Friday, 9 May 2025
POLITICS NEWS

"ชวน" ร่อนหนังสือถึง "บิ๊กป๊อก"ขอวัคซีนป้อันโควิดให้สัปเหร่อ ชี้ใกล้ชิดศพเสี่ยงติดเชื้อ

นายสมบูรณ์ อุทัยเวียนกุล เลขานุการประธานสภาผู้แทนราษฎร เปิดเผยว่า เมื่อสัปดาห์ที่ผ่าน นายชวน หลีกภัย ประธานรัฐสภา ได้ลงนามในหนังสือที่ สผ. 0001.02/255 ถึงพล.อ.อนุพงษ์ เผ่าจินดา รัฐมนตรีว่าการกระทรวงมหาดไทย ขอความอนุเคราะห์จัดสรรวัคซีนแก่เจ้าหน้าที่มูลนิธิ สัปเหร่อ และผู้ทำหน้าที่ในการจัดการศพของผู้ติดเชื้อไวรัสโคโรน่า 2019 (โควิด-19) และครอบครัว โดยเนื้อหาว่า ในช่วงวิกฤตสถานการณ์การแพร่ระบาดของโรคติดเชื้อไวรัสโคโรน่าส่งผลกระทบต่อการปฏิบัติงานของเจ้าหน้าที่มูลนิธิ สัปเหร่อ และผู้ทำหน้าที่ในการจัดการศพทั่วประเทศในฐานะบุคลากรด้านหน้าซึ่งต้องรับความเสี่ยงจัดการใกล้ชิดและผู้ติดเชื้อเป็นจำนวนมาก ในการนี้จึงขอความอนุเคราะห์จากรัฐมนตรีว่าการกระทรวงมหาดไทย พิจารณาจัดสรรวัคซีนป้องกันเชื้อไวรัสโควิด-19 ให้แก่บุคลากรผู้ปฏิบัติงานดังกล่าว พร้อมทั้งบุคคลในครอบครัวด้วย 

ปชป.ไม่กังวล หากร่าง รธน.ของพรรคถูกยื่นศาล รธน. ยัน เป็นความตั้งใจเขียนหลักการอย่างกว้าง

นายราเมศ รัตนะเชวง โฆษกพรรคประชาธิปัตย์ กล่าวถึงผลการประชุม ส.ส. ของพรรคเมื่อวันที่ 6 ก.ค.ว่า ที่ประชุมได้หารือถึงกรณีที่มีความเป็นห่วงว่าร่างรัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทย (แก้ไขเพิ่มเติม) ฉบับที่ ... พ.ศ. .… (แก้ไขเพิ่มเติมมาตรา 83 และมาตรา 91) ซึ่งเป็นร่างที่พรรคประชาธิปัตย์เสนออาจไม่สมบูรณ์ เนื่องจากมีมาตราอื่นที่เกี่ยวข้องและต้องแก้ไขอีก แต่ที่ประชุมเห็นว่าร่างรัฐธรรมนูญที่พรรคเสนอนั้น เป็นความตั้งใจเขียนโดยมีหลักการอย่างกว้าง เพื่อแสวงหาความร่วมมือในชั้นคณะกรรมาธิการ (กมธ.)

อีกทั้ง ตามข้อบังคับก็มีบทบัญญัติว่าสามารถแก้ไขมาตราที่เกี่ยวเนื่องกับหลักการและเหตุผลได้ และ ฝ่ายกฎหมายของสภาฯ และคณะกรรมการกฤษฎีกา ก็มีความเห็นว่าสาระสำคัญของร่างคือการมีบัตร 2 ใบ จำนวน ส.ส. 500 คน และวิธีการคำนวณคะแนน ดังนั้นหากจะมีการปรับเปลี่ยนข้อความในมาตราที่เกี่ยวข้องภายใต้หลักการและเหตุผลนี้เพื่อให้สอดคล้องกันก็สามารถทำได้ ทั้งนี้ นายสุทัศน์ เงินหมื่น ส.ส.บัญชีรายชื่อและนายสาทิตย์ วงศ์หนองเตย ส.ส.ตรัง จะได้ไปจัดเตรียมเสนอแปรญัตติอีกด้วย อย่างไรก็ตามพรรคไม่มีความกังวลหากหลังจากการพิจารณาผ่านวาระ 3 จะถูกยื่นให้ศาลรัฐธรรมนูญตีความ ก็ว่ากันตามกระบวนการหลักการที่รัฐธรรมนูญกำหนด  

“วราวุธ” ให้ กรมน้ำบาดาล-นักวิทยาศาสตร์-นักเคมี-นักธรณี ตรวจสารตกค้าง ใต้ดิน-บนดิน ระยะ 0-12 กม. จาก รง.หมิงตี้ ระบุ จะรีบแจ้งผล ปชช.จะได้กลับเข้าบ้าน

ที่ทำเนียบรัฐบาล นายวราวุธ ศิลปอาชา รมว.ทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม ให้สัมภาษณ์ถึงผลกระทบจากเหตุไฟไหม้ บริษัท หมิงตี้ เคมีคอล จำกัด ซ.กิ่งแก้ว อำเภอบางพลี จ.สมุทรปราการ ซึ่งเป็นโรงงานผลิตเม็ดโฟมพลาสติก ว่า ในส่วนของกระทรวงทรัพยากรธรรมชาติ โดยกรมควบคุมมลพิษ ได้หารือกับ บริษัท ปิโตรเคมีแห่งชาติ จำกัด (มหาชน) หรือ NPC ว่าจะสามารถใช้ออร์แกนิกเปอร์ออกไซด์ฉีดลงไปยังจุดที่มีสารสไตรีนเพื่อให้แข็งตัวติดไฟยากขึ้น ควบคุมเชื้อเพลิงได้ง่ายขึ้น ไม่ให้เกิดปะทุขึ้นมาใหม่ ซึ่งในวันเดียวกันนี้ทางกรมควบคุมมลพิษจะได้ประสานงานกับทางผู้ว่าราชการจังหวัดสมุทรปราการ เพื่อหารือให้ความเห็นชอบว่าจะให้นำสาร ดังกล่าวนี้มาหรือไม่

นายวราวุธ กล่าวว่า ในช่วงเช้าวันเดียวกันนี้ทั้งที่กิ่งแก้ว และที่ลาดกระบัง บริเวณโรงงานน้ำหอมนั้นก็สามารถควบคุมเพลิงได้หมดแล้ว ได้ให้ทางกรมควบคุมมลพิษ เข้าประเมินสถานการณ์ในช่วงเช้าว่าทั้งสองแห่งนั้นเกิดมลภาวะอย่างไรหรือไม่ โดยมีการเก็บตัวอย่างน้ำไปสำรวจ ทั้งเรื่องคราบน้ำมัน สารตกค้าง สารระเหย รวมถึงให้ตรวจสอบคุณภาพอากาศโดยรอบพื้นที่ด้วย

นายวราวุธ กล่าวว่า นอกจากนี้ได้ให้กรมทรัพยากรน้ำบาดาล ก็ได้ให้เร่งสำรวจคุณภาพน้ำทั้งบนผิวดินและใต้ดินโดยมีทั้งนักวิทยาศาสตร์ นักเคมีและนักธรณี ประชุมหารือร่วมกัน เพื่อดูในรัศมี ตั้งแต่ 0-12 กม. ให้ตรวจสอบตัวอย่าง ทั้งผิวดินและใต้ดินเนื่องจากอาจจะมีการซึมลงไปในน้ำผิวดินได้ หากได้ผลเป็นอย่างไรจะรีบแจ้งให้ประชาชนได้รับทราบ

นายวราวุธ กล่าวว่า ตอนนี้เรื่องอากาศอยู่ในระดับที่ปลอดภัยแล้วเพราะปริมาณสารพิษที่ขึ้นมานั้นลอยขึ้นไปสูงมาก และลอยไปไกลกระจายตัวไปในชั้นบรรยากาศแล้ว แต่ที่เรายังเป็นห่วงยังไม่กล้าให้เข้าไป อย่างเช่นเมื่อวานก่อนที่มีเพิ่งปะทุขึ้นมา จึงต้องทำให้แน่ใจเสียก่อนว่า เราสามารถบริหารเชื้อเพลิงได้ทั้งหมด จะได้ไม่มีการประทุตัวของไฟขึ้นมาอีก จึงได้พยายามประสานกับทางผู้ว่าราชการจังหวัดเพื่อนำออร์แกนิกเปอร์ออกไซด์ มาฉีดเพื่อทำให้สารเคมี ในพื้นที่แข็งตัวแล้วสามารถเก็บออกมาได้ เมื่อเราบริหารจัดการเชื้อเพลิงได้ทั้งหมดแล้วก็มั่นใจว่าการสำรวจน้ำ ก็จะได้ผลภายใน1-2 วัน ประชาชนจะได้อุ่นใจได้ว่าจะสามารถกลับเข้าบ้านได้เมื่อไหร่

นายวราวุธ กล่าวว่า ในส่วนของรถโมบาย ของกรมควบคุมมลพิษที่ใช้ตรวจสอบคุณภาพอากาศ ก็ยังประจำอยู่ในพื้นที่เกิดเหตุและวิ่งตรวจสภาพอากาศโดยรอบอยู่ นอกจากนั้นยังมีสถานีตรวจอากาศขนาดย่อม และมีหน่วยเคลื่อนที่เร็วที่ใช้ชุดตรวจแบบมือถือ ที่สามารถเข้าตรวจในพื้นที่ได้อย่างทันควัน ซึ่งเป็นส่วนสำคัญนั้น ก็ยังทำงานอยู่ในพื้นที่ จะเห็นได้ว่าอุปกรณ์เหล่านี้โดยปกติเหมือนจะไม่ค่อยได้ใช้แต่ในช่วงภาวะวิกฤตเช่นนี้มีความจำเป็นอย่างยิ่ง ขาดไม่ได้ ต้องขอขอบคุณเจ้าหน้าที่กรมควบคุมมลพิษทุกคนที่เป็นหนึ่งในทีมที่เข้าไปสำรวจคุณภาพอากาศ คุณภาพน้ำ มลภาวะต่าง ๆ เพื่อทุกคน เป็นหน่วยงานที่เข้าไปหลังเพลิงสงบซึ่งถือว่ามีความสำคัญไม่แพ้กัน

นายวราวุธ กล่าวว่า ขอให้ประชาชนทุกคนมั่นใจได้ว่าเจ้าหน้าที่ทุกฝ่าย ของกระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม ได้ประสานงานกับทางผู้ว่าราชการจังหวัดสมุทรปราการ กระทรวงมหาดไทย หน่วยงานที่เกี่ยวข้อง ที่จะทำให้สถานการณ์อยู่ภายใต้การควบคุมและปลอดภัย ประชาชนจะได้กลับเข้าเคหสถานได้ในเร็ววัน

“เลขาฯ สมช.” รอ ฟังสธ.เสนอล็อกดาวน์ ขอประเมินตัวเลข 15 วัน แจง หากล็อกปชช. กระทบมาก-ใช้งบเยียวยาสูง

ที่ทำเนียบรัฐบาล พล.อ.ณัฐพล นาคพาณิชย์ เลขาธิการสภาความแห่งชาติ (สมช.) ในฐานะผู้อำนวยการศูนย์ปฎิบัติการบริหารสถานการณ์การแพร่ระบาดของโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 (โควิด-19) หรือ ศปก.ศบค.กล่าวถึงข้อเสนอให้ ศบค.ล็อกดาวน์ เนื่องจากตัวเลขผู้ติดเชื้อและเสียชีวิตสูงขึ้นต่อเนื่อง ว่า ได้ยินอย่างนั้นเหมือนกัน แต่ตอนนี้รอข้อเสนออย่างเป็นทางการ และรับฟังความเห็นจากทางกระทรวงสาธารณสุขก่อนเป็นลำดับแรก โดย ศบค.พร้อมรับไว้พิจารณาอยู่แล้ว จากนั้นจะหารือกับหน่วยงานที่เกี่ยวข้องต่อไป ขณะนี้ตัวเลขผู้ติดเชื้อยังทรงตัวอยู่ แต่ตัวเลขจะถึงขั้นไหนค่อยมาว่ากันอีกที อยากให้สื่อทำความเข้าใจกับคำว่าล็อกดาวน์ ว่าหมายความว่าอย่างไร ถ้าเป็นเหมือนตอนเดือนเม.ย. 2563 คือการล็อกดาวน์จริง เพราะรวมถึงการเคอร์ฟิวส์ด้วย แต่หลังจากนั้นไม่ใช่ล็อกดาวน์แต่เป็นการปิดกิจการและจำกัดการเคลื่อนย้าย ฉะนั้นถ้าใช้คำว่าล็อกดาวน์ ในขณะนี้ที่เป็นการปิดบางกิจการ คนจะเข้าเข้าใจว่าเหมือนเดือน เม.ย.2563ซึ่งความหมายจผิดเพี้ยนไป

ผู้สื่อข่าวถ้าถามว่าจะพิจารณาเรื่องนี้ ในวันที่ 12 ก.ค.นี้ หรือไม่ พล.อ.ณัฐพล กล่าวว่า ถ้าตัวเลขเพิ่มขึ้นก็อาจจะเร็วกว่านั้น แต่ถ้ายังเป็นลักษณะขึ้นลงแบบนี้ อาจรอดูสถานการณ์ให้ครบ 15 วัน เพื่อประเมินทีเดียวแล้วดูให้ครบถ้วน โดยเราทำอย่างอื่นไปด้วยเช่น ควบคุมการเคลื่อนย้าย การแก้ปัญหารักษาพยาบาลเรื่องเตียงไม่พอ ไม่ใช่ว่าจะนั่งรอดูตัวเลขเฉย ๆ

เมื่อถามวาหากจะประกาศล็อกดาวน์ จะประกาศเฉพาะพื้นที่พบการแพร่ระบาดของเชื้อสายพันธุ์เดลต้ามากที่สุด หรือจะประกาศในภาพรวมทั้งหมด พล.อ.ณัฐพล กล่าวว่า จะเน้นเข้มข้นในพื้นที่แพร่ระบาดทั้งในกทม.และปริมณฑล หรือ 4 จังหวัดชายแดนภาคใต้ ส่วนพื้นที่อื่นจะมีมาตรการเสริม หากล็อกดาวน์หรือเซมิล็อกดาวน์ หรืออะไรก็ตาม ถ้าทำเฉพาะกทม.หรือปริมณฑล แต่พื้นที่อื่นไม่ทำจะไม่สอดคล้องกันฉะนั้นต้องลดหลั่นไปตามเหมาะสม

เมื่อถามว่าเหตุใดรัฐบาลถึงเลี่ยงคำว่าล็อกดาวน์ พล.อ.ณัฐพล กล่าวว่า ไม่ได้หลีกเลี่ยง แต่ความหมายต้องชัดเจน คำว่าล็อกคือไม่ให้ไปไหน แต่ช่วงหลังให้ไปไหนมาไหนได้ เมื่อใดที่ต้องใช้คำว่าล็อกดาวน์ หรือทำบางช่วงเวลาและบางพื้นที่ต้องระบุให้ชัดเจน 

เมื่อถามย้ำว่าการล็อกดาวช่วงเดือนเม.ย. 2563 ได้ผลจึงมีข้อเสนอให้ล็อกดาวน์ขึ้นมาอีกครั้ง พล.อ.ณัฐพล กล่าวว่า ต้องยอมรับความจริงว่าผู้ประกอบการหาเช้ากินค่ำ หรือผู้ที่ไม่มีรายได้ประจำเดือดร้อนมาก ถ้าทำอย่างนั้นคนจะเดือดร้อนจำนวนมาก ทั้งนี้ การทรวงการคลัง ได้แจ้งข้อมูลในช่วงเม.ย. 2563 ว่าใช้งบประมาณเยียวยา เดือนละเกือบ 3 แสนล้าน ถ้าเราทำอีกจะต้องหางบประมาณมาเยียวยาประชาชนอีกมาก ซึ่งในข้อเท็จจริงแม้จะใช้งบถึงเดือนละ 3 แสนล้านบาทก็ยังไม่สามารถเยียวยาประชาชนได้ทั่วถึง ทางศบค.คำนึงผลกระทบตรงนี้ที่มีต่อประชาชน จึงให้บางส่วนยังหากินได้ ไม่เสี่ยงต่อการแพร่ระบาดคือสิ่งที่ดีที่สุด และหากจะทำต้องวิเคราะห์ปัจจัยที่เป็นสาเหตุทั้งหมด ถ้ากระทรวงสาธารณสุข เห็นว่าต้นเหตุคือทั้งหมดทุกส่วนก็จำเป็นต้องล็อกดาวน์

เมื่อถามถึงมาตรการขอความร่วมมือเวิร์กฟอร์มโฮม แต่ยังไม่ถึง 75 เปอร์เซ็นต์ ศบค.จะมีมาตรการเพิ่มเติมหรือไม่ พล.อ.ณัฐพล กล่าวว่า ข้อกำหนดทุกฉบับที่ออกมาจะเน้นว่าให้ทำงานที่บ้านสูงสุด แต่ส่วนราชการบางส่วนมีภารกิจบริการประชาชน บางส่วนมีความสำคัญต่อการบริหารราชการแผ่นดิน บางส่วนมีหน้าที่ด้านความมั่นคง ที่จำเป็นต้องมาทำงาน โดยรัฐบาลและศบค.ย้ำเสมอว่าเมื่อมาทำงานต้องระวัง และที่ผ่านมาหน่วยงานที่จอความร่วมมือแต่ยังปฎิบัติไม่เต็มที่คือภาคเอกชน

กอ.รมน.แจง ไม่อพยพ 2 แคมป์แรงงาน ชี้ อยู่ห่างรัศมี เหตุไฟไหม้โรงงานย่านกิ่งแก้ว ป้องกันโควิด-19

พล.ต.ธนาธิป สว่างแสง โฆษกกองอำนวยการรักษาความมั่นคงภายในราชอาณาจักร (กอ.รมน.) เปิดเผยว่า ตามที่เกิดเหตุการณ์โรงงานผลิตเม็ดโฟมพลาสติก บริเวณซอยกิ่งแก้ว 21 อำเภอบางพลี จังหวัดสมุทรปราการ ระเบิดและมีเพลิงไหม้ส่งผลให้มีผู้เสียชีวิตจำนวน 1 ราย และบ้านเรือนได้รับความเสียหายกว่า 70 หลังคาเรือนนั้น

จากเหตุการณ์การดังกล่าวได้มีการประกาศให้เป็นพื้นที่ภัยพิบัติโดยมีผู้ว่าราชการจังหวัดสมุทรปราการเป็นผู้บัญชาการเหตุการณ์ โดยการช่วยเหลือในขั้นต้น กอ.รมน.จังหวัด สมุทรปราการ ได้ประสานขอกำลังพลชุดเคลื่อนที่เร็วจาก กองพลทหารราบที่ 11 เข้าช่วยเหลือและดูแลประชาชนโดยรอบพื้นที่เกิดเหตุ และดำเนินการอพยพประชาชนที่อยู่ใกล้เคียงในรัศมี 5 กม. ตามที่กรมป้องกันและบรรเทาสาธารณภัย มีคำสั่งให้อพยพประชาชนออกจากพื้นที่อย่างเร่งด่วน พร้อมทั้งได้จัดการจราจรในพื้นที่เพื่ออำนวยความสะดวกในการอพยพเคลื่อนย้าย และ รปภ. แก่ผู้ที่สัญจรผ่านเส้นทางที่กำหนด รวมทั้งการประชาสัมพันธ์กระจายข่าวสารตามประกาศของกรมอนามัย กระทรวงสาธารณสุข ให้ประชาชนทุกคนที่อยู่ในบริเวณพื้นที่เสี่ยง ต้องสวมหน้ากากอนามัยเพื่อหลีกเลี่ยงการสูดดมกลิ่นควันไฟที่เกิดจากการระเบิดของโรงงานผลิตเม็ดโฟมพลาสติกดังกล่าว

ในห้วงวันเดียวกัน ได้มีกำลังพลจาก กองบัญชาการกองทัพไทย โดยศูนย์บรรเทาสาธารณภัยกองทัพไทยส่วนหน้า และกำลังพลชุดเคลื่อนที่เร็ว กองพลทหารราบที่ 11 โดย ศูนย์บรรเทาสาธารณภัยกองทัพบก ได้เข้าร่วมสนับสนุนการแก้ไขปัญหาภายใต้การอำนวยการของผู้ว่าราชการจังหวัดสมุทรปราการซึ่งเป็น ผู้บัญชาการเหตุการณ์ในพื้นที่ 

โดยมีภารกิจสนับสนุนการเคลื่อนย้ายและอพยพประชาชนในพื้นที่เสี่ยง ไปยังศูนย์อพยพที่ได้จัดเตรียมไว้ทั้ง 3 แห่ง ได้แก่ 1.โรงเรียนเตรียมปริญญานุสรณ์ 2.องค์การบริหารส่วนตำบลบางพลีใหญ่ และ 3.วัดสลุด อ.บางพลีใหญ่ จ.สมุทรปราการ นอกจากนี้กำลังพลของกองทัพบกบางส่วน ยังได้เตรียมการเข้าประจำจุดที่กำหนดหากกรณีมีเหตุระเบิดเกิดขึ้นซ้ำในพื้นที่เกิดเหตุอีก 

สำหรับการดำเนินการตามข้างต้นนั้นได้มีการปฏิบัติเป็นไปตามขั้นตอนของการช่วยเหลือและบรรเทาสาธารณภัยภายใต้การอำนวยการและกำกับดูแลของผู้ว่าราชการจังหวัดสมุทรปราการ ผู้บัญชาการเหตุการณ์ ในพื้นที่ และจากการนำเสนอข่าวกรณีมีเจ้าหน้าที่ด้านความมั่นคง ควบคุมมิให้แรงงานภายในแคมป์ก่อสร้างอพยพออกมายังพื้นที่ด้านนอกในขณะนั้น เนื่องจากนายอำเภอบางพลี ผู้บัญชาการเหตุการณ์ในระดับอำเภอ ได้ประเมินสถานการณ์แล้วเห็นว่าทั้ง 2 แคมป์คนงานได้แก่ แกรนด์ เพอร์เฟค และ เล็ค เลเจนท์ ตั้งอยู่ในซอย ลาดกระบัง 20/3 ต.ราชาเทวะ มีระยะห่างจากจุดเกิดเหตุประมาณ 5 กิโลเมตร ยังมีความปลอดภัยอยู่ในขณะนั้น 

ประกอบกับ อยู่ในห้วงมาตรการป้องกันอันตรายจากการแพร่ระบาดของโรคโควิด - 19 รวมทั้งแคมป์ได้มีที่ตั้งอยู่ในบริเวณพื้นที่  โล่งแจ้งมีความปลอดภัยจากแรงระเบิดและกลุ่มควันจากสารเคมีในระดับหนึ่ง หากมีการประเมินสถานการณ์พิจารณาแล้วพบว่ามีการขยายวงกว้างของพื้นที่ที่ได้รับผลกระทบ จะดำเนินการเคลื่อนย้ายโดยใช้มาตรการการป้องกันการแพร่กระจายของโรคโควิด - 19 อย่างเร่งด่วนทันที ทั้งนี้ กอ.รมน. มิได้นิ่งนอนใจได้มีการเฝ้าติดตามสถานการณ์อย่างใกล้ชิดรวมทั้งอำนวยความสะดวกในการติดต่อประสานงานหน่วยงานที่เกี่ยวข้องเข้าร่วมแก้ไขปัญหาอย่างต่อเนื่อง

ครม.ไฟเขียว แก้ระเบียบฯ จ่ายค่าตอบแทนนำจับยาเสพติด เพื่อให้เกิดความเหมาะสมกับภารกิจ-การปราบปรามเป็นไปอย่างมีประสิทธิภาพ- ขยายผลผู้บงการ

ที่ทำเนียบรัฐบาล น.ส.รัชดา ธนาดิเรก รองโฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี แถลงหลังการประชุมคณะรัฐมนตรี (ครม.) ว่า เห็นชอบแก้ไขระเบียบสำนักนายกรัฐมนตรี ว่าด้วยการจ่ายเงินค่าตอบแทนผู้แจ้งความนำจับ เงินค่าตอบแทนเจ้าหน้าที่ และเงินช่วยเหลือในการปฏิบัติงานยาเสพติด พ.ศ.2561 ตามที่กระทรวงยุติธรรมเสนอ โดยแก้ไขปรับปรุงเกี่ยวกับหลักเกณฑ์การจ่ายเงินค่าตอบแทนให้แก่เจ้าหน้าที่ในการปฏิบัติงานยาเสพติด กรณียึดได้แต่ยาเสพติด รวมทั้งแก้ไขเพิ่มเติมระยะเวลาการยื่นคำขอรับเงินค่าตอบแทน เพื่อให้การจ่ายค่าตอบแทนเกิดความเหมาะสมกับภารกิจ ส่งผลให้การปราบปรามยาเสพติดเป็นไปอย่างมีประสิทธิภาพและมุ่งเน้นให้เกิดการสืบสวนขยายผลไปยังเจ้าของยาเสพติด เครือข่ายนายทุน หรือผู้สั่งการที่อยู่เบื้องหลัง ซึ่งร่างระเบียบมีสาระสำคัญดังนี้

น.ส.รัชดา กล่าวว่า กำหนดให้จ่ายเงินค่าตอบแทน เมื่อเจ้าหน้าที่ดำเนินการจนสามารถจับกุมผู้กระทำผิดและพนักงานอัยการสั่งฟ้อง หรือศาลออกหมายจับและเลขาธิการสำนักงานคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามยาเสพติด (ป.ป.ส.) มีคำสั่งให้ยึดทรัพย์สินที่เกี่ยวข้องกับการกระทำความผิดเกี่ยวกับยาเสพติด มีมูลค่าไม่ต่ำกว่า 100,000 บาท โดยให้จ่ายค่าตอบแทนร้อยละ 50 ของจำนวนเงินที่คำนวณได้จากปริมาณยาเสพติด จากเดิมที่กำหนดให้จ่ายเงินค่าตอบแทนร้อยละ 25 ของจำนวนเงินที่คำนวณได้จากปริมาณยาเสพติด เมื่อพนักงานอัยการสั่งงดการสอบสวน สั่งไม่ฟ้อง หรือมีความเห็นว่าควรสั่งฟ้อง

น.ส.รัชดา กล่าวว่า กำหนดระยะเวลาการยื่นคำขอรับเงินค่าตอบแทนภายใน 180 วัน เมื่อพนักงานอัยการมีคำสั่งเกี่ยวกับคดี หากเป็นกรณีศาลออกหมายจับผู้กระทำความผิดและเลขาธิการ ป.ป.ส. มีคำสั่งให้ยึดทรัพย์ที่เกี่ยวข้องกับการกระทำความผิดเกี่ยวกับยาเสพติด ให้ยื่นคำขอภายใน 180 วัน นับแต่ศาลออกหมายจับและเลขาธิการ ป.ป.ส. มีคำสั่งให้ยึดทรัพย์สิน จากเดิมที่ให้ยื่นคำขอเมื่อพนักงานอัยการมีคำสั่งเกี่ยวกับคดี หรือภายในกำหนด 180 วัน นับแต่วันที่ศาลชั้นต้นมีคำพิพากษา

“อนุชา” ฟุ้ง วัคซีนมี 3 แพลตฟอร์ม หวังปชช.มั่นใจ 

ที่ทำเนียบรัฐบาล นายอนุชา บูรพชัยศรี โฆษกประจำสำนักนายกฯ ตอบคำถามแทนพล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกฯและรมว.กลาโหม ถึงกรณีกลุ่มคณะแพทย์เตรียมยื่นรายชื่อ 2,200 รายชื่อเรียกร้องให้เปลี่ยนวัคซีนหลักของประเทศเป็นชนิด Mrna ว่าในคณะรัฐมนตรีวันเดียวกันนี้ได้พูดคุยในเรื่องดังกล่าว โดยพิจารณาถึงความเหมาะสมในการจัดหาวัคซีนเข้ามาให้ประชาชน ซึ่งปัจจุบันเรามีวัคซีนหลายแพลตฟอร์ม ทั้ง วัคซีนเชื้อตายที่ส่วนใหญ่มาจากประเทศจีน ทั้งชิโนแวดและชิโนฟาร์ม นอกจากนั้นก็ยังมีวัคซีนที่เป็นเทคโนโลยี เทคโนโลยีไวรัลเวกเตอร์ คือ แอสตราเซเนกา และเทคโนโลยี Mrna วันนี้ก็ได้พิจารณาเห็นชอบให้หน่วยงานที่เกี่ยวข้องดำเนินการลงนามสัญญาไฟเซอร์ 20 ล้านโดส และจำนวนวัคซีนบางส่วนที่ได้รับบริจาคมาจากสหรัฐอเมริกาด้วย ถือว่าเรามีถึง 3 แพลตฟอร์ม หวังว่าประชาชนจะมีความมั่นใจเกี่ยวกับวัคซีนที่มีอยู่ เมื่อถามว่ารัฐบาลจะมีมาตรการเชิงรุกอย่างไรที่จะไม่ทำให้ตัวเลขผู้ติดเชื้อสูงขึ้นรายวันลดลงภายใน 1 เดือน นายอนุชา กล่าวว่า เรื่องนี้ต้องพิจารณาทั้งในส่วนของเศรษฐกิจและสาธารณสุขควบคู่กัน รวมถึงการเยียวยาผู้ได้รับผลกระทบซึ่งวันนี้ก็ได้มีออกมาด้วยเช่นกัน ถ้ามีมาตรการอะไรออกมาอีกก็จะพิจารณาการเยียวยาควบคู่กันไป 

รัฐบาลไต้หวัน - รัฐบาลขอทาน!! | NEW GENS TIMES ชวนคิด กับ กิตติธัช

รัฐบาลไต้หวัน​ - รัฐบาลขอทาน!! 

NEWS GEN TIMES ชวนคิด กับ กิตติธัช

โดย อ.ต้อม - กิตติธัช ชัยประสิทธิ์ นักวิชาการอิสระ และอาจารย์ด้านสถาปัตยกรรม สอนพิเศษด้าน ปรัชญาการเมือง สถาบันเทคโนโลยีพระจอมเกล้าคุณทหารลาดกระบัง

.

.


โปรเด็ด! ถึง 15 ก.ค. นี้ Ford Ranger, MG ZS, Mazda 2 และ Nissan อัลเมร่า ทักไลน์ @THESHOPSTIMES 
คลิก????https://lin.ee/vfTXud9

ครม. ไฟเขียว จัดหา 3 วัคซีน Sinovac – Pfizer - Moderna

นายอนุชา บูรพชัยศรี โฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี เปิดเผยว่า ที่ประชุมคณะรัฐมนตรี (ครม.) อนุมัติโครงการจัดหาวัคซีนป้องกันโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 (COVID-19) สำหรับบริการประชาชนในประเทศไทยเพิ่มเติม จำนวน 10.9 ล้านโดส  (Sinovac) กรอบวงเงิน 6,111.412 ล้านบาท  โดยจะจัดหาวัคซีนป้องกันโควิด-19 ที่ใช้เทคโนโลยีอื่นและสามารถป้องกันการติดเชื้อโควิด-19 กลายพันธุ์สูงกว่าควบคู่ไปด้วยในจำนวนการจัดหาวัคซีนป้องกันโควิด-19 จำนวน 10.9 ล้านโดส เพื่อสร้างภูมิคุ้มกันหมู่ให้กับประชาชน ตามแผนการจัดหาวัคซีนป้องกันโควิด-19 ในส่วนที่เหลือเพื่อให้สามารถจัดหาวัคซีนให้แก่ประชาชนให้ครบ 150 ล้านโดส ภายในไม่เกินไตรมาสที่ 2 ของ ปี 2565  

รูปแบบโครงการฯ เป็นการจัดหาวัคซีนโควิด-19 สำหรับสร้างภูมิคุ้มกันโรคแก่บุคลากรและประชาชนกลุ่มเสี่ยง 4 กลุ่ม ได้แก่ 1. บุคลากรทางการแพทย์และสาธารณสุข 2. ประชาชนที่มีโรคประจำตัวตามที่กำหนด 3. ประชาชนที่มีอายุ 60 ปีขึ้นไป 4. เจ้าหน้าที่ที่เกี่ยวข้องกับการควบคุมโรคโควิด -19 ที่มีโอกาสสัมผัสผู้ป่วย  ระยะเวลาดำเนินการ 2 เดือน (กรกฎาคม-สิงหาคม) 

ทั้งนี้ กรมควบคุมโรคกำหนดจัดหาวัคซีนโควิด-19 ในเดือนกรกรกฎาคม จำนวน 3,894.8000  ล้านบาทและเดือนสิงหาคม จำนวน 2,169.9600 ล้านบาท โดยมีค่าบริการจัดการวัคซีนโควิด-19 และในส่วนที่เกี่ยวข้องอีก 46.6520 ล้านบาท รวมวงเงินทั้งสิ้น 6,111.4120 ล้านบาท  

“สำหรับวัคซีนจากบริษัท Sinovac จำนวน 10.9 ล้านโดส เพื่อช่วยให้ประชาชนสามารถเข้าถึงวัคซีนโควิด-19  ตามนโยบายรัฐบาล สร้างภูมิคุ้มกันโรคแก่ประชาชน ลดอัตราการป่วย/เสียชีวิต รวมทั้งลดค่าใช้จ่ายในการดูแลผู้ป่วย” 

ขณะเดียวกัน ที่ประชุมครม. ยังเห็นชอบวัคซีน “ไฟเซอร์” (Pfizer) ซึ่งเป็นวัคซีนหลักฉีดฟรีให้ประชาชน โดยกระทรวงสาธารณสุขมอบหมายอธิบดีกรมควบคุมโรคดำเนินการ และนำข้อสังเกตของอัยการสูงสุด ไปการเจรจาจัดหา จำนวน 20 ล้านโด๊ส แต่ยังไม่สามารถเปิดเผยรายละเอียดในสัญญาได้ รวมถึงการรับมอบวัคซีนบริจาคจากรัฐบาลสหรัฐฯ ด้วย

นอกจากนี้ ครม. ยังเห็นชอบจัดซื้อวัคซีน “โมเดอร์น่า” (Moderna) ซึ่งวัคซีนทางเลือก โดยซื้อกับเอกชน ดำเนินการโดยกระทรวงสาธารณสุข ให้องค์การเภสัช เป็นตัวกลางจัดหา และผู้อำนวยการองค์การเภสัช (อภ.) เป็นผู้ลงนามในสัญญา ซึ่งยังไม่ได้ระบุจำนวน รอยืนยันยอดจัดซื้อจากเอกชนก่อน ซึ่งเร็ว ๆ นี้จะได้ข้อสรุป

“อนุทิน” เผยข่าวดี ครม.อนุมัติจัดหาไฟเซอร์ โมเดอร์นาแล้ว 

ที่กระทรวงสาธารณสุข (สธ.) นายอนุทิน ชาญวีรกูล รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการ สธ. ให้สัมภาษณ์ถึงความคืบหน้า การจัดหาวัคซีนโควิด 19 ว่า ได้มีการนำเรื่องการจัดหาวัคซีนไฟเซอร์และโมเดอร์นาตามนโยบายของ ศบค.และรัฐบาลเข้าสู่การพิจารณาของ ครม. ในที่ประชุมได้ซักถามข้อสงสัย และมีการชี้แจงถึงความจำเป็นเร่งด่วน ที่สุดแล้ว ทางคณะรัฐมนตรีได้เห็นชอบ และให้กรมควบคุมโรค ลงนามสัญญาจัดหาวัคซีนไฟเซอร์ และรับการสนับสนุนจากรัฐบาลสหรัฐอเมริกา 
ร่างสัญญาเรื่องวัคซีน ที่ให้สำนักงานอัยการสูงสุดพิจารณา ทั้งของกรมควบคุมโรคกับไฟเซอร์ และขององค์การเภสัชกรรมกับโมเดอร์นา ทางกระทรวงสาธารณสุขได้รับทราบความเห็นกลับมาแล้ว แน่นอนว่ากระทรวงสาธารณสุขจะเดินหน้าเรื่องนี้ให้ดีที่สุด หน่วยงานที่เกี่ยวข้องจะหาเงื่อนไขที่เหมาะสมก่อนลงนาม ซึ่งทั้งหมด ยังอยู่ในเงื่อนเวลาที่จะเจรจาได้ โดยมีเวลาพอสมควร หลังจากที่ลงนามใน Term Sheet ไปแล้วก่อนลงนามสัญญาจัดซื้อ อย่างไรก็ตาม จะไม่กระทบเวลาส่งมอบวัคซีนตามแผน เมื่อถามถึงข้อเรียกร้องเรื่องการจัดหาวัคซีนแบบ mRNA อย่างเร่งด่วน นายอนุทิน กล่าวว่า พร้อมรับฟัง และหาทางออกแน่นอน ทั้งนี้ ขอยืนยันว่า การพิจารณาวัคซีนของไทย ตั้งอยู่บนหลักการพิจารณาจากหลักฐานข้อมูล และทางวิชาการเป็นสำคัญ ส่วนข้อเสนอต่างๆ จากหลายๆ ฝายนั้น ทางภาครัฐไม่ปิดกั้นแน่นอน สามารถเสนอเข้ามาได้ และเมื่อมีข้อสงสัย ภาครัฐ ก็พร้อมจะชี้แจง 


© Copyright 2021, All rights reserved. THE STATES TIMES
Take Me Top