“โจ้ ยุทธพงศ์” งัดหลักฐานหนังสือลงนามซื้อเรือดำน้ำโดย “พล.ร.อ.ลือชัย” ถึงบริษัทขายที่จีน หลังพบพิรุธเร่งจัดซื้อโดยไม่คำนึงถึงประสิทธิภาพ ถาม”บิ๊กตู่”ไม่สงสารปชช.บ้างหรือ เรือดำน้ำปราบโควิดได้หรือไม่ เผย กมธ.งบฯฟากฝ่ายค้านเตรียมเสนอ กมธ.ชุดใหญ่ตัดทิ้งเรือด

ที่พรรคเพื่อไทย นายยุทธพงศ์ จรัสเสถียร ส.ส.มหาสารคาม และรองหัวหน้าพรรคเพื่อไทย  พร้อมด้วยนายจิรพงษ์ ทรงวัชราภรณ์ ส.ส.นนทบุรี พรรคเพื่อไทย ร่วมกันแถลงถึงการจัดซื้อเรือดำน้ำของกองทัพเรือ ที่จะมีการนำเข้าสู่พิจารณาของคณะกรรมธิการ(กมธ.)วิสามัญพิจาณาร่าพ.ร.บ.งบประมาณรายจ่ายประจำปี 2565 ในวันที่ 19 ก.ค.

โดยนายยุทธพงศ์ กล่าวว่า ตนมีหนังสือจาก พล.ร.อ.ลือชัย รุดดิษฐ์ อดีตผู้บัญชาการทหารเรือ (ผบ.ทร.) ไปถึงนายสู จ้าน ปิน รองประธานองค์กรบริหารงานของรัฐด้านวิทยาศาสตร์ เทคโนโลยี และอุตสาหกรรมเพื่อการป้องกัน ประเทศ สาธารณรัฐประชาชนจีน โดยในหนังสือมีพิรุธคือ หนังสืออกจากกองทัพเรือ วันที่ 24 กันยายน 2563 เร่งรัดให้มีการลงนามในสัญญาการจัดซื้อเรือดำน้ำลำที่ 2 และ 3 ให้ทันในปีงบประมาณ 63 หรือภายในเดือนกันยายนปี 63 โดยระบุอีกว่า หากดำเนินการไม่ทันสถานการณ์การเมืองในประเทศไทย อาจจะทำให้ต้องเริ่มต้นจัดหากันใหม่ นอกจากนี้ในหนังสือยังระบุอีกว่า หากประเทศจีนไม่สามารถส่งผู้แทนมาลงนามในสัญญาได้ก็ขอให้ผู้แทนจากสถานเอกอัคราชทูตจีนในประเทศไทยมาลงนามในข้อตกลงดังกล่าวแทน 
          
“นี่คือข้อพิรุธว่า การซื้อขายเรือกดำน้ำเที่ยวนี้ ถ้าบอกว่าเป็นการซื้อขายแบบจีทูจีจริง ทำไมพล.ร.อ.ลือชัยออกหนังสือไปวันที่ 24 กันยายน 63 จะให้ทางจีนมาเซ็นต์ก่อนวันที่ 30 กันยายน 63 หรือก่อนที่ พล.ร.อ.ลือชัย จะเกษียณ ด้วยสถานการณ์โควิด จะเดินทางเข้าประเทศได้ต้องมีการกักตัวจึงบอกว่า ถ้าทางจีนมาไม่ได้ก็ขอให้เอาคนจากสถานทูตจีนในประเทศไทยก็ได้ “นายยุทธพงศ์ กล่าว
        
นายยุทธพงศ์ กล่าวอีกว่า นอกจากนี้ ในหนังสือยังอ้างถึงเรืออีก 1 ลำ คือเรือ LPD สนับสนุนเรือดำน้ำที่กองทัพเรือของไทยซื้อมาจากประเทศจีนเช่นกัน โดยเรือลำนี้มูลค่า 6,200 ล้านบาท แต่ไม่มีระบบอำนวยการรบ และระบบใดๆทั้งที่ต้องมี แต่ได้เรือมาเปล่าๆ พล.ร.อ.ลือชัย จึงเขียนหนังสือไปขออาวุธปืนเขา ซึ่งเรือลำนี้ในงบปี 65 ที่วันที่ 19 ก.ค. จะมีการพิจารณาในกมธ.งบฯ 65 นั้นมีการของบฯเข้ามา 1,800 ล้านบาท สรุปการไปขอร้องบริษัทจีนดังกล่าวเป็นการแสดงให้เห็นว่า พล.ร.อ.ลือชัยเร่งรัดเซ็นสัญญาซื้อเรือ LPD มูลค่า 6,200 ล้านบาท และเรือดำน้ำ 2 ลำ มูลค่า 22,500 ล้านบาท ในช่วงที่ตนเองเป็น ผบ.ทร. เท่านั้น โดยอ้างว่ามีงบประมาณจำกัด เอาตัวเรือมาก่อน โดยไม่ได้คำนึงถึงประสิทธิภาพของเรือแม้แต่น้อย และเป็นการแสดงให้เห็นว่า กองทัพเรือไปต่อเรือลำนี้มาโดยไม่มีความพร้อมในด้านการรบเลยแม้แต่น้อย เป็นการซื้อที่ขาดแผนงาน คำนึงถึงแต่ประโยชน์ที่ไปซื้อเรือเท่านั้น และที่เสียหายมากที่สุดคือการไปร้องขอให้เขาติดตั้งระบบอำนวยการรบ ระบบอาวุธต่างๆให้ เป็นการเสียชื่อเสียงของประเทศไทยมาก 
         
“สัญาญาระหว่างกองทัพเรือไทย และประเทศจีนผ่านบริษัท china shipbuilding & offshore international co. ltd (CSOC) ในการจัดซื้อเรือดำน้ำ ลำแรก และลำที่ 2 และ 3 ที่มีลักษณะเดียวกันนั้น ระบุให้รัฐบาลจีนมอบอำนาจให้บริษัทนี้เป็นตัวแทนฝ่ายจีนต่อเรือดำน้ำระหว่างรัฐบาลไทยที่มีพล.ร.อ.ลือชัย ลงนาม กับรัฐบาลจีนที่มีนายสู จีคี ประธานบริษัท CSOC เป็นตัวแทน ซึ่งสัญญาเป็นการซื้อขายแบบจีทูจี แต่เหตุใดตอนจ่ายเงิน รัฐบาลไทยจึงจ่ายเข้าบัญชีของบริษัท CSOC ที่ปักกิ่ง ทำไมไม่จ่ายเงินไปที่กระทรวงกลาโหมของจีน หรือรัฐบาลจีน” นายยุทธพงศ์ กล่าว
นายยุทธพงศ์ กล่าวต่อว่า ขณะนี้มีคนติดเชื้อโควิดวันละหมื่นกว่าคน คนวันละร้อยกว่าคน ระบบสาธารณสุขเราสู้ไม่ได้ คนป่วยล้น คนรอเข้ารับการรักษาอยู่จำนวนมาก ขณะเดียวกันประชาชนจำนวนมาก อดอยาก หิวโหย แต่รัฐบาลภายใต้การนำของพล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา กลับจะไปซื้อเรือดำน้ำจากประเทศจีน แล้วพล.อ.ประยุทธ์อย่าบอกว่าไม่รู้เรื่อง ไม่ได้นะ เพราะท่านในฐานะรมว.กลาโหมที่ต้องเป็นผู้ลงนามในสัญญา และในฐานะนายกฯ ที่ปล่อยให้เรื่องนี้ผ่านการพิจารณาของ ครม. ท่านไม่สงสารประชาชนเลยหรือ แล้วท่านไม่สงสัยในประสิทธิภาพของเรือดำน้ำหรือ ซึ่งไม่มีประสิทธิภาพเหมือนวัคซีนซิโนแวกที่ประชาชนสงสัยทั้งประเทศ เหตุใดท่านไม่เอาลำแรกมาลองใช้กอน ทำไมจึงต้องเร่งซื้อทีเดียวถึง 2 ลำ
 
“ 19 ก.ค. จะมีการประชุมของ กมธ.งบฯ 65 ซึ่งเป็นการประชุมออนไลน์ โดยกมธ.ซีกรัฐบาลไม่ยอมให้ผู้บัญชาการเหล่าทัพทั้ง 4 ท่าน มาชี้แจง โดยอ้างว่ากลัวโควิด ฝ่ายค้านพยายามต่อสู้ให้ผบ.เหล่าทัพมาชี้แจง แต่กมธ.ซีกรัฐบาลก็ไม่ยอม เรื่องนี้ต้องถามนายวิรัช รัตนเศรษฐ ส.ส.บัญชีรายชื่อ และนายวิเชียร ชวลิต ส.ส.บัญชีรายชื่อ พรรคพลังประชารัฐ กมธ.ฯฟากรัฐบาล ว่าทำไมถึงไม่ให้ผบ.เหล่าทัพมาชี้แจง ทั้งนี้กมธ.ฯซีกฝ่ายค้านทุกพรรค เราได้หารือร่วมกัน และมีมติแล้วว่า จะขอให้ กมธ.ชุดใหญ่ตัดทิ้งงบเรือดำน้ำทั้ง 2 ลำไปเลย โดยไม่ต้องส่งไปให้อนุกมธ.ฯพิจารณา ถ้ากมธ.ฯซีกรัฐบาลไม่ยอมเราจะขอเสนอให้โหวตเลย แพ้เป็นแพ้ จะได้รู้ว่าใครบ้างที่ยกมือโหวตผ่านให้ซื้อเรือดำน้ำ อยากถามว่าเรือดำน้ำปราบโควิดได้หรือไม่  และในวันที่ 19 ก.ค. ผมมีหลักฐานใหม่ที่จะเอามาแฉให้ห้องประชุม กมธ.ใหญ่ ได้เห็นอีก”นายยุทธพงศ์ กล่าว