Wednesday, 14 May 2025
Hard News Team

'ภูเก็ต' ยอดติดเชื้อพุ่งวันละกว่า 200 คน เร่งสกัดเชื้อก่อนกระทบแซนด์บ็อกซ์

ศูนย์ข่าวภูเก็ต - สถานการณ์การแพร่ระบาดของเชื้อไวรัสโควิด-19 ในภูเก็ตยังน่าเป็นห่วง จำนวนผู้ติดเชื้อเพิ่มสูงขึ้นทุกวัน ล่าสุด วันเดียว 235 ราย จากคลัสเตอร์ใหญ่ในกลุ่มชาวไทยใหม่ เร่งสกัดเชื้อ ตรวจคัดกรองกลุ่มเสี่ยง ก่อนกระทบแซนด์บ็อกซ์

สำหรับการแพร่ระบาดของเชื้อไวรัสโควิด-19 ในพื้นที่ภูเก็ต ยังอยู่ในขาขึ้น ตัวเลขผู้ติดเชื้อเพิ่มสูงขึ้นทุกวันวันละ 200 กว่าคน ตลอด 2-3 สัปดาห์ที่ผ่านมา ล่าสุด เมื่อวันที่ 2 ส.ค. 64 สำนักงานสาธารณสุขจังหวัดภูเก็ต รายงานสถานการณ์การติดเชื้อเพิ่มอีก 235 ราย ทั้งหมดเป็นการติดเชื้อในพื้นที่ภูเก็ต

แม้ว่าขณะนี้สำนักงานสาธารณสุข และหน่วยงานที่เกี่ยวข้องจะเร่งสกัดการแพร่เชื้อ ลงพื้นที่ตรวจคัดกรองเชิงรุกในกลุ่มเสี่ยง กลุ่มสัมผัสเสี่ยงสูง พื้นที่เสี่ยง ชุมชนแออัด และตามรอยผู้ที่ติดเชื้อ แต่สถานการณ์ยังไม่ดีขึ้น การติดเชื้อยังเพิ่มขึ้นทุกวัน ๆ ละ 200 กว่าคน ทั้งนี้เนื่องจากการติดเชื้อที่เป็นกลุ่มก้อนใหญ่ที่เริ่มจากกลุ่มแรงงานต่างด้าวได้แพร่กระจายสู่ชุมชน โดยเฉพาะชุมชนชาวไทยใหม่ ทั้งแหลมตุ๊กแก เกาะสิเหร่ หาดราไวย์ บ้านสะปำ และไม้ขาว ตรวจพบเชื้อเป็นจำนวนมากในแต่ละชุมชน และขณะนี้เชื้อได้กระจายไปทุกพื้นที่ของภูเก็ตแล้ว

รวมไปถึงจังหวัดภูเก็ตได้ออกมาตรการต่าง ๆ เพื่อสกัดเชื้อ ทั้งมาตรการทางสาธารณสุขและมาตรการทางสังคม แต่ยังไม่สามารถหยุดเชื้อโควิด-19 ลงได้ในขณะนี้ จำเป็นที่จะต้องเร่งสกัดเชื้อต่อไปเพราะหากปล่อยให้สถานการณ์ตัวเลขผู้ติดเชื้อเพิ่มอยู่แบบนี้ อาจจะส่งผลต่อความเชื่อมั่นของชาวต่างชาติที่จะเดินทางมาท่องเที่ยวตามโครงการภูเก็ตแซนด์บ็อกซ์ หรืออาจจะต้องมีการปรับลดกิจกรรมในภูเก็ตแซนด์บ็อกซ์ได้

โควิดตัวกลายพันธุ์ 'มิว' ย่องระบาดในสหรัฐฯ ตรวจพบผู้ติดเชื้อเกือบทุกรัฐในประเทศ

นิวส์วีค นิตยสารข่าวรายสัปดาห์ของสหรัฐฯ รายงานเมื่อวันพุธ (1 ก.ย.) ไวรัสโคโรนาสายพันธุ์ใหม่ตัวกลายพันธุ์ ‘มิว’ ซึ่งพวกนักวิทยาศาสตร์บางส่วนกังวลว่าอาจหลบหลีกภูมิคุ้มกันของวัคซีน ถูกตรวจพบในรัฐต่าง ๆ เกือบทั่วสหรัฐฯ แต่ยังมีสัดส่วนเล็กน้อยมากไม่ถึง 1% ของผู้ติดเชื้อทั้งหมดในอเมริกา

เมื่อวันจันทร์ (30 ส.ค.) องค์การอนามัยโลก (WHO) เพิ่งประกาศให้ตัวกลายพันธุ์ ‘มิว’ เป็น ‘สายพันธุ์ที่ต้องได้รับความสนใจ (variant of interest)’ ทำให้มันกลายเป็นตัวกลายพันธุ์ไวรัสโคโรนาสายพันธุ์ใหม่ตัวที่ 5 ที่อยู่ในบัญชีดังกล่าว

พวกเจ้าหน้าที่มีความกังวล ด้วยที่สายพันธุ์นี้มีบ่อเกิดจากการกลายพันธุ์ บ่งชี้ว่ามันอาจสามารถหลบหลีกภูมิคุ้มกันจากวัคซีน และแม้ยังพบเคสผู้ติดเชื้อค่อนข้างน้อย แต่องค์การอนามยโลกระบุในรายงานฉบับหนึ่งว่าเคสผู้ติดเชื้อตัวกลายพันธุ์มิว กำลังเพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่องในโคลอมเบีย ซึ่งเป็นแหล่งกำเนิดของมัน และในเอกวาดอร์

เกือบทุกรัฐของสหรัฐฯ ยกเว้นเนบราสกา เวอร์มอนต์และเซาท์ดาโคตา ต่างรายงานพบเคสผู้ติดเชื้อตัวหลายพันธุ์มิวแล้ว ตามข้อมูลของ Outbreak.info ซึ่งเป็นฐานข้อมูลแบบ open source จากสถาบันสถาบันวิจัยสคริปปส์ โดยมันมีอัตราความชุกสูงสุดในอะแลสกา คิดเป็นราว 4% ของเกือบ ๆ 4,000 ตัวอย่าง

มีอยู่ 15 รัฐ ประกอบด้วย นิวแฮมป์เชียร์ เวสต์เวอร์จิเนีย เซาท์แคโรไลนา เทนเนสซี เคนทักกี แอละแบมา มิสซิสซิปปี ลุยเซียนา อาร์คันซอ มิสซูรี ไอโอวา นอร์ทดาโคตา มอนแทนาและโอคลาโฮมา พบผู้ติดเชื้อราว ๆ 10 เคสหรือต่ำกว่านั้น

24 รัฐ พบผู้ติดเชื้อระหว่าง 11 เคสถึง 50 เคส ส่วน 4 รัฐ ประกอบด้วย นิวยอร์ก นิวเจอร์ซี เท็กซัสและวอชิงตัน พบผู้ติดเชื้อสูงสุดไม่เกิน 100 เคส ขณะที่ฟลอริดาเป็นรัฐเดียวที่พบผู้ติดเชื้อราว ๆ 100 ถึง 200 เคส และแคลิฟอร์เนีย เป็นรัฐที่พบผู้ติดเชื้อตัวกลายพันธุ์มิวมากที่สุด 289 เคส

นับตั้งแต่ตรวจพบตัวกลายพันธุ์มิวในเดือนมกราคม องค์การอนามัยโลกเน้นว่ามีรายงานเคสผู้ติดเชื้อตัวกลายพันธุ์นี้ประปรายเล็ก ๆ น้อย ๆ ทว่าด้วยคุณสมบัติการกลายพันธุ์ของมัน ก่อข้อสันนิษฐานว่ามันอาจสามารถแพร่เชื้อสู่คนที่มีภูมิคุ้มกันโควิด-19 โดยธรรมชาติหรือคนที่ฉีดวัคซีนต้านไวรัสโคโรนาสายพันธุ์ใหม่แล้ว ซึ่งในกรณีจำเป็นต้องมีการค้นคว้าวิจัยเพิ่มเติมเพื่อยืนยันข้อสันนิษฐานดังกล่าว

นอกจากนี้แล้วยังมีความเป็นไปได้ว่าวิธีรักษาด้วย Monoclonal Antibodies (แอนติบอดีที่สร้างจากเซลล์เม็ดเลือดขาว) ซึ่งได้ผลดีในบรรดาคนไข้ก่อนหน้านี้ อาจไม่ได้ผลกับตัวกลายพันธุ์มิวเช่นกัน

คาดหมายกันไว้อยู่แล้วว่าตัวกลายพันธุ์ต่าง ๆ นานาของ SARS-CoV-2 จะเกิดขึ้น ซึ่งเป็นวิวัฒนาการโดยธรรมชาติของไวรัสตัวหนึ่ง ๆ เมื่อเวลาผ่านไป ปัจจุบันองค์การอนามัยโลกกำลังจับตามองตัวกลายพันธุ์อื่น ๆ อีก 4 ตัว ในฐานะ ‘สายพันธุ์ที่น่ากังวล’ ประกอบด้วยอัลฟา เบตา แกมมาและเดลตา ซึ่งทั้งหมดมีทั้งแพร่กระจายเชื้อได้ง่าย ก่อการติดเชื้ออาการรุนแรงกว่าเดิม หรือลดประสิทธิภาาพของมาตรการด้านสาธารณสุขต่าง ๆ ในนั้นรวมถึงวัคซีนและการรักษา

เดลตา ซึ่งถูกจัดให้เป็นตัวกลายพันธุ์ที่น่ากังวลในเดือนพฤษภาคม กลายมาเป็นสายพันธุ์หลักในสหรัฐฯ และกำลังโหมกระพือการแพร่ระบาดระลอกใหญ่ในกลุ่มคนที่ยังไม่ฉีดวัคซีน

นอกเหนือจากตัวกลายพันธุ์ที่น่ากังวลทั้ง 4 ตัวแล้ว องค์การอนามยโลกกำลังจับตาตัวกลายพันธุ์อื่น ๆ อีก 5 ตัว ในฐานะ ‘สายพันธุ์ที่ต้องได้รับความสนใจ’ ประกอบไปด้วย อีตา ไอโอตา แคปปา แลมบ์ดาและ มิว สืบเนื่องจากทั้งหมดมีการเปลี่ยนแปลงทางพันธุกรรมที่อาจทำให้พวกมันแพร่เชื้อได้ง่ายกว่าหรือเป็นอันตรายกับมนุษย์ และพบว่าพวกมันก่อให้เกิดคลัสเตอร์การแพร่ระบาดต่าง ๆ นานาในหลายประเทศ

แม้ว่าวัคซีนไม่ได้มีประสิทธิภาพ 100% แต่วัคซีนที่ได้รับการอนุมัติใช้แสดงให้เห็นว่ามันเป็นอาวุธสำคัญในการป้องกันการติดเชื้อโควิด-19 และกันไม่ให้ผู้คนล้มป่วยอาการหนักหากมีผลตรวจเป็นบวก อย่างไรก็ตามเจ้าหน้าที่สาธารณสุขมีความกังวลว่าหากไวรัสยังคงแพร่ระบาดอย่างไม่ลดละ อาจถือกำเนิดตัวกลายพันธุ์ใหม่ตัวหนึ่ง ๆ ที่สามารถต้านทานภูมิคุ้มกันจากวัคซีนได้


(ที่มา:นิวส์วีค)
https://mgronline.com/around/detail/9640000087122

แบงก์ชาติ ออกมาตรการช่วยเหลือลูกหนี้เพิ่มเติม

นายรณดล นุ่มนนท์ รองผู้ว่าการ ด้านเสถียรภาพระบบสถาบันการเงิน ธนาคารแห่งประเทศไทย (ธปท.) เปิดเผยว่า ธปท.ได้ร่วมกับสมาคมธนาคารไทย ออกมาตรการช่วยเหลือลูกหนี้เพิ่มเติม ทั้งการเพิ่มสภาพคล่องและเติมเงินใหม่ให้กับลูกหนี้เอสเอ็มอี และลูกหนี้รายย่อย รวมถึงมาตรการสนับสนุนการแก้ไขหนี้เดิมอย่างยั่งยืน เน้นให้สถาบันการเงินปรับปรุงโครงสร้างระยะยาว ตรงจุดและเหมาะสม แทนการพักชำระหนี้ระยะสั้น ซึ่งมีผลบังคับใช้แล้วตั้งแต่วันที่ 3 ก.ย. 64

สำหรับมาตรการต่าง ๆที่ออกมา ทั้ง มาตรการแก้ไขหนี้เดิมให้ยั่งยืน เช่น ให้ลูกหนี้จ่ายชำระแบบต่ำก่อน และค่อย ๆ ทยอยปรับเพิ่มขึ้น หากลูกหนี้มีรายได้กลับมา และใช้ประโยชน์จากเทคโนโลยีให้ลูกหนี้ได้เข้ามาตรการได้มากและรวดเร็วผ่านโมบายแบงก์กิ้ง หรือเครื่องมือออนไลน์ ซึ่ง ธปท. ได้มีแรงจูงใจเอื้อให้สถาบันการเงินช่วยเหลือ ทั้งเรื่องการคงจัดชั้นสำรองได้จนถึงวันที่ 31 มี.ค.65 และใช้เกณฑ์การจัดชั้นและการกันเงินสำรองอย่างยืดหยุ่นจนถึงสิ้นปี 66 แต่ถ้าความช่วยเหลือลูกหนี้ยาวกว่าปี 66 ธปท.จะนำมาพิจารณาเรื่องเกณฑ์นี้อีกครั้ง

ส่วนมาตรการรักษาสภาพคล่องและเติมเงินใหม่ให้กับลูกหนี้ โดยปรับปรุงหลักเกณฑ์สินเชื่อฟื้นฟูซึ่งปัจจุบันเหลืออีก 150,000 ล้านบาทให้เอสเอ็มอีได้มีสภาพคล่องเพิ่ม ทั้งขยายวงเงินสินเชื่อลูกค้าใหม่จากไม่เกิน 20 ล้านบาท เป็นไม่เกิน 50 ล้านบาท ส่วนลูกค้าเก่าเดิมจะได้รับไม่เกิน 30% ของวงเงินเดิม เป็นได้รับสินเชื่อไม่เกิน 30% ของวงเงินเดิมที่ไม่ถึง 50 ล้านบาท หรือรับสินเชื่อสูงสุดไม่เกิน 50 ล้านบาท โดยสถาบันการเงินสามารถยื่นคำขอสินเชื่อฟื้นฟูมายัง ธปท.ได้ตั้งแต่วันที่ 6 ก.ย. 64 ขณะที่ความคืบหน้าสินเชื่อฟื้นฟูอนุมัติแล้ว 98,316 ล้านบาท จำนวน 32,025 ราย ส่วนโครงการพักทรัพย์พักหนี้เข้ามา 82 ราย วงเงิน 11,696.79 ล้านบาท

นอกจากนี้การเติมเงินให้ลูกหนี้รายย่อย ในส่วนของบัตรเครดิต และสินเชื่อส่วนบุคคล ได้ขยายเพดานวงเงินไม่เกิน 2 เท่า จากเดิม 1.5 เท่า และไม่จำกัดสถาบันการเงินให้กับผู้ที่มีรายได้ต่ำกว่า 30,000 บาทต่อเดือน รวมทั้งคงผ่อนชำระขั้นต่ำบัตรเครดิตเหลือ 5% ไปจนถึงสิ้นปี 65 ส่วนสินเชื่อส่วนบุคคลดิจิทัล ขยายเพดานวงเงินเป็นรายละไม่เกิน 40,000 บาทจากเดิมไม่เกิน 20,000 บาท พร้อมขยายเวลาชำระคืนจาก 6 เดือนเป็น 12 เดือน มีผลตั้งแต่วันที่ 3 ก.ย. 64 จนถึงสิ้นปี 65

นายพิธา ลิ้มเจริญรัตน์ หัวหน้าพรรคก้าวไกล ถาม จะเลือก 'ระบอบปรสิต' หรือ 'ชีวิตประชาชน' ย้ำ 6 เดือนที่ผ่านมามีราคาที่ต้องจ่าย

ในการอภิปรายไม่ไว้วางใจรัฐบาล วันที่ 2 ก.ย.64  นายพิธา ลิ้มเจริญรัตน์ ส.ส.แบบบัญชีรายชื่อ และหัวหน้าพรรคก้าวไกล กล่าวว่า 6 เดือนที่แล้ว ในเดือนกุมภาพันธ์ ได้อภิปรายไม่ไว้วางใจและตั้งคำถามต่อสมาชิกในสภาว่า พวกท่านจะเลือก ‘ประเทศ’ หรือจะเลือก ‘ประยุทธ์’ 

ถ้าเลือกประเทศ พล.อ.ประยุทธ์ คือ สลักแรกที่ต้องถอด แต่วันนั้นสภาเลือกประยุทธ์ หมายความว่าสภาแห่งนี้รับได้กับความไม่ชอบธรรม การทุจริตเชิงนโยบาย การเอื้อพวกพ้อง การแทรกแซงการทำงานของตำรวจและตั๋วช้าง

นอกจากนี้ยังเตือนรัฐบาลว่าประเทศที่มีความพร้อม แต่ปล่อยให้คนตายเป็นใบไม้ร่วง บีบคั้นมากเกินไป น้ำตาเวลาออกจากตามันเป็นน้ำ แต่ถ้าตกถึงพื้นเมื่อไหร่ก็ลุกเป็นไฟ วันนั้นมีผู้ติดเชื้อ 230,000 คน เสียชีวิต มากกว่า 2,000 คน ถึงวันนี้ เดือนกันยายน มีผู้ติดเชื้อ 1.2 ล้านคน ผู้เสียชีวิตจำนวน 12,103 คน ติดเชื้อเพิ่มขึ้น 4,800% เสียชีวิตเพิ่มขึ้น 14,000% นี่คือราคาที่สภาแห่งนี้และประเทศต้องจ่าย จากเวลาที่การอภิปรายไม่ไว้วางใจห่างกันแค่ 6 เดือน 

>> ถึงเวลาเลือกใหม่ ‘ประชาชน’ หรือ ‘ปรสิต’

“ด้วยเหตุที่เป็น จึงเข้าใจคนที่ออกมาชุมนุม ความเครียดแค้นมันพิเศษ มันไม่ใช่ความเศร้าหรือโมโห แต่มันอยู่ในใจ เรียนจบมาก็ไม่มีงานทำ พอมาเรียกร้องวัคซีน เรียกร้องเยียวยา ก็โดนกระสุน พอบอกให้สู้อย่างตรงไปตรงมาอย่าเอาสถาบันมาแอบอ้างเป็นเกราะกำบังก็กลับทำตรงกันข้าม เห็นเขาเป็นศัตรู แทนที่จะขอโทษไปแก้ปัญหา เพื่อจะไม่กลายเป็นวิกฤตซ้อนวิกฤตและซ้อนวิกฤต ไม่เป็นระบอบปรสิต เป็นพยาธิที่คอยกินอาหารในท้องพวกเขาไป"

“แล้วจะไปกันอย่างไร คราวที่แล้วถามผิด และถามแค่ในสภาว่าจะเลือกประยุทธ์หรือประเทศ ซึ่งแต่ถามแคบไป ครั้งนี้ต้องถามใหม่ว่าระหว่างประชาชนกับปรสิตที่กินประเทศ เราจะเลือกอะไร และจะถามดัง ๆ ไปมากกว่าแค่สมาชิกในห้องนี้ คือถามกับพี่น้องประชาชนที่ได้โหวตเลือกพวกเรามาด้วย ว่าจะไว้ใจกับระบอบที่กัดกินประเทศไทยอยู่แบบนี้หรือ"

“ถ้าท่านเป็นนายทุนเป็นเจ้าสัว ได้สัมปทานการท่องเที่ยว มันจะมีประโยชน์อะไรถ้าไม่มีคนมาเที่ยวประเทศไทยของท่าน?"

“ถ้าท่านเป็นเจ้าสัวเจ้าของรถไฟฟ้า แต่ไม่มีคนนั่งอยู่ในรถไฟฟ้ามันจะมีประโยชน์อะไร?"

“ถ้าท่านเป็นเจ้าสัวธนาคาร เพียงเพื่อมีพนักงานเฝ้าอยู่หน้าเคาเตอร์ที่ว่างเปล่า มันจะมีประโยชน์อะไร?"

“ถ้าท่านเป็นชนชั้นกลางที่คิดว่าไม่เดือดร้อน ไม่ได้ติดโควิด ยังมีงานประจำอยู่ เป็นข้าราชการมีเงินเดือนประจำ ท่านมั่นใจได้อย่างไรว่าในอนาคต ลูกหลานของท่านที่จะโตมา จะมีคุณภาพชีวิตที่ดีเท่ากับท่าน?"

“มันจะมีประโยชน์อะไร ถ้าท่านเห็นแต่เพียงประโยชน์เฉพาะหน้าของตัวเอง แล้วเลือกความสบาย เลือกรับประโยชน์จากระบอบปรสิต หรือวางเฉยต่อมัน?"

“สิ่งที่ผมได้พูดมาทั้งหมด คนที่ถูกกดขี่ละเลยมาเป็นเวลานานในประเทศไทย เขามีคำตอบในเรื่องนี้มานานมากแล้ว ว่าเขาต้องการอะไร ผมเชื่อว่าอนาคตของประเทศไทยดีกว่านี้ได้ มีรัฐบาลที่ดีกว่านี้ได้ นี่คือสิ่งที่พวกเราต้องเลือก เพราะท่านเห็นแล้วว่าการที่พวกท่านผลักเวลาออกไปถึง 6 เดือน ไม่ยอมเลือกตั้งแต่ตอนนั้น เลือกอะไรที่มันเป็นเรื่องเฉพาะหน้า เลือกสัมปทานเฉพาะหน้า คุณภาพชีวิตเฉพาะหน้า หน้าที่การงานเฉพาะหน้า มันมีราคาที่ต้องจ่ายในภายหลังอีกเยอะแยะมากมาย"

“มาถึงตอนนี้ ผมถึงเรียกร้องให้สภาแห่งนี้ สังคมแห่งนี้ ประเทศนี้ ต้องเลือกว่าจะเอาชีวิตของประชาชนหรือเอาระบอบปรสิต ที่ต้องการให้ประเทศไทยเป็นอย่างนี้ต่อไป" หัวหน้าพรรคก้าวไกล กล่าวทิ้งท้าย

'ผู้ว่าฯ ปู' โพสต์ข้อความ โควิด-19 ยังอยู่อีกนาน และปัญหาฝุ่น PM 2.5 เริ่มมากขึ้น ลั่น! พร้อมแก้ไขทั้งสองปัญหา

แม้สถานการณ์การระบาดของโรคติดเชื้อโควิด-19 ในพื้นที่จังหวัดสมุทรสาคร ยังคงเป็นเรื่องที่ต้องจับตาดูกันต่อไป 

อย่างไรก็ตามทางด้านนายวีระศักดิ์ วิจิตร์แสงศรี ผู้ว่าราชการจังหวัดสมุทรสาคร ก็ได้โพสต์ข้อความผ่านเฟซบุ๊กส่วนตัว ระบุว่า... 

เจอสถานการณ์โควิดอย่างทุกวันนี้ ลำบากกันถ้วนหน้า ขยับอย่างไร ยากจะหาความพอใจได้ทุกคน ณ เวลานี้ ต้องขอแต่เพียงประชาชนได้ประโยชน์สูงสุด

คิดแต่เรื่องโควิด จนเกือบลืมไปว่า ที่สมุทรสาครเป็นดงโรงงาน ปัญหาฝุ่นละอองขนาดเล็ก หรือ PM 2.5 กำลังคืบคลานมา และเป็นปัญหาหนักตอนปลายปีเสมอ

เราเตรียมรับมือเชิงรุกกับ PM 2.5 ไว้ 2 เรื่อง... 

1.) ปรับภูมิทัศน์ถนนเอกชัยเป็นถนนนำร่อง ความยาวประมาณ 13 ก.ม. ครอบคลุม 5 ตำบล ปลูกต้นไม้ให้เป็นแบบเดียวกัน

ใช้ต้นไม้เป็นตัวกรองมลพิษที่มีประสิทธิภาพมากที่สุด

2.) ติดตั้งเครื่องวัดคุณภาพอากาศในทุกตำบล อย่างน้อยตำบลละ 1 จุด เพื่อบอกถึงคุณภาพอากาศในแต่ละจุดย่อย

ที่มีอยู่แล้ว เป็นเครื่องขนาดใหญ่ บอกให้เราทราบได้ถึงปัญหาของจังหวัด

แต่ถ้าจุดตรวจสอบเล็กลง เราจะสามารถเกาได้ถูกที่คันมากขึ้น

ทั้งสองเรื่อง สมุทรสาครพัฒนาเมือง (วิสาหกิจไม่แสวงหากำไร) เป็นโต้โผใหญ่

ทั้งหมดผ่านการประชุมทางไกลเรียบร้อยแล้ว
คาดว่าท้องถิ่นแต่ละแห่ง จะสามารถดำเนินการได้ในเร็ววันนี้

ใครจะไปคิดมาก่อนว่า วันนี้ เราต้องมาอยู่ในโลกออนไลน์เต็มตัว ประชุมออนไลน์ แลกเปลี่ยนความเห็นออนไลน์ ให้สัมภาษณ์ออนไลน์ เป็นวิทยากรออนไลน์

โควิดยังอยู่กับเราอีกนาน


ที่มา: https://www.facebook.com/2321609178162644/posts/3108695139454040/

‘เทพ โพธิ์งาม’ ฝากข้อคิดการสู้ชีวิต 5 ข้อ ผ่านเพจ ‘ขนมเปี๊ยะขั้นเทพ’

เพจ ‘ขนมเปี๊ยะขั้นเทพ’ ได้โพสต์ข้อความแนวคิดการสู้ชีวิต ของ ‘เทพ โพธิ์งาม’ หรือ ป๋าเทพ เอาไว้อย่างน่าสนใจว่า 5 ข้อคิด จาก - เทพ โพธิ์งาม 

1.) ยอมรับความเปลี่ยนแปลง - ปรับตัว
เราควรยอมรับการเปลี่ยนแปลง สภาพเศรษฐกิจปัจจุบัน ไม่เหมือนสมัย 10 - 20 ปีก่อน ยังคล่องตัวอยู่ ไม่หนักหนาสาหัสขนาดนี้ บางคนมักนำปัจจุบันไปเปรียบเทียบกับอดีตแล้วไม่ยอมรับ ซึ่งที่จริงแล้วควรต้องยอมรับ เพราะโลกปัจจุบันเปลี่ยนแปลงตลอดเวลา พร้อมให้แง่คิดในสไตล์แกว่า “เมื่อเราสมัครมาจะเป็นมนุษย์แล้ว ร้อนก็ต้องอยู่ได้ หนาวก็ต้องอยู่ได้ ในโลกปัจจุบันเราก็ต้องปรับตัวประคองเอาชีวิตให้อยู่รอด ให้มีชีวิตอยู่”

2.) รู้จักตัวเอง ทำแค่พอดีตัว อย่าประมาท
ถ้าจะเริ่มธุรกิจต้องดูตัวเอง ความหมายก็คือ ต้องรู้จักประเมินศักยภาพ ความสามารถของตนเองเสียก่อน รวมถึงเงินทุนที่มีอยู่ อย่าเพิ่งไปมองธุรกิจอะไรที่เกินกำลัง เพราะถ้าต้องไปกู้มาลงทุนเกินกำลัง นั่น คือ ความประมาท

ทั้งนี้ ป๋าเทพ บอกว่า “อย่าประมาท” คือ บทเรียนที่แกจำขึ้นใจ เพราะนี่คือปัจจัยสำคัญที่เคยทำให้แกเจ๊งมาหลายครั้ง โดยในข้อนี้ น่าจะเหมาะสำหรับคนที่เพิ่งเริ่มออกมาใช้ชีวิตวัยทำงาน หรือ มองหาเส้นทางในการสร้างธุรกิจของตนเอง

3.) ก้าวข้ามความผิดพลาดในอดีต อยู่กับปัจจุบัน
เพราะความผิดพลาดเป็นเรื่องปกติของมนุษย์ ทุกการลงทุน ย่อมมีความเสี่ยง แต่สำหรับป๋าเทพเอง ในเรื่องนี้แกมองว่า ถ้าทำพลาด หรือ ล้มไปแล้ว ก็ให้ล้มไป แต่ควรผ่านมันไปให้ได้ และไม่ควรมานั่งเสียดาย เสียใจ ยึดติดกับความผิดพลาดที่เกิดขึ้น แต่ต้องมองไปข้างหน้าว่าจะมีช่องว่างอะไรที่ทำให้เราได้คิด ได้วางแผน หรือไม่

โดยกล่าวว่า “ชีวิตไม่ได้หมดแค่นั้น ชีวิตพลาดทีเดียวไม่ได้หมายความว่าจบ หรือ หมดแค่นั้น คนที่เขาประสบความสำเร็จ บางคนเขาก็เจ๊งมาเยอะแยะ แต่มีความไม่ยอมแพ้ เชื่อไหมว่าคนทำหมื่นคน จริง ๆ มันมีคนพลาดเกือบ 9 พันกว่าคน สำเร็จออกมาไม่ถึง 10 คน แต่สุดท้ายก็อยู่ตรงที่ตัวเราเองว่าจะพัฒนา หรือ ดูแลให้ได้มาตรฐานที่ดีขึ้นอย่างไร”

4.) เรียนรู้จริงจากมหาลัยชีวิต ที่ไม่มีวันสิ้นสุด
การเรียนรู้ไม่มีวันสิ้นสุด ถือเป็นคำกล่าวอมตะที่ผู้ที่ประสบความสำเร็จหลายคนมักนำมาพูดถึง แต่ในมุมของนักสู้ชีวิตที่ล้มเหลวมาแล้วหลายครั้งก็นำสิ่งนี้มาใช้เช่นกัน โดยป๋าเทพถือว่าความล้มเหลวที่ผ่านมาคือการลงทุนเพื่อหาความรู้ให้ตนเองผ่านมหาลัยชีวิต ที่แกนิยามไว้ดังนี้

“โรงเรียนมหาลัยชีวิต คือ โรงเรียนที่ต้องคิดว่าเริ่มต้นมาแล้วจะทำยังไง มันไม่มีวิชาในสถาบันเลยพวกนี้ มันเป็นวิชาที่ต้องมาเรียน เก่งมาจากไหน จบมาจากไหนก็ต้องมาเรียน เงินที่ลงทุนทำมาหากินไปมันเหมือนเป็นค่าเรียน พลาดพลั้งบ้างอะไรบ้าง มนุษย์มีกรอบอยู่ ความคิดสามารถเลยกรอบได้ แต่การประคองชีวิตมันก็ต้องเสี่ยง และใช้ความสามารถมากหน่อย มันจะมีสิ่งที่เป็นวิชาใหม่ ๆ ออกมาเรื่อย ๆ ตลอดเวลาที่เรานึกไม่ถึงก็มี นั่นแหละก็คือการเรียน

5.) ทุกอย่างต้องวิเคราะห์
เพราะ “การวิเคราะห์” เป็นอีกหัวใจสำคัญของการทำธุรกิจ หรือ ทำงานต่าง ๆ ให้ประสบความสำเร็จ ช่วยสะท้อนจุดอ่อน จุดแข็ง หรือ ช่องโหว่ รอยรั่วที่มี เพื่อให้เราสามารถเติม หรือ เสริมในส่วนนั้น ๆ ได้ทัน ซึ่งในความล้มเหลวต่าง ๆ ที่ผ่านมา ป๋าเทพ ก็ยอมรับว่า นี่ถือเป็นอีกจุดอ่อนสำคัญที่แกได้เรียนรู้และพบเจอ

“จะทำอะไรมันต้องมีการวิเคราะห์ สมัยก่อนที่ป๋าเจ๊งมาตลอด ก็มาจากส่วนหนึ่งเราไม่ได้คิดจ้องแต่จะโดดอย่างเดียว มองภาพสวยงาม เช่น ทำตรงนี้ได้กำไรเท่านี้แน่เลย แต่ไม่ได้คิดเลยว่าถ้าขายไม่ได้จะทำยังไง ไปหวังแต่สิ่งที่คิดว่าจะได้ พอมันพลาดก็เสียใจ เพราะว่าไม่ได้รอบคอบ ไม่ได้เรียนรู้มาก่อน สุดท้ายเราต้องสู้ ถ้ากูยอม กูก็อด อย่าไปท้อ”

“ความฝันตื่นมาแล้วก็จบ แต่ความจริงคือสิ่งที่ต้องติดตาม” และนี่คืออีกหนึ่งแง่มุมที่กลั่นออกมาเป็นบทเรียนจากชีวิตจริงของชายที่ชื่อว่า เทพ โพธิ์งาม


Cr. บทสัมภาษณ์จาก aommoney / Cr.ภาพจาก Zurrreal)

สภาอุตฯ ผนึกพันธมิตร เร่งผลักดัน BCG Model พร้อมพัฒนาแล้ว 5 คลัสเตอร์อุตสาหกรรม

(2 ก.ย. 64) สภาอุตสาหกรรมแห่งประเทศไทย (ส.อ.ท.) ร่วมกับ หน่วยบริหารและจัดการทุนด้านการเพิ่มความสามารถในการแข่งขันของประเทศ (บพข.) และคณะวิศวกรรมศาสตร์ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย ร่วมมือดำเนินโครงการการปรับเปลี่ยนอุตสาหกรรมไทยสู่ระบบเศรษฐกิจหมุนเวียน เพื่อยกระดับภาคธุรกิจ 5 คลัสเตอร์อุตสาหกรรม และสอดคล้องกับนโยบายภาครัฐ BCG ในฐานะวาระแห่งชาติ

นายสุพันธุ์ มงคลสุธี ประธานสภาอุตสาหกรรมแห่งประเทศไทย (ส.อ.ท.) กล่าวว่า สภาอุตสาหกรรมฯ ได้ร่วมผลักดันและดำเนินงานตามนโยบาย BCG ของประเทศ ภายใต้ 3 กลยุทธ์ คือ 1.) การพัฒนาโมเดล BCG และการขยายผล 2.) การพัฒนาและถ่ายทอดองค์ความรู้และประสบการณ์ และ 3.) การพัฒนามาตรฐานและการสนับสนุนด้านนโยบาย โดยมีเป้าหมายให้เศรษฐกิจเติบโตและเป็นมิตรกับสิ่งแวดล้อม มีการใช้ทรัพยากรบริสุทธิ์น้อยลง และลดการปล่อยก๊าซเรือนกระจกให้เกิดเป็นรูปธรรม โดยมีกิจกรรมสำคัญ อาทิ…

>> การส่งเสริม Smart Agriculture Industry 
>> การพัฒนา Platform การบริหารจัดการวัสดุที่ไม่ใช้แล้วหรือที่เรียกว่า “Circular Material Hub” 
>> การจัดทำข้อตกลงร่วมบรรจุภัณฑ์พลาสติก PET ที่เป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อม 
>> การส่งเสริมการจัดขยะพลาสติกภายใต้การสนับสนุน AEPW 
>> การพัฒนาอุตสาหกรรมเชิงนิเวศ 

รวมถึงโครงการการปรับเปลี่ยนอุตสาหกรรมไทยสู่ระบบเศรษฐกิจหมุนเวียน ที่เป็นความร่วมมือระหว่างสภาอุตสาหกรรมฯ หน่วยบริหารและจัดการทุนด้านการเพิ่มความสามารถในการแข่งขันของประเทศ (บพข.) และคณะวิศวกรรมศาสตร์ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย

รศ.ดร.สิรี ชัยเสรี ผู้อำนวยการ หน่วยบริหารและจัดการทุนด้านการเพิ่มความสามารถในการแข่งขันของประเทศ (บพข.) กล่าวว่า ในฐานะผู้ให้ทุนการสนับสนุนการดำเนินโครงการฯ ได้เล็งเห็นถึงบทบาทภาคอุตสาหกรรม ที่เป็นเครื่องจักรสำคัญในการขับเคลื่อน BCG ให้เกิดขึ้นจริง ซึ่งโครงการฯ จะเน้นการศึกษาวิจัย BCG Model ในทางวิชาการและสร้างการเรียนรู้ แลกเปลี่ยนแนวทางการดำเนินธุรกิจ BCG เพื่อนำไปสู่การปรับใช้ในทางธุรกิจให้เกิดขึ้นจริง หลังจากที่ผลการศึกษาเสร็จสิ้น บพข. และหน่วยงานภาครัฐที่เกี่ยวข้องมีความพร้อมที่จะสนับสนุนผู้ประกอบการในโครงการ ด้วยนโยบายการสนับสนุนทางการเงิน ภาษี การลงุทน กฎระเบียบ การพัฒนาทรัพยากรบุคคล โครงสร้างพื้นฐาน การวิจัยและพัฒนาและการตลาด เพื่อให้ผู้ประกอบการสามารถสร้างประโยชน์จากผลการวิจัยโครงการฯ ให้เกิดขึ้นจริงกับธุรกิจ 

ศ.ดร.จักรพันธ์ สุทธิรัตน์ รองอธิการบดี ด้านการวิจัย จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย กล่าวว่า จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย ให้ความสำคัญกับนโยบาย BCG เพื่อให้สอดคล้องกับแผนปฏิบัติการด้านการขับเคลื่อนการพัฒนาประเทศไทยด้วยโมเดลเศรษฐกิจ BCG พ.ศ. 2564-2570 โดยความร่วมมือในโครงการนี้ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย จะส่งเสริมและสนับสนุนในด้านวิชาการ ทั้งในเชิงองค์ความรู้เกี่ยวกับ Circular Economy และวิธีการวิจัยที่เป็นมาตรฐาน เพื่อใช้เป็นแนวทางการทำ Focus Group และจัดทำ Guidelines เพื่อให้ผู้ประกอบการในคลัสเตอร์อุตสาหกรรมที่เกี่ยวข้อง สามารนำแนวทางไปปรับใช้และพัฒนาธุรกิจ เพื่อให้สามารถแข่งขันได้ 

นายเกรียงไกร เธียรนุกุล รองประธานสภาอุตสาหกรรมแห่งประเทศไทย กล่าวเสริมว่า สายงานส่งเสริมและสนับสนุนอุตสาหกรรม ส.อ.ท. ได้รับมอบหมายให้ดำเนินภารกิจดูแล 45 กลุ่มอุตสาหกรรม และ 11 คลัสเตอร์อุตสาหกรรม ซึ่งเป็นกำลังหลักในการขับเคลื่อน BCG และร่วมผลักดันในการดำเนินโครงการฯ เพื่อให้เกิดการพัฒนาต้นแบบโมเดลกลุ่มอุตสาหกรรมนำร่องระบบเศรษฐกิจหมุนเวียนให้เกิดเป็นรูปธรรมและสัมฤทธิ์ผล เพื่อสร้างทางเลือกแผนธุรกิจที่มีศักยภาพสำหรับกลุ่มอุตสาหกรรมและร่วมจัดทำคู่มือบทเรียนความสำเร็จของ CE Champion จาก 5 คลัสเตอร์อุตสาหกรรม อาทิ...

1.) ปิโตรเคมี 
2.) วัสดุก่อสร้าง 
3.) อาหาร 
4.) ไฟฟ้าและอิเล็กทรอนิกส์ 
5.) และผลิตภัณฑ์เพื่อสุขภาพและความงาม

ทั้งหมดถือเป็นกลุ่มอุตสาหกรรมที่มีความสำคัญต่อการขับเคลื่อนเศรษฐกิจของประเทศไทย มีความเชื่อมโยงกับผู้ประกอบการทุกขนาดโดยเฉพาะ SMEs รวมถึงเป็นอุตสาหกรรมที่ประเทศไทยมีจุดแข็งและมีศักยภาพในการแข่งขัน ของประเทศ 


Q : ประกันอะไร? ได้ตั้ง 4 ต่อ!!
A : ก็ประกันภัยรถยนต์จาก @THESHOPTIMES ไง!! 
>> ฟรี!!! ประกันภัยอุบัติเหตุส่วนบุคคล (PA) 100,000 บาท
>> รับคอมมิชชั่นหรือส่วนลดทันที ในอัตราที่สูงกว่า แถมได้สิทธิซื้อประกัน พ.ร.บ.ราคาถูกตลอดชีพ
>> สามารถผ่อนได้สูงสุด 6 งวด ดอกเบี้ย 0% โดยไม่ต้องใช้บัตรเครดิต
>> แถมขายดีมีรายได้เพิ่มให้กับตัวเองด้วย
***สนใจติดต่อ Line@ THE SHOPS TIMES คลิก???? https://lin.ee/vfTXud9

“สท.เจี๊ยบ” วสิตา  บุญริ้ว  ลงพื้นที่แพรกษา เยี่ยมให้กำลังใจผู้ป่วยโควิด-19  พร้อมมอบถุงยังชีพแก่ผู้ติดเชื้อ  ฝ่าวิกฤตโควิด-19

นางวสิตา  บุญริ้ว  สมาชิกสภาเทศบาลเมืองแพรกษา  เขต 3  พร้อมด้วย  คณะเจ้าหน้าที่เทศบาลเมืองแพรกษา  ลงพื้นที่ภายในชุมชนเขตพื้นที่  ต.แพรกษา  อ.เมือง  จ.สมุทรปราการ  เพื่อเยี่ยมให้กำลังใจประชาชนที่ติดเชื้อโควิด-19  ตามชุมชนต่างๆ พร้อมกับนำถุงยังชีพไปมอบให้กับผู้ติดเชื้อโควิด-19  ที่ต้องกักตัวภายในบ้านพักเพื่อประเมินอาการป่วย

โดยการลงพื้นที่เยี่ยมให้กำลังใจประชาชนที่ติดเชื้อโควิด-19  นั้น  นางวสิตา  บุญริ้ว  สมาชิกสภาเทศบาลเมืองแพรกษา  ตลอดจนคณะสมาชิกสภาเทศบาลเมืองแพรกษามีความห่วงใยพี่น้องประชาชนในชุมชนที่ติดเชื้อโควิด-19  ประกอบกับสถานการณ์ในปัจจุบันที่มีการแพร่ระบาดของเชื้อโควิด-19  อย่างต่อเนื่อง  อีกทั้งยังเป็นตัวแทนของทางเทศบาลเมืองแพรกษา  นำถุงยังชีพมามอบให้กับผู้ติดเชื้อเนื่องจากทางเทศบาลเมืองแพรกษา  มีความห่วงใยพี่น้องประชาชนที่ต้องกักตัวภายในบ้านพักเพื่อประเมินอาการป่วย  และยังแสดงออกถึงความห่วงใยที่มีต่อประชาชนในเขตพื้นที่เทศบาลเมืองแพรกษา

อย่างไรก็ตาม  การลงพื้นที่เยี่ยมให้กำลังใจประชาชนผู้ติดเชื้อภายในชุมชนต่างๆ นั้น  นางวสิตา  บุญริ้ว  สมาชิกสภาเทศบาลเมืองแพรกษา  ยังได้รับความร่วมมือจากทางร้านข้าวแกงละเวิก  นำอาหารแห้งประเภทอาหารกล่องมาร่วมสนับสนุนนำไปแจกให้กับผู้ติดเชื้อโควิด-19  อีกด้วย  สำหรับถุงยังชีพที่นำมามอบให้กับผู้ติดเชื้อโควิด-19  ทางเทศบาลเมืองแพรกษาหวังเป็นอย่างยิ่งว่าจะช่วยบรรเทาความเดือดร้อนให้กับประชาชนได้ในระดับหนึ่งและขอให้ประชาชนมีความอดทนเพื่อที่เราจะก้าวผ่านวิกฤตนี้ไปด้วยกัน

'ผศ.ดร.วรัชญ์' ยื่นเรื่องต่อ กสทช. สอบผู้ประกาศข่าว เหตุชวนข้ามข่าว 2 ทุ่ม ถือว่าเป็นการด้อยค่าสถานบันหรือไม่?

ผศ.ดร.วรัชญ์ ครุจิต รองคณบดีฝ่ายวางแผนและพัฒนา คณะนิเทศศาสตร์และนวัตกรรมการจัดการ สถาบันบัณฑิตพัฒนบริหารศาสตร์ (นิด้า) และที่ปรึกษา ศบค. โพสต์เฟซบุ๊กว่า... 

เมื่อคืนนี้ (1 ก.ย.) กัลยาณมิตรท่านหนึ่ง ซึ่งเป็นข้าราชการระดับสูง ได้แจ้งผม พร้อมทั้งส่งลิงก์มาให้ดู ว่า... 

มีรายการข่าวทางโทรทัศน์ช่องหนึ่ง (ช่องที่ช่วงหลังมานี้ทำข่าวด้วยอคติจนเนื้อหาผิดพลาดอย่างร้ายแรงหลายครั้ง จนทางการต้องออกมาบอกชี้แจงว่าเป็นข่าวปลอม และเมื่อผมไปทักท้วง ก็เรียกผมว่าเป็น "นักวิชาเกิน") 

ได้มีการกล่าวข้อความที่ไม่เหมาะสม คือ หลังจากนำเสนอข่าวของรายการในช่วงแรกเสร็จ ก่อนจะตัดเข้าสู่ช่วงข่าวในพระราชสำนัก ผู้ประกาศคนหนึ่งได้กล่าวว่า... 

"เราจะมาเจอกันอีกรอบนึง เป็นยกสอง ของ (ชื่อรายการ) หลังข่าวในพระราชสำนักนะครับ" 

และกล่าวต่อไปว่า "พักไปอาบน้ำอาบท่า แป๊บเดียวเท่านั้น แล้วเดี๋ยวมาพบเจอกับ (ชื่อผู้ประกาศ) กันต่อ"

ซึ่งความหมาย หากใครฟังก็คงเข้าใจได้ว่า ช่วงข่าวในพระราชสำนัก เป็นช่วงที่ไม่มีความสำคัญ ไม่ต้องดู ไปอาบน้ำ ไปทำอะไรอย่างอื่นก่อน จบแล้วค่อยมาดูข่าวกันต่อ ซึ่งไม่ว่าจะตั้งใจหรือไม่ตั้งใจ ก็เป็นความไม่เหมาะสมอย่างยิ่ง 

บางคนอาจจะคิดว่าไม่ใช่เรื่องใหญ่ อาจจะเป็นแค่การพูด "หลุดปาก" แต่หากผู้ประกาศข่าวเผยแพร่ความคิดเช่นนี้ต่อคนจำนวนมากไปเรื่อย ๆ ก็เป็นการด้อยค่า กัดเซาะ บ่อนทำลายความสำคัญของสถาบันหลักของชาติอย่างแน่นอน และคำว่า "หลุดปาก" จริง ๆ แล้วก็คือการแสดงตัวตนของบุคคลคนนั้นนั่นเอง

ข้าราชการท่านนี้ จึงบอกผมว่า ฟังแล้วอึดอัดใจมาก จึงมาปรึกษาผมว่าควรจะทำอย่างไร ตัวท่านเองก็ได้แจ้งทางผู้บังคับบัญชาไปอีกชั้นหนึ่งด้วย 

ผมจึงได้ร้องเรียนต่อ กสทช. ในนามประชาชนคนหนึ่งที่จงรักภักดี และจะคอยติดตามผลแนวทางการดำเนินการของ กสทช. ในกรณีนี้ ว่าจะให้ความสำคัญมากน้อยเพียงใด และจะแจ้งให้ทุกท่านทราบผลต่อไปครับ

หมายเหตุ: ไม่ได้อยู่บนถนนวิภาวดีครับ


Q : ประกันอะไร? ได้ตั้ง 4 ต่อ!!
A : ก็ประกันภัยรถยนต์จาก @THESHOPTIMES ไง!! 
>> ฟรี!!! ประกันภัยอุบัติเหตุส่วนบุคคล (PA) 100,000 บาท
>> รับคอมมิชชั่นหรือส่วนลดทันที ในอัตราที่สูงกว่า แถมได้สิทธิซื้อประกัน พ.ร.บ.ราคาถูกตลอดชีพ
>> สามารถผ่อนได้สูงสุด 6 งวด ดอกเบี้ย 0% โดยไม่ต้องใช้บัตรเครดิต
>> แถมขายดีมีรายได้เพิ่มให้กับตัวเองด้วย
***สนใจติดต่อ Line@ THE SHOPS TIMES คลิก???? https://lin.ee/vfTXud9

คปภ. จี้ บริษัทประกันเร่งจ่ายเคลมโควิด หลังมีการร้องเรียนจ่ายล่าช้า

นายสุทธิพล ทวีชัยการ เลขาธิการ คณะกรรมการกำกับและส่งเสริมการประกอบธุรกิจประกันภัย (คปภ.) เปิดเผยว่า ขณะนี้ คปภ.ได้ออกคำสั่งเพิ่มเติมเพื่อแก้ปัญหาการเคลมประกันภัยโควิดเจอจ่ายจบ ล่าช้า มีผลตั้งแต่ 1 ก.ย.ที่ผ่านมา โดยกำหนดให้บริษัทที่มีปัญหาเรียกร้องการจ่ายเคลมตั้งแต่ 100 เรื่องขึ้นไป ต้องจัดตั้งหน่วยงานรับเรื่องเรียกร้องเคลมโควิดขึ้นมา และกำหนดให้ตรวจสอบเอกสารเรียกร้องค่าสินไหมให้เสร็จใน 3 วัน หากเอกสารครบถ้วนต้องจ่ายเคลมภายใน 15 วัน แต่ถ้าไม่ครบต้องรีบแจ้งผู้เอาประกันภัยภายในเดียวกับที่ตรวจ และให้จ่ายหลังจากนั้นภายใน 15 วันหลังยื่นเอกสารแล้ว 

ส่วนในกรณีมีปัญหาการตีความและหาข้อยุติไม่ได้ ให้บริษัทประกันเสนอความเห็นต่อ คปภ. ภายใน 7 วัน รวมถึงรายงานผลทุก 15 วัน ซึ่ง คปภ.ได้ตั้งคณะทำงานเฉพาะกิจ 4 ชุด มาช่วยพิจารณาประกันในส่วนเจอจ่ายจบ ค่าชดเชยรายวัน ค่ารักษาพยาบาล และอื่น ๆ เป็นการเฉพาะ รวมถึงหากพบล่าช้าเกิน 15 วัน และเข้าข่ายประวิงเวลาก็จะใช้กฎหมายเล่นงาน

นอกจากนี้ คปภ. ยังตรวจสอบความเสี่ยงของบริษัท และจะมีการผ่อนเกณฑ์กำกับดูแลชั่วคราว เพื่อให้บริษัทประกันภัยสามารถจ่ายเคลมประกันโควิดถึงมือประชาชนได้รวดเร็วขึ้น เพราะที่ผ่านมายอมรับว่ายอดเคลมเข้ามาค่อนข้างมาก วันหนึ่งนับพันรายทำให้อาจมีปัญหาดำเนินการ ซึ่ง คปภ.พยายามเข้าอุดรอยรั่วต่าง ๆ เพื่อดูแลประชาชนให้ได้ประโยชน์ที่สุด 

อย่างไรก็ดี ล่าสุดช่วงเช้าวันนี้ (2 ก.ย. 64) ได้กลับมาเป็นประเด็นร้อนบนโลกออนไลน์อีกจนได้สำหรับเรื่องราวของลูกค้าประกันภัยโควิดเจอจ่ายจบ ที่ไม่จบเสียที เมื่อเกิดกรณีลูกค้าบุกไปปิดล้อมหน้าตึกทำการสนง.ใหญ่ของบริษัท อาคเนย์ประกันภัย จำกัดย่านสีลม หลังจากได้เรื่อง ยื่นเคลมประกันภัยโควิด-19 กับทางบริษัท ซึ่งยังคงเป็นประเด็นค้างคาไว้เดิม สำหรับกลุ่มลูกค้าที่ยื่นเอกสารแล้ว บริษัททำเรื่องล่าช้าบ้าง ติดต่อทางบริษัทไม่ได้บ้าง ทั้งที่โฆษณาไว้ว่า เคลมจ่ายเงินใช้เวลาแค่ 1 วัน

โดยล่าสุด ได้มีสมาชิกผู้ใช้ทวิตเตอร์รายหนึ่งที่ใช้ชื่อว่า @anuwat2012 ได้โพสต์คลิปลูกค้าจำนวนมาก บุกไปยัง บริษัท อาคเนย์ประกันภัย จำกัด บริเวณสีลม โดยได้รุบะขุ้ความว่า “ลูกค้าประกันภัยโควิด-19 ปิดหน้าบริษัทอาคเนย์ประกันภัยสีลม หลังจากยื่นเคลมแล้วไม่ได้รับเงินสินไหมตามที่ได้ซื้อประกันไว้"


Q : ประกันอะไร? ได้ตั้ง 4 ต่อ!!
A : ก็ประกันภัยรถยนต์จาก @THESHOPTIMES ไง!! 
>> ฟรี!!! ประกันภัยอุบัติเหตุส่วนบุคคล (PA) 100,000 บาท
>> รับคอมมิชชั่นหรือส่วนลดทันที ในอัตราที่สูงกว่า แถมได้สิทธิซื้อประกัน พ.ร.บ.ราคาถูกตลอดชีพ
>> สามารถผ่อนได้สูงสุด 6 งวด ดอกเบี้ย 0% โดยไม่ต้องใช้บัตรเครดิต
>> แถมขายดีมีรายได้เพิ่มให้กับตัวเองด้วย
***สนใจติดต่อ Line@ THE SHOPS TIMES คลิก???? https://lin.ee/vfTXud9


© Copyright 2021, All rights reserved. THE STATES TIMES
Take Me Top