Thursday, 3 July 2025
Hard News Team

รมว.สุชาติ ประสานทูต กรุงเทลอาวีฟ ส่ง 2 ศพแรงงานกลับมาตุภูมิ ถึงไทย 26 พ.ค.นี้

เมื่อวันที่ 20 พฤษภาคม 2564 นายสุชาติ ชมกลิ่น รัฐมนตรีว่าการกระทรวงแรงงาน เปิดเผยถึงความคืบหน้าการให้ความช่วยเหลือการนำศพแรงงานไทยที่เสียชีวิตจากเหตุระเบิดในอิสราเอลกลับประเทศไทยว่า ท่านนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา และท่านรองนายกรัฐมนตรี พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ ที่ท่านกำกับดูแลกระทรวงแรงงาน ได้แสดงความเสียใจกรณีแรงงานไทยเสียชีวิตและห่วงใยแรงงานไทยที่ได้รับบาดเจ็บ จึงได้สั่งการให้ผมในฐานะรัฐมนตรีว่าการกระทรวงแรงงาน ประสานความร่วมมือกับกระทรวงการต่างประเทศ และในวันนี้ผมได้โทรศัพท์ประสานพูดคุยกับ น.ส.พรรณนภา จันทรารมย์ เอกอัครราชทูต ณ กรุงเทลอาวีฟ 

ซึ่งจากการประสานทราบว่า ศพของแรงงานไทยจำนวน 2 ราย คือ นายวีรวัฒน์ การันบริรักษ์ อายุ 44 ปี ภูมิลำเนาอยู่ที่จังหวัดเพชรบูรณ์ และ นายสิขรินทร์ สงำรัมย์ อายุ 24 ปี ภูมิลำเนาอยู่ที่จังหวัดบุรีรัมย์ จะมาถึงประเทศไทย ที่สนามบินสุวรรณภูมิ ในวันที่ 26 พฤษภาคมนี้ โดยบริษัทที่แรงงานไทยทำงานอยู่จะรับผิดชอบในการจัดส่งศพไปจนถึงบ้านของแรงงาน ส่วนผู้ที่ได้รับบาดเจ็บทั้ง 8 ราย ขณะนี้ยังพักรักษาตัวในโรงพยาบาล 1 ราย คือ นายอัตรชัย ธรรมแก้ว อายุ 28 ปี ภูมิลำเนาอยู่ที่จังหวัดอุบลราชธานี ส่วนที่เหลืออีก 7 รายได้กลับไปที่พักคนงานทั้งหมดแล้ว

นายสุชาติ กล่าวต่อว่า เอกอัครราชทูต ณ กรุงเทลอาวีฟ ยังรายงานเพิ่มเติมอีกว่า มีแรงงานไทย อีก จำนวน 5 คนที่แจ้งความประสงค์กับสถานเอกอัครราชทูต โดยจะเดินทางกลับในวันที่ 25 พฤษภาคมนี้ นอกจากนี้ สถานเอกอัครราชทูต ณ กรุงเทลอาวีฟ ยังได้สั่งการให้ฝ่ายกงสุล ประสานให้ทางการอิสราเอลดูแลคนงานไทยเป็นอย่างดี ซึ่งในเบื้องต้นเมื่อวานนี้ (19 พ.ค.64) ได้ให้จิตแพทย์เข้าไปพูดคุยกับคนงานในพื้นที่ที่มีการระเบิด 

ทั้งนี้ นายเบนจามิน เนทันยาฮู นายกรัฐมนตรีของอิสราเอล ได้มาบรรยายสรุปถึงสถานการณ์ดังกล่าวที่เกิดขึ้น พร้อมกล่าวแสดงความเสียใจกับท่านทูตฯ ในกรณีที่แรงงานไทยเสียชีวิตจำนวน 2 ราย และบาดเจ็บอีก 8 ราย จากเหตุระเบิดในครั้งนี้ ขณะเดียวกันท่านทูต ยังได้รายงานกับนายกรัฐมนตรีของอิสราเอลว่า กรณีการเกิดเหตุระเบิดในครั้งนี้ ระบบไซเรนไม่มีเสียงดังขึ้น และที่หลบภัยยังมีน้อยเกินไป ซึ่งขอให้มีการตรวจสอบเพิ่มเติม ซึ่งท่านนายกรัฐมนตรีของอิสราเอลรับจะไปดำเนินการ

ขณะที่แรงงานไทยที่ทำงานอยู่ในประเทศอิสราเอลอยู่แล้วในขณะนี้ และยังไม่ประสงค์จะแจ้งการเดินทางกลับประเทศไทย หากแรงงานไทยรายได้ประสงค์จะขอให้ย้ายออกจากพื้นที่อันตราย ท่านทูตก็ยินดีที่จะดำเนินการให้ตามที่ร้องขอต่อไป

นายกฯ ประชุมสภากลาโหม สั่งเข้มตามชายแดนสกัดโควิด-19 กระจายวัคซีนกำลังพลด่านหน้าทั่วถึงแล้ว ให้หน่วยขึ้นตรงเร่งสร้างความเชื่อมั่นฉีดวัคซีน

เมื่อวันที่ 20 พฤษภาคม 2564 พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี และรมว.กลาโหม เป็นประธานการประชุมสภากลาโหมผ่านระบบวิดีโอคอนเฟอเรนซ์ ที่ตึกไทยคู่ฟ้า ทำเนียบรัฐบาล ไปยังหน่วยขึ้นตรงกระทรวงกลาโหม 

โดยภายหลังการประชุมพ.อ.วีรยุทธ์ น้อมศิริ ผู้ช่วยโฆษกกระทรวงกลาโหม แถลงผลการประชุมว่า พล.อ.ประยุทธ์มอบนโยบายหัวหน้าหน่วยขึ้นตรงทุกเหล่าทัพสนับสนุนกำลังพลสายแพทย์ช่วยศูนย์ปฏิบัติการแก้ไขสถานการณ์ฉุกเฉินด้านความมั่นคง (ศปม.) ที่ตั้งขึ้นมาภายใต้ศูนย์บริหารสถานการณ์โควิด-19 (ศบค.) ด้านความมั่นคง และศูนย์ปฎิบัติการบริหารสถานที่กักกันโรคแห่งรัฐของกระทรวงกลาโหม และศูนย์บูรณาการแก้ไขปัญหาโควิด-19 ในพื้นที่ กทม. และปริมณฑล รวมถึงสนับสนุนการเคลื่อนย้ายผู้ป่วยที่ตกค้างและติดตามข่าวสารที่มีการบิดเบือน ทั้งนี้ขอให้เน้นย้ำเจ้าหน้าที่ปฎิบัติงานอย่างระมัดระวัง เป็นไปตามมาตรการสาธารณสุขกำหนด เพื่อคลี่คลายสถานการณ์โดยเร็ว และให้ทุกหน่วยสร้างการรับรู้ในการสร้างความมั่นใจให้ประชาชนในเรื่องการฉีดวัคซีน รวมถึงกำลังพล และครอบครัวด้วย ขณะที่ความคืบหน้าการฉีดวัคซีนให้กำลังพล ตอนนี้กระจายไปยังทั่วถึงแล้ว

พ.อ.วีรยุทธ์ กล่าวต่อว่า ส่วนเรื่องการป้องกันลักลอบหนีเข้าเมือง และการลักลอบขนสินค้าตามแนวชายแดน ให้หน่วยขึ้นตรงกลาโหม เฝ้าระวังตามแนวชายแดนอย่างเข้มงวด โดยให้กองกำลังป้องกันแนวชายแดนประสาน การปฎิบัติกับหน่วยที่เกี่ยวข้องในพื้นที่ เพื่อเพิ่มความเข้มงวดในการสกัดกั้นการทำผิดกฎหมาย หากตรวจพบว่ามีข้าราชการมีส่วนเข้าไปเกี่ยวข้องจะลงโทษทางวินัยและอาญาโดยไม่มีการละเว้น ส่วนการรับทหารเกณฑ์ผลัดที่ 1 ปี 2564 และการฝึกทหารใหม่ให้หน่วยขึ้นตรงกลาโหม และเหล่าทัพเตรียมการสำหรับการรับทหารใหม่ ให้เป็นไปอย่างเรียบร้อย คำนึงถึงมาตรการสาธารณสุข และปฎิบัติตามระเบียบ ตามหลักสูตรทหารใหม่อย่างเคร่งครัด ระมัดระวังอันตรายที่อาจจะเกิดขึ้นระหว่างการฝึก ส่วนการลงโทษทหารที่ทำผิดวินัยให้เป็นไปตามระเบียบทหารเท่านั้น

สธ. เปิดศูนย์บริการฉีดวัคซีนโควิด-19 ณ สถาบันการแพทย์บางรัก

กระทรวงสาธารณสุข เปิดศูนย์ฉีดวัคซีนและสุขภาพบางรัก ณ สถาบันการแพทย์บางรัก ระยะแรกเป็นวัคซีนซิโนแวคล็อตที่ได้รับการสนับสนุนจากสาธารณรัฐประชาชนจีน จำนวน 5 แสนโดส ฉีดคนจีนที่พำนักในประเทศไทยตามรายชื่อของสถานทูต ตลอดจนนักเรียนไทย และบุคลากรของหน่วยงานที่ไปศึกษา หรืออบรมที่ต่างประเทศ ให้บริการได้อย่างน้อยวันละ 180 คน

วันนี้ 20 พฤษภาคม 2564 ที่สถาบันการแพทย์บางรัก กรุงเทพมหานคร นายอนุทิน ชาญวีรกูล 
รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงสาธารณสุข พร้อมด้วย Mr. Yang Xin อุปทูตรักษาการแทนเอกอัครราชทูตสาธารณรัฐประชาชนจีน ประจำประเทศไทย นายแพทย์เกียรติภูมิ วงศ์รจิต ปลัดกระทรวงสาธารณสุข นายแพทย์โอภาส การย์กวินพงศ์ อธิบดีกรมควบคุมโรค แพทย์หญิงอัมพร เบญจพลพิทักษ์ อธิบดีกรมการแพทย์แผนไทยและการแพทย์ทางเลือก และนายแพทย์ไพศาล ดั่นคุ้ม เลขาธิการคณะกรรมการอาหารและยา ร่วมเปิดศูนย์ฉีดวัคซีนและสุขภาพบางรัก ณ สถาบันการแพทย์บางรัก 

นายอนุทินกล่าวว่า รัฐบาลไทยมีความสัมพันธ์อันดีกับรัฐบาลจีนมายาวนาน โดยที่ผ่านมาท่านอุปทูตรักษาการแทนเอกอัครราชทูตสาธารณรัฐประชาชนจีน ประจำประเทศไทย ได้ช่วยประสานงานให้ไทยสามารถสั่งซื้อวัคซีนซิโนแวคมาใช้ในระยะเร่งด่วนตั้งแต่เมื่อเกิดการระบาดในจังหวัดสมุทรสาคร เพื่อควบคุมยับยั้งการแพร่ระบาดของโควิด 19 ช่วยลดการป่วยรุนแรงและเสียชีวิต และปกป้องกลุ่มบุคลากรทางการแพทย์และสาธารณสุข บุคลากรด่านหน้า เพื่อรักษาระบบสาธารณสุขของประเทศ โดยมีวัคซีนซิโนแวคจากประเทศจีนทยอยนำเข้ามาฉีดให้กับคนในประเทศก่อนที่จะได้รับวัคซีนหลักตามแผนในเดือนมิถุนายน 2564 ตั้งแต่วันที่ 28 กุมภาพันธ์-20 พฤษภาคม นำเข้ามารวม 5.5 ล้านโดส นอกจากนี้ รัฐบาลจีน ได้บริจาควัคซีนให้อีกจำนวน 1 ล้านโดส ได้รับแล้ว 5 แสนโดส เมื่อวันที่ 14 พฤษภาคม 2564 ซึ่งวัคซีนที่ได้รับบริจาคล็อตนี้ จะฉีดให้กับคนจีนที่ถือพาสปอร์ตจีนที่สถานทูตส่งมา จำนวนกว่า 100,000 คน และจะใช้ฉีดให้กับคนไทย เช่น นักเรียนไทย และบุคลากรของหน่วยงานที่ไปศึกษาหรืออบรมที่ต่างประเทศ รวมทั้งชาวต่างชาติในระยะต่อไป 

“ตามที่รัฐบาลมีนโยบายฉีดวัคซีนทุกคนในแผ่นดินไทยเพื่อความปลอดภัย เป็นการช่วยเติมเต็มการบริการวัคซีนให้เกิดความครอบคลุมในทุกกลุ่มประชากร รวมถึงชาวต่างชาติที่จะได้รับการฉีดที่เร็วขึ้น ช่วยให้เกิดการสร้างภูมิคุ้มกันหมู่ในประเทศไทยเร็วขึ้นด้วย” นายอนุทินกล่าว 

ทั้งนี้ กระทรวงสาธารณสุข ได้พัฒนาศูนย์ฉีดวัคซีนและสุขภาพบางรัก (Bangrak Vaccination and Health Center) โดยใช้พื้นที่ชั้น 11 ของสถาบันการแพทย์บางรัก ซึ่งเป็นอาคารใหม่ของกรมควบคุมโรค มีตู้เย็นสำหรับการจัดเก็บวัคซีน เครื่องสำรองไฟ  ครุภัณฑ์ เครื่องมือแพทย์ อุปกรณ์ในการดูแลผู้ที่มารับการฉีดวัคซีน และจัดระบบบริการ 8 ขั้นตอนตามมาตรฐานกรมควบคุมโรค ให้บริการได้อย่างน้อยวันละ 180 คน

จับตาค่าเงินบาท-ทองคำ เริ่มปรับตัวดีขึ้น

นายกอบสิทธิ์ ศิลปชัย ผู้บริหารงานวิจัยเศรษฐกิจและตลาดทุน ธนาคารกสิกรไทย เปิดเผยแนวโน้มเงินบาทว่า ในช่วงนี้ค่าเงินบาทจะอ่อนค่ากว่าปกติ เนื่องจากตั้งแต่เดือนเม.ย.-พ.ค.นี้ ถือเป็นฤดูกาลของการจ่ายเงินปันผล ทำให้มีเงินบางส่วนไหลออกนอกประเทศไปบ้าง ซึ่งเรื่องนี้เป็นเพียงปัจจัยระยะสั้น โดยได้มีการประเมินว่า ในช่วงกลางปี เงินบาทจะอยู่ที่ประมาณ 31.10 บาทต่อดอลลาร์ ก่อนจะทยอยแข็งค่าขึ้นอย่างช้า ๆ จนถึงสิ้นปีค่าเงินบาทจะอยู่ที่ 29.75 บาทต่อดอลลาร์ ซึ่งเป็นไปตามการฟื้นตัวของเศรษฐกิจจากสถานการณ์ของการฉีดวัคซีนป้องกันไวรัสโควิด-19

ด้านตลอดทองคำนั้น น.ส.ฐิภา นววัฒนทรัพย์ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท วายแอลจี บูลเลี่ยน แอนด์ ฟิวเจอร์ส จำกัด (วายแอลจี) กล่าวว่า ในระยะนี้ราคาทองคำมีโอกาสปรับขึ้นของราคาที่ 1,900 ดอลลาร์สหรัฐต่อออนซ์ หรือประมาณบาทละ 28,200 บาท หากสามารถผ่านระดับสูงสุดสัปดาห์นี้ที่ 1,889 ดอลลาร์สหรัฐต่อออนซ์ 

ทั้งนี้อยากให้นักลงทุนระมัดระวังแรงขายทำกำไรในระยะสั้น เพราะราคาได้ปรับขึ้นมามากพอสมควรแล้ว หากต้องการเข้าซื้อแนะนำรอจังหวะย่อลงมาที่แนวรับ 1,850 ดอลลาร์สหรัฐต่อออนซ์ แนวรับถัดไป 1,830 ดอลลาร์สหรัฐต่อออนซ์ หรือประมาณ 27,450-27,150 บาท ต่อบาททองคำ

ค้าปลีกยักษ์มะกัน ยกเลิกนโยบายใส่หน้ากาก 'พนักงาน-ลูกค้า' แต่มีเงื่อนไข ต้องฉีดวัคซีนให้ครบถ้วนเสียก่อน

ไม่นานมานี้ บรรดาธุรกิจค้าปลีกขนาดใหญ่ของอเมริกา ต่างทยอยยกเลิกนโยบายใส่หน้ากากอนามัยตามคำแนะนำของศูนย์ควบคุมและป้องกันโรค หรือ ซีดีซี มากขึ้นเรื่อย ๆ

ล่าสุดเมื่อวันที่ 19 พฤษภาคม วอลกรีน, โฮลฟู้ดส์ และโครเกอร์ ซึ่งมีซูเปอร์มาร์เก็ตในเครือมากมาย เช่น ฟู้ด 4 เลสส์, ราล์ฟส์, แฮร์รี่ ทีเตอร์, คิง ซูปเปอร์, โครเกอร์, มาเรียโน่’ส และอื่น ๆ ได้ประกาศยกเลิกนโยบายใส่หน้ากากอนามัยขณะใช้บริการแล้ว

อย่างไรก็ดี วอลกรีน ซึ่งเป็นเชนร้านขายยาขนาดใหญ่ ระบุว่าจะยกเลิกนโยบายใส่หน้ากากเฉพาะลูกค้าที่ฉีดวัคซีนครบถ้วนแล้วเท่านั้น ส่วนพนักงานของร้านยังจะต้องใส่หน้ากากอนามัยขณะทำงานต่อไป ไม่ว่าจะฉีดวัคซีนครบถ้วนแล้วก็ตาม

ก่อนหน้านี้เมื่อวันที่ 18 พฤษภาคม ห้างทาร์เก็ต, โฮมดีโพ และเบสท์บาย ได้ประกาศอย่างเป็นทางการว่า ผู้ที่เข้ารับการฉีดวัคซีนครบถ้วนแล้วไม่จำเป็นต้องใส่หน้ากากอนามัยเข้ามาจับจ่ายใช้สอยในร้านของตัวเองอีกต่อไป หลังจากที่ธุรกิจค้าปลีกที่ใหญ่ที่สุดของอเมริกา อย่างวอลมาร์ท รวมถึง เทรดเดอร์โจส์ และคอสท์โก รวมถึงเชนร้านกาแฟอย่างสตาร์บัคส์ ก็ได้ประกาศยกเลิกนโยบายใส่หน้ากากอนามัยไปก่อนแล้ว

โดยทาร์เก็ต แถลงว่าธุรกิจของตนได้ปฏิบัติตามคำแนะนำของ ซีดีซี อย่างใกล้ชิดเสมอมา และจะปฏิบัติตามคำแนะนำฉบับปรับปรุง เรื่องการใส่หน้ากากอนามัย ที่ซีดีซี เสนอเมื่อสัปดาห์ที่ผ่านมาว่าผู้ที่ฉีดวัคซีนครบถ้วนแล้วไม่จำเป็นจะต้องใส่หน้ากากอนามัยในสถานที่สาธารณะอีกต่อไป

อย่างไรก็ตาม ทาร์เก็ตระบุชัดว่ายังคงแนะนำอย่างจริงจังสำหรับพนักงานและลูกค้าที่ยังไม่ฉีดวัคซีนป้องกันโควิด-19 ว่าให้ใส่หน้ากากอนามัยขณะอยู่ในธุรกิจของตัวเองต่อไป และว่าทาร์เก็ตทุกสาขา จะยังคงเข้มงวดในมาตรการรักษาความปลอดภัย และการทำความสะอาด-ฆ่าเชื้อโรค เหมือนเดิม

ที่ผ่านมา ทาร์เก็ต พยายามสนับสนุนให้พนักงานเข้ารับการฉีดวัคซีนป้องกันโควิด-19 นอกจากจะจัดให้มีการฉีดที่ร้าน ซีวีเอส ทุกสาขาที่ตั้งอยู่ในทาร์เก็ตแล้ว ยังจ่ายค่าแรงตามปกติในช่วงที่พนักงานลาไปฉีดวัคซีน อีกทั้งยังให้เบิกค่ารถ (Lyft) ไปฉีดวัคซีนได้สูงสุดถึงเที่ยวละ 15 ดอลลาร์ด้วย

ส่วนห้างเบสท์บาย แถลงเมื่อวันอังคารที่ 18 พฤษภาคมว่า ผู้ที่ได้รับการฉีดวัคซีนป้องกันโควิด-19 ครบถ้วนแล้ว ไม่จำเป็นต้องใส่หน้ากากอนามัยเข้ามาใช้บริการในร้านอีกต่อไป หากไม่ขัดกับกฎหมายหรือระเบียบของแต่ละท้องที่ ส่วนพนักงานของเบท์บายนั้น หน้ากากจะเป็นเพียงทางเลือกเท่านั้น ยกเว้นพนักงานที่จะต้องออกไปทำงานที่บ้านของลูกค้า จำเป็นจะต้องใส่หน้ากากอนามัยตลอดเวลาไม่ว่าจะฉีดวัคซีนแล้วหรือไม่ก็ตาม

ทั้งนี้ การปฏิบัติตามคำแนะนำฉบับปรับปรุงของ ซีดีซี ของธุรกิจขนาดใหญ่ทั้งหลายนี้ กำลังสร้างความสับสนให้กับประชาชนในรัฐแคลิฟอร์เนียพอสมควร เพราะเมื่อวันอังคารที่ 18 พฤษภาคม รัฐแคลิฟอร์เนีย ได้ประกาศคำแนะนำประชาชนฉบับล่าสุด สวนทางกับคำแนะนำของ ซีดีซี ว่า จะยังไม่ยกเลิกคำสั่งเรื่องการใส่หน้ากากอนามัยในสถานที่สาธารณะ จนกว่าจะถึงวันที่ 15 มิถุนายน ซึ่งรัฐตั้งเป้าว่าจะยกเลิกคำสั่งทุกชนิดที่เกี่ยวข้องกับการควบคุมการแพร่ระบาดของโควิด-19 โดยจะให้เป็นหน้าที่ของประชาชนทุกคนในการใช้ “คอมมอนเซนส์” หรือสามัญสำนึกในการดูแลและป้องกันตัวเองและสังคม ไม่ให้มีการระบาดของโควิด-19 ขึ้นมาอีก

ที่มา: https://www.facebook.com/story.php?story_fbid=4678677292149577&id=214201575263860


แหล่งรวม "บทความและคอนเทนต์แปลกใหม่!!!" แบบไร้ Toxic ติดตามได้ที่ THE STATES TIMES Blockdit

LINK : https://www.blockdit.com/pages/60583e7ff90e240c3e7f1c32

กรมประมง เผย INFOFISH ร่วมกับไทยเป็นเจ้าภาพจัดการประชุมและจัดแสดงสินค้า ‘ทูน่าโลก ครั้งที่ 16’ ระหว่างวันที่ 19-21 พ.ค. นี้ ผ่านระบบออนไลน์ เป็นครั้งแรก คาดมีผู้เข้าร่วมมากกว่า 600 ราย เปิดโอกาสการเจรจาทางธุรกิจ พร้อมร่วมใจกันฝ่าฟันวิกฤตโควิด-19

เมื่อวันที่ 19 พฤษภาคม 2564 ณ กระทรวงเกษตรและสหกรณ์ ดร.เฉลิมชัย ศรีอ่อน รัฐมนตรีว่าการกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ ร่วมกล่าวเปิดการประชุมและจัดแสดงสินค้า ‘ทูน่าโลก ครั้งที่ 16’ (The Sixteenth INFOFISH World Tuna Trade Conference and Exhibition-Virtual) หรือ ‘INFOFISH TUNA 2021’ ซึ่งจัดขึ้นระหว่างวันที่ 19-21 พฤษภาคม 2564 ผ่านระบบออนไลน์เป็นครั้งแรก ทาง www.tuna2021.vfairs.com

ดร.เฉลิมชัย ศรีอ่อน รัฐมนตรีว่าการกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ กล่าวว่า ผลิตภัณฑ์จากอุตสาหกรรมปลาทูน่า เป็นหนึ่งในผลิตภัณฑ์สัตว์น้ำที่ได้รับความนิยมมากที่สุดในโลก และเป็นผลิตภัณฑ์ที่มีห่วงโซ่คุณค่าทางการค้าสูง อีกทั้งตลาดสำหรับผลิตภัณฑ์ปลาทูน่าได้เพิ่มขึ้นอย่างรวดเร็ว เพื่อตอบสนองความต้องการของผู้บริโภคทั่วโลก ในปี 2020 มีรายงานว่าการส่งออกผลิตภัณฑ์ปลาทูน่าของโลก อยู่ที่ประมาณ 3,042,000 ตัน ปริมาณเพิ่มขึ้น 14.20 % จากปี 2015 และการประมงปลาทูน่าเชิงพาณิชย์เป็นส่วนสำคัญของการพัฒนาด้านเศรษฐกิจและสังคม ที่ไม่ส่งผลเสียต่อทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม (Blue economy) ซึ่งปลาทูน่ากระป๋องหรือปลาทูน่าดิบ (ซาชิมิ) ไม่ได้เป็นเพียงสินค้าที่มีความต้องการสูงเท่านั้น แต่ยังเป็นแหล่งโปรตีนที่สําคัญของโลก และทูน่ายังมีความสำคัญในห่วงโซ่อาหารในน่านน้ำเขตร้อนและเขตอบอุ่น ที่เกื้อกูลวิถีชีวิตความเป็นอยู่ชาวประมงพื้นบ้าน

อย่างไรก็ตาม ปัจจุบันอุตสาหกรรมปลาทูน่ากําลังเผชิญกับความท้าทายหลายประการ โดยเฉพาะอย่างยิ่ง การสร้างความเชื่อมั่นให้กับผู้บริโภคว่าสามารถตรวจสอบแหล่งที่มาของปลาทูน่า และวัตถุดิบที่ใช้ในการผลิตผลิตภัณฑ์ปลาทูน่าว่าไม่ได้มาจากการประมง IUU และสอดคล้องกับมาตรฐานสากล รวมทั้งเป็นไปเพื่อสนับสนุนความยั่งยืนของทรัพยากรปลาทูน่าของโลก

สำหรับประเทศไทยในฐานะผู้ผลิตผลิตภัณฑ์ทูน่าที่มีคุณภาพให้กับตลาดโลก ได้ให้ความสำคัญกับความยั่งยืนของทรัพยากรปลาทูน่า ซึ่งถือว่าเป็นต้นทางที่ส่งผลต่อความยั่งยืนของอุตสาหกรรมปลาทูน่า โดยการสร้างระบบการควบคุม และระบบการตรวจสอบย้อนกลับที่มีประสิทธิภาพ เพื่อให้ทราบแหล่งที่มาของปลาทูน่าว่ามาจากการทำประมงที่ถูกต้องและได้มาตรฐานสากล และขอสนับสนุนให้ทุกประเทศและทุกภาคส่วนได้ร่วมกันขับเคลื่อนดำเนินการ เพื่อให้อุตสาหกรรมปลาทูน่าเป็นอุตสาหกรรมที่สร้างความมั่นคงทางอาหาร (Food Security) และสนับสนุนการทำประมงที่ยั่งยืนภายใต้เป้าหมายการพัฒนาที่ยั่งยืน เพื่ออนุรักษ์และใช้ประโยชน์จากมหาสมุทรและทรัพยากรทางทะเล เพื่อการพัฒนาอย่างยั่งยืน (SDG 14)

ดร.เฉลิมชัย ศรีอ่อน กล่าวเพิ่มเติมว่า การประชุมครั้งนี้ถือเป็นโอกาสที่ดีสําหรับผู้มีส่วนได้ ส่วนเสียที่เกี่ยวข้องในอุตสาหกรรมปลาทูน่า ได้แบ่งปันความรู้และประสบการณ์ในระหว่างการประชุมฯ ซึ่งนําไปสู่การสร้างความเข้าใจร่วมกันของอุตสาหกรรมปลาทูน่าทั่วโลก ภายใต้สถานการณ์การแพร่ระบาดของ โรคโควิด-19 เพื่อร่วมกันก้าวผ่านช่วงเวลาที่ยากลําบากไปด้วยกัน และเพื่อการพัฒนาที่ยั่งยืนของอุตสาหกรรมปลาทูน่าของโลก เชื่อว่าการประชุมนี้จะนำไปสู่ผลลัพธ์ที่สร้างสรรค์ และบรรลุเป้าหมายด้วยการมีส่วนร่วมอย่างแข็งขัน จากผู้เข้าร่วมการประชุมฯ จากทั่วโลก

ด้าน นายมีศักดิ์ ภักดีคง อธิบดีกรมประมง เปิดเผยว่า การประชุมและจัดแสดงสินค้า INFOFISH World Tuna Trade Conference and Exhibition-Virtual ครั้งที่ 16 นี้ เป็นความร่วมมือระหว่าง INFOFISH ร่วมกับกรมประมง (DOF) สมาคมอุตสาหกรรมทูน่าไทย (TTIA) คณะกรรมาธิการปลาทูน่าแห่งมหาสมุทรอินเดีย (IOTC) คณะกรรมาธิการปลาทูน่าเขตร้อนทวีปอเมริกา (IATTC) และคณะกรรมาธิการประมงแห่งมหาสมุทรแปซิฟิกตะวันตกและตอนกลาง (WCPFC) กำหนดจัดขึ้นเป็นประจำทุก ๆ 2 ปี และประเทศไทยได้รับเกียรติให้เป็นเจ้าภาพร่วมจัดการประชุมมาแล้ว 8 ครั้ง ตั้งแต่ปี 2547 ซึ่งมุ่งหวังที่จะให้งานดังกล่าวเป็นการประชุมทางด้านวิชาการและการค้าปลาทูน่าของโลกที่ใหญ่ที่สุด โดยมีวัตถุประสงค์เพื่อแลกเปลี่ยนข้อมูลข่าวสารในอุตสาหกรรมปลาทูน่าอย่างรอบด้าน อาทิ ความรู้ทางวิชาการ สภาวะทรัพยากรปลาทูน่าทั่วโลก การบริหารจัดการทรัพยากรปลาทูน่า การพัฒนาเทคโนโลยีและนวัตกรรม การกำหนดมาตรการทางกฎหมายต่าง ๆ การค้าและการตลาด ตลอดจนปัญหาและอุปสรรคในเชิงธุรกิจ รวมถึงการอำนวยความสะดวกในการเจรจาทางธุรกิจระหว่างผู้ซื้อและผู้ขายภายในงาน อันจะยังประโยชน์ให้เกิดความยั่งยืนของปลาทูน่า

อธิบดีกรมประมง กล่าวในตอนท้ายว่า ประเทศไทยมุ่งหวังให้ผู้เข้าร่วมการประชุมทั้งหลาย ในภาคอุตสาหกรรมปลาทูน่าจากทั้งภาครัฐ ภาคเอกชน นักวิชาการ และองค์กรอิสระจากทั่วโลก ได้มีโอกาสแลกเปลี่ยนประสบการณ์ซึ่งกันและกัน เพื่อจะนำไปสู่การพัฒนาอุตสาหกรรมปลาทูน่าตลอดห่วงโซ่สินค้าปลาทูน่า ภายใต้การจัดการทรัพยากรปลาทูน่าอย่างยั่งยืนต่อไป


แหล่งรวม "บทความและคอนเทนต์แปลกใหม่!!!" แบบไร้ Toxic ติดตามได้ที่ THE STATES TIMES Blockdit

LINK : https://www.blockdit.com/pages/60583e7ff90e240c3e7f1c32

เจ้าของ TikTok วางมือ ทิ้งเก้าอี้ซีอีโอ ชี้!! ยังขาดทักษะบริหารองค์กรใหญ่

จางอี้หมิง ผู้ก่อตั้งบริษัท ByteDance เจ้าของแอพพลิเคชั่น TikTok ประกาศในบันทึกภายในของบริษัทว่า จะลาออกจากตำแหน่งซีอีโอของบริษัท เนื่องจากมองว่าตัวเองยังขาดทักษะด้านการบริหาร และชอบอ่านหนังสือและปล่อยความคิดไปตามอารมณ์มากกว่าการบริหารบริษัทเทคขนาดใหญ่

“ผมรู้สึกว่าผมไม่ประสบความสำเร็จอย่างที่คาดหวังไว้ในด้านของโอกาสเชิงกลยุทธ์ใหม่ ๆ การบริหารองค์กร และความรับผิดชอบต่อสังคม” จางระบุในบันทึกภายใน

“หลังจากคิดเรื่องนี้มาหลายเดือน ผมได้ข้อสรุปว่าการเปลี่ยนผ่านบทบาทหน้าที่ของซีอีโอ รวมทั้งความรับผิดชอบประจำวันที่เกี่ยวข้องทั้งหมด จะทำให้ผมโฟกัสกับโครงการต่าง ๆ ในระยะยาวได้มากกว่า”

เหลียงรู่โป ผู้ร่วมก่อตั้ง ByteDance และประธานเจ้าหน้าที่ฝ่ายทรัพยากรมนุษย์ รวมทั้งเป็นเพื่อนร่วมห้องเรียนของจาง จะรับตำแหน่งซีอีโอคนต่อไปในช่วงสิ้นปีนี้ โดยจางจะยังดำรงตำแหน่งประธานบริษัท และทั้งคู่จะทำงานร่วมกันตลอด 6 เดือนข้างหน้าเพื่อให้การเปลี่ยนผ่านราบรื่น

ข่าวการวางมือของจางเกิดขึ้นในช่วงเวลาที่ทางการจีนกำลังเข้ามาควบคุมบริษัทเทคโนโลยีรายใหญ่รวมทั้ง ByteDance อย่างเข้มงวด และยังเป็นช่วงที่ ByteDance เตรียมจะเปิดขายหุ้นครั้งแรกแก่บุคคลทั่วไป (IPO) ในตลาดหลักทรัพย์สหรัฐฯ หรือฮ่องกงด้วย

 

ที่มา: https://www.posttoday.com/world/653398


แหล่งรวม "บทความและคอนเทนต์แปลกใหม่!!!" แบบไร้ Toxic ติดตามได้ที่ THE STATES TIMES Blockdit

LINK : https://www.blockdit.com/pages/60583e7ff90e240c3e7f1c32

‘หมอวรงค์’ ได้ที ขี่กระแส ‘ดราม่าพิมรี่พาย’ ขย่มซ้ำ ‘พี่โทนี่’ ชี้หมดเวลานายทักษิณแล้วจริง ๆ เชื่อหลังจากนี้คงหายจากหน้าจออีกนาน หลังโดนเด็กสวนกลับหน้าหงาย

เมื่อวันที่ 20 พ.ค. นพ.วรงค์ เดชกิจวิกรม หัวหน้าพรรคไทยภักดี เขียนข้อความทางเฟซบุ๊ก ‘Warong Dechgitvigrom’ แสดงความเห็นกรณี นายทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรีพูดในคลับเฮาส์ ช่วงหนึ่งระบุว่า แนะนำให้รัฐบาลเร่งทำโรงพยาบาลสนาม โดยหากไม่รู้ว่าจะทำให้ดี ถูก คุ้มค่าอย่างไร ก็ให้ดูจากที่พิมรี่พาย ลงไปทำ ต่อมาถูกพิมรี่พาย วิจารณ์กลับ เรียกร้องนายทักษิณ อย่าพูดถึงตนอีก เพราะถูกอำนาจมืดเล่นงาน ถูกไม่ได้รับความร่วมมือแล้วหลายครั้ง เวลาที่นายทักษิณกล่าวถึง นพ.วรงค์ ระบุว่า

#หมดเวลาของนายทักษิณจริงๆ

การที่นายทักษิณออกมาแขวะรัฐบาล โดยอาศัยชื่อเสียงขอพิมรี่พาย ยูทูปเบอร์ชื่อดัง แต่ท้ายที่สุด ก็โดนสวนกลับอย่างแรง อย่างตรงไปตรงมา ชนิดที่ต้องหายจากหน้าจอไปอีกนาน

นายทักษิณต้องรู้ตัวได้แล้วว่า ช่วงโควิดนี้ สังคมไทยเปลี่ยนไปมาก โดยเฉพาะดารา เซเล็ป เขากล้า เขาไม่กลัว ใช้ข้อมูล ใช้ความจริง บนเหตุและผล คนที่รวยจากการผูกขาดสัมปทานรัฐ คงไม่เข้าใจการเปลี่ยนแปลงนี้

ผมดูแล้ว ไม่รู้ว่า นายทักษิณจะรู้ตัวไหมว่า หมดเวลาของนายทักษิณแล้วครับ "แม้ช่วงหนึ่งจะเป็นดวงอาทิตย์ แต่อาทิตย์ดวงนี้ ก็กำลังจะลับขอบฟ้าแล้ว"

 

ที่มา : https://www.facebook.com/therealwarong


แหล่งรวม "บทความและคอนเทนต์แปลกใหม่!!!" แบบไร้ Toxic ติดตามได้ที่ THE STATES TIMES Blockdit

LINK : https://www.blockdit.com/pages/60583e7ff90e240c3e7f1c32

รพ.กรุงเทพ แจ้งจุดฉีดวัคซีนโควิดของรัฐ แบ่ง 2 จุด 'รพ.กรุงเทพ-สยามพารากอน' เริ่ม 7 มิ.ย.นี้

รพ.กรุงเทพ แจ้งสถานที่ในการฉีดวัคซีนโควิด-19 จากการจัดสรรของรัฐ รับบริการที่ รพ. กรุงเทพ และ สยามพารากอน ระหว่างวันที่ 7 มิถุนายน-31 กรกฎาคม 2564

วันนี้ (20 พ.ค. 64) โรงพยาบาลกรุงเทพ แจ้งผู้รับบริการที่ได้ลงทะเบียนฉีดวัคซีนโควิด-19 สำหรับกลุ่มผู้สูงอายุ และผู้ป่วยโรคประจำตัว 7 กลุ่มโรค ที่ได้รับการจัดสรรจากภาครัฐ ณ โรงพยาบาลกรุงเทพ ผ่านแอปพลิเคชัน “หมอพร้อม” เนื่องจากในขณะนี้มีการระบาดในวงกว้าง การจัดสรรพื้นที่ภายในโรงพยาบาลในการดูแลรักษาผู้ป่วยทั่วไปมีอย่างจำกัด และมาตรการความปลอดภัยและเว้นระยะห่างทางสังคมอย่างเข้มงวด

ดังนั้น เพื่อความปลอดภัยของผู้รับบริการเป็นสำคัญ และสามารถเดินทางได้อย่างสะดวกมากยิ่งขึ้น ทางโรงพยาบาลฯ ขอแจ้งท่านที่ลงทะเบียนแอปพลิเคชันและไลน์ “หมอพร้อม” สามารถเลือกรับบริการ "ฉีดวัคซีนโควิด-19" ที่ได้รับการจัดสรรจากภาครัฐ ของโรงพยาบาลกรุงเทพ ในระหว่างวันที่ 7 มิถุนายน-31 กรกฎาคม 2564 มีจุดบริการฉีดวัคซีน 2 แห่ง คือ

1.) โรงพยาบาลกรุงเทพ ให้บริการ เวลา 8.00-17.00 น.

2.) โรงพยาบาลกรุงเทพ (สยามพารากอน) รับบริการที่รอยัล พารากอน ฮอลล์ ชั้น 5 ศูนย์การค้าสยามพารากอน ให้บริการ เวลา 9.00-16.00 น.

สงวนสิทธิ์สำหรับท่านที่ลงทะเบียนจองผ่านแอปพลิเคชัน หรือไลน์ “หมอพร้อม” เท่านั้น ไม่บริการให้บุคคลที่ไม่ได้จองฉีดวัคซีนผ่านหมอพร้อมล่วงหน้าทุกกรณี หากต้องการสอบถามข้อมูลเพิ่มเติม เกี่ยวกับการฉีดวัคซีนโควิด-19 ในผู้ที่ได้ลงทะเบียนแล้ว สามารถติดต่อได้ที่ COVID Center รพ. กรุงเทพ โทร. 02-308-7171 (4 คู่สาย) ในเวลาทำการ 08.00-17.00 น.

หมายเหตุ : ภายในพื้นที่การฉีดวัคซีน กำหนดให้มีผู้ติดตาม / ผู้ดูแล 1 คน ต่อผู้รับบริการฉีด* 1 คน (*สำหรับผู้ป่วยสูงอายุมากกว่า 70 ปี หรือผู้ที่ไม่สามารถช่วยเหลือตัวเอง) ตามมาตรการรักษาความปลอดภัยและการเว้นระยะห่างของผู้มารับบริการในพื้นที่ให้บริการอย่างจำกัด


แหล่งรวม "บทความและคอนเทนต์แปลกใหม่!!!" แบบไร้ Toxic ติดตามได้ที่ THE STATES TIMES Blockdit

LINK : https://www.blockdit.com/pages/60583e7ff90e240c3e7f1c32

แรงงานไทยในอิสราเอล ครวญอยากกลับบ้าน หลังเกิดการปะทะใกล้แคมป์แรงงานไทย แต่ติดขัดต้องลงทะเบียนจองคิว ระหว่างนี้ ได้รับคำเตือนหากได้ยินเสียงเตือนภัย ต้องหมอบ หรือหลบเข้าบังเกอร์

ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ญาติของนายวิชิต สาลีหอม อายุ 35 ปี แรงงานชาวอำเภอตระการพืชผล จ.อุบลราชธานี ซึ่งทำงานเก็บพืชผลอยู่ในนิคมเกษตรกรรมโอฮัด (Ohad) ในเมืองเอชโคล (Eshkol) ประเทศอิสราเอล ได้วีดีโอคอลพูดคุยสอบถามความเป็นอยู่ หลังแคมป์คนงานในนิคมเกษตรกรรมดังกล่าว ถูกโจมตีด้วยจรวด จนมีแรงงานไทยเสียชีวิตและบาดเจ็บ

ระหว่างพูดคุยนายวิชิต ได้เล่าถึงสถานการณ์ในนิคมเกษตรกรรมที่ทำงานอยู่ และแคมป์แรงงานที่อยู่ใกล้กัน ยังมีแนวโน้มความรุนแรงจากการปะทะของกองกำลังทั้งอิสราเอลและปาเลสไตน์ จึงได้รับคำเตือนจากผู้ดูแลนิคมเกษตรกรรมว่า หากได้ยินสัญญาณเตือนต้องรีบหมอบ หรือหลบเข้าบังเกอร์ ทำให้รู้สึกไม่ปลอดภัย เพราะนิคมตั้งอยู่ใกล้ฉนวนกาซาจุดปะทะ จึงอยากกลับประเทศไทย เพราะตัวเองก็เพิ่งจะมีลูกอ่อนด้วย

ทั้งนี้นายจ้างของนิคมเกษตรกรรมโอฮัด ได้ให้ไปลงทะเบียนไว้แล้ว แต่ต้องรอคิว เนื่องจากต้องทำเอกสารขอเดินทางกลับและต้องรอเครื่องบิน ซึ่งสัปดาห์หนึ่งมีเพียง 2 เที่ยวบิน หากมีทางช่วยเหลือให้เดินทางกลับได้เร็วขึ้น ก็อยากให้ทางการไทยช่วยดำเนินการให้ด้วย เพราะรู้สึกไม่ปลอดภัยจากการปะทะกันของกองกำลังอิสราเอลและปาเลสไตน์ในขณะนี้

สำหรับพื้นที่ ต.นาพิน อ.ตระการพืชผล จ.อุบลราชธานี มีชายหนุ่มในตำบลนาพิน เดินทางไปทำงานที่นิคมเกษตรกรรมในประเทศอิสราเอลจำนวนหลายครอบครัว แต่ละรายมีอายุทำงานตั้งแต่ 1-3 ปี

 

ที่มา : https://mgronline.com/local/detail/9640000048639


แหล่งรวม "บทความและคอนเทนต์แปลกใหม่!!!" แบบไร้ Toxic ติดตามได้ที่ THE STATES TIMES Blockdit

LINK : https://www.blockdit.com/pages/60583e7ff90e240c3e7f1c32


© Copyright 2021, All rights reserved. THE STATES TIMES
Take Me Top