Saturday, 9 November 2024
POLITICS NEWS

“ชวน” เผย ส.ส.ให้ความร่วมมือป้องกันโควิด ในห้องประชุมสภาฯอย่างดี เตรียมหามาตรการรับมือประชุมร่วมรัฐสภา ยอมรับ พ.ร.ก.เงินกู้ 5 แสนล้าน ยังไม่ถึงสภา ปัดตอบนายกฯ ต้องยุบสภาหาก ส.ส.คว่ำ พ.ร.ก.เงินกู้

เมื่อวันที่ 28 พฤษภาคม 2564 ที่รัฐสภา นายชวน หลีกภัย ประธานสภาผู้แทนราษฎร กล่าวถึงความร่วมมือของ ส.ส.ต่อมาตรการป้องกันการแพร่ระบาดของเชื้อไวรัสโควิด-19 ระหว่างการประชุมสภาผู้แทนราษฎรเมื่อวันที่ 27 พ.ค. ว่าภาพรวมเป็นไปด้วยความราบรื่น ส.ส.เข้าใจมาตรการ และให้ความร่วมมือเป็นอย่างดีตามกติกา เพื่อป้องกันการแพร่ระบาดโควิด-19 มีเพียง ส.ส. 2 คนที่จะขออนุญาตถอดหน้ากากอนามัยเพื่ออภิปราย แต่ไม่ได้รับอนุญาต

ส่วนการประชุมร่วมรัฐสภา ที่นายพรเพชร วิชิตชลชัย ประธานวุฒิสภา จะมาหารือขอให้งดการประชุมรัฐสภาไปก่อนนั้น นายชวน กล่าวว่า หน่วยงานที่เกี่ยวข้องจะหารือกันอีกครั้งว่า ควรจะต้องดำเนินการอย่างไร โดยเฉพาะความเห็นจากกรมควบคุมโรค กระทรวงสาธารณสุขว่า ไม่ควรอยู่หนาแน่นในห้องเดียวกันเกินกว่า 15 นาที ดังนั้นจะต้องเอาประเด็นนี้มาหารือร่วมกันด้วย เพราะหากจะไม่ประชุมร่วมรัฐสภา คงจะเป็นไปไม่ได้ เนื่องจากตามรัฐธรรมนูญแล้ว ไม่สามารถหลีกเลี่ยงได้

นายชวน ยังเปิดเผยด้วยว่า ขณะนี้ คณะรัฐมนตรี (ครม.) ยังไม่ส่งพระราชกำหนด (พ.ร.ก.)ให้อำนาจกระทรวงการคลังกู้เงินฯ วงเงินไม่เกิน 500,000 ล้านบาท มาถึงสภาฯ เลย แต่หากส่งมาในสัปดาห์หน้า ก็จะได้ตรวจสอบความถูกต้อง ก่อนบรรจุเข้าระเบียบวาระในสัปดาห์ถัดไป 

เมื่อถามถึงกรณีที่นายวิษณุ เครืองาม รองนายกรัฐมนตรี ยอมรับหากพ.ร.ก.กู้เงินฯ ไม่ผ่านการพิจารณาจากสภาผู้แทนราษฎร นายกรัฐมนตรีจำเป็นต้องประกาศยุบสภาตามธรรมเนียม นายชวน ปฎิเสธที่จะตอบคำถามนี้

พล.อ.ประวิตร ประชุม กกท. ผลักดัน "มวยไทย สู่โอลิมปิก" เร่งวัคซีนให้นักกีฬา ก่อนแข่งต่างประเทศ เชิญชวนคนไทย ส่งแรงใจเชียร์ นักกีฬา ทีมชาติไทย 

เมื่อ 28 พฤษภาคม 2564 พล.ต.พัชร์ชศักดิ์ ปฏิรูปานนท์ ผช.โฆษกประจำรอง นรม. เปิดเผยว่า วันนี้เวลา 10.00 น. พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ รอง นรม. ได้เป็นประธานการประชุม คณะกรรมการการกีฬาแห่งประเทศไทย(กกท.) ครั้งที่ 4/2564 โดยมีนาย พิพัฒน์ รัชกิจประการ รมว.กก. เข้าร่วมประชุม ณ ห้องประชุมวิจิตรวาทการ สมช. ทำเนียบรัฐบาล

ที่ประชุม ได้มีการพิจารณา เห็นชอบโครงการจัดหาระบบบริหารจัดการภายในองค์กร โดยนำระบบสารสนเทศมาใช้สนับสนุนภารกิจ เพื่อเพิ่มประสิทธิภาพการทำงานของ กกท. และเห็นชอบแนวทางการขับเคลื่อน "กีฬามวยไทย สู่โอลิมปิก" พร้อมแต่งตั้งคณะอนุกรรมการขับเคลื่อนฯ โดยให้มีการประสานงาน กับองค์กรทั้งภาครัฐ และเอกชน เพื่อสนับสนุนกีฬามวยไทยที่เป็นของคนไทย ให้สามารถสร้างชื่อเสียง สู่เวทีโลก รวมทั้งเห็นชอบ แนวทางการปรับปรุงองค์กร ซึ่งเป็นผลจากการประเมิน ปี 63 อาทิ การพัฒนาศูนย์ฝึกกีฬาแห่งชาติ และศูนย์วิทยาศาสตร์การกีฬา เพื่อต่อยอดไปสู่การเป็นศูนย์กลางการฝึกซ้อมกีฬา (Sport Training Hub) ในอาเซียน และการพัฒนากีฬาอาชีพ ที่สามารถสร้างรายได้ให้กับนักกีฬาได้ อย่างยั่งยืน เป็นต้น

พล.อ.ประวิตร ยังได้กล่าวเสริมว่า การออกกำลังกายด้วยการเล่นกีฬามีความสำคัญต่อสุขภาพร่างกายซึ่งเด็กและเยาวชนควรหันมาเล่นกีฬาอย่างสม่ำเสมอ เพื่อห่างไกลยาเสพติดและสามารถพัฒนาก้าวสู่ระดับชาติ หรือเป็นอาชีพได้อีกทางหนึ่ง พร้อมทั้งเชิญชวนคนไทย ได้มีส่วนร่วมส่งเสริมการกีฬาของไทย ด้วยการติดตามผลงาน การเชียร์ และให้กำลังใจนักกีฬา ประสพความสำเร็จ และสร้างชื่อเสียงให้กับประเทศชาติได้ต่อไป

พล.อ.ประวิตร ยังได้กำชับ กกท.ให้เร่งขับเคลื่อนนโยบายการพัฒนากีฬาให้บรรลุเป้าหมาย ภายใต้ New Normal อย่างเหมาะสม พร้อมทั้งเร่งจัดหาวัคซีนให้นักกีฬาและเจ้าหน้าที่ อย่างเพียงพอ ก่อนเดินทางไปแข่งขันยังต่างประเทศ โดยให้คำนึงถึงความปลอดภัย จากโควิด-19 เป็นสำคัญ

‘บิ๊กตู่’ ย้ำเร่งกระจายฉีดทุกคน วอนอย่าขยายข่าวทำคนสับสน แจงสถานการณ์เปลี่ยนต้องปรับแผนตลอด คงไม่ต้องขอโทษ ลั่นไม่มีวัคซีนการเมือง ยันไม่มีปัญหาระหว่างพรรคร่วมรัฐบาล

เมื่อเวลา 09.00 น. วันที่ 28 พ.ค. ที่ศูนย์การค้า เอเชียทีค เดอะ ริเวอร์ฟร้อนท์ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีและรมว.กลาโหม ตรวจเยี่ยมจุดบริการฉีดวัคซีนโควิด-19 นอกสถานพยาบาล ภายใต้ความร่วมมือระหว่างกรุงเทพมหานครและหอการค้าไทย ดำเนินการโดยศูนย์การค้าเอเชียทีค เดอะ ริเวอร์ฟร้อนท์ และโรงพยาบาลบางปะกอก 1 พร้อมด้วย นายอนุทิน ชาญวีรกูล รองนายกรัฐมนตรีและรมว.สาธารณสุข พล.อ.อนุพงษ์ เผ่าจินดา รมว.มหาดไทย พล.ต.อ.อัศวิน ขวัญเมือง ผู้ว่าราชการกรุงเทพมหานคร และหน่วยงานเกี่ยวข้อง โดยนายกฯ ได้ตรวจเยี่ยมตามจุดให้บริการต่างๆ พร้อมทักทายเจ้าหน้าที่ และประชาชนที่เข้ามารับบริการ พร้อมสอบถามอาการหลังการฉีดวัคซีน ซึ่งนายกฯ กล่าวว่า เป็นยังไงบ้าง เจ็บนิดเดียวเดี๋ยวก็หาย สังเกตอาการไม่มีอาการอะไรเลยใช่ไหม วันนี้วัคซีนยังต้องรอ ซึ่งขึ้นอยู่กับวัคซีน ขณะนี้มีอยู่แค่ไหนก็แค่นั้น แต่เดี๋ยวจะทยอยฉีดให้กับทุกคน ขอบคุณและเป็นกำลังใจให้กับเจ้าหน้าที่ เหน็ดเหนื่อยกันหน่อยตอนนี้ ทั้งนี้ ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ขณะที่เจ้าหน้าที่ได้กล่าวให้กำลังใจนายกฯ ด้วย

จากนั้นพล.อ.ประยุทธ์ กล่าวภายหลังการตรวจเยี่ยม ว่า วันนี้ตนได้เห็นความพร้อมเพียงในเรื่องการเตรียมการตามมาตรฐานสาธารณสุขอย่างครบถ้วน ขอขอบคุณผู้ให้บริการเจ้าของสถานที่ รวมถึงผู้ที่บริจาคสิ่งของดูแลช่วยเหลือให้กับผู้ที่ได้รับเข้าฉีดวัคซีน โดยจะเห็นได้ว่าขณะนี้การบริหารวัคซีน การฉีดวัคซีนจะกระจายเร่งทำให้มากยิ่งขึ้นตามปริมาณวัคซีนที่ได้กระจายไป และมีหลายกลุ่มที่มีความจำเป็นที่ต้องได้รับความเร่งด่วนในการฉีดวัคซีน ดังนั้นขอให้ฟังที่ตนพูด อย่าไปฟังที่อื่นพูดเพราะจะทำให้เกิดความไม่เข้าใจหรือเข้าใจผิดไป และต้องให้ให้กำลังใจเจ้าหน้าที่บ้าง เพราะทำงานแบบนี้เหนื่อย เสียสละและอดทน ซึ่งปกติการบริหารก็ยากอยู่แล้วเพราะคนจำนวนมาก ถ้าหากทำให้สับสนไปเรื่อยๆ ขยายข่าวไปเรื่อยๆ ก็จะเกิดความสับสนมากยิ่งขึ้น ท้ายที่สุดก็จะมาลงที่เจ้าหน้าที่ จึงขอให้นึกถึงหัวใจของเจ้าหน้าที่บ้าง ตนขอแค่นั้น

นายกรัฐมนตรี กล่าวว่า ในส่วนการให้บริการถือว่าเป็นการฉีดที่จะต้องบริหารวัคซีนที่ได้รับทั่วกรุงเทพฯ 25 จุด ตามจำนวนที่มอบไปตามห้วงระยะเวลาที่กำหนด ส่วนการบริหารวัคซีน จะบริหารเป็นเดือน โดยจะให้ทุกคนได้ฉีดมากที่สุดในเดือนนั้น โดยเป้าหมายจะฉีดให้ได้ในเดือนธ.ค.และย้ำว่าทุกอย่างเป็นไปตามกำหนด แต่ยอมรับว่า การทำงานเพื่อคนหมู่มากในสถานการณ์ที่เปลี่ยนแปลงได้ตลอดเวลา คงไม่ต้องขอโทษ เพราะบางอย่างจำเป็นต้องมีความอ่อนตัวในการบริหารบ้าง ซึ่งการทำงานมีแนวทางกำหนดไว้ล่วงหน้าว่าสถานการณ์จากระดับ 1234 แล้วจะทำอย่างไร

พล.อ.ประยุทธ์ กล่าวว่า ทั้งนี้การบริหารวัคซีนการจัดหาสถานที่ฉีด จำนวนผู้ฉีด การกระจายวัคซีน ทุกอย่างจะต้องมีการปรับแต่ทุกคนจะได้รับการฉีดวัคซีนอย่างแน่นอน ตนขอยืนยัน ขออย่าไปพูดว่าคนนั้นไม่ได้ฉีด คนนี้ได้ฉีด ขอความร่วมมือกับสื่อด้วย เรื่องใดที่ไม่เกิดประโยชน์ขอความกรุณาอย่าไปแพร่ในสื่อทุกชนิดเพื่อลดความขัดแย้ง เพราะไม่ใช่เรื่องสนุกที่จะไปทะเลาะเบาะแว้งกัน ตนไม่อยากให้ใครทะเลาะกันทั้งสิ้นไม่ว่าฝ่ายใดก็ตาม เราต้องไปด้วยกัน การทำสิ่งดีๆ เพื่อสิ่งดีๆ ถือเป็นกุศลต่อตนเองทำให้ประเทศชาติฟื้นตัวขึ้น ช่วยกันทำความดี ตนบังคับใครไม่ได้อยู่แล้ว

จากนั้นนายกรัฐมนตรี รับมอบของที่ระลึก พร้อมกล่าวว่า ฝากความคิดถึงทุกคน ทั้งบุคคลากรทางการแพทย์ ซึ่งต้องเหนื่อยหน่อย แต่ทั้งหมดเป็นกุศล ไม่ต้องทำอะไรอย่างอื่น ทำบุญก็อย่างหนึ่ง ทำบุญกับพระกับอะไรก็ว่าไป ส่วนทำกุศลทำให้กับคนที่เขายากลำบาก นั่นแหละกุศลแรง จากนั้นนายกฯ ชูสองนิ้วให้กับประชาชนที่ต่อคิวรอฉีดวัคซีน พร้อมกล่าวว่า เดินหน้าไปด้วยกันนะ เราต้องชนะไปด้วยกันทุกคน เราต้องเดินหน้าไปด้วยกันทุกคน ก่อนขึ้นรถเดินทางกลับเข้าปฏิบัติภารกิจที่ทำเนียบรัฐบาล

เมื่อถามว่า จะมีการแจ้งความเอาผิดกับบริษัท แอคแคป แอสเซ็ทส์ จำกัด ที่อ้างว่าเคยติดต่อกับรัฐบาลหรือไม่ พล.อ.ประยุทธ์ กล่าวว่า เป็นเรื่องที่จะดำเนินการต่อไป คงไม่ต้องมาถามล่วงหน้า

เมื่อถามว่าแผนการกระจายวัคซีนแอสตราเซนเนกาที่จะเข้ามาในเดือนมิ.ย. ยังคงเหมือนเดิมหรือไม่ พล.อ.ประยุทธ์ กล่าวว่า วัคซีนทั้งหมดที่จะเข้ามาในเดือนมิ.ย. จะกระจายภายในเดือนมิ.ย. ทั้งหมด โดยจะกระจายไปให้ได้มากที่สุดและได้มอบนโยบายไปแล้ว ซึ่งได้บอกไปแล้วว่า เราจำเป็นต้องกระจายวัคซีนเป็นรายเดือน ไม่เช่นนั้นก็ต้องวางแผนไป 6 เดือน แล้วจะได้ตามนั้นหรือไม่หล่ะ เพราะวัคซีนมาเป็นช่วงๆ ในแต่ละเดือนและการกระจายไปตามจุดต่างๆ จึงจำเป็นจะต้องวางแผนตรงนี้ ถ้าไม่มีการแพร่ระบาดขึ้นมาใหม่ก็คงเป็นไปตามแผนได้ แต่ในเมื่อมีการแพร่กระจายและมีการระบาดสูงในบางพื้นที่ จึงจำเป็นต้องมีการปรับในการนำวัคซีนเข้าไปในแต่ละพื้นที่

“ผมยืนยันแล้วกันว่า ทุกคนจะได้รับการฉีดอย่างแน่นอน” พล.อ.ประยุทธ์ กล่าว

เมื่อถามว่าประชาชนที่ลงทะเบียนผ่านระบบหมอพร้อม จะยังได้รับการฉีดวัคซีนหรือไม่นายกฯ กล่าวว่า ขอยืนยันว่าได้ฉีดทุกคน 100 เปอร์เซ็นต์ได้ฉีดทั้งหมด ฉะนั้นไม่ว่าจะเป็นการลงทะเบียนผ่านระบบหมอพร้อมหรือแอปพลิเคชันอื่นๆ ที่จะทำให้รวดเร็วมากขึ้น โดยเมื่อวานเพียงวันเดียวได้ 1 ล้านกว่าราย

เพียงแต่วันนี้ต้องทำให้ระบบหมอพร้อมรองรับคนที่ลงทะเบียนผ่านแอปพลิเคชันอื่นด้วย เพื่อนัดและติดตามผลการฉีดวัคซีน ทุกคนจะต้องได้รับการติดตามจากการเข้ารับการฉีดวัคซีน นี่คือการรับผิดชอบและการออกใบรับรอง รัฐบาลทำขนาดนี้ ส่วนจะมีความยุ่งยากหรือไม่อย่างไร ก็ต้องไปเก็บกันเอาเอง ขอร้องว่าอย่าไปคิดเพียงชั้นเดียวมันไม่ได้

เมื่อถามว่า ในบางจังหวัดยังไม่มีแอปพลิเคชันเป็นของตัวเอง จะดำเนินการอย่างไร พล.อ.ประยุทธ์ กล่าวว่า ทุกจังหวัดมีหมดอยู่แล้ว กระทรวงมหาดไทยยืนยันแล้ว ซึ่งผู้ว่าราชการจังหวัดดำเนินการร่วมกับสำนักงานสาธารณสุข (สสจ.)และอาสาสมัครสาธารณสุขประจำหมู่บ้าน (อสม.) ตามฉีดกันให้ทั้งหมดแล้ว

เมื่อถามถึงวัคซีนทางเลือก เช่น วัคซีนซิโนฟาร์ม มีความคืบหน้าอย่างไร นายกฯ กล่าวว่า ก็มีบริษัทเข้ามาติดต่อเป็นทางการแล้วกับสำนักงานคณะกรรมการอาหารและยา (อย.) ซึ่งอย.ขึ้นทะเบียนแล้ว และอยู่ระหว่างการเจรจานำเข้า โดยต้องเข้าตามช่องทางที่ถูกต้องเป็นไปตามกฎหมายตามมาตรการ ถ้าไม่เข้าตามช่องก็มาไม่ได้ จะมาพบใครก็ไม่ได้ เพราะตนไม่ได้มีหน้าที่ตรงนั้น เพราะเป็นหน้าที่ของอย. และองค์การเภสัชกรรม (อภ.)

เมื่อถามว่า ได้รับรายงานกรณีอังกฤษพบ โควิด-19 สายพันธุ์ไทยแล้วหรือยัง นายกฯ กล่าวว่า “มันก็มีทุกสายพันธุ์นั่นแหละ ถ้ามันจะเกิด อย่าไปกังวลให้มากนักเลย วันนี้ขอให้ฉีดวัคซีนกันให้ได้เสียก่อน ซึ่งถ้าเป็นก็รักษาได้ ขอให้ดูแลตัวเองป้องกันตัวเองถ้าไม่ดูแลตัวเอง ถ้าไม่ช่วยกันทำอะไรก็ไม่สำเร็จ อย่าไปจับผิดเล็กน้อย ถ้าถามมา ก็ตอบไปว่ารักษาได้ วัคซีนที่มีอยู่ก็ป้องกันได้

เมื่อถามว่าในส่วนของวัคซีนการเมืองที่ยังมีความเห็นต่างกันในพรรคร่วมรัฐบาลจะทำอย่างไร นายกฯ ได้หันหน้าไปมองนายอนุทิน ชาญวีรกูล รองนายกฯ และรมว.สาธารณสุข ที่ยืนอยู่ข้างๆ ในฐานะหัวหน้าพรรคภูมิใจไทยพร้อมกล่าวว่า “ไม่มีปัญหาอะไรหรอก ผมเข้าใจกันหมดทุกประการ ผมยืนยันตรงนี้ ต่อหน้านายอนุทิน เมื่อวานนี้ผมก็คุยกับพรรคประชาธิปัตย์และพรรคชาติไทยพัฒนา ก็ไม่เห็นมีปัญหาอะไรจะมีปัญหาก็เพราะมีคนยุแยงตะแคงรั่วอยู่แถวนี้นั่นแหละ ไม่เห็นมีปัญหาตรงไหน การจะปรับเปลี่ยนอะไรต่างๆ ผมก็ปรับเปลี่ยนตามข้อเสนอของกระทรวงสาธารณสุข ว่า อะไรดี อะไรใช่หรือไม่ใช่ อะไรต้องปรับเปลี่ยนตามสถานการณ์ ผมก็ฟังในส่วนของกระทรวงมหาดไทย ซึ่งอยู่ใกล้ชิดกับประชาชนในทุกระดับ ด้านสาธารณสุขเราก็ต้องฟัง ซึ่งข้อมูลทั้งหมดก็เข้าสู่ศูนย์บริหารสถานการณ์การแพร่ระบาดของโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 (ศบค.) ที่มีผมเป็นผอ.แล้วผมจะไปสั่งอะไรได้หรือไม่ ไม่ใช่ว่าผมจะไปเข้าข้างใครทั้งนั้นแหละ ผมต้องบูรณาการในการทำงานจากข้อกำหนดทุกประการ นี่คือหน้าที่ของผมตามข้อมูลที่หลายฝ่ายเสนอขึ้นมา ก็แค่นั้นเองอย่าไปตีกัน บ้านเมืองวุ่นวายพออยู่แล้ว หยุดๆ กันเสียบ้าง


แหล่งรวม "บทความและคอนเทนต์แปลกใหม่!!!" แบบไร้ Toxic ติดตามได้ที่ THE STATES TIMES Blockdit

LINK : https://www.blockdit.com/pages/60583e7ff90e240c3e7f1c32

“หมออุดม” ยังไม่พบเชื้อโควิค-19 กลายพันธุ์ในประเทศไทย

ที่เอเชียทีค ศ.คลินิกเกียรติคุณ นพ.อุดม คชินทร ที่ปรึกษา ศบค. เปิดเผยว่าในที่ประชุมร่วมกับกระทรวงสาธารณสุขเมื่อเช้า วันเดียวกันนี้ อธิบดีกรมวิทยาศาสตร์การแพทย์ ยืนยันว่า ยังไม่พบเชื้อโควิค-19 กลายพันธุ์ในประเทศไทย ตามที่สื่อมวลชนอังกฤษรายงานข่าว ระบุไม่มีการส่งตัวอย่างเชื้อดังกล่าวตรวจสอบแต่อย่างใด ซึ่งการตรวจสอบการกลายพันธุ์ จะต้องได้รับการยืนยันมากกว่า 1 Lab ดังนั้นข่าวที่ออกมา จึงตั้งข้อสังเกตว่าอาจเป็นเพียงข้อสงสัยจากทางอังกฤษเท่านั้น

ซึ่งขั้นตอนจากนี้ อังกฤษควรแจ้งมายังทางการไทย  เพื่อให้ตรวจสอบข้อเท็จจริงก่อนที่จะนำไปเผยแพร่ สำหรับสถานการณ์การแพร่ระบาดของประเทศไทยในขณะนี้ ยังไม่เอื้อต่อการกลายพันธุ์ เนื่องจากยังพบผู้ติดเชื้อเพียง 60 คนต่อประชากร 1 แสนคน ขณะที่ปัจจัยที่เอื้อต่อการกลายพันธุ์ส่วนใหญ่ เกิดในพื้นที่ที่พบผู้ติดเชื้อมากกว่า 75 คนต่อประชากร 1 แสนคน และ เชื้อโควิดที่ระบาดในประเทศไทย นับตั้งแต่เดือนเมษายนที่ผ่านมา มากกว่าร้อยละ 95 เป็นเชื้อโควิดจากสายพันธุ์อังกฤษอีกด้วย

"แรมโบ้" แจงแทน “บิ๊กตู่” ยืนยัน บริษัทแอคแคป แอสเซ็ทส์ ไม่เคยติดต่อมา “ชี้” เป็นข้อกล่าวอ้าง “จวก” อย่าทำตัวเป็นบริษัทนายหน้าค้าทางลัด “เย้ย” ถ้าเป็นตัวแทนจริงควรไปเดินตามขั้นตอนของ อย.

เมื่อวันที่ 28 พฤษภาคม 2564 นายเสกสกล อัตถาวงศ์ ผู้ช่วยรัฐมนตรีประจำนายกรัฐมนตรี กล่าวถึงกรณีที่นายกรกฤษณ์ กิติสิน ผู้บริหารบริษัท แอคแคป แอสเซ็ทส์ จำกัด ให้สัมภาษณ์ อ้างเป็นตัวแทนของวัคซีนยี่ห้อชิโนฟาร์ม และได้ทำหนังสือถึง ศ.นพ.นิธิ มหานนท์ เลขาธิการราชวิทยาลัย ผอ.มหาวิทยาลัยจุฬาภรณ์ นั้น ที่นายกรกฤษณ์ อ้างว่า มีการติดต่อมาที่พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีกว่า 1 เดือนนั้น ไม่เป็นความจริงและไม่มีการติดต่อมาเข้าผ่านสำนักเลขาธิการนายกฯหรือคณะทำงานนายกฯ เป็นการกล่าวอ้างอย่างเลื่อนลอยไร้ข้อเท็จจริง และไม่เคยมีหนังสือจากบริษัทฯ ขอเข้าพบนายกรัฐมนตรีหรือประสานส่วนตัวผ่านใครมาทั้งสิ้น การออกมาให้ข่าวดังกล่าว ดูตามเจตนานายกรกฤษณ์ ต้องการที่จะใช้บริษัทของตัวเองเข้ามาเป็นนายหน้ามากกว่า เนื่องจากตรวจสอบแล้วพบว่า บริษัท แอคแคป แอสเซ็ทส์ จำกัด ทำธุรกิจเกี่ยวกับอสังหาริมทรัพย์ จดทะเบียนเมื่อปี 2563 ไม่เคยทำธุรกิจยา และเวชภัณฑ์มาก่อน และมีทุนจดทะเบียนเพียงแค่ 5 ล้านบาท นอกจากนั้นยังพบว่าบริษัทฯ ไม่ได้มีใบอนุญาตนำเข้ายาและเวชภัณฑ์ ไม่มีหนังสือรับรองการแต่งตั้งเป็นตัวแทนขายวัคซีนโดยตรงจากชิโนฟาร์มแต่อย่างใด

"การที่บริษัทฯได้ทำหนังสือถึง ศ.นพ.นิธิ มหานนท์ นั้นมีเจตนาที่น่าเคลือบแคลงสงสัยหลายประเด็นอาทิเช่น ศ.นพ.นิธิ แจ้งว่าหนังสือฉบับจริงยังไม่ถึงท่านเลยแต่ทำไมหนังสือฉบับดังกล่าวมีการเผยแพร่เปิดเผยในโชเชียลก่อนที่จะถึงมือท่าน มีเจตนาเผยแพร่ก่อนเพื่ออะไร ถ้ามั่นใจเป็นตัวแทนชิโนฟาร์มจริง สามารถนำวัคซีนเข้ามาได้จริงทำไมจึงไม่ไปเดินตามขั้นตอนกระบวนการในการยื่นเอกสารขอขึ้นทะเบียนที่ อย.ซึ่ง นพ.ไพศาล ดั่นคุ้ม เลขาธิการคณะกรรมการอาหารและยา (อย.) ได้ชี้แจงว่า ผู้แทนชิโนฟาร์มที่ยื่นขอเอกสารขอขึ้นทะเบียนวัคซีนชิโนฟาร์มกับทางอย. คือ บริษัทไบโอจีนีเทค จำกัด ซึ่งจะมีการพิจารณาในวันนี้ (28 พ.ค.) ซึ่งถ้าได้รับการพิจารณาขึ้นทะเบียน บริษัทฯนี้จะได้เป็นผู้นำเข้าวัคซีนชิโนฟาร์ม ซึ่งถือเป็นการเดินเอกสารตามขั้นตอนที่ถูกต้อง”นายเสกสกลกล่าว

นายเสกสกล กล่าวว่า การที่บริษัทฯแอคแคป แอสเซ็ทส์ที่ทำมาหากินจากธุรกิจอสังหาริมทรัพย์ แล้วมาอ้างเป็นตัวแทนและไม่ยอมเดินตามกระบวนการขั้นตอนในการยื่นเอกสารขอขึ้นทะเบียนที่ อย.และยังอ้างว่าติดต่อเพื่อขอพบ นายกรัฐมนตรี และ รมต.สาธารณสุข เพื่อขอเสนอขายวัคซีนนั้น น่าจะมีเจตนาที่ไม่บริสุทธิ์ใจ เป็นการใส่ความให้เกิดความเสียหายต่อทั้งสองท่าน ถึงแม้จะได้พบทั้งสองท่าน ก็คงไม่มีอภิสิทธิ์เหนือบริษัทฯอื่น อย่างไรก็ต้องไปเดินตามขั้นตอนการขึ้นทะเบียน จะข้ามขั้นตอนในการตรวจสอบจากอย.ไม่ได้ เพราะวัคซีนทุกยี่ห้อต้องผ่านการตรวจสอบของ อย.เท่านั้น สิ่งสำคัญที่สุดคือต้องมีการตรวจสอบคุณภาพให้มีความปลอดภัยต่อชีวิตของประชาชน ไม่ใช่บริษัทฯ ทำอาชีพอะไรก็จะนำเข้ามาได้โดยใช้วิธีวิ่งหาเส้นสายผู้ใหญ่ เรื่องอย่างนี้อย่ามาอ้างทำให้นายกฯและรมต.สธ เสียหาย ไม่สมควรอย่างยิ่ง 

"น่าจะเป็นบริษัทฯ นักวิ่งมากกว่า จะมาวิ่งกับนายกฯ รมต.สาธารณสุขได้อย่างไร เอกสารไม่พร้อม ไม่เดินตามขั้นตอน จะวิ่งทางลัด ไม่มีรัฐบาลไหน เอาชีวิตของประชาชนไปเสี่ยงกับวัคซีนที่อาจไร้คุณภาพโดยไม่ผ่านการตรวจสอบตามขั้นตอนจาก อย. ผมทราบดีว่า นายหน้าค้าวัคซีนเช่นนี้ มีมากมายหลายบริษัทฯแต่ไม่ยอมไปยื่นเอกสารจดทะเบียนจะหวังให้ผู้ใหญ่ช่วยทางลัด ขอร้องอย่าใช้วิธีนี้ ไปขึ้นทะเบียนให้ถูกต้องถ้ามั่นใจว่าเป็นตัวแทนจริงและมีวัคซีนที่มีคุณภาพจริง อย่ามาใช้วิธีวิ่งทางลัดไม่มีใครช่วยได้และไม่เอาชีวิตประชาชนมาเสี่ยงกับวัคซีนที่ไม่ได้ผ่านการตรวจสอบคุณภาพ นายกฯและรัฐบาลทำเช่นนั้นไม่ได้เด็ดขาด เพราะไม่เคยคิดเรื่องผลประโยชน์ส่วนตัวใด ๆ ทั้งสิ้น "นายเสกสกลกล่าว

‘วิษณุ’ แจง ราชวิทยาลัยจุฬาภรณ์ ยกสถานะเทียบเท่า กระทรวง ทบวง กรม ดีลซื้อวัคซีนได้เอง แต่มีเงื่อนไขต้องมาขออย. ก่อน ระบุต้องใช้งบประมาณตัวเอง อุดช่องว่างช่วงขาดแคลนเท่านั้น เมื่อไทยผลิตได้เองต้องหยุด 

เมื่อวันที่ 27 พ.ค.ที่ทำเนียบรัฐบาล นายวิษณุ เครืองาม รองนายกรัฐมนตรี กล่าวกรณีราชกิจจานุเบกษา เผยแพร่ประกาศราชวิทยาลัยจุฬาภรณ์ ว่าด้วยการให้บริการทางการแพทย์และ การสาธารณสุขในสถานการณ์การแพร่ระบาดของโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 และ สถานการณ์การฉุกเฉินอื่น ๆ ว่าความชัดเจนได้เกิดขึ้นวันนี้ เมื่อราชวิทยาลัยจุฬาภรณ์ได้ออกข้อกำหนดหรือเรียกว่าคำสั่งลูกตามมาอีกฉบับหนึ่งเพื่อขยายความ โดยมีความชัดเจนขึ้น ดังนี้

1.) ซึ่งราชวิทยาลัยจุฬาภรณ์มีอำนาจทางกฎหมายของเขาที่จะออกประกาศแบบนี้ได้ เพื่อที่จะนำเข้า วัคซีน ยา เวชภัณฑ์และอุปกรณ์ทางการแพทย์ ถ้าไม่ออกประกาศอย่างนี้มาจะไม่สามารถนำเข้าได้และการออกประกาศดังกล่าวเพื่อที่จะมีอำนาจนำเข้า แต่ไม่ใช่ว่าสามารถนำเข้ามาโดยอิสระ เพราะต้องปฏิบัติตามกฎหมายที่มีอยู่ทุกประการ เช่น ขออนุญาต สำนักงานคณะกรรมการอาหารและยา (อย.) กระทรวงสาธารณสุข แต่ถ้าไม่ออกประกาศมาก็จะไม่สามารถขอยื่นอะไรได้เลย หรือ เรียกว่าตกคุณสมบัติ

2.) เป็นการใช้อำนาจในช่วงวิกฤตสถานการณ์โควิด-19 เท่านั้น และใช้ช่วงที่วัคซีนขาดแคลน โดยข้อกำหนดที่นพ.นิธิ มหานนท์ เลขาธิการราชวิทยาลัยจุฬาภรณ์ ได้อธิบายว่าเมื่อสถานการณ์นี้คลี่คลายอำนาจนี้ก็จะหมดไป หรือเมื่อผลิตวัคซีนขึ้นมาในประเทศได้อย่างเพียงพอ ราชวิทยาลัยจุฬาภรณ์จะหยุดการนำเข้าทั้งหมด  

3.) ต้องปฏิบัติตามข้อกฎหมายที่มีอยู่ทุกประการ ดังนั้นประกาศดังกล่าวเพื่ออุดช่องว่างเท่านั้น 

ผู้สื่อข่าวถามว่าจะเป็นการจัดหาซ้ำซ้อนกับทางกระทรวงสาธารณสุข ที่กำลังดำเนินการอยู่หรือไม่ นายวิษณุ กล่าวว่าไม่ซ้ำซ้อน เพราะต้องไปขออนุญาตจากกระทรวงสาธารณสุขอยู่ดี เพียงแต่เขาเป็นอีกช่องทางหนึ่ง เหมือนกับเอกชน หรือใครต่อใครที่ไปติดต่อแล้วกลับมาขออนุญาต โดยราชวิทยาลัยจุฬาภรณ์ มีศักยภาพที่จะไปติดต่อกับหน่วยงานต่างประเทศ เช่น สปุตนิค หรือแม้แต่ไฟเซอร์ และโมเดอร์นาเหมือนกับเอกชนหลายคนที่มีศักยภาพ แต่ที่ผ่านมาเอกชนไม่มีปัญหาในเรื่องของคุณสมบัติ แต่ราชวิทยาลัยจุฬาภรณ์มีปัญหาเรื่องคุณสมบัติ จึงต้องออกประกาศมาว่าตัวเองมีคุณสมบัติ แล้วจะมีสถานะเทียบเท่ากับเอกชนทั้งหลาย โดยต้องผ่านสำนักงานคณะกรรมการอาหารและยา (อย.) รวมทั้ง ยาฟาวิพิราเวียร์ วัคซีนและเวชภัณฑ์ ไม่ว่าตัวใดก็ต้องมาขอ อย.อยู่ดี โดยหลังจากนี้จะมีขีดความสามารถไปติดต่อเองได้ และเมื่ออย.เห็นชอบก็เอาเข้ามาได้ แต่ทั้งหมดใช้งบประมาณของราชวิทยาลัยจุฬาภรณ์เอง โดยไม่ได้มาของบประมาณของรัฐ เพราะไม่เช่นนั้นกระทรวงสาธารณสุขก็จะไปทำเอง 

เมื่อถามว่าโรงพยาบาลอื่น ๆ เช่น โรงพยาบาลจุฬาลงกรณ์ สภากาชาดไทย โรงพยาบาลธรรมศาสตร์เฉลิมพระเกียรติ จะดำเนินการเช่นเดียวกับราชวิทยาลัยจุฬาภรณ์ได้หรือไม่ นายวิษณุ กล่าวว่า การที่ราชวิทยาลัยจุฬาภรณ์ต้องทำเช่นนั้นเป็นไปตามพ.ร.บ.ยา คนที่จะนำเวชภัณฑ์ เข้ามาได้ ถ้าเป็นราชการคือกระทรวง ทบวง กรม หรือหน่วยงานของรัฐ ซึ่งมหาวิทยาลัยของรัฐก็เข้าข่ายตรงนี้อยู่แล้ว แต่ราชวิทยาลัยจุฬาภรณ์ไม่เข้าข่าย เขาจึงต้องออกประกาศสถานะเขาขึ้นมา หากในกรณีถ้าเป็นโรงพยาบาลเอกชน เช่น โรงพยาบาลบํารุงราษฎร์ เขาก็มาแบบเอกชนเขาทำได้อยู่ วันนี้เอกชนหลายเจ้าก็ทำกันอยู่ อย่างไรก็ตามเรื่องนี้ได้ตนอธิบายให้พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี และรมว.กลาโหม และผู้อำนวยการศบค. พร้อมทั้งนายอนุทิน ชาญวีรกูล รองนายกฯ และรมว.สาธารณสุข ทราบแล้ว 

ผู้สื่อข่าวถามว่า รัฐบาลดำเนินการเรื่องดังกล่าวอย่างรวดเร็วเพราะองค์ประธานราชวิทยาลัยจุฬาภรณ์และนายกสภาราชวิทยาลัยจุฬาภรณ์เป็นผู้ลงนามใช่หรือไม่ นายวิษณุ กล่าวว่า "ตามพระราชบัญญัติประธานสภาราชวิทยาลัยจุฬาภรณ์ เป็นผู้ลงนาม ซึ่งพระองค์ท่านเป็นประธานสภาฯ ดังนั้น คนอื่นลงนามไม่ได้ และกฎหมายก็เขียนไว้ว่า เมื่อเสร็จแล้วให้ลงในราชกิจจานุเบกษาเพื่อประกาศให้คนทั้งประเทศรับทราบว่า ราชวิทยาลัยจุฬาภรณ์ยกระดับขึ้น เพราะถ้าไม่มีการออกประกาศ และหากไปยื่นขอจากอย. ก็จะถูกตีกลับ เพราะไม่มีคุณสมบัติ" 


แหล่งรวม "บทความและคอนเทนต์แปลกใหม่!!!" แบบไร้ Toxic ติดตามได้ที่ THE STATES TIMES Blockdit
LINK : https://www.blockdit.com/pages/60583e7ff90e240c3e7f1c32

วรรณวรี ตะล่อมสิน กล่าวอภิปรายร่าง 'พ.ร.ก.การให้ความช่วยเหลือและฟื้นฟูผู้ประกอบธุรกิจที่ได้รับผลกระทบจากการระบาดของโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019' หรือ 'พ.ร.ก. Soft loan' ที่เข้าสู่การพิจารณาของสภาผู้แทนราษฎร

วรรณวรี ตะล่อมสิน ส.ส.กรุงเทพมหานคร เขต 3 บางคอเเหลม พรรคก้าวไกล กล่าวอภิปรายร่าง 'พ.ร.ก.การให้ความช่วยเหลือและฟื้นฟูผู้ประกอบธุรกิจที่ได้รับผลกระทบจากการระบาดของโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019' หรือ 'พ.ร.ก. Soft loan' ที่เข้าสู่การพิจารณาของสภาผู้แทนราษฎร

วรรณวรี กล่าวว่า ตอนนี้ พวกเรากำลังอยู่ท่ามกลางสถานการณ์การระบาดของโควิด-19 ระลอกที่สามแล้ว ซึ่งการระบาดรอบนี้ กระทบต่อระบบเศรษฐกิจ ของประเทศเราอย่างมาก รัฐบาล โดยเฉพาะพลอ.ประยุทธ์ ในฐานะหัวหน้ารัฐบาล และหัวหน้าทีมเศรษฐกิจ จัดว่าล้มเหลวในการบริหารระบบสาธารณสุข การบริหารจัดการวัคซีน และการจัดการเศรษฐกิจของประเทศ

"ช่วงปีที่ผ่านมา มีธุรกิจ SMEs มากมายที่ไปไม่รอด ไม่สามารถฝ่าฟันช่วงโควิดในรอบ 1-2 ทำให้ต้องปิดกิจการไปเป็นจำนวนมาก วันนี้เจ้าของกิจการหลายรายก็บอกว่า รอบแรกผ่านมาได้ รอบสองพอไหว รอบสามไม่ไหวจริง ๆ ถ้าแบงค์ไม่ช่วยเรื่องสภาพคล่อง จึงจำเป็นอย่างมากที่ท่านจะต้องช่วยพยุงพวกเค้าด้วย หากดูจากตัวเลขการจ้างงานในอุตสาหกรรมท่องเที่ยวและบริการ ปัจจุบันมีการจ้างงาน 6.9 ล้านคน"

วรรณวรี กล่าวต่อไปว่า ในปีก่อน ธนาคารแห่งประเทศไทยออก พรก.Soft loan 5 แสนล้านบาท แต่หลังจากดำเนินโครงการไป มีการอนุมัติสินเชื่อไปเพียง 138,200 แสนล้าน คิดเป็น 27.64% ของวงเงินสินเชื่อ ถือว่าล้มเหลวและพลาดเป้าไปมาก จน SMEs ที่เดือดร้อนไม่สามารถเข้าถึงวงเงินนี้ได้จริง

ส่วนพรก.ฟื้นฟูฉบับใหม่นี้ อาจจะทำให้สำหรับผู้ประกอบการ SMEs เข้าถึงได้ยากขึ้นไปอีก เนื่องจากในประกาศของแบงค์ชาติที่กำหนดมาให้ธนาคารพาณิชย์ ระบุว่า ให้ธนาคารพาณิชย์ให้ความช่วยเหลือกับ 'ผู้ประกอบการธุรกิจที่มีศักยภาพ เพื่อช่วยประคับประคองฟื้นฟูธุรกิจให้สามารถดำเนินกิจการการต่อไปได้' ซึ่งแบงก์พาณิชย์จะนำในส่วนนี้ไปตีความเพื่อปล่อยกู้

"การประเมินว่า ธุรกิจใดมีศักยภาพ ในมุมมองของดิฉันคือ ธุรกิจที่ยังอยู่รอดจากโควิดทั้งสองครั้ง มาได้จนถึงวันนี้ อาจจะมีปัญหาหรือสะดุดบ้างในช่วงปีที่ผ่านมา และถ้าตั้งใจเดินเข้ามาขอกู้ เราก็ยินดีที่จะช่วยและควรจะช่วย แต่ธุรกิจที่มีศักยภาพในสายตาของแบงค์ คือ ธุรกิจที่มีรายได้เยอะ สม่ำเสมอ มีหนี้น้อย มีประวัติดี ไม่เคยผิดนัดชำระ และจะสามารถคืนเงินกู้ได้ทุกบาททุกสตางค์ โดยไม่พิจารณาเรื่องความเดือดร้อนของกิจการ"

วรรณวรี ยังกล่าวอีกว่า ที่พรก.ได้บอกว่า จะให้กับธุรกิจที่ไม่เคยมีวงเงินสินเชื่อกับธนาคารด้วย ก็จะพบว่า ณ วันที่ 17 พ.ค. ธปท.ได้ปล่อยสินเชื่อฟื้นฟูไปให้ 5,465 บริษัท ในจำนวนนี้ มีเพียง 71 บริษัทที่ไม่เคยมีวงเงินกับธนาคาร คิดเป็น 1.3% เท่านั้น และในความเป็นจริง จาก SMEs ในประเทศไทย 3 ล้านราย มากกว่า 2.5 ล้านรายไม่มีวงเงินกู้กับธนาคาร

"เท่าที่ดิฉันทราบและพูดคุยกับผู้ประกอบการมา ได้ยินถึงขนาดว่า คนที่เดินเข้ามาหาแบงค์เพื่อขอกู้ ร้อยทั้งร้อย แทบไม่มีใครได้กู้ ดิฉันได้ยินแล้วพูดตรง ๆ ว่าฟังแล้วทั้งเจ็บ ทั้งจุก ครั้งแล้วครั้งแล้ว ที่ธุรกิจเล็ก ๆ ธุรกิจที่เดือดร้อน ไม่มีโอกาสได้เข้าถึงวงเงินเยียวยาจริง ๆ"

"รัฐบาลสู้อุตส่าห์เตรียมวงเงินสูงถึง 350,000 ล้านบาท เพื่อพยุงธุรกิจ เขียนพรก.อย่างสวยหรู อ่านแล้วดูดี มีความหวัง แต่มันไม่สำคัญ ในความเป็นจริง แบงค์ก็ไม่ได้ปฏิบัติตามได้อย่างที่เขียนดิฉันขอให้นิยาม Soft loan ฉบับใหม่นี้ว่า #ซอฟโลนทิพย์”

วรรณวรี เสนอว่ารัฐบาลควรตั้งวงเงินออกมา 5 หมื่นล้านบาท จากวงเงิน 5 แสนล้านบาทตาม พ.ร.ก. เพื่อช่วยพยุงธุรกิจขนาดเล็ก โดยเฉพาะธุรกิจที่ได้รับผลกระทบโดยตรงจากสถานการณ์โควิด ระบุกลุ่มธุรกิจให้ชัด เช่น ร้านอาหาร โรงแรม บริการ ให้ทั้งที่มีวงเงินและไม่มีวงเงินกับธนาคาร โดยตั้งเป็นกองทุนพิเศษ ให้กู้ผ่านธนาคารรัฐ เช่น ธ.ออมสิน / SME bank และควรมีข้อยกเว้นในเรื่องคุณสมบัติผู้กู้ที่ต้องยืดหยุ่น ซึ่งสามารถพิจราณาเป็นรายเคสได้

"ตั้งแต่วันแรกที่พล.อ.ประยุทธ์เข้ามาบริหารประเทศ ท่านก็ทำให้ประชาชนก็เห็นมาตลอดว่า ท่านสนับสนุนธุรกิจขนาดใหญ่ เจ้าสัวอย่างชัดเจน มาจนถึงวันนี้ 7 ปีผ่านไป วิกฤติโควิดเข้ามา ยิ่งตอกย้ำให้พวกเราเห็นว่า นอกจากสนับสนุนทุนใหญ่อย่างชัดเจนแล้ว ท่านยังไม่เคยเหลียวแลธุรกิจตัวเล็ก ๆ ยิ่งสภาวะเศรษฐกิจหลังโควิด ที่จะตกต่ำไปอีกอย่างน้อย 1-2 ปี เราต้องการผู้นำที่มีความรู้ทางเศรษฐกิจ และนำพาให้ประเทศไทยฝ่าวิกฤติเศรษฐกิจไปได้ ถ้าเรายังมีนายกและหัวหน้าทีมเศรษฐกิจ ที่ชื่อ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา ดิฉันคิดว่า ประชาชนคนไทยคงจะตกงาน อดตาย หนี้ท่วมหัว ส่วนคนที่เลือกได้ก็คงจะย้ายประเทศหนีท่านกันหมด" วรรณวรีกล่าวทิ้งท้าย


แหล่งรวม "บทความและคอนเทนต์แปลกใหม่!!!" แบบไร้ Toxic ติดตามได้ที่ THE STATES TIMES Blockdit
LINK : https://www.blockdit.com/pages/60583e7ff90e240c3e7f1c32

รมว.คลัง แจง พ.ร.ก.ซอฟต์โลน ช่วยเหลือผู้ประกอบการหลังได้รับผลกระทบโควิด-19 ด้าน ส.ส.ฝั่งรัฐบาล ชมเปราะแก้ปัญหาตรงจุด “พิจารณ์” ซัดนายกฯ หยุดคุยโวแก้ปัญหาดีกว่าชาติอื่น ทำผู้ประกอบการเป็นหนี้หลังรัฐบาลเองการ์ดตกปล่อยระบาดระลอก 3 ส่วน

เมื่อวันที่ 27 พฤษภาคม 2564 ที่ประชุมสภาผู้แทนราษฎร ที่มีนายศุภชัย โพธิ์สุ รองประธานสภาผู้แทนราษฎร คนที่ 2 ทำหน้าที่ประธานการประชุม พิจารณาพระราชกำหนดการให้ความช่วยเหลือ และฟื้นฟูผู้ประกอบธุรกิจที่ได้รับผลกระทบจากการระบาดของโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 พ.ศ.2564 (พ.ร.ก.ซอฟต์โลน) โดยนายอาคม เติมพิทยาไพสิฐ รมว.คลัง ชี้แจงเหตุผลความจำเป็นในการตราพ.ร.ก.ดังกล่าว ว่าโดยที่การระบาดของโรคติดเชื้อโควิด-19 ส่งผลกระทบเป็นวงกว้างยาวนานกว่าที่คาดการณ์ไว้ ส่งผลให้ความเสี่ยงด้านเครดิตการเงินของประเทศปรับสูงขึ้นมาก ที่ผ่านมาแม้ภาครัฐจะให้การช่วยเหลือลูกหนี้อย่างต่อเนื่อง เพื่อบรรเทาผลกระทบ แต่ผู้ประกอบการต้องใช้เวลาในการฟื้นฟูกิจการนาน จึงต้องมีมาตรการเพิ่มสภาพคล่องให้สอดคล้องกับเศรษฐกิจโลก และลดภาระหนี้ มาตรการต่าง ๆ ต้องทำโดยเร่งด่วนเพื่อไม่ให้สถานการณ์ลุกลามบานปลาย จึงจำเป็นต้องตราพ.ร.ก.ฉบับนี้

รมว.คลัง กล่าวอีกว่า ทั้งนี้ ประกอบด้วย 2 มาตรการ คือ

1.) มาตรการสนับสนุนการให้สินเชื่อแก่ผู้ประกอบธุรกิจ (มาตรการสินเชื่อฟื้นฟู) วงเงิน 2.5 แสนล้านบาท เพื่อให้ผู้ประกอบการเข้าถึงสินเชื่อในอัตราที่เหมาะสม ผ่านกลไกการลดความเสี่ยงด้านเครดิตของภาครัฐ ซึ่งจะช่วยให้ผู้ประกอบธุรกิจกลุ่มดังกล่าวสามารถประคับประคองธุรกิจและรักษาการจ้างงาน รวมทั้งปรับปรุงธุรกิจเพื่อให้สอดรับกับโครงสร้างทางเศรษฐกิจที่เปลี่ยนแปลงไปหลังจากการระบาดของโควิด-19 คลี่คลายลง และ

2.) มาตรการสนับสนุนการรับโอนทรัพย์สินหลักประกันเพื่อชำระหนี้ โดยให้ผู้ประกอบธุรกิจมีสิทธิซื้อทรัพย์สินนั้นคืนในภายหลัง (มาตรการพักทรัพย์ พักหนี้) วงเงิน 1 แสนล้านบาท ซึ่งภาครัฐเร่งออกมาตรการให้ความช่วยเหลือสนับสนุนให้ผู้ประกอบธุรกิจ ไม่ต้องรับภาระต้นทุนทางการเงินเป็นการชั่วคราว และไม่ถูกบังคับให้ขายทรัพย์สินหลักประกันในราคาต่ำกว่าสภาพความเป็นจริง ให้แก่กลุ่มทุนทั้งในประเทศและต่างประเทศ รวมทั้งมีโอกาสกลับมาดำเนินธุรกิจโดยใช้ทรัพย์สินหลักประกันเดิมได้หลังสถานการณ์การระบาดของโควิด-19 คลี่คลายลง

นายไพบูลย์ นิติตะวัน ส.ส.บัญชีรายชื่อ พรรคพลังประชารัฐ อภิปรายสนับสนุนพ.ร.ก.ซอฟต์โลน เนื่องจากมีความจำเป็นเร่งด่วน และมีการปรับปรุงข้อเสียของพ.ร.ก.เมื่อปี 63 ทำให้แก้ปัญหาได้ตรงจุด เพื่อให้ผู้ประกอบการที่ไม่ใช่ลูกค้าธนาคารสามารถเข้าถึงได้ ซึ่งเชื่อว่าวงเงินจะเพียงพอต่อการแก้ไขสถานการณ์ ผู้ประกอบการเอสเอ็มอีจะได้รับการช่วยเหลืออย่างเป็นรูปธรรม 

ขณะที่ นายสาทิตย์ วงศ์หนองเตย ส.ส.ตรัง พรรคประชาธิปัตย์ อภิปรายว่า รัฐบาลจะทำตัวเป็นผู้รู้ทุกอย่างไม่ได้ แต่ต้องฟังทุกภาคส่วน การปล่อยกู้ผ่านสถาบันการเงิน เราไม่มีการกำหนดเป้าหมายการปล่อยสินเชื่อเชิงนโยบาย จึงไม่มีการจัดลำดับความสำคัญ แต่เป็นนโยบายของแต่ละธนาคารที่กำหนดเอง และแม้ว่าการแก้ไขปัญหาเฉพะหน้าเป็นสิ่งที่รัฐบาลต้องทำ แต่ต้องมองระยะยาวต่อไปในวันข้างหน้าด้วย 

ด้านนายพิจารณ์ เชาวพัฒนวงศ์ ส.ส.บัญชีรายชื่อ พรรคก้าวไกล อภิปรายว่า ก่อนหน้านี้รัฐบาลเคยออกพ.ร.ก.ซอฟต์โลน มาแล้วแต่ไม่ตอบโจทย์ ครั้งนี้เป็นรอบที่ 2 แต่กลับไม่มีเป้าหมาย ไม่มีการอธิบายว่า อยากเห็นการปล่อยกู้เท่าไหร่อย่างไร มีแต่การบอกวัตถุประสงค์คร่าวๆ ดังนั้น ธนาคารแห่งประเทศไทย (ธปท.) ควรต้องมีเป้าหมายที่ชัดเจนในการกำกับธนาคารต่างๆ ให้ปล่อยกู้ตามเป้าหมาย และเพื่อให้มีประสิทธิภาพสูงสุด จึงธปท.เร่งสร้างความมั่นใจให้ธนาคารต่างๆ ว่าพร้อมชดเชยหนี้เสียในเวลาที่เหมาะสม ต้องเพิ่มมาตรการสร้างแรงจูงใจให้ธนาคารต่างๆในการปล่อยสินเชื่อ เช่น ให้มีค่าธรรมเนียมพิเศษกรณีลูกหนี้ขอวงเงินต่ำกว่า 2 ล้านบาท ให้สถาบันการเงินของรัฐมีความเข้มแข็งมากขึ้นในการปล่อยสินเชื่อ ตั้งคอลเซ็นเตอร์รวมถึงโครงการคลินิคช่วยกู้ เพื่อรับเรื่องให้คำปรึกษาระหว่างเอสเอ็มอีกับสถาบันการเงิน 
  
“พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี และรมว.กลาโหม หยุดโม้คุยโวว่าการดูแลการแพร่ระบาดโควิด – 19 ทำได้ดีกว่าชาติอื่นๆ แต่ให้มองด้านความเสียดายทางเศรษฐกิจที่ไม่ได้เสียหายน้อยกว่าชาติอื่นเลย ประชาชนทำธุรกิจอยู่ดีๆกลับกลายต้องมีปัญหา โดยที่รัฐหยิบยื่นซอฟต์โลนและความเป็นหนี้ให้ ทั้งที่ผลกระทบเหล่านี้ไม่ได้เกิดจากการบริหารธุรกิจผิดพลาด แต่เป็นรัฐบาลที่ล้มเหลวผิดพลาดไม่รอบคอบ ไม่สามารถควบคุมการแพร่ระบาดได้ ปล่อยให้ลักลอบเข้าเมืองจนนำมาสู่การแพร่ระบาดระลอกใหม่ และเป็นรัฐบาลเองที่การ์ดตก ดังนั้น รัฐจึงจำเป็นต้องช่วยเหลือผู้ประกอบการ และต้องเยียวยาโดยเฉพาะด้านการท่องเที่ยว ท่านต้องกล้าจ่ายเงินให้ผู้ประกอบการโดยที่ไม่ต้องกลัวว่าจะโดนตำหนิ ว่าให้เงินแก่ผู้ที่ไม่สมควรได้ เพื่อช่วยกู้สถานการณ์ที่กำลังเผชิญอยู่” นายพิจารณ์ กล่าว 

"สันธนะ" จี้ กกต.เร่งสอบวุฒิการศึกษา "ตู่ นันทิดา" ใช้สมัครเลือกตั้งนายกอบจ.สมุทรปราการ 

เมื่อวันที่ 27 พฤษภาคม 2564 ที่สำนักงานคณะกรรมการการเลือกตั้ง (กกต.) พ.ต.ท.สันธนะ ประยูรรัตน์ อดีตรอง ผกก.สันติบาล 2 พร้อมด้วยนายพิรวัชร์ ยงทองคำทิพย์ ผู้มีสิทธิเลือกตั้งที่ยื่นคัดค้านการเลือกตั้งองค์การบริหารส่วนจังหวัดสมุทรปราการ เข้าติดตามเรื่องร้องเรียน กรณีที่นายพิรวัชร์ร้องเรียนให้กกต.ตรวจสอบการเทียบวุฒิการศึกษาของ น.ส.นันทิดา แก้วบัวสาย นายกอบจ.สมุทรปราการ เพื่อให้กกต.สืบสวนหาข้อเท็จจริงว่าวุฒิการศึกษาดังกล่าวผ่านการเทียบวุฒิการศึกษาหรือไม่ ได้มาอย่างถูกต้องหรือไม่

พ.ต.ท.สันธนะ กล่าวว่า ตนได้รับการร้องเรียนจากชาวสมุทรปราการจำนวนมากเรื่องวุฒิการศึกษาดังกล่าว และพบว่านายพิรวัชร์ได้ร้องเรียนในเรื่องดังกล่าวหลังการเลือกตั้งอบจ.สมุทรปราการ เพื่อให้ กกต.ได้ตรวจสอบวุฒิการศึกษา น.ส.นันทิดา ที่ได้ยื่นประกอบการสมัครเลือกตั้งนายกอบจ. ซึ่งตั้งแต่การยื่นสมัคร การเลือกตั้ง จนถึงการประกาศผลการเลือกตั้ง เป็นเวลากว่า 5 เดือนแล้ว และเป็นการร้องขอให้ตรวจสอบวุฒิการศึกษาที่มีการรับรองจากต่างประเทศ ซึ่งคณะกรรมการอุดมศึกษาสามารถตรวจสอบได้อยู่แล้ว แต่ระยะเวลาที่ล่วงเลยมา 5 เดือน กับการทำงานของกกต. ตนเห็นว่าควรมีการลำดับความสำคัญ ความจำเป็นเร่งด่วนในเรื่องนี้ เพราะวันนี้มีการปฏิบัติหน้าที่ของนายกอบจ.สมุทรปราการ หากคุณสมบัติที่ยื่นสมัครไม่ถูกต้อง การดำรงตำแหน่งดังกล่าวจะทำให้เกิดความเสียหายต่อทางราชการขนาดไหน เพราะหลังจากเข้ารับหน้าที่ก็จะต้องมีการเบิกจ่ายงบประมาณ แต่หากตรวจสอบแล้วคุณสมบัติถูกต้องชาวสมุทรปราการก็จะมีความมั่นใจ ดังนั้นตนคิดว่าเรื่องดังกล่าวควรมีข้อสรุปได้แล้ว ไม่ควรมีเหตุที่จะต้องมาอ้างเรื่องสถานการณ์โควิด เพราะเรื่องดังกล่าวเป็นการตรวจสอบทางเอกสารเท่านั้น

พ.ต.ท.สันธนะ กล่าวภายหลังหารือกับเจ้าหน้าที่ กกต. ว่า เจ้าหน้าที่ กกต. ชี้แจงว่าเรื่องดังกล่าวยังอยู่ในกรอบเวลา ซึ่งจากการพูดคุยตนคิดว่าการพิจารณาเรื่องดังกล่าว ไม่น่าจะเกิน 30 วัน ซึ่งตนจะไปชี้แจงให้ชาวสมุทรปราการเข้าใจว่า อีกประมาณ 1 เดือนนี้ กกต.จะมีข้อยุติในเรื่องดังกล่าวว่ามีมูลความจริงหรือไม่ และจะมีการดำเนินการอย่างไรต่อไป

“ทำเนียบ” ยืนยันใช้มาตรการเข้มข้นกันโควิด-19 แจง เจ้าหน้าที่แลกบัตรตึกบัญชาการ 1 ติดโควิด-19 ส่งรักษาแล้ว

ที่ทำเนียยรัฐบาล น.ส.นัทรียา ทวีวงศ์ ผู้อำนวยการสำนักโฆษกสำนักเลขาธิการนายกรัฐมนตรี และที่ปรึกษานายกรัฐมนตรี ฝ่ายข้าราชการประจำด้านประสานกิจการภายในประเทศ เปิดเผยว่าจากกรณีที่มีบุคคลากรภายในทำเนียบรัฐบาลติดเชื้อโควิด-19 และมีการตรวจพบเป็นระยะนั้น สำนักเลขาธิการนายกรัฐมนตรีไม่ได้เพิกเฉย ได้ใช้มาตรการเข้มข้นสูงสุดในการป้องกันการแพร่ระบาด เช่น การตรวจเช็คบุคลากรเป็นประจำ การส่งเจ้าหน้าที่ไปรับวัคซีนโควิด-19 ตามความจำเป็น การทำความสะอาด ฆ่าเชื้อสถานที่ต่าง ๆ ภายในทำเนียบรัฐบาลเป็นประจำ รวมทั้ง การปฏิบัติตามมาตรการของสาธารณสุข ล่าสุดตามที่มีข่าวว่ามี เจ้าหน้าที่แลกบัตร ตึกบัญชาการ 1 ติดโควิด-19 และได้มาปฏิบัติงานในวันอังคารที่ 25 พ.ค.ผ่านมา ซึ่งเป็นวันประชุมคณะรัฐมนตรี (ครม.) ทั้งนี้ในวันดังกล่าวไม่มีการประชุมในตึกบัญชาการ จึงลดความเสี่ยงได้ลงมาก ทั้งนี้ เจ้าหน้าที่ดังกล่าวได้เข้ารับการรักษาตัวที่สถานพยาบาลแล้ว และบุคคลสัมผัสใกล้ชิด ได้มีการกักตัวดูอาการแล้ว

“จึงขอให้ความมั่นใจว่า ตึกบัญชาการ และทำเนียบรัฐบาล ยังเป็นสถานที่ที่ปลอดภัยจากโควิด 19 ด้วยการดำเนินการตามหลักอนามัยและการป้องกันอย่างเต็มที่ แต่ทั้งนี้ ขอให้ทุกคนร่วมปฎิบัติตามมาตรการทางสาธารณสุขอย่างเคร่งครัด ด้วยการขับเคลื่อนการบริหารราชการแผ่นดิน ยังต้องดำเนินต่อไป และข้าราชการ เจ้าหน้าที่ และสื่อมวลชน ก็ยังตัองทำหน้าที่ของตนเองให้สมบูรณ์ ไม่ขาดตกบกพร่อง” ผู้อำนวยการสำนักโฆษกสำนักเลขาธิการนายกรัฐมนตรี กล่าว


© Copyright 2021, All rights reserved. THE STATES TIMES
Take Me Top