“สงคราม”ชี้มาตรการรัฐคือคำสั่งประหารผู้ประกอบการ อัดสั่งปิดแคมป์คนงานไร้แผนรองรับทำไวรัสกระจายทั่วไทย
นายสงคราม กิจเลิศไพโรจน์ ประธานคณะกรรมการยุทธศาสตร์พรรคเพื่อชาติ อดีตรัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงพาณิชย์ เปิดเผยว่ามาตรการล็อกดาวน์กรุงเทพมหานคร ปริมณฑลและจังหวัดชายแดนใต้สี่จังหวัด หลังจากที่เกิดโควิดระบาดในพื้นที่กรุงเทพมหานครมีคลัสเตอร์ต่างๆ การประกาศปิดแค้มคนงานก่อสร้าง ห้ามทานอาหารในร้านเป็นเวลา 30 วัน รัฐบาลหยุดการะบาดของไวรัสโควิด-19 แต่มาตการที่ออกมากลับไม่พบว่ามีแผนงานรองรับ และสร้างผลกระทบที่หนักขึ้น เพราะล่าสุดพบว่าคนงานในแคมป์จำนวนมากเดินทางกลับภูมิลำเนา ดังนั้นมาตรการดังกล่าวไม่ต่างจากรัฐบาลกำลังส่งออกเชื้อไวรัสร้ายไปยังพื้นที่ต่างๆทั่วประเทศ มาตรการนี้จะส่งผลให้เชื้อไวรัสกระจายมากกว่าที่คาดการณ์ไว้
พลเอกประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี ออกมาตรการบนฐานของความไม่รู้ ส่งผลให้สถานการณ์เลวร้ายมากขึ้น หากการติดเชื้อเพิ่มสูงขึ้นกว่านี้ รัฐบาลจะทำอย่างไร การแก้ปัญหาไวรัสโควิดของรัฐบาลที่ผ่านมา 2 ปี ไม่ต่างจากการเลี้ยงไข้ เลี้ยงสถานการณ์ไวรัสเพื่อผลประโยชน์ ทางการเมืองมากกว่า เพราะสามารถใช้ทั้งอำนาจและงบประมาณได้อย่างเต็มที่
นายสงคราม กล่าวด้วยว่า ในส่วนของการออกคำสั่งห้ามนั่งรับประทานอาหารในร้านรอบล่าสุดของภาครัฐ เหมือนคำสั่งประหารชีวิตผู้ประกอบการ มาตรการที่ออกมาเป็นมาตการที่ไร้ความรับผิดชอบต่อผลกระทบที่เกิดขึ้น รัฐบาลหวังแต่การแก้ปัญหาเฉพาะหน้า โดยไม่มองระยะยาวและผลกระทบที่จะเกิดตามมา เช่น การที่ร้านอาหารสามารถขายได้แค่เฉพาะการสั่งกลับบ้าน นั่นหมายถึงรายได้เขาจะลดลงเหลือแค่ 10% ของรายได้ปกติ ขณะที่ต้นทุนอื่นๆ ยังเท่าเดิม ในภาวะแบบนี้คงไม่มีใครอยู่ได้ ซึ่งท้ายที่สุดจะเกิดการเลิกจ้างครั้งใหญ่
“ปัญหาวิกฤตการแพร่ระบาดของไวรัสโควิด-19 ตั้งแต่ช่วงระลอกแรก ซึ่งก่อให้เกิดความสูญเสียด้านรายได้อย่างมาก โดยปัจจุบัน ผู้ประกอบการร้านอาหารจำนวนไม่น้อยต้องประสบปัญหาขาดทุนอย่างหนักจนหลายรายต้องปิดกิจการ เพราะผู้ประกอบการร้านอาหารขนาดกลางและเล็กที่เข้าไม่ถึงมาตรการช่วยเหลือด้านการเงินของรัฐบาล แล้วผู้ประกอบการเหล่านี้จะฝ่าวิกฤตได้อย่างไร การออกมาตรการของรัฐบาลเป็นไปอย่างไร้ความยั้งคิด จึงเป็นการทำลายมากกว่าสร้างสรรค์” นายสงคราม กล่าว
