Friday, 14 February 2025
POLITICS NEWS

“บิ๊กตู่" ไม่ห่วงความสัมพันธ์ “ส.ว.-พปชร." ปมคว่ำร่างรธน. ลั่นไม่เป็นไร มีนายกฯคนเดียวกัน โยนเป็นเรื่องของสภา

ที่บมจ.โทรคมนาคมแห่งชาติ ถนนแจ้งวัฒนะ เขตหลักสี่ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีและรมว.กลาโหม ให้สัมภาษณ์ถึงกรณีการลงมติร่วมรัฐสภา พิจารณาร่างแก้ไขรัฐธรรมนูญ 13 ร่าง แต่ผ่านเพียง 1 ร่าง ของพรรคประชาธิปัตย์ ว่า “จบแล้ว เป็นเรื่องของในสภา”

ผู้สื่อข่าวถามถึงความสัมพันธ์ระหว่าง ส.ว. กับ พรรคพลังประชารัฐ หลัง ส.ว. คว่ำร่างแก้ไขรัฐธรรมนูญของ พปชร. ขณะที่พปชร. ก็โหวตปิดสวิตช์ ส.ว. โดย พล.อ.ประยุทธ์ กล่าวเพียงว่า "ไม่เป็นไร นายกฯ คนเดียวกัน"
 

“รองโฆษกปชป.” ขอบคุณ ส.ว.โหวตให้ร่างแก้รธน.ของ 3 พรรคร่วมรัฐบาลถึง 201 เสียง ชี้สัดส่วนส.ส.เขต 400 ปาร์ตี้ลิสต์ 100 เหมาะสมแล้ว  จะไม่ถูกตราหน้าเป็น “ส.ส.ปัดเศษ” 

นายชัยชนะ เดชเดโช ส.ส.นครศรีธรรมราชและรองโฆษกพรรคประชาธิปัตย์ กล่าวว่า จากผลการลงมติของสมาชิกรัฐสภา ที่ได้ลงมติเห็นด้วยกับร่างรัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทย แก้ไขเพิ่มเติม (ฉบับที่ ..) พุทธศักราช .... ร่างที่13 ที่พรรคประชาธิปัตย์ พรรคภูมิใจไทย และพรรคชาติไทยพัฒนา ร่วมกันเสนอให้แก้ไขมาตรา 83 และมาตรา 91 ด้วยคะแนนเสียง 552 เสียง โดยมี ส.ว ลงคะแนนให้ถึง 210 เสียง ซึ่งเนื้อหารายละเอียดในการเสนอแก้ไข คือให้มี ส.ส. เขต 400 คน ส.ส.แบบบัญชีรายชื่อ 100 คน โดยใช้บัตรเลือกตั้ง 2 ใบและวิธีคำนวณระบบบัญชีรายชื่อ ต้องขอขอบคุณทางสมาชิกรัฐสภาทุกท่าน โดยเฉพาะทางฝั่งของ ส.ว. ที่คำนึงถึงความเป็นจริงว่า สัดส่วน ส.ส.เขต และ ส.ส. บัญชีรายชื่อ ตามรัฐธรรมนูญฯ ที่ใช้อยู่ ไม่มีความสมดุลกัน เพราะการให้มี ส.ส.บัญชีรายชื่อ จำนวน 150 คน นั้น ทำให้ ส.ส. บางส่วนไม่ได้ปฏิบัติหน้าที่และมีจิตสำนึกความเป็น ส.ส. เท่าที่ควร อีกทั้งยังถูกตราหน้าว่าเป็น ส.ส.ปัดเศษ เพราะไม่มีมาตรฐานในการคิดคำนวณอย่างชัดเจน 
          
นายชัยชนะ กล่าวต่อว่า ดังนั้นการแก้ไขเพื่อให้กลับไปเป็นเหมือนในรัฐธรรมนูญ 2540 ถือว่าเหมาะสมในสถานการณ์ปัจจุบัน เพราะการที่มีส.ส.เขตเป็นจำนวนมาก จะทำให้ได้บุคคลที่มีความรักและความเข้าใจปัญหาในพื้นที่นั้นๆ มาเป็น ส.ส. ส่วนผู้ที่ได้รับการเลือกตั้งเป็น ส.ส. บัญชีรายชื่อ ก็จะได้รับเกียรติจากประชาชนมากกว่าที่เป็นอยู่ นอกจากนี้ในวงงานวิชาการหลากหลายสำนัก ได้ชี้ถึงปัญหาของการเลือกตั้งในระบบปัจจุบันขอรัฐธรรมนูญปี 2560 ให้เห็นแล้ว

“บิ๊กตู่” เรียกด่วน ทีมแพทย์ - ศปก.ศบค. ถก กระแสล็อกดาวน์กทม.

แหล่งข่าวจากทำเนียบรัฐบาลเปิดเผยว่า พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี และรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม เรียกประชุมศูนย์ปฎิบัติการศูนย์บริหารสถานการณ์โควิด-19 หรือ ศปก.ศบค. และ ที่ปรึกษาด้านสาธารณสุขศูนย์โควิด-19 ที่มีนายแพทย์ปิยะสกล สกลสัตยาทร เป็นประธาน และคณะ เข้าหารือถึงการแก้ไขปัญหาสถานการณ์โควิด - 19 และเรื่องวัคซีน ท่ามกลางสถานการณ์ความตึงเครียด ที่แพทย์และหลายฝ่ายต้องรองรับสถาการณ์โควิด-19

ในขณะที่หลายโรงพยาบาลปิดรับห้องฉุกเฉิน และห้อง ICU ก็เต็มไปหมดแล้ว รวมไปถึงโรงพยาบาลสนามอีกหลายแห่ง และโรงพยาบาลสนามบุษราคัมจะหมดสัญญาเช่า ประกอบกับจำนวนผู้ติดเชื้อรายวันมีจำนวน 3,000-4,000 ราย ติดต่อกันมาหลายวันและมีผู้เสียชีวิตเพิ่มเป็นจำนวนมาก

ดังนั้นทำให้บรรดาอาจารย์แพทย์หลายคนเสนอให้ที่ประชุมศบค.พิจารณา ถึงเรื่องการล็อกดาวน์กรุงเทพฯ เพื่อไม่ให้เกิดการเคลื่อนย้ายของประชาชน ไม่ให้เกิดการกระจายเชื้อไปยังต่างจังหวัด
 

“เลขาฯสมช.” รอสธ.ชงล็อกดาวน์กรุงเทพฯ ชี้ สุดท้ายให้ “นายกฯ” เคาะ ยันคำนึงกระทบสาธารณสุข-เศรษฐกิจ เผย ใช้มทบ.11 แจ้งวัฒนะเพิ่ม100เตียง รับคนไข้หนัก-ปานกลาง พร้อมรับ ห่วงม็อบชุมนุม 

ที่ทำเนียบรัฐบาล พล.อ. ณัฐพล นาคพาณิชย์ เลขาธิการสภาความมั่นคงแห่งชาติ (สมช.) ในฐานะผู้อำนวยการศูนย์ปฎิบัติการศูนย์บริหารสถานการณ์การแพร่ระบาดของโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 (ศปก.ศบค.) ให้สัมภาษณ์ถึงข้อเรียกร้องให้ล็อกดาวน์กทม.ว่าเรื่องนี้ต้องรอให้กระทรวงสาธารณสุข พิจารณาและเสนอมา แต่ยังไม่ได้ระบุว่าจะแจ้งเมื่อไหร่ใด เมื่อเสนอมามาแล้ว ต้องรายงานให้พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี ในฐานะผอ.ศบค.พิจารณาว่าจะมีการล็อกดาวน์หรือไม่ ที่ผ่านมานายกฯ ก็รับฟังทุกส่วน และเรื่องนี้จำเป็นต้องนำเข้าศบค.ชุดใหญ่ พิจารณาด้วย ทั้งนี้สถานการณ์ขณะนี้มีความเป็นห่วงทั้งการแพร่ระบาดและเตียงรองรับผู้ป่วยที่ไม่เพียงพอ และห่วงคนทำมาหากิน หากจะล็อกดาวน์จะดูแลอย่างไรที่จะไม่ทำให้ประชาชนเดือดร้อน เราห่วงทุกอย่างจึงต้องดูให้รอบด้าน 

ผู้สื่อข่าวถามว่าหากออกมาทำมาหากินแล้วเสี่ยงติดโรคจะหนักกว่าเดิม พล.อ.ณัฐพล กล่าวว่า ศบค.ดูอยู่ ทุกวันนี้ส่วนใหญ่เหตุเกิดที่ไซต์งานก่อสร้างและโรงงาน ส่วนจุดที่ประชาชนทำมาหากินทั่วไปยังไม่พบเท่าไหร่ ดังนั้นการพิจารณาต้องรอบคอบทุกด้านไม่ใช่รับฟังด้านใดด้านหนึ่ง 

เมื่อถามว่ากระทรวงสาธารณสุขมีเหตุผลที่กังวลเรื่องใดมากที่สุดที่ต้องการให้ล็อกดาวน์กทม.พล.อ.ณัฐพล กล่าวว่า เรื่องเตียงที่จะรองรับผู้ป่วยเพื่อรักษาพยาบาล ซึ่งทางศปก.ศบค.ได้ประสานทุกแห่ง ทั้งกรุงเทพฯและปริมณฑล และกระทรวงสาธารณสุข เพื่อเพิ่มขีดความสามารถเรื่องเตียงให้มากขึ้น วันนี้คืบหน้ามากเพราะมีเอกชนเข้ามาช่วยด้วย 

เมื่อถามย้ำว่าจะใช้เวลาพิจารณาว่าจะล็อกนานเท่าใด เพราะเวลานี้รพ.ศิริราช รพ.จุฬาฯรพ.ราชวิถี ขอหยุดรับผู้ป่วยเนื่องจากไม่มีเตียงแล้ว พล.อ.ณัฐพล กล่าวว่า ถ้าเสนอมาก็จะพิจารณา ตอนนี้แค่รอสาธารณสุขเสนอมา เมื่อถามว่าถ้าเตียงไม่พอจะต้องรับรักษาเป็นรายกรณีหรือไม่ เพราะมีคนรอเตียงจำนวนมาก พล.อ.ณัฐพลกล่าวว่า พยายามเร่งอยู่ เราทำอย่างเต็มขีดความสามารถ เบื้องต้นจะใช้มณฑลทหารบกที่ 11 แจ้งวัฒนะ ที่รพ.เอกชน เสนอมาดำเนินการรับผู้ป่วยสีแดง ที่อาการหนักประมาณ 50 เตียง และสีเหลือง 50 เตียง คาดว่าภายใน 7 วัน จะปฎิบัติการได้และพอจะคลี่คลายสถานการณ์ได้ โดยใน 1-2 วันนี้ รพ.สนามพลังแผ่นดินของรพ.มงกุฏวัฒนะ จะอาสารับผู้ป่วยไว้ส่วนหนึ่ง และจะประสานส่วนอื่นๆ โดยคณะที่ปรึกษาณ ที่มีนพ.ปิยะสกล สกลสัตยาทร กำลังหารือเพิ่มในจุดอื่นด้วย

ผู้สื่อข่าวถามว่าจะประสานขอบุคลากรการแพทย์ในต่างจังหวัดเข้ามาช่วยด้วยหรือไม่ พล.อ.ณัฐพล กล่าวว่า ต้องขอ เพราะถ้าเพิ่มขีดความสามารถของโรงพยาบาลก็ต้องขอสนับสนุนบุคลากรทางการแพทย์จากกระทรางสาธารณสุข และกระทรวงกลาโหม ตามที่นายกรัฐมนตรี สั่งการไปแล้ว

ผู้สื่อข่าวถามว่าถ้าล็อกดาวน์กทม.จะมีแผนรองรับประชาชนที่จะกลับต่างจังหวัดอย่างไร พล.อ.ณัฐพล กล่าวว่า ต้องพิจารณาทั้งประเทศ เวลาออกมาตรการที่หนึ่งต้องดูภาพรวมทั้งหมด และต้องคำนึงถึงผลกระทบที่อื่นด้วย ไม่ได้มองเฉพาะกรุงเทพฯและปริมณฑล 

เมื่อถามว่ามองไปถึงภูเก็ตแซนด์บ็อกซ์ ที่จะเปิดแต่สวนทางกลับกรุงเทพฯที่จะปิดหรือไม่ หรือไม่ เลขาฯสมช.กล่าวว่า ต้องพิจารณาทั้งหมด

นอกจากนี้ พล.อ.ณัฐพล นาคพาณิชย์ เลขาธิการสภาความ ยังให้สัมภาษณ์ถึงการชุมนุมของกลุ่มต่างๆ เมื่อวันที่24 มิ.ย.ที่ผ่านมา ว่า เมื่อรับผิดชอบตรงนี้ขอพูดในมิติการระบาดไม่ใช่การเมืองก็ยอมรับว่ากังวลเป็นธรรมดา เพราะมีความเสี่ยงมาก แต่เห็นว่าทุกคนที่มาระมัดระวังตัวดี

ก.แรงงาน นำนวัตกรรม e-Testing วัดทักษะรวดเร็ว โปร่งใส แม่นยำ

กระทรวงแรงงาน โดยกรมพัฒนาฝีมือแรงงาน ชวนแรงงานทดสอบมาตรฐานฝีมือแรงงาน ด้วยระบบ e-Testing ประสิทธิภาพสูง โปร่งใส สร้างความเชื่อมั่น สนับสนุนต่อยอดค่าจ้างฝีมือแรงงาน นายธวัช เบญจาทิกุล อธิบดีกรมพัฒนาฝีมือแรงงาน (กพร.) กระทรวงแรงงาน เปิดเผยว่า กระทรวงแรงงานโดยนายสุชาติ  ชมกลิ่น รัฐมนตรีว่าการกระทรวงแรงงาน และศาสตราจารย์ นฤมล ภิญโญสินวัฒน์ รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงแรงงาน มีนโยบายด้านการพัฒนาฝีมือแรงงาน มอบหมายให้กรมพัฒนาฝีมือแรงงาน ดำเนินการทดสอบมาตรฐานฝีมือแรงงานเพื่อพัฒนาแรงงานให้มีคุณภาพได้มาตรฐาน ได้รับค่าจ้างที่เป็นธรรม ตามมาตรฐานฝีมือ พร้อมทั้ง สร้างโอกาสการมีงานทำให้แก่แรงงานทุกกลุ่ม ทั้งแรงงานใหม่ แรงงานที่ถูกเลิกจ้างผู้ว่างงาน นักศึกษาที่กำลังจะจบการศึกษาระดับ ปวช. ปวส. และปริญญาตรี เพื่อเป็นแรงงานที่มีคุณภาพเหมาะสมกับความต้องการของตลาดแรงงานในปัจจุบัน 

นายธวัช กล่าวต่อไปว่า กพร.ได้นำเทคโนโลยีสารสนเทศเข้ามาใช้ประกอบภารกิจด้านต่างๆ มุ่งสู่การเป็นรัฐบาลดิจิทัล โดยเฉพาะการทดสอบมาตรฐานฝีมือแรงงานแห่งชาติ ที่มีการทดสอบภาคความรู้ และทฤษฎี ซึ่งเดิมการสอบภาคความรู้เป็นระบบเอกสารทำให้เกิดความล่าช้าในการตรวจ ประเมิน และอาจมีความผิดพลาดขึ้นได้จึงมีการปรับปรุงการทดสอบฯ โดยนำระบบเทคโนโลยีสารสนเทศมาใช้เป็นเครื่องมือบริหารจัดการคลังข้อสอบ (Test Bank) และระบบการทดสอบมาตรฐานฝีมือแรงงานแห่งชาติ (ภาคความรู้) ด้วยระบอิเล็กทรอนิกส์ (e-Testing System) ในการจัดเก็บและประมวลผลข้อมูล การรายงานผล การเชื่อมโยงข้อมูล และตรวจสอบข้อมูลผู้เข้ารับการทดสอบในการพัฒนาศักยภาพแรงงาน ซึ่งระบบดังกล่าวช่วยลดการใช้ดุลยพินิจของเจ้าหน้าที่ในการประเมินเพิ่มความสะดวกรวดเร็ว โปร่งใส ถูกต้อง และแม่นยำ มีหลักเกณฑ์การใช้ข้อสอบที่สามารถสุ่มเลือกซึ่งมีระบบที่เป็นมาตรฐานเดียวกัน สร้างความน่าเชื่อถือในการปฏิบัติงานของผู้ทดสอบ และผู้เข้ารับการทดสอบ

การนำระบบ e-Testing มาใช้ในกระบวนการทดสอบก่อให้เกิดประสิทธิภาพสูงสุดของภารกิจดังกล่าว แรงงานได้วัดทักษะฝีมือด้วยระบบที่มีประสิทธิภาพ ช่วยให้ได้รับค่าจ้างตามมาตรฐานฝีมือ นายจ้างและสถานประกอบกิจการ ใช้เป็นเกณฑ์คัดเลือกบุคลากรที่มีความรู้ความสามารถ และทัศนคติที่ดีต่อการทำงาน เข้าปฏิบัติงานในองค์กร หรือเลื่อนตำแหน่งต่างๆ ได้อย่างเหมาะสมและเป็นธรรม แรงงานหรือนายจ้างที่สนใจเข้ารับการทดสอบ ติดต่อสอบถามได้ที่สถาบันพัฒนาฝีมือแรงงาน (สพร.) และสำนักงานพัฒนาฝีมือแรงงาน (สนพ.) ซึ่งพัฒนาให้บริการด้วยระบบ e-Testing แล้วทุกแห่งทั่วประเทศ หรือสายด่วนกระทรวงแรงงาน 1506 กด 4 หรือ สำนักพัฒนามาตรฐานและทดสอบฝีมือแรงงาน 02 2454837, 02 2451707 ต่อ 718 อธิบดี กพร.กล่าวทิ้งท้าย
 

ดร.เสรี วงษ์มณฑา สมน้ำหน้าพรรคพลังประชารัฐ หลังเหิมเกริมแก้รัฐธรรมนูญ มาตราที่ปราบโกง ลั่นถ้าไม่มี 'บิ๊กตู่' ก็ไร้มนตรา เรียกคะแนน

วันที่ 25 มิถุนายน 2564 ดร.เสรี วงษ์มณฑา ผู้ร่วมก่อตั้งสถาบันทิศทางไทย โพสต์ข้อความผ่านเฟซบุ๊กระบุว่า สมน้ำหน้าพรรคพลังประชารัฐที่เหิมเกริมเสนอแก้ไขรัฐธรรมนูญมาตราที่ปราบโกงไม่ให้ สส. ยุ่งเกี่ยวกับการใช้งบประมาณและการไม่ให้รัฐมนตรี สส. ยุ่งเรื่องการโอนย้ายราชการ

นึกว่ามีอำนาจแล้วจะทำอะไรตามอำเภอใจได้กระนั้นหรือ แค่นี้ก็คงได้บทเรียนแล้วสินะ พรรคพลังประชารัฐ ถ้าไม่มีพลเอกประยุทธ์เป็นนายกฯ ก็ไม่ได้มีมนตราอะไรมากมายเลย

เลือกตั้งด้วยบัตร 2 ใบ ถ้าไม่มีพลเอกประยุทธ์เป็นชื่อ candidate นายกฯ จะไม่ได้คะแนนบัญชีรายชื่อมากมายอะไร ส่วน สส. เขต พวกสีเทาอย่าหวังว่าจะได้รับเลือกตั้ง

พรรคเล็กเกิดยาก สส. ปัดเศษคงจะไม่มี พรรคที่คะแนน สส. เขต จะไม่มีส้มหล่นจาก สส.บัญชีรายชื่อ พรรคที่เสียงแน่นอย่างเพื่อไทย ได้ประโยชน์ทั้ง สส. เขต และบัญชีรายชื่อ

พรรคเพื่อไทยจะได้กลับมาจัดตั้งรัฐบาล ส่วนพรรคเก่าแก่ที่เป็นผู้เสนอเรื่องบัตรสองใบนั้นจะฟื้นหรือไม่ก็ต้องดู รักษาระดับเดิมให้ได้ก็แล้วกัน อย่าตกต่ำกว่านี้นะ


โปรเด็ด! เทหมดตัว มาสด้า 2 และ นิสสันอัลเมร่า ทักเลย! ตอบไว! แอดเลย @TheShopsTimes

คลิก????https://lin.ee/vfTXud9

“ตู่” ประกาศยุติการชุมนุมกลุ่มไทยไม่ทน เผย อาจมีมือที่ 3 สร้างสถานการณ์ นัดชุมนุมใหม่อีกครั้งเสาร์นี้ เวลาเดิม

ที่สี่แยกนางเลิ้ง หลังแกนนำสลับขึ้นปราศรัยโจมตีรัฐบาลของพล.อ.ประยุทธ์ระยะหนึ่ง นายจตุพร พรหมพันธุ์ แกนนำกลุ่มไทยไม่ทน ประธานแนวร่วมประชาธิปไตยต่อต้านเผด็จการแห่งชาติ (นปช.) ได้ประกาศยุติการชุมนุม โดยขี้แจงว่า เนื่องจากเวลานี้มืดแล้ว เกรงว่าจะมีคนเข้ามาสร้างสถานการณ์ โดยได้รับแจ้งจากนายนิติธร ล้ำเหลือ หรือทนายนกเขา ว่ามีรายงานจะมีคนเข้ามาสร้างสถานการณ์ในบริเวณที่ชุมนุม จึงขอยุติการชุมนุมก่อน และนัดรวมตัวกันอีกครั้งในวันเสาร์ที่ 26  มิ.ย.เวลา 16.00 น. พี่สะพานผ่านฟ้าลีลาศที่เดิมและมีแนวโน้มว่าจะค้างคืนเพื่อขับไล่ประยุทธ์ออกจากตำแหน่ง

“วันนี้เรายุติการชุมนุมทั้งฝ่ายของเรา และฝ่ายของทนายนกเขาก็ยุติการชุมนุม เพราะเราเป็นผู้ใหญ่แล้วผ่านอะไรกันมามาก เห็นสัญญาณอะไรบางอย่าง ในการเตรียมสร้างสถานการณ์ จึงไม่อยากประชาชนเดือดร้อนและไม่ปลอดภัย เพราะวันนี้เรามากันเองด้วยความสงบ แต่คอยดูว่าเมื่อเรากลับไปแล้วก็จะเกิดตูมตามขึ้นมา เพราะทางทนายนกเขาและผมก็เห็นเช่นกัน เพราะได้มีการส่งคนเข้าไปอยู่ตามจุดต่างๆ ซึ่งเราไม่คิดว่าจะเป็นอย่างนี้ และจะเร็วแบบนี้ เพราะมากันดีๆ และครั้งหน้าเราก็จะมากันดีๆเช่นนี้อีก ยืนยัน จะใช้สันติวิธีในการชุมนุม”นายจตุพรกล่าว

“โฆษกรัฐบาล” เผย ปชช.แจ้งเบาะแส ร้องทุกข์จากโควิด-19 กว่า5 เดือน ยุติเรื่องได้กว่า 2.4 แสนเรื่อง 

นายอนุชา บูรพชัยศรี โฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี กล่าวถึงความคืบหน้าการเปิดให้ประชาชนรับแจ้งเบาะแส ร้องทุกข์ขอความช่วยเหลือ สอบถามข้อมูล เสนอความคิดเห็นและข้อเสนอแนะเกี่ยวกับโควิด-19 ผ่าน 5 ช่องทาง 1111 ของรัฐบาล ว่า ตั้งแต่วันที่ 7 ม.ค. - 23 มิ.ย.ที่ผ่านมา มีการแจ้งข้อมูลทั้งหมด 249,448 เรื่อง แบ่งเป็น

1.) แจ้งเบาะแสบ่อนการพนัน จำนวน 652 เรื่อง  

2.) แจ้งเบาะแสไม่ปฏิบัติตามข้อกำหนดตามความในมาตรา 9 แห่ง พ.ร.ก. ฉุกเฉินฯ และแรงงานเข้าเมืองผิดกฎหมาย จำนวน  432 เรื่อง และ 3.ร้องทุกข์ขอความช่วยเหลือ สอบถามข้อมูล เสนอความคิดเห็นหรือข้อเสนอแนะเกี่ยวกับโควิด-19 จำนวน 248,364 เรื่อง 

ขณะนี้สามารถยุติเรื่องได้แล้ว จำนวน 248,166 เรื่อง และรอผลการพิจารณาอีก 1,282 เรื่อง ซึ่งการดำเนินการดังกล่าวที่เห็นผลเป็นรูปธรรม เป็นไปตามนโยบายของรัฐบาลและนายกรัฐมนตรี ที่ต้องการสนับสนุนให้ภาคประชาชนมีส่วนร่วมตรวจสอบ โดยเสนอเรื่องราวร้องทุกข์ แจ้งเบาะแสการกระทำผิดกฎหมาย และเสนอข้อคิดเห็น ข้อเสนอแนะและคำติชมด้วยตนเอง หรือผ่านทางจดหมาย โทรศัพท์ โทรสาร และทางเว็บไซต์ www.1111.go.th ซึ่งเป็นช่องทางการให้บริการประชาชน ที่มีความสะดวกและรวดเร็ว สามารถให้บริการได้ตลอดเวลา

“โฆษกรัฐบาล” เผย ตั้งเป้าส่งออกสินค้าฮาลาลโต 3 เปอร์เซ็นต์ มูลค่ากว่าแสนล้าน เจาะตลาดประเทศมุสลิม ชี้ ใช้โมเดล “เกษตรผลิต พาณิชย์ตลาด” เป็นผู้นำการผลิต สร้างมาตรฐานคุณภาพ

ที่ทำเนียบรัฐบาล น.ส.รัชดา ธนาดิเรก รองโฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี เปิดเผยว่า รัฐบาลเห็นโอกาสการผลิตและการส่งออกสินค้าอาหารฮาลาลและผลผลิตสินค้าเกษตรมาตรฐานที่โตต่อเนื่องตั้งแต่ต้นปี ไปสู่ตลาดกลุ่มประเทศมุสลิม และประเทศที่มีชาวมุสลิมอาศัยอยู่มาก เช่น อินเดีย จีน รัสเซีย สหรัฐอเมริกา คาดว่ามีประชากรชาวมุสลิมทั่วโลกกว่า 2 พันล้านคน มูลค่าตลาดประมาณ 1.2 ล้านล้านดอลลาร์สหรัฐ ทางกระทรวงพาณิชย์ จึงตั้งเป้าการส่งออกสินค้าฮาลาลทุกประเภทไปยังกลุ่มประเทศมุสลิม ของปี 2564 ไว้ที่ 1.22 แสนล้านบาท เพิ่มขึ้นจากปีก่อน 3เปอร์เซ็นต์ มูลค่า 1.18 แสนล้านบาท โดยประเทศไทยได้เปรียบที่สามารถผลิตสินค้าหลากหลาย มีมาตรฐาน ตอบสนองความต้องการของตลาดได้ดี และขณะนี้มีบริษัทที่ได้รับรองมาตรฐานอาหารฮาลาลประมาณ 5,000 บริษัท มีผลิตภัณฑ์ที่ผ่านการรับรองฮากว่า 160,000 รายการ จึงเชื่อมั่นว่าประเทศไทย มีศักยภาพเป็นประเทศผู้นําในการพัฒนา ผลิต และส่งออกสินค้าเกษตรและอาหารที่ได้รับความเชื่อมั่นในตลาดโลก

น.ส.รัชดา กล่าวว่า รัฐบาลใช้โมเดล “เกษตรผลิต พาณิชย์ตลาด” เพื่อขับเคลื่อนการเป็นผู้ผลิตในตลาดโลก โดยร่วมกับหลายภาคส่วน ให้ครอบคลุมเพิ่มศักยภาพหน่วยงานรับรองมาตรฐานฮาลาล ใช้เทคโนโลยีทันสมัยตรวจสอบพร้อมสร้างองค์ความรู้ในการผลิต การบริหารจัดการตั้งแต่ระดับฟาร์มจนถึงผู้บริโภค และพัฒนาฐานข้อมูลฮาลาล เป็นต้น นอกจากนั้นมีกิจกรรมพัฒนาศักยภาพการตลาดฮาลาลสู่สากล อาทิ จัดอบรมให้ความรู้กับผู้ประกอบการเกี่ยวกับการผลิตสินค้าฮาลาลที่ถูกต้องตามหลักศาสนา และคำนึงถึงความต้องการของผู้บริโภคในแต่ละประเทศ จัดกิจกรรมส่งเสริมการขายร่วมกับห้างค้าปลีก ซุปเปอร์สโตร์ชั้นนำ จับคู่เจรจาค้าสินค้าอาหารฮาลาลออนไลน์ ในอาเซียน จีน แอฟริกา และตะวันออกกลาง รวมถึงประชาสัมพันธ์ภาพลักษณ์สินค้าฮาลาลไทย และการสร้างความร่วมมือที่ดีกับผู้เกี่ยวข้องกับสินค้าฮาลาลในตลาดประเทศมุสลิม เป็นต้น ทั้งนี้กรมส่งเสริมการค้าระหว่างประเทศ พร้อมให้ข้อมูลเพิ่มเติมแก่ผู้ประกอบการที่มีความสนใจตลาดสินค้าฮาลาลที่มีแนวโน้มขยายตัวเพิ่มมากขึ้น และเพิ่มช่องทางการค้าออนไลน์เพื่ออำนวยความสะดวกแก่ผู้บริโภคตามวิถีชีวิตในยุคปัจจุบัน 

พลังประชาชาติไทย ยันจุดยืนพรรค 5 ข้อ

นายเขตรัฐ เหล่าธรรมทัศน์ โฆษกพรรครวมพลังประชาชาติไทย กล่าวถึงจุดยืนของพรรครวมพลังประชาชาติไทย (รปช.) ในประเด็นการแก้ไขรัฐธรรมนูญ ว่า พรรครปช.มีจุดยืน 5 ข้อ ดังนี้

​1.) พรรคยึดมั่นในการปกครองระบอบประชาธิปไตยอันมีพระมหากษัตริย์ทรงเป็นประมุข ซึ่งเป็นประเพณีการปกครองประเทศอันนับเนื่องตั้งแต่รัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรสยาม พ.ศ. 2475 เป็นต้นมาจนถึงปัจจุบัน จุดยืนของพรรค รปช. ในเรื่องรัฐธรรมนูญ จึงให้ความสำคัญเป็นพิเศษเกี่ยวกับเนื้อหาสาระแห่งบทบัญญัติ ในรัฐธรรมนูญที่จะต้องดำรงเจตนารมย์ดังกล่าวนี้อย่างแท้จริง

​2.) ข้อพิจารณาของพรรคอยู่ที่ประเด็นการแก้ไขเพิ่มเติมรัฐธรรมนูญ ดังที่ได้มีการเสนอกันอยู่ในขณะนี้ว่าจะเป็นประโยชน์ต่อประเทศชาติและประชาชนส่วนใหญ่อย่างไรคือคำถามที่สังคมได้ตั้งไว้กับตัวแทนของพวกเขา

​3.) ในสถานการณ์ปัจจุบันการแก้ไขเพิ่มเติมรัฐธรรมนูญต้องคำนึงถึงความประสงค์ของประชาชนส่วนใหญ่ในประเทศ มิใช่แก้ไขรัฐธรรมนูญตามความต้องการของนักการเมืองและพรรคการเมือง

​4.) การแก้ไขเพิ่มเติมรัฐธรรมนูญจะต้องมีจุดมุ่งหมายให้ระบบการเมืองดีขึ้น สอดคล้องกับเจตนารมณ์ของประชาชนในเรื่องการปฏิรูปการเมือง และยกระดับคุณภาพของนักการเมืองให้ดีขึ้น ไม่ใช่การแก้ไขเพิ่มเติมเพื่อให้พรรคการเมืองและนักการเมืองสามารถกลับไปประพฤติปฏิบัติแบบเก่าๆ เดิมๆ จนเป็นเหตุให้เกิดวิกฤติทางการเมืองอย่างที่เคยเกิดขึ้นในอดีตที่ผ่านมา

​5.) รัฐธรรมนูญจะต้องไม่เปิดโอกาสให้เกิดการบิดเบือนการใช้อำนาจของฝ่ายบริหาร ฝ่ายนิติบัญญัติ และฝ่ายตุลาการ คือต้องมีดุลยภาพแห่ง 3 อำนาจอธิปไตยของปวงชน และต้องธำรงหลักประกันแห่งความยุติธรรม จริยธรรม หลักธรรมาภิบาล และการตรวจสอบการใช้อำนาจรัฐโดยองค์กรอิสระอย่างมีประสิทธิภาพอย่างแท้จริง

“ผมมีเจตนารมณ์ที่อยากจะเชิญชวนให้สมาชิกรัฐสภาทุกท่านเเละประชาชนคนไทยทุกคนร่วมกันพิจารณาญัตติด่วน 13 ร่างของการแก้ไขรัฐธรรมนูญไปพร้อมกันด้วยความเคารพทุกความคิดเห็นที่อาจจะเหมือนและแตกต่างกันออกไป” นายเขตรัฐ กล่าว


© Copyright 2021, All rights reserved. THE STATES TIMES
Take Me Top