“สิระ” ซัด "ยุทธพงศ์” หวังตีกินทางการเมือง มโนซื้อเรือดำน้ำ ทำให้ปชช.เข้าใจรัฐบาลผิด ทั้งที่ "กมธ.งบ" ยังไม่ได้หยิบมาพูดคุย ไล่ เอาหนังสือมารยาทไปต้มกิน ถาม ยังเหมาะจะเป็น กมธ.ต่อหรือไม่ 

นายสิระ เจนจาคะ ส.ส.กทม. พรรคพลังประชารัฐ ในฐานะโฆษกคณะอนุกรรมาธิการ (กมธ.) ครุภัณฑ์ และไอซีที กล่าวถึงกรณีที่ นายยุทธพงศ์ จรัสเสถียร ส.ส.มหาสารคาม พรรคเพื่อไทย แถลงข่าวระบุถึงการจัดซื้อเรือดำน้ำ 2 ลำ ว่า ที่ประชุมยังไม่มีการพิจารณาในงบประมาณส่วนนี้ ซึ่งตามกำหนดการจะเข้าที่ประชุมประมาณวันที่ 22-23 ก.ค.นี้ โดยเป็นการเสนอเข้ามาของกองทัพเรือ แต่การที่นายยุทธพงศ์ออกมาแถลงข่าวลักษณะโจมตีรัฐบาลเสมือนว่างบประมาณในส่วนนี้ได้ผ่านที่ประชุมไปแล้ว เป็นการกระทำที่เสียมารยาท หวังแค่จะตีกินทางการเมือง มโนภาพ จินตนาการให้เกิดความเสียหายกับผู้ที่เกี่ยวข้อง ทั้งที่ยังไม่มีมูลความจริง 

“ผมเห็นพฤติกรรมตีกินแบบนี้ของนายยุทธพงศ์มาตลอดตั้งแต่เข้ามาเป็น ส.ส.กว่า 2 ปี ผมก็มีคำถามว่านายยุทธพงศ์ยังมีความเหมาะสมท่ีจะเป็นกรรมาธิการต่อไปหรือไม่ เมื่อที่ประชุมยังไม่มีการพิจารณาหรือหยิบเรื่องนี้มาพูดคุยเลย แต่นายยุทธพงศ์กลับออกมาโวยวายให้เป็นเรื่องใหญ่เรื่องโต เจตนาของนายยุทธพงศ์ต้องการออกมาพูดให้ประชาชนเข้าใจผิดรัฐบาลใช่หรือไม่ สถานการณ์ที่ประเทศกำลังเผชิญกับวิกฤตเช่นนี้ นายยุทธพงศ์ยังต้องการสร้างความแตกแยกไปเพื่อประโยชน์ของพวกพ้องตัวเองใช่หรือไม่” นายสิระ กล่าว 

นายสิระ กล่าวต่อว่า นายยุทธพงศ์ต้องไปซื้อหนังสือมารยาทไปต้มกินบ้างจะได้รู้ว่าการทำงานร่วมกับคนหมู่มากต้องทำตัวอย่างไร การเอาความคิดเห็นของตัวเองมาชิงเด่นชิงดังกว่าเพื่อน พฤติกรรมแบบนี้ใช่หรือไม่ถึงอยู่ร่วมกับพรรคประชาธิปัตย์ไม่ได้ ในส่วนชื่ออักษรย่อที่นายยุทธพงศ์นำไปแถลงข่าวก็ต้องรับผิดชอบหากเกิดความเสียหายกับบุคคลที่สาม ต้องรับกรรมที่ตัวเองทำที่แถลงข่าวโดยไม่มีข้อเท็จจริง แต่ถ้าเป็นเรื่องจริงก็ขอให้นายยุทธพงศ์กล้าๆ เปิดเผยชื่อจริงพร้อมหลักฐานออกมา อย่ากล่าวหาผู้อื่นลอยๆ 

นายสิระ กล่าวอีกว่า สำหรับการเชิญผู้บริหารของหน่วยงานต่างๆ มาชี้แจง ขณะนี้อยู่ในสถานการณ์การแพร่ระบาดโควิด -19 ทางกมธ.จึงได้ให้ผู้บริหารแต่ละกระทรวงชี้แจงผ่านสื่ออิเล็กทรอนิกส์หรือระบบซูม ซึ่งผู้บริหารแต่ละกระทรวงที่ได้ชี้แจงยังคงเป็นประโยชน์ต่อการพัฒนางบประมาณของแผ่นดินเช่นเดิม เพียงแค่ใช้ระบบออนไลน์ ลดการมารวมตัวในห้องประชุมแคบๆ ที่อาจจะก่อให้เกิดการแพร่ระบาดได้ ฉะนั้นการดำเนินการเช่นนี้ของกมธ.ไม่ใช่เรื่องที่ไม่เหมาะสม เพราะการประชุมทุกครั้งมีตัวแทนทั้ง ส.ส.ฝั่งรัฐบาลและฝ่ายค้าน จึงไม่มีข้อสงสัยเรื่องของความไม่โปร่งใสอยู่แล้ว