Monday, 11 December 2023
POLITICS NEWS

ศาล รธน. ลงมติเอกฉันท์ ‘พรบ.คอมฯ’ ไม่ขัด รธน. ส่งผล ‘ไอซ์ รักชนก’ ต้องต่อสู้คดี 112 ในศาลอาญา

(29 พ.ย.66) ตุลาการศาลรัฐธรรมนูญ ประชุมปรึกษาในคดีที่ศาลอาญา ส่งคำโต้แย้งของ น.ส.รักชนก ศรีนอก จำเลย ในคดีอาญาหมายเลขดำที่ อ 683/2565 เพื่อขอให้ศาลรัฐธรรมนูญพิจารณาวินิจฉัยตามรัฐธรรมนูญมาตรา 212 ว่าพระราชบัญญัติว่าด้วยการกระทำความผิดเกี่ยวกับคอมพิวเตอร์ พ.ศ. 2550 มาตรา 14 ขัดหรือแย้งต่อรัฐธรรมนูญมาตรา 26 และมาตรา 34 หรือไม่

ต่อมาศาลรัฐธรรมนูญ เห็นว่า คำโต้แย้งของจำเลยและเอกสารประกอบปรากฏว่า น.ส.รักชนก แสดงเหตุผลประกอบคำโต้แย้งเฉพาะพระราชบัญญัติว่าด้วยการกระทำความผิดเกี่ยวกับคอมพิวเตอร์ พ.ศ.2550 มาตรา 14 วรรคหนึ่ง (1) (2) และ (3) ขัดหรือแย้งต่อรัฐธรรมนูญ มาตรา 26 และมาตรา 34 วรรคหนึ่ง และคดีเป็นปัญหาข้อกฎหมาย และมีพยานหลักฐานเพียงพอที่จะพิจารณาวินิจฉัยได้ จึงยุติการไต่สวนตามพระราชบัญญัติประกอบรัฐธรรมนูญว่าด้วยวิธีพิจารณาของศาลรัฐธรรมนูญ 2561 มาตรา 58 วรรคหนึ่ง กำหนดประเด็นที่ต้องพิจารณาวินิจฉัยว่า พระราชบัญญัติว่าด้วยการกระทำความผิดเกี่ยวกับคอมพิวเตอร์ พ.ศ. 2550 มาตรา 14 วรรคหนึ่ง (1) (2) และ (3) ขัดหรือแย้งต่อรัฐธรรมนูญมาตรา 26 และมาตรา 34 วรรคหนึ่ง หรือไม่

โดยศาลรัฐธรรมนูญ มีมติเอกฉันท์วินิจฉัยว่า พระราชบัญญัติว่าด้วยการกระทำความผิดเกี่ยวกับคอมพิวเตอร์ พ.ศ.2550 มาตรา 14 วรรคหนึ่ง (1) (2) และ (3) ไม่ขัดหรือแย้งต่อรัฐธรรมนูญมาตรา 26 และมาตรา 34 วรรคหนึ่ง 

สำหรับคดีอาญาหมายเลขดำที่ อ 683/2565 เป็นคดีที่ น.ส.รักชนก ซึ่งขณะนั้นเป็นสมาชิกกลุ่มคลับเฮ้าส์เพื่อประชาธิปไตย ถูกดำเนินคดีในข้อหาหมิ่นประมาทสถาบัน ตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 112 และข้อหาตาม พ.ร.บ.ว่าด้วยการกระทำความผิดเกี่ยวกับคอมพิวเตอร์ พ.ศ.2550 จากกรณีโพสต์ข้อความวิจารณ์รัฐบาล ประเด็นการจัดซื้อจัดหาวัคซีนโควิด-19 และกรณีรีทวีตภาพถ่ายในการชุมนุม 16 ตุลาไปแยกปทุมวัน ปี 2563 ซึ่งมีข้อความที่ถูกกล่าวหาว่าต่อต้านสถาบัน

โดยความผิดฐานนำเข้าข้อมูลอันเป็นเท็จในระบบคอมพิวเตอร์ ต้องระวางโทษจำคุกไม่เกิน 5 ปี หรือปรับไม่เกิน 1 แสนบาท หรือทั้งจำทั้งปรับ

‘มาดามเดียร์’ เปิดตัวชิง ‘หัวหน้าพรรคปชป.’  กาง 3 แนวทางกู้ศรัทธาฟื้นความเชื่อมั่น

(29 พ.ย. 66) ที่ลานพระแม่ธรณีบีบมวยผม พรรคประชาธิปัตย์ (ปชป.) น.ส.วทันยา บุนนาค หรือ มาดามเดียร์ ประธานคณะทำงานนวัตกรรมการเมือง กทม.พรรคประชาธิปัตย์ นั่งมอเตอร์ไซค์รับจ้างมายังพรรค ถือฤกษ์เวลา 09.29 น. นำพวงมาลัยไหว้สักการะพระแม่ธรณีมวยผม ก่อนแถลงเปิดตัวลงสมัครลงชิงหัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์

โดย น.ส.วทันยา กล่าวว่า มาแถลงเพื่ออยากบอกถึงตั้งใจของตัวเองผ่านไปพี่ ๆ สื่อมวลชนผ่านไปยังสมาชิกพรรคประชาธิปัตย์ทุกคน ประชาชนที่ยังคงรักในพรรคประชาธิปัตย์ และประชาชนทั่วไปว่า ตนตั้งใจขอเสนอตัวเองเป็นหนึ่งทางเลือกในการเลือกตั้งหัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์ในวันที่ 9 ธันวาคมนี้ ซึ่งการเลือกหัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์ตนยังเชื่อมั่นและเป็นสิ่งที่สะท้อนให้เห็นได้ชัดว่า พรรคประชาธิปัตย์มี ความเป็นประชาธิปไตย เสรีภาพ และการเป็นพรรคการเมืองที่ไม่มีเจ้าของอย่างแท้จริง เราจะเริ่มต้นด้วยการทำการเมืองใหม่ที่ซื่อตรงและจริงใจ โดยมีจุดมุ่งหมายเพื่อฟื้นฟูอุดมการณ์พรรคประชาธิปัตย์ ให้กลับมาได้รับความไว้วางใจ ให้กลับมาเป็นความหวัง เพื่อยืนยันในพลังประชาธิปไตย และเพื่อเสนออนาคตให้กับทุกคนในวันข้างหน้า

เมื่อถามถึงคะแนนเสียงสนับสนุนและทีมงานนั้น น.ส.วทันยา กล่าวอีกว่า วันนี้ก่อนที่ตนจะมาแถลงข่าว ตนได้มีโอกาสไปกราบเรียนผู้ใหญ่ภายในพรรค และได้พูดคุยกับสมาชิกพรรคบางคน แต่วันนี้ตนยังไม่ได้มีข้อสรุปในเรื่องของทีมงาน เพราะจุดเริ่มต้นวันนี้เป็นการเสนอตัวของตนเพื่อเป็นตัวเลือกให้กับสมาชิกพรรค ซึ่งตนเชื่อว่าการจะฟื้นฟูพรรคนั้นจะต้องเลือกคนจากความสามารถเป็นที่ตั้ง ไม่ใช่เลือกเพราะความสัมพันธ์ส่วนตัว หรือระบบอุปถัมภ์ เพราะตนต้องการให้ก้าวข้ามในเรื่องของเพศ และวัย และนี่เป็นสิ่งหนึ่งที่ตนอยากนำพรรคประชาธิปัตย์ไปข้างหน้า ด้วยการที่เราจะให้ความเป็นธรรมกับทุกคน และเชื่อมั่นว่าสมาชิกพรรคประชาธิปัตย์ทุกคนจะเปิดโอกาสพิจารณาให้กับบุคลากรที่เหมาะสม ทั้งนี้ไม่ว่าผลการเลือกตั้งจะออกมาอย่างไร ตนก็พร้อมน้อมรับ

ส่วนตำแหน่งเลขาธิการพรรคนั้น น.ส.วทันยา ระบุว่า ตนยังไม่ได้มีในใจ แต่คิดว่าต้องเป็นคนที่มีความเหมาะสม โดยต้องเริ่มต้นจากบุคลากรภายในพรรคก่อน ซึ่งตนพร้อมที่จะทำงานกับทุกคน ทุกฝ่ายในพรรค ไม่ได้เลือกตัวบุคคล โดยวันนี้ตนขอเสนอตัวเองก่อน แล้วจะค่อยไปพูดคุยในเรื่องทีมงานต่อไป รวมถึงคนที่จะมาเป็นเลขาธิการพรรคนั้นอาจจะมีในใจตนฝ่ายเดียวไม่ได้ แต่ต้องขึ้นอยู่กับบุคคลคนนั้นว่าพร้อมที่จะมาทำงานกับตนด้วยหรือไม่

ส่วนที่มีกระแสข่าวว่าเลขาธิการพรรคจะเป็นนายชัยชนะ เดชเดโช สส.นครศรีธรรมราช นั้น น.ส.วทันยา บอกว่า ตนต้องให้เกียรติกับนายชัยชนะ ว่าจะมีความคิดเห็นอย่างไรในการเข้ามาทำงานกับตนในฐานะเลขาธิการพรรค และเรื่องนี้ขอให้นายชัยชนะเป็นคนตอบคำถามนี้เอง ซึ่งที่ผ่านมาตนได้มีโอกาสพูดคุยกับนายชัยชนะ เพียงว่าตนตัดสินใจลงสมัครหัวหน้าพรรค เพราะตนคิดว่าวันนี้เป็นเพียงจุดเริ่มต้น ถ้าวันนี้ตนยังไม่กล้าตัดสินใจลงมาสู้ก็ไม่ต้องพูดถึงการเมืองในอนาคต ทั้งการเมืองท้องถิ่น และระดับชาติ

น.ส.วทันยา ยังกล่าวต่ออีกว่า ก่อนหน้านี้ตนได้กราบเรียนผู้ใหญ่ภายในพรรค ทั้ง นายชวน หลีกภัย นายบัญญัติ บรรทัดฐาน โดยผู้ใหญ่ทุกคนได้อวยพรและให้คำแนะนำว่าทำให้ดีที่สุด ซึ่งที่ตนไปกราบเรียนก็ด้วยความตั้งใจ และเป็นการตัดสินใจด้วยตัวเอง ไม่มีการเจรจาใด ๆ รวมถึง นายเฉลิมชัย ศรีอ่อน รักษาการเลขาธิการพรรค ตนก็ได้กราบเรียนเป็นคนแรก ว่าตนตัดสินใจลงสมัคร อยากให้นายเฉลิมชัย ช่วยสนับสนุน แต่ทั้งนี้ก็ขึ้นอยู่กับการตัดสินใจ ตนพร้อมน้อมรับ

น.ส.วทันยา ยังได้แสดงถึงจุดยืนพรรคประชาธิปัตย์ ว่า ขอทำหน้าที่ฝ่ายค้านให้ดีที่สุด โดยไม่ได้คิดจะไปหาผลประโยชน์กับทางรัฐบาล ส่วนการฟื้นฟูพรรคให้กลับมามีความเชื่อมั่นอีกครั้งนั้น ตนมี 3 แนวทาง คือ 

1.อุดมการณ์ทางการเมือง ซึ่งตั้งแต่วันก่อตั้งพรรคได้เขียนไว้ชัดเจน แต่ในช่วง 77 ปีที่ผ่านมาการเดินทางอาจจะทำให้เลือนลางไปบ้าง การฟื้นฟูจึงต้องทำอุดมการณ์ให้ชัดเจน 

2.ทำให้พรรคประชาธิปัตย์สมกับการเป็นพรรคการเมืองที่เป็นของประขาชนอย่างแท้จริง ให้ประชาชนเข้ามามีส่วนร่วมให้มากที่สุด 

และ 3.การดำเนินการทางอุดมการณ์เศรษฐกิจ ที่สนับสนุนเสรีนิยม แต่ก็เชื่อเรื่องการทำงานภาครัฐที่ต้องมีระบบรัฐสวัสดิการ และจะต้องมีการกระจายอำนาจ

‘โฆษกอนาคตไกล’ ตอก!! ‘เจี๊ยบ’ ปมชื่อ-สีพรรคฯ ชี้!! ไม่เข้าใจ กม. แถมกินปลาน้อย สักแต่โพสต์เอามัน

(28 พ.ย. 66) ผู้สื่อข่าวรายงานว่า จากกรณีเมื่อวันที่ 26 พ.ย. พรรคอนาคตไกล จัดประชุมใหญ่สามัญ ครั้งที่ 1 เพื่อประชุมจัดตั้งและเลือกตั้งกรรมการบริหารพรรคชุดแรก ต่อมา นางอมรัตน์ โชคปมิตต์กุล อดีต สส.บัญชีรายชื่อ พรรคก้าวไกล โพสต์ข้อความผ่าน X หรือทวิตเตอร์ โดยระบุว่า ทั้งตั้งชื่อเหมือนรวม 2 พรรคอนาคตใหม่กับก้าวไกลไว้ด้วยกัน รวมทั้งยังเลือกใช้สีส้ม ไม่ทราบหวังผลอะไร?

ล่าสุด นายภวัต เชี่ยวชาญเรือ โฆษกพรรคอนาคตไกล กล่าวถึงเรื่องดังกล่าวว่า นางอมรัตน์ น่าจะกินปลาน้อยไปหน่อยและขาดความเข้าใจในกฎหมายพรรคการเมือง ควรอ่านเสียบ้าง ไม่ใช่โพสต์เอามัน เสียบรรยากาศในวันเพ็ญ เดือน 12 ประเพณีลอยกระทง ต้องสื่อสารไปยังพี่น้องประชาชนผู้รักประชาธิปไตยที่ติดตามพรรคอนาคตไกลที่เพิ่งเปิดตัวและประชุมใหญ่ไปแล้ว ดังนี้ 

1.ชื่อพรรคอนาคตไกล ไม่ได้นำชื่อพรรคก้าวไกลและพรรคอนาคตใหม่มารวมกัน เพราะพรรคอนาคตใหม่ ถูกศาลรัฐธรรมนูญยุบพรรคไปแล้ว ดูแล้วอาจไม่เป็นมงคล กฎหมายห้ามเหมือนหรือคล้ายคลึงชื่อพรรคที่ยุบไปแล้วไม่น้อยกว่า 20 ปี และชื่อพรรคก้าวไกล ของนางอมรัตน์ อาจเป็นพรรคก้าวสั้น เพราะมีกระแสร้อนแรงเพราะนโยบายแก้ ม.112 มีตัวแปรสูงเข้าข่ายถูกยุบพรรค ดังนั้น ชื่อพรรคอนาคตไกล ไม่เชื่อมโยง เอาทั้งสองพรรคตามที่เจี๊ยบ ก้าวไกล ยกขึ้นกล่าวอ้าง มโน คิดไปเองฝ่ายเดียว เป็นการคาดคะเน ไร้สมมติฐานและหลักฐานอ้างอิง ประกอบกับชื่อ ‘พรรคอนาคตไกล’ เป็นชื่อใหม่ ไม่ซ้ำกับพรรคการเมืองใด โดยไม่มีกฎหมายใดบัญญัติให้เฉพาะพรรคก้าวไกลได้ผูกขาดรายชื่อไม่ว่าตัวสะกดใด เมื่อฝ่ายกฎหมายของพรรคตรวจสอบกับนายทะเบียนพรรคการเมือง กกต.ไม่มีรายชื่อนี้ อยู่ในสารบบ และไม่มีกฎหมายใดบัญญัติห้ามไว้ สามารถจดทะเบียนโดยชอบด้วยกฎหมายทุกประการ และด้วยความชอบธรรม

โฆษกพรรคอนาคตไกล กล่าวต่อว่า 2.สำหรับเสื้อแขนยาวพรรคอนาคตไกล แตกต่างจากพรรคก้าวไกล  มีความแตกต่างหลายจุด มีความโดดเด่นกว่าก้าวไกลแน่นอน ทั้งคอเสื้อ แขนเสื้อ ขอบชายเสื้อและชื่อพรรคภาษาอังกฤษ โลโก้พรรค ประชาชนสามารถแยกแยะได้ว่า พรรคอนาคตไกลมีความโดดเด่นและจำได้ง่ายกว่า ทั้งไม่มีส่วนใดส่วนหนึ่งเหมือนหรือคล้ายคลึงกัน ประกอบกับไม่มีกฎหมายใดบัญญัติให้เฉพาะพรรคการเมืองใดพรรคการเมืองหนึ่ง ใช้สีพรรคสีเสื้อต้องไม่เหมือนกัน การใช้สีส้มไม่ได้ผูกขาดเฉพาะพรรคก้าวไกล พรรคอนาคตไกล สามารถใช้สีส้ม สีแดง หรือสีอื่นๆ ได้ คุณเจี๊ยบ อมรัตน์ฯ หัดใจกว้างหน่อย อย่าใช้ฐานอคติที่ลำเอียง ประชาชนจะสับสน ไม่มีประเด็นใดที่หวังผลทางการเมือง รัฐบาลนี้ กำลังบริหารราชการแผ่นดินอยู่ ยังไม่ถึงวันเลือกตั้ง ไม่ต้องกลัวพรรคอนาคตไกล แต่จะมาแทนที่พรรคก้าวไกลให้พี่น้องประชาชนตัดสินใจ พรรคอนาคตไกลจึงสื่อสารมายังพี่น้องประชาชน ผู้รักความยุติธรรม ความเสมอภาคและ รักประชาธิปไตย ช่วยสนับสนุนพรรคอนาคตไกล บนหลักพื้นฐานที่ว่า "อนาคตไกล อนาคตประเทศไทย ก้าวไกลไปกว่าเดิม"

เปิดมาตรฐาน 'นักการเมืองส้ม' ผิดเท่าไร ก็ไม่ต้องแคร์ ขอแค่ 14 ล้านแฟนพันธุ์แท้ ยังรัก ยังเชียร์ แบบไม่ลืมหูลืมตา

สมัยก่อน เวลาที่นักการเมืองไทยสักคนถูกจับได้ว่าโกหก หรือทำผิดพลาดอะไรสักอย่าง ก็ถือว่าน้อยถึงน้อยมากอยู่แล้วที่จะมีสักคนกล้าหาญออกมายอมรับผิด พูดขอโทษประชาชน แล้วลาออกจากตำแหน่ง โดยไม่ต้องรอให้สังคมกดดัน ซึ่งผิดกับบางประเทศเช่น เกาหลีใต้ หรือญี่ปุ่น ในความผิดที่น้อยกว่าก็ยังแสดงสปิริตด้วยการลาออกให้เห็นอยู่บ่อยครั้ง การแสดงความรับผิดชอบของนักการเมืองบ้านเขา ได้สร้างมาตรฐานของ 'คนอาชีพนักการเมือง' ไว้ค่อนข้างสูงส่ง มีเกียรติ น่าเชื่อถือ และดูสง่างาม

แต่กับ 'นักการเมืองไทย' น่ะหรือ? อย่าให้ผมเซดเลย

ไม่ต้องไป 'วัดรอยสำนึก' กับมาตรฐานของนักการเมืองชาติใครเขาหรอก วัดกันแค่มาตรฐานของไทยเราเองก็เลวร้ายกว่านักการเมืองรุ่นก่อน ๆ ของเราอย่างเห็นได้ชัด นักการเมืองยุคนี้ถือเป็น 'นักการเมืองสายพันธุ์ด้าน' คือมีความหน้าด้าน ไร้ยางอายเป็นเท่าทวี พูดจาโกหกมดเท็จรายวัน จับได้ไล่ทันก็หันไปพูดเรื่องใหม่ พูดจาหลอกต้มคนโง่ในเรื่องใหม่ ๆ ต่อไป โดยจะทำเหมือนไม่มีอะไรเคยเกิดขึ้น ไม่ให้ความสำคัญกับคำพูด หรือ 'สัจจะมนุษย์' ซึ่งถือเป็นเรื่องสำคัญมากที่ไม่ใช่แค่การเป็น 'นักการเมือง' แต่คือ 'ความเป็นคน'

อย่างกรณีที่ 'เจ้าของพรรคล้มสถาบันตัวจริง' บินไปประเทศใกล้ ๆ เพื่อพบ 'อดีตนักโทษหนีคดี' ขนาดเด็ก ม.ปลาย ที่อ่อนวิชาการเมืองยังดูรู้เลยว่าจริง แต่ลิ่วล้อสองสามตัวกลับเสนอหน้ามาโป้ปดกับประชาชนหน้าตาเฉย เมื่อความจริงปรากฏ แต่ละตัวก็หันไปสายลมแสงแดด ไม่มีสักตัวที่จะออกมาพูดถึงพฤติกรรมไร้ความรับผิดชอบของตัวเอง และกล้าหาญแสดงความรับผิดชอบต่อสังคมเลยแม้แต่น้อย 

นี่คือ 'มาตรฐานใหม่' ของนักการเมืองไทย 'สายพันธุ์ด้าน' แม้จะเรียกขานว่าตัวเองเป็น 'คนรุ่นใหม่' แต่สิ่งที่แสดงออกมานั้นนอกจากเก่าแล้วก็ยังต่ำ สกปรก โสโครก มักง่าย เน่าเหม็นทั้งกายใจ คอยเหยียบย่ำน้ำใจของประชาชนโดยไม่ไยดี 

ถือเป็นการกระทำที่ดูแคลนว่าประชาชนคนไทยคงโง่เขลาเบาปัญญา และหลอกง่ายเสียยิ่งกว่าอะไรทั้งหมด

ทั้งที่จริงกลุ่มคนที่โดนโกหกยังไงก็ยังเชื่อ ยังหลง ยังรัก ยังชียร์ และยังสนับสนุนชนิดไม่ลืมหูลืมตาไม่ใช่คนส่วนใหญ่ของประเทศ และถ้าจะนับจาก 'คนหลงส้มเน่า' ที่มีมากถึง 14 ล้านเสียง ถึงวันนี้ผมก็มั่นใจว่าได้หายศีรษะไปมากพอสมควรแล้ว 

ใครจะยังกล้าหาญประกาศตัวเป็น 'ประชาชนสายพันธุ์โง่' ที่คอยอยู่เชียร์ 'นักการเมืองสายพันธุ์ด้าน' อีก ก็ให้สังคมมันรู้กันไปว่าประเทศไทยมีคนไทยประเภทนี้หลงเหลืออีกกี่คน?  

‘พี่คนดี’ ร่ายกลอน!! คุณค่าประเพณีดีงามไทยต้องควรคงไว้ ชี้!! อย่าหลงลมหัวก้าวหน้า ที่ร้องเลิกเพียงเพื่อสร้างประเด็น

(27 พ.ย.66) เพจเฟซบุ๊ก ‘P.khondee (พี่คนดี กวีสมัครเล่น)’ ได้โพสต์ข้อความพร้อมบทกลอนเรื่อง ‘ประเพณีลอยกระทง’ ระบุว่า... 

ถึงวันลอยกระทงทีไร ก็มีคนเอามุมเรื่องขยะ และการอนุรักษ์สิ่งแวดล้อม ขึ้นมาชู แล้วรณรงค์ให้ ยกเลิกประเพณี กันทุกที ถ้าเราจะมองแต่มุมเสียก็คงต้องยกเลิกทุกอย่างกระมัง

ปีใหม่จุดพลุ ตรุษจีนจุดธูปเผากระดาษ ก็จะว่า ‘ไม่อนุรักษ์อากาศ’ เล่นสงกรานต์เอาน้ำมาสาดเล่น ก็จะว่า ‘ไม่อนุรักษ์น้ำ’ ว่ากันตามจริงทุกเทศกาลมันก็ก่อให้เกิดขยะกองโตทั้งนั้น ต้องยกเลิกไปให้หมดหรือเปล่า แล้วมุมที่คนออกมาจับจ่ายใช้สอย ชาวต่างชาติที่มาท่องเที่ยว เป็นการกระตุ้นเศรษฐกิจ ไม่มองกันบ้างเหรอ ไม่พูดเรื่อง Soft Power กันบ้างหรือไร?

ขยะในวันลอยกระทง อีกวันเขาก็มาเก็บไปหมด ไม่ได้ถูกปล่อยไว้ หรือไม่ได้เก็บยากเย็นเหมือนขยะในทะเล มารณรงค์สร้างความตระหนักว่า หลังจากขอขมาพระแม่คงคาแล้ว ก็ไม่ควรทิ้งขยะกันในวันอื่น ๆ กันดีกว่าไหม เพราะวันอื่น ๆ ไม่มีใครมาตามเก็บให้ทันที เหมือนหลังวันลอยกระทง

กระทงใบตองแบบเดิม ๆ เก็บทิ้งได้ไม่ยากหรอก คนโบราณเขาคิดมาไว้ดีแล้ว แต่ พวกกระทงขนมปัง ที่อ้างว่ารักษ์โลก ไม่ควรใช้อย่างยิ่ง เพราะจะมีปัญหามากกว่า เมื่อปลากินไม่หมด และเก็บไม่ทันมันก็ละลายผสมลงในน้ำทำให้ น้ำค่าบีโอดีสูง จุลินทรีย์มากินจนเติบโต แล้วน้ำก็จะเน่า กระทงโฟมก็มีปัญหากำจัดยาก ไม่ควรใช้ เหมือนกับที่ไม่ควรใช้ใส่อาหารกันพร่ำเพรื่อนั่นแหละ

คนส่วนใหญ่ลอยกระทงกันตอนเด็กหรือวัยรุ่น โตขึ้นมาก็ไม่ลอยกันแล้วโดยอัตโนมัติ เหมือนกับเรื่องเล่นสงกรานต์ หลายครั้งเราอาจจะลืมไปแล้วว่าตอนเด็ก ๆ เราก็เคยสนุกกับมัน พอเราโตแล้ว เราเริ่มรู้สึกว่ามันไม่มีสาระสักเท่าไร เลยจะไปยกเลิกมันเหรอ ให้เด็ก ๆ เขาสนุกกันบ้างเถอะ ส่วนใหญ่เดี๋ยวนี้ก็ลอยในแหล่งน้ำปิด ถึงลอยในแม่น้ำ ก็มีคนมากั้นและ เก็บในไม่ช้า

เรื่อง ซานตาคลอส ที่เด็กฝรั่งตื่นเต้นตั้งตารอ แต่โตมาก็รู้ว่ามันไม่จริง แต่ฝรั่งเขาก็ไม่ได้รณรงค์ให้ยกเลิก นี่นา หรือ งานเคาท์ดาวน์ปีใหม่ที่ ไทม์สแควร์ ก็มีการโปรยเศษกระดาษชิ้นเล็ก ๆ ลงมา พออีกวันมันก็คือขยะที่ต้องลำบากเก็บเหมือนกัน บ้านเขาไม่เห็นมีใครไปรณรงค์ให้ยกเลิก นี่นา เออถ้ามันสร้างความเดือดร้อนจนเห็นชัดอย่าง โคมลอย ที่ไปตกบ้านคนอื่นแล้วไฟไหม้ก็ว่าไปอย่าง

เห็นเพื่อน ๆ หลายคนหงุดหงิดกับขยะวันลอยกระทง ผมก็เคยรู้สึกอย่างนั้นเหมือนกันครับ แต่ก็เห็น ในหลวงรัชกาลที่ 9 ทรงร่วมกิจกรรมนี้ด้วยตลอดทุกปี แม้ตอนที่ท่านประทับที่ รพ. ก็เลยมาฉุกคิดในอีกด้าน

ส่วนตัวผมมองว่า ประเพณีนี้ยัง สมควรได้ไปต่อครับ เพื่อนคนใดไม่อยากลอยก็ไม่ต้องลอยเป็นสิทธิ์ของท่านเลย ผมเองก็ไม่ได้ลอยมาหลายปีแล้ว แต่ถ้าใครเขายังอยากลอยก็อย่าไปว่าเค้าเลยนะครับ จะว่าไป มันเช่นเดียวกับหลาย ๆ เรื่อง ที่ถกเถียงกันนั่นแหละ

อย่าไปหลงลมพวกหัวก้าวหน้าบ้าฝรั่ง ที่ประเพณีอะไรของไทยก็อยากจะยกเลิก ทุกวันเทศกาลงานประเพณีแทนที่จะไปรื่นเริง ก็มาสร้างประเด็น แซะพระโค แซะกระทง แซะพานไหว้ครู แซะแปรอักษร เรื่อยไปไม่หยุดหย่อน คนพวกนี้ จะมีความสุขเหมือนคนอื่นเขาบ้างไหม 

สุขสันต์วันเทศกาลนะครับ

434/2023 ประเพณีไทยก็มีมาตั้งนาน

ตรงไหนแย่ เราก็แค่ คิดแก้ไข
ชวน ‘ยกเลิก’ มันถูกไหม ลองไขขาน
ประเพณี ไทยก็มี มาตั้งนาน
ลองมองดู หลายหลายด้าน อย่าต้านเลย

บางอย่างมัน ไม่ได้แย่ จนแน่ชัด
ไม่อยากจัด ไม่อยากแคร์ ก็แค่เฉย
ความตื่นตา น่าภิรมย์ น่าชมเชย
ทุกคนเคย ยอมรับ อินกับมัน

พอโตมา เริ่มมองว่า ไร้สาระ
มีคนเอา เรื่องขยะ มาปลุกปั่น
ให้ยกเลิก เทศกาล ในวานวัน
ทั้งที่ตอน วัยเด็กนั้น ว่าบันเทิง

อ้างว่ามัน ไม่ก้าวหน้า ล้าสมัย
ไม่เอาไหน ใฝ่กระทุ้ง ให้ยุ่งเหยิง
ไยต่อต้าน เทศกาล งานรื่นเริง
ที่ดำเกิง ดำรงมา กว่าร้อยปี

‘ชาวเน็ต’ ฉะ!! ‘ติ่งส้ม’ หลังแซะคลิป ‘รมว.วราวุธ’ ฝึกภาษามือ ชี้!! เรื่องดีที่ควรสนับสนุน วอนแยกแยะ หยุดเหยียด-บูลลี่ผู้พิการ 

(26 พ.ย. 66 ) บนโลกโซเชียลได้มีการวิจารณ์ผู้ที่ใช้ทวิตเตอร์รายหนึ่ง ซึ่งเป็นผู้สนับสนุนพรรคก้าวไกลและนายธนาธร จึงรุ่งเรืองกิจ มีผู้ติดตามกว่า 12,600 ราย โพสต์วิดีโอคลิปจากติ๊กต็อกของ นายวราวุธ ศิลปอาชา รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการพัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์ กำลังทำภาษามือเพื่อสื่อสารถึงผู้พิการ โดยระบุข้อความว่า “มึงรัฐมนตรีประเทศกูแต่ละคนสิ อี…”

ปรากฎว่าชาวเน็ตที่พบเห็นต่างแสดงความไม่พอใจ วิจารณ์ผู้สนับสนุนพรรคก้าวไกลจำนวนมาก อาทิ

- อันนี้ไม่ควรแซะครับ เขาฝึกใช้ภาษามือครับ ภายใต้กระทรวงที่เขาดูแล ก่อนวิจารณ์หรือแซะอะไร ใช้สติปัญญา ไตร่ตรองเยอะๆ หน่อยครับ สมองอะ คิด วิคราะห์ แยกแยะ มือไม่พาย อย่าเอาเท้าราน้ำ

- อันไหนดีก็ควรชื่นชมนะ อย่ามาแซะอะไรแบบนี้เลย และที่เขาทำมันก็เหมาะสมแล้วเพราะกระทรวงที่เค้าดูแลมันก็คือเรื่องผู้พิการโดยตรง

- เราว่าอันนี้เขาทำดีนะคะ คือ การพยายามที่จะสื่อสารกับคนที่ไม่ได้สื่อสารภาษาเดียวกัน คือเป็นเรื่องที่ดีค่ะ

- เขาเห็นถึงความสำคัญของผู้พิการทางการได้ยิน มันไม่ดีตรงไหนเหรอคะ?

- ผมก็เป็นส้มนะ แต่อย่าไปอคติให้มันมากครับ ฝั่งเราร้องเพลงยังเห็นชมกันเลย

- แซะการใช้ภาษามือ มึงนี่เหยียดคนพิการมากๆ เลยนะ ด้อมส้มมันสันดานแบบนี้ของแท้

- จะให้เอาคลิปคนในสังกัดก้าวไกลเต้นเย้วๆ เต็มติ๊กต็อกมาลงแหกไหมครับ

- ใช้อคติ บังตา จนไม่เห็นว่าเขาทำอะไร

- เขาฝึกภาษามือเผื่อประโยชน์ในการทำงาน สื่อสารกับคนหูหนวก ที่อยู่ภายใต้กระทรวงที่เขาดูแลไหม เสียหายตรงไหน?

- แล้วการใช้ภาษามือผิดอะไรถึงเอามาแซะ?

- ลองเป็นคนหูหนวกดูสิ แล้วคุณจะรู้ว่ามันยิ่งใหญ่ขนาดไหน ในสิ่งที่ รมว.ทำ คนเท่าเทียมกันไม่ใช่หรือ หรือเค้าแค่พิการสิทธิ์ใด ๆ ของเค้าจึงหายไปด้วย อย่าใจร้ายกันนักเลย

- มึงไม่ชอบคงไม่แปลกหรอกฮะ ปกติของด้อมส้ม ปากว่าเท่าเทียม คนเท่ากัน ไม่คุกคามทางเพศ บลาๆ ... จากที่เห็นก็แค่ใช้ในทางโฆษณาก็เท่านั้น สุดท้ายแ...งเข้าตัวทุกดอก น่าเวทนาฉิบ

- มึงดูคนมาวิจารณ์รัฐมนตรีประเทศกูสิ มันความคิดตื้นเขิน เหยียดคนพิการ แต่ปากเรียกร้องความเท่าเทียม มันกำลังเรียกร้องสิ่งที่มันไม่รู้จัก

- เมื่อไหร่จะเห็นด้อมส้มคิดวิเคราะห์ แยกแยะได้เป็นเสียทีนะ อ.ปิยบุตรก็เตือนแล้ว แถมออกตัวว่าไม่ใช่นางแบก แต่เขาเตือนด้วยความเป็นจริง คุณท็อปร้องเพลงภาษามือผิดตรงไหน อย่าลืมสิ ว่าคนเล่นออนไลน์มีทั้งคนหูหนวกด้วย เขาเคยแนะวิธีทำมือขอความช่วยเหลือเมื่อถูกคนลักพาตัวหรือบังคับขู่เข็ญนะ

- สงสัยมึงชอบคลิปแนวเต้นแหก...ของ สส.ก้าวไกลนะคะ

- ส่วนตัวมองว่า ทำดีนะ เพราะเขาอยู่กระทรวงที่ต้องดูแลคนพิการ ที่ 1 ในนั้น มีคนหูหนวก เขาใช้ภาษามือได้ ก็เป็นสัญญานการเปิดประตูสู่มิตรภาพที่ดีระหว่างกัน ดีออก

- เขาอยากให้คนใบ้ได้รู้เรื่อง ไหนพวกมึงบอกคนเท่ากัน เขาศึกษาการใช้ภาษามือ แล้วมึงด่า มึงแขวนเขาทำไม คนเท่ากันไม่จริงนี่หว่า

- ปัญญาอ่อน ... มึงนะอ่อน เข้าฝึกใช้ภาษามือ เพื่อสื่อสารกับคนหูหนวก แ...งมีประโยชน์กว่าบักเหบือก (คาดว่าสื่อถึงนายวิโรจน์ ลักษณาอดิศร) ไปเต้นลงติ๊กต็อกอีก

- ฝึกภาษามือผิดตรงไหน เรื่องอื่นๆ ท่านก็ทำ อย่างสัปดาห์ที่แล้ว ท่านก็เป็น 1 ใน panelists ของ The Seventh Asian and Pacific Population Conference ที่จัดโดย UN ESCAP ลองไปหาฟังนะ (ถ้าฟังภาษาอังกฤษออก)

- อีเ...ย อันนี้คือมึงใช่มั้ย...? เป็นอะไรมากป่าวสมองอคติของมึงอ่ะ ถึงเขาจะมีตำแหน่งอะไร เขาร้องเพลงด้วยภาษามือ แล้วมันหนักหัวมึงตรงไหน เอาเขามาแขวนด่าทำไม..? ยิ่งนับวันด้อมมึงยิ่งต่ำตมกู่ไม่กลับนะ

- เขาใช้ภาษามือ เพื่อกลุ่มคนที่มีปัญหาทางร่างกาย ให้เข้าถึงกลุ่มนี้ แต่ติ่งส้มก็เหยียดเค้า คราวที่แล้วก็เหยียดเรื่องภาษาอังกฤษ ว่าภาษาอังกฤษกะเหรี่ยง คนในพรรคมีทั้งกลุ่มคนชาติพันธุ์และคนพิการ แต่ดูติ่งส้มทำ กนห. (ก้าวหน้าห...) สุดๆ

‘รามคำแหง’ มหาวิทยาลัยประชาชน ที่เป็นมากกว่าห้องเรียนสี่เหลี่ยม แต่คือแหล่งบ่มเพาะความรู้ ที่ให้โอกาสและสร้างบัณฑิตสู่สังคมตลอด 52 ปี

“รู้จักอภัย ตั้งใจศึกษา บูชาพ่อขุน สนองคุณชาติ” คือประโยคแรกที่พบเห็นในวันที่ก้าวย่างเข้าสู่รั้ว ‘รามคำแหง’

‘รามคำแหง’ คือ ‘มหาวิทยาลัยประชาชน’ เป็นตลาดวิชา แหล่งศึกษาเรียนรู้ของลูกคนยากคนจน ที่ถูกระบบการศึกษาแบบ ‘แพ้คัดออก’ ถีบส่งมา

ในเดือนพฤษภาคมของปี 2523 ผมหอบสังขาร พร้อมกระเป๋าเสื้อผ้าเดินเข้าไปในรั้วรามคำแหงด้วยจิตใจที่มุ่งมั่น มาหาความหมายของชีวิต เป้าหมายคือ ‘หอบใบปริญญาไปฝากพ่อแม่’

ในวันนั้น รามคำแหงคราคร่ำไปด้วยเยาวชนคนรุ่นใหม่ ที่พลาดหวังกับการคัดเลือกเข้าสู่มหาวิทยาลัยเปิด พวกเราได้รับการต้อนรับอย่างอบอุ่นจากรุ่นพี่ ที่มานั่งคอยแนะนำ คอยบอกในการกรอกใบสมัครเข้าเป็นนักศึกษา

ไม่เพียงแค่นั้น รุ่นพี่ยังคอยแนะนำ-ชักนำให้เข้าร่วมการทำกิจกรรมกับกลุ่ม ชมรม พรรคนักศึกษา บอกเล่าถึงปัญหาของสังคมที่เรา ในฐานะลูกหลานประชาชนจะต้องเข้าร่วมเพื่อการสะท้อนปัญหา หรือแก้ไขปัญหา

ผมไม่รู้จักรามคำแหงมาก่อนเลย ก่อนจะมาสมัครเป็นนักศึกษา รู้แค่ว่าเป็นมหาวิทยาลัยที่เปิดสอนในระดับปริญญาตรี ที่สอนต่อจากระดับมัธยมเท่านั้น กลุ่ม ชมรม พรรคนักศึกษาอะไร ผมไม่รู้จัก ก็ต้องสอบถาม และรับรู้จากรุ่นพี่ที่มาคอยแนะนำ บอกเล่า

ผมเลือกเรียนรัฐศาสตร์ ด้วยเหตุผลง่ายๆ ตามรุ่นพี่เล่าให้ฟัง คือ ‘จบง่าย’ แต่ผมคิดอยู่นิดเดียวว่า ต้องเรียนอังกฤษถึง 4 เล่ม ซึ่งเป็นวิชาที่ผมสอบตก ต้องแก้มาตลอด แต่ไม่น่าจะมีคณะอื่นที่เหมาะสำหรับเรา เอาล่ะ… ไม่ลองก็ไม่รู้

เทอมแรกของลูกหลานประชาชน ลงทะเบียนเรียนไป 18 หน่วยกิต รวมถึงวิชาภาษาอังกฤษด้วย สมัครเสร็จหิ้วกระเป๋าเสื้อผ้ากลับที่พัก ไปนอนค้างหอพักเพื่อนในซอยเทพลีลา

“ฉันเยาว์ ฉันเขลา ฉันทึ่ง ฉันจึงมาหาความหมาย ฉันหวังเก็บอะไรไปมากมาย สุดท้ายให้กระดาษฉันแผ่นเดียว…”

กระดาษแผ่นเดียวอันเป็นสัญญลักษณ์ของการเรียนจบ เป็นใบเบิกทางชีวิต แต่จริงๆ แล้ว 6 ปีในรั่วรามคำแหง เราได้เก็บเกี่ยวประสบการณ์ชีวิตมากมาย ได้ศึกษาเรียนรู้ในสิ่งที่ไม่มีสอนในตำรา ต้องไขว่คว้าหาเอาเอง ซึ่งมีแหล่งศึกษาเรียนรู้มากมาย

6 ปีที่เราถูกเคี้ยวจนข้น ก่อนเดินออกมาจากรั้วมหาวิทยาลัยประชาชนที่เราภาคภูมิใจยิ่ง ก้าวเดินออกมาอย่างมาดมั่นว่า เราเข้มแข็งพอ มีเกียรติ มีศักดิ์ศรีพอที่จะสู้กับใครก็ได้ ในภาวะสังคมที่เต็มไปด้วยการแข่งขัน

“จบรามฯ” เรากล้าบอกกับใครก็ได้ อย่างไม่รู้สึกด้อยกว่า พร้อมที่จะเดินเชิดหน้าสู้ในสังคมเส็งเคร็ง และที่ผ่านมา เราก็ได้พิสูจน์ให้เห็นแล้วว่า ‘ลูกพ่อขุน’ ไม่แพ้ใคร ทุกแวดวงวิชาชีพจึงเต็มไปด้วย ‘บัณฑิตรามคำแหง’

‘52 ปี รามคำแหง’ ได้สร้างคน สร้างบัณฑิตมาแล้วกว่า 1 ล้านคน และยังมีนักศึกษาในระบบอีกร่วมแสนคน

รามคำแหงจึงไม่ใช่แค่ตึก ไม่ใช่แค่ห้องเรียนสี่เหลี่ยม แต่เป็นแหล่งบ่มเพาะ แหล่งศึกษา แหล่งเรียนรู้ ทั้งในระบบ และนอกระบบ เพื่อนมากมายก็เจอในรั้วรามคำแหง

ที่ไหนมีคน ที่นั้นมีปัญหา รามคำแหงได้ผ่านอุปสรรค ผ่านปัญหามามากมาย ทุกประวัติศาสตร์ของชาติบ้านเมือง รามคำแหงจะต้องถูกบันทึกไว้ถึงการมีส่วนร่วม

“มีรามฯ ถึงมีเรา” ถ้าไม่มีรามฯ ก็ไม่มีเราในวันนี้ เพราะรามคำแหง คือ ‘เปลวเทียนให้แสง รามคำแหงให้ทาง’

‘ธนกร’ เห็นด้วย ‘ชัยธวัช’ คุยฝ่ายเห็นต่างนำไปสู่ความปรองดอง แต่ กม.นิรโทษกรรม ต้องไม่เหมารวม คดี ม.112 ลั่น!! ค้านถึงที่สุด

(26 พ.ย. 66) นายธนกร วังบุญคงชนะ อดีตรัฐมนตรีประจำสำนักนายกฯ สส.บัญชีรายชื่อและรองหัวหน้าพรรครวมไทยสร้างชาติ (รทสช.) ให้สัมภาษณ์ถึงกรณีนายชัยธวัช ตุลาธน หัวหน้าพรรคก้าวไกล เดินสายไปพบและรับฟังความเห็น ฝ่ายต่างๆ ทั้งคนเสื้อแดง กลุ่มพันธมิตรฯ กปปส. ว่า ถือเป็นเรื่องที่ดีที่นายชัยธวัช ไปรับฟังทุกฝ่าย ก่อนพิจารณาร่าง พ.ร.บ.นิรโทษกรรมที่ระหว่างรอเปิดสมัยประชุมสภา ซึ่งจะทำให้แต่ละฝ่ายเข้าใจเนื้อหาเกี่ยวกับร่าง พ.ร.บ. นิรโทษกรรมคดีทางการเมืองดีมากขึ้น หากมีวัตถุประสงต์หวังให้เป็นจุดเริ่มต้นทำให้เกิดกระบวนการปรองดองทางการเมือง จะต้องเป็นการดำเนินการเพื่อคนทุกฝ่าย ทุกกลุ่ม ไม่ใช่มีผลประโยชน์เฉพาะกลุ่มตัวเองแอบแฝง ควรทำด้วยความบริสุทธิ์ใจ

เมื่อถามว่า แต่ดูเหมือนร่างกฎหมายนิรโทษกรรมของพรรคก้าวไกล จะมุ่งปลดล็อกคดีมาตรา 112 นายธนกร กล่าวว่า กฎหมายดังกล่าวหากจะสร้างความปรองดองแก่ทุกฝ่ายทางการเมือง ที่เห็นต่างถือว่ายอมรับได้ แต่ต้องไม่ใช่ความผิดจากการกระทำที่ความรุนแรง และต้องไม่ละเมิดกฎหมายความมั่นคงแห่งรัฐ โดยเฉพาะประมวลกฎหมายอาญามาตรา 112 ที่มีไว้เพื่อปกป้องประมุขแห่งรัฐ สถาบันพระมหากษัตริย์ผู้ใดจะล่วงละเมิดมิได้ ซึ่งไม่ใช่เรื่องการเมือง ตนไม่เห็นด้วยอย่างยิ่งหากจะมีการนิรโทษความผิดในมาตรา112

“หากพรรคก้าวไกลจะผลักดันกฎหมายนิรโทษกรรม เพื่อช่วยกลุ่มผู้สนับสนุนให้พ้นความผิดในมาตรา112 นั้น ผมขอคัดค้าน เพราะเป็นการเหยียบย่ำจิตใจคนไทยทั้งชาติที่รัก เทิดทูนสถาบันฯ การเดินสายรับฟังความเห็นคนทุกสีเสื้อ ทุกกลุ่มของก้าวไกล แต่จะนำมาอ้างว่าทุกฝ่ายเห็นด้วยคงไม่ใช่ ผมเชื่อว่า สภาก็จะไม่เห็นด้วย จึงขอให้พรรคก้าวไกลพูดให้ชัดในเรื่องนี้ หากรวมคดีม.112 ด้วย ผมรับไม่ได้และขอคัดค้านแน่นอน” นายธนกร กล่าว

โจทย์ว้าวุ่น 'เพื่อไทย' วันนี้ 'นายกฯ เศรษฐา' จะหลุดอะไร? ภาวนาลึกๆ ทำงานให้เข้าตา-โดนใจ แปลงแรงต้านให้เป็นแรงเชียร์

'เล็ก เลียบด่วน' สารภาพ...แม้จะเป็นสื่อมวลชน แต่อีกมิติหนึ่งก็เป็นประชาชน มีรักชอบโกรธหลง...แม้จะไม่ได้เป็นปลื้มกับ เศรษฐา ทวีสิน ที่ขึ้นมาเป็นนายกฯ แต่เมื่อมาตามวิถีทาง...วิถี (ประชาธิปไตย) ไทย ก็เอาใจช่วยและภาวนาอยู่ลึกๆ ขอให้ไปได้ด้วยดี...

พรรคเพื่อไทยแม้จะมีภาพลักษณ์ทั้งที่อาจเป็นอยู่จริงหรือถูกใส่ร้ายใส่สีตีไข่...ก็ต้องยอมรับว่าออกอาการเทาๆ เรื่องความโปร่งใส แต่เมื่อเทียบกับความน่ากลัวของ 'วิถีใหม่' ของบางพรรค ที่บอกว่าเป็นวิถีแห่งความหวัง มองยังไงนาทีนี้ก็ยังเป็นวิถีแห่งความน่ากลัว...มากกว่า

เพื่อไทยจึงยังเป็นวิถีที่ต้องเลือกของคนจำนวนไม่น้อย...

และเศรษฐาจะเป็นหุ่นเชิดหรือไม่เชิดอะไรนั้น...ยังไม่สำคัญเท่ากับเมื่อมีโอกาสแล้ว 'เศรษฐา' คงได้โชว์กึ๋นให้เห็นกันได้บ้าง...

แต่ก็นั่นแหละ...ประเมินว่าบรรดาแฟนคลับที่มีสติของ 'นายกนิด' ในนาทีนี้ คงซีเครียดว้าวุ่นอยู่กับการลุ้นระทึกในแต่ละสัปดาห์ว่า...เศรษฐาหลุดอะไร...หัวใจจะวายกับประเด็นที่หลุดมั้ย...

เป็นนายกฯ มาสองเดือนเศรษฐา...ภาพจำของนายกฯ เศรษฐา...เริ่มกลายเป็นว่า...

- นายกสูงยาวถุงเท้าแดง (ดีที่ยังไหว้สวย)
- ปากไวพูดเรื่องถล่มอิสราเอลแบบไม่ทรงภูมิความเป็นนายกฯ
- ออกอาการซีอีโอ โยนปากกา/ชอบปรี๊ดแตกอัดข้าราชการกลางวง (สื่อ)
- ใช้คำว่า 'ขี้ข้า' ขณะแนะนำลูกหลานนักศึกษาที่สหรัฐฯ
- หลุดพูดเรื่อง (ฝาก) ย้ายตำรวจ...ผู้กำกับใหม่กลายเป็นเรื่องคอขาดบาดตาย
- ฯลฯ-

ส่วนภาพจำในเชิงบวกที่พอจะเห็นๆ ก็คือ...ขยันขันแข็ง ลุยงาน...แต่บางครั้งก็ออกอาการเหมือนนักบริหารที่ลนลาน ประเภท 'คิดไม่จบ' แต่พูดล้ำหน้า...

ครับ...ในฐานะที่หัวใจให้โอกาส ก็ต้องสารภาพรักด้วยวิธีสะท้อนภาพให้รับทราบแบบนี้...ถ้าเห็นด้วยก็นำไปปรับปรุง คนเราพลาดกันได้ เพียงแต่สองเดือนเศษ 'นายกนิด' พลาดมาก...พลาดที่ปากไว...ปากพาจน...

"ผู้กำกับใหม่...คงมีผู้ผิดหวัง มากกว่าผู้สมหวังในห้องนี้ ที่ขอตำแหน่งไปเพราะขอมาเยอะเหลือเกิน..." คำพูดแบบนี้ในห้องประชุมที่มี สส.ของพรรคนั่งกันเต็ม ต้องบอกว่าอันตรายยิ่ง...มีทางเดียวต้องไปคิดแก้ปัญหาให้มันเจ็บน้อยที่สุด

จะฝ่าข้ามมาตรา 185(3) มาตรา 186 ประกอบมาตราอื่นๆ ของรัฐธรรมนูญไปได้อย่างไร และที่สำคัญนักร้องอันดับหนึ่งประเทศ ศรีสุวรรณ จรรยา ไปร้องป.ป.ช.เรื่องผิด-ฝ่าฝืนมาตรฐานทางจริยธรรม 2561 เอาไว้แล้วด้วย...ถ้าเรื่องเดินทางไปถึงศาลฎีกานักการเมืองวันไหนมีโอกาสพักงานเหมือนกัน...!!

ดังนั้นภูมิคุ้มกันที่ดีที่สุดของนายกฯ เศรษฐาตอนนี้ก็คือ ทำงานหนัก สร้างผลงานให้เข้าตากรรมการ (ประชาชน) ให้มากๆ สร้างความปรองดองสมานฉันท์ให้เกิดขึ้นในบ้านในเมือง...แปลงแรงต้านเป็นแรงเชียร์

ภาพรวมผู้คนที่เขามั่นคงในสถาบันชาติ ศาสน์ กษัตริย์ ที่เคยถูกเพื่อไทยมองเป็นพวกจารีต...พวกเขายังให้โอกาส เหตุผลสำคัญเพราะยังไงๆ เพื่อไทยก็ไม่ถึงกับคิดล่มชาติล้มสถาบัน..!!

เฮ่อออ...วันนี้ตอนแรกจะเขียนเรื่อง 'ตั๋วผู้การ'...'ตั๋วอดีตนายกฯ'...โยงกับ 'ตั๋วผู้กำกับ'...แต่ความที่อยากกระตุกนายกฯ นิดเลยร่ายซะยาว...หลังย้ายระดับรองผบก.-ผกก.สิ้นเดือน พ.ย.นี้ค่อยว่ากันเรื่องตั๋วอีกที!!

‘ปานปรีย์’ ยัน!! ปรับขึ้นเงินเดือน ‘ข้าราชการ’ แน่นอน เตรียมชง ครม.พิจารณารายละเอียดเพิ่มเติม 28 พ.ย.นี้

(24 พ.ย. 66) นายปานปรีย์ พหิทธานุกร รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงต่างประเทศ กล่าวถึงการประชุมพิจารณา เรื่องการปรับฐานเงินเดือนข้าราชการ เมื่อวันที่ 23 พ.ย.ที่ผ่านมา ว่า การประชุมดังกล่าวได้พิจารณารายละเอียดครั้งสุดท้าย ว่าอะไรที่ทำได้ในเวลานี้ อะไรที่ยังทำไม่ได้ และอะไรที่จะทำต่อไปในอนาคต แต่จะปรับขึ้นเงินเดือนข้าราชการแน่นอน ส่วนรายละเอียดจะเป็นอย่างไรนั้น ตนขอนำเสนอเรื่องนี้เพื่อขอความเห็นชอบจากที่ประชุมคณะรัฐมนตรี (ครม.) ในวันที่ 28 พ.ย.นี้ก่อน เพราะ ครม.มอบหมายให้ตนกำกับดูแล

เมื่อถามว่า จะขึ้นเงินเดือนให้ข้าราชการระดับใดบ้าง และขึ้นเงินเดือนกี่เปอร์เซ็นต์ นายปานปรีย์ กล่าวว่า ขอให้รอดูรายละเอียดหลังจาก ครม.ให้ความเห็นชอบ


TRENDING
© Copyright 2021, All rights reserved. THE STATES TIMES
Take Me Top