Tuesday, 5 December 2023
POLITICS NEWS

‘นายกฯ’ ขอบคุณสังคมไทยทุกภาคส่วน เปิดใจให้โอกาสคนพิการ ฟาก รบ.ยัน!! มุ่งมั่นให้ความสำคัญทุกกลุ่ม ภายใต้สวัสดิการแห่งรัฐ

(3 ธ.ค. 66) นายเศรษฐา ทวีสิน นายกรัฐมนตรี และรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลัง กล่าวเนื่องในวันคนพิการสากล ประจำปี 2566 ว่า…

3 ธันวาคมของทุกปี องค์การสหประชาชาติได้กำหนดให้วันนี้เป็น ‘วันคนพิการสากล’ (International day of persons with disability) เพื่อส่งเสริมความเข้าใจในปัญหาความทุพพลภาพ และระดมการสนับสนุน เพื่อศักดิ์ศรี สิทธิ และสวัสดิภาพของคนพิการ โดยในปี 2566 นี้ องค์การสหประชาชาติได้กำหนดประเด็นหลัก คือ ‘รวมพลังเป็นหนึ่งเดียวเพื่อพลิกฟื้นและบรรลุเป้าหมายการพัฒนาที่ยั่งยืน ร่วมกับคนพิการ เพื่อคนพิการ โดยคนพิการ’ (United in action to rescue and achieve the SDGs for, with and by persons with disabilities)

นายกฯ กล่าวว่า ตัวเลขจากรายงานสถานการณ์คนพิการในประเทศไทย โดยกระทรวงการพัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์ ตอกย้ำความเปราะบางสถานการณ์คนพิการของไทย ที่มีอุปสรรคนอกเหนือความสามารถในการใช้ชีวิตอิสระแล้ว ยังถูกซ้อนทับด้วยความสามารถในการเข้าถึงการศึกษา และมีความเป็นอยู่ยากลำบากขึ้นในสภาวะความสูงอายุ โดยมีปัจจัยหลักมาจากปัญหาความยากจน คนพิการในประเทศไทยจำนวน 2.2 ล้านคน เป็นผู้พิการในกลุ่มอายุมากกว่า 60 ปี 1.29 ล้านคน หรือเกินครึ่ง และมีคนพิการที่จบการศึกษาระดับชั้นประถมศึกษาจำนวน 1.4 ล้านคน ซึ่งเกินครึ่งอีกเช่นกัน ส่วนคนพิการในวัยแรงงาน 860,000 คน ได้รับการจ้างงานที่ 54,000 คน จากสถานประกอบการ 2 หมื่นแห่ง

ขอบคุณประชาชน สถานประกอบการ รวมทั้งหน่วยงานของรัฐ ที่ให้โอกาสคนพิการ ได้แสดงศักยภาพเพื่อยกระดับคุณภาพชีวิต ให้เขาเหล่านั้นได้ร่วมเป็นพลังสร้างเศรษฐกิจ ผลักดันประเทศไทยไปข้างหน้า ไม่ต่างจากเรา ยืนยันว่า รัฐบาลให้ความสำคัญกับความเท่าเทียมของคนทุกกลุ่ม ไม่ว่าจะเป็นกลุ่มเปราะบาง คนพิการ ผู้สูงอายุ และกลุ่มชาติพันธุ์ โดยจะดูแลให้มีเกียรติ มีศักดิ์ศรี มีงาน มีรายได้ และมีคุณภาพชีวิตที่ดีกว่าเดิมด้วยสวัสดิการโดยรัฐ และ “สวัสดิการโดยรัฐ” ที่เราพยายามทำอย่างยิ่งคือการจัดสวัสดิการตั้งแต่ต้นตอ คือการสร้างรายได้ให้คนไทยทุกคน ลดรายจ่ายภาครัฐ ใช้ทรัพยากรที่จำกัดยิงศรให้ตรงเป้า ให้ได้ผลเท่าทวีคูณ ซึ่งหวังผลสู่การยกระดับคุณภาพชีวิตที่ดีขึ้นของคนไทยทุกคน ขจัดความเหลื่อมล้ำที่มีอยู่มากลง สร้างสังคมที่หยิบยื่นโอกาสอย่างเท่าเทียม

“เราจะเปลี่ยนแปลงประเทศนี้ให้ดีขึ้น โดยมีเป้าหมายที่สำคัญที่สุดคือ ‘ไม่ทิ้งใครไว้ข้างหลัง’ (Leave no one behind)”

‘เพจดัง’ แฉ!! ‘สส.ก้าวไกล’ อ้างชื่อ กมธ.แรงงาน หาผลประโยชน์ สร้างซีนหล่อให้ ‘พิธา’ ประสานช่วยเหลือแรงงานไทยในอิสราเอล

เมื่อวันที่ 2 ธ.ค. 66 เพจเฟซบุ๊ก ‘วันนี้ก้าวไกลโกหกอะไร’ โพสต์ภาพหนังสือคณะกรรมาธิการการแรงงาน สภาผู้แทนราษฎร ลงวันที่ 30 พฤศจิกายน 2566 เรื่องร้องเรียนพฤติกรรมแสวงหาประโยชน์โดยมิชอบของนายสุเทพ อู่อ้น กรณีแรงงานไทยในอิสราเอล โดยมีเนื้อหาสรุปว่า ได้สอบข้อเท็จจริงแล้ว ปรากฏว่า นายสุเทพ อู่อ้น ดำรงตำแหน่งรองประธาน กมธ.แรงงาน คนที่ 2 แต่การกระทำดังกล่าวของนายสุเทพ เป็นการกระทำส่วนบุคคล มิได้เกี่ยวข้องกับหน้าที่และอำนาจของคณะกรรมาธิการ หรือเป็นไปตามที่ที่ประชุมมอบหมายแต่อย่างใด

โดยระบุว่า ทุกคนคะ กรณีคุณพิธาได้โพสต์ลงโซเชียล มอบหมายให้ สส.สุเทพ อู่อ้น อดีต กมธ.แรงงาน เป็นผู้ประสานงาน ‘กรณีช่วยเหลือแรงงานไทยในอิสราเอล’

คุณสุเทพได้ติดต่อกับผู้ประสานงานคนไทย และสัญญาว่าจะให้ตำแหน่งอนุกรรมาธิการหรือให้รางวัล เพื่อต้องการได้ข้อมูลจากผู้ประสานงานไปให้คุณพิธา

ทีมงานเพจได้สอบถามไปทาง กมธ.แรงงาน พบว่า เรื่องที่คุณพิธาและคุณสุเทพดำเนินการต่างๆ ‘เป็นการกระทำส่วนบุคคล ไม่ได้มีส่วนและอำนาจหน้าที่ของ กมธ. แต่อย่างใด’

หนูขอประกาศว่า หากท่านใดถูกแอบอ้างหรือสัญญาว่าจะให้จากบุคคลทั้ง 2 แจ้งร้องทุกข์มาที่เพจได้ค่ะ ทางเรายินดีช่วยเหลือ

ผู้สื่อข่าวรายงานเพิ่มเติมว่า ทั้งนี้ เมื่อวันที่ 15 พฤศจิกายน 2566 ที่อาคารรัฐสภา นายสฤษฏ์พงษ์ เกี่ยวข้อง ประธานคณะ กมธ.การแรงงาน และคณะ รับยื่นหนังสือจาก นายแทนคุณ จิตต์อิสระ ตัวแทนชมรมสันติประชาธรรม และคณะ เรื่อง ร้องเรียนพฤติกรรมแสวงหาประโยชน์โดยมิชอบของอดีตประธานคณะ กมธ.การแรงงาน ชุดที่ 25 กรณีแรงงานไทยในอิสราเอล

เนื่องจากอดีตประธานคณะ กมธ.การแรงงาน ซึ่งเป็น สส.พรรคก้าวไกล และขณะนี้ดำรงตำแหน่งรองประธานคณะ กมธ.การแรงงาน คนที่ 2 ได้ติดต่อไปยังผู้ประสานงานแรงงานไทยในอิสราเอล และขอข้อมูลทั้งรายชื่อและเบอร์โทรศัพท์ โดยอ้างว่าจะนำไปหาทางช่วยเหลือ ซึ่งทราบว่าได้มีการส่งมอบให้กับกระทรวงแรงงาน

ทั้งนี้ ผู้ประสานงานได้ขอร้องให้อดีตประธานคณะ กมธ.การแรงงานทราบว่า อย่าโทรศัพท์หาแรงงานโดยตรง ให้ประสานผ่านผู้ประสานงาน เพื่อป้องกันการติดตามสัญญาณมือถือจากผู้ก่อการร้าย ที่อาจรู้พิกัดของแรงงานไทยได้ แต่ไม่ได้ปฏิบัติตามและได้มีการติดต่อไป จึงเป็นการเพิ่มความเสี่ยงต่อชีวิตของแรงงานไทย อีกทั้งผู้ประสานงานยังพบว่าอดีตประธานคณะ กมธ.การแรงงาน ได้นำข้อมูลของแรงงานไทยไปมอบให้อดีตหัวหน้าพรรคก้าวไกล (ซึ่งดำรงตำแหน่งหัวหน้าพรรคก้าวไกลในขณะนั้น) เพื่อให้นำไปแจ้งต่อสื่อมวลชนว่าอดีตหัวหน้าพรรคเป็นผู้ประสานงานแรงงานไทย ทั้งที่แรงงานไทยไม่ได้รับการประสานงาน และให้ความช่วยเหลือแต่อย่างใด

นอกจากนี้ อดีตประธานคณะ กมธ.การแรงงาน ได้มีการเชิญชวนบุคคลภายนอก โดยอ้างว่าสามารถแต่งตั้งให้ผู้ประสานงานดำรงตำแหน่งอนุ กมธ.การแรงงานได้ ดังนั้น จึงขอให้นายสฤษฏ์พงษ์ เกี่ยวข้อง ประธานคณะ กมธ.การแรงงาน ตรวจสอบพฤติกรรมบุคคลดังกล่าว เพื่อดำเนินการตามกลไกรัฐสภาต่อไป

นายสฤษฏ์พงษ์ เกี่ยวข้อง กล่าวภายหลังรับหนังสือว่า การกระทำของอดีตประธานคณะ กมธ.การแรงงาน เป็นการกระทำในนามส่วนตัว อย่างไรก็ตาม คณะ กมธ.การแรงงานได้ประสานกับกระทรวงแรงงานเกี่ยวกับแรงงานไทยในอิสราเอลตั้งแต่เบื้องต้นแล้ว ส่วนการเชิญชวนบุคคลภายนอกเข้ามาเป็นคณะอนุ กมธ.นั้น คณะ กมธ.จะนำไปพิจารณาเพื่อรับฟังข้อเท็จจริงต่อไป

‘ลอรี่’ วอน!! ฝ่ายค้านมองก.พลังงานแก้ ‘ค่าไฟแพง’ แบบใจเป็นธรรม แนะ!! หยุดเอาแต่ค้านเชิงทฤษฎีกลวงๆ ช่วยเห็นทุกข์ร้อนของปชช.บ้าง

(2 ธ.ค.66) นายพงศ์พล ยอดเมืองเจริญ รองโฆษกพรรครวมไทยสร้างชาติ (รทสช.) โพสต์เฟซบุ๊กเกี่ยวกับนโยบายการปรับลดค่าไฟ โดยมีเนื้อหาว่า

[ลดค่าไฟระยะสั้น เห็นโจมตีจัง...]

ถามก้าวไกล ค่าไฟ 4.68 .- พอใจให้ปชช.ใช้ราคานี้อีกหลายปี เพื่อรอแก้ระยะยาวอย่างเดียว...จะเอางั้นเหรอ?

ตามที่มีตัวแทนฝ่ายค้าน ออกมาค้านรายวัน เรื่องการปรับลดค่าไฟให้พี่น้องปชช. จาก 4.68  บาท/หน่วย ที่กระทรวงพลังงานพยายามปรับลดลงให้เหลือ 4.20บาท/หน่วยนั้น ทั้งที่เป็นเรื่องดีที่ช่วยลดภาระปชช. สมควรจัดการก่อน

"คนลำบากเพราะ 'ค่าไฟแพง' เทียบเหมือน เห็น 'คนกำลังจมน้ำ' ตรงหน้า ยังไงก็ต้องช่วยจะไปอ้างต้องแก้ที่ต้นเหตุ 'สอนให้เค้ารู้จักว่ายน้ำ' ก่อน.. คงไม่มีใครรอดหรอกนะครับ"

ในฐานะกระทรวงที่เป็นฝ่ายบริหาร การแก้ค่าไฟแพง ต้องทำทั้ง ‘ลดระยะสั้น’ และ ‘หั่นโครงสร้างระยะยาว’ ซึ่งกระทรวงพลังงาน ภายใต้ รมว.พีระพันธุ์ สาลีรัฐวิภาค เราทำอยู่ทั้งคู่ ..หยุดเอาแต่ค้านเชิงทฤษฎีกลวงๆ แต่ขาดความเข้าใจในการทำงานจริงได้แล้ว

ทางที่ดีต้องทำคู่ขนาน เฉพาะหน้าต้องเยียวยาปชช.ต่อลมหายใจไม่ให้รับภาระเกินไป ภายใต้โครงสร้างเดิมที่มี และขณะเดียวกัน 'รื้อ' ปรับโครงสร้างไฟฟ้า โดยเฉพาะแก้ไขรายละเอียดผลิตก๊าซธรรมชาติ - แก้กฎหมายควบคุมหลายฉบับ - รวมถึงเพิ่มพลังงานไฟฟ้าสะอาดในประเทศ ซึ่งใช้เวลาเป็นปี ซึ่งเราก็เน้นทั้งคู่ ให้ราคาไฟฟ้าต่อหน่วย ถูกลงในระยะยาว 3 บาทกว่า โดยรัฐไม่ต้องใส่เงินอุดหนุน

กระทรวงพลังงานเดินหน้าทำอยู่ ด้วยคณะกรรมการทรงคุณวุฒิเป็น 10 ชุด ขอให้ท่านเชื่อมือการบริหาร อย่าพาลใช้ข้อมูลชุดเก่าๆ ที่เราก็มี มาโจมตีรัฐบาลเลย

หวังว่าวันนึงท่านจะมองภาพให้กว้าง เปิดใจให้คนทำงานขึ้น มองเห็นทุกข์ร้อนประชาชนผู้ใช้ไฟระยะสั้นบ้าง และวันนั้นท่านจะไม่ออกมาพูด เอาดีเข้าตัวแบบนี้ครับ

‘ไอซ์ รักชนก’ ลุ้น!! 13 ธ.ค.นี้ วันชี้ชะตาฟังคำพิพากษาคดี ม.112 ชี้ ออกได้ 2 ทาง หนักสุดจำคุก-ไม่ให้ประกันตัวจะพ้นสภาพสส.ทันที

(2 ธ.ค.66) นางสาวรักชนก ศรีนอก สส.กรุงเทพฯ พรรคก้าวไกล โพสต์เฟซบุ๊กว่า นับถอยหลัง 13 วัน ฟังคำพิพากษา เดินหน้าเข้าสู่กระบวนการยุติธรรม

หลายคนคงทราบข่าวเรื่องศาลรัฐธรรมนูญ ไม่รับคำร้องที่ไอซ์ฟ้องว่ากฎหมาย พรบ.คอมพิวเตอร์ขัดรัฐธรรมนูญ นั่นหมายความว่าถ้าไม่มีอะไรเปลี่ยนแปลง ในวันที่ 13 ธันวาคมนี้ ศาลอาญารัชดา ก็จะอ่านคำพิพากษาคดี 112 ของไอซ์

คดีหมายเลขดำที่ อ 683/2565 โจทย์ที่ยื่นฟ้อง มาตรา 112 พรบ.คอมพิวเตอร์คดีก็ดำเนินมาจนถึงวันนี้ นับถอยหลัง 13 วัน ฟังคำพิพากษา ในวันที่ 13 ธันวาคม 2566 เนื่องจากวันนั้นเป็นวันแรกของการเปิดสมัยประชุมสภา โดยจะมีการประชุมสภา ไอซ์จึงทำหนังสือเพื่อขอเลื่อนฟังคำพิพากษา เนื่องจากติดประชุมสภา ซึ่งต้องแล้วแต่ดุลยพินิจของศาล ว่าจะให้เลื่อนหรือไม่

สส.รักชนก ระบุว่าโดยคดีนี้สามารถมีคำพิพากษาออกได้ 2 แนวทาง คือ

1.หากศาลตัดสินว่าไอซ์ไม่มีความผิด ทุกอย่างก็จะจบลง (ถ้าอัยการไม่อุทธรณ์)
2.หากศาลตัดสินว่ามีความผิด ซึ่งก็แบ่งออกเป็น 2 แนวทางย่อย คือ
2.1 ศาลตัดสินว่ามีความผิด โดยให้รอลงอาญา (คดีนี้ก็จะสิ้นสุดเหมือนกันถ้าไม่มีการอุทธรณ์)
2.2 ศาลตัดสินว่ามีความผิด โดยตัดสินจำคุกระหว่าง 3-15 ปี หลังจากศาลตัดสินแล้วตามหลักการ จำเลยสามารถประกันตัวได้ในศาลชั้นต้น เพื่ออุทธรณ์คดีและสู้คดีต่อได้ในชั้นอุทธรณ์

ถ้าศาลให้ประกันตัวตามสิทธิ์ที่ถูกรับรองไว้ในรัฐธรรมนูญ ไอซ์ก็จะสามารถปฏิบัติหน้าที่ต่อไปได้ จนกว่าคดีจะถึงที่สิ้นสุด (ในมาตรา 29 ที่ระบุไว้ว่า "บุคคลไม่ต้องรับโทษอาญาเว้นแต่ได้กระทำการอันกฎหมายที่ใช้อยู่ในเวลาที่กระทำนั้นบัญญัติเป็นความผิดและกำหนดโทษไว้และโทษที่จะลงแก่บุคคลนั้นจะหนักกว่าโทษที่บัญญัติไว้ในกฎหมายที่ใช้อยู่ในเวลาที่กระทำความผิดมิได้ ในคดีอาญา ให้สันนิษฐานไว้ก่อนว่าผู้ต้องหาหรือจำเลยไม่มีความผิด และก่อนมีคำพิพากษาอันถึงที่สุดแสดงว่าบุคคลใดได้กระทำความผิด จะปฏิบัติต่อบุคคลนั้นเสมือนเป็นผู้กระทำความผิดมิได้”)

แต่ปัญหาจะเกิดขึ้น ถ้าศาลไม่อนุญาตให้ประกันตัวและส่งตัวไอซ์เข้าเรือนจำ แม้แต่นาทีเดียวก็หมายความว่าสถานะ สส.ที่ได้รับการเลือกตั้งมาเมื่อวันที่ 14 พฤษภาคม 2566 ด้วยคะแนนเสียงจากประชาชน 47,592 ก็จะสิ้นสุดลง และ กกต. จะจัดให้มีการเลือกตั้งใหม่แทนตำแหน่งที่ว่าง

ในฐานะประชาชน แน่นอนว่าไอซ์ยินดีที่จะเดินหน้าเข้าสู่กระบวนการยุติธรรมในการพิจารณาคดี 112 ถึงแม้ว่าจะเห็นว่าประมวลกฎหมายอาญามาตรา 112 นั้นมีปัญหาทั้งข้อกฎหมายและการบังคับใช้ก็ตาม และ ไอซ์ก็เป็นหนึ่งเสียงที่สนับสนุนนโยบายของพรรคก้าวไกลในการแก้ไขประมวลกฎหมายอาญามาตรา 112 ให้สอดคล้องกับระบอบประชาธิปไตย

ในฐานะสส.ที่มาจากการเลือกตั้งของประชาชน ตระหนักดีว่าการทำหน้าที่เป็นปากเสียงของประชาชนนั้นเป็นสิ่งที่สำคัญ ซึ่งไอซ์จะพยายามอย่างถึงที่สุดที่จะรักษาสถานภาพที่มาจากการเลือกตั้งของประชาชนตามสิทธิ์ที่พึงมี ทั้งนี้ไม่ใช่เพื่อผลประโยชน์ของไอซ์หรือพรรคก้าวไกล แต่เป็นการยืนยันเจตจำนงของประชาชนที่ลงคะแนนให้ไอซ์ในฐานะตัวแทนของพรรคก้าวไกล ไอซ์ไม่ร้องขออะไรมากไปกว่าสิทธิ์ที่พึงได้รับตามรัฐธรรมนูญ

ขั้นต้น ไอซ์จะทำจดหมายขอให้เลื่อนการอ่านคำพิพากษาออกไป ให้ไม่กระทบกับภารกิจในฐานะผู้แทนราษฎรที่กินภาษีประชาชน เพื่อให้การทำหน้าที่ในฐานะตัวแทนประชาชนในสมัยประชุมไม่ว่าจะการพิจารณากฎหมาย การตั้งกระทู้ถามรัฐมนตรี การอภิปรายในโอกาสวาระต่างๆ รวมทั้งร่าง พ.ร.บ. งบประมาณรายจ่ายประจำปี 2567 หรือแม้กระทั่งร่าง พ.ร.บ. กู้เงิน 500,000 ล้านบาทที่รัฐบาลจะเสนอเข้าสู่ การพิจารณาของรัฐสภา พ.ร.บ. อีก 31 ฉบับ ที่พรรคก้าวไกลยื่นและการทำหน้าที่โฆษก คณะกรรมาธิการศึกษาการจัดทำและติดตามการบริหารงบประมาณ สภาผู้แทนราษฎร ไม่ติดขัด

พร้อมกันนั้นไอซ์ก็จะใช้ทุกวันวินาทีที่มีค่าสำหรับการเป็นปากเสียงของพ่อแม่พี่น้องในพื้นที่พร้อมกับทีมรังนก อาสาสมัครในพื้นที่ทำงานอย่างต่อเนื่อง ขณะเดียวกันไอซ์ก็ต้องรักษาสิทธิ์ที่ได้บัญญัติไว้ในรัฐธรรมนูญก็ ถ้ามีการพิพากษาว่ากระทำผิด ขอให้ผู้พิพากษาไม่ว่าจะเป็นศาลอาญาหรือผู้พิพากษาศาลอุทธรณ์ พิจารณาให้สิทธิ์ประกันตัวมาสู้คดีในขั้นตอนต่อไป เพื่อไม่ให้เป็นเหตุในการตัดสิทธิ์และหลุดจากสภาพสมาชิกสภาผู้แทนราษฎร เพื่อไม่ให้ผู้แทนราษฎรที่มาจากการเลือกตั้งของประชาชนโดยตรง ถูกถอดลงด้วยคดีทางการเมืองหรือการเทคนิคทางกฎหมาย

'อนุทิน' เผยความในใจ 'นายกฯ' มอบหมายดูแล 'สถาบันคุณวุฒิวิชาชีพ' รับช่วงแรก 'อยากเป็นลม' แต่พอได้สัมผัสรู้สึก 'ตรงใจ-ภูมิใจ' ในภารกิจ

(2 ธ.ค.66) จากช่องติ๊กต็อก ‘สถาบันคุณวุฒิวิชาชีพ (TPQI)’ ได้โพสต์คลิป นายอนุทิน ชาญวีรกูล รองนายกรัฐมนตรี และรัฐมนตรีว่าการกระทรวงมหาดไทย เล่าความรู้สึกหลังนายกรัฐมนตรี มอบหมายให้ดูแล ‘สถาบันคุณวุฒิวิชาชีพ’ ว่าตนนั้นรู้สึกอย่างไร โดยระบุว่า…

“ท่านนายกรัฐมนตรีได้มีการมอบหมายให้กํากับดูแลสถาบันอันหนึ่ง ในฐานะรองนายกรัฐมนตรี เพื่อทําหน้าที่แทนท่าน นั่นก็คือ 'สถาบันคุณวุฒิวิชาชีพ' ตอนที่ท่านมอบสถาบันนี้มาให้ผม ผมรู้สึกอยากจะเป็นลมตาย…จึงได้มีการบอกไปว่า ขอโทษนะครับ…ผมเป็นรองนายกฯ เป็นหัวหน้าพรรคลําดับที่ 2 ในรัฐบาล เป็นรัฐมนตรีว่าการกระทรวงมหาดไทย นายกฯ มอบให้ดูสถาบันคุณวุฒิวิชาชีพ…เพราะผมเป็นคนที่ต้องรู้อะไรก่อนถึงจะสนับสนุน ดังนั้น พูดง่าย ๆ ‘สถาบันคุณวุฒิวิชาชีพ’ เป็นอีกทางเลือกสําหรับคนไทย คนที่ไม่มีโอกาสเรียน ไม่จบปริญญา แต่มีทักษะมีความสามารถพิเศษที่ไม่สามารถเอาใบดิฟโพลม่ามาได้ แต่สถาบันนี้คือคนที่จะทําสิ่งนี้ โดยสถาบันนี้จะรับรองใบประกาศนียบัตรที่เปรียบเสมือนใบดิฟโพลม่า ที่จะทําให้คนที่มีทักษะหรือความสามารถนําใบนี้ไปประกอบอาชีพหรือขึ้นทะเบียนได้ 

ดังนั้น สิ่งนี้มันก็ตรงกับความตั้งใจของตัวผมอยู่แล้ว… วันนั้นที่ไปผมมีความสุขมาก ถือเป็นวันที่ดีที่สุดวันหนึ่งในความเป็นรัฐมนตรีของผมในรัฐบาลชุดนี้ คือได้ไปเยี่ยมที่ ‘สถาบันคุณวุฒิวิชาชีพ’...”

'ทนายแจม-ก้าวไกล' รีวิว 'รถไฟฟ้าสายสีชมพู' ไม่ใจดีกับเราเลย ที่จับสูงเกิน ทำแขนตึง คนตัวเล็กก็จับเสาไม่ได้ เพราะโบกี้คนแน่น

โครงการรถไฟฟ้าสายสีชมพู ช่วงแคราย-มีนบุรี เปิดให้ใช้บริการ ระยะทางรวม 34.5 กิโลเมตร โดยมีสถานีรับส่งผู้โดยสาร 30 สถานี มีจุดเชื่อมต่อไปโครงข่ายอื่น 4 จุด ทำให้เชื่อมต่อได้หลายเส้นทาง

ล่าสุด ทนายแจม ศศินันท์ ธรรมนิฐินันท์ สส.กรุงเทพฯ พรรคก้าวไกล ได้รีวิวการเดินทางด้วยรถไฟฟ้าสายสีชมพู ถึงปัญหาที่พบในการใช้บริการบางจุด และอยากให้มีการปรับปรุง โดยมีผู้ใช้บริการรายอื่น ๆ ร่วมสะท้อนปัญหาด้วย

ข้อความระบุว่า “รีวิว นั่ง #สายสีชมพู ครั้งแรก จากศูนย์ราชการฯ ไปต่อวัดพระศรีฯ ‘ตึงแขน’ มาก ที่จับอยู่สูงเกินไปนะคะ น้องนมเย็นไม่ใจดีกับเราเลย” พร้อมได้ระบุต่อว่า “ที่ไม่สามารถจับเสาได้ เพราะโบกี้คนแน่น ทำให้ผู้โดยสารที่ตัวเล็กไม่สามารถจับได้”

นอกจากนี้ผู้โดยสารรายอื่น ยังได้ร่วมสะท้อนปัญหา เช่น

-เห็นด้วยเลยค่ะ เราสูง 170 ยืนจากสถานีวัดพระศรีถึงสถานีคู้บอนคือเมื่อยมาก เราเองก็ว่ามันสูงเกิน ที่จับก็น้อยเกินถ้าเทียบกับพื้นที่ยืน บางทีช่วงคนเยอะไม่มีที่จับหน้าจะคว่ำเพราะมันกระตุกแรง
ที่จับเขาไม่ได้ใส่สายตรงกลางให้มันห้อยลงมา รบกวนรถไฟฟ้ามาใส่สายกันด้วยนะคะ ไม่ได้มีแต่ผู้ใหญ่ที่ตัวเล็กต้องใช้ น้อง ๆ เด็กนักเรียนก็ต้องใช้ค่ะ

ช่วยป้าอ้อด้วยฮะ สูงเหลือเกิน ข้อข่งข้อเข่างิ คนแน่นมากกกก จะจับที่จับก็เสมิฟฮะ / เตี้ย 55

เนื่องจากไม่มีพนักงานขับ ตอนจอดจึงลงเพื่อเปิดทางให้ด้านในลงสะดวกแต่ประตูปิดทั้งที่มีคนกำลังลงเลยขึ้นกลับไปไม่ได้ ต้องรออีกสองเที่ยวเพราะแน่นขึ้นไม่ได้ น้องนมเย็นไม่น่ารักเท่าไหร่

‘อนุทิน’ ส่งข้อความร่วมยินดี ‘บิ๊กตู่’ ได้รับการแต่งตั้งเป็นองคมนตรี เผย ‘อดีตนายกฯ’ ขอบคุณ-ฝากฝังทุกคนช่วยกันทำงานเพื่อบ้านเมือง

(1 ธ.ค. 66) ที่กระทรวงมหาดไทย (มท.) นายอนุทิน ชาญวีรกูล รองนายกรัฐมนตรี และรัฐมนตรีว่าการกระทรวงมหาดไทย ให้สัมภาษณ์หลังมีพระบรมราชโองการโปรดเกล้าฯ แต่งตั้ง พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา อดีตนายกรัฐมนตรี เป็นองคมนตรี ว่า…

“ยินดีกับท่านด้วย เพราะเคยทำงานด้วยกันมาก่อนในฐานะร่วมรัฐบาลเดียวกัน ได้ส่งข้อความไปยินดีกับท่านแล้ว และท่านตอบกลับมาว่า ขอบคุณ และให้ช่วยกันทำงานเพื่อบ้านเมือง ถือเป็นพระมหากรุณาธิคุณของพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวต่อท่าน”

ศาลฯ สั่งจำคุก 'ทนายนกเขา' 5 ปี 9 เดือน ปรับ 2 แสน 'ตั๊น-จิตภัสร์' จำคุก 9 เดือน ปรับ 4 หมื่น คดีไล่ 'รัฐบาลปู' ปี 57

(1 ธ.ค. 66) ที่ห้องพิจารณา 801 ศาลอาญา ถ.รัชดาภิเษก ศาลนัดฟังคำพิพากษาคดี กปปส. ชุดเล็ก 7 คนร่วมกันกบฏ ก่อการร้าย หมายเลขดำอ.2732/2562 ที่อัยการฝ่ายคดีพิเศษ 4 เป็นโจทก์ฟ้อง นายนัสเซอร์ ยีหมะ การ์ดคปท., นายอุทัย ยอดมณี แกนนำคปท., นายนิติธร ล้ำเหลือ หรือ ทนายนกเขา แกนนำคปท., น.ส.จิตภัสร์ หรือ ตั๊น กฤดากร, นายพานสุวรรณ ณ แก้ว, นายประกอบกิจ อินทร์ทอง และนายกิตติศักดิ์ ปรกติ นักวิชาการ ร่วมกันเป็นจำเลยที่ 1-7 ในความผิดฐานร่วมกันมั่วสุม เป็นกบฏสมคบกันใช้กำลังประทุษร้ายเพื่อล้มล้างหรือเปลี่ยนแปลงรัฐธรรมนูญ ฯ

จากกรณีเมื่อช่วงวันที่ 23 พ.ย.2556 - 1 พ.ค. 2557 จำเลยกับพวกซึ่งเป็นแกนนำกลุ่ม กปปส. ได้ร่วมกันชุมนุม ต่อต้านการบริหารราชการแผ่นดินและขับไล่รัฐบาล น.ส.ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร ให้พ้นจากตำแหน่ง ยุยง ปลุกระดม ให้ประชาชนกระด้างกระเดื่อง

ศาลพิเคราะห์แล้วเห็นว่า นายนัสเซอร์ จำเลยที่ 1 กระทำความผิดกรรมเดียวผิดต่อกฎหมายหลายบทให้ลงโทษบทที่หนักที่สุดข้อหามั่วสุมตั้งแต่ 10 คนขึ้นไป พิพากษา จำคุก 6 เดือน โดยไม่รอลงอาญา

ส่วน น.ส.จิตภัสร์ หรือตั๊น จำเลยที่ 4 มีความผิดฐานยุยงให้ข้าราชการหยุดงาน สั่งจำคุก 9 เดือนปรับ 40,000 บาท

นายอุทัยและนายนิติธร จำเลยที่ 2 และ 3 ศาลพิพากษาจำคุกรวม 5 กระทง คนละ 5 ปี 9 เดือน ปรับคนละ 200,000 บาท

นายพานสุวรรณ และนายประกอบกิจ จำเลยที่ 5 และ 6 ศาลพิพากษาจำคุกคนละ 4 ปี 9 เดือน ปรับคนละ 180,000 บาท

ส่วน นายกิตติศักดิ์ จำเลยที่ 7 ซึ่งเป็นนักวิชาการ แสดงความคิดเห็นโดยสุจริต ตามข้อมูลวิชาการ จึงไม่มีความผิดพิพากษายกฟ้อง

อย่างไรก็ตาม เมื่อพิจารณาแล้วเห็นว่าจำเลยที่ 2, 3 ,4 ,5 ,6 ไม่เคยต้องโทษจำคุกมาก่อน ที่กระทำผิดเพราะต้องการแสดงออกเพื่อต่อสู้ทางการเมืองเพราะเห็นความไม่ชอบธรรมในรัฐบาลและไม่ได้เป็นการกระทำเพื่อส่วนตัวหลังเกิดเหตุได้เข้ามอบตัว เข้าสู่กระบวนการยุติธรรมอย่างกล้าหาญ โทษจำคุกให้รอการลงโทษไว้ 2 ปี

‘เทพไท’ ยินดี ‘ลุงตู่’ เป็นองคมนตรีคนใหม่ แต่งกลอนเชิดชูความดีที่สร้างไว้ให้ชาติไทย

(1 ธ.ค. 66) นายเทพไท เสนพงศ์ อดีต สส.นครศรีธรรมราช พรรคประชาธิปัตย์ (ปชป.) ได้โพสต์ข้อความลงบนเฟซบุ๊ก เทพไท เสนพงศ์-คุยการเมือง ระบุว่า ‘สดุดีลุงตู่’ ขอแสดงความยินดีกับ ‘ลุงตู่’ พลเอกประยุทธ์ จันทร์โอชา ที่ได้รับโปรดเกล้าฯ เป็นองคมนตรีคนใหม่

ส่วนตัวผมกับลุงตู่นั้น รู้จักกันมานานแล้ว ก่อนที่ท่านเป็นหัวหน้าคสช. และเป็นนายกรัฐมนตรีเสียอีก ผมรู้จักกับท่านในฐานะผมเป็นโฆษกส่วนตัว นายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ นายกรัฐมนตรีในขณะนั้น กับท่านที่อยู่ในฐานะรองผู้บัญชาการทหารบก ซึ่งได้ทำงานร่วมกันที่ ศอฉ. กองพันทหารราบที่11 ด้วยกันมาเป็นเวลาหลายเดือน ในปี 2553  

ตอนท่านเป็นหัวหน้าคสช.และนายกรัฐมนตรี อาจจะเห็นผมออกมาวิพากษ์วิจารณ์ พาดพิงถึงตัวท่านอยู่บ่อยครั้ง ซึ่งไม่ได้มีเหตุอะไรที่ไม่พอใจเป็นการส่วนตัว เพียงแต่ผมไม่เห็นด้วยกับรัฐธรรมนูญ ฉบับปี 2560 และการเข้าสู่ตำแหน่งนายกรัฐมนตรีของท่าน จึงได้วิพากษ์วิจารณ์ไปตามหลักประชาธิปไตยที่ผมยึดมั่นอยู่

แต่ในระหว่างที่ท่านปฏิบัติหน้าที่ เป็นนายกรัฐมนตรีนั้น ก็ต้องยอมรับความจริงว่า ท่านได้ทำคุณประโยชน์ ให้กับประเทศชาติในหลายประการ มีผลงานที่จับต้องได้หลายโครงการ และที่สำคัญที่สุด คือท่านเป็นนายกรัฐมนตรี ที่ไม่เคยถูกข้อกล่าวหาว่า ทุจริตคอร์รัปชันเลย ถือว่าเป็นนายกรัฐมนตรี ที่มือสะอาดคนหนึ่ง ที่สังคมการเมืองไทย ควรจะผู้นำมือสะอาดแบบนี้มาก ๆ

ในโอกาสที่ท่านได้รับพระมหากรุณาธิคุณโปรดเกล้าโปรดกระหม่อม ให้ดำรงตำแหน่งองคมนตรี ผมจึงขอนำบทกลอนชื่อ ‘สดุดีลุงตู่’ ที่ผมเคยเขียนไว้ สมัยอยู่เรือนจำกลางนครศรีธรรมราช และมาเพิ่มเติมอีกหนึ่งบท หลังจากท่านได้รับโปรดเกล้าเป็นองคมนตรีเมื่อวานนี้

ซึ่งบทกลอนบทนี้ ผมได้มอบให้ อาจารย์ณกรณ์ ชูรักษ์ เรียบเรียงดนตรีและขับร้องเป็นเพลงแหล่ ซึ่งจะเผยแพร่ในวันที่ 4 ธันวาคม 2566 นี้ หรือหากมีใครจะนำไปขับร้องด้วย ผมก็ยินดีเป็นอย่างยิ่ง ไม่สงวนลิขสิทธิ์แต่อย่างใด

เพลงแหล่ สดุดีลุงตู่

สดุดี ลุงตู่ ผู้ยิ่งใหญ่
ผู้อยู่ใน หัวใจ ไทยทั้งหล้า
เป็นนายกฯ 9 ปี ที่ผ่านมา
ได้นำพา ชาติบ้านเมือง เรืองระบือ

ความสงบ เกิดขึ้น ทุกหย่อมหญ้า
ทั้งพารา แซ้ซ้อง และเชื่อถือ
ความซื่อสัตย์ สุจริต คนเลื่องลือ
กล่าวขานชื่อ ประยุทธ์ จันทร์โอชา

เป็นรัฐบาล สร้างผลงาน ไว้มากมาย
ไทยทั้งหลาย ทั่วถิ่น ถวิลหา
คนละครึ่ง เราชนะ ติดตามมา
ได้เยียวยา ช่วงโควิด พิชิตไทย

พัฒนา โครงสร้าง ทั้งประเทศ
ทุกคานเขต ก้าวหน้า ทันสมัย
สร้างถนน สร้างสะพาน ทางรถไฟ
นักท่องเที่ยว หลั่งไหล มามากมาย

ฟื้นสัมพันธ์ ไมตรี กับซาอุ
ส่งออก ยอดทะลุ ในการขาย
สร้างรถไฟ ในกรุงเทพ 12 สาย
ความเร็วสูง รางคู่ก็ได้ พัฒนา

ทั้งแหล่งน้ำ การเกษตร ปศุสัตว์
ทุกแผนงาน ของรัฐ ได้จัดหา
ทรัพยากร มนุษย์ ได้พัฒนา
คนจน คนรากหญ้า ได้ดูแล

บัตรสวัสดิการ แห่งรัฐ ได้จัดให้
เบี้ยยังชีพ ก็ได้ ให้คนแก่
อสม. กำนันผู้ใหญ่ ได้ดูแล
เพื่อพ่อแม่ พี่น้อง ผองไทยเรา

ปรับเงินเดือน ให้องค์กร ส่วนท้องถิ่น
ได้มีกิน มีใช้ ไม่อายเขา
อบต. อบจ. เทศบาลเรา
ช่วยแบ่งเบา เพิ่มรายได้ ให้สุขขี

ทุกชุมชน เทศบาล ท่านจัดให้
ค่าตอบแทน ก็ได้ ทุกพื้นที่
ผลผลิต การเกษตร ราคาดี
เพราะรัฐมี ส่วนต่าง ของราคา

เกษตรกร มีรายได้ พอใช้สอย
อย่างน้อย ห้าอย่าง ไม่สร้างปัญหา
ปาล์มน้ำมัน ข้าวโพด ยางพารา
ข้าวชาวนา และมันสำปะหลัง

ประเทศไทย ได้เจริญ รุดหน้า
ทั่วพารา ไม่ทิ้งใคร ไว้ข้างหลัง
ทำเพื่อชาติ ศาสน์กษัตริย์ อย่างจริงจัง
คนไทย สมดั่งหวัง ทั้งแผ่นดิน

มีผลงาน ของท่าน อีกมากมาย
สาธยาย บอกได้ ไม่จบสิ้น
ชื่อลุงตู่ ดังก้อง ทั่วธานินทร์
ทุกฐานถิ่น อย่างทรนง องอาจ

จนบัดนี้ มีพระบรม ราชโองการ
สนองงาน ใต้เบื้อง พระยุคลบาท
โปรดเกล้า เป็นองคมนตรี ศรีของชาติ
ขอรับใช้ เป็นข้ารองบาท ทุกชาติไป

‘ชัยธวัช’ อ้าง!! นิรโทษกรรมคดี ม.112 นำไปสู่ความปรองดอง พร้อมธำรงรักษาให้พระมหากษัตริย์เป็นที่เคารพสักการะ

(1 ธ.ค. 66) นายธชัยธวัช ตุลาธน สส.บัญชีรายชื่อ และหัวหน้าพรรคก้าวไกล ได้โพสต์ข้อความผ่านเฟซบุ๊ก เรื่อง ‘นิรโทษกรรม 112’ โดยมีเนื้อหาดังนี้

ข้อเสนอการนิรโทษกรรมให้แก่ผู้ที่ถูกดำเนินคดีอันเนื่องมาจากการแสดงออกทางการเมือง หรือความขัดแย้งทางการเมือง เพื่อนำไปสู่การสร้างความปรองดอง หรือการคลี่คลายความขัดแย้งทางการเมืองนั้น ไม่ใช่เรื่องใหม่สำหรับสังคมไทย แต่ปฏิเสธไม่ได้ว่าข้อถกเถียงสำคัญสำหรับการนิรโทษกรรมคดีการเมืองในปัจจุบันคือ เราควรนิรโทษกรรมผู้ที่ถูกดำเนินคดีในความผิดตามกฎหมายอาญา ม.112 ด้วยหรือไม่

เหตุผลของฝ่ายที่ไม่เห็นด้วย ซึ่งเราควรนำมาพิจารณาร่วมกันคือ หากเรานิรโทษกรรมคดี 112 ไปแล้ว จะเป็นการไม่ปกป้องสถาบันพระมหากษัตริย์หรือไม่ หรือจะเป็นการปล่อยให้เกิดการแสดงความคิดเห็น หรือการแสดงออกทางการเมืองที่กระทบต่อสถาบันพระมหากษัตริย์ต่อไปอีกหรือไม่

สำหรับประเด็นนี้ ผมยังเชื่อโดยบริสุทธิ์ใจว่า สถาบันพระมหากษัตริย์จะสามารถดำรงอยู่อย่างมั่นคงในสังคมประชาธิปไตยสมัยใหม่ได้ ก็ด้วยความรักความศรัทธาหรือความยินยอมพร้อมใจของประชาชน ไม่ใช่ด้วยการใช้อำนาจกดบังคับหรือการสร้างความกลัว ดังนั้น การบังคับใช้ ม.112 อย่างรุนแรงดังที่เป็นอยู่ในช่วงหลายปีที่ผ่านมา จึงไม่ใช่การปกป้องสถาบันพระมหากษัตริย์อย่างยั่งยืน ซ้ำร้ายยังจะส่งผลบ่อนทำลายสายใยความสัมพันธ์อันดี ระหว่างสถาบันพระมหากษัตริย์กับประชาชนในระยะยาวอีกด้วย

ในสภาพการณ์เช่นนี้ ผู้ที่ปรารถนาดีหรือจงรักภักดีต่อสถาบันพระมหากษัตริย์อย่างจริงใจ ควรต้องร่วมกันตั้งหลักในการพิจารณากุศโลบาย ที่สอดคล้องกับสถานการณ์และพลวัตของสังคมไทย เราต้องช่วยกันไม่ให้เกิดเงื่อนไขที่ทำให้สถาบันพระมหากษัตริย์ เข้าไปเกี่ยวพันกับความขัดแย้งทางการเมืองได้ จัดวางพระราชสถานะอย่างประณีตภายใต้รัฐธรรมนูญ ระมัดระวังอย่าให้เกิดความขัดแย้งกันระหว่างพระราชอำนาจกับหลักการ ‘ปกเกล้า แต่ไม่ปกครอง’ ของระบอบประชาธิปไตยอันมีพระมหากษัตริย์ทรงเป็นประมุข

ผมเชื่อมั่นว่า มีแต่หนทางนี้เท่านั้น ที่จะธำรงรักษาให้องค์พระมหากษัตริย์เป็นที่เคารพสักการะตามรัฐธรรมนูญอย่างมั่นคง สังคมไทยในห้วงยามนี้ต้องการทุกคนมาร่วมกันคุ้มครองสถาบันพระมหากษัตริย์อย่างมีสติ มิใช่การอ้างสถาบันพระมหากษัตริย์และ ม.112 มาคุ้มครองผลประโยชน์หรืออำนาจของตนเอง


TRENDING
© Copyright 2021, All rights reserved. THE STATES TIMES
Take Me Top