Saturday, 26 April 2025
Hard News Team

ความหวังใหม่ของโลก 'หมอมนูญ' เผยยารักษาโควิดรูปแบบใหม่ จ่ายยาให้กลับไปกินบ้านได้

นพ.มนูญ ลีเชวงวงศ์ แพทย์เฉพาะทางด้านโรคระบบการหายใจ โรงพยาบาลวิชัยยุทธ โพสต์ข้อความผ่านเฟซบุ๊ก 'หมอมนูญ ลีเชวงวงศ์ FC' โดยระบุข้อความว่า…

นอกจากวัคซีนป้องกันโรคโควิด-19 แล้ว โลกกำลังฝากความหวังกับยารับประทานตัวใหม่ชื่อ Molnupiravir ของประเทศสหรัฐอเมริกา ซึ่งเป็นยาที่คิดค้นมารักษาโรคไข้หวัดใหญ่ ยาตัวนี้กำลังอยู่ในการทดสอบทางคลินิกในคนระยะที่ 2 คาดว่าจะเข้าการทดสอบระยะะที่ 3 ในไตรมาสที่ 4 ของปีนี้

การทดสอบพบว่ายาตัวใหม่นี้ สามารถลดการแบ่งตัวของเชื้อไวรัสโควิดได้ดี ลดจำนวนเชื้อไวรัสในคนได้รวดเร็ว ลดความรุนแรงของโรค ช่วยป้องกันการแพร่กระจายเชื้อไวรัสโควิด และมีผลข้างเคียงต่ำ ยาตัวนี้อาจนำมารักษาเชื้อไวรัสโควิด-19 ทุกชนิดทั้งชนิดกลายพันธุ์และไม่กลายพันธุ์

ในการทดลองในสัตว์ เมื่อให้ยาตัวนี้กับสัตว์ทดลองที่ติดเชื้อไวรัสโควิด สามารถป้องกันสัตว์ทดลองตัวอื่นๆ ที่อยู่ใกล้ชิดไม่รับเชื้อไวรัสโควิด ลักษณะการใช้ยาใหม่ตัวนี้ถ้าผ่านการรับรอง จะเหมือนกับยา Oseltamivir (Tamiflu) และ Baloxavir (Xofluza) ที่เป็นยากินใช้ทั้งรักษาโรคไข้หวัดใหญ่ และให้กินเพื่อป้องกันการติดเชื้อในกรณีที่อยู่ใกล้ชิดกับผู้ป่วยโรคไข้หวัดใหญ่ โดยแพทย์จ่ายยาให้ไปกินที่บ้านแบบคนไข้นอก ไม่ต้องรับเข้านอนรักษาในโรงพยาบาล

นอกจากนี้มีการศึกษาในสัตว์ทดลองเมื่อให้ยา Molnupiravir ร่วมกับยา Favipiravir ซึ่งก็เป็นยาที่คิดค้นมารักษาไข้หวัดใหญ่เหมือนกัน ผลการรักษาโรคโควิด-19 ในสัตว์ทดลองยิ่งดีขึ้นกว่าการให้ยาตัวใดตัวหนึ่ง ยา Favipiravir มีในประเทศไทยใช้รักษาโรคโควิด-19 ตั้งแต่ปีที่แล้ว


ที่มา: https://www.facebook.com/604030819763686/posts/1900214223478666/

จีนจ้องกระชาก ‘หัวกะทิ’ ต่างแดนหลากสาย เข้าพัก - ทำงานในจีน เชื่อแรงงานคุณภาพสูงช่วยพัฒนาเศรษฐกิจ ทะยานตามเป้าสู่ความเป็นเบอร์หนึ่งเศรษฐกิจโลก

จากเฟซบุ๊ก ‘ไทยคำ - จีนคำ’ ได้เผยเกี่ยวกับสถานการณ์ปัจจุบันของเมืองจีนที่ใกล้คืนสู่สภาวะปกติเมื่อมีผู้ได้รับวัคซีนมากขึ้นว่า...

สหายจากแดนมังกรบอก...ขอให้ไทยเร่งฉีดวัคซีนให้ประชาชนได้มากๆ จะได้มาเที่ยวเมืองจีน และคนจีน ก็อยากมาเมืองไทยใจจะขาดแล้ว

มาว่ากันด้วยเรื่องของ ‘วิกฤต - โอกาส’ ความกดดันในช่วงที่ผ่านมา เป็นจังหวะให้จีนต่อยอดเดินนโยบายสำคัญ

กุมภาพันธ์ปี 2020 คณะกรรมการด้านวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยีของรัฐบาลเซี่ยงไฮ้ ขยายบริการการยื่นขอรับใบอนุญาตทำงานแบบออนไลน์แก่ชาวต่างชาติในกลุ่ม A เพื่อหลีกเลี่ยงการรวมกลุ่มของผู้คน และกระตุ้นให้คนเหล่านี้อยู่ทำงานในจีนต่อไป

จีนจัดแบ่งแรงงานต่างชาติออกเป็น 3 ระดับ ได้แก่ กลุ่ม A พรสวรรค์ชั้นยอด กลุ่ม B พรสวรรค์รายสาขาอาชีพ และกลุ่ม C แรงงานฝีมือต่ำ

ดร.ไพจิตร วิบูลย์ธนสาร รองประธานและเลขาธิการหอการค้าไทยในจีน ให้ข้อมูลว่า เวลานี้จีนกำลังมุ่งสนองตอบต่อนโยบาย Made in China 2025 การสร้างนวัตกรรม และการรับมือกับสังคมผู้สูงอายุ

พวกเขาจึงต้องการดึงดูดบรรดา ‘หัวกะทิ’ ผู้มีความสามารถจากหลายแขนงให้เข้ามาพำนักทำงานในจีน (เหมือนที่เราคุ้นเคยในกรณีของมหาอำนาจตะวันตก)

รัฐบาลจีนมองว่าแรงงานคุณภาพสูงมีความสำคัญต่อความสำเร็จในการพัฒนาเศรษฐกิจจีน จึงกำหนดเกณฑ์ที่ ‘เอื้อ’ ให้บุคคลเหล่านั้นเลือกมาทำงานที่จีน

“1 มีนาคม ที่ผ่านมา สำนักงานบริหารผู้เชี่ยวชาญต่างประเทศแห่งนครเซี่ยงไฮ้ ออกกฎระเบียบให้ผู้ประกอบการระดับโลก นักวิทยาศาสตร์ชั้นแนวหน้า นักวิจัยด้านวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยีต่างชาติ และผู้ที่จบการศึกษาระดับปริญญาเอกด้านวิทยาศาสตร์ วิศวกรรมศาสตร์ เกษตรศาสตร์ และยา อยู่ในข่ายได้รับสิทธิ์ในกลุ่ม A

“คนกลุ่ม A สามารถยื่นขอวีซ่าประเภท R ซึ่งเป็นวีซ่าการจ้างแรงงานพรสวรรค์ต่างชาติระดับไฮเอนด์และเป็นที่ต้องการสูง สามารถเข้า-ออกได้หลายครั้งแต่พำนักในจีนได้คราวละไม่เกิน 180 วัน รวมทั้งยังได้รับสิทธิ์พิเศษ อาทิ ขั้นตอนการยื่นขอรับการพิจารณาที่สะดวก การยกเว้นการประกันสุขภาพแก่คนที่มีอายุมากกว่า 65 ปี และการยื่นขอวีซ่าแก่สมาชิกครอบครัว”

'ดร.ไพจิตร' ชี้ให้เห็นถึงความตั้งใจจริงของรัฐบาลจีนที่ต้องการช่วยอำนวยความสะดวก เปรียบเสมือนการออกโปรโมชั่นเชิญชวนให้ลูกค้าแฮปปี้เข้ามาจับจ่ายได้คล่องตัวขึ้น

นับแต่เริ่มมาตรการดังกล่าว รัฐบาลเซี่ยงไฮ้ได้ออกใบอนุญาตใหม่และต่อใบอนุญาตเดิมจำนวนเกือบ 10,000 รายแล้ว

ในส่วนของขั้นตอนราชการที่ยุ่งยากในหลายประเทศ ทางจีนแก้ไขปัญหาเหล่านี้จนเป็นรูปธรรม

“ขั้นตอนและกระบวนการพิจารณาใบอนุญาตทำงานของชาวต่างชาติก็กระชับขึ้น โดยลดเวลาจาก 10 วันทำการเหลือเพียง 3 วันทำการ

“การดำเนินงานในลักษณะดังกล่าวสะท้อนว่า หากจีนได้รับประโยชน์จากสิ่งใด รัฐบาลจะพยายามปรับปรุงหลักเกณฑ์เงื่อนไขและขั้นตอนในเชิงรุกเพื่ออำนวยความสะดวกแก่ผู้ที่เกี่ยวข้อง ไทยเราอาจนำแนวคิดมาปรับใช้กับการปรับปรุงเงื่อนไขและหลักเกณฑ์การอนุญาตและกำกับดูแลแรงงานต่างด้าวได้เช่นเดียวกัน”

ปัจจุบันมีชาวต่างชาติทำงานในเซี่ยงไฮ้อยู่ราว 215,000 คน คิดเป็น 23.7% ของจำนวนทั้งหมด อีกทั้งเซี่ยงไฮ้ยังครองแชมป์เมืองยอดนิยมของชาวต่างชาติเป็นปีที่ 8 ติดต่อกัน

“นโยบายดึงทรัพยากรมนุษย์จากต่างประเทศเพื่อป้อนภาคการผลิตแห่งโลกอนาคตในเชิงรุกของจีน ทำให้เซี่ยงไฮ้กลายเป็นเมืองแห่งนวัตกรรมในปัจจุบัน เพื่อเป็นแกนกลางส่งจีนทะยานสู่ความเป็นเบอร์หนึ่งของโลกในสิ้นทศวรรษนี้ตามเป้า”


ที่มา: https://www.facebook.com/thaichinesetalk/posts/464991111514690

พีค of the week EP.11

สัปดาห์ที่ผ่านมา การเมืองร้อนแรง การศึกษาก็ร้อนรุ่ม ส่วนคนในเรือนจำก็เดือดสู้กับอุณหภูมิภายนอกเช่นเดียวกัน เปิดหัวต้นสัปดาห์ ด้วย ‘วัคซีนแอสตราเซเนกาเข็มแรกในประวัติศาสตร์’ ที่ปักลงบนหัวไหล่นายกฯ ประยุทธ์ เป็นสัญญาณดี พร้อมลุยฉีดให้ประชาชนสู้โรคระบาดกันต่อไป แต่ไม่วายมีขาเม้าท์ หาว่าลุงตู่ฉีดวัควีนปลอมไปซะได้ เล่นเอาเดือด!

แต่สายเดือดตัวจริง ต้อง เพนกวิน พริษฐ์ ชีวารักษ์ ศาลเบิกตัวมาไต่สวน แต่เล่นใหญ่ชูสามนิ้วตะโกนขออดข้าว ก็จัดไป! ด้านโลกการศึกษา นักเรียนกลุ่มใหญ่ของประเทศ เจออภิมหาสึนามิการสอบแบบมาธารอน งานนี้ร้องศาลปกครอง ให้ช่วยเลื่อนสอบได้ไหม #DEK64 กำลังถูกทิ้ง ขึ้นเทรนด์ทวิตเตอร์ไปแบบระอุ ปิดท้ายปลายสัปดาห์ด้วย ม็อบที่มาด้วยใจแบบไร้แกนนำ สุดท้ายเลยพัง! หมายถึงข้าวของสาธารณะพัง! แถมบาดเจ็บกันไปไม่น้อย 

ไล่เรียงมาถึงตรงนี้ ตามไปดูความร้อนระอุของข่าวสารรอบสัปดาห์ที่ผ่านมากันได้เลย Let’s go go go! 

.

 

‘รมว.วัฒนธรรม’ สั่งลบข้อมูลสรรพคุณผ้าขาวม้าใช้ผูกคอตาย ออกจากเว็บไซต์กระทรวงฯแล้ว แต่ไม่ถึงขั้นตั้ง คกก.สอบ พร้อมกำชับต้องกรองข้อมูลจากภูมิภาค

เมื่อเวลา 09.15 น. วันที่ 22 มี.ค. ที่ทำเนียบรัฐบาล นายอิทธิพล คุณปลื้ม รมว.วัฒนธรรม ให้สัมภาษณ์ถึงกรณีเว็บไซต์กระทรวงวัฒนธรรมมีการเผยแพร่สรรพคุณผ้าขาวม้า ซึ่งหนึ่งในนั้นคือ ไว้ผูกคอตาย ว่า ขณะนี้ได้มีการประสานในส่วนข้อมูลกลาง และหน่วยงานอื่น ๆ ที่มีการอัพโหลดข้อมูลชุดเดียวกันลงไปแล้ว ซึ่งขณะนี้มีการลบและแก้ไขแล้ว

เมื่อถามว่าข้อมูลเหล่านี้ ก่อนเข้าสู่กระทรวงได้มีการตรวจสอบใช่หรือไม่ นายอิทธิพล กล่าวว่า ตรงนี้เป็นการดาวน์โหลดจากภูมิภาคเข้ามา แต่ถ้าของส่วนกลางจะมีการตรวจสอบข้อมูล อย่างไรก็ดี ขอขอบคุณประชาชนที่เมื่อพบข้อมูลใดที่ไม่เหมาะสมก็แจ้งมาให้เราแก้ไข และในส่วนนี้คงไม่ถึงขั้นตั้งคณะกรรมการตรวจสอบ เพราะเป็นข้อมูลเดิมที่มีมาตั้งแต่ปี 2556

แต่ได้สั่งการศูนย์ข้อมูลทุกจังหวัดตรวจสอบข้อมูล หากพบว่าข้อมูลใดไม่เหมาะสมก็ให้ทำการลบหรือแก้ไข รวมถึงหน่วยงานที่ดาวน์โหลดข้อมูลลักษณะเดียวกัน อย่างไรก็ตาม ขณะนี้ยังไม่ได้รับรายงานว่ามีข้อมูลที่ไม่เหมาะสมอย่างอื่น แต่กรณีนี้ถือเป็นกรณีศึกษาว่าองค์ความรู้อื่นที่มาจากภูมิภาค ส่วนกลางจะต้องเปิดอ่านทั้งหมด

ศ.นพ.ยง ภู่วรวรรณ หัวหน้าศูนย์เชี่ยวชาญเฉพาะทางด้านไวรัสวิทยา คลินิกภาควิชากุมารเวชศาสตร์ คณะแพทยศาสตร์ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย ได้โพสต์เฟซบุ๊ก Yong Poovorawan เกี่ยวกับ โควิดวัคซีน กับการกลายพันธุ์ของไวรัส

โควิดวัคซีน กับการกลายพันธุ์ของไวรัส

ที่ผ่านมาโควิดไวรัสได้มีการกลายพันธุ์มาโดยตลอด

จากที่เราทราบดีว่าจุดกำเนิดอยู่ที่ประเทศจีน สายพันธุ์ตั้งต้นตั้งแต่เราเรียกว่าสายพันธุ์ S สายพันธุ์ L แล้วไปเจริญเติบโตเป็นสายพันธุ์ G ในยุโรป

ได้แพร่กระจายอย่างรวดเร็ว แต่ไม่ได้เปลี่ยนแปลงความรุนแรง หรือมีผลในระบบภูมิต้านทาน

สายพันธุ์ G จึงพบเกือบทั่วโลกในปัจจุบัน และแตกแยกย่อยเป็นสายพันธุ์ต่างๆ เป็น GH GR และ GRY เรียกว่าการระบาดในครึ่ง ปีหลังทั่วโลกเป็นสายพันธุ์ G เป็นส่วนใหญ่แล้ว

เพราะแพร่กระจายได้ง่าย

ต่อมาสายพันธุ์ GR ได้มีการเปลี่ยนแปลงพันธุกรรม ที่เราเรียกสายพันธุ์อังกฤษ หรือ B.1.1.7

หรือถ้าเรียกตามกรดอะมิโน ก็จะเป็นสายพันธุ์ GRY (G = glycine, R = arginine, Y = tyrosine)

สายพันธุ์อังกฤษแพร่กระจายได้เร็ว เพราะเหมาะกับการจับที่ตัวจับบนเซลล์ ACE2

ขณะนี้แพร่กระจายอย่างมากในยุโรปและเข้าสู่อเมริกา

ส่วนอีก 2 สายพันธุ์ที่เราพูดถึงกันบ่อยคือสายพันธุ์แอฟริกาใต้และสายพันธุ์บราซิล

ทั้ง 2 สายพันธุ์นี้มีการเปลี่ยนแปลงในตำแหน่งสำคัญของกรดอะมิโน ที่เกี่ยวข้องกับระบบภูมิต้านทาน

ถึงแม้ว่าจะไม่ทำให้โรครุนแรงขึ้น แต่การแพร่กระจายก็สามารถเกิดขึ้นได้อย่างรวดเร็ว เช่นกันกับสายพันธุ์อังกฤษ

เพราะมีการเปลี่ยนแปลงของกรดอะมิโน ในจุดสำคัญเช่นเดียวกับสายพันธุ์อังกฤษ จึงเป็นที่ต้องระวัง เพราะจากการศึกษาประสิทธิภาพของวัคซีนที่ผ่านมา มีประสิทธิภาพลดลง

การกลายพันธุ์ที่จะต้องคํานึงถึง คือ ทำให้ไวรัสหรือโรคแพร่กระจายได้ง่ายขึ้น ลดประสิทธิภาพของวัคซีน เพิ่มหรือ ลดความรุนแรงของโรค ในแต่ละการกลายพันธุ์จึงจำเป็นต้องมีข้อมูลทางคลินิกและระบาดวิทยาเข้ามาทำการศึกษาร่วมด้วย โดยมีหลักการทางทฤษฎีสนับสนุน

ประเทศไทยการระบาดในครั้งแรกเป็นสายพันธุ์ S แต่การระบาดในครั้งนี้ ที่เรียกว่าระบาดรอบใหม่ เป็นสายพันธุ์ GH

และถ้าระบาดไปนาน ๆ เข้า เราเองก็จะต้องจับตามองว่าจะมีการเปลี่ยนแปลงไปในทางทิศทางใด

ในขณะเดียวกันสายพันธุ์ที่มีผลต่อประสิทธิภาพของวัคซีน อย่างเช่นสายพันธุ์แอฟริกาใต้ รวมทั้งสายพันธุ์ที่กำลังตรวจสอบอย่างเช่นสายพันธุ์ไนจีเรีย ก็มีจุดสำคัญในตำแหน่งที่จะทำให้ประสิทธิภาพของวัคซีนลดลง จะต้องป้องกันไม่ให้มาระบาดในประเทศไทย

การให้วัคซีนเร็วที่สุดจะช่วยลดการระบาด และการกลายพันธุ์ได้

ขณะนี้งานวิทยาศาสตร์สามารถถอดรหัสพันธุกรรมของไวรัสได้อย่างรวดเร็ว และมีการทำกันมากทั่วโลกเป็นประวัติการ ของการศึกษาไวรัส เมื่อเทียบกับในอดีตที่ผ่านมา

ไม่เคยมีไวรัสตัวไหนที่มีการถอดรหัสพันธุกรรมมากมายเท่ากับไวรัส covid-19

ที่ทำกันมากทุกวันนี้ มนุษย์เองก็ต้องการที่จะเอาชนะไวรัสให้ได้

ไวรัสเองก็พยายามที่จะเปลี่ยนแปลงเพื่อความอยู่รอดของตัวเอง

และในที่สุด จะต้องอยู่ร่วมกัน โดยทำร้ายกันให้น้อยที่สุด

#หมอยง


ที่มา: https://www.facebook.com/story.php?story_fbid=5405471562828750&id=100000978797641

สุดยอด! ‘นุศรา ต้อมคำ’ มือเซ็ตทีมชาติไทย ติดโผ 100 นักตบ ทรงอิทธิพลของโลกในรอบทศวรรษ

สหพันธ์วอลเลย์บอลนานาชาติ หรือ เอฟไอวีบี ประกาศให้ ‘ซาร่า’ นุศรา ต้อมคำ นักวอลเลย์บอลสาว มือเซ็ตทีมชาติไทย ติดทำเนียบหนึ่งในร้อยสุดยอดนักวอลเลย์บอลและทีมวอลเลย์บอลของโลกที่ทรงอิทธิพลในทศวรรษ ซึ่งเป็นคนไทยหนึ่งงเดียวที่ติดโผดังกล่าว

ทั้งนี้ เอฟไอวีบี พิจารณาทั้งวอลเลย์บอลในร่มและวอลเลย์บอลชายหาดจากทุกทวีปทั้งประเภทชายและหญิงซึ่งไม่เพียงแค่คว้ารางวัลในการแข่งขันอันทรงเกียรติเท่านั้น แต่ยังสร้างแรงบันดาลใจให้กับวงการวอลเลย์บอลรุ่นหลังในการสร้างดาววอลเลย์บอลดวงใหม่ ตลอดจนนักกีฬาคนอื่นๆและแฟนวอลเลย์บอลด้วย

ทั้งนี้ เอฟไอวีบี พิจารณาคัดเลือก 100 นักวอลเลย์บอล ทั้งในร่มและวอลเลย์บอลชายหาดจากทุกทวีป ทั้งประเภทชายและหญิง ซึ่งไม่เพียงแค่คว้ารางวัลในการแข่งขันอันทรงเกียรติเท่านั้น แต่ยังสร้างแรงบันดาลใจให้กับวงการวอลเลย์บอลรุ่นหลังในการสร้างดาววอลเลย์บอลดวงใหม่ ตลอดจนนักกีฬาคนอื่นๆและแฟนวอลเลย์บอลด้วย


ที่มา : https://www.volleyball.world/en/roster100/roster-100-to-showcase-stars-of-volleyball?id=91918&fbclid=IwAR3FMR1xSfvr3VnT8MX8-mAb_tuzyvA6zROpj67kF7X55mOzl5D4ZKshk_A

จีนออกคำสั่งฟ้าผ่า ห้ามเจ้าหน้าที่ และทหารในกองทัพใช้รถยนต์ Tesla ขับเข้ามาในเขตค่ายทหารเด็ดขาด ด้วยเหตุผลด้านความมั่นคง

เนื่องจากจีนเชื่อว่า กล้องที่ติดตั้งภายในรถยนต์ของ Tesla อาจถูกนำมาใช้เพื่อแอบสืบข้อมูลภายในของกองทัพได้ ด้านอีลอน มัสก์ ปฏิเสธวุ่น ไม่เป็นความจริง

เบื้องหลังของคำสั่งนี้ มาจากระบบกล้อง และ ตัวจับสัญญาณความเร็วเหนือเสียง เทคโนโลยีล่าสุดที่ติดตั้งในรถยนต์ของ Tesla ที่อาจเปิดเผยข้อมูลของเจ้าของรถยนต์ และสถานที่ทุกแห่งที่ไป ซึ่งทางจีนถือว่าเป็นเรื่องละเอียดอ่อนมาก หากเป็นพื้นที่ในเขตกองทัพ

ดังนั้น จีนจึงสั่งให้เจ้าหน้าที่กองทัพห้ามใช้รถ Tesla ขับเข้ามาในเขตทหาร หรือถ้าเป็นพลเรือนจะเข้ามาติดต่อกับใครในกรมทหาร ต้องจอดรถทิ้งไว้หน้าค่าย ถึงจะเข้าไปได้

แต่ทั้งนี้ ก็มีความเห็นของสื่อตะวันตกว่า เรื่องนี้ไม่น่าจะเป็นสาเหตุหลักที่กองทัพจีนจะแบนรถ Tesla เพราะคำสั่งนี้ ออกมาในช่วงที่จีน และ สหรัฐอเมริกา กำลังมีนัดประชุมทวิภาคีกันที่รัฐอลาสก้าพอดี ซึ่งบรรยากาศค่อนข้างตึงเครียดอย่างมาก และจีนอาจต้องการแสดงอะไรบางอย่างเพื่อตอบโต้ท่าทีของสหรัฐฯ ซึ่งหวยก็ดูจะมาออกที่ Tesla พอดี

นอกเหนือจากนัยยะทางการเมืองระหว่างจีน-สหรัฐฯ แล้ว ก็มีความเป็นไปได้สูงที่ทางรัฐบาลจีนต้องการสกัดดาวรุ่ง Tesla ที่กำลังขายดีอย่างมากในตลาดจีน ในปี 2020 ที่ผ่านมา Tesla Model-3 คือรถยนต์ EV ที่ขายดีที่สุดในจีน ด้วยยอดขาย 1.5 หมื่นล้านเหรียญ เพิ่มขึ้นจากปี 2019 ถึง 20%

ฉะนั้นหากมีคำสั่งถึงเจ้าหน้าทุกหน่วยในกองทัพจีน ที่มีทหารประจำการมากกว่า 2 ล้านคน ซึ่งนับเป็นกองทัพที่มีขนาดใหญ่ที่สุดในโลก ไม่ให้ใช้รถ Tesla ในค่ายทหาร ก็เท่ากับตัดกลุ่มผู้ซื้อรถไปได้เยอะทีเดียว

ทางด้าน อีลอน มัสก์ ผู้บริหารสูงสุดของ Tesla ได้ออกมาปฏิเสธข้อกล่าวหาเรื่องการใช้รถ Tesla เป็นสปายส่งข้อมูลลับ และยังบอกว่า "หากทางบริษัทคิดจะขายข้อมูลของลูกค้า หรือให้ใช้รถ Tesla เพื่อจารกรรมข้อมูลลับ เราคงขายรถที่ไหนไม่ได้แล้วครับ คงเจ๊ง ปิดโรงงานไปนานแล้ว"

ถึงจะออกมาปฏิเสธหนักแน่น แต่สุดท้ายก็ต้องขึ้นอยู่กับการตัดสินใจของรัฐบาลจีนอยู่ดี ว่าจะเปลี่ยนใจ หรือ จะให้แบนต่อ เพื่อบีบตลาดรถ Tesla ในจีนให้โตช้าลงหน่อย แล้วปล่อยให้รถยนต์ EV สัญชาติจีนได้โตไล่ทัน หรือแค่ต้องการใช้เป็นตัวแทน ฟาดกับสหรัฐฯ เหมือนอย่างที่สหรัฐฯ เคยใช้ Huawei บีบจีน ก็ต้องรอติดตามกัน


อ้างอิง:

https://www.theguardian.com/us-news/2021/mar/20/elon-musk-denies-teslas-used-for-spying-after-chinas-military-bans-cars-from-bases?CMP=Share_AndroidApp_Other

https://www.foxbusiness.com/technology/chinese-military-bans-teslas

https://www.aljazeera.com/economy/2021/3/19/chinas-military-bans-tesla-cars-on-camera-sensor-spy-concerns


© Copyright 2021, All rights reserved. THE STATES TIMES
Take Me Top