Wednesday, 19 March 2025
POLITICS NEWS

“เด็กพลังธรรมใหม่” ซัด “เอ๋ ปารีณา” หัดเห็นใจบุคลากรทางการแพทย์ ช่วยไม่ได้ก็พูดให้น้อย เย้ย บางคนน่าเวทนากว่า ร้องไห้เพราะไม่ได้ตำแหน่งสมใจ แนะ เอาเวลาไปสู้คดีให้พ้นคุกจะดีกว่า 

นายณัฐดนัย ชนิตร์วัฒน์ รองเลขาธิการพรรคพลังธรรมใหม่ กล่าวถึงกรณีที่ น.ส.ปารีณา ไกรคุปต์ ส.ส.ราชบุรี พรรคพลังประชารัฐ ได้โพสต์เฟซบุ๊กส่วนตัว ระบุถึง นพ.ธงชัย กีรติหัตถยากร รองปลัดสาธารณสุขว่ารู้สึกไม่เห็นด้วยกับการใช้น้ำตานั้น ว่า น.ส.ปารีณา ต้องเข้าใจและหัดเห็นใจบุคลากรทางการแพทย์ที่ทำงานอยู่ในภาคพื้นสนามและต้องเสี่ยงกับการติดเชื้อโควิด-19 ทุกนาที การที่ นพ.ธงชัย มีน้ำเสียงเหมือนร้องไห้ นั่นสะท้อนให้เห็นถึงความรู้สึกของผู้ชายคนหนึ่ง ที่ทำงานอย่างหนัก จนสุดกลั้น ถึงขั้นต้องระบายความอึดอัดใจออกมา ฉะนั้นบรรดานักการเมืองที่ทำงานตากแอร์อยู่บนหอคอย เมื่อท่านช่วยไม่ได้ ก็ขอร้องให้พูดน้อยลงหน่อยก็จะเท่ากับช่วยบุคลากรทางการแพทย์ได้แล้ว

“น.ส.ปารีณากล่าวหารองปลัดสธ.ว่าใช้น้ำตาแบบไม่มีสติ ใช้แต่อารมณ์ แต่ผมคิดว่ายังดีกว่าคนที่ร้องไห้เพราะผิดหวังจากตำแหน่งประธานอนุกรรมาธิการงบประมาณ ซึ่งเป็นผลประโยชน์ของตัวเอง ประชาชนเขาจะเวทนาเอาเปล่าๆ ผมขอฝากให้ น.ส.ปารีณา เอาเวลาไปต่อสู้คดีของตัวเองที่ไม่รู้จะติดคุกเมื่อไหร่ ดีกว่ามานั่งจับผิดคนที่เขาทำงานอย่างตั้งใจเพื่อประเทศชาติและประชาชน” นายณัฐดนัย กล่าว

นายณัฐดนัย กล่าวต่อว่า การเสียน้ำตาของรองปลัดสธ.ครั้งนี้ ฝ่ายบริหารควรต้องหันกลับมาใส่ใจ และตระหนักถึงวิกฤตโควิดที่บุคลากรทางการแพทย์ทุกคนต้องเหนื่อยและตรากตรำสู้อยู่ ต้องหัดยอมรับปัญหาที่เกิดขึ้นและรีบแก้ไข มิใช่พูดไปส่งเดชว่ายังเอาอยู่ ทั้งๆ ที่แต่ละวันมีทั้งหมอและพยาบาลสะท้อนปัญหาที่เกิดขึ้นอย่างชัดเจน แต่ไร้คนเหลียวแล วันนี้ด่านหน้าที่สู้กับวิกฤตของประเทศคือพวกเขา ไม่ใช่นักการเมือง ฉะนั้นหยุดใส่ร้ายว่าบุคลากรทางการแพทย์ออกมาเพื่อสร้างดราม่า เพราะพวกเขาทุกคนไม่มีความจำเป็นต้องออกมาสร้างภาพเหมือนบรรดานักการเมืองที่หิวแสง

ศปฉ.ปชป. ทำงานเชิงรุก เร่งประสาน รพ.รอบนอกเพิ่มเติมทั้งรัฐและเอกชน หลังมีตอบรับแล้ว 2 แห่ง ช่วยรับเคสสีเขียวผู้ป่วยโควิด-19 

ที่พรรคประชาธิปัตย์ นางดรุณวรรณ ชาญพิพัฒนชัย รองโฆษกพรรคประชาธิปัตย์ ในฐานะผู้รับผิดชอบประสานข้อมูลผู้ติดเชื้อเพื่อการส่งต่อ ศูนย์ประสานงานสถานการณ์ฉุกเฉิน โควิด-19 (ศปฉ.ปชป.) เปิดเผยว่าจากสถานการณ์วิกฤตเรื่องเตียงผู้ป่วยโควิด-19 ในรอบสัปดาห์นี้ที่ตัวเลขพุ่งสูงขึ้นสวนทางกับจำนวนเตียงที่จะรองรับ โดยเฉพาะในพื้นที่กรุงเทพมหานคร ทำให้มีผู้ป่วยรอเตียงตกค้างอยู่ที่บ้านจำนวนมาก ทั้งสีเขียวและสีเหลือง บางรายเข้าข่ายสีแดงที่ต้องเร่งหาเตียงให้อย่างรวดเร็ว

จากสถานการณ์ “วิกฤตเตียงผู้ป่วยโควิด” ในปัจจุบัน ตนเองและทีมจิตอาสาของพรคฯ ได้ประสานไปยังโรงพยาบาลที่อยู่โดยรอบกรุงเทพมหานครเพื่อช่วยระบายผู้ป่วย โดยเฉพาะเคสสีเขียวที่ยังเคลื่อนย้ายและเดินทางได้สะดวก ซึ่งเป็นที่น่ายินดีว่าได้รับการตอบรับจากผู้บริหารโรงพยาบาลของรัฐแล้วแห่งหนึ่งคือโรงพยาบาลด่านมะขามเตี้ย จังหวัดกาญจนบุรี ซึ่งขณะนี้ได้เริ่มมีการส่งตัวผู้ป่วยไปเข้ารับการักษาตัวที่โรงพยาบาลแล้วมากกว่า 10 ราย และจะทยอยส่งเพิ่มเติมอีกในกรณีที่โรงพยาบาลยังมีเตียงว่างและสามารถรับผู้ป่วยได้ รวมถึงโรงพยาบาลเอกชนในย่านสมุทรปราการที่พร้อมรองรับผู้ป่วยเคสสีเขียวรักษาตัวใน Hospitel รวมทั้งเคสสีเหลืองที่จะนำไปแอดมิทในโรงพยาบาล นอกจากนี้ยังมีโรงพยาบาลสนามของทหารเรือที่อยู่ระหว่างการประสานงานเพิ่มเติม เพื่อช่วยรองรับผู้ป่วยอีกด้วย

นางดรุณวรรณ กล่าวด้วยว่าทีมจิตอาสาของพรรคฯ ทำงานจริงจัง ต่อเนื่องมาตลอดระยะเวลา 3 เดือนที่เปิดศูนย์มา มีระบบในการประสานงานที่ดี มีทีมที่หลากหลาย ทั้งแพทย์ พยาบาล วิศวกร อดีต ส.ส. ส.ก.อดีตผู้สมัครของพรรค และทีมยุวประชาธิปัตย์ ทำให้ทำงานได้รวดเร็ว เข้าใจปัญหา ทำให้ได้รับความไว้วางใจจากพี่น้องประชาชนที่ร้องขอความช่วยเหลือมา รวมถึงโรงพยาบาลต่าง ๆ ที่ร่วมงานด้วย ที่สำคัญคือไม่ทิ้งผู้ป่วยและคอยติดตามประสานงานอย่างใกล้ชิด

ด้าน นพ.ประวัติ กิจธรรมกูลนิจ ผู้อำนวยการโรงพยาบาลด่านมะขามเตี้ย จังหวัดกาญจนบุรี กล่าวว่า ยินดีรับผู้ป่วยทุกรายที่ส่งต่อมา ที่เป็นเคสสีเขียวตามศักยภาพของโรงพยาบาลที่รับได้ ส่วนตัวแล้วอยากช่วยเหลือประเทศชาติในยามวิกฤต โดยไม่เลือกผู้ป่วยว่าจะมาจากพื้นที่ไหนก็ตาม ทั้งนี้โรงพยาบาลด่านมะขามเตี้ย เป็นโรงพยาบาลสมาร์ท ฮอสปิทัล (Smart Hospital) ที่คว้ารางวัลเป็นเลิศระดับประเทศในปี 2563 ของสำนักงานปลัดสำนักนายกรัฐมนตรี ซึ่งทั่วประเทศมีเพียง 5 หน่วยงานที่ผ่านการประเมินระดับเป็นเลิศ
“เรายินดีช่วยรับเคสให้ทุกรายถ้ายังมีเตียงและมีบุคลากรรองรับ เวลานี้ไม่ใช่เวลาที่จะมาแบ่งแยกว่าใครอยู่ที่ไหน จังหวัดอะไร ที่ไหนเตียงว่างก็ต้องช่วยกันรับผู้ป่วย เพราะทุกคนคือคนไทยด้วยกันทั้งนั้น.. ผมไม่มีสิทธิปฏิเสธคนไข้ เพราะผมเป็นหมอและเป็นมนุษย์คนหนึ่งที่มีหน้าที่ช่วยเหลือมนุษย์ด้วยกัน” นพ.ประวัติ กล่าว

ด้านนางดรุณวรรณ กล่าวเสริมว่า ขอบคุณทีมแพทย์พยาบาลทุกคนที่เสียสละทำงานอย่างหนัก ช่วยรับผู้ป่วยแม้จะต้องเหนื่อยมากขึ้นก็ตาม รวมถึงผู้เกี่ยวข้องทุกฝ่ายและทีมจิตอาสาที่ได้ทำงานร่วมกันมาตลอด 
“พวกเรายืนยันจะทำงานกันอย่างเต็มที่ภายใต้กลไกที่มี อาจจะเร็วบ้าง ช้าบ้าง แต่จะตั้งใจทำเพื่อเป็นส่วนหนึ่งที่จะช่วยให้ประเทศชาติรอดพ้นจากวิกฤตได้โดยเร็ว” นางดรุณวรรณ กล่าว

“พรรคกล้า” ยื่น 2 ข้อเสนอ ถึง “บิ๊กตู่” แนะ ชะลอการระบาด ไม่ให้ถึงจุดวิกฤต ชี้ การรักษาเร็ว คือการรักษาที่ดีที่สุด เผย ฟ้าทลายโจรรักษาโควิดได้

เมื่อวันที่ 2 ก.ค. ที่ศูนย์รับเรื่องราวร้องทุกข์ทำเนียบรัฐบาล นายมนต์ชีพ ศิวะศินางกูร กรรมการบริหารพรรคกล้าพร้อมด้วย ทพ.กันตพงศ์ ดีชัยยะ คณะทำงานด้านสาธารณสุข พรรคกล้า, นายณัฐนันท์ กัลยาศิริ ทีมกฎหมายพรรคกล้า และนายแสนยากรณ์ สิงห์วีรธรรม โฆษกพรรคกล้า ยื่นหนังสือข้อเสนอตั้งสถานกักตัวชุมชนและให้ยาฟ้าทะลายโจร รักษาผู้ติดเชื้อทันที ถึงพล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชานายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม ผ่านนายธีรภัทร ประยูรสิทธิ ปลัดสำนักนายกรัฐมนตรี

นายมนต์ชีพ กล่าวว่า ข้อเสนอแรกให้จัดตั้งสถานที่กักตัวชุมชนและเมือง (Community-City Quarantine) คือ หากพบผู้ติดเชื้อ แต่บ้านที่มีขนาดกลาง-เล็ก มีสมาชิกในครอบครัวจำนวนมาก หรือวิถีชีวิตไม่สามารถแยกกักตัวที่บ้านได้ (Home Isolation) ให้มีกระบวนการแยกผู้ติดเชื้อออกจากสมาชิกในครอบครัวหรือคนใกล้ชิดทันที แล้วนำมากักตัวในพื้นที่เฉพาะที่ชุมชนหรือจังหวัดตั้งขึ้น โดยขอให้รัฐผ่อนคลายกฎระเบียบต่าง ๆ เกี่ยวการใช้สถานที่เพื่อการรักษาพยาบาลชั่วคราว เพื่อจัดตั้งสถานกักตัวในชุมชน ใช้อาสาสมัครหรือสร้างรายได้ด้วยการจ้างคนในชุมชนที่ผ่านการฝึกอบรมแล้ว เป็นผู้ดูแลแทนแพทย์และพยาบาลไปพลางก่อน

นายมนต์ชีพ กล่าวว่า ข้อเสนอที่สอง ‘ติดเชื้อปุ๊ป รับยาทันที’ เมื่อพบว่ามีการติดเชื้อ ไม่ว่าจะเป็นผู้ที่กักตัวเองอยู่ที่บ้าน หรืออยู่ในสถานกักตัวชุมชนตามข้อเสนอข้างต้น ซึ่งอยู่ระหว่างการรอเตียงเข้ารับการรักษาต้องได้รับยาทันที ซึ่งทราบว่ายาฟาวิพิราเวีย (Favipiravir) มีเหลืออยู่ในคลังถึง 2.9 ล้านเม็ด และมีแผนจัดหาในเดือนกรกฎาคมอีก 5 ล้านเม็ด ระหว่างเดือนสิงหาคมถึงกันยายนอีก 3 ล้านเม็ด ซึ่งมีปริมาณมากพอ เหลือแต่เพียงการกระจายให้ผู้ป่วยอย่างทั่วถึง และที่น่าสนใจ คือการให้ยาสมุนไพร "ฟ้าทะลายโจร" ได้ทันทีเมื่อพบว่าติดเชื้อ

ซึ่งพบว่าสารแอนโดรกราโฟไลด์ในฟ้าทะลายโจร สามารถบรรเทาอาการและรักษาโรคติดเชื้อโควิด-19 ได้ โดยร่างกายต้องได้รับสารแอนโดรกราโฟไลด์ 180 มิลลิกรัมต่อวัน ซึ่งมีการทดลองแล้วว่า เมื่อได้รับยาติดต่อกัน 5 วัน จะเกิดภาวะปอดอักเสบน้อยกว่ากลุ่มที่ไม่ได้รับยาฟ้าทะลายโจร ประกอบกับต้นทุนราคาถูกกว่า สามารถหาซื้อได้ง่าย จึงเหมาะสมเป็นอีกหนึ่งยาหลักที่ผู้ติดเชื้อควรได้รับทันที

นายมนต์ชีพ กล่าวว่า เพื่อชะลอการระบาดไม่ให้สถานการณ์ไปถึงจุดวิกฤต หากสถานการณ์ผู้ติดเชื้อใหม่ต่อวันสูงถึง 5,000 ถึง 6,000 คนต่อไปเรื่อย ๆ สิ่งที่จะตามมาก็คือวิกฤตระบบสาธารณสุข บุคลากรและเครื่องมือทางการแพทย์ไม่เพียงพอ จำนวนผู้เสียชีวิตก็จะมากขึ้นตามลำดับ ดังนั้น พรรคกล้าจึงเห็นว่า การแก้ปัญหาที่ต้นทางเป็นเรื่องที่จำเป็นเพราะการรักษาที่เร็วที่สุด คือการรักษาที่ดีที่สุด


โปรเด็ด! ถึง 15 ก.ค. นี้ Ford Ranger, MG ZS, Mazda 2 และ Nissan อัลเมร่า ทักไลน์ @THESHOPSTIMES

คลิก????https://lin.ee/vfTXud9

หวั่นคนแอบขึ้นทะเบียนวิสาหกิจชุมชนปลูกกัญชา

น.ส.รัชดา ธนาดิเรก รองโฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี เปิดเผยว่า ขณะนี้ที่ประชุมคณะกรรมการส่งเสริมวิสาหกิจชุมชน ได้รับทราบความคืบหน้าการจดทะเบียนเป็นวิสาหกิจชุมชน โดยจากข้อมูลการจดทะเบียนในเดือนมิ.ย. 64 พบว่า มีวิสาหกิจที่จดทะเบียนและดำเนินการอยู่ 9.6 หมื่นแห่ง คิดเป็นจำนวนสมาชิกรวม 1.68 ล้านราย เพิ่มขึ้นจากปี 63 ที่มี 9.3 หมื่นแห่ง โดยในจำนวนนี้ พบว่า มีวิสาหกิจชุมชนที่จดทะเบียนจัดตั้งเป็นนิติบุคคลแล้ว 2,900 แห่ง 

สำหรับปัจจัยสำคัญที่ทำให้มีการจดทะเบียนเป็นนิติบุคคลเพิ่มขึ้นมาก คือ การเข้าร่วมโครงการยกระดับแปลงใหญ่ด้วยเกษตรสมัยใหม่และเชื่อมโยงตลาด ที่ส่งเสริมประสิทธิภาพการผลิต ลดต้นทุน และเพิ่มช่องทางการตลาดแก่เกษตรกร เป็นโครงการภายใต้ พ.ร.ก. กู้เงินเพื่อฟื้นฟูเศรษฐกิจที่ได้รับผลกระทบจากการระบาดของไวรัสโควิด-19 รวมถึงนโยบายรัฐบาลที่เปิดโอกาสให้วิสาหกิจชุมชนสามารถปลูกพืชเสพติดเพื่อประโยชน์ทางการแพทย์ได้ เช่น กัญชา ภายใต้การกำกับของหน่วยงานรัฐตามพ.ร.บ.ยาเสพติดให้โทษ ทำให้วิสาหกิจชุมชนต้องการเพิ่มกิจกรรมการปลูกพืชเสพติด รวมถึงคนทั่วไปต้องการจดทะเบียนเป็นวิสาหกิจชุมชนเพื่อปลูกพืชดังกล่าวเพิ่มมากขึ้น 

ทั้งนี้ ที่ประชุมได้มีการหารือกัน และมีข้อกังวลว่า อาจมีคนบางกลุ่มเข้าจดทะเบียนเป็นวิสาหกิจชุมชนแต่ดำเนินการข้ามพื้นที่ เป็นในลักษณะที่ขัดต่อเจตนารมณ์ของกฎหมายที่ต้องการให้วิสาหกิจชุมชน เป็นของประชาชนในพื้นที่ ใช้ทรัพยากรในการพัฒนาเศรษฐกิจให้มีความแข็งแรง เป็นชุมชนพึ่งตนเองอย่างยั่งยืนดังนั้น เพื่อให้การดำเนินของวิสาหกิจชุมชนเป็นไปเพื่อชุมชนนั้นๆอย่างแท้จริง คณะกรรมการฯจึง มีมติให้ทบทวนประกาศคณะกรรมการส่งเสริมวิสาหกิจชุมชน เรื่องคุณสมบัติ หลักเกณฑ์ และการต่อทะเบียนของวิสาหกิจชุมชน ให้มีความชัดเจนมากขึ้น 

กห.เรียกถกด่วน เร่งขยายห้องผู้ป่วย ICU และ รพ.สนาม รับผู้ป่วยสีแดงและเหลืองที่เพิ่มขึ้นรายวัน

ที่กระทรวงกลาโหม พล.ท.คงชีพ ตันตระวาณิชย์ โฆษกกระทรวงกลาโหม เปิดเผยว่า พล.อ.ชัยชาญ ช้างมงคล รมช.กลาโหม และ พล.อ.ณัฐ อินทรเจริญ ปลัดกระทรวงหลาโหม ได้เรียกประชุมด่วน หน่วยงาน กอ.รมน. นขต.กลาโหม เหล่าทัพ และ ตร. ผ่านระบบ VTC ณ ศาลาว่าการกลาโหม เพื่อเร่งสนับสนุน สธ.รับมือกับผู้ป่วยโควิด 19 สะสมที่มีจำนวนมากขึ้นอย่างต่อเนื่อง 

ทั้งนี้ ได้หารือและพิจารณาร่วมกัน ถึงขีดความสามารถทางการแพทย์ทหารสูงสุด ในการร่วมระดมปรับเกลี่ยบุคลากรทางการแพทย์ทหาร เสริมโครงสร้างพื้นฐานและอุปกรณ์ทางการแพทย์ เร่งขยายห้องผู้ป่วย ICU จำนวน 80 เตียง ในโรงพยาบาลทหารต่าง ๆ ในพื้นที่ กทม.

โดยจะทยอยเปิดต่อเนื่องใน 30 วัน และขยายขีดความสามารถ พื้นที่ มทบ.11 สนับสนุนอาคารและสถานที่จัดทำ รพ.สนามเพิ่มเติม โดยร่วมกับ รพ.ธนบุรีบำรุงเมือง จัดตั้งโรงพยาบาลสนาม ดูแลผู้ป่วยสีแดงและเหลือง จำนวน 178 เตียง เปิดบริการในวันนี้ (2 ก.ค.) และร่วมกับ รพ.พระมงกุฎฯ จัดตั้ง รพ.สนาม ดูแลผู้ป่วยสีเขียว เพิ่มเติม 176 เตียง โดยจะเร่งเปิดให้การบริการใน 4 ก.ค.นี้

โดย พล.อ.ชัยชาญ ได้กำชับ ขอให้ทุกเหล่าทัพ เร่งให้การสนับสนุนขยายขีดความสามารถห้องผู้ป่วย ICU และ รพ.สนาม ตามนโยบายของ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี และรวม.กลาโหม ให้สามารถรองรับผู้ป่วยสีแดงและสีเหลืองที่เพิ่มขึ้นโดยเร็ว และขอให้สนับสนุนการทำงานร่วมกับ กระทรวงสาธารณะสุขอย่างใกล้ชิด เพื่อเสริมขีดความสามารถทางด้านการแพทย์และการสาธารณสุขในการดูแลประชาชน ช่วงวิกฤตสถานการณ์แพร่ระบาดของโควิดไปด้วยกัน โดยเฉพาะพื้นที่ กรุงเทพมหานคร และปริมณฑล รวมทั้ง 4 จังหวัดชายแดนใต้ พร้อมทั้งเน้นย้ำ ให้เร่งฉีดวัคซีนให้กับเจ้าหน้าที่ที่ปฏิบัติงานด่านหน้าในพื้นที่เสี่ยงสูงทั้งหมดโดยเร็ว หากได้รับการสนับสนุนวัคซีนเพิ่มเติม

“พรรคกล้า” ยื่น 2 ข้อเสนอ ถึง “บิ๊กตู่” แนะ ชะลอการระบาด ไม่ให้ถึงจุดวิกฤต ชี้ การรักษาเร็วดีที่สุด เผย ฟ้าทลายโจรรักษาโควิดได้

ที่ศูนย์รับเรื่องราวร้องทุกข์ทำเนียบรัฐบาล นายมนต์ชีพ ศิวะศินางกูร กรรมการบริหารพรรคกล้าพร้อมด้วย ทพ.กันตพงศ์ ดีชัยยะ คณะทำงานด้านสาธารณสุข พรรคกล้า, นายณัฐนันท์ กัลยาศิริ ทีมกฎหมายพรรคกล้า และนายแสนยากรณ์ สิงห์วีรธรรม โฆษกพรรคกล้า ยื่นหนังสือข้อเสนอตั้งสถานกักตัวชุมชนและให้ยาฟ้าทะลายโจร รักษาผู้ติดเชื้อทันที ถึงพล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชานายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม ผ่านนายธีรภัทร ประยูรสิทธิ ปลัดสำนักนายกรัฐมนตรี

นายมนต์ชีพ กล่าวว่า ข้อเสนอแรกให้จัดตั้งสถานที่กักตัวชุมนุมและเมือง (Community-City Quarantine ) คือ หากพบผู้ติดเชื้อ แต่บ้านที่มีขนาดกลาง-เล็ก มีสมาชิกในครอบครัวจำนวนมาก หรือวิถีชีวิตไม่สามารถแยกกักตัวที่บ้านได้ (Home Isolation) ให้มีกระบวนการแยกผู้ติดเชื้อออกจากสมาชิกในครอบครัวหรือคนใกล้ชิดทันที แล้วนำมากักตัวในพื้นที่เฉพาะที่ชุมชนหรือจังหวัดตั้งขึ้น โดยขอให้รัฐผ่อนคลายกฎระเบียบต่าง ๆ เกี่ยวการใช้สถานที่เพื่อการรักษาพยาบาลชั่วคราว เพื่อจัดตั้งสถานกักตัวในชุมชน ใช้อาสาสมัครหรือสร้างรายได้ด้วยการจ้างคนในชุมชนที่ผ่านการฝึกอบรมแล้ว เป็นผู้ดูแลแทนแพทย์และพยาบาลไปพลางก่อน

นายมนต์ชีพ กล่าวว่า ข้อเสนอที่สอง ‘ติดเชื้อปุ๊ป รับยาทันที’ เมื่อพบว่ามีการติดเชื้อ ไม่ว่าจะเป็นผู้ที่กักตัวเองอยู่ที่บ้าน หรืออยู่ในสถานกักตัวชุมชนตามข้อเสนอข้างต้น ซึ่งอยู่ระหว่างการรอเตียงเข้ารับการรักษาต้องได้รับยาทันที ซึ่งทราบว่ายาฟาวิพิราเวีย (Favipiravir) มีเหลืออยู่ในคลังถึง 2.9 ล้านเม็ด และมีแผนจัดหาในเดือนกรกฎาคมอีก 5 ล้านเม็ด ระหว่างเดือนสิงหาคมถึงกันยายนอีก 3 ล้านเม็ด ซึ่งมีปริมาณมากพอ เหลือแต่เพียงการกระจายให้ผู้ป่วยอย่างทั่วถึง และที่น่าสนใจคือการให้ยาสมุนไพร "ฟ้าทะลายโจร" ได้ทันทีเมื่อพบว่าติดเชื้อ ซึ่งพบว่าสารแอนโดรกราโฟไลด์ในฟ้าทะลายโจร สามารถบรรเทาอาการและรักษาโรคติดเชื้อโควิด-19 ได้ โดยร่างกายต้องได้รับสารแอนโดรกราโฟไลด์ 180 มิลลิกรัมต่อวัน ซึ่งมีการทดลองแล้วว่า เมื่อได้รับยาติดต่อกัน 5 วัน จะเกิดภาวะปอดอักเสบน้อยกว่ากลุ่มที่ไม่ได้รับยาฟ้าทะลายโจร ประกอบกับต้นทุนราคาถูกกว่า สามารถหาซื้อได้ง่าย จึงเหมาะสมเป็นอีกหนึ่งยาหลักที่ผู้ติดเชื้อควรได้รับทันที

นายมนต์ชีพ กล่าวว่า เพื่อชะลอการระบาดไม่ให้สถานการณ์ไปถึงจุดวิกฤต หากสถานการณ์ผู้ติดเชื้อใหม่ต่อวันสูงถึง 5,000 ถึง 6,000 คนต่อไปเรื่อย ๆ สิ่งที่จะตามมาก็คือวิกฤตระบบสาธารณสุข บุคลากรและเครื่องมือทางการแพทย์ไม่เพียงพอ จำนวนผู้เสียชีวิตก็จะมากขึ้นตามลำดับ ดังนั้นพรรคกล้าจึงเห็นว่า การแก้ปัญหาที่ต้นทางเป็นเรื่องที่จำเป็นเพราะการรักษาที่เร็วที่สุด คือการรักษาที่ดีที่สุด

"นทพ. สาธารณสุข" เตรียมขยายเตียงรองรับผู้ป่วยติดเชื้อ COVID-19 ใน รพ.สนามบุษราคัม เปิด Challenger 2 เพิ่มอีก 1,500 เตียง

พล.อ.นเรนทร์ สิริภูบาล ผู้บัญชาการหน่วยบัญชาการทหารพัฒนา (ผบ.นทพ.) ได้สั่งการให้สำนักงานสนับสนุน หน่วยบัญชาการทหารพัฒนา (สสน.นทพ.) จัดกำลังพลสนับสนุนกระทรวงสาธารณสุข (สธ.) ในการเตรียมขยายเตียงเพื่อเพิ่มศักยภาพในการรองรับผู้ป่วยติดเชื้อ COVID-19 ให้กับ รพ.สนามบุษราคัม อิมแพ็ค เมืองทองธานี พร้อมกับประสานขอกำลังพลจากศูนย์รักษาความปลอดภัย (ศรภ.), ศูนย์ต่อต้านการก่อการร้ายสากล (ศตก.), สำนักกองบัญชาการกองทัพไทย (สน.บก.บก.ทท.), โรงเรียนช่างฝีมือทหาร (รร. ชท.สปท.), หน่วยบัญชาการป้องกันภัยทางอากาศ (นปอ.), กรมป่าไม้ และจิตอาสา 904 รวม 600 คน เข้าดำเนินการประกอบเตียงกระดาษสำหรับใช้ในการขยายเตียงรองรับผู้ป่วยที่จะเข้ามารับการดูแลรักษา โดยเพิ่มเตียงในพื้นที่อาคาร Challenger 2 จำนวน 1,500 เตียง เพื่อให้ผู้ป่วยได้เข้าถึงการรักษาได้อย่างรวดเร็ว โดยมี พล.ต.ธนินทร์ พู่ทองคำ ผู้อำนวยการสำนักงานสนับสนุน หน่วยบัญชาการทหารพัฒนา เป็นผู้แทน ผบ.นทพ. อำนวยการและกำกับดูแลในการปฏิบัติ

นทพ. จะอยู่เคียงข้างประชาชนและใช้ศักยภาพที่มีในการดูแลพี่น้องประชาชนอย่างต่อเนื่องจนกว่าสถานการณ์จะคลี่คลาย ตามเจตนารมย์ของรัฐบาล พลเอก ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม พล.อ.เฉลิมพล ศรีสวัสดิ์ ผู้บัญชาการทหารสูงสุด/หัวหน้าศูนย์ปฏิบัติการแก้ไขสถานการณ์ฉุกเฉินด้านความมั่นคง (ผบ.ทสส./หน.ศปม.)

ทบ. แจง ฉีดวัดซีนให้ทหารปฏิบัติงานด่านหน้า พื้นที่เสี่ยงและทหารใหม่ตามที่ได้รับจัดสรร นอกนั้นกำลังพลใช้วิธีลงทะเบียนฉีดเหมือนปชช.ทั่วไป

ที่กองบัญชาการกองทัพบก (บก.ทบ.) พ.อ.หญิงศิริจันทร์ งาทอง รองโฆษกกองทัพบก กล่าวถึงกรณีที่มีการนำเสนอข่าวโดยอ้างถึงการติดเชื้อโควิด-19 ในกองทัพ และมีการตั้งคำถามเรื่องของวัคซีนที่กองทัพ ได้รับจัดสรร รวมถึงขอให้หยุดกระบวนการตรวจเลือกทหาร เพื่อรอสถานการณ์ ระบาดของโควิด-19 นั้น ว่า ทางกองทัพบก ขอเรียนข้อเท็จจริงเพื่อความเข้าใจที่ถูกต้อง ดังนี้

1.) กองทัพบกขอเรียนถึงความจำเป็นที่กำลังพลซึ่งปฏิบัติงานในพื้นที่เสี่ยงและด่านหน้า จะต้องได้รับการฉีดวัคซีน สืบเนื่องจากในสถานการณ์โควิด-19 กองทัพบก ได้รับมอบภารกิจในการสนับสนุนรัฐบาล และ ศบค. ในหลายมิติ ทั้งป้องกันการนำเข้าเชื้อจากนอกประเทศ 

โดยสนับสนุนศูนย์ปฏิบัติการแก้ไขสถานการณ์ฉุกเฉินด้านความมั่นคง ด้วยการคัดกรองการผ่านเข้า-ออก ประเทศตามท่าอากาศยาน ส่วนภาคพื้นดินกองกำลังป้องกันชายแดนของกองทัพบก ทั้ง 7 กองกำลังทั่วประเทศ ได้จัดกำลังเข้าคัดกรอง ลาดตระเวน เฝ้าตรวจ สกัดกั้นการลักลอบข้ามแดนโดยผิดกฎหมายไม่ผ่านการคัดกรอง ด้วยมาตรการสกัดกั้นที่เข้มข้นและต่อเนื่องตั้งแต่มีการระบาด ปรากฏเป็นผลการจับกุมผู้ลักลอบเข้า-ออกประเทศโดยผิดกฎหมาย อีกทั้ง ได้จัดกำลังสนับสนุนการตรวจกิจการกิจกรรมในพื้นที่ตอนใน นอกจากนั้น กองทัพบกได้ใช้บุคลากรทางการแพทย์ ทั้งหมดสนับสนุนงานด้านการป้องกันและรักษาพยาบาลผู้ติดเชื้อ ทั้งที่อยู่ในโรงพยาบาลในสังกัดกองทัพบกทั้ง 37 แห่ง และโรงพยาบาลสนามที่กองทัพบก จัดตั้งขึ้นเพื่อสนับสนุนจังหวัดต่าง ๆ 

รวมทั้ง เมื่อเกิดการระบาดเป็นกลุ่มก้อน กองทัพบกยังได้สนับสนุนกำลังพลเข้าช่วยบริหารจัดการ ระงับยับยั้งการแพร่ระบาดไม่ให้ขยายวงกว้าง ภารกิจข้างต้น จำเป็นอย่างยิ่งที่กองทัพบกจะต้องดูแลให้กำลังพลที่ปฏิบัติภารกิจในด่านหน้าและปฏิบัติภารกิจในพื้นที่เสี่ยงดังกล่าว จะต้องได้รับการฉีดวัคซีนเพื่อสร้างภูมิคุ้มกัน ดำรงความแข็งแรงให้สามารถยืนหยัดในภารกิจได้อย่างปลอดภัย กองทัพบกจึงได้ขอรับการสนับสนุนวัคซีนผ่านกระทรวงกลาโหม ไปยังกรมควบคุมโรคเพื่อให้กับกำลังพลที่ต้องปฏิบัติภารกิจดังกล่าว ซึ่งเป็นไปในรูปแบบองค์กรทั่วไปที่สามารถขอรับการจัดสรรวัคซีนตามข้อกำหนดของรัฐบาลได้

2.) สำหรับกำลังพลส่วนใหญ่และครอบครัวจะได้รับวัคซีนจากการลงทะเบียนผ่านแอพพลิเคชั่นหมอพร้อม และระบบการจัดการวัคซีนของแต่ละจังหวัดเช่นเดียวกับประชาชนทั่วไป ซึ่งในปัจจุบันได้รับวัคซีนเป็นบางส่วนเท่านั้น

3.) การที่มีการจัดทำบัญชีแผนการขอรับวัคซีนไว้ แผนดังกล่าวยังไม่ได้ดำเนินการใด ๆ ทั้งสิ้นเป็นเพียงเตรียมการ ทั้งนี้หน่วยทหารมีกำลังพลเป็นจำนวนมากจึงมีความจำเป็นที่จะต้องสร้างภูมิคุ้มกันให้พร้อมปฏิบัติงานโดยเฉพาะในสถานการณ์วิกฤติ ต้องมีการเตรียมแผนบริหารจัดการให้กำลังพลได้รับวัคซีน ตามลำดับความเร่งด่วนและตามเกณฑ์เสี่ยง การจัดการแผนดังกล่าวเพื่อเตรียมความพร้อมหากปริมาณวัคซีนในภาพรวมของประเทศมีเพียงพอและได้รับการจัดสรร จะได้ดำเนินการเองตามแผนที่เตรียมไว้ได้ทันทีและช่วยลดภาระงานสาธารณสุข

 4.) กรณีการจัดสรรวัคซีนที่ได้รับให้กับทหารกองประจำการ ขอเรียนว่า ทหารกองประจำการ ถือว่าเป็นประชาชนคนหนึ่งเช่นกันที่มีสิทธิ์ได้รับการฉีดวัคซีน ก่อนเข้ามาเป็นทหารบางคนอาจอยู่ในภาวะว่างงาน แต่เมื่อเข้ามาประจำการ ทำให้มีอาชีพและได้รับเงินค่าตอบแทนจากงบประมาณของทางราชการซึ่งมาจากภาษีของประชาชน ทำให้มีรายได้เพียงพอในการดำรงชีพอย่างไม่เดือดร้อน โดยเฉพาะในช่วงสถานการณ์โควิด การมีรายได้ที่มั่นคง อาจสามารถนำไปช่วยดูแลแบ่งเบาภาระของครอบครัวได้อีกทางหนึ่ง

กองทัพบกจึงได้เตรียมดำเนินการฉีดวัคซีนให้กับทหารใหม่ทุกคนที่เข้าประจำการในเดือน กรกฎาคม 2564 ซึ่งถือว่าเป็นมาตรการพิทักษ์พลที่มีความสำคัญเป็นอย่างยิ่งในสถานการณ์ โควิด-19 เพราะทหารใหม่ คือประชาชนที่มาจากหลากพื้นที่ หลายอาชีพและอาจเสี่ยงต่อการแพร่กระจายเชื้อ การได้รับวัคซีนจะสร้างความมั่นใจในการเข้าประจำการ เป็นการสร้างภูมิคุ้มกันหมู่ และกองทัพบกต้องการที่จะดูแลทหารกองประจำการที่ถือว่าเป็นบุคลากรอันมีค่าของกองทัพ ที่สำคัญกำลังพลส่วนนี้เมื่อปลอดภัย ได้รับการคัดกรองแล้ว ได้วัคซีนแล้ว ก็จะสามารถออกไปทำหน้าที่ช่วยเหลือคนอื่น ๆ ได้ต่อไป ตามที่กองทัพบกได้ดำเนินการมาอย่างต่อเนื่อง เช่น การบริจาคโลหิตในทุกครั้งที่มีปัญหาการขาดแคลน การช่วยอุดหนุนสร้างรายได้ให้ประชาชนในสถานการณ์โควิด ที่ปรากฎให้เห็น ในทุกภารกิจ

และ 5.) สำหรับการติดเชื้อในค่ายทหาร มีเกิดขึ้นบ้างเป็นจำนวนไม่มากและสามารถควบคุมได้ การติดเชื้อถือเป็นสถานการณ์ที่อาจเกิดขึ้นได้กับทุกชุมชน ทุกองค์กร เมื่อมีการติดเชื้อก็จะเข้าสู่กระบวนการป้องกันและรักษาตามมาตรฐานสาธารณสุข โดยใช้ศักยภาพของโรงพยาบาลในสังกัดกองทัพบก ในการรักษาพยาบาลกำลังพลและครอบครัว และควบคุมไม่ให้กระจายไปสู่ภายนอก

ทั้งนี้การติดเชื้อส่วนใหญ่มีสาเหตุจากการออกปฏิบัติหน้าที่ในสถานการณ์ COVID-19 ในพื้นที่เสี่ยง และบางส่วนเกิดจากการสัมผัสจากครอบครัวกำลังพล อย่างไรก็ตามทหารมีโอกาสที่จะติดเชื้อได้เช่นเดียวกับประชาชนโดยทั่วไป

“ยืนยันว่า ในสถานการณ์โควิด กองทัพบก ตระหนักดีถึงความจำเป็นและข้อจำกัดรวมถึงผลกระทบต่าง ๆ ที่เกิดขึ้นกับประเทศไทย ได้ทุ่มเททรัพยากรและศักยภาพที่มีในการช่วยเหลือสนับสนุนทุกภาคส่วน เพื่อคลี่คลายและบรรเทาผลกระทบให้กับประเทศและประชาชนกลับมาสู่วิถีปกติ ในวิกฤติหากทุกคนร่วมมือกัน เชื่อมั่นในการบริหารจัดการของ ศบค. และรัฐบาล สื่อสารกันอย่างตรงไปตรงมาด้วยข้อมูลที่เป็นความจริงและสร้างสรร  และเราจะผ่านพ้นสถานการณ์โรคอุบัติใหม่นี้ไปได้ในที่สุด”รองโฆษกกองทัพบก กล่าว 

“หมอมารุต” เชื่อศบค.ทำดีอยู่แล้ว ถ้าไม่มีจะเละเทะกว่านี้ ชี้ เปิดสถานบันเทิง-ร้านอาหาร ต้องคิดว่าคุ้มหรือไม่

นพ.มารุต มัสยวาณิช ส.ส.บัญชีรายชื่อ พรรคภูมิใจไทย ให้สัมภาษณ์ถึงกรณี 5 ส.ส.ตัวแทนพรรค ได้แก่ พรรคเพื่อไทย พรรคก้าวไกล พรรคภูมิใจไทย พรรคเสรีรวมไทย และพรรคประชาธิปัตย์ เสนอญัตติด่วนด้วยวาจาจำนวน 6 ญัตติ เพื่อให้สภาฯ พิจารณามาตรการและแนวทางแก้ไขปัญหาผลกระทบที่เกิดจากการแพร่ระบาดโรคโควิด-19 ระลอกที่ 3 และจากการบริหารของ ศบค. รวมถึง เสนอให้ยุบศบค. เพื่อกลับมาสู่กลไกลปกติ ไม่ให้มีรัฐซ้อนรัฐ ว่า ในสถานการณ์ตอนนี้ยังไม่เหมาะที่จะยุบศบค. เพราะศบค.เปรียบเสมือนจุดศูนย์กลางที่จะควบคุมและประสานงาน ตนมองว่าทางกระทรวงสาธารณสุขควรมีการประสานงานเพิ่มเติม ไม่ว่าจะเป็นกับทางการป้องกันชายแดน สภาความมั่นคงแห่งชาติ เป็นต้น เพื่อป้องกันการลักลอบเข้ามาเพิ่มเชื้อ ถ้าไม่มี ศบค. จะเละเทะมากกว่านี้  

เมื่อถามต่อว่า ภาพรวมการจัดการของ ศบค.ล้มเหลวตามที่ 5 ส.ส.ตัวแทนพรรคออกมากล่าวหรือไม่ นพ.มารุต กล่าวว่า การจัดการของ ศบค. ดีอยู่แล้ว ไม่ใช่ไม่ดี เพียงแต่ว่ามีกลุ่มคนที่เดือดร้อนออกมาเรียกร้อง เช่น กลุ่มอาชีพธุรกิจกลางคืนที่ออกมาเรียกร้องให้เปิดสถานบันเทิง ซึ่งในมุมนี้ต้องกลับมาคิดว่า คุ้มหรือไม่ในการเปิดสถานบันเทิงต่างๆ เพราะสถานบันเทิงถือเป็นตัวแหล่งแพร่เชื้อโควิด-19 ส่วนกรณีร้านอาหารก็ต้องพิจารณาตามขั้นตอนว่า เมื่อไม่ให้นั่งทานในร้านจะทำให้ยอดผู้ติดเชื้อโควิด-19 ลดลงหรือไม่ 

“บิ๊กตู่” ห่วงโควิดยอดพุ่งกำชับเร่งนำผู้ป่วยทุกระดับสีเข้ารับการรักษาพยาบาล “ย้ำ” ปชช.เข้มข้นสูงสุด

ที่ทำเนียบรัฐบาล พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม เดินทางเข้าปฏิบัติภารกิจที่ทำเนียบรัฐบาลตามปกติ โดยตลอดช่วงเช้าไม่มีภารกิจทางการ และมีกำหนดให้ นายปีร์กะ ตาปีโอละ เอกอัครราชทูตสหภาพยุโรปประจำประเทศไทย เข้าพบนายกรัฐมนตรี ในโอกาสพ้นหน้าที่

ขณะที่นายอนุชา บูรพชัยศรี โฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี เปิดเผยว่า พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม มีความห่วงใย และติดตามสถานการณ์การแพร่ระบาดของโรคติดเชื้อไวรัสโควิด-19 และติดตามรายงานการป่วยและศักยภาพการรักษาอย่างใกล้ชิด ซึ่งพบว่ามีตัวเลขผู้ติดเชื้อใหม่รายวันในบางวันมีตัวเลขผู้ป่วยสูงขึ้น ซึ่งส่วนใหญ่มาจากการคัดกรองเชิงรุกในแต่ละคลัสเตอร์ และในแต่ละพื้นที่เสี่ยง เพื่อคัดแยกผู้ติดเชื้อเข้าออกจากกลุ่มก้อนและชุมชนให้เร็วและมากที่สุด

“นายกรัฐมนตรีได้สั่งการให้หน่วยงานที่รับผิดชอบ เร่งนำผู้ป่วยในทุกระดับสีเข้ารับการรักษาพยาบาลให้เร็วที่สุด โดยทุกส่วนราชการเข้ามามีส่วนร่วมช่วยงานสาธารณสุข เพื่อให้ประชาชนได้รับการดูแลอย่างดีที่สุด และขอให้ประชาชนร่วมมือตามมาตรการที่ ศบค. กำหนดที่ได้ประกาศให้ประชาชนทราบในแต่ละช่วง เพื่อป้องกันโรคโควิด-19 ในระดับเข้มข้นสูงสุด และขอให้ประชาชนยังคงใช้ชีวิตแบบ New normal คือ D-M-H-T-T คือ หลีกเลี่ยงการรวมกลุ่ม ใส่หน้ากากอนามัย หมั่นล้างมือ ตรวจวัดอุณหภูมิ สแกนไทยชนะ รวมทั้ง ช่วยกันป้องกัน ดูแล และรักษาสุขภาพร่างกาย จิตใจให้แข็งแรง ป้องกันตนเอง ดูแลสมาชิกในครอบครัว ในช่วงของสถานการณ์การแพร่ระบาดของโรคโควิด-19" โฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี

นายอนุชา กล่าวถึงการประสานหาเตียงให้ผู้ติดเชื้อโควิด-19 ว่า แต่ละหน่วยงานราชการต่าง ๆ ได้มีการประสานเพิ่มเติมเรื่องเตียงสนามเพื่อรับผู้ป่วยเข้าสู่ระบบการรักษาตามระดับเกณฑ์สีต่าง ๆ อย่างเหมาะสม รวมถึงการส่งผู้ป่วยเข้าสู่โรงพยาบาลบุษราคัม ซึ่งได้มีการขยายจำนวนเตียงเพิ่มเติมเพื่อรองรับผู้ป่วยเกณฑ์สีเหลืองและสีแดง

นอกจากนี้ นายกรัฐมนตรีได้ขอความร่วมมือประชาชนหลีกเลี่ยงการชุมนุม และยืนยันรัฐบาลติดตาม และแก้ปัญหาความเดือดร้อนของประชาชนตลอดเวลา ดูแลทุกกลุ่ม และพร้อมรับฟังความคิดเห็น และข้อเรียกร้อง ซึ่งสามารถเสนอมายังรัฐบาลผ่านช่องทางต่าง ๆ ที่เปิดกว้างให้ประชาชนเข้าถึงได้ อย่างสะดวก


© Copyright 2021, All rights reserved. THE STATES TIMES
Take Me Top