Saturday, 17 May 2025
Hard News Team

ยืนยันอีกรอบ คลิปเสียงหมอศิริราช แนะนำกินยาเขียว เพื่อรักษาโควิด-19 เป็นของปลอม ย้ำชัดไม่ใช่เสียง ‘คณบดีคณะแพทยศาสตร์ศิริราช’ ซ้ำร้าย ‘ยาเขียว’ ไม่มีสรรพคุณรักษาโควิด-19

ตามที่ได้มีการเผยแพร่ข้อความในประเด็นเรื่อง คลิปเสียงหมอศิริราช แนะนำกินยาเขียว เพื่อรักษาโควิด-19 ทางศูนย์ต่อต้านข่าวปลอมได้ตรวจสอบข้อเท็จจริงโดย คณะแพทยศาสตร์ศิริราชพยาบาล พบว่าข้อมูลดังกล่าวนั้น เป็นข้อมูลเท็จ

กรณีการส่งต่อคลิปเสียงโดยระบุว่าเป็นเสียงของคณบดีคณะแพทยศาสตร์ศิริราชพยาบาล ที่กล่าวถึงการรักษาโควิด-19 โดยให้รับประทานยาเขียวเพื่อทำให้เกิดความร้อนในร่างกาย เมื่อร่างกายเกิดความร้อนก็จะมีการขับเหงื่อและปัสสาวะออกมาซึ่งเชื้อไวรัส จะออกมาด้วยกับเหงื่อและน้ำปัสสาวะ อุจจาระนั้น ทางคณะแพทยศาสตร์ศิริราชพยาบาล ได้ชี้แจงว่า เสียงดังกล่าวไม่ใช่เสียงของคณบดีคณะแพทยศาสตร์ศิริราชพยาบาล

และข่าวนี้เป็นข่าวเก่าที่เคยมีการส่งต่อแล้ว ซึ่งการใช้ยาเขียวในการรักษาโรคเป็นองค์ความรู้ทางด้านการแพทย์แผนไทยที่ใช้กระทุ้งไข้ หัด อีสุกอีใส อีกทั้งยาเขียวยี่ห้อดังกล่าวไม่มีการบอกสูตรยาที่แน่นอน และยังไม่มีข้อมูลด้านประสิทธิผลและความปลอดภัยในผู้ป่วยโรคโควิด-19 ดังนั้น จึงยังไม่สามารถกล่าวได้ว่าสามารถใช้รักษาโรค โควิด-19 ได้

โดยยาเขียวเป็นตำรับยาไทย ตามองค์ความรู้ของแพทย์แผนไทย หรือหมอพื้นบ้าน ที่มีการใช้กันมานานหลายทศวรรษ และเป็นตำรับที่ยังมีการผลิตขายทั่วไปตราบจนปัจจุบัน ประชาชนทั่วไปในสมัยก่อนจะรู้จักวิธีการใช้ยาเขียวเป็นอย่างดี กล่าวคือ มักใช้ยาเขียวในเด็กที่เป็นไข้ออกผื่น เช่น หัด อีสุกอีใส เพื่อกระทุ้งให้พิษไข้ออกมา เป็นผื่นเพิ่มขึ้น และหายได้เร็ว ซึ่งยาเขียวจัดเป็นยาเย็น ทำให้ตำรับยาเขียวส่วนใหญ่มีสรรพคุณ ดับความร้อนของเลือดที่เป็นพิษ ซึ่งพิษในที่นี้หมายถึงของเสียหรือความร้อนที่อยู่ภายในร่างกายเท่านั้น

ดังนั้นขอให้ประชาชนอย่าหลงเชื่อข้อมูลดังกล่าว และขอความร่วมมือไม่ส่ง หรือแชร์ข้อมูลดังกล่าวต่อในช่องทางสื่อสังคมออนไลน์ต่าง ๆ หากต้องการรับรู้ข่าวสารเพิ่มเติม จากข่าวประชาสัมพันธ์ คณะแพทยศาสตร์ศิริราชพยาบาล สามารถติดตามได้ที่เว็บไซต์ http://www.si.mahidol.ac.th หรือโทร. 02 4197646 ต่อ 50

บทสรุปของเรื่องนี้คือ : เสียงดังกล่าวไม่ใช่เสียงของคณบดีคณะแพทยศาสตร์ศิริราช ที่ถูกแชร์ซ้ำเมื่อมีการระบาดของโควิด-19 ปัจจุบันยังไม่มีข้อมูลด้านประสิทธิผลและความปลอดภัยในผู้ป่วยโรคโควิด-19 ดังนั้น จึงยังไม่สามารถกล่าวได้ว่าการกินยาเขียว สามารถใช้รักษาโรค โควิด-19 ได้

หน่วยงานที่ตรวจสอบ : คณะแพทยศาสตร์ศิริราชพยาบาล

ด่วน..!!!! ผู้อำนวยการ วิทยาลัยป้องกันราชอาณาจักร ออกประกาศแจ้งให้วปอ.รุ่น 63 ตรวจหาเชื้อ - กักตัว 14 วัน หลังพบนักศึกษาติดโควิด ขณะที่ในรุ่นมี ทหาร-ตำรวจ-นักธุรกิจ-ราชการ ร่วมเรียนอื้อ

เมื่อวันที่ 8 เม.ย.พล.ท.วิโรจน์ เกิดแสง ผู้อำนวยการวิทยาลัยป้องกันราชอาณาจักร สถาบันวิชาการป้องกันประเทศ ได้ออกประกาศวิทยาลัยป้องกันราชอาณาจักร (วปอ.) รุ่น 63 ในกรณีสถานการณ์ไม่ปกติ อันเนื่องมาจากภาวการณ์แพร่ระบาดของโควิด 19

โดยระบุว่า ได้รับรายงานว่ามีนักศึกษาวิทยาลัยป้องกันราชอาณาจักร รุ่น 63 จำนวน 1 คน ติดเชื้อ และ มีนักศึกษาวิทยาลัยป้องกันราชอาณาจักร รุ่น 63 จำนวน 2 คน ขอกักตัวเนื่องจากอยู่ในกลุ่มเสี่ยง ประกอบกับมีข้าราชการ 1 คน ตรวจพบการติดเชื้อโควิด 19 เมื่อวันที่ 7 เมษายน จึงได้ขอยกเลิกการเดินทางไปดูกิจการภาคตะวันออกเฉียงเหนือ ระหว่างวันที่ 26 - 30 เมษายน และเลื่อนการจัดสัมมนาวิชาการ ครั้งที่ 3 ระว่าง 20 - 22 เมษายน ไปก่อน และยกเลิกกิจกรรมการศึกษา ณ วิทยาลัยป้องกันราชอาณาจักร ตังแต่ 8 เมษายน เป็นต้นไปถึง 30 เมษายน และขอให้นักศึกษา รุ่น 63 และข้าราชการ เข้ารับการตรวจ ตั้งแต่ 8 - 9 เมษายน และกักตัว 14 วัน ณ ที่พัก พร้อมรายงานในระบบทุกวัน

ทั้งนี้ หลักสูตรการป้องกันราชอาณาจักร (วปอ.) รุ่นที่ 63 มีผู้เข้ารับการศึกษา จำนวน 285 คน ประกอบด้วย ข้าราชการทหาร 94 นาย ข้าราชการตำรวจ 9 นาย ข้าราชการพลเรือน 77 คน พนักงานรัฐวิสาหกิจและองค์กรอิสระ 15 คน ภาคเอกชน 15 คน นักธุรกิจและบุคคลทั่วไป 68 คน นักศึกษาจากมิตรประเทศจำนวน 7 นาย จาก 7 ประเทศได้แก่ ราชอาณาจักรกัมพูชา สาธารณรัฐอินโดนีเซีย สาธารณรัฐเกาหลี สหพันธรัฐมาเลเซีย สาธารณรัฐฟิลิปปินส์ สาธารณรัฐอิสลามปากีสถาน และ สาธารณรัฐสังคมนิยมเวียดนาม แบ่งการศึกษาออกเป็น 2 ภาค คือ ภาคปฐมนิเทศ และภาคการศึกษาหลัก

คลังเปิดยอดใช้ “เราชนะ” เงินหมุนลงเศรษฐกิจเกือบแตะ 2 แสนล้าน

กระทรวงการคลังรายงานความคืบหน้าของโครงการเราชนะ ล่าสุดวันที่ 8 เมษายน 2564 โดยจำนวนผู้ใช้สิทธิผ่านโครงการ 32.8 ล้านคน คิดเป็นมูลค่าการใช้จ่ายหมุนเวียนในระบบเศรษฐกิจไทยแล้วกว่า 192,930 ล้านบาท โดยประเภทที่คนใช้สิทธิมากที่สุดคือ ร้านค้าทั่วไปและอื่น ๆ รวมกันถึง 77,729 ล้านบาท รองลงมาคือ ร้านธงฟ้า ร้านอาหารและเครื่องดื่ม ร้านโอทอป ร้านค้าบริการ และการขนส่งสาธารณะ ซึ่งล่าสุดมีผู้ประกอบการร้านค้าและผู้ให้บริการรายย่อยสมัครเข้าร่วมโครงการแล้วกว่า 1.3 ล้านกิจการ

ทั้งนี้เมื่อแยกเป็นกลุ่ม พบว่า ประชาชนกลุ่มผู้ถือบัตรสวัสดิการแห่งรัฐ จำนวน 13.7 ล้านคน ได้มีการใช้จ่ายตั้งแต่วันที่ 5 กุมพาภันธ์ 2564 เป็นต้นมา จำนวน 72,167 ล้านบาท, ประชาชนกลุ่มที่อยู่ในระบบฐานข้อมูลของแอปพลิเคชัน “เป๋าตัง” ในโครงการเราเที่ยวด้วยกันและคนละครึ่ง และกลุ่มประชาชนทั่วไปที่ลงทะเบียนทางเว็บไซต์ http://www.เราชนะ .com ที่ผ่านการคัดกรองคุณสมบัติเบื้องต้นและยืนยันการใช้สิทธิ์ร่วมโครงการฯ แล้ว จำนวน 16.8 ล้านคน และมีการใช้จ่ายวงเงินสิทธิ์สะสมตั้งแต่วันที่ 18 ก.พ. 2564 เป็นต้นมา จำนวน 108,818 ล้านบาท 

ส่วนสุดท้าย คือ ประชาชนกลุ่มผู้ที่ต้องการความช่วยเหลือเป็นพิเศษที่ผ่านการคัดกรองคุณสมบัติแล้ว จำนวน 2.3 ล้านคน มียอดใช้จ่ายวงเงินสิทธิ์สะสมตั้งแต่วันที่ 5 มีนาคม 2564 เป็นต้นมา จำนวน 11,945 ล้านบาท 

ป.ป.ส. จับมือขนส่ง และหน่วยงานภาคีเปิดปฏิบัติการรณรงค์ลดการใช้ยาเสพติดในผู้ขับขี่รถโดยสารสาธารณะในช่วงเทศกาลสงกรานต์กลับบ้านปลอดภัย ไร้ยาเสพติดและแอลกอฮอล์

วันที่ 8 เมษายน 2564 นายวิชัย ไชยมงคล เลขาธิการคณะกรรมการป้องกันและปราบปราบยาเสพติด มอบหมายให้ นายสุนทร ชื่นศิริ ผู้อำนวยการสำนักงานป้องกันและปราบปรามยาเสพติดกรุงเทพมหานคร พร้อมด้วยคณะผู้บริหารและเจ้าหน้าที่ ปปส.กทม. เปิดปฏิบัติการป้องกันการใช้ยาเสพติดในผู้ขับขี่รถโดยสารสาธารณะ ประจำปี 2564 ภายใต้คำขวัญ "สงกรานต์กลับบ้านปลอดภัย ไร้ยาเสพติดและแอลกอฮอล์" โดยมีหน่วยงานภาคีที่เกี่ยวข้องเข้าร่วม ได้แก่ กรุงเทพมหานคร กองบัญชาการตำรวจนครบาล กรมการขนส่งทางบก บริษัทขนส่งจำกัด จำนวนกว่า 80 คน ณ สถานีขนส่งผู้โดยสารกรุงเทพฯ (หมอชิต) ทั้งนี้การดำเนินกิจกรรมอยู่ภายใต้มาตรการป้องกันการแพร่ระบาดของ โรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 (COVID-2019) ซึ่งเป็นไปตามแนวทางปฏิบัติของกระทรวงสาธารณสุข

มติ ครม. เมื่อวันที่ 29 ธันวาคม 2563 กำหนดให้มีวันหยุดยาวสงกรานต์ ประจำปี 2564 ระหว่างวันที่ 10 - 15 เมษายน 2564 รัฐบาล โดย พลเอก ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี สนับสนุนให้ประชาชนท่องเที่ยวตามแบบชีวิตวิถีใหม่ (New Normal) พร้อมอำนวยความสะดวกในการเดินทางกลับภูมิลำเนาให้ประชาชน และให้ความสำคัญเรื่องการลดความต้องการใช้ยาเสพติดในช่วงเทศกาลสงกรานต์ เพื่อให้การปฏิบัติเป็นไปตามนโยบาย สำนักงาน ป.ป.ส. กระทรวงยุติธรรม จึงได้บูรณาการความร่วมมือกับหน่วยงานภาคีที่เกี่ยวข้อง ดำเนินการขับเคลื่อนนโยบายลดความต้องการใช้ยาเสพติดในกลุ่มผู้ขับขี่รถโดยสารสาธารณะ และประชาชนผู้ใช้บริการ

โดยรณรงค์ประชาสัมพันธ์สร้างการรับรู้ และความเข้าใจในการป้องกันและแก้ไขปัญหายาเสพติด รวมทั้งประชาสัมพันธ์สร้างการรับรู้ให้กับประชาชนในการป้องกันตนเอง ไม่ให้ตกเป็นเหยื่อของขบวนการค้ายาเสพติด และไม่รับฝากของจากคนแปลกหน้า เพราะจะกลายเป็นผู้ต้องหาโดยไม่รู้ตัว พร้อมเน้นย้ำให้ทุกหน่วยงานร่วมมือกันปฏิบัติตามมาตรการของสถานการณ์การแพร่ระบาดของโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 (COVID-2019) และเป็นไปตามหลักสาธารณสุขอย่างเคร่งครัด

โดยรณรงค์ประชาสัมพันธ์สร้างการรับรู้ และความเข้าใจในการป้องกันและแก้ไขปัญหายาเสพติด รวมทั้งประชาสัมพันธ์สร้างการรับรู้ให้กับประชาชนในการป้องกันตนเอง ไม่ให้ตกเป็นเหยื่อของขบวนการค้ายาเสพติด และไม่รับฝากของจากคนแปลกหน้า เพราะจะกลายเป็นผู้ต้องหาโดยไม่รู้ตัว พร้อมเน้นย้ำให้ทุกหน่วยงานร่วมมือกันปฏิบัติตามมาตรการของสถานการณ์การแพร่ระบาดของโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 (COVID-2019) และเป็นไปตามหลักสาธารณสุขอย่างเคร่งครัด


 

“บิ๊กตู่” สั่งเหล่าทัพ เตรียมความพร้อม รพ.สนามกว่า 3,000 เตียง รองรับสถานการณ์โควิด-19

เมื่อวันที่ 8 เมษายน 2564 ที่กระทรวงกลาโหม พล.ท.คงชีพ ตันตระวาณิชย์ โฆษกกระทรวงกลาโหม เปิดเผยว่า กระทรวงกลาโหม โดยทุกเหล่าทัพ อยู่ระหว่างเร่งจัดเตรียมความพร้อมของโรงพยาบาลสนาม ตามสั่งการของ นายกรัฐมนตรี และรมว.กลาโหม เพื่อรองรับสถานการณ์การแพร่ระบาดของโรค COVID-19 ที่พบผู้ติดเชื้อมากขึ้นอย่างต่อเนื่อง

โดยปัจจุบัน ได้จัดเตรียมพื้นที่หน่วยทหารจำนวน 10 แห่ง พร้อมบุคลากรแพทย์ทหาร สนับสนุนจัดตั้งเป็นโรงพยาบาลสนาม จำนวนกว่า 3,000 เตียง ในพื้นที่ กทม.และปริมณฑล  ทั้งนี้ ทุกเหล่าทัพอยู่ระหว่างทำการสำรวจเพิ่มเติม เพื่อพัฒนาหน่วยทหารให้เป็นพื้นที่จัดตั้งโรงพยาบาลสนาม รองรับสถานการณ์การแพร่ระบาดของโรคที่อาจรุนแรงและขยายตัวเป็นวงกว้างขึ้นต่อไป

สุชาติ รมว.รง. แจงมติ ครม. เห็นชอบขยายเวลาสมัครเป็นผู้ประกันตน ม.39 ได้ถึง 30 มิ.ย. 64

นายสุชาติ ชมกลิ่น รัฐมนตรีว่าการกระทรวงแรงงาน เปิดเผยว่า เมื่อวันที่ 7 เมษายน 2564 คณะรัฐมนตรีมีมติเห็นชอบร่างประกาศ กระทรวงแรงงาน เรื่อง ขยายกำหนดเวลาแสดงความจำนง เป็นผู้ประกันตน และการนำส่งเงินสมทบของผู้ประกันตนตามมาตรา 39 พ.ศ. .... เพื่อช่วยเหลือเยียวยาภายหลังช่วงวิกฤติสถานการณ์โควิด-19 ที่ผ่านมา ให้ผู้ประกันตนได้มีโอกาสกลับเข้าสู่ระบบประกันสังคม และได้รับสิทธิประโยชน์อย่างต่อเนื่อง โดยเห็นชอบให้กระทรวงแรงงาน โดยสำนักงานประกันสังคม ได้เสนอให้มีการขยายระยะเวลารับสมัครผู้ประกันตน 33 ที่สิ้นสภาพแล้ว 6 เดือน ตั้งแต่วันที่ 1 กันยายน 2562 ถึงวันที่ 31 ธันวาคม 2563 หากประสงค์อยู่ในระบบประกันสังคมต่อไป สามารถแสดงความจำนงเป็นผู้ประกันตนมาตรา 39 ภายใน 30 มิถุนายน 2564 พร้อมกันนี้ 

มติที่ประชุมคณะรัฐมนตรียังเห็นชอบให้กระทรวงแรงงาน โดยสำนักงานประกันสังคม ขยายกำหนดเวลาให้ผู้ประกันตนมาตรา 39 สามารถนำส่งเงินสมทบเข้ากองทุนประกันสังคม สำหรับเงินสมทบที่ต้องนำส่งประจำงวดเดือนมีนาคม 2563 ถึงงวดเดือนพฤษภาคม 2564 ให้นำส่งภายในวันที่ 15 มิถุนายน 2564 อีกด้วย

รัฐมนตรีว่าการกระทรวงแรงงาน กล่าวต่อไปว่า การขยายกำหนดเวลาแสดงความจำนง เป็นผู้ประกันตนมาตรา 39 ของผู้ประกันตนมาตรา 33 ที่สิ้นสภาพ และการนำส่งเงินสมทบของผู้ประกันตน ตามมาตรา 39 ในครั้งนี้ จะช่วยรักษาสถานภาพการเป็นผู้ประกันตน ตามมาตรา 39 และสิทธิความคุ้มครอง จากสำนักงานประกันสังคมตามพระราชบัญญัติประกันสังคม ประมาณ 207,000 คน สำหรับขั้นตอนของการประกาศใช้กฎหมายดังกล่าว ตนได้เร่งให้สำนักงานประกันสังคมดำเนินการเพื่อให้ประกาศใช้เป็นกฎหมาย ได้ทันภายในกำหนด จึงขอให้ผู้ประกันตนมั่นใจการดำเนินงานของกระทรวงแรงงานในการช่วยเหลือแก้ไขปัญหาของผู้ประกันตนให้ตรงจุด และทันท่วงที เพื่อสร้างสรรค์หลักประกันที่มั่นคงและเป็นที่พึ่งอยู่เคียงข้างผู้ประกันตนตลอดไป

“ลุงพล - ป้าแต๋น” โร่ร้อง กมธ.กฎหมาย ขอความเป็นธรรมถูกสื่อคุกคาม

เมื่อวันที่ 8 เมษายน 2564 ที่รัฐสภา นายสิระ เจนจาคะ ส.ส.กทม. พรรคพลังประชารัฐ ในฐานะประธานคณะกรรมาธิการ (กมธ.) การกฎหมาย การยุติธรรม และสิทธิมนุษยชน สภาผู้แทนราษฎรรับเรื่องร้องเรียนจากนายไชย์พล วิภา หรือลุงพล แห่งบ้านกกกอก พร้อมด้วยนางสมพร หลาบโพธิ์ หรือป้าแต๋น เพื่อขอความเป็นธรรมกรณีสื่อมวลชนนำเสนอข่าว อาทิ อมรินทร์ทีวี ไทยรัฐทีวี และทีวีช่อง 8 คุกคามสิทธิมนุษยชน และมีการนำเสนอข้อมูลที่บิดเบือนข้อเท็จจริง จนทำให้นายไชย์พลและครอบครัวได้รับความเดือดร้อน จึงต้องมาร้องขอความอนุเคราะห์ และความเป็นธรรมต่อกรรมาธิการฯให้ช่วยให้ความเป็นธรรมด้านนายสิระ กล่าวว่า จะรับเรื่องนี้เข้าสู่ที่ประชุมคณะกรรมาธิการฯเพื่อพิจารณาหาข้อเท็จจริงและให้ความเป็นธรรมกับทุกฝ่ายต่อไป

ชี้! รมว.สุชาติฯ มอบ 3 นโยบายเร่งด่วน เดินหน้าภารกิจกรมการจัดหางาน

รัฐมนตรีว่าการกระทรวงแรงงาน เป็นประธานการประชุมกรมการจัดหางาน ครั้งที่ 3/2564 มอบ 3 นโยบาย บริหารจัดการแรงงานต่างด้าวเร่งตรวจโควิด-19 ส่งเสริมการจัดหางานให้คนไทยมีงานทำ และส่งเสริมแรงงานไทยไปทำงานต่างประเทศ

นายสุชาติ ชมกลิ่น รัฐมนตรีว่าการกระทรวงแรงงาน เปิดเผยว่า พลเอก ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี และพลเอก ประวิตร วงษ์สุวรรณ รองนายกรัฐมนตรี ในฐานะที่กำกับดูแลกระทรวงแรงงาน ให้ความสำคัญกับการบริหารจัดการแรงงานต่างด้าวอย่างเป็นระบบ โดยเฉพาะในสถานการณ์การแพร่ระบาดของโรคโควิด-19 การป้องกันและแก้ไขปัญหาการค้ามนุษย์ ตลอดจนคำนึงถึงหลักสิทธิมนุษยชน และการบังคับใช้กฎหมายอย่างเท่าเทียม ในฐานะรัฐมนตรีว่าการกระทรวงแรงงานขอเน้นย้ำนโยบายในการปฏิบัติราชการครึ่งปีหลังของกรมการจัดหางานที่จะต้องปฎิบัติอย่างเร่งด่วน 3 ด้าน ได้แก่

1.) ด้านการบริหารจัดการแรงงานต่างด้าว

2.) ด้านการส่งเสริมการจัดหางานให้คนไทยมีงานทำ

3.) ด้านการส่งเสริมแรงงานไทยไปทำงานต่างประเทศ แก่รักษาราชการอธิบดีกรมการจัดหางาน ผู้บริหารระดับสูง และข้าราชการกรมการจัดหางาน โดยเน้นการบริหารจัดการการแพร่ระบาดโควิด-19 ในแรงงงานต่างด้าวโดยการเร่งตรวจคัดกรองโควิด-19 การบูรณาการการทำงานระหว่างหน่วยงานในพื้นที่เพื่อส่งเสริมการมีงานทำสำหรับผู้จบการศึกษาใหม่ และเริ่มเข้าสู่ตลาดแรงงาน และการหาแนวทางเพิ่มการจัดส่งแรงงานไทยไปทำงานต่างประเทศ

ด้านนายไพโรจน์ โชติกเสถียร รองปลัดกระทรวงแรงงาน รักษาราชการแทนอธิบดีกรมการจัดหางาน รับข้อสั่งการรัฐมนตรีว่าการกระทรวงแรงงาน หลังได้รับฟังการรายงาน และติดตามผลการปฎิบัติงานตามภารกิจด้านต่างๆจากจัดหางานจังหวัดและผู้อำนวยการสำนักงานจัดหางานกรุงเทพมหานคร ได้สั่งการให้สำนักงานจัดหางานจังหวัดเร่งสำรวจ ตรวจสอบ ข้อมูลแรงงานต่างด้าวในพื้นที่เพื่อประสานกับสาธารณสุขจังหวัด เข้าตรวจคัดกรองเชื้อโควิด-19 และทำประกันสุขภาพให้แล้วเสร็จภายใน 16 มิถุนายน 64  

ในส่วนการส่งเสริมการมีงานทำให้คนไทย ให้ดำเนินการเชิงรุก สร้างความเข้าใจแก่นายจ้าง / สถานประกอบการ / สถานศึกษา ถึงผลดีและการปรับเปลี่ยน เงื่อนไขต่าง ๆ ของโครงการที่ขณะนี้มีความพร้อมในการรองรองรับผู้เข้าร่วมโครงการ และในการจัดส่งแรงงานไทยไปทำงานต่างประเทศ ให้เร่งปรับปรุง กฎระเบียบที่เป็นอุปสรรคต่อการจัดส่งแรงงานไทย เพิ่มความสะดวกรวดเร็ว รวมทั้งอาจมีการเจรจาเพื่อเปิดโอกาสให้เอกชนเข้ามาร่วมดำเนินการจัดส่งแรงงานไทยไปทำงานต่างประเทศ

ทิศทางส่งออกเครื่องมือแพทย์ของไทยอนาคตสดใส

นายสมเด็จ สุสมบูรณ์ อธิบดีกรมส่งเสริมการค้าระหว่างประเทศ เปิดเผยว่า ภาพรวมของอุตสาหกรรมเครื่องมือแพทย์ของไทยกำลังขยายตัวด้วยดี เติบโตเฉลี่ย 9 - 10% โดยปี 63 สินค้าเครื่องมือแพทย์และอุปกรณ์ส่งออกรวม 23,314 ล้านบาท และสินค้าถุงมือยางส่งออกรวม 72,680 ล้านบาท  ซึ่งสอดคล้องกับนโยบายของรัฐบาลที่ต้องการให้ไทยเป็นศูนย์กลางทางการแพทย์และศูนย์กลางการส่งออกเครื่องมือแพทย์ ที่สำคัญการจัดกิจกรรมในครั้งนี้ ทำให้ผู้นำเข้าได้รับรู้ถึงศักยภาพของไทยที่พร้อมเป็นประเทศส่งออกสินค้าประเภทนี้มากขึ้น 

ทั้งนี้ กรมฯ ได้เร่งรัดแผนการส่งออกสินค้าสินค้าเครื่องมือแพทย์และอุปกรณ์ เพื่อขยายตลาดการส่งออกสินค้าไทยในช่วงที่ไวรัสโควิดแพร่ระบาด โดยล่าสุดได้จัดกิจกรรมจับคู่เจรจาธุรกิจการค้าออนไลน์สินค้าไปแล้ว 2 ครั้ง ครั้งแรกเป็นสินค้าชุดป้องกันทางการแพทย์ พีพีอี และชุดเสื้อคลุม ส่วนครั้งสองเป็นกลุ่มสินค้าเครื่องมือแพทย์และอุปกรณ์ ซึ่งประสบความสำเร็จเป็นอย่างดี อีกทั้งยังได้เพิ่มสินค้านวัตกรรมทางการแพทย์ เครื่องมือแพทย์ และอุปกรณ์ ไปด้วย โดยคาดจะมีมูลค่าซื้อขายภายใน 1 ปี 118.40 ล้านบาท  

นายสมเด็จ กล่าวว่า ทั่วโลกมีความต้องการสินค้าเครื่องมือแพทย์ และอุปกรณ์ชุดป้องกัน พีพีอี สินค้านวัตกรรมทางการแพทย์อื่น ๆ ให้แก่บุคลากรทางการแพทย์ ผู้ป่วย ผู้ที่มีความเสี่ยง หรือประชาชนทั่วไปในแต่ละประเทศทั่วโลก เพิ่มมากขึ้น เพื่อใช้รับมือกับสถานการณ์โควิด-19 ได้ทันท่วงที ดังนั้นจึงถือเป็นโอกาสที่ไทยจะเร่งเข้าไปขยายตลาดส่งออกในสินค้ากลุ่มนี้มากขึ้น


© Copyright 2021, All rights reserved. THE STATES TIMES
Take Me Top