ประธานรัฐสภาต้องลงมาตรวจสอบ

หรือแม้แต่คดีการเสียชีวิตของ 'แตงโม นิดา' ที่เจ้าตัวประกาศเดินหน้าตั้งทีมเฉพาะกิจพิสูจน์ความจริงเพื่อเรียกคืนความเป็นธรรมให้แตงโมและแม่ ซึ่งต่อมามีการยื่นเรื่องต่อประธานสภาผู้แทนราษฎรให้ตรวจสอบจริยธรรมการเป็น ส.ส. จนปรากฏภาพ 'พี่เต้' ออกมาแถลงข่าวด้วยเสียงสั่นเครือ ถอดบัตรประจำตัว ส.ส. พร้อมกล่าวว่า หากไม่สามารถคุ้มครองแม่ของแตงโมได้ ตนก็ไม่มีหน้าจะเป็น ส.ส. และคนอย่างตนเองหากคิดจะสู้ ไม่กลัวอะไรอยู่แล้ว แต่แล้วในที่สุด เรื่องนี้ก็จบลงที่เจ้าตัวประกาศถอนตัวจากการทำคดี 100% ทั้งหมดเป็น 'วีรกรรม' ที่ 'เต้ มงคลกิตติ์' จัดให้จนกลายเป็น 'ดาวฉายแสง' ที่ใครๆ ก็จดจำ

‘กรณ์’ ควง ‘เทมส์ - อรทัย’ พบปะประชาชน จ.ภูเก็ต เสนอนโยบาย ดันภูเก็ตสู่ ‘เมืองท่องเที่ยวระดับโลก’

(16 ก.พ.66) นายกรณ์ จาติกวณิช หัวหน้าพรรคชาติพัฒนากล้า พร้อมด้วยนางสาวอรทัย เกิดทรัพย์ และ นายเทมส์ ไกรทัศน์ ว่าที่ผู้สมัคร ส.ส.จ.ภูเก็ต เดินพบปะพี่น้องประชาชนในทั้ง 2 เขต เพื่อนำเสนอนโยบายของพรรคชาติพัฒนากล้าในการพัฒนา จ.ภูเก็ต ให้เป็น World class destination ของนักท่องเที่ยวทั่วโลก 

โดยนายกรณ์ กล่าวว่า ถึงวันนี้ตนมั่นใจในตัวผู้สมัครทั้งสองคน ว่าเป็นคนที่มีคุณภาพและเป็นความหวังของชาวบ้าน ที่เข้ามาแก้ปัญหาให้กับ จ.ภูเก็ต ดูจากผลโพลของท้องถิ่นเอง เราก็มาเป็นที่ 1 แม้ว่าจะเป็นผู้สมัครหน้าใหม่ และพรรคใหม่ก็ตาม ส่วนหนึ่งเป็นเพราะแนวนโยบายของพรรคชาติพัฒนากล้าเน้นเรื่องเศรษฐกิจปากท้อง โดยเฉพาะใน 2-3 ปี ที่ผ่านมาจากปัญหาการแพร่ระบาดของโควิด-19 คนภูเก็ตเดือดร้อนหนักหนาสาหัสมาก

หัวหน้าพรรคชาติพัฒนากล้า กล่าวว่า ในช่วงโควิด ตนลงมาภูเก็ตบ่อยมาก สัมผัสได้ถึงความทุกข์ยาก เพราะภูเก็ตเป็นเมืองท่องเที่ยว รายได้ส่วนใหญ่มาจากการท่องเที่ยว เพราะฉะนั้นในสภาพแวดล้อมที่การท่องเที่ยวถูกปิดล็อกเป็นศูนย์ แน่นอนที่สุดคนที่เดือดร้อนคือ คนภูเก็ต ดังนั้นเราถึงมองว่านโยบายที่จะมาช่วยแก้ปัญหาพี่น้องประชาชนในเรื่องของการทำมาหากินเรื่องปัญหาหนี้สิน ถือว่าเป็นเรื่องที่มีความสำคัญ เวลานี้การท่องเที่ยวเริ่มฟื้นตัว ในแง่ของความสนใจของนักท่องเที่ยวที่จะมาเที่ยวภูเก็ตยังไงมีอยู่แล้ว แต่ทำอย่างไรจะให้คุณภาพชีวิตของคนภูเก็ตเองดีขึ้น และได้ประโยชน์จากรายได้ที่ชาวภูเก็ตช่วยกันสร้างให้กับประเทศ 

นอกจากนี้ การจัดสรรงบประมาณ ไม่ได้สะท้อนความสำคัญของภูเก็ตในฐานะแหล่งรายได้สำคัญของประเทศและไม่ได้สะท้อนความต้องการของคนภูเก็ต ๆ ที่มีประชากรจริงอยู่ 5 แสน แต่ประชากรแฝง ทั้งแรงงานจากนอกเขตพื้นที่ หรือ นักท่องเที่ยวจากต่างประเทศ ที่มาใช้ทรัพยากรอยู่ที่ จ.ภูเก็ต เป็นหลักสิบล้านคน เพราะฉะนั้น การจัดสรรงบประมาณก็ต้องสะท้อนความเป็นจริงด้วย ที่ผ่านมาผมมองว่า นักการเมืองจากภูเก็ตไม่เคยต่อสู้เรื่องนี้อย่างจริงจัง เป็นหนึ่งในสาเหตุที่เราเน้นเรื่องมุมทางเศรษฐกิจในการนำเสนอนโยบายให้กับชาวภูเก็ต” นายกรณ์ กล่าว

นายกรณ์ กล่าวต่อว่า การบริหารจัดการตัวงบประมาณ คนที่รู้มากที่สุดว่าคนในพื้นที่ต้องการอะไร และมีความเดือดร้อนเรื่องอะไร คือ ท้องถิ่น โดยส่วนตัวตนเดินทางไปมาทั่วประเทศ พบว่ามาตรฐานคุณภาพของผู้บริหารท้องถิ่นสูงขึ้นเรื่อย ๆ และโดยเฉพาะมาตรฐานของผู้บริหารท้องถิ่นของภูเก็ต ถือว่าสูงมาก ในช่วงโควิดเราจะเห็นว่า แนวความคิดในการแก้ปัญหาให้กับพี่น้องประชาชนชาวภูเก็ต ไม่ว่าจะเป็นเรื่องของการเข้าถึงวัคซีน ข้อเสนอเรื่องของแซนด์บ็อกซ์ มันเป็นแนวความคิดของคนภูเก็ตเสนอขึ้นไปให้ส่วนกลางได้พิจารณาทั้งสิ้น สุดท้ายเรื่องดี ๆ ที่มีให้กับภูเก็ต ล้วนเป็นจุดเริ่มต้นจากการผลักดันของคนภูเก็ตเอง แต่หลายเรื่องกลับใช้เวลานานมาก และไม่ได้ตอบสนองเต็มรูปแบบอย่างที่ควรจะเป็น มันยิ่งทำให้มีภาพที่ชัดเจนว่า หนึ่งในพื้นที่ที่มีความพร้อมที่จะบริหารตนเอง บริหารงบประมาณของตนเอง ก็คือ ภูเก็ต เรื่องนี้ ไม่ควรจำกัดอยู่แค่ในกรุงเทพมหานคร มันถึงเวลาของภูเก็ตเช่นเดียวกัน

'รทสช.' เปิดตัวผู้สมัคร ส.ส.เพชรบูรณ์ ยัน พร้อมเลือกตั้ง ย้ำ พรรคไม่ใช้ความเกลียดชังในการขับเคลื่อนประเทศ

(16 ก.พ. 66) นายเอกนัฏ พร้อมพันธุ์ เลขาธิการพรรครวมไทยสร้างชาติ (รทสช.) ให้การต้อนรับและสวมเสื้อพรรคให้กับว่าที่ผู้สมัคร ส.ส.เพชรบูรณ์ ทั้ง 6 เขตเลือกตั้ง ประกอบด้วย เขต 1 น.ส.ฐันญาภา โพธิสาร, เขต 2 นายณัฐพล ขวัญแจ่ม, เขต 3 ดร.ภัทรดร พุทธนุรัตนะ, เขต 4 นายสุทธิพงษ์ จุลกะ, เขต 5 นายทองสุข บำรุงนอก และ เขต 6 นายสมโภชน์ นวลสาลี โดยมี ดร.หิมาลัย ผิวพรรณ ผู้ประสานงานร่วมให้การต้อนรับอย่างอบอุ่น

นายเอกนัฏ ให้สัมภาษณ์ว่า พรรคขอส่งบุคคลคุณภาพให้เป็นตัวเลือกของพี่น้องชาว จ.เพชรบูรณ์ในนามพรรครวมไทยสร้างชาติ ขอให้ชาวเพชรบูรณ์ทุกคนให้การต้อนรับผู้สมัครของพรรค ถ้าใครได้เจอก็สามารถเข้ามาทักทาย ถ้ามีข้อเสนอแนะเรายินดีรับฟังปัญหาของทุกท่าน เพื่อจะนำข้อเสนอแนะต่าง ๆ มาเป็นนโยบายของพรรค เพื่อกำหนดวิธีการแนวทางการทำงานภายใต้พรรครวมไทยสร้างชาติ

ทั้งนี้ พรรคเรามีความพร้อมในการเลือกตั้งมาอย่างต่อเนื่อง ตั้งแต่มีการตั้งคณะกรรมการบริหารพรรคชุดใหม่เมื่อเดือนสิงหาคม 2565 จนกระทั่งในที่สุด พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีเข้ามาเป็นสมาชิกพรรครวมไทยสร้างชาติ เราก็มีความยินดีที่จะสนับสนุน พล.อ.ประยุทธ์ มาเป็นแคนดิเดตนายกรัฐมนตรีในนามของพรรครวมไทยสร้างชาติ เพื่อที่จะมาสานต่อภารกิจ

ทั้งนี้ มีหลายนโยบายที่เราได้ทำไปแล้ว ไม่ว่าจะเป็นเรื่องการพัฒนาโครงสร้างพื้นฐาน การดูแลช่วยเหลือพี่น้องเกษตรกร รวมไปถึงเรื่องสวัสดิการต่าง ๆ ผ่านบัตรสวัสดิการแห่งรัฐหรือที่เราเรียกกันว่า 'บัตรลุงตู่'

จากนี้ไป พรรคก็จะได้นำเสนอนโยบาย เป็นการต่อยอดจากผลงานเดิมของรัฐบาล ภายใต้การนำของ พล.อ.ประยุทธ์ ไม่ว่าจะเป็นเรื่องการอัปเกรดบัตรสวัสดิการแห่งรัฐ การดูแลราคาพืชผลการเกษตร การแก้ปัญหาที่ดินทำกิน รวมไปถึงการพัฒนาต่อยอดโครงสร้างพื้นฐาน ที่ได้ทำมาอย่างต่อเนื่อง จากนี้ไปเราก็จะเน้นให้ผู้สมัคร ส.ส.ของพรรคทุกคน ได้มีส่วนร่วมกับการผลักดันการแก้ไขปัญหาด้วยการแก้ไขกฎระเบียบ กฎกติกาต่าง ๆ โครงการรื้อ-ลด-ปลด-สร้าง โดย นายพีระพันธุ์ สาลีรัฐวิภาค หัวหน้าพรรค

‘ตำรวจ’ รวบ ‘เจ้าแม่เปิดบัญชีม้า’ แก๊งคอลเซ็นเตอร์ รับ!! เปิดบัญชีจำนวนมาก ส่งให้ ‘บอสใหญ่ชาวจีน’

พล.ต.อ.ดำรงศักดิ์ กิตติประภัสร์ ผบ.ตร. ส่งทีมนักวิเคราะห์แผนประทุษกรรม ศูนย์ปราบปรามอาชญากรรมทางเทคโนโลยีสารสนเทศ หรือ PCT ชุดปฏิบัติการที่ 5 และทีมสืบสวนนครบาลแกะรอยสืบสวนทำสงครามกับแก๊งคอลเซ็นเตอร์รูปแบบ ตามนโยบายของพล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี สั่งการปราบปรามขบวนการเปิดบัญชีม้าให้กับแก๊งคอลเซ็นเตอร์สร้างความเดือนร้อนให้ประชาชนอย่างเด็ดขาด พบว่ามีการเปลี่ยนรูปแบบการหาบัญชีม้าต่างไปจากเดิม โดยล่าสุด พล.ต.ต.ธีรเดช ธรรมสุธีร์ ผบก.สส.บช.น. / หน.PCT ชุดปฏิบัติการที่ 5 สืบสวนพบว่านางสาวมลเป็นเจ้าแม่เปิดบัญชีม้าให้กับบอสชาวจีน หัวหน้าแก็งค์คอลเซ็นเตอร์ มูลค่าความเสียหาย 3 ล้านบาท

(16 ก.พ.66) พล.ต.อ.ดำรงศักดิ์ กิตติประภัสร์ ผบ.ตร., พล.ต.ท.รอย อิงคไพโรจน์ รอง ผบ.ตร.ผอ.ศปอส.ตร. (PCT), พล.ต.ท.ธิติ แสงสว่าง ผบช.น., พล.ต.ต.นพศิลป์ พูลสวัสดิ์ รองผบช.น. สั่งการ พล.ต.ต.ธีรเดช ธรรมสุธีร์ ผบก.สส.บช.น. หน.PCT ชุดที่ 5, พ.ต.อ.วรพจน์ รุ่งกระจ่าง รอง ผบก.สส.บช.น. รอง หน. PCT ชุดที่ 5, พ.ต.อ.จักราวุธ คล้ายนิล ผกก.วิเคราะห์ข่าวฯ บก.สส.บช.น., พ.ต.ท.มาโนช ทองแก้ว สว.กก.2 บก.สส.บช.น., พ.ต.ต.ธัญพีรสิษฐ์ จุลพิภพ สว.กลุ่มงานสอบสวน บก.น.4, ร.ต.อ.พลวัต นาคถมยา รอง สว.กก.สส.1 บก.สส.บช.น., ร.ต.อ.วรภัทร แสงเทียนประไพ รอง สว.กก.2 บก.สส.ภ.2, ร.ต.อ.หญิง ธิดารัตน์ ผดุงประเสริฐ รอง สว.กก.2 บก.สส.ภ.2 ร่วมกันกับเจ้าหน้าที่ ศปอส.ตร. (PCT) ชุดที่ 5 และสืบนครบาล จับกุม น.ส.ดวงกมล บุ้งทอง อายุ 37 ปี หรือ มล ผู้ต้องหาตามหมายจับ 3 หมายจับข้อหาฉ้อโกงโดยแสดงตนเป็นคนอื่นหรือแก๊งคอลเซ็นเตอร์ จับกุมตัวได้ที่บริเวณหน้าบ้านเลขที่ 391/11 ม.6 ต.นาเกลือ อ.บางละมุง จ.ชลบุรี เมื่อวันที่ 15 ก.พ. ที่ผ่านมา

สืบเนื่องจากปัญหาแก๊งคอลเซ็นเตอร์ระบาดในปัจจุบันซึ่ง พล.ต.อ.ดำรงศักดิ์ กิตติประภัสร์ ผบ.ตร. มือปราบแก๊งคอลเซ็นเตอร์ ได้วางแนวทางการป้องกันและปราบปรามในทุกมิติ เสมือนการทำสงครามกับแก๊งคอลเซ็นเตอร์ ซึ่งได้มีการจัดตั้งทีมนักวิเคราะห์แผนประทุษกรรมคอยวิเคราะห์แผนประทุษกรรมของกลุ่มแก๊งคอลเซ็นเตอร์เหล่านี้ 

ซึ่งต่อมาได้สืบสวนกลุ่มแก๊งคอลเซ็นเตอร์รูปแบบ ‘หลอกให้หลงรักและลงทุนเหรียญดิจิทัล’ จึงสั่งการให้ พล.ต.ต.ธีรเดช ธรรมสุธีร์ ผบก.สส.บช.น. ในฐานะหัวหน้าชุด PCT5 ทำการสืบสวนจนทราบแผนประทุษกรรมของแก๊งนี้คือ จะมีการสร้างโปรไฟล์เป็นหนุ่มเกาหลีที่มีโปรไฟล์ดี อายุรุ่นราวคราวเดียวกันมาตีสนิท โดยพูดคุยกันเป็นภาษาอังกฤษ เมื่อพูดคุยก็รู้ว่าคนร้ายเป็นคนที่สื่อสารภาษาอังกฤษได้จริง ๆ ทำให้เกิดความเชื่อใจ คนร้ายจึงชักชวนลงทุนเทรดสกุลเงินดิจิทัล Crytocurrency ผู้เสียหายก็มีความรู้ด้านสกุลเงินดิจิทัล Crytocurrency อยู่บ้าง จึงหลงกลคนร้ายลงทุนเทรดผ่าน MetaTrader 5 และ ในเว็บไซต์ www.bithumbgjcoltd.com ก็สามารถถอนออกได้จริง จึงหลงกลอุบายของคนร้าย ทำให้ใช้เงินลงทุนมากขึ้น 

โดยมีการโอนเงินไปให้กับคนร้ายที่บัญชีชื่อ น.ส.ดวงกมล บุ้งทอง ธนาคารออมสิน เลขที่บัญชี 020385181480 จากการสืบสวนทราบว่ามีผู้เสียหายไม่ต่ำกว่า 20 ราย และมูลค่าความเสียหายรวมไม่ต่ำกว่า 3 ล้านบาท ซึ่งต่อมาได้มีการออกหมายจับ น.ส.ดวงกมล บุ้งทอง 3 หมาย คือ หมายจับศาลอาญา ที่ จ.1098/2565 ลงวันที่ 8 มิ.ย. 2565 ในข้อหา ‘ร่วมกันฉ้อโกงโดยการแสดงตนเป็นบุคคลอื่น’, หมายจับศาลแขวงนครปฐม ที่ จ.27/2566 ลงวันที่ 11 ม.ค. 2566 ในข้อหา ‘ร่วมกันฉ้อโกง’ และหมายจับศาลอาญากรุงเทพใต้ที่ จ.114/2566 ลงวันที่ 10 ก.พ. 2566 ในข้อหา ‘ร่วมกันฉ้อโกงประชาชนโดยแสดงตนเป็นบุคคลอื่น, ร่วมกันนำเข้าสู่ระบบคอมพิวเตอร์ซึ่งข้อมูลคอมพิวเตอร์ที่บิดเบือนหรือปลอมไม่ว่าทั้งหมดหรือบางส่วน หรือข้อมูลคอมพิวเตอร์อันเป็นเท็จ โดยประการที่น่าจะเกิดความเสียหายแก่ผู้อื่นหรือประชาชน’   

ต่อมาวันที่ 15 ก.พ. พล.ต.ต.ธีรเดช นำกำลังเจ้าหน้าที่ตำรวจชุด PCT5 และสืบสวนนครบาล ลงพื้นที่สืบสวนจนทราบว่า น.ส.ดวงกมลฯ คนร้ายกบดานอยู่ในบ้านหลังหนึ่งในพื้นที่ อ.บางละมุง จ.ชลบุรี และมีพฤติกรรมพบปะกับ ‘บอสชาวจีน’ ที่โรงแรมชื่อดังในพื้นที่พัทยาบ่อยครั้ง จึงได้นำกำลังเข้าจับกุม น.ส.ดวงกมลฯ ตามหมายจับ โดยจับกุมได้ที่บริเวณ หน้าบ้านเลขที่ 415/17 ม.9 ต.หนองปรือ อ.บางละมุง จ.ชลบุรี ในชั้นจับกุม น.ส.ดวงกมลให้การรับสารภาพตลอดข้อกล่าวหา

'รวมไทยสร้างชาติ' รวม ส.ส. สุดเก๋า ในแวดวงการเมืองไทย

กำลังเป็นที่จับตามองที่สุด สำหรับ “เลือกตั้งประเทศไทย” ที่ล่าสุด เมื่อวันที่ 9 มกราคม 2566 พลเอก ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี ได้เปิดตัวสมัครเป็นสมาชิกพรรค ด้วยจุดมุ่งหมายที่จะทำงานสานต่อการแก้ไขปัญหาของประเทศตามกระบวนการประชาธิปไตย เพื่อให้ประเทศไทยเดินหน้าต่อไปบนพื้นฐานของความมีเสถียรภาพ ความมั่นคง และความรุ่งเรือง

งานนี้ไม่ใช่เพียง 'ลุงตู่' เท่านั้นที่ตบเท้าเข้าร่วมเป็นส่วนหนึ่งของพรรค แต่ 'รวมไทยสร้างชาติ' ยังถือเป็นพรรคที่ 'รวม' เอาบรรดานักการเมืองตัวเก๋า ที่มากไปด้วยความรู้ ความสามารถ ซึ่งจะนำมาพัฒนาประเทศได้อีกมากมาย

THE STATES TIMES ไปรวมเอา 'นักการเมืองสายเก๋า' ของพรรครวมไทยสร้างชาติ ไม่ว่าจะเป็น ไตรรงค์ สุวรรณคีรี อดีตผู้แทนราษฎร 11 สมัย ทำงานบนเส้นทางการเมืองไทยมากว่า 37 ปี นายวิทยา แก้วภารดัย อีกหนึ่ง ส.ส.ภาคใต้ที่ได้รับความไว้วางใจจากประชาชนกว่า 8 สมัย แถมยังเคยเป็นอดีตรัฐมนตรีว่าการกระทรวงสาธารณสุข หรือแม้แต่หัวหน้าพรรคอย่าง นายพีระพันธุ์ สาลีรัฐวิภาค อดีต ส.ส.6 สมัย ผ่านการทำงานทางการเมืองมามากมายหลายบทบาท และขึ้นชื่อว่าเป็น 'ผู้รู้' ด้านกฎหมายที่เก่งกาจคนหนึ่งของเมืองไทย

‘ชาติพัฒนากล้า’ ชี้ช่องทางขับเคลื่อน SME ไทย ต้องสร้างโอกาสนิยม-ขายของออนไลน์ ควบคู่กันไป

(15 ก.พ. 66) ที่โรงแรมเรเนซองส์ กรุงเทพ ราชประสงค์ นายวรวุฒิ อุ่นใจ รองหัวหน้าพรรคชาติพัฒนากล้า กล่าวในเวทีเสวนา ‘อนาคตประเทศไทย : SME จะไปทางไหน’ ว่า ปัจจุบันประเทศไทยมีเอสเอ็มอีอยู่ประมาณ 3 ล้านราย และ 98% ของธุรกิจเป็นผู้ประกอบการรายเล็กและรายจิ๋ว มีขนาดกลางเพียง 2% เท่านั้น พรรคชาติพัฒนากล้า เราจะสู้เพื่อเอสเอ็มอี เพราะตระหนักดีว่า เอสเอ็มอีโตไม่ได้ถ้าไม่มีใครสู้เพื่อพวกเขา 

นายวรวุฒิ กล่าวว่า พรรคชาติพัฒนากล้ามีนโยบายโอกาสนิยม เพื่อให้เอสเอ็มอีแข็งแรงได้ด้วยตัวเอง โดยการสร้างโอกาส ติดอาวุธ ให้แต้มต่อ ในการเข้าถึงเงินทุนพัฒนาตัวเองให้เติบโตทั้งผลิตภัณฑ์ทั้งระบบและวิธีการทำงาน ปัจจุบันเอสเอ็มอีไม่สามารถเข้าสู่การกู้เงินในระบบ บางคนติดแบล็กลิสต์บูโร จนต้องพึ่งหนี้นอกระบบ พรรคชาติพัฒนากล้าเสนอให้ยกเลิกแบล็กลิสต์บูโร และมาใช้ระบบเครดิตสกอร์แทน ซึ่งจะทำให้สถาบันการเงินเข้มแข็งขึ้น เพราะผู้ที่ติดแบล็กลิสต์ถึงประมาณ 5.5 ล้านคน ในจำนวนนี้มีถึง 3.2 ล้านคนที่ติดแบล็กลิสต์ช่วงโควิด อีกหนึ่งโอกาสที่สำคัญในการพัฒนาธุรกิจ คือ เอสเอ็มอีต้องสามารถทำให้คนในประเทศพอใจและมั่นใจ ที่จะใช้สินค้าไทยที่ได้มาตรฐาน เพื่อนำไปสู่ ไทยทำ ไทยใช้ ไทยส่งออก ไทยมั่งคั่ง พรรคชาติพัฒนากล้า มีโมเดลคลาวน์ แฟคตอรี่ ที่ อบต.บ้านใหม่ จ.พระนครศรีอยุธยา มี อย.กลางให้เอสเอ็มอีมาใช้บริการผลิตสินค้าที่ได้มาตรฐาน ซึ่งหากพัฒนาโมเดลดังกล่าวทั่วประเทศจะทำให้สินค้าได้รับการพัฒนาได้อย่างมีมาตรฐานทั้งตัวผลิตภัณฑ์และแพคเกจจิ้ง คนไทยมั่นใจในสินค้าไทย และสามารถส่งออกได้ ที่สำคัญต้องเปลี่ยนจากประเทศที่ซื้อสินค้าออนไลน์ เป็นขายสินค้าออนไลน์ ขายให้เป็น ใช้ทีมขายเอกชน เหมือนที่ประเทศจีนทำสำเร็จมาแล้ว

'อุตตม-สนธิรัตน์' นำทีม 'สร้างอนาคตไทย' พร้อมลูกพรรค หวนคืนรัง 'พปชร.' ร่วมหนุน 'บิ๊กป้อม' นั่งนายกฯ คนที่ 30

(15 ก.พ. 66) ที่พรรคพลังประชารัฐ (พปชร.) นายวิรัช รัตนเศรษฐ ส.ส.บัญชีรายชื่อ รองหัวหน้าพรรค, นายไพบูลย์ นิติตะวัน รองหัวหน้าพรรค, นายอุตตม สาวนายน อดีตรมว.คลัง, นายสนธิรัตน์ สนธิจิรวงศ์ อดีตรมว.พลังงาน และคณะกรรมการบริหารพรรค ร่วมกันแถลงข่าว 'สร้างอนาคตไทย คืนสู่เหย้าพลังประชารัฐ' พร้อมเปิดตัวสมาชิกพรรค 8 คน ที่กลับเข้ามาร่วมงานกับพรรค ได้แก่ ว่าที่ผู้สมัคร ส.ส. ทั้ง 8 คน ประกอบด้วย

1.) นายประจวบเหมาะ ภักดีชน จ.นครศรีธรรมราช
2.) พ.ต.อ.ภคพล ทวิชศรี จ.ชุมพร
3.) นายกานต์ เพชรบูรณ์ จ.พังงา
4.) นางปวีณา นิลแย้ม จ.ลพบุรี
5.) นางศรัณยา สุวรรณพรหม จ.หนองบัวลำภู
6.) นายมนตรี พึ่มชัย จ.อุดรธานี
7.) นายประวัติ กองเมืองปัก จ.มหาสารคราม
8.) นายทวีศักดิ์ ประทุมลี จ.มุกดาหาร

นายวิรัช กล่าวว่า ขอต้อนรับทุกคนที่มาในวันนี้ บุคคลที่เข้ามาช่วยเสริมสร้างให้พรรคพลังประชารัฐมีความคิด ไม่ว่าจะเป็นอย่างไรเราเข้าใจเดียวกัน เมื่อมาอยู่ในบ้านเดียวกันเป็นหน้าที่ของทุกคนในพรรคพลังประชารัฐที่จะทำให้บ้านเราเข้มแข็ง เป็นตัวหลักในการจัดตั้งรัฐบาลครั้งหน้าส่ง พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ รองนายกรัฐมนตรี เป็นนายกรัฐมนตรี คนที่ 30 ต่อไป

นายไพบูลย์ กล่าวว่า วันนี้ถือเป็นนิมิตหมายที่ดี ที่อดีตสมาชิกที่เคยอยู่กับพรรคพลังประชารัฐและออกไปหาประสบการณ์ข้างนอก และยังระลึกถึงความอบอุ่นตามที่ พล.อ.ประวิตร ที่เป็นสำหรับที่จะเข้ามาร่วมงานกับพรรคพลังประชารัฐ ภายใต้การนำของ พล.อ.ประวิตร เป็นความเข้มแข็งให้กับพรรคพลังประชารัฐ ทุกคนที่มาในวันนี้มีความสำคัญ มีความสามารถ มีบทบาท จึงขอต้อนรับกลับมาร่วมงาน

‘อุ๊งอิ๊ง’ เตรียมลุย 5 จังหวัดในอีสาน ปราศรัยรวม 9 เวที 17-19 ก.พ.นี้

(15 ก.พ.66) ที่พรรคเพื่อไทย (พท.) นายณัฐวุฒิ ใสยเกื้อ ผอ.ครอบครัวเพื่อไทย กล่าวว่า พรรคเพื่อไทยเตรียมลงพื้นที่ปราศรัยใน 5 จังหวัดทางภาคตะวันออกเฉียงเหนือ ได้แก่ อุบลราชธานี อำนาจเจริญ ร้อยเอ็ด กาฬสินธุ์ ขอนแก่นระหว่างวันที่ 17-19 ก.พ.นี้ รวมทั้งหมด 9 เวทีปราศรัย เพื่อนำเสนอนโยบายและรับฟังความคิดเห็นประชาชนร่วมกับ ส.ส.และผู้ซึ่งประสงค์ลงสมัครรับเลือกตั้ง ส.ส.พรรคพท.ภายใต้แนวคิด ‘คิดใหญ่ ทำเป็น เพื่อไทยทุกคน’ นำโดยนพ.ชลน่าน ศรีแก้ว หัวหน้าพรรค น.ส.แพทองธาร ชินวัตร ประธานคณะที่ปรึกษาด้านการมีส่วนร่วมและนวัตกรรมและหัวหน้าครอบครัวเพื่อไทย พร้อมด้วยแกนนำคนสำคัญ ทั้งนายสุทิน คลังแสง รองหัวหน้าพรรคเพื่อไทย นายจาตุรนต์ ฉายแสง กรรมการยุทธศาสตร์พรรค น.ส.จิราพร สินธุไพร ส.ส.ร้อยเอ็ดและกรรมการบริหารพรรค

นายณัฐวุฒิ กล่าวต่อว่า ในวันที่ 17 ก.พ.เริ่มต้นเวทีปราศรัยวัดม่วงเดียด หลวงพ่อลี อ.ตระการพืชผล จ.อุบลราชธานี ในเวลา 11.00 น. หลังจากนั้นจะไปเปิดเวทีปราศรัยที่ 2 ที่ อ.เดชอุดม จ.อุบลราชธานี ในเวลา 14.30 น. ก่อนเปิดเวทีปราศรัยใหญ่ที่ศาลากลางหลังเก่า อ.เมือง จ.อุบลราชธานี 

ทั้งนี้ จ.อุบลราชธานีถือว่ามีความทรงจำร่วมกันระหว่างประชาชนกับการทำงานทางการเมืองของพรรคเพื่อไทยเมื่อครั้งเป็นพรรคไทยรักไทย นายทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกฯ เริ่มต้นแคมเปญหาเสียงในพื้นที่ภาคอีสาน โดยชวนแกนนำพรรค รัฐมนตรีขึ้นรถไฟออกจาก อ.วารินชำราบ ดังนั้นพรรคเพื่อไทยก็จะนำนโยบายไปเสนอ โดยเฉพาะนโยบายด้านการคมนาคม รถไฟความเร็วสูง 

ในวันที่ 18 ก.พ.จะเปิดเวทีปราศรัยแรกที่รร.อำนาจเจริญ อ.เมือง จ.อำนาจเจริญ ในเวลา 10.00 น. ไปต่อที่รร.เสลภูมิพิทยาคม อ.เสลภูมิ จ.ร้อยเอ็ด ในเวลา 14.00 น. ก่อนเปิดเวทีปราศรัยใหญ่ที่บึงพลาญชัย อ.เมือง จ.ร้อยเอ็ด ในเวลา 17.00 น. 

ซึ่งที่ จ.ร้อยเอ็ด นายทักษิณเคยจัดโมเดลแก้จนที่ อ.อาจสามารถ เรียกว่า ‘อาจสามารถโมเดล’ วางแผนยกระดับคุณภาพชีวิต ลดรายจ่าย เพิ่มรายได้ ขยายโอกาส น่าเสียดายที่หลังลงพื้นที่เกิดความขัดแย้งทางการเมืองนำไปสู่การรัฐประหาร อย่างไรก็ตาม ความมุ่งมั่นในการทำงาน แก้ปัญหาความยากจน ยังเป็นเป้าหมายหลักของพรรคะท.จนถึงปัจจุบัน ซึ่งจะนำเสนอบนเวทีนี้ด้วย

‘ลุงหนู’ โว!! ปชช. ตอบรับภูมิใจไทยดีขึ้นมาก ไปไหนก็ได้รับคำขอบคุณ มีกำลังสู้ศึกเลือกตั้ง

(15 ก.พ. 66) นายอนุทิน ชาญวีรกูล รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงสาธารณสุข ในฐานะหัวหน้าพรรคภูมิใจไทย กล่าวถึงความมั่นใจในการเลือกตั้งครั้งที่จะถึงนี้ หลังลงพื้นที่หาเสียงอย่างต่อเนื่อง ว่า ถ้าเทียบกับปี 2562 หรือ 4 ปีก่อน ต้องยอมรับแบบไม่เข้าข้างตัวเองว่า การตอบรับและการต้อนรับของประชาชนต่อภูมิใจไทยมีการพัฒนาขึ้นไปในทางที่ดีอย่างมาก ไปที่ไหนก็ได้รับคำชม คำขอบคุณจากประชาชน ไปไหนก็พบแต่รอยยิ้ม หลายคนเข้ามาก็ขอบคุณ ขอบคุณถนนผ่านหน้าบ้าน ขอบคุณรถไฟ ขอบคุณที่ทำเรื่องวัคซีนมาให้ ขอบคุณที่ทำเรื่องล้างไต ขอบคุณที่ทำเรื่องรักษามะเร็ง มันมีเสียงสะท้อนกลับมา ซึ่งเป็นเสียงสะท้อนกลับมาอย่างเป็นมิตร เป็นเสียงสะท้อนซึ่งมีความโอภาปราศัยซึ่งกันและกัน 


© Copyright 2021, All rights reserved. THE STATES TIMES
Take Me Top